ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Dancing in Paradise {Chanyeol x Jongin Ft. Baekdo}

    ลำดับตอนที่ #1 : ♥

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 472
      0
      25 พ.ย. 56









                “ น้องคยองซูคนน่ารักของพี่ชานยอล ลองชิมเครปเค้กสตรอว์เบอร์รี่ชิ้นนี้ของพี่ดูสิคะ อร่อยนะ” มือหนาตักเค้กเป็นคำเล็กๆ แล้วยื่นไปจ่อที่ปากอิ่มของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง .. ชานยอล ชายหนุ่มร่างสูงโย่งที่มีใบหน้าหล่อติดหวานฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่แล้วทำปากออกเสียง อ้ามจนคนที่นั่งอีกฝั่งหนึ่งของคนตัวเล็กเบ้ปากใส่

     

     

                “ พี่คยองซูมากินบราวนี่กับผมดีกว่าน่า หวานๆ ขมๆ กลมกล่อม เหมือนกับพี่คยองซูที่มีทั้งความหล่อและน่ารักผสมผสานกันอย่างลงตัว” ว่าแล้วก็ตักบราวนี่ในจานตัวเองยื่นให้คยองซูบ้าง

     

     

                “ น้องคยองซูอย่าทานเลยครับของดำๆ แบบนั้น เดี๋ยวผิวจะดำเหมือนเจ้าของมันล่ะยุ่งเลย คิกๆ” ว่าแล้วชานยอลก็พยายามใช้ช้อนตัวเองผลักช้อนของอีกคนออกไป หนุ่มผิวสีแทนพอได้ยินชานยอลล้อเรื่องสีผิวใบหน้าที่พยายามเก๊กเอาไว้ก็บูดบึ้งลงทันที เขาขบกรามแน่นใช้ช้อนดันกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

     

     

                “ ถึงจะดำแต่ก็ดูเซ็กซี่นะครับ ไม่เหมือนบางคน นอกจากจะฟันเยอะหูกางแล้วยังขาโก่งอีก เอ่อ พี่ชานยอลครับ เมื่อกี้พนักงานมาบอกว่าตอนนี้ลมแรงมาก พี่ไม่คิดจะขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเอาหูต้านลมให้เขาหน่อยเหรอ เผื่อจะได้ทำประโยชน์ให้ชาวโลกเขาบ้าง”

     

     

                “ ไอ้คิมจงอิน!

     

     

                “ เรียกทำไมครับ รุ่นพี่ปาร์คชานยอล!

     

     

                “ เบาๆ หน่อยสิครับทั้งคู่ แขกบนเรือเริ่มหันมามองทางเราแล้วนะ” คยองซู หนุ่มน้อยน่ารักที่เป็นต้นเหตุแห่งสงครามความรักในครั้งนี้เอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปนาน ใบหน้าขาวใสเจื่อนลงเรื่อยๆ ด้วยความอายที่ต้องมาตกเป็นเป้าสายตาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

     

     

                สองหนุ่มร่างสูงยังคงจ้องตากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนที่สงครามแย่งกันป้อนเค้กให้โดคยองซูยอดขมองอิ่มของพวกเขาจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

     

     

                “ น้องคยองซู กินเค้กของพี่นะ!

     

     

                “ อย่ากินนะพี่ พี่ต้องกินบราวนี่ของผม!

     

     

                “ เอ่อ ..

     

     

    คยองซูเบ้หน้าอยากจะร้องไห้เต็มทน ตอนที่เขาได้บัตรฟรีสี่ใบจากคุณพ่อให้มาเที่ยวเรือสำราญเป็นเวลาสามวันสองคืน คยองซูตั้งใจมอบให้ชานยอลกับจงอินเพราะเห็นว่าสองคนนี้ดีกับเขาหลายอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะยิ่งทำให้เรื่องมันวุ่นวาย จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังแบบนี้ ทั้งยังสร้างความรำคาญให้คนอื่นอีก

     

     

                “ เห้ย มึงจับคางน้องคยองทำไม! เอามือสากๆ ของมึงออกไปจากหน้าสุดที่รักของกูเดี๋ยวนี้”

     

     

                “ งั้นพี่ก็อย่าโอบพี่คยองซูสิ นี่แหนะ! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ไอ้คนแก่หูกางฉวยโอกาส”

     

     

                ไม่นานสองหนุ่มก็เริ่มใช้มือผลักอีกฝ่ายไปมาข้ามหัวคยองซู โดยที่มืออีกข้างที่ถือช้อนก็ยังจ่ออยู่ตรงหน้าเขาและขนมหวานในช้อนก็หมิ่นเหม่ใกล้จะล่วงหล่นลงมาใส่กางเกงชายหนุ่มร่างเล็กอยู่แล้ว

     

     

                “ เรามาตัดสินกันเลยดีกว่าว่าน้องคยองซูจะกินของใคร ให้น้องคยองซูเป็นคนตัดสิน!” ชานยอลประกาศกร้าว สายตายังจ้องเขม็งไปที่จงอิน ในขณะที่มือก็แหย่ช้อนไปไว้ตรงหน้าคนตัวเล็กจนเกือบจะทิ่มเข้าไปในรูจมูก ถ้าคยองซูไม่เบี่ยงหน้าหลบทันเสียก่อน

     

     

                “ ได้! ให้พี่คยองซูตัดสินว่าชอบเค้กของใคร ใครแพ้ กลับขึ้นบกเมื่อไหร่ก็ห้ามมาเจอหน้าพี่คยองซูเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์!” พูดจบก็ยื่นช้อนไปจ่อปากรูปหัวใจบ้าง

     

     

                “ ตกลงตามนี้ มึงรักษาคำพูดด้วยล่ะไอ้ดำ ..” ว่าแล้วชานยอลก็หันกลับมาฉีกยิ้มหวานใส่คยองซูอีกครั้งซึ่งในสายตาคนมองอย่างจงอินแล้วมันช่างชวนขนลุก น่าคลื่นไส้ กระโถนอยู่ไหน คิมจงอินอยากจะอ้วก

     

     

    .. งั้นต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของน้องคยองซูแล้วล่ะ เลือกมาได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัว ชอบเครปเค้กของพี่ก็บอกเลย ไอ้ดำมันคงรับได้ ชีวิตของมันเกิดมาเพื่อพ่ายแพ้ให้กับพี่ครับ”

     

     

    “ หล่ออย่างผมรับไม่ได้ครับ รุกได้อย่างเดียว อีกอย่างยังไงผมก็ชนะพี่อยู่แล้ว ผมมั่นใจ” จงอินสวนกลับด้วยใบหน้ามึนๆ ที่ดูกวนตีนเหลือเกินสำหรับชานยอลก่อนเด็กหนุ่มจะหันไปกระตุกยิ้มสุดเท่ห์ใส่รุ่นพี่ร่างเล็กที่ตนหมายปอง

     

     

    “ พี่คยองซูบอกไปเลยครับ ว่าพี่เลือกบราวนี่ของผม”

     

     

    “ เอ่อ คือ”

     

     

    คยองซูกลอกตาสลับไปมามองสองหนุ่มที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าเขาด้วยประกายตามีความหวังแล้วก็อยากจะถอนหายใจแรงๆ ใจจริงเขาอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่าอิ่มแล้วไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น!

     

     

    แต่ก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป ก็มีมือคู่หนึ่งเอื้อมมาจับด้ามช้อนทั้งสองแล้วยัดทั้งเครปเค้กและบราวนี่ใส่ปากตัวเองหน้าตาเฉย

     

     

    “ เห้ย!” ทั้งชานยอลและจงอินพร้อมใจกันอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ต่างจากคยองซูที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ตาไม่กระพริบ

     

     

    ชายหนุ่มที่มีดวงตาเรียวเล็กคลี่ยิ้มจนตาปิดเพราะความพอใจกับรสชาติหวานอร่อยที่ได้ลิ้มลอง แก้มสองข้างป่องออกขยับขึ้นลงเนื่องจากขนมหวานที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปาก

     

     

    “ ไอ้แบคฮยอน มึงทำอะไรของมึงเนี่ย!” ร่างโย่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท้าสะเอวใส่เพื่อนด้วยความหงุดหงิด

     

     

    “ ซักผ้ามั้งไอ้เหี้ย กูก็เห็นน้องคยองซูของมึงยังตัดสินใจไม่ได้ กูก็เลยกินให้แทนไง เขาจะได้ไม่ลำบากใจ” กลืนของในปากลงคอแล้วแบคฮยอนก็ตบท้องที่เริ่มป่องของตัวเองด้วยสีหน้ามีความสุข

     

     

    .. หน้าตาเฉยมากเลยมึง

     

     

    “ เสือกน่ะสิ! แล้วนี่มึงมาทำไม ไหนว่าจะนอนอ่านการ์ตูนอยู่ที่ห้องไง”

     

     

    “ ก็ไม่มีอะไรหรอก กูแค่จะมาบอกว่าพ่อมึงโทรมา ลุงแกกำชับไว้ว่าถ้าภายในสัปดาห์นี้มึงยังไม่ทำตามข้อตกลง พ่อมึงจะยึดคอนโดและอายัดบัตรเครดิตมึงทั้งหมด” แบคฮยอนยักไหล่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางหย่อนก้นลงนั่งแทนที่ชานยอลที่ตอนนี้กำลังเบิกตากว้างอ้าปากค้างและตัวเริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “ ว่าไงนะ! ชะ .. ชิบหาย ชีวิตกูเลยนะนั่น แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกูวะไอ้หมาเตี้ย!” เมื่อตั้งสติได้ปาร์คชานยอลก็หุนหันวิ่งออกจากบริเวณที่จัดงานเลี้ยงมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องทันที แม้จะเจ็บใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะสมน้ำหน้าจากจงอินแว่วตามหลังมา แต่ปัจจัยในการดำเนินชีวิตของเขาสำคัญกว่ามาก ขาดเงินไป ชานยอลก็เหมือนขาดใจตาย

     

     

    “ น้องจงอินก็อย่ามัวแต่ยืนหัวเราะนะครับ ตอนนี้ไอ้พี่ลู่เหี่ยวกำลังประกาศตามล่ามึงอยู่เต็มเฟสไปหมดข้อหาที่มึงชวนน้องเซฮุนหนีเที่ยวผับเมื่อคืนก่อน มึงหนีมาอยู่บนเรือมันตามมาไม่ได้ก็จริง แต่ขึ้นบกเมื่อไหร่ก็ระวังก้านคอไว้แล้วกันนะ” หนุ่มตาตี่พูดจบก็อมยิ้มให้น้องรหัสของตัวเองก่อนจะหยิบจานบราวนี่ที่วางอยู่มาตักเข้าปากอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรทั้งสิ้น

     

     

    “ พี่แบคฮยอนครับ ผมรู้ว่าพี่กวนตีนแต่ไม่คิดว่าจะกวนตีนขนาดนี้ จะพูดเรื่องนั้นให้เสียอารมณ์ทำไม ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้วเชียว” จงอินกลอกตาใส่พี่รหัสตัวเองก่อนจะหยิบเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นพาดบ่า

     

     

    “ ผมว่าผมออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกดีกว่า ขอตัวนะครับ” ผงกหัวให้แบคฮยอนตามมารยาทโดยไม่ลืมขยิบตาให้คยองซูไปหนึ่งทีแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มร่างเล็กที่แทบไม่รู้จักกันเลยนั่งอยู่ด้วยกันต่อไปสองคน

     

     

    “ คุณ คือ .. ผมชื่อโดคยองซูนะ” ไม่รู้อะไรดลใจทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนแปลกหน้าเอ่ยแนะนำตัวเองออกไปก่อน อาจจะเพราะแบคฮยอนนั้นไม่ใช่คนห่างไกลเสียทีเดียว เป็นเพื่อนสนิทของชานยอลที่ชานยอลพาขึ้นเรือมาด้วย และก็ดูเหมือนจะรู้จักกับจงอินพอสมควร

     

     

    “ อื้ม สวัสดี ขอโทษด้วยที่ตอนขึ้นเรือไม่ได้แนะนำตัว ฉันชื่อแบคฮยอนนะ เพื่อนไอ้ชานยอล พี่รหัสไอ้น้องจงอิน” แนะนำตัวทั้งที่ตาทั้งสองยังสนใจกับอาหารในจาน จึงไม่เห็นมือเล็กที่ยื่นมาตรงหน้าเพื่อรอรับการเช็คแฮนด์ คยองซูหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ แล้วชักมือกลับมาประสานกันไว้บนตัก

     

     

    “ ความจริงฉันก็ได้ยินเรื่องของนายมาเยอะจากพวกนั้นน่ะ มันเพ้อให้ฉันฟังทุกวัน”

     

     

    “ งั้นเหรอครับ” ตัวเล็กยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเบาๆ “ แต่ผมก็เป็นแค่เพื่อนพวกเขาน่ะครับ ไม่ได้เป็นน้องหรือพี่คยองซูของใครหรอก” จบประโยคคนพูดก็หน้าร้อนผ่าว เกิดความไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องไปอธิบายให้แบคฮยอนฟังด้วย และเมื่อหันไปสบตาก็ผมว่าครั้งนี้อีกฝ่ายกำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน

     

     

    “ ยะ .. ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่แบคฮยอน” ร่างบางรีบค้อมหัวให้อีกครั้งก่อนจะชะงักไปเมื่อเงยขึ้นพบกับเค้กชิ้นเล็กที่ยื่นมาจ่อที่ปาก

     

     

    “ กินซะสิ นี่มันอร่อยจริงๆ นะ แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่หรอก .. เรียกแบคฮยอนก็พอ” เสียงแหบต่ำเอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมรอยยิ้มกว้าง แก้มยุ้ยของแบคฮยอนดันให้ดวงตาเรียวทั้งสองข้างกลายเป็นขีดเดียว .. ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันที่ทำให้คยองซูจู่ๆ ก็รู้สึกหิวขึ้นมาเสียเฉยๆ

     

     

    “ขอบคุณนะครับ แบคฮยอน” โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้พวกเขาเหมือนคู่รักที่กำลังป้อนเค้กกันอยู่ ปากอิ่มอ้าออกเล็กน้อยแล้วงับก้อนเค้กที่อยู่ในช้อนเข้าปากก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆ รสชาติของเนื้อครีมและแป้งมันหวานกลมกล่อม อร่อยอย่างที่แบคฮยอนบอกจริงๆ

     

     

    “ อร่อยใช่ม้า เวรี่กู๊ดเนอะ” แบคฮยอนชูนิ้วโป้งขึ้นมาเป็นเชิงถาม คยองซูคลี่ยิ้มจนริมฝีปากหยักกลายเป็นรูปหัวใจก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นเป็นคำตอบแล้วพยักหน้ารัว

     

     

    “ กู๊ดครับ อร่อยมากๆ เลยล่ะ”

     

     

     

    ชานยอลที่เพิ่งวางสายจากพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองเดินกระทืบเท้ามาตามทางเดินด้วยใบหน้างอง้ำ ปากอิ่มแทบจะพลิกคว่ำเมื่อนึกไปถึงบทสนทนาที่แสนจะโหดร้ายและไร้เยื่อใยจากพ่อของตัวเอง

     

     

    “ ป๊านะป๊า บัตรเครดิตหนูมีสิบใบ เล่นริบคืนแล้วซะห้า นี่ใจร้ายไปป่ะวะ!

     

     

    ร่างสูงบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยและเมื่อก้าวข้ามพ้นบันไดขึ้นมาบนดาดฟ้าความหงุดหงิดของเขาก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

     

     

    “ ว่าจะมาสูดอากาศปลอดโปร่ง นอนดูดาวยามค่ำคืนเสียหน่อย ที่ไหนมาเจอมลพิษอันมืดมนจนได้สินะ!” เสียงของชานยอลที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้จงอินที่ยืนมองน้ำทะเลที่สะท้อนให้เห็นเงาพระจันทร์ดวงใหญ่ต้องหันหน้ากลับมา ใบหน้าหล่อคมที่ดูสงบเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “ ใครกันแน่ที่เป็นมลพิษ ผมอยู่ของผมก่อนดีๆ พี่ต่างหากที่ขึ้นมารบกวน” พูดจบก็สะบัดหน้ากลับไปมองท้องทะเลต่อโดยไม่สนใจคู่กรณีอีก ชานยอลเบะปากด้วยความหมั่นไส้ ขายาวก้าวฉับๆ ไปยืนข้างคนตัวเล็กกว่าที่ดูจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหันไปเจอชานยอลที่โน้มตัวลงมาจ้องหน้าเขา

     

     

    “ อะไรของพี่วะ มองทำไมอยากมีเรื่องเหรอ” ถามพร้อมถลึงตาใส่ แต่ชานยอลได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ดวงตากลมเบิกโตจนแทบถลนด้วยความเหลือเชื่อกับสิ่งที่เขาได้เห็น

     

     

    “ ตอนแรกกูนึกว่าเมื่อกี้กูตาฝาด ..” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคู่กัดรุ่นน้องก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

     

    “ บอกกูมามึงร้องไห้ทำไม คิมจงอิน”

     

     

    จงอินอ้าปากพะงาบด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้แก้ตัวอะไรออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกบางอย่างจากใต้ท้องเรือ

     

     

    “ พี่รู้สึกอะไรหรือเปล่า แรงกระแทกนั่นน่ะ”

     

     

    “ ไม่รู้สึกก็บ้าสิ แรงขนาดนั้น เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” ชานยอลสอดส่ายสายตามองรอบตัวแล้วก็พบว่าบัดนี้คลื่นในทะเลเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ พระจันทร์ที่เคยส่องสว่างเต็มดวงก็เหมือนจะถูกเมฆหนาสีดำทึบเคลื่อนตัวมาบดบังอย่างกะทันหัน

     

     

    “ ผมว่าพวกเรากลับไปด้านในก่อนดีกว่า พายุอาจกำลังมา” จงอินพูดจบก็สาวเท้าลงบันไดไปโดยมีชานยอลเดินตามหลัง

     

     

    คิ้วหนายังคงขมวดเป็นปม ร่างสูงแทบไม่ได้สนใจกับพายุที่จะเกิดในคืนนี้แต่กลับสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเด็กบ้าหน้าตายจอมกวนประสาทอย่างจงอินเสียน้ำตามากกว่า

     

     

    “ สงสัยจะร้องไห้เพราะเพิ่งนึกได้ล่ะสิว่ากำลังแข่งขันกับคนหล่อสุดเท่อย่างฉัน” ชานยอลพึมพำออกมาพลางหัวเราะคิกคักกับตัวเองก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่ยกขึ้นทาบอกตัวเองแล้วรีบก้าวเท้ากลับเข้าไปด้านในตัวเรือด้วยความรวดเร็ว




     

     

     TBC.




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×