ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันร้ายของนักบวชแห่งเอสทีวา

    ลำดับตอนที่ #1 : บ้านลุงชาว

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 49


    ดีกับ ทุกคนผมไม่เคยเขียนมาก่อนลองอ่านนะกับว่าสนุกหรือไม่  ถ้าสนุกหรืออ่านแล้วเจ็บหัวก็ส่งจดหมายมาที่

    Ton_kanchai@hotmail.com   ได้นะกับฝากด้วยกับ        

         

         บทที่ 1 บ้านลุงชาว

     "จะไปจริงๆหรือ" 

    "ลูกก็รู้ว่า   ฟอบบิ้นเป็นวายร้านตัวดีเลยนะ"      เสียงอ่อนโยนคล้ายสิ้นหวังหมดกำลังใจ ลุงชาวผู้เป็นพ่อขณะที่กำลังพูดกับลูกสาว แคนไดซ์ 

    "คะ นี้เป็นหน้าที่ของนักบวชทุกคนถ้าพวกเราจะต้องทำให้โลกทั้งสองพบสงบสุขและต้องกำส่งพวกโกสไปนรก"  

    เสียงหวานๆท้าทางเข็มแข็งของ แคนไดซ์       แคนไดซ์สาวสวยผมยาวสีทองตาสีน้ำตาล ใส่เสือคุมสีดำกระโปรงสีดำยาวลากดินที่มือขวามีบอกแขนสีแดงมีลายสวยงามยาวตังแต่นิ้วกลางไปจนถึงข้อศอกตรงกลางมือมีลูกแก้วสีแดงกลม จนมองเห็นไม่ชัดเจน มือทั้งสองข้างของเธอ อุ้ม เด็กไว้ในอ้อมแขน     ด้านหลังของแคนไดซ์ ไมเคิลผู้เป็นสามีของเธอ       ผู้สูง ใหญ่ผมสั้นสีดำหน้าตาดีผิวขาวคิ้วหนาตาสีฟ้า ใส่เสือแขนยาวสีดำกระดุมหกเม็ดแต่ติดกระดุมเม็ดที่สามเม็ดเดียวทำให้เห็นหน้าอกที่มีก้าม  แทบคอเสือเป็นสีขาว  แขนเสือทั้งสองด้านเป็นสีแดงและที่มือขวามีบอกแขนเหมือนแคนไดซ์แต่เห็นแค่ข้อมือเม่านั้น

    "คุณพ่อครับผมจะเอาเฟรินมาฝากให้พ่อครับ"

    เสียงที่ทุ้มๆของไมเคิล       แคนไดซ์ได้ยื่นลูกของตัวเองไปอยู่ในอ้อมอกของลุงชาว

    "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเฟริน"

    เสียงที่ลุงชาวพูดหวานๆให้กับเฟริน     เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของลุงชาวเป็นเด็กที่หน้ารักมากผิวขาวกำลังนอนหลับอยู่ในผ้าสีขาวออกสีฟ้าอ่อนๆ  ลุงชาวใช้จมูกของตัวเองหอมเด็กที่อยู่ในผ้า

    "ผิวนุ่มนิ่มเหมือนแม่ของเธอไม่มีพิษเลยนะเฟริน"

    ลุงชาวพูดแล้วยิ้มน้ำตาเริ่มไหลออกมา

    "พ่อคะ"  

    แคนไดซ์เดินไปหาลุงชาวที่กำลังอุ้มเด็กแล้วร้องไห้

    "ร้องไห้ทำไม่ค่ะพ่อ"

    แคนไดซ์ได้ไปกอดพ่อด้านหลัง

    "หนูไม่ได้ไปไหนสักหน่อยคะ พ่อ"

    "พ่อรู้แต่ที่ลูกไปนะไปกำจัดพวกโกสนะ"

    ลุงชาวพูดแสกขึ้นมาพร้อมเสียงสะอื่น   พอพูดจบก็ใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตา

    "ไมเคิลฝากลูกสาวลุงด้ายนะถ้าเป็นเธอนะช่วยลูกสาวลุงได้แน่"

    "ไม่ต้องเป็นห่วงหลอกครับผมจะดูแลแคนไดซ์ให้ดีที่สุดครับ"

    พอไมเคิลพูดจบก็เดินไปจับมือลุงชาว

    หนูไปแล้วนะคะ

    แคนไดซ์ที่กอดลุงชาวอยู่ก็ได้เดินไปที่หน้าประตู

    แล้วหนูจะมาอีกนะคะ บายคะ

    พอแคนไดซ์พูดจบก็เปิดประตู้ออกไปข้างนอก

    โชกดีนะทั้งสองคน

    ลุงชาวบอกทั้งสองคน

    ผมไปแล้วนะครับ

    น้ำเสียงของไมเคิลทำให้ลุงชาวร้องไห้ขึ้นมาอีก

    ไมเคิลปิดประตูลง  เสียงฟ้าร้องดังสนั่นท้องฟ้ามืดมัวและฝนก็ตกมากผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างวิ่งหนีหาที่หลบฝนแคนไดซ์นั่งร้องไห้อยู่บันไดทางเข้าบ้านของลุงชาว   แคนไดซ์ลุกขึ้นมากอดไมเคิลแล้วร้องไห้กลางสายฝนที่ตกลงมา

    ฉันสงสานลูกของเราที่จะต้อง

    แคนไดซ์พูดเสียงดัง

    เราต้องกลับมาหาลูกเราได้แน่ๆ

    ไมเคิลได้พูดปลอบใจแคนไดซ์

     แคนไดซ์ได้ ปอยมือออกและวิ่งเปิดประตู้บ้านเข้าไปและไปอุ้มเด็กของตังเองแล้วร้องไห้ไมเคิลเดินเข้าไปในบ้านแคนไดซ์เอาเด็กไว้บนโต๊ะอาหารลุงชาวเดินไปดูและได้เอาของที่อยู่บนโต๊ะอาหารออก

    แคนไดซ์ เธอคงไม่

    เสียงไมเคิล ที่กำลังสงใสอยู่

    ใช้เราได้แต่คอดเฟรินออกมาแต่ไม่ได้ทำอะไรให้ลูกเราเลย

    ไมเคิลก้มหัวลงน้ำตาของไมเคิลป็นเพราะกำลังเสียใจที่กำลังจะจากกับลูกของตัวเอง

    ตาคุณแล้วไมเคิล

     

    แคนไดซ์ ได้พูดออกมาแล้วเช็ดน้ำตา      ไมเคิลได้เอามือขวาวางอยู่บนโต๊ะอาหารแคนไดซ์ถอยออกไปด้านข้างๆและก็จับมือลุงชาวให้ออกห่างๆ   ตัวอักษร 5 ตัวปรากฏออกที่บอกแขนเรียงกันเป็นแนวตรง ตัวหนังสือ 5 ตัวเป็นตัวที่ลุงชาวดูแล้วไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอักษรตัวแรกที่ออกมาจากนิ้วโป้งได้ไหลไปอยู่บนโต๊ะด้านบนตัวอักษรที่ออกมาจากนิ้วชี้ไปอยู่บนโต๊ะด้านซ้ายมือ ตัวอักษรนิ้วนางได้ไหลไปอยู่บนโต๊ะด้านขวา  ตัวอักษรนิ้วก้อยได้ไหลไปอยู่ด้านล้างบนโต๊ะ เหลือนิ้วกลางนิ้วกลางได้ไหลไปสู่หน้าพากด้านซ้ายของเด็กและแสงกว่าง 10 เซนติเมตรที่ดูแล้วเป็นเส้นขนาดกว่าง 10 เซนติเมตร ซึ่งไหลจากด้านมือขวาขึ้นไปด้านบน 3 เซนติเมตรจากนั้นไหลไปด้านซ้ายไปต่อด้านบนสุดและไหลไปต่อด้านข้างขวาแสงนั้นไหลกลับมาที่เดิม

     

    ตาคุณแล้ว

    เสียงไมเคิลที่พูดแล้ว หอบ เป็นเพราะไมเคิลใช้พลังของตัวเองไปกับการไล้ตัวอักษรทั้ง 5 ตัว

    พ่อคะลออยู่ตรงนี้นะคะ

     

    แคนไดซ์ได้เดินไปอยู่ตรงข้ามๆกับไมเคิลและยื่นมือขวาออกมา  เธอแบมือออกและมีแสงสว่างออกจากมือของเธอและในแสงนั้นก็มีคาถาอยู่คาถาที่ลุงชาวเห็นมันยาวประมาณ 20 เซนได้และแสงเริ้มจางลงและแคนไดซ์ใช้มือขวาหยิบคาถามาไว้ในมือเธอ 

     

    เอกโน โป้ เบียน  โค รูโอ โอ้กโคเนียนซีเวี่ยเบียนเนตโปเอก

    คาถาที่แคไดซ์ท่องออกมาเดียวเร็วเดียวช้าและทำให้บ้านของลุงชาวสว่างขึ้นมากกว่าเดิมทุกมุมมีแต่แสงสว่างทำให้บริเวณนั้นไม่มีแม้แต่เงาของสามคนและทำให้อักษร 4 ตัวด้าน ซ้าย ขวา บน ล่างไปอยู่ที่คอด้านขวา เรียงเป็นแนวตรง  ขนาดของตัวอักษรทั้ง 4 ตัวสูง 2 เซนติเมตร หนา 2 เซนติเมตรและตรงหน้าพาก 1 อักษรขนาดของอักษรที่หน้าพากสูง 1 เซนติเมตร  หนา 2เซนติเมตร ทำให้อักษรที่ไหลไปหาเด็กนั้นเป็นเส้นตรงขนาดของเส้นนั้น หนาประมาณ 10 เซนติเมตรได้ไหลเข้าไปหาตัวเด็กแสงสว่างก็ค่อยๆหมดลงกลับเป็นแสงสว่างดังเดิม

     แคนไดซ์ ไมเคิลถึงกับเข่าอ่อนและล้มตัวนั่งลงกับพื้น

    ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรใช้ไหม

    ลุงชาวที่ยืนออกห่างโต๊ะกลับดินมาพะยูง ลูกสาวของตัวเองไปนั่งบนโต๊ะอาหารและได้เดินไปพะยูงไมเคิล

    ทั้งสองไม่เป็นไรนะ

    ลุงชาวถามทั้งสองคน และจากนั้นเสียงแหลมๆของเด็กที่ร้องไห้ออกมาทำให้ทำลายความเหนื่อยของแคนไดซ์และไมเคิล         ลุงชาวเดินไปอุ้มเด็ก

    โอหลานรักอย่าร้องนะ

    เสียงปอบใจของลุงชาวทำให้เด็กร้องไห้มากกว่าเดิม  ลุงชาวเห็นตัวหนังสือที่คอของเฟริน 4 ตัวเลียงเป็นแนวตรง

    และตัวหนังสือที่หน้าผาก 1 ตัว    

    คีบ ออฟ โลม เจียด

    แคนไดซ์ ท่องคาถาทำให้เด็กเงียบและนอนหลับลง

    แคนไดซ์   นี้มันตัวหนังสืออะไร

    ลุงชาวทำหน้างงและสงใสมาก

    มันเป็นสิงที่หนูกับไมเคิล  มอบให้กับเฟริน

    แคนไดซ์ ลุงขึ้นยืน

    หนูต้องไปแล้วคะ พากดูแลเฟรินด้วยนะคะเมือเฟรินอายุ 15 ปีหนูอยากให้เฟรินได้ไปที่โลกนักบวช ไปเรียนที่นั้นโรงเรียนเอศทีวาและนี้คะสร้อยคอ ลุงเอานี้ให้เฟรินด้วยนะคะ

    แคนไดซ์พูดจบและทอดสร้อยคอที่เป็นรูปไม้กางเขนอยู่ตรงกลางและด้านซ้ายของไม้กางเขนเป็นรู้ดาบแล้วด้านขวาเป็นรูปคาทา  ไม่กางเขนดาบและคาทาขนาดไม่ใหญ่มาก ดูแล้วมีราคาสูงแคนไดซ์ได้ยื่นสร้อยคอให้กับลุงชาว   

    ลุงชาวหยิบสร้อยคอ     สร้อยคอที่ดูแล้วงดงามเหลือคำบรรยาย

    สร้อยคอนี้คือสร้อยคอที่เฟรินสามารถเข้าออกโลกสามโลกได้เมื่อเฟรินอายุ 15 ปีพ่อช่วยให้เฟรินด้วย ก่อนที่เฟรินจะอายุ 15 ปี พ่อช้วยส่งเฟรินเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วย เมือวันที่  31 สิงหาคม เป็นวันที่โรงเรียนเอสทีวาจะมารับนักเรียนที่มีสร้อยคอนี้อยู่ฝากด้วยนะคะ

    เมือแคนไดซ์พูดจบได้เอามือปิดปากตัวเองและร้องไห้ขึ้นมา ไมเคิลลุกจากโต๊ะไปหาแคนไดซ์

    แคนไดซ์ได้กอดไมเคิลขณะที่แคนไดซ์กำลังนั่งอยู่กอดอย่างแน่น     พอกอดได้สักละยะหนึ่งก็อมองไปทางลุงชาว

    ฝากด้วยนะครับคุณพ่อ

    แคนไดซ์ได้เดินไปอยู่ตรงข้ามๆกับไมเคิลและยื่นมือขวาออกมา  เธอแบมือออกและมีแสงสว่างออกจากมือของเธอและในแสงนั้นก็มีคาถาอยู่คาถาที่ลุงชาวเห็นมันยาวประมาณ 20 เซนได้และแสงเริ้มจางลงและแคนไดซ์ใช้มือขวาหยิบคาถามาไว้ในมือเธอ 

     

    เอกโน โป้ เบียน  โค รูโอ โอ้กโคเนียนซีเวี่ยเบียนเนตโปเอก

    คาถาที่แคไดซ์ท่องออกมาเดียวเร็วเดียวช้าและทำให้บ้านของลุงชาวสว่างขึ้นมากกว่าเดิมทุกมุมมีแต่แสงสว่างทำให้บริเวณนั้นไม่มีแม้แต่เงาของสามคนและทำให้อักษร 4 ตัวด้าน ซ้าย ขวา บน ล่างไปอยู่ที่คอด้านขวา เรียงเป็นแนวตรง  ขนาดของตัวอักษรทั้ง 4 ตัวสูง 2 เซนติเมตร หนา 2 เซนติเมตรและตรงหน้าพาก 1 อักษรขนาดของอักษรที่หน้าพากสูง 1 เซนติเมตร  หนา 2เซนติเมตร ทำให้อักษรที่ไหลไปหาเด็กนั้นเป็นเส้นตรงขนาดของเส้นนั้น หนาประมาณ 10 เซนติเมตรได้ไหลเข้าไปหาตัวเด็กแสงสว่างก็ค่อยๆหมดลงกลับเป็นแสงสว่างดังเดิม

     แคนไดซ์ ไมเคิลถึงกับเข่าอ่อนและล้มตัวนั่งลงกับพื้น

    ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรใช้ไหม

    ลุงชาวที่ยืนออกห่างโต๊ะกลับดินมาพะยูง ลูกสาวของตัวเองไปนั่งบนโต๊ะอาหารและได้เดินไปพะยูงไมเคิล

    ทั้งสองไม่เป็นไรนะ

    ลุงชาวถามทั้งสองคน และจากนั้นเสียงแหลมๆของเด็กที่ร้องไห้ออกมาทำให้ทำลายความเหนื่อยของแคนไดซ์และไมเคิล         ลุงชาวเดินไปอุ้มเด็ก

    โอหลานรักอย่าร้องนะ

    เสียงปอบใจของลุงชาวทำให้เด็กร้องไห้มากกว่าเดิม  ลุงชาวเห็นตัวหนังสือที่คอของเฟริน 4 ตัวเลียงเป็นแนวตรง

    และตัวหนังสือที่หน้าผาก 1 ตัว    

    คีบ ออฟ โลม เจียด

    แคนไดซ์ ท่องคาถาทำให้เด็กเงียบและนอนหลับลง

    แคนไดซ์   นี้มันตัวหนังสืออะไร

    ลุงชาวทำหน้างงและสงใสมาก

    มันเป็นสิงที่หนูกับไมเคิล  มอบให้กับเฟริน

    แคนไดซ์ ลุงขึ้นยืน

    หนูต้องไปแล้วคะ พากดูแลเฟรินด้วยนะคะเมือเฟรินอายุ 15 ปีหนูอยากให้เฟรินได้ไปที่โลกนักบวช ไปเรียนที่นั้นโรงเรียนเอศทีวาและนี้คะสร้อยคอ ลุงเอานี้ให้เฟรินด้วยนะคะ

    แคนไดซ์พูดจบและทอดสร้อยคอที่เป็นรูปไม้กางเขนอยู่ตรงกลางและด้านซ้ายของไม้กางเขนเป็นรู้ดาบแล้วด้านขวาเป็นรูปคาทา  ไม่กางเขนดาบและคาทาขนาดไม่ใหญ่มาก ดูแล้วมีราคาสูงแคนไดซ์ได้ยื่นสร้อยคอให้กับลุงชาว   

    ลุงชาวหยิบสร้อยคอ     สร้อยคอที่ดูแล้วงดงามเหลือคำบรรยาย

    สร้อยคอนี้คือสร้อยคอที่เฟรินสามารถเข้าออกโลกสามโลกได้เมื่อเฟรินอายุ 15 ปีพ่อช่วยให้เฟรินด้วย ก่อนที่เฟรินจะอายุ 15 ปี พ่อช้วยส่งเฟรินเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วย เมือวันที่  31 สิงหาคม เป็นวันที่โรงเรียนเอสทีวาจะมารับนักเรียนที่มีสร้อยคอนี้อยู่ฝากด้วยนะคะ

    เมือแคนไดซ์พูดจบได้เอามือปิดปากตัวเองและร้องไห้ขึ้นมา ไมเคิลลุกจากโต๊ะไปหาแคนไดซ์

    แคนไดซ์ได้กอดไมเคิลขณะที่แคนไดซ์กำลังนั่งอยู่กอดอย่างแน่น     พอกอดได้สักละยะหนึ่งก็อมองไปทางลุงชาว

    ฝากด้วยนะครับคุณพ่อ

     

    ไมเคิลพูดและพะยูงแคนไดซ์ลุกขึ้น

    หนูต้องไปแล้ว

    แคนไดซ์ได้ลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง

    หนูฝากเฟรินด้วยนะคะ

    พอพูดจบแคนไดซ์ได้เดินไปหอมแกมลุงชาว   ลุงชาวกอดแคนไดซ์แล้วร้องไห้

    ไปแล้วนะคะคุณพ่อ

    ทั้งสองคนได้เดินออกประตูบ้านของลุงชาวไปขณะที่ฝนตกหนักมากกว่าเดิม

    ไมเคิลพูดและพะยูงแคนไดซ์ลุกขึ้น

    หนูต้องไปแล้ว

    แคนไดซ์ได้ลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง

    หนูฝากเฟรินด้วยนะคะ

    พอพูดจบแคนไดซ์ได้เดินไปหอมแกมลุงชาว   ลุงชาวกอดแคนไดซ์แล้วร้องไห้

    ไปแล้วนะคะคุณพ่อ

    ทั้งสองคนได้เดินออกประตูบ้านของลุงชาวไปขณะที่ฝนตกหนักมากกว่าเดิม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×