คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Infatuation
บานประตูกระจกที่กั้นระหว่างระเบียงกับห้องนอนถูกเลื่อนเปิดออก มวนบุหรี่ที่มีควันสีขาวเทาโพยพุ่งลอยไปในอากาศถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอิ่ม ชายหนุ่มร่างเล็กก้มลงมองเมืองหลวงที่วุ่นวายในยามเช้าเพื่อคลายความเบื่อหน่ายของตัวเอง ขณะที่เขากำลังตั้งอกตั้งใจกับการนับรถบนถนนว่ามีสีเหลืองอยู่กี่คัน สองมือของใครบางคนก็เข้ามาสวมกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง ร่างกายนุ่มนิ่มนั้นแนบไปกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา คยองซูก้มมองมือเรียวบางที่เล็บทั้งสิบถูกแต่งแต้งด้วยสีแดงประสานกันอยู่ที่หน้าท้องของเขาแล้วก็กระตุกยิ้มออกมา มวนบุหรี่ที่สูบค้างไว้ถูกบี้ลงบนที่เขี่ย เขากุมมือของหญิงสาวไว้ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเธอ
“มอร์นิ่งค่ะ คยองซู” เธอเลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอของเขาพร้อมยิ้มให้อย่างน่ารัก เขาเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะทำหมางเมินใส่หญิงสาวที่ยินยอมมอบกายให้เขาเก็บเกี่ยวความสุขได้ลงคอ
“มอร์นิ่งครับ มินอา” วางมือทั้งสองลงบนสะโพกกลมมนของเธอแล้วลูบเบาๆ ปลายนิ้วแกล้งเขี่ยปมเชือกที่ผูกชุดคุลมอาบน้ำของเธอไว้ให้หญิงสาวได้หวาดเสียวเล่น
“ดีใจจัง ฉันนึกว่าคุณจะจำชื่อฉันไม่ได้ซะอีก” เธอเองก็ร้ายไม่เบา น้ำเสียงกระเง้ากระงอดที่เปล่งออกมาอย่างเด็กน้อย ต่างจากฝ่ามือที่วางอยู่บนแผงอกของเขาและช่องว่างระหว่างเราทั้งสองที่แคบลงเรื่อยๆด้วยฝีมือของเธอ ภาษากายของหญิงสาวที่บอกว่าต้องการเขาอย่างเปิดเผย คยองซูเองก็ไม่ขัดข้องที่จะตอบสนอง
“ผมจะไปลืมชื่อคนน่ารักแบบคุณได้ยังไง” คยองซูเชยคางเธอขึ้นแล้วใช้สายตาที่ร้อนแรงมองเธอ เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปใกล้มากขึ้น “มินอา มินอา มินอา ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่ชื่อของคุณ” พวงแก้มของเจ้าของชื่อขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อ เธอยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นประกบริมฝีปากของเธอลงบนริมฝีปากของเขา
โดคยองซูจำชื่อของผู้หญิงที่เขานอนด้วยได้ทุกคน ในเมื่อชื่อของพวกเธอน่ะมีความสำคัญต่อเขามาก …
ดวงตากลมโตไล่มองลงมายังบรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษพร้อมกับยกปากกาเมจิกสีแดงขึ้นขีดฆ่าชื่อ บังมินอา ชื่อของดาวประจำคณะศิลปศาสตร์ออก คยองซูจ้องมองรายชื่อทั้งหมดในหน้านั้นที่ถูกขีดฆ่าทิ้งไปด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะปิดสมุดลงและจัดการเก็บมันกลับเข้าลิ้นชักข้างเตียง
เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทำให้คยองซูเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูเป็นจังหวะเดียวกับที่รูมเมทรุ่นน้องเดินผ่านหน้าห้องของเขามาพอดี
“เดี๋ยวผมไปเปิดเอง”
คยองซูเดินออกมาที่ห้องครัวแล้วก็พบกับร่างสูงโย่งของเพื่อนสนิทกำลังเทโจ๊กใส่ชาม ข้างๆคือรูมเมทที่ยืนตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย
“วันนี้กูได้รับเกียรติอะไรมึงถึงมาหาแต่เช้า” คยองซูเอ่ยทักเพื่อนก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ พลางดึงชามในมือของเพื่อนมาหน้าตาเฉย โดยไม่สนใจสายตาประนามหยามเหยียดที่มองจิกเขากลับมา แต่กินไปได้ไม่กี่คำ คยองซูก็ต้องวางช้อนลงก่อนจะเหลือกตาไปมองเพื่อนที่ยังคงจ้องเขาไม่ลดละ จนเขาเริ่มหมดความอยากอาหาร
“อะไรวะ”
“ทำไมมึงปิดเครื่อง”
“มันจะมีสักกี่เรื่องกันพี่ชานยอล ที่ทำให้พี่คยองซูปิดเครื่องเนี่ย” เสียงของอีกคนที่พูดแทรกขึ้นมาอย่างรู้ใจทำให้คยองซูยกยิ้มมุมปาก
“อีกแล้วหรอ” ชานยอลหันไปถามคนอายุน้อยกว่าที่พยักหน้าตอบกลับมา
“ครับ ในที่สุดเขาก็พาพี่มินอาขึ้นเตียงได้สำเร็จ ช่างน่าภูมิใจอะไรเช่นนี้”
“ขอบใจ จงอินน้องรัก” จงอินกลอกตาใส่คนหน้าไม่อายก่อนจะเดินถือชามออกจากห้องครัว
“เธอเป็นเพื่อนกูนะคยองซู!” ชานยอลหันไปแหวใส่อีกฝ่ายที่รีบยกมือขึ้นห้าม
“ใจเย็นน่า กูไม่ได้จะเดทกับเธอสักหน่อย”
“นั่นแหละที่ทำให้กูกังวล! ไอ้สัส” แทนที่จะสำนึก เสียงหัวเราะกลับถูกเปล่งออกมาจากลำคอของคยองซูจนคนที่มองอยากจะคว่ำชามโจ๊กใส่หน้ามัน
“นี่คยองซู มึงควรเลิกใช้ชีวิตแบบนี้สักทีนะ ถือว่ากูขอล่ะ”
“แล้วจะให้กูเป็นแบบไหน แบบมึงน่ะเหรอ” คยองซูถามกลั้วหัวเราะ
“ใช่ กูคบกับแฟนมีความสุขจะตาย มีคนกินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีคนให้จับมือ มีคนให้คิดถึงก่อนนอน” ชานยอลพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงแฟนของเขา โดนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าเพื่อนของตัวเองที่กำลังเม้มปากแน่น .. พยายามกลั้นขำเต็มที่
“นี่แหละที่เขาเรียกความสุขของการมีความรัก มึงน่ะไม่มีวันรู้จักมันหรอก ถ้ายังทำตัวเหี้ยๆจิ้มคนนั้นคนนี้ไปทั่วแบบนี้” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางจ้องหน้าเพื่อนสนิท เขาอยากจะให้เพื่อนกลับตัวกลับใจ ทั้งหมดก็เพื่อตัวมันเอง และเมื่อเห็นคยองซูนิ่งไป ดวงตาฉายแววครุ่นคิดก็เริ่มทำให้ชานยอลมีความหวัง บางทีเพื่อนของเขา ...
“นี่ชานยอล เซ็กส์กับผู้ชายนี่มันสุดยอดมากเลยหรอวะ” ชานยอลแทบอยากจมกองโจ๊กตายเสียตรงนี้ สรุปที่เขาพูดไปทั้งหมด นี่คือสิ่งที่มันได้สินะ
“มึงมันเหี้ย โดคยองซู”
หลังจากจำใจไปช่วยเลือกซื้อของขวัญให้แฟนของชานยอลมันมาทั้งวัน ค่ำคืนนี้คยองซูก็มาจบลงที่ผับเจ้าประจำซึ่งเป็นที่ทำงานพิเศษของจงอิน และเมื่อเหล้าแก้วที่สามพร่องไปเกือบครึ่งความเบื่อหน่ายก็เริ่มกลับมาเยือนคนขี้เหงาอย่างโดคยองซูอีกครั้ง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งน่าสนใจนอกจากน้ำสีอำพันในมือก่อนที่จุดโฟกัสของเขาจะมาหยุดที่บุคคลที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกใจผู้ชายสักคน
ดวงตาเรียวล้อมกรอบด้วยอายไลเนอร์เส้นคมดูโดดเด่นกว่าหญิงสาวหลายคนในที่แห่งนี้ เส้นผมสีดำสนิทถูกเซ็ตขึ้นเผยให้เห็นโครงหน้าเรียวได้รูป การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตที่ผับศอกขึ้นมากับกางเกงและรองเท้าที่คยองซูมองปราดเดียวก็รู้ชื่อแบรนด์นั้นเรียกความประทับใจได้มากทีเดียว เหมือนมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด สายตาของคยองซูมองตามการเคลื่อนไหวของเขาคนนั้นขึ้นไปยังชั้นสองของผับ โดยไม่ต้องครุ่นคิดให้เสียเวลาคยองซูวางแก้วลงพร้อมกับเงินก่อนจะหมุนตัวเดินตามผู้ชายคนนั้นไปทันที ด้วยความเร่งรีบและผู้คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในผับทำให้ในขณะที่สายตาของเขามัวแต่มุ่งตรงไปยังคนคนนั้น ร่างของใครบางคนที่ดูจะกำลังอยู่ในภาวะรีบร้อนไม่ต่างกันก็พุ่งมาปะทะกับร่างของเขา
“Oh sorry!” ฟังจากสำเนียงกับเส้นผมสีบลอนด์น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้นบนแล้วพบเป้าหมายของเขายืนอยู่ที่ระเบียง คยองซูจึงรีบยกมือขึ้นโบกปัดผู้ชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
คยองซูลอบมองด้านข้างของคนตรงหน้า มองเขายกแก้วเหล้าขึ้นจรดที่ริมฝีปากบาง กลิ่นน้ำหอมที่แตะจมูกเหมือนฟีโรโมนเชิญชวนให้คยองซูก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆในพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย กลิ่นนี้ Diptyque DOSON .. คยองซูเทคโน้ตในใจ
“ดีเจใหม่สินะ” ไม่รู้อะไรดลใจให้คยองซูเอ่ยถึงสิ่งแรกที่เขาเห็น นั่นก็คือสีผมสะดุดตาของดีเจที่กำลังโยกไปตามเสียงเพลงอยู่บนเวที และแน่นอนว่าเสียงของเขาดึงความสนใจของคนข้างกายได้สำเร็จ ใบหน้าหล่อหันกลับไปมองยังเวทีด้านล่าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขำอะไรเหรอครับ” ริมฝีปากรูปหัวใจคลี่ยิ้มไปให้ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเหมือนอีโก้ของเขาถูกทำลายไปนิดหน่อย ยอมรับก็ได้ว่ามันเป็นหัวข้อเปิดสนทนาที่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่จะให้เขาพูดอะไร นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการจีบผู้ชายของเขา จะให้พูดเหมือนตอนคุยกับผู้หญิงคงไม่ได้หรอกจริงมั้ย
“คุณมีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ คุณโดคยองซู” ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วยิ้มนิดๆ สายตาของเขาที่มองมาเหมือนจะรู้จุดประสงค์ของการเข้าหาของคยองซูอยู่แล้ว
และเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากริมฝีปากบางความมั่นใจของคยองซูก็กลับมาเต็มเปี่ยม เขาก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก้าวจนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน ชื่อเสียงของเขาอาจจะไปในทางที่ไม่ดีนัก แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคนตรงหน้าจำเขาได้ แสดงว่าตัวเขาเองก็เป็นที่สนใจของอีกฝ่ายในระดับหนึ่งเหมือนกัน
“ถ้าผมบอกแล้วคุณจะช่วยมั้ยล่ะ”
“นั่นมันก็ขึ้นกับว่า .. มันคืออะไร”
ดวงตาเรียวคู่นั้นประสานเข้ากับดวงตากลมโตดูท้าทายอยู่ในที และเมื่ออีกฝ่ายเปิดเกมมาแล้วคนอย่างคยองซูก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน พอคิดได้ว่าคืนนี้เขาอาจจะได้ลองอะไรแปลกใหม่ หัวใจของคยองซูก็เต้นแรงขึ้นเพราะความสนุกที่เขากำลังจะค้นพบ
“แบคฮยอน!” คยองซูหันไปมองยังต้นเสียงเช่นเดียวกับคนข้างกาย ผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางพวกเขา ดูเหมือนว่าคืนนี้โชคจะไม่เข้าข้างคยองซูเสียทีเดียว แต่เอาเถอะ อะไรที่ได้มาง่ายๆมันก็น่าเบื่อแย่
คยองซูกระตุกยิ้ม โดยไม่สนใจสายตาไม่เป็นมิตรของคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างแบคฮยอน คยองซูโน้มตัวเข้าไปหาคนที่ตัวสูงกว่าเพียงเล็กน้อย พร้อมกระซิบลงข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคนก่อนจะผละออกแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม แบคฮยอนมองตามแผ่นหลังเล็กของอีกคนไปจนลับตาพลางส่ายหน้าขำๆ
“แบค นั่นมันโดคยองซูนี่”
“อือ”
“หมอนั่นพูดอะไรกับนาย” หนุ่มตัวเล็กไม่ตอบได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะยกเหล้าขึ้นซดจนหมดแก้วแล้วดันแก้วเปล่าไปให้อีกคนถือ
‘ผมจะจีบคุณ’ คำพูดของคยองซูคนนั้นทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมา เขาจะคอยดูแล้วกันว่าเสือผู้หญิงแบบนั้นจะจีบผู้ชายอย่างเขายังไง
บยอนแบคฮยอน วิศวะโยธา ปีสาม ลายมือหวัดๆเขียนลงบนหน้ากระดาษแผ่นใหม่ คยองซูวางปากกาลงแล้วยิ้มอย่างพอใจยามเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้าของชื่อ อย่างที่บอกคยองซูไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อน ถึงแม้จะมีความคิดอยากลองตามประสาคนขี้เบื่อ แต่คยองซูก็ไม่เคยคิดจะทำมันจริงๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง จะให้เปลี่ยนไปแทงประตูหลังใครมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่นั่นก็จนกระทั่งได้มาเจอกับแบคฮยอน ผู้ชายคนนี้ไม่ได้หน้าสวยหวานแบบผู้หญิง ออกไปทางหล่อด้วยซ้ำ แต่สำหรับคยองซู แบคฮยอนมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้หยุดมองไม่ได้ ดึงดูดเขาขนาดไหนก็ทำให้โดคยองซูคนนี้สามารถกลับออกมาจากผับคนเดียวได้โดยไม่หิ้วผู้หญิงคนไหนติดมือกลับมา
คยองซูมามหาวิทยาลัยแต่เช้าแต่ไม่เข้าคณะตัวเองหรอก เขาเดินมาฝั่งคณะของจงอิน โชคดีจริงๆที่จงอินเองก็เรียนวิศวะ ถึงจะคนละสาขาแต่ก็ตึกเดียวกัน ทำให้เขารู้ที่ทางว่าจะไปตรงไหน และสามารถเข้าออกได้สะดวกโดยที่ไม่เป็นที่สะดุดตาใคร ร่างเล็กของคยองซูขึ้นบันไดมาถึงสะพานที่เชื่อมระหว่างตึกคณะวิศวกรรมกับคณะนิเทศศาสตร์
“โอ้ย”
เพราะมัวแต่มองเข้าไปยังตึกของคณะวิศวะทำให้ร่างของเขาปะทะเข้ากับใครอีกคนอย่างจังจนต่างคนต่างล้ม ลังกระดาษกองอยู่กับพื้นพร้อมกับม้วนกระดาษสีหลายม้วนที่กลิ้งไปตามทางเดิน ผู้ชายที่เดินชนเขารีบก้มลงเก็บมัน ปากก็ละล่ำละลักขอโทษเขาเป็นพัลวัน ผิดกับคยองซูที่ได้แต่นั่งอึ้ง
“แบคฮยอน”
มือที่กำลังเก็บม้วนกระดาษใส่ลังอยู่ชะงัก ดวงตาเรียวช้อนขึ้นมองเขาพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นน้อยๆ
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไรนะ”
“แบคฮยอน”
สิ้นเสียงของคยองซูอีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นทาบอกก่อนจะหลับตาพริ้ม
“OMG! ไม่ได้ฟังคนเรียกชื่อนี้มานาน รู้สึกดี๊ดีอ่ะ” คยองซูมองพฤติกรรมอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ แบคฮยอนดู .. แตกต่างจากเมื่อคืนมาก สีหน้าสับสนปนงงงวยของเขาคงแสดงออกมาชัดเจนจนทำให้แบคฮยอนระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะยิ้มให้เขาจนตากลายเป็นขีดเดียว
“ฉันว่านายคงหมายถึงเขามากกว่านะ” แบคฮยอนชี้ไปยังตึกคณะวิศวะและนั่นก็เริ่มทำให้คยองซูเข้าใจอะไรขึ้นมา หรือว่า ...
จู่ๆแบคฮยอนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาก็โน้มตัวมาใกล้ๆจนคยองซูเผลอหดคอหนีเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“นี่” นิ้วเรียวชี้ไปที่เส้นผมสีสว่างของตัวเอง
“นี่” ชี้ที่ไฝมุมปากบนขวา
“และนี่” จิ้มเขี้ยวเล็กๆของเขาก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นท่าทางตกใจของคยองซู
“ดีใจที่ได้พบนายตัวเป็นๆสักที โดคยองซู”
TBC.
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ แท็ก #ฟิคขีดเส้นใต้ ขอบคุณค่ะ ^^
ความคิดเห็น