ฉันอยู่ที่นี่.......ห้องสมุด
นับตั้งแต่วันนั้นที่ฉันได้ตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างลงไป
ฉันอยู่ที่นี่.......ห้องสมุด........สถานที่เดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขได้ยิ่งกว่าที่ใดๆบนโลกใบนี้ ฉันไม่เคยต้องการสิ่งใดนอกไปจากการมีหนังสือสักเล่มอยู่ในมือ ได้ท่องเที่ยวไปในโลกของความรู้และจินตนาการ หลีกหนีจากโลกแห่งความจริงที่ทำร้ายฉันอยู่ทุกวันนี้
ฉันซุกตัวลง ณ มุมเล็กๆมืดๆ ด้านหลังชั้นหนังสือหมวด ๙๐๐ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นมุมโปรดของฉัน อันเป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามามากนัก และอากาศก็ไม่หนาวเกินไปด้วย
ห้องสมุดมันหนาว......หนาวจนจับขั้วหัวใจ แต่มันกลับหนาวอย่างเสแสร้ง......โกหกหลอกลวงสิ้นดี......เหมือนกับทุกๆอย่างบนโลกใบนี้นั่นแหละ
แต่ฉันก็รักห้องสมุด........รักมาก จนเลือกที่จะอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล..........
ฉันจำได้........
ฉันลืมตาดูโลกใบนี้มา ๑๖ ปีเต็มๆ.......จากเด็กหญิงไร้เดียงสา กลายมาเป็นเด็กสาวที่แบกความทุกข์ของทั้งโลกเอาไว้ในหัวใจ จมอยู่กับความทรงจำร้ายๆ และปล่อยให้มันกัดกินความสุขที่มีอยู่น้อยนิดจนเหือดหาย
ฉันจำได้........
เด็กหญิงตัวน้อยลากกระเป๋าหนังสือไปโรงเรียน ดวงตาใสๆเฝ้ามองเพื่อนๆที่มีพ่อแม่คอยป้อนน้ำป้อนข้าวให้
“น้องหวานเก่งไม่ต้องให้พ่อแม่ไปด้วยหรอก”
ฉันยิ้มจนหน้าบานด้วยความภูมิใจ เมื่อได้ยินเช่นนี้ โดยไม่เคยรู้ว่าคำพูดพวกนี้ก็เป็นแค่ลมปากเป่าหูที่ไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่น้อย
ฉันจำได้........
เด็กหญิงตัวน้อยมองเพื่อนร่วมชั้นย้ายไปเขียนห้องเรียนใหม่ด้วยความสงสัย
“น้องหวานไม่ขึ้นไปเรียนอนุบาล ๒ เหรอจ๊ะ”
ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ คิดแต่ว่าทำเรียนนานจัง แล้วตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป
ฉันจำได้........
“โป้งหวานแล้ว! พวกเราอย่าไปเล่นกับหวานนะ”
เด็กหญิงผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลสดใส ท่าทางมั่นอกมั่นใจ ยืนเท้าเอวชูนิ้วโป้งใส่หน้าฉัน ข้างหลังเธอมีเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายหลายคนยืนอยู่
“ขอเล่นด้วยสิ” ฉันพูดกับพวกเขา
“.....................”
“นี่ๆ เรามีอะไรให้ดูด้วย” ฉันพยายามเรียกร้องความสนใจจากพวกเขา
“.....................”
พวกเขาทำเพียงเงียบ ราวกับฉันเป็นแค่เพียงอากาศธาตุ แล้วเดินจากไป
ฉันจำได้........
“นี่ๆ เรามาเป็นเพื่อนกันนะ”
ฉันเหลียวหลังกลับไป เมื่อนิ้วป้อมๆมาสะกิดหลัง พร้อมเสียงกระซิบเบาๆข้างๆหู
“แต่อย่าบอกชมพูนะ ว่าเราแอบเป็นเพื่อนกัน” เด็กหญิงตัวน้อยสำทับด้วยสีหน้าจริงจัง
“อื้ม.......”
ฉันปาดน้ำตาออกจากหน้า แล้วยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วป้อมๆของเพื่อนคนแรกในความทรงจำของฉัน
น่าเสียดาย.........
ฉันกลับจำไม่ได้ว่าตอนนั้นฉันเรียกเธอว่าอะไร รู้แต่ว่าเธอชื่อเนตรนภา แล้วต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็นจิดาภาในตอนขึ้น ป. ๑ เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันนานถึง ๙ ปี พอจบ ป. ๖ แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
เห็นไหม.........
เรื่องดีๆไม่อาจจำได้ แต่เรื่องร้ายๆกลับไม่เคยลืม
ฉันจำได้........
“ดาหวัน เธอนี่มันไร้ความรับผิดชอบจริงๆไม่น่าสอบได้ที่หนึ่งเลยนะ”
ฉันจำได้........
“ถ้าเธอไม่ให้เราดูการบ้าน เราจะไม่พูดกับเธอจริงๆด้วย”
ฉันจำได้........
ทำไมนะ.........
ทำไม.......
ทำไมฉันถึงได้จำแต่เรื่องร้ายๆนะ
ฉันเดินตามหลังเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่คุยกันอย่างสนุกสนาน สองแขนของฉันกอดหนังสือหอบใหญ่ไว้กับอก ไหล่งุ้ม ริมฝีปากเผยอน้อยๆอย่างพยายามจะมีส่วนร่วมในบทสนทนาอันสนุกสนานกับเพื่อนๆแต่สุดท้ายก็ต้องหุบลงเม้มสนิท
พวกเขาไม่สนใจฉันเลย
พลันความน้อยใจก็เอ่อท้นในหัวใจของฉัน ฉันตัดสินใจเดินห่างออกไปเงียบๆก่อนที่ความน้อยใจของฉันจะไหลล้นออกมาทางดวงตา
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆย้ำให้เห็นถึงความด้อยค่าของตัวฉันเองได้ชัดเจนและเจ็บปวดยิ่ง
แต่เมื่อไม่นานมานี้เอง.....ฉันจำได้
“หวานหายไปไหนมา ทีหลังอย่าหายไปบ่อยๆนะ พวกเราเป็นห่วง”
ฉันจำไม่ได้หรอกว่าตอนที่ได้ยินฉันทำหน้ายังไง แต่จำได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือที่ตบลงบนบ่าฉันเบาๆแล้วซึมซาบลงในหัวใจที่แห้งแล้งให้พลันชุ่มฉ่ำขึ้นทันใด
พวกเขาเป็นห่วงฉัน พวกเขาเป็นห่วงฉันจริงๆเหรอ ฉันจะมีสิทธิ์อยู่รวมกับพวกเขา ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น และมีสิทธิ์ใช้คำว่าเราเรียกรวมทุกคนได้ หัวใจฉันร่ำร้องด้วยความยินดี
แต่.......
“มึงจำคำกูไว้เลยนะ นังหวาน อย่างมึงน่ะก็ทำได้แค่ขายตัว”
ฉันนึกแล้วถอนใจ.......
โลกนี้ช่างร้ายนัก
คนรักมักน้อยเท่าผืนหนัง
คนชังมักมากกว่าผืนเสื่อ
แล้วจะมีใครเหลือบนโลกเรา
ฉันถูกตี ตบ เตะ อย่างไม่ปรานี ด้วยความโกรธและโทสะชั่ววูบ ที่เกิดจากความผิดเล็กๆน้อยๆของฉันเอง สารพัดถ้อยคำหยาบคาย หยามหมิ่นความเป็นมนุษย์ของฉันให้ตกต่ำลงทุกวัน กับอีกสิ่งที่ต้องจำไว้เสมอแม้จะเจ็บจนแทบขาดใจตายก็คือ โดนด่าห้ามมองหน้า โดนตีห้ามร้องไห้ ห้ามวิ่งหนี ห้ามปึงปังประชดประชัน ต่อให้เจ็บจนตายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำ หรือแม้แต่แค่คิดก็ผิดแล้ว
โอ.....หัวใจของฉันตายไปนานแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจให้กายฉันตายไปด้วย
ฉันทรุดกายลงนั่งช้าๆ ณ มุมประจำในห้องสมุด รู้สึกถึงน้ำร้อนๆที่ไหลออกมาจากดวงตาอาบแก้ม
พ่อจะรู้มั้ยนะ.......ว่าฉันอยากเป็นนักเขียนไม่ได้อยากเป็นหมอ
พ่อจะรู้มั้ย........ทุกคำที่เคยด่า ทุกสิ่งที่เคยทำ ฉันไม่เคยที่จะลืมเลย
พ่อจะคิดมั้ยนะ.......เวลาที่ตีฉันน่ะ ฉันผิดตรงไหน
แล้วเพื่อนๆจะรู้มั้ย..........ว่าฉันอยากอยู่กับพวกเขา คุยกัน เล่นกัน ไม่ใช่นั่งมองห่างออกไปขณะกำลังอ่านหนังสือเล่มหนาๆ
ฉันเองก็ตอบไม่ได้.........
ดวงตาของฉันว่างเปล่า ใจฉันไร้ปรารถนา จุดหมายใดๆไม่มีเหลืออยู่
ฉันกดมีดลงไปที่ข้อมือ
เจ็บ.......
เจ็บจังเลย.......
เจ็บ.......แต่ก็ดีนะ.......ที่ยังรู้สึก
อ้อ.......เลือดสีแบบนี้เองเหรอ.......น่าตื่นเต้นจัง
แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว
ดีแล้วจริงๆ.......
..........................................
สุดท้ายฉันจึงอยู่ที่นี่.......ห้องสมุด
ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ทำแบบนี้.......
ถ้าเราพบกัน ก็อย่ากลัวฉันเลย.......
ฉันแค่อยากมีเพื่อนเท่านั้น
ขอเพียงเธออย่าทำอย่างฉัน ใช้ชีวิตของเธอให้คุ้มค่า
แล้วมาเยี่ยมฉันบ้าง.......
ที่นี่........ห้องสมุด
ฉันจะรอ.......
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น