คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บ้านลุงชาว
ดีกับ ทุกคนผมไม่เคยเขียนมาก่อนลองอ่านนะกับว่าสนุกหรือไม่ ถ้าสนุกหรืออ่านแล้วเจ็บหัวก็ส่งจดหมายมาที่
Ton_kanchai@hotmail.com ได้นะกับฝากด้วยกับ
บทที่ 1 บ้านลุงชาว
"จะไปจริงๆหรือ"
"ลูกก็รู้ว่า ฟอบบิ้นเป็นวายร้านตัวดีเลยนะ" เสียงอ่อนโยนคล้ายสิ้นหวังหมดกำลังใจ ลุงชาวผู้เป็นพ่อขณะที่กำลังพูดกับลูกสาว แคนไดซ์
"คะ นี้เป็นหน้าที่ของนักบวชทุกคนถ้าพวกเราจะต้องทำให้โลกทั้งสองพบสงบสุขและต้องกำส่งพวกโกสไปนรก"
เสียงหวานๆท้าทางเข็มแข็งของ แคนไดซ์ แคนไดซ์สาวสวยผมยาวสีทองตาสีน้ำตาล ใส่เสือคุมสีดำกระโปรงสีดำยาวลากดินที่มือขวามีบอกแขนสีแดงมีลายสวยงามยาวตังแต่นิ้วกลางไปจนถึงข้อศอกตรงกลางมือมีลูกแก้วสีแดงกลม จนมองเห็นไม่ชัดเจน มือทั้งสองข้างของเธอ อุ้ม เด็กไว้ในอ้อมแขน ด้านหลังของแคนไดซ์ ไมเคิลผู้เป็นสามีของเธอ ผู้สูง ใหญ่ผมสั้นสีดำหน้าตาดีผิวขาวคิ้วหนาตาสีฟ้า ใส่เสือแขนยาวสีดำกระดุมหกเม็ดแต่ติดกระดุมเม็ดที่สามเม็ดเดียวทำให้เห็นหน้าอกที่มีก้าม แทบคอเสือเป็นสีขาว แขนเสือทั้งสองด้านเป็นสีแดงและที่มือขวามีบอกแขนเหมือนแคนไดซ์แต่เห็นแค่ข้อมือเม่านั้น
"คุณพ่อครับผมจะเอาเฟรินมาฝากให้พ่อครับ"
เสียงที่ทุ้มๆของไมเคิล แคนไดซ์ได้ยื่นลูกของตัวเองไปอยู่ในอ้อมอกของลุงชาว
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเฟริน"
เสียงที่ลุงชาวพูดหวานๆให้กับเฟริน เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของลุงชาวเป็นเด็กที่หน้ารักมากผิวขาวกำลังนอนหลับอยู่ในผ้าสีขาวออกสีฟ้าอ่อนๆ ลุงชาวใช้จมูกของตัวเองหอมเด็กที่อยู่ในผ้า
"ผิวนุ่มนิ่มเหมือนแม่ของเธอไม่มีพิษเลยนะเฟริน"
ลุงชาวพูดแล้วยิ้มน้ำตาเริ่มไหลออกมา
"พ่อคะ"
แคนไดซ์เดินไปหาลุงชาวที่กำลังอุ้มเด็กแล้วร้องไห้
"ร้องไห้ทำไม่ค่ะพ่อ"
แคนไดซ์ได้ไปกอดพ่อด้านหลัง
"หนูไม่ได้ไปไหนสักหน่อยคะ พ่อ"
"พ่อรู้แต่ที่ลูกไปนะไปกำจัดพวกโกสนะ"
ลุงชาวพูดแสกขึ้นมาพร้อมเสียงสะอื่น พอพูดจบก็ใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตา
"ไมเคิลฝากลูกสาวลุงด้ายนะถ้าเป็นเธอนะช่วยลูกสาวลุงได้แน่"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหลอกครับผมจะดูแลแคนไดซ์ให้ดีที่สุดครับ"
พอไมเคิลพูดจบก็เดินไปจับมือลุงชาว
“หนูไปแล้วนะคะ”
แคนไดซ์ที่กอดลุงชาวอยู่ก็ได้เดินไปที่หน้าประตู
“แล้วหนูจะมาอีกนะคะ บายคะ”
พอแคนไดซ์พูดจบก็เปิดประตู้ออกไปข้างนอก
“โชกดีนะทั้งสองคน”
ลุงชาวบอกทั้งสองคน
“ผมไปแล้วนะครับ”
น้ำเสียงของไมเคิลทำให้ลุงชาวร้องไห้ขึ้นมาอีก
ไมเคิลปิดประตูลง เสียงฟ้าร้องดังสนั่นท้องฟ้ามืดมัวและฝนก็ตกมากผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างวิ่งหนีหาที่หลบฝนแคนไดซ์นั่งร้องไห้อยู่บันไดทางเข้าบ้านของลุงชาว แคนไดซ์ลุกขึ้นมากอดไมเคิลแล้วร้องไห้กลางสายฝนที่ตกลงมา
“ฉันสงสานลูกของเราที่จะต้อง”
แคนไดซ์พูดเสียงดัง
“เราต้องกลับมาหาลูกเราได้แน่ๆ”
ไมเคิลได้พูดปลอบใจแคนไดซ์
แคนไดซ์ได้ ปอยมือออกและวิ่งเปิดประตู้บ้านเข้าไปและไปอุ้มเด็กของตังเองแล้วร้องไห้ไมเคิลเดินเข้าไปในบ้านแคนไดซ์เอาเด็กไว้บนโต๊ะอาหารลุงชาวเดินไปดูและได้เอาของที่อยู่บนโต๊ะอาหารออก
“แคนไดซ์ เธอคงไม่”
เสียงไมเคิล ที่กำลังสงใสอยู่
“ใช้เราได้แต่คอดเฟรินออกมาแต่ไม่ได้ทำอะไรให้ลูกเราเลย”
ไมเคิลก้มหัวลงน้ำตาของไมเคิลป็นเพราะกำลังเสียใจที่กำลังจะจากกับลูกของตัวเอง
“ตาคุณแล้วไมเคิล”
แคนไดซ์ ได้พูดออกมาแล้วเช็ดน้ำตา ไมเคิลได้เอามือขวาวางอยู่บนโต๊ะอาหารแคนไดซ์ถอยออกไปด้านข้างๆและก็จับมือลุงชาวให้ออกห่างๆ ตัวอักษร 5 ตัวปรากฏออกที่บอกแขนเรียงกันเป็นแนวตรง ตัวหนังสือ 5 ตัวเป็นตัวที่ลุงชาวดูแล้วไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอักษรตัวแรกที่ออกมาจากนิ้วโป้งได้ไหลไปอยู่บนโต๊ะด้านบนตัวอักษรที่ออกมาจากนิ้วชี้ไปอยู่บนโต๊ะด้านซ้ายมือ ตัวอักษรนิ้วนางได้ไหลไปอยู่บนโต๊ะด้านขวา ตัวอักษรนิ้วก้อยได้ไหลไปอยู่ด้านล้างบนโต๊ะ เหลือนิ้วกลางนิ้วกลางได้ไหลไปสู่หน้าพากด้านซ้ายของเด็กและแสงกว่าง 10 เซนติเมตรที่ดูแล้วเป็นเส้นขนาดกว่าง 10 เซนติเมตร ซึ่งไหลจากด้านมือขวาขึ้นไปด้านบน 3 เซนติเมตรจากนั้นไหลไปด้านซ้ายไปต่อด้านบนสุดและไหลไปต่อด้านข้างขวาแสงนั้นไหลกลับมาที่เดิม
“ตาคุณแล้ว”
เสียงไมเคิลที่พูดแล้ว หอบ เป็นเพราะไมเคิลใช้พลังของตัวเองไปกับการไล้ตัวอักษรทั้ง 5 ตัว
“พ่อคะลออยู่ตรงนี้นะคะ”
แคนไดซ์ได้เดินไปอยู่ตรงข้ามๆกับไมเคิลและยื่นมือขวาออกมา เธอแบมือออกและมีแสงสว่างออกจากมือของเธอและในแสงนั้นก็มีคาถาอยู่คาถาที่ลุงชาวเห็นมันยาวประมาณ 20 เซนได้และแสงเริ้มจางลงและแคนไดซ์ใช้มือขวาหยิบคาถามาไว้ในมือเธอ
“เอกโน โป้ เบียน โค รูโอ โอ้กโคเนียนซีเวี่ยเบียนเนตโปเอก”
คาถาที่แคไดซ์ท่องออกมาเดียวเร็วเดียวช้าและทำให้บ้านของลุงชาวสว่างขึ้นมากกว่าเดิมทุกมุมมีแต่แสงสว่างทำให้บริเวณนั้นไม่มีแม้แต่เงาของสามคนและทำให้อักษร 4 ตัวด้าน ซ้าย ขวา บน ล่างไปอยู่ที่คอด้านขวา เรียงเป็นแนวตรง ขนาดของตัวอักษรทั้ง 4 ตัวสูง 2 เซนติเมตร หนา 2 เซนติเมตรและตรงหน้าพาก 1 อักษรขนาดของอักษรที่หน้าพากสูง 1 เซนติเมตร หนา 2เซนติเมตร ทำให้อักษรที่ไหลไปหาเด็กนั้นเป็นเส้นตรงขนาดของเส้นนั้น หนาประมาณ 10 เซนติเมตรได้ไหลเข้าไปหาตัวเด็กแสงสว่างก็ค่อยๆหมดลงกลับเป็นแสงสว่างดังเดิม
แคนไดซ์ ไมเคิลถึงกับเข่าอ่อนและล้มตัวนั่งลงกับพื้น
“ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรใช้ไหม”
ลุงชาวที่ยืนออกห่างโต๊ะกลับดินมาพะยูง ลูกสาวของตัวเองไปนั่งบนโต๊ะอาหารและได้เดินไปพะยูงไมเคิล
“ทั้งสองไม่เป็นไรนะ”
ลุงชาวถามทั้งสองคน และจากนั้นเสียงแหลมๆของเด็กที่ร้องไห้ออกมาทำให้ทำลายความเหนื่อยของแคนไดซ์และไมเคิล ลุงชาวเดินไปอุ้มเด็ก
“โอหลานรักอย่าร้องนะ”
เสียงปอบใจของลุงชาวทำให้เด็กร้องไห้มากกว่าเดิม ลุงชาวเห็นตัวหนังสือที่คอของเฟริน 4 ตัวเลียงเป็นแนวตรง
และตัวหนังสือที่หน้าผาก 1 ตัว
“คีบ ออฟ โลม เจียด”
แคนไดซ์ ท่องคาถาทำให้เด็กเงียบและนอนหลับลง
“แคนไดซ์ นี้มันตัวหนังสืออะไร”
ลุงชาวทำหน้างงและสงใสมาก
“มันเป็นสิงที่หนูกับไมเคิล มอบให้กับเฟริน”
แคนไดซ์ ลุงขึ้นยืน
“หนูต้องไปแล้วคะ พากดูแลเฟรินด้วยนะคะเมือเฟรินอายุ 15 ปีหนูอยากให้เฟรินได้ไปที่โลกนักบวช ไปเรียนที่นั้นโรงเรียนเอศทีวาและนี้คะสร้อยคอ ลุงเอานี้ให้เฟรินด้วยนะคะ”
แคนไดซ์พูดจบและทอดสร้อยคอที่เป็นรูปไม้กางเขนอยู่ตรงกลางและด้านซ้ายของไม้กางเขนเป็นรู้ดาบแล้วด้านขวาเป็นรูปคาทา ไม่กางเขนดาบและคาทาขนาดไม่ใหญ่มาก ดูแล้วมีราคาสูงแคนไดซ์ได้ยื่นสร้อยคอให้กับลุงชาว
ลุงชาวหยิบสร้อยคอ สร้อยคอที่ดูแล้วงดงามเหลือคำบรรยาย
“สร้อยคอนี้คือสร้อยคอที่เฟรินสามารถเข้าออกโลกสามโลกได้เมื่อเฟรินอายุ 15 ปีพ่อช่วยให้เฟรินด้วย ก่อนที่เฟรินจะอายุ 15 ปี พ่อช้วยส่งเฟรินเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วย เมือวันที่ 31 สิงหาคม เป็นวันที่โรงเรียนเอสทีวาจะมารับนักเรียนที่มีสร้อยคอนี้อยู่ฝากด้วยนะคะ”
เมือแคนไดซ์พูดจบได้เอามือปิดปากตัวเองและร้องไห้ขึ้นมา ไมเคิลลุกจากโต๊ะไปหาแคนไดซ์
แคนไดซ์ได้กอดไมเคิลขณะที่แคนไดซ์กำลังนั่งอยู่กอดอย่างแน่น พอกอดได้สักละยะหนึ่งก็อมองไปทางลุงชาว
“ฝากด้วยนะครับคุณพ่อ”
แคนไดซ์ได้เดินไปอยู่ตรงข้ามๆกับไมเคิลและยื่นมือขวาออกมา เธอแบมือออกและมีแสงสว่างออกจากมือของเธอและในแสงนั้นก็มีคาถาอยู่คาถาที่ลุงชาวเห็นมันยาวประมาณ 20 เซนได้และแสงเริ้มจางลงและแคนไดซ์ใช้มือขวาหยิบคาถามาไว้ในมือเธอ
“เอกโน โป้ เบียน โค รูโอ โอ้กโคเนียนซีเวี่ยเบียนเนตโปเอก”
คาถาที่แคไดซ์ท่องออกมาเดียวเร็วเดียวช้าและทำให้บ้านของลุงชาวสว่างขึ้นมากกว่าเดิมทุกมุมมีแต่แสงสว่างทำให้บริเวณนั้นไม่มีแม้แต่เงาของสามคนและทำให้อักษร 4 ตัวด้าน ซ้าย ขวา บน ล่างไปอยู่ที่คอด้านขวา เรียงเป็นแนวตรง ขนาดของตัวอักษรทั้ง 4 ตัวสูง 2 เซนติเมตร หนา 2 เซนติเมตรและตรงหน้าพาก 1 อักษรขนาดของอักษรที่หน้าพากสูง 1 เซนติเมตร หนา 2เซนติเมตร ทำให้อักษรที่ไหลไปหาเด็กนั้นเป็นเส้นตรงขนาดของเส้นนั้น หนาประมาณ 10 เซนติเมตรได้ไหลเข้าไปหาตัวเด็กแสงสว่างก็ค่อยๆหมดลงกลับเป็นแสงสว่างดังเดิม
แคนไดซ์ ไมเคิลถึงกับเข่าอ่อนและล้มตัวนั่งลงกับพื้น
“ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรใช้ไหม”
ลุงชาวที่ยืนออกห่างโต๊ะกลับดินมาพะยูง ลูกสาวของตัวเองไปนั่งบนโต๊ะอาหารและได้เดินไปพะยูงไมเคิล
“ทั้งสองไม่เป็นไรนะ”
ลุงชาวถามทั้งสองคน และจากนั้นเสียงแหลมๆของเด็กที่ร้องไห้ออกมาทำให้ทำลายความเหนื่อยของแคนไดซ์และไมเคิล ลุงชาวเดินไปอุ้มเด็ก
“โอหลานรักอย่าร้องนะ”
เสียงปอบใจของลุงชาวทำให้เด็กร้องไห้มากกว่าเดิม ลุงชาวเห็นตัวหนังสือที่คอของเฟริน 4 ตัวเลียงเป็นแนวตรง
และตัวหนังสือที่หน้าผาก 1 ตัว
“คีบ ออฟ โลม เจียด”
แคนไดซ์ ท่องคาถาทำให้เด็กเงียบและนอนหลับลง
“แคนไดซ์ นี้มันตัวหนังสืออะไร”
ลุงชาวทำหน้างงและสงใสมาก
“มันเป็นสิงที่หนูกับไมเคิล มอบให้กับเฟริน”
แคนไดซ์ ลุงขึ้นยืน
“หนูต้องไปแล้วคะ พากดูแลเฟรินด้วยนะคะเมือเฟรินอายุ 15 ปีหนูอยากให้เฟรินได้ไปที่โลกนักบวช ไปเรียนที่นั้นโรงเรียนเอศทีวาและนี้คะสร้อยคอ ลุงเอานี้ให้เฟรินด้วยนะคะ”
แคนไดซ์พูดจบและทอดสร้อยคอที่เป็นรูปไม้กางเขนอยู่ตรงกลางและด้านซ้ายของไม้กางเขนเป็นรู้ดาบแล้วด้านขวาเป็นรูปคาทา ไม่กางเขนดาบและคาทาขนาดไม่ใหญ่มาก ดูแล้วมีราคาสูงแคนไดซ์ได้ยื่นสร้อยคอให้กับลุงชาว
ลุงชาวหยิบสร้อยคอ สร้อยคอที่ดูแล้วงดงามเหลือคำบรรยาย
“สร้อยคอนี้คือสร้อยคอที่เฟรินสามารถเข้าออกโลกสามโลกได้เมื่อเฟรินอายุ 15 ปีพ่อช่วยให้เฟรินด้วย ก่อนที่เฟรินจะอายุ 15 ปี พ่อช้วยส่งเฟรินเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วย เมือวันที่ 31 สิงหาคม เป็นวันที่โรงเรียนเอสทีวาจะมารับนักเรียนที่มีสร้อยคอนี้อยู่ฝากด้วยนะคะ”
เมือแคนไดซ์พูดจบได้เอามือปิดปากตัวเองและร้องไห้ขึ้นมา ไมเคิลลุกจากโต๊ะไปหาแคนไดซ์
แคนไดซ์ได้กอดไมเคิลขณะที่แคนไดซ์กำลังนั่งอยู่กอดอย่างแน่น พอกอดได้สักละยะหนึ่งก็อมองไปทางลุงชาว
“ฝากด้วยนะครับคุณพ่อ”
ไมเคิลพูดและพะยูงแคนไดซ์ลุกขึ้น “หนูต้องไปแล้ว” แคนไดซ์ได้ลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง “หนูฝากเฟรินด้วยนะคะ” พอพูดจบแคนไดซ์ได้เดินไปหอมแกมลุงชาว ลุงชาวกอดแคนไดซ์แล้วร้องไห้ “ไปแล้วนะคะคุณพ่อ” ทั้งสองคนได้เดินออกประตูบ้านของลุงชาวไปขณะที่ฝนตกหนักมากกว่าเดิม
ไมเคิลพูดและพะยูงแคนไดซ์ลุกขึ้น
“หนูต้องไปแล้ว”
แคนไดซ์ได้ลุกขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง
“หนูฝากเฟรินด้วยนะคะ”
พอพูดจบแคนไดซ์ได้เดินไปหอมแกมลุงชาว ลุงชาวกอดแคนไดซ์แล้วร้องไห้
“ไปแล้วนะคะคุณพ่อ”
ทั้งสองคนได้เดินออกประตูบ้านของลุงชาวไปขณะที่ฝนตกหนักมากกว่าเดิม
ความคิดเห็น