ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi SuJu] White Love Story [Kihae,Kyumin]

    ลำดับตอนที่ #58 : [SP] Finally Now '' KyuMin

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 52










    Fi
    nally Now ,, [SP KyuMin*]

    ภาพที่เขาเห็นอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตา

    ...ความรู้สึกที่แล่นพล่านขึ้นมาจนรู้สึกเจ็บปวดสลับกับอาการแปลก ๆ เป็นระยะคืออะไร ?

    เขาตอบไม่ได้

    คยูฮยอนมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาสับสน อาจจะดูประหลาดในสายตาคนปกติกับสิ่งที่เขาเห็น แต่มันก็ยิ่งประหลาดมากกว่าเมื่อเขาเป็นคนเห็น ความรู้สึกสองฝ่ายวิ่งกระแทกเข้าใส่กันเหมือนคลื่นที่โหมสูง ภาพตรงหน้า...หญิงสาวสองคนที่กำลังจูบกันอยู่...โดยที่อีกคนหนึ่งคือคนที่ได้ชื่อว่าคนรักของเขา

    ชเวซูยองกับอีซุนกยู

     

    วันนี้เขาจะมาหาซูยองเสียหน่อยหลังจากที่ละเลยไปเป็นอาทิตย์ หวังอยากจะทำตัวเป็นคนรักที่แสนดี เอาใจใส่แฟนซะบ้าง แต่สิ่งที่เขาเห็นในตอนหัวค่ำแบบนี้ก็ทำให้เขาตกใจได้เหมือนกัน

    เจ็บปวดไหม เขาคงจะตอบว่านิดหน่อย

    ดีใจไหม..

    อันนี้คงต้องตอบตามตรง

     

    ร่างสูงยิ้มบางให้กับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ยินดีอย่างปิดไม่มิด ยอมรับว่าเลว..อันนั้นก็ใช่ แต่ถ้าโอกาสมาถึงก็อย่าให้ปล่อยไป อันที่จริงเวลามันก็ผ่านมานานแล้วตั้งแต่พวกเขาสองคนเริ่มคบกัน เกือบ ๆ จะปีได้ แน่นอนว่าเขาอาจจะเปลี่ยนไปบ้างหลังจากที่ตกลงกับซองมินในเมื่อหกเจ็ดเดือนก่อน ซูยองคงจะทุกข์ใจอยู่เหมือนกัน

    ร่างสูงแสร้งทำเป็นเดินเข้ามาโดยใช้ฝีเท้าที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย คนทั้งสองยังคงยืนอยู่แบบนั้น มือที่กำเสื้อคนคนตัวเล็กกว่าดูเกร็งและเจ็บปวด คยูฮยอนรู้ดี..ว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนที่สุดเที่เคยรู้จักมา เสียงฝีเท้าทำให้คนทั้งสองผละออกจากกันและหันกลับมาดู นัยน์ตาของซูยองเบิกกว้างด้วยความตระหนกตกใจ แต่ซันนี่กลับมีสีหน้าพอใจแวบ ๆ ปรากฎให้เห็น ก่อนที่มันจะกลบทับด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน

    ซูยอง...?”

    เขาหวังว่าเสียงของเขาจะฟังดูผิดหวังมากพอ รู้สึกอยากกระตุ้นให้หยดเล็ก ๆ ของความผิดในใจให้ขยายขึ้น จะได้มาสนับสนุนการกระทำของเขา ร่างบางของหญิงสาวที่สูงกว่าอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา ซันนี่บีบมือนั้นแน่นเป็นการให้กำลังใจ

    เราคงต้อง...คุยกันหน่อยนะ

    ไม่เลย..ไม่ต้องคุยเลย

    เสียงของซูยองสั่นครือ น้ำตาเม็ดเล็กไหลลงมาตามใบหน้า แต่เธอก็ไม่ได้ปาดมันออก คยูฮยอนมองไปที่ผนังสีขาวข้างหลังซูยองอย่างตั้งใจ ไม่ยอมมองหน้านั่น เพราะเขาเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย..

    แต่ถ้าหากยื้อไว้ก็ไม่มีวันจบ

    และเขาก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเป็นคนตัดมัน

    ...พี่จะพูดมันออกมามั้ยล่ะ หรือพี่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้

    เธอทำเองนะซูยอง

    เสียงของทั้งสองฝ่ายราบเรียบ แต่มันกลับเป็นบทสนทนาที่อึดอัดเหลือเกิน ซูยองมองผ่านม่านน้ำตาที่ทำให้ภาพพร่ามัวไปหาใบหน้าของคนที่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความรู้สึกดี ๆ ด้วย เจ็บปวดเหลือเกิน อันที่จริงเธอเองก็รู้สึกได้ถึงความห่างเหินมานานแล้ว แต่ยังคงดื้อดึงแสร้งทำเหมือนทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม

    ทุกอย่างทำให้เธออ่อนแอ...และซันนี่ก็เข้ามาปลอบเธอให้ดีขึ้น ไม่แปลกหรอกที่จะอ่อนไหวไปตามนั้น...

    พี่บอกมาสิว่าพี่ไม่เคยเปลี่ยนไป บอกมาสิว่ายังรักกันอยู่

    วินาทีที่เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง คยูฮยอนหันกลับไปสบตาซูยองอีกครั้ง เหมือนกับมีอะไรหนัก ๆ ตกลงมาในท้อง ถ่วงให้เขารู้สึกผิดกับทั้งหมดเหลือเกิน

    พี่ขอโทษ

    โจคยูฮยอนเดินเข้ามาในหอชั้นสิบเอ็ดด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย หลังจากนี้อาจจะต้องตอบคำถามกับยาวหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพี่ ๆ รู้ว่าเขากับซูยองเปลี่ยนไป แต่คิดว่าผลที่ออกมามันคุ้มค่า เหมือนกับได้ปลดเปลื้องโซ่ที่พันธนาการตัวออกไป ร่างสูงนึกถึงใครคนนั้นที่ป่านนี้คงจะนอนกลิ้งอยู่ในห้องก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง

    พอเขารู้ตัวอีกที ขาของคยูฮยอนก็พาเขามาหยุดที่หน้าห้องของตัวเองกับซองมินเสียแล้ว ร่างสูงยกมือแตะประตูอย่างลังเล ก่อนที่จะผลักเข้าไปอย่างเงียบ ๆ โดยให้เกิดเสียงน้อยที่สุด

    แผ่นหลังของซองมินปรากฎเข้าสู่สายตา ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยและรีบหุบยิ้มนั้นอย่างรวดเร็วเมื่อซองมินหันมามอง ใบหน้าของร่างบางดูเหนื่อยอย่างประหลาด คยูฮยอนเดินไปที่ส่วนของตัวเอง ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยเสียงหนัก

    ผมเลิกกับซูยองแล้ว

    ซองมินหันหน้ามาช้า ๆ ..สายตาว่างเปล่า ร่างบางหยุดนัยน์ตาลงที่ใบหน้าของร่างสูงและเอ่ยคำต่อมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง

    แล้วไง?”

    เปล่า ก็แค่อยากบอกคำตอบจากซองมินทำให้เขาผงะไปนิด ๆ แต่ก็คุมเสียงให้กลับมาในระดับเดิม ซองมินยิ้มนิด ๆ และเอ่ยด้วยเสียงเรียบเย็น ข้อความแบบนี้เขาไม่ได้พูดบ่อยนัก แค่วันนี้อยากจะพูดเฉย ๆ

    ..ใครว่าเขาไม่ติดใจเอาความกับเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน

    ...ถึงรักมากแค่ไหน แค้นก็มากเท่านั้นเช่นกัน

    แค่รอเวลามาระเบิดเอาตอนนี้

    ...แต่ก็แหง เขาก็คงทำได้แค่ทำร้ายทางวาจา คงจะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ พออีกไม่กี่วันเขาก็กลับไปเป็นแบบเดิม แล้วไอ้เรื่องที่คยูฮยอนพูดนี่อาจจะเมคขึ้นมาเองก็ได้

    อ้าว...ก็จะบอกฉันทำไมล่ะ?”รอยยิ้มของร่างบางกว้างขึ้น แต่สีหน้าไม่ได้ไปตามด้วยเลยฉันเป็นอะไรกับนายล่ะ? นายจะเลิกก็เลิกไป ฉันก็ไม่ได้ไม่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่แล้ว

    คยูฮยอนมองใบหน้าหวานนั่นด้วยความรู้สึกที่พูดได้ว่าเกือบจะขำ ถ้าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ก็คงไม่คิดว่าซองมินกำลังน้อยใจ และเรียกร้องทางอ้อมให้เขาทำอะไรซักที แต่วรรคต่อมาของร่างบางก็ทำให้เขาหยุดฟัง

    “…หลีกไปเถอะ ถ้านายจะบอกแค่นี้ วันหลังไม่ต้องบอกก็ได้

    พี่อยากจะรู้มั้ยล่ะพี่เป็นอะไรกับผม?

    รอยยิ้มประหลาดเริ่มผุดบนใบหน้าของร่างสูง ซองมินถอนหายใจเบาเพราะรู้ตัวว่าเขาคงจะต้องเจ็บปวดกับคำพูดงี่เง่าร้อยพันรอบของคยูฮยอน ร่างบางได้แต่มองเลยไปยังผนังห้องด้านหลังคยูฮยอน

    หนึ่ง..เป็นพี่ร่วมวงนิ้วถูกยกขึ้นมาทีละนิ้วเพื่อบอกจำนวนเพื่อนร่วมงาน...คนรู้จัก

    ซองมินยังคงมีสีหน้าว่างเปล่าเช่นเดิม

    แล้วก็..คู่นอนมั้งครับ?”ตบท้ายด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ อย่างเคย ซองมินหันมามองหน้าคยูฮยอนด้วยสายตาแบบเดิม แต่จะเป็นไปได้เหรอ..? มันรวมคำขอร้องไว้ในนั้นด้วย ?

    ฉันเป็นอะไรสำหรับนายกันแน่?”

     

    คยูฮยอนจ้องมองลึกลงไปในสีรัตติกาลในนัยน์ตาสวย นิ้วเรียวแตะคางของซองมินเบา ๆ ให้เงยขึ้น แต่ร่างบางกลับปิดปากสนิท ไม่ยอมรับสัมผัสที่คยูฮยอนมอบให้

    พี่อยากจะฟังมันจริง ๆ เหรอ ?”ร่างสูงถามเสียงแผ่ว”…ถ้ามันเป็นคำโกหก..จะฟังมันมั้ย ?...”

    แล้วนายชอบฟังคำโกหกมั้ยล่ะ

    ซองมินย้อนถามกลับมา ความเงียบที่แผ่ลงปกคุลมอึดอัดเสียยิ่งกว่าเดิม

    “…ผมก็ไม่รู้

    คำตอบที่คยูฮยอนตอบกลับมาก็ตอบทั้งสองคำถาม ซองมินลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเฉยชาเช่นเดิม เท้าทั้งสองก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับคำตอบที่ทิ้งไว้ให้คยูฮยอน

    งั้นก็ไม่ต้องพูด

     

    งี่เง่าเหมือนกันนะ

    ซองมินยืนพิงเสาของที่พักชั้นล่างสุดด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ ด้วยความอยากประชด เขาถึงได้พูดคำบ้า ๆ บอ ๆ พวกนั้นออกไปตั้งเยอะ และจบลงด้วยการหาที่นอนที่อื่นเพื่อให้ดูเป็นพระเอก หยิ่ง ถือดี มีทางเลือก

    เฮ้อ

    แล้วจะไปนอนที่ไหนล่ะวะ ?

    ร่างบางคิดในใจแบบเซ็ง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นสิบสองเพื่อไปขออาศัยห้องใครซักคนอยู่ตามเคย ห้องทงเฮกับอีทึก น่าจะได้ เพราะได้ข่าวว่าคืนนี้ปลาดิ้นได้ตัวนั้นไปนอนที่หอพักของคิบอมแล้ว อีทึกก็เช่นกัน เจ้าตัวก็หนีไปขลุกที่หออีกแห่งของคังอิน

    แล้วจะลงลิฟท์มาสิบกว่าชั้นเพื่อที่จะขึ้นไปอีกชั้นทำไม ?

     

    พี่อีทึกคร้าบบ ผมขอนอนห้องพี่นะซองมินพูดด้วยเสียงที่ออกจะฝืนให้สดใสกว่าที่เป็นอยู่ซักเล็กน้อย ร่างบางเบ้หน้าให้กับตัวเองที่ทำตัวขัดอารมณ์สิ้นดี

    (อะไรนะ..คังอินอา...เชิญเลยซองมิน..อื้อ)

    ฟักทองน้อยทำหน้าแหยง ๆ กับเสียงที่ได้ยิน เขาก็เคยชินกับมันนะ แต่รู้สึกแปลก ๆ แฮะพอเป็นคนขัดจังหวะคนอื่นแบบนี้ แต่ต้องยอมรับว่าพี่อีทึกเก่งจริงที่สามารถตะกายมารับโทรศัพท์ของเขาได้

    ขอบคุณฮะ

    (อ๊า...งั้นแค่นี้..)

    พูดไม่ทันจบอีทึกก็จัดการตัดสายทิ้ง ซองมินได้แต่ทำหน้าปลงตกและเดินขึ้นลิฟท์ไปอีกชั้น แอบกลัวนิดหน่อยว่าความบังเอิญจะเกิดขึ้นกับตัวของเขาอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีอะไร ตลอดระยะทางเขาไม่ได้เจอใครเลย...จนได้มานอนอยู่บนเตียงของทงเฮ

    ....เอาอีกแล้วสินะ ความรู้สึกอยากตัดใจ

    ซองมินหัวเราะสมเพชตัวเองในขณะที่กางแขนขาอยู่บนเตียง ความรู้สึกเดียวดายเหมือนที่ผ่านมาอาบอยู่ทั่วร่าง รู้สึกโดดเดี่ยว เขายังคงเป็นคนปกติที่มีอิจฉา อยากได้ ต้องการ และความไม่พอใจ เป็นเหมือนท้องทะเลที่บ้าคลั่งและปั่นป่วน ผสมรวมทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเช่นไร

    ...ไร้ค่า คำนี้ที่เขารู้สึกได้ทุกวัน

    เป็นเหมือนของตายที่ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องใส่ใจอะไรมาก อยากได้เมื่อไหร่ก็มาหา ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และแน่นอน ความเข้มแข็งของเขาก็คล้าย ๆ กับพายุ ที่บางครั้งก็มาอย่างรุนแรง ก่อนที่จะสงบอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น

    เจ็บปวดทุกครั้ง ไม่มีวันไหนที่เขาจะยิ้มได้อย่างจริงใจเลย

    ...ไม่เคยมีวันนั้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เรื่องมันเริ่ม

    ถึงแม้ว่าจะมีความสุขบ้าง แต่ทุกอย่างมันก็จบลง ทอดตัวแผ่ลงในความทรงจำของเขาเหมือนกระจกหัก ๆ แค่แตะโดนมันก็สร้างบาดแผลได้เสมอ ความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว...แต่น่าแปลก แม้ว่าจะเจ็บขนาดนี้ เขาก็ยังไม่เลิกที่จะรักคยูฮยอนต่อไป

    ...คงเพราะเขาเจ็บปวดมากเกินไป

    ...และก็รักมากเกินไปด้วยเหมือนกัน

     

    มือถือของเขาสั่น ซองมินหยิบมาดู ชื่อของคนใจร้ายที่เพิ่งนึกถึงปรากฎอยู่บนหน้าจอ บางทีอาจจะแค่อยากต่อปากต่อคำต่อ ไม่ได้เป็นห่วงหรือคิดได้อะไรหรอก เขาน่าจะรู้แบบนั้น

    ร่างบางโยนโทรศัพท์กลับที่เดิม หันหลังให้มัน เพื่อที่จะได้พ้นสายตาไปซะ

    ถ้าถามเขาว่า..ถ้าคยูฮยอนกลับกลายเป็นคนที่ต้องมาขอโทษเขา จะยกโทษให้มั้ย?

     

    บางที...อาจจะเป็นไม่ ทิ้งให้คนขอโทษต้องเจ็บปวดเหมือนที่เขาเคยรู้สึก ให้อดทนรอเหมือนที่เขาเคยเป็น

    ....แต่ถ้าเอาตามความจริง เขาไม่เคยเข้มแข็งพอซักครั้ง คำตอบคงจะออกมาเป็นยกโทษให้เหมือนเดิม ถึงแม้มันอาจจะแฝงความเคลือบแคลงสงสัยบ้าง...แต่หัวใจของเขาก็เลือกที่จะเชื่อไปตามคำของคนที่เขารักบอก

    ...เพราะรักมากเกินไป

    ซองมินหลับตาลง ก่อนที่สติจะหลุดลอยไปพร้อมกับสีสันต่าง ๆ ที่พร่าเลือนอยู่ในสมอง และภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปก็เป็นภาพของคน ๆ เดิม ..คนที่เขารักมากเสียจนยอมเป็นแบบนี้

    แล้วจะมีไหม..ที่ความฝันของเขาจะไม่เป็นแค่สิ่งไร้ค่าที่ไม่มีวันเป็นไปได้แบบเดิม

     

    ทำไมไม่รับนะ

    ร่างสูงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังจากที่เพียรพยายามโทรหาซองมินหลังจากที่นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มเป็นต้นมา ความกระวนกระวายใจก่อนตัวขึ้นในอกโดยที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ทั้งเป็นห่วงทั้งหงุดหงิด ยิ่งเมื่อครู่กลับมานั่งทวนคำพูดของตัวเองยิ่งอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข

    ทำไมเรื่องราวมันกลับเป็นแบบนี้เสียทุกครั้ง

    ...ทำไมซองมินต้องเจ็บปวดเสมอ

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ร่างบางไม่ได้แสดงแค่ภาพของท้องฟ้ามืดหม่นเพียงอย่างเดียว บางครั้งที่เมฆสีเทาจางหายไป แสงแดดที่สว่างไสวก็เข้ามาแทนที่ เมื่อก่อนเคยบอกตัวเองว่าเขาไม่ชอบแสงแดด...แต่ความอบอุ่นของอีซองมินในบางเวลาก็ทำให้เขารู้สึกดีเสมอ

    แต่เวลานั่น..ก็เป็นแค่บางครั้ง

    ถึงแม้ริมฝีปากบางจะยิ้ม แต่นัยน์ตาไม่ได้ยิ้มอย่างเต็มที่ตามไปด้วย คยูฮยอนรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร แต่ด้วยความไม่กล้าของเขาทำให้ไม่อยากจะทำอะไรลงไป

    กลัวว่าซองมินจะปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด

    ยิ่งพักหลัง ๆ ซองมินตีตัวออกจากเขามากขึ้น ไม่แน่..อาจจะตัดใจได้เสียด้วยซ้ำ

    ร่างสูงมองกระจกเงาบางเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ แปลกใจนิดหน่อยที่สีหน้าของเขาหมองคล้ำได้ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างกำลังจะแปรเปลี่ยนไป...ความรู้สึกเขาบอกได้ว่าอย่างนั้น

    รู้สึกผิดใช่มั้ย ?

    “..ใช่

    คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจทำให้ร่างสูงเผลอตอบไปเบา ๆ อ้างว้างเหลือเกินในยามที่ไม่มีใครคนนั้นอยู่ข้าง ๆ

    ....จิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าถึงยากที่สุด แยกแยะยากที่สุดว่ามันคืออะไร

    เขาเชื่อข้อนี้

    ...ไม่ร็ว่าจะรักหรือจะเกลียด อยากถนอมหรือทำลาย มันขึ้นอยู่กับตัวแปรว่าตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น คยูฮยอนไม่สามารถชี้ชัดว่าวินาทีนี้ ตอนนี้ เขาจะรักซองมินอย่างเต็มใจ กลัวว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนอีกครั้ง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบลงไป

    จะว่าเขาขี้ขลาดก็ได้ เอ้า

    ผมจะทำยังไงดีนะคยูฮยอนรำพึงรำพันขึ้นมาคนเดียวอีกครั้ง ปัญหาที่พัวพันอยู๋ในใจทำให้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่เฉย ๆ และคิดถึงทางแก้ที่แทบจะไม่มีเหลือให้ผมรักหรือไม่รักเขากันแน่นะ...?”

    นัยน์ตาคมหมองลงเล็กน้อย ไม่รู้จะทำอะไรดีเพื่อแก้ปัญหา แต่ยอมรับได้อย่างหนึ่งว่าที่ผ่านมาเขามันเลว

    หลอกใช้ผู้หญิง เกือบทำให้รุ่นพี่ต้องฆ่าตัวตาย ทำร้ายจิตใจซองมิน

    คำพูดพวกนี้ก็แย่เหมือนที่มันเป็นนั่นแหล่ะ

    เดี๋ยวซองมินมาก็รู้เองล่ะมั้ง...คำสุดท้ายคือการตัดสินใจที่บอกว่าจะปล่อยให้เป็นเรื่องของอารมณ์ตอนนั้น คยูฮยอนยกมือขึ้น ซ่อนเปลือกตาที่ปวดนิด ๆ ลงในความเยือกเย็นของอุ้งมือ ภาพสีดำที่เข้ามาซ้อนทับทำให้รู้สึกดีขึ้นนิดนึง แต่รูปร่างเลือนรางสีสว่างสดใสกลับเด่นชัดในความทรงจำ

    ..เขากำลังรู้สึกผิด กำลังสำนึกในสิ่งที่กระทำ

    อยากขอโทษ

    ในใจเอ่อล้นไปด้วยคำ ๆ นี้ คยูฮยอนร็สึกปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะวิ่งออกไปตามหาอีซองมินและบอกมันเสียตอนนี้ แต่ติดที่ว่าเขาไม่รู้สถานที่ หรือว่ารู้ที่ไป ถึงเขาจะวิ่งออกไปก็ไม่ช่วยอะไร อีกอย่างตอนนี้มันก็เที่ยงคืนกว่า ๆ แล้ว...

    เล่นเกมก่อนแล้วนอนดีกว่า

     สิบห้าชั่วโมงหลังจากนั้น ร่างสูงก็เดินขยี้ตามาตามทางเดิน สายตาก็คอยมองหาอีซองมินตามทางไปด้วย หวังว่าจะเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตานั่งอยู่ซักมุมในที่พัก แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย เขาเดินวนทั่วชั้นสิบเอ็ดกับสิบสองมาซักพักแล้ว จนมีคนถามว่าเขาเดินหาอะไรว่อนแบบนั้น เขาก็ไดแต่ตอบว่าหาของแบบเลี่ยง ๆ แต่อันที่จริงไม่รู้ว่าซองมินหายไปไหน

    จะสี่โมงแล้ว

    ซองมินควรจะกลับมาได้แล้วนี่นะ

    คยูฮยอนถอนหายใจ ยืนนิ่ง ๆ และทวนความทรงจำขาด ๆ วิ่น ๆ ในหัวเพื่อหาสถานที่ที่เขาคาดว่าร่างบางชอบไปเวลาพักใจ ร่างสูงนึกไปถึงพฤติกรรมของตนเมื่อประมาณชั่วโมงที่ผ่านมา เลิกพรมขึ้น หาซองมินตามเบาะโซฟาแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

     เขาชักจะเพี้ยนใหญ่ แต่ก็น่าแปลกที่ตลอดการค้นหาครั้งนี้ หัวใจเขาเต้นตลอดเวลา เหมือนกับมันตื่นเต้นที่จะได้พูดความรู้สึกที่มี แต่ไอ้ความรู้สึกที่ว่านั่นเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเสียด้วยซ้ำ

    อยากจะบอกว่ารักก็ไม่ใช่ แต่เขาแค่อยากจะพูดขอโทษ มันเป็นแบบนั้น

     

    เวลาเริ่มผ่านไปเรื่อย ๆ จนห้าโมงครึ่ง คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องนอนที่เข้าไปนอนพักซักครู่แล้วถอนหายใจเบา ๆ เพียรโทรหาซองมินหลายสิบรอบแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมรับสาย เยซองกับรยออุคที่เพิ่งกลับมาด้วยกันก็ทักเขาว่าเป็นอะไร ทำไมดูวุ่นวาย เขาก็ไม่ตอบ ได้แต่ถามว่าซองมินอยู่ไหน

    ไม่มีใครช่วยได้ คังอินเองก็อพยพพาอีทึกไปนอนที่หอส่วนตัวอีกแห่ง ฮยอกแจก็หายวับ ตอนนี้ทั้งชั้นก็เหลือเขาวิ่งวุ่นหาฟักทองที่หายไปอยู่คนเดียว แต่ฉับพลันทันที เวลาที่เขารู้ว่าทุกอย่างกำลังจะมาก็มาอย่างรวดเร็วเหมือนกับตอนเริ่มต้น เงาราง ๆ ของซองมินปรากฎให้เห็นตรงหางตา ก่อนที่จะแวบหายไป

    ...ตรงระเบียงสินะ

    ยิ่งคยูฮยอนเดินเข้าไปที่ระเบียง แสงสีส้มของยามเย็นสาดเข้ามาใส่นัยน์ตาจนต้องหยีตาสู้แสงอาทิตย์ ร่างสูงมองเห็นแค่เงาดำ ๆ เลือน ๆ จนเมื่อปรับสภาพได้แล้ว เขาถึงได้เห็นคนที่เขาตามหามาทั้งวัน

    พอได้เห็นแบบนี้ ทำไมถึงพูดไม่ออกกันนะ

    ...ทั้ง ๆ ที่ความรู้สึกหลั่งล้นท่วมใจ แต่เขากลับพูดไม่ได้เลย

    มาตอกย้ำอะไรอีกล่ะ

    เสียงเย็นชาเสียงเดิมถูกหยิบมาใช้กับคยูฮยอน ซองมินมองไปที่วิวด้านล่าง ตั้งคำถามเหมือนกับรายงานสภาพอากาศประจำวัน คยูฮยอนหยุดอยู่ห่าง ๆ อย่างไม่แน่ใจว่าควรจะเว้นระยะเท่าไหร่ถึงจะพอเหมาะพอควร อีกทั้งไม่รู้จะพูดอะไรแก้ต่างให้ตัวเองดี

    พี่ซองมิน..

    ร่างสูงกระซิบเรียกเสียงแผ่ว ร่างบางได้ยิน แต่ก็ไม่ได้หันมา ซองมินทำเหมือนคยูฮยอนเป็นอากาศธาตุ ไม่มีความน่าสนใจอยู่ในนั้น

    ผมขอโทษ

    และคำที่เขาอยากพูดก็หลุดออกมาอย่างไม่ทันตั้งใจ มือไม้แขนขารู้สึกเก้งก้างไปหมด แต่คำพูดที่เจาหวังว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง..กลับทำอะไรไม่ได้เลย

    มีแค่นี้เหรอ?”

    เสียงตอกย้ำที่เย็นชาของร่างบางดังขึ้นอีก คยูฮยอนรู้สึกได้ว่าซองมินกำลังโกรธ..คราวนี้คงจะทนไม่ไหวอีกแล้วสินะ

    "จะมาบอกว่าขอให้ฉันยกโทษให้นายล่ะสิ"น้ำเสียงของซองมินเยาะหยันน้อย ๆ ร่างสูงรู้สึกว่าตัวร้อนวูบด้วยความรู้สึกเคือง ซองมินไม่ยอมหันหน้ามา เพียงแต่มองลองไปที่ทิวทัศน์เหมือนมันมีอะไรน่าสนใจเสียมากมาย"...แล้วจะมีอะไร ฉันมันก็แค่ของตาย ..เนอะ?"

    คยูฮยอนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไม่เคยเป็นฝ่ายที่ต้องพูดคำว่าขอโทษ เสียใจอะไรแบบนั้น แต่ครั้งนี้เขากำลังทำมัน..ถ้าเกิดว่าเขาไม่รู้สึกในแง่นั้นกับซองมินแล้วล่ะก็..คงทำไม่ได้หรอก

    "..พี่ไม่ใช่"

    แต่คำตอบของเขามันแผ่วเบาเหลือเกิน

    "ไม่ใช่บ้าอะไรล่ะ..เดี๋ยวพอนายหาใหม่ได้ก็..เหมือนเดิม"ซองมินตอบเรียบ ๆ อำนาจแห่งความรู้สึกผิดกำลังย้อนกลับมาทำร้ายคยูฮยอน"แล้วสุดท้ายฉันมันต่างอะไรไร้ค่าตรงไหน จำได้มั้ยที่นายบอกว่าฉันมันน่าสมเพช ฉันมันสกปรก นายเป็นคนพูดเองนะ"

    ผมไม่ได้..

    ยิ่งคิดคำแก้ตัวให้ตัวเอง มันยิ่งแย่ลง ๆ คำต่อว่าที่เขาเคยใช้ประณามคนตรงหน้ากลับมาเป็นฉาก ๆ ซองมินยืนขึ้น และหันหน้ากลับมาหาเขา ใบหน้านั้นไม่มีร่องรอยของน้ำตาหรือเครื่องหมายแสดงความอ่อนแอ มือของร่างสูงคว้าที่ข้อมือไว้อย่างรวดเร็ว แต่ซองมินก็ไม่ได้สะบัดออก เพียงแต่ใช้สายตาบอกเขาว่าให้ปล่อยมือ

    ฟังผมนะคยูฮยอนคิดอะไรไม่ออกนอกจากจะพูดไปเรื่อย ๆ เรียบเรียงความคิดในหัวให้ออกมาเป็นประโยค ถึงแม้มันจะสับสนจนแม้แต่ตัวเขาไม่เข้าใจก็ตามผมอยากจะแก้ตัว...

    ไม่ทันแล้วมั้ง?”

    ซองมินย้อนกลับด้วยสีหน้าปกติธรรมดาอย่างที่สุด คยูฮยอนบีบข้อมือซองมินหนักๆ ก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปคว้าร่างบางให้อยู่นิ่ง ๆ ไม่ไปไหน ซองมินทำหน้าเฉยชา  นัยน์ตาสวยกลอกขึ้นอย่างเบื่อ ๆ

    ผมเหงาเวลาไม่มีพี่...ผมเองก็ไม่เข้าใจคำพูดที่พยายามเรียบเรียงออกมาดูแปลก ๆ แปร่ง ๆ ไปบ้าง ซองมินพยักหน้านิดหน่อย ทำเหมือนคยูฮยอนพูดเปิดประชุมการสัมมนายังไงอย่างงั้น

    แบบนั้นคือนายไม่มีใครให้ทำร้ายต่างหากคำแก้ต่างเรียบ ๆ ทำให้ร่างสูงสะดุดไปนิดหน่อย ก่อนที่คยูฮยอนจะตัดสินใจยกมือขึ้นปิดปากซองมินไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก นัยน์ตาสวยเหลือบมองเหลือบมองด้วยความไม่พอใจ

    ให้โอกาสผมได้ไหม...ผมจะลองมองพี่แบบที่สมควรซักทีคำขอร้องนั้นทอดเสียงอ้อนวอนอย่างที่ซองมินแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนรู้ว่าผมมันเห็นแก่ตัว แต่ต่อจากนี้ไป..ผมขอแก้ตัวนะ..และผมจะไม่รั้งพี่ พี่จะเจอใครทีไหนก็ได้ แต่ก็อยากให้พี่รอผม...ผมจะพยายามรักพี่

    พยายาม คำพูดกลวง ๆ นั่นมันก็พยายามเหมือนกันล่ะสิเสียงของซองมินอู้อี้นิด ๆ เพราะผ่านมือของคยูฮยอนออกมา ร่างสูงปล่อยมือออก และเห็นความใจอ่อนของซองมินอยู่ในนัยน์ตานั้นฉันไม่อยากไว้ใจนายอีกแล้ว

    คยูฮยอนไม่พูดอะไร แต่กลับจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากนั่น สัมผัสที่อยากจะให้แทนความรู้สึกทั้งหมดของเขา ร่างสูงพยายามใส่อะไรที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ลงไปในอ้อมกอดของเขาให้มากที่สุด

    ผมจะไม่บอกรักพี่ รู้..ว่าพี่จะไม่เชื่อ

    รู้ก็ดีนี่..

    ซองมินตอบเสียงห้วน คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่กอดกระชับให้แน่นขึ้นอีก ซองมินเองก็เผลอยกมือกอดตอบอย่างไม่ตั้งใจ

    “…แต่ผมขอสัญญา ให้โอกาสผมนะ

     

    ระยะเวลาที่ผ่านไปไม่นานเกินหัวใจเต้นหนึ่งครั้ง แต่คยูฮยอนกลับหยุดรอมันเหมือนเวลาถูกหยุดไว้ ร่างบางขยับตัวนิดหน่อย ก่อนที่สัมผัสอุ่น ๆ จะประทับลงกับริมฝีปากของเขา

    ...ฉันใจอ่อนแล้วแหล่ะ

    “...ดีแล้วครับ

     

    มันถึงเวลาแล้วสินะ ที่อีซองมินจะได้ยิ้มซักที

    มันถึงเวลาแล้วสินะ ที่คยูฮยอนจะได้รักอย่างไม่ทำร้ายคนอื่นและตัวเองซักที

     

     

    เคลียร์ล่ะสิ !!

    เรียบร้อย ตอนนี้จริง ๆ มีอำนาจมืดสนิทบงการนะจะบอกให้ 55

    เรื่องหน้า รอไปอีกจนสอบไฟนอล หรือไม่ก็อีกสองอาทิตย์จะลงและ..

    Sweet Sorrow ชื่อนี้ ๆ

    รันทดตั้งแต่ต้นยันจบ =w=

     

    ใครยังไม่โอนตังค์ไปโอนซะน้า ~~~~

    ไม่งั้นมีการยกเลิกนะเออ (ขู่หน่อย ไม่ได้งั้นได้กินดินแทนแกลบ T^T)

     

    ป.ล.พอทำเล่มแล้วแบกไปนั่งทำบัญชีที่ร.ร.มีแต่เพื่อนทัก - - แถมเอาไปอ่านกันอีก โฮกกกกกก

     

    ใครยังไม่โอนบ้างเนี่ยย !!=[]=

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×