คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : {part 23} at the beginning
The Beginning
ว่างเปล่า เงียบเหงา และเดียวดาย
ใครที่กล่าวว่าความตายเป็นการจากลาที่โศกเศร้าที่สุด อาจจะจริง แต่สิ่งที่คิบอมกำลังสัมผัสอยู่ตอนนี้ เลวร้ายเสียยิ่งกว่า รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ไม่ได้จากกันไปชั่วนิรันดร์ แต่สถานะที่พวกเขาเป็น ..ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการตายจากกัน
ใจของเขาคงจะบอบช้ำมากจนเกินพอแล้ว ทั้งเรื่องของซอฮยอน เรื่องของทงเฮ ความผิดบาปของตน แล้วรอบตัวเขา .. ทุกคนต่างมีความสุขกันทั้งนั้น นับจากวันที่อีกฝ่ายเดินหันหลังออกไปจากชีวิตของเขา ตอนนี้ก็ผ่านมาได้สามเดือนแล้ว ฮีชอลก็มีความสุขกับซีวอนดี ซองมินเพื่อนร่วมห้องของทงเฮก็ดูมีความสุขดี ตอนนี้เขาเริ่มตั้งใจเรียนมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอดีตเคยมีคนตัวเล็กมาบ่น ๆ เรื่องอนาคตให้ฟังหรือเปล่าถึงได้ทำแบบนี้ แต่การไปโรงเรียนในช่วงมัธยมปลายปีสุดท้ายของเขาก็ยังเงียบเหงาเหมือนเดิม
ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง อากาศเย็นขึ้นแต่ไม่หนาวมากนัก บ่งบอกว่าฤดูใบไม้ร่วงเริ่มจะมาเยือน คิบอมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วออกไปยืนมองท้องฟ้าที่ระเบียง ท้องฟ้าเป็นสีสดใส พื้นดินแต่งแต้มไปด้วยใบไม้หลากสีที่ปลิวว่อนลงมาจากต้น คิบอมเดินออกนอกห้องแล้วเลยผ่านฮีชอลที่กำลังหลับคาตำราออกไป ตั้งใจจะไปเดินข้างนอกเล่นเสียหน่อย
ใช้เวลาไม่นานกับการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่ตลาดเมียงดง อาจจะดูครึกครื้นไปหน่อยสำหรับคนบุคลิกอย่างคิบอม แต่ความสดใสที่รายล้อมอยู่รอบข้างทำให้คิบอมคลายความรู้สึกเดียวดายไปได้บ้าง ร่างสูงในชุดเสื้อเรียบ ๆ ดึงดูดความสนใจของสาว ๆ แถวนั้นได้ดี คิบอมไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ร่างสูงเดินเข้าร้านกาแฟที่เคยมาแล้วประมาณครั้งสองครั้ง ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ภาพของชายหนุ่มที่มาคนเดียวท่าทางเงียบ ๆ ก็ยังทำให้สาว ๆ สนใจได้เช่นเดิม
กลิ่นหอมหวาน ๆ ของการแฟที่คิบอมสั่งมาทำให้รู้สึกดีขึ้น ประกอบกับเค้กวานิลลาสีขาวที่ลองสั่งมากิน คิบอมลองตักเข้าปากไปคำหนึ่งแล้วทำหน้าเบ้ ๆ แต่ก็ยอมรับว่ามันอร่อยดี ... ที่กินนี่ก็เพราะคิดถึงอะไรหวาน ๆ เมื่อก่อนทั้งนั้น
...หรือเขาจะเหลิงนะ จมอยู่กับความมืดมา เมื่อได้แสงส่วางก็ต้องการเสียจนขาดไม่ได้เสียแล้ว
เวลาผ่านไปได้ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ร่างสูงมองออกไปนอกกระจกใสของร้านแล้วตัดสินใจจะเดินไปที่อื่นต่อ คิบอมเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วหันหลังกลับมา แต่ภาพที่เห็นทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น
ทงเฮ ?
ร่างผอมบางกำลังเดินฝ่าฝูงชนอยู่ข้างนอก หัวใจโลดขึ้นมาในอกเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ยามที่ทงเฮอยากจะไม่เจอ .. ก็ไม่ได้เจอจริง ๆ แทบไม่มีวันไหนที่ได้พบกัน เป็นเรื่องประหลาดที่วันนี้เขาได้เห็น คิบอมผลุนผลันออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็ว ไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไร แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าขอเวลา คิบอมก็ผ่อนฝีเท้าลง .. แล้วเดินตามหลังคนตัวเล็กไปอย่างพยายามไม่ให้ผิดสังเกตมากที่สุด หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพียงแค่ได้เห็นคน ๆ นี้อีกครั้งก็รู้สึกดีขึ้นได้
ทงเฮดูเหมือนจะผอมลง ใบหน้าหวานที่เคยมีรอยยิ้มก็กลับกลายเป็นนิ่งสนิทเสียจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ทำให้คิบอมคิดเข้าข้างตัวเองไปได้ว่าเพราะอะไร ผมที่เคยยาวเลยต้นคอลงมาเริ่มเลื้อยไปบนไหล่ จากผมสีดำโดนเปลี่ยนเสียจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ยิ่งส่งให้ใบหน้าหวานดูสวยขึ้น ร่างสูงเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลดละความพยายาม ทงเฮเดินตรงไปเรื่อย ๆ เหมือนคนไร้จุดหมาย ไม่ได้แวะเข้าร้านรวงข้างทาง
“จะไปไหนนะ”คิบอมพึมพำ เขาอยู่ห่างจากอีทงเฮประมาณสามเมตร มีคนไม่กี่คนกั้นอยู่ ร่างบางหยุดเดินกะทันหันจนร่างสูงต้องเบรกตามไปด้วย วินาทีถัดมาทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างงง ๆ ทงเฮหันหลังมามอง คิบอมได้แต่ทำหน้าเหวอน้อย ๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจนมองตรงมาแบบนี้
สองคนสบตาสายตากันนิ่ง คิบอมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ทงเฮกะพริบตา ...และโดยไม่คาดคิด รอยยิ้มหวาน ๆ ที่คุ้นเคยถูกส่งให้เขา รอยยิ้มที่ดูคุ้นตาเหมือนในอดีต ร่างสูงชะงักค้าง ใบหน้าหล่อแดงระเรื่อขึ้นมาเหมือนตัวเองไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ทงเฮยังคงมีความสามารถแบบเดิม
เพียงแค่ยิ้มก็สั่นไหวหัวใจของคิบอมได้ทั้งดวง
ร่างสูงก้าวเท้าไปข้างหน้าเหมือนคนละเมอ ภาพคนรอบตัวที่เดินกันขวักไขว่กลายเป็นสีจาง ๆ ทงเฮพยักหน้าให้น้อย ๆ แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ร่างบางหันหลังให้แล้วเดินหายวับไปดังทุกอย่างเป็นเพียงภาพฝันที่ผ่านไป คิบอมกะพริบตาอีกครั้งแล้วรีบเดินไปถึงจุดที่ทงเฮอยู่เมื่อครู่
แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
...หายไปไหนกันนะ
คิบอมมองซ้ายมองขวาด้วยความเสียดาย ได้เจอ อีกเพียงนิดเดียวจะได้พบเจอกับทงเฮ ได้ทวงคำตอบที่เคยฝากไว้ อยากรู้ว่าจะตอบกลับมาอย่างไร แต่แค่เขาปล่อยไปไม่ถึงวินาที ภาพของทงเฮก็เลือนหายไปในอากาศ
ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางไร้วิญญาณ คิมฮีชอลที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็ยังขลุกอยู่หน้าทีวีที่เดิมมองตามคิบอมไปด้วยสายตางง ๆ ร่างบางวางชามขนมลงข้างตัวแล้วส่งเสียงเรียกคิบอม
“เฮ้ย ... คิบอม มานี่หน่อย”
คิบอมเมินหน้ามามอง แต่ไม่ได้ขยับจะมาหาอย่างที่คนเรียกต้องการ
“เรื่องไอ้ทงเฮมัน”เท่านั้นแหล่ะ คิบอมถึงกับกระตุก แต่ไม่ได้ร้อนรนจนเสียฟอร์ม ร่างสูงเดินช้า ๆ มาหยุดอยู่ใกล้กว่าเดิมนิดหน่อยให้พอฟังใจความสำคัญรู้เรื่อง ฮีชอลเบ้ปากน้อย ๆ อย่างขัดใจ”ทงเฮมาหาน่ะวันนี้”
คิบอมยังเงียบ แต่ทำสีหน้าเหมือนกับว่าให้เล่ามาเร็ว ๆ ฮีชอลยกยิ้มยั่วเย้าพลางเอนตัวลงซบโซฟาเหมือนเดิม พอเห็นคิบอมทำหน้าแบบนี้ก็ครึ้มใจดีเหมือนกัน คนเป็นน้องชายท่าทางจะอดทนไม่ไหว ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน แล้วนั่งจ้องหน้าฮีอชลต่อไปด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“พอแล้ว เล่าก็ได้”ผ่านไปสามนาทีเหมือนจะต้มบะหมี่ให้สุก ฮีชอลก็บ่นกระปอดกระแปดเพราะทนเล่นจ้องตาไม่ไหว หันไปเห็นคิบอมยิ้มนิด ๆ ยิ่งหมั่นไส้ อะไรจะดีใจขนาดนั้น”มาแป๊บเดียว เอาของฝากจากพ่อเขามาให้”
“แค่นั้นฦ”ร่างสูงพึมพำเสียงเบา แต่ก็ไม่รอดพ้นหูของพี่ชายตัวดีไว้ได้ ฮีชอลทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างคนหมั่นไส้
“แค่นั้นนั่นแหล่ะ ลับลมคมในจริงนะ”ร่างบางบ่นแล้วหันกลับไปดูซีรี่ส์ตามเดิม นิ้วกดรีโมทเพื่อให้หนังเล่นต่อ คิบอมมองหนังในจอด้วยสายตาครุ่นคิด
“บางทีหลาย ๆ เรื่องมันก็ตลกดีนะ”
“นี่มันซีรีส์เศร้าเว้ย ไม่ใช่ตลก”ท่าทางจะพูดคนละเรื่องกัน คิบอมส่ายหัวเบา ๆ แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง ภาพความทรงจำเก่า ๆ ไหลย้อนกลับมาเล่นงานได้ทุกครั้งที่เขาอยู่นิ่ง ๆ คิบอมมองไปรอบห้องแล้วถอนหายใจเสียงเบา บนโต๊ะทำงานมีดอกไม้สองดอกวางอยู๋ในแจกัน ดอกเดซี่สีขาวที่ใบเริ่มร่วงโรยเพราะอากาศหนาวขึ้น กับดอกไม้อีกดอกที่คิบอมเอามาเปลี่ยนใหม่ ดอกทานตะวันที่เริ่มร่วงโรยแล้วเช่นกัน
ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิพัดเข้ามาอีกวูบ ทิ้งให้คิบอมนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทงเฮฝากไว้ จากที่ได้เจอกันวันนี้ แววตาของทงเฮไม่ได้มีความหวั่นไหวอยู่ในนั้น มันว่างเปล่าเหมือนนไม่เคยรู้จักกัน มีเพียงรอยยิ้มหวานที่ทำให้เขารู้สึกว่ายังเป็นคนเดิม
แล้วคำตอบที่เขาต้องการ ...
สิ่งที่ทงเฮทิ้งไว้
เวลาและการรอคอย
ไม่ว่าตอนไหนเขาก็ยังอยู่ที่เดิม ที่ที่มีเขาคนเดียวมาตั้งแต่ต้น ใครหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็จากไป
คำว่าที่เดิมของทงเฮเขาไม่รู้หรอกว่ามันคือที่ไหน มันเป็นนิสัยของคิบอมตั้งแต่ต้นแล้วที่ไม่ค่อยจดจำอะไรมากมายเสียเท่าไหร่ถ้าหากไม่อยาก ได้แต่เดาไปเรื่อย ๆ และทดลองไปเรื่อย ๆ เช่นกัน ยังไงก็ตาม เขาคงไม่มีเวลามากมายขนาดนั้น
การไปโรงเรียนตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสนุกซักเท่าไหร่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในเมื่อไป ก็รู้ว่าจะได้เจอทงเฮ แต่จากที่เขาลองเสี่ยงไปหนึ่งครั้งก็กลายเป็นผลลัพธ์เท่าศูนย์ ไปแล้วนอกจากจะเจอน้อยแล้ว ยังโดนสีหน้านิ่งเย็นของทงเฮอีกต่างหาก
ไม่เจอไม่ว่า ขอแค่อย่าทำหน้าเย็นชาใส่ เขาไม่ชอบ
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้มากดเล่นอย่างใจลอย ไปสะดุดเอาตรงชื่อของทงเฮที่โผล่เข้ามาตรงลิสต์รายชื่อแต่ละคน นิ้วเรียวกดส่งข้อความ พิมพ์แต่ละตัวออกมาอย่างคนที่ไม่เคยชินกับการส่งข้อความ
...แค่คำว่าคิดถึง คิบอมยังใช้เวลางมหาตามแป้นตัวอักษรนานเป็นนาที พอพิมพ์เสร็จแล้วกลับชะงักแล้วลบทุกอย่างทิ้งไปทั้งหมด โทรศัพทืมือถือถูกวางไว้ที่เดิมโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอีก คิบอมเอนกายลงบนเตียง นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปซักพักจนหลับไปในที่สุด
บอกว่าต้องการเวลา ...
แล้วเวลาที่ต้องการมันนานเท่าไหร่กันล่ะ ทงเฮ ?
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียน คิบอมเงยหน้าที่ฟุบลงกับโต๊ะขึ้นมาแล้วคว้ากระเป๋า สายตามองไปยังที่นั่งที่มีคนตัวเล็กคนนั้นนั่งอยู่ แผ่นหลังบางงองุ้มดูอ่อนแอ แต่แววตานั้นก็ไม่เคยเหลือบมามองเขา ความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคนเป็นที่สังเกตของเพื่อนทั้งห้องแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ม่านหมอกบาง ๆ ที่กางกั้นระหว่างตัวของคิบอมกับทงเฮอึมครึมเกินกว่าจะแหวกมันไปได้ แม้แต่คนที่กำลังสดใสอย่างซองมินก็ยังแหยงอยู่ ร่างบางหยิบกระเป๋าแล้วเดินผ่านออกไป คิบอมไม่ได้หันไปมองแม้แต่น้อย .. แต่มือใหญ่ก็กำแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากความรู้สึก
....
นับเป็นเวลาซักสองสามนาทีได้ที่ทงเฮเดินออกไป คิบอมเองก็เดินตามออกไปบ้าง สีหน้านิ่ง ๆ นั่นดูน่ากลัว โลโก้’ผู้ชายเย็นชา’ที่เคยแปะอยู่บนหน้าผากคิบอมดูมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ความเจ็บปวดที่เขามีนั้น ..มันเอ่อออกมาจนคนอื่นแทบจะรับรู้ได้
ฝีเท้าของคนตรงหน้าช้าราวกับจงใจให้เขาเดินตามไป คิบอมเองก็ชะงักฝีเท้าช้าลง ไม่อยากจะทำให้เจ้าตัวต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาอีก ไม่รู้ว่าเวลาที่ทงเฮต้องการมันคือเท่าไหร่ แต่เขาก็พร้อมที่จะให้มันเสมอ เขากำลังหายใจอยู่ในที่เดียวกัน แต่ทุกอย่างกลับห่างไกลกันเหลือที่จะเอื้อมมือไปถึง
แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นอีกที เขาก็ชนกับคนที่เคยคิดว่าแสนไกล อีทงเฮหยุดนิ่งโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว คิบอมก้าวถอยหลังไปช้า ๆ ... ทั้งสองคนยืนสบตากันนิ่ง คิบอมรวบรวมความกล้าที่หาได้น้อยนิด เสียงทุ้มพูดออกมาแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ท่ามกลางเสียงจอแจของบริเวณรอบข้าง
“ไปกับฉันหน่อยนะ...”
“ต้องการอะไร”ทงเฮย้อนถามกลับมาเสียงนิ่งสนิท คิบอมกำมือแน่นขึ้นชั่ววูบ
“อยากคุยกับนาย...อีกครั้ง”คำขอร้องนั้นไม่ได้ทำให้ทงเฮมีสีหน้าที่อ่อนลงไปแม้แต่น้อย ร่างบางถอยหลังไปช้า ๆ แล้วส่ายหน้าด้วยท่าทางเย็นชา
ถึงแม้ในใจจะอยากพูดกับคิบอมมากแค่ไหนก็ตาม
“ครั้งสุดท้ายที่จะดื้อดึง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำแบบนี้ ..ขอร้องเถอะนะ”คิบอมทอดเสียงอ่อน แต่ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปหาให้ใกล้ขึ้น ทงเฮยังคงส่ายหัว ..ค้นพบว่าการปฏิเสธง่ายกว่าการตอบรับเยอะ
ทนกับความรู้สึกผิดในใจไม่ไหว
“ไปกับฉันนะ .. ครั้งสุดท้าย”แววตาอ้อนวอนทำให้ทงเฮจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ไม่มีคำปฏิเสธ และไม่มีคำตอบรับ แต่คิบอมก็เดินนำอีกฝ่ายไปอย่างเงียบงัน ในใจเริ่มเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ..แต่มันก็รวมความหวาดกลัวไว้ด้วยเช่นกัน ทงเฮเดินตามช้า ๆ ... ตลอดเวลาที่ทั้งสองคนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปด้วยกันเต็มไปด้วยความเงียบสงัด
บรรยากาศยามเย็นของแม่น้ำฮันที่คิบอมเลือกมาตอนนี้มีผู้คนอยู่ประปราย เย็นแล้ว จนแทบจะมืดเลยด้วยซ้ำ บวกกับอากาศหนาว ๆ ในฤดูใบไม้ร่วงด้วยแล้ว ตอนที่ทั้งสองคนมาถึงก็แทบไม่มีใคร ทงเฮทรุดตัวลงนั่ง สายตาเหม่อมองผืนน้ำสีมืดหม่นเบื้องหน้า คิบอมได้แต่เหลือบมองเสี้ยวหน้านั้นอย่างหวั่นกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คิดว่าฉันจะตอบนายว่าอะไร”จู่ ๆ ทงเฮก็เอ่ยปากขึ้นมาถึงเรื่องราวที่เฝ้าวนอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน คิบอมส่ายหัวช้า ๆ เขาไม่อยากมองหน้าทงเฮตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ร่างบางยิ้มน้อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นเลยซักนิด
ร่างสูงส่งเสียงในลำคอตอบรับ สายลมกรีดเสียงหวีดหวิวผ่านไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันระหว่างคนสองคน คิบอมยังคงรักษาสายตาไว้ที่วิวเบื้องหน้าไว้มั่น จึงไม่ได้หันไปมองสีหน้าของคนข้างกาย
เย็นชา ... เสียจนน่ากลัว ไม่มีแววของความใจอ่อนเลยด้วยซ้ำ
“ผมไม่รู้”คิบอมตอบออกมาเสียงแผ่ว ๆ”ผมขอโทษ ขอโทษอีกครั้งนะทงเฮ รู้ว่าฟังจนเบื่อ ... แต่ผมก็อยากให้รู้ว่าผมเสียใจจริง ๆ”
“ก็รู้ว่าเบื่อแล้วทำไมยังพูดอีกล่ะ”คำตอกกลับก็เหมือนกับเข็มแหลมที่ทิ่มลงมาในแต่ละครั้ง คิบอมมองลงไปที่ผืนหญ้า รู้สึก...ว่าหัวใจเต้นแผ่วลงทุกทีด้วยความเจ็บปวด”ถ้าคำว่าขอโทษมันช่วยอะไรได้ ... ป่านนี้ยุนอาคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะมั้ง”
คำนั้นเจ็บ เจ็บจนคิบอมได้แต่เงียบ ... พูดอะไรไม่ออก อยากจะเว้าวอนให้อีกฝ่ายกลับคืนมาเหมือนเดิม ศักดิ์ศรีที่เคยมีเขาก็พร้อมโยนทิ้งอย่างง่ายดาย ขอแค่ทงเฮกลับมาก็เพียงพอ
“กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม...”
น้ำเสียงเจ็บปวดบวกกับคำขอร้องนั่นทำให้ทงเฮต้องก้มหน้าลงไปมากกว่าเดิม ทิฐิในใจใช่ว่าจะสูงนักหนา แต่เพียงเพราะเขาเข็ดกับคำว่าความรักแล้วต่างหากถึงได้เป็นแบบนี้ ทงเฮส่ายหัวช้า ๆ อยากให้เรื่องทุกอย่างจบเสียที แล้วสุดท้ายเขากับคิบอมจะได้แยกย้ายกันไป ไปจากกันตลอดกาล
“ทงเฮ...”คิบอมครางเสียงผิดหวัง รู้ว่าตัวเองเรียกร้องมากเกินไป แต่ก็อยากจะทำอยู่เหมือนเดิม ความคิดบ้า ๆ ผุดขึ้นมาในหัวแบบที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ร่างสูงลุกขึ้นยืน ทงเฮเองก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินออกไป เป็นการจบเรื่องราวทั้งหมดไปซะ ร่างบางหันไปมองร่างสูง ๆ ของคิบอมอีกครั้งเหมือนกับจะสั่งลา แต่อะไรบางอย่างในแววตานั้นทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ...”รอยยิ้มนั้นเศร้าสร้อย เศร้าเสียจนทงเฮรู้สึกใจหายวูบ”ลาก่อนนะ”
โดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว คิบอมก้าวถอยหลังไปช้า ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนภาพช้า ร่างสูงที่เอนลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลก พร้อมกับเสียงแตกกระจายของผิวน้ำพร้อมกับร่างที่จมหายลงไปช้า ๆ ทงเฮยื่นมือออกไปข้างหน้าเหมือนจะไขว่คว้าอะไรไว้ แต่ไปไม่ถึง
“อย่ามาหลอกเลย...ฉันไม่เชื่อหรอก”เขาได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไปแบบนั้น ดูเลื่อนลอยเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล ความรู้สึกชาวูบแล่นไปทั่วร่างจนจับทางไม่ถูกว่าสิ่งที่ควรกระทำคืออะไรดี ตอนนี้ คิบอมจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ในนิยายก็มีมากไม่ใช่เหรอ ที่ว่าจะมาบอกกันแบบนี้เพื่อให้เขาบอกออกมาว่ารักคิบอมจริง ๆ ...
แต่เขาก็ยังคงรัก ...
“อยากไปทะเล”ทงเฮเอ่ยปากขึ้นมาในวันว่าง ๆ อีกวันหนึ่งที่นั่งขลุกอยู่หน้าทีวี คิบอมปรายตามองและเมินไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปกันมั้ย อยากไปจัง”ร่างบางพยายามชวนให้คนหน้านิ่งสนใจให้ได้ ร่างสูงกดเปลี่ยนช่องจากรายการที่ถ่ายที่ทะเล ตัวต้นเหตุที่ทำให้ทงเฮอยากกลับบ้านเกิดไปว่ายน้ำเล่นไปซะ
“ไม่ชอบ”
“ว่ายน้ำไม่เป็นอ่ะดิ่”ร่างบางเดาส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดหรอกมันจะเป็นจริง แต่คิบอมก็พยักหน้าเนิบ ๆ แบบไม่สนใจความจริงที่บอกออกมาเลย”จริงอ่ะ!?!”
“แล้วจะหลอกไปทำไม”คิบอมหันกลับมามอง แล้วก็สาธยายยาวกว่าเดิมอีกนิดว่าทำไมถึงได้ว่ายน้ำไม่เป็น”เด็ก ๆ เคยจมน้ำ ฝังใจ”
“อ๋อ”คำอธิบายสั้น ๆ นั่นก็ดีเหมือนกัน เข้าใจง่าย ทงเฮพยักหน้าหงึก ๆ อดเสียดายไม่ได้
อดไปทะเล - -
ว่ายน้ำไม่เป็น ...
คิบอมว่ายน้ำไม่เป็น .... แล้วตอนนี้คิบอมกำลังจมน้ำ มือยาว ๆ ที่ผุดโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำเป็นระยะหายไปแล้ว นี่มันนานแล้วด้วยตั้งแต่ที่คิบอมหายลงไป แล้วตรงนี้น้ำก็ลึกไม่ใช่เล่นเสียด้วย
ลาก่อน
หวังสุดใจว่าคำนั้นจะไม่เป็นความจริง
คิบอมกำลังหมดแรง ทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากพยายามขยับตัวไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน อุณหภูมิในน้ำเย็นเฉียบทำให้กล้ามเนื้อกรีดร้องด้วยความทรมาน เขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็น แต่เขาว่ายน้ำไม่ได้จริง ๆ ความหนาวเย็นที่มืดมิดห้อมล้อมลงมาเหมือนในอดีตไม่มีผิด สติเริ่มลางเลือน ..ในขณะที่เขาจมดิ่งลงไป ... ลงไปเรื่อย ๆ สัมผัสรอบข้อมือก็ดึงให้เขาขึ้นไปเรื่อย ๆ
อากาศเย็นเฉียบเหนือผิวน้ำเย็นบาดเนื้อ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหลังจากที่แทบจะหมดแรงมานานเป็นนาที ร่างบางออกแรงลากคิบอมกลับเข้าฝั่ง เมื่อตัวเองขึ้นมาได้แล้วถึงได้ลากคิบอมขึ้นมานอนด้วย ร่างสูงยังคงมีสติ แต่ก็เหลือน้อยนิด แต่ความหนาวเย็นก็เริ่มทำให้ปากเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง ทงเฮไอแล้วมองซ้ายมองขวา ปาดน้ำอุ่น ๆ ที่ติดอยู่ตรงหางตาออกไป
“ทำอะไรแบบนี้ ..คิบอม ..ทำบ้าอะไรแบบนี้”พึมพำอยู่กับตัวเอง น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาไม่ขาดสาย ร่างสูงพยายามประคองสติขึ้นมาให้มากที่สุด รู้สึกยินดีที่ร่างเล็กยังคงให้ความสำคัญกับตนแบบนี้ ถึงแม้จะเฉียดตาย แต่กับการที่ได้ผลตอบแทนออกมาเขาก็ยอมรับมัน
คิบอมแกล้งนอนนิ่งต่อไปอีกซักพัก ที่จริงไม่จำเป็นต้องมาผายปอดเขาเพราะไม่ได้กลืนน้ำอะไรเข้าไปมากมาย ถึงแม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่เขาก็ยังคงอยากรู้ว่าทงเฮจะทำอะไรต่อไป ทงเฮเห็นแบบนั้นก็ได้แต่มองซ้ายมองขวา ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาอย่างไร จะปล่อยให้หนาวตายตรงนี้ก็ใช่เรื่อง ห่วงก็แสนห่วง แต่ใจก็ยังหวาดหวั่น
....การกระทำเมื่อครู่มันแสดงให้เห็น ว่าอีทงเฮก็ขาดคิมคิบอมไม่ได้เช่นกัน
ทงเฮหลับตาลงแล้วยันมือไว้กับพื้นหญ้านุ่ม ๆ มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมไปบีบจมูกของคิบอมไว้แล้วก้มลงประทับริมฝีปากลงไป แต่ยังไม่ทันได้เป่าลม มือที่จับจมูกคิบอมบีบไว้ก็ถุกปัดออก ก่อนที่อ้อมกอดที่หนาวเย็นเพราะอุณหภูมิจากน้ำเย็นจะโอบรัดทงเฮไว้ ยังไม่ทันโวยวายด้วยซ้ำ ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็ประทับเข้าลงที่เดิม ร่างบางเบิกตากว้าง แต่เมื่อเจอกับจุมพิตที่แผงความอ้อนวอนนั้นก็โอนอ่อนตามไปอย่างช่วยไม่ได้ มือใหญ่กดศีรษะร่างบางจนขยับไปไหนไม่ได้
“อื้อ .. พอแล้ว ไม่เอา ...”เสียงเล็ก ๆ ออดขึ้นเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ แก้มใสแดงก่ำ มาดเยือกเย็นที่เคยมีแตกกระจายหายไปโดยสิ้นเชิง ร่างสูงประสานสายตากับอีกฝ่าย ความกล้ากลับมาจากไหนไม่รู้ แต่มันทำให้เขากล้าตั้งความหวังไปอีกหนึ่งครั้ง ...
“ทงเฮยังรักผม...”คำพูดนั้นทำให้ร่างบางเลิกดิ้น ก้มหน้าหลุบลงต่ำ ทงเฮไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อทิฐิพังทลายหายไป สิ่งที่คิดว่ายากกลับง่ายขึ้น การทำใจยอมรับเรื่องนี้ มันก็กลับง่ายขึ้นอย่างง่ายดาย”ทงเฮยังรักผมอยู่”
“คิดไปเองชัด ๆ”เสียงหวานพูดอู้อี้ สะบัดตัวอีกครั้งอยากจะเดินออก แต่คิบอมกลับรั้งไว้แล้วไล่จูบหวานอีกครั้ง รุกเร้าด้วยความอ่อนโยนเสียจนคนได้รับแทบใจละลาย แต่พอคิดมาคิดไปอีกที ...
เขาโดนเอาเปรียบอยู่นี่นา
คิดได้แบบนั้นฟันขาวก็ออกแรงกัดเบา ๆ ที่ลิ้นของอีกฝ่ายจนคิบอมผงะออกด้วยความตกใจ ก่อนที่จะสะบัดหน้าพรืดออกอย่างขุ่นเคืองใจ ทงเฮลุกพรวดทั้ง ๆ ที่ตัวยังคงเปียกปอน ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่แนบใบหน้า คิบอมลุกขึ้นคว้ามือทงเฮไว้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเอาแทบผงะ
“ขอโทษนะครับ ... ขอโทษนะ”เสียงอ้อน ๆ และมือที่กุมหมัดของเขาไว้กำลังทำให้ทงเฮใจอ่อนยวบลงทุกที”ยกโทษให้ผมนะ ...”
“งั้น ... ฉันขอถาม”ร่างบางทำสีหน้าเย็นชาใหม่อีกครั้ง ยืนกอดอกถามเสียงเรียบ คิบอมยืนตัวตรงเหมือนจะรับฟังคำสั่ง สีหน้าพวกนั้นที่คิบอมไม่เคยแสดงออกกำลังทำให้ทงเฮจะหลุดขำ คิบอมเขม้นมองใบหน้าร่างบางที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืนของแม่น้ำฮัน
สีหน้าที่เขาเคยหวั่นว่ามันจะเต็มไปด้วยความเย็นชา ... กลับดูอ่อนโยน
“คิบอมยังยืนยันคำตอบเดิมอยู่ไหม?”
คำ ๆ นี้เหมือนจะปลุกสติของคิบอมให้ฟื้นคืน จากเซื่องซึมกลับกลายเป็นตื่นตัวเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าแรงสูงช็อต คิบอมหันหน้าไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าหวานที่อมยิ้มน้อย ๆ นั่น ... ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้คน ๆ เดิมกลับมาอีกครั้ง ทงเฮคว้ามือคิบอมมากุมไว้ เนื้อของทั้งสองเย็นเฉียบ .. แต่ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านนั้นกลับทำให้หัวใจเต้นระรัวด้วยความสุข
“อะไรนะครับ...”คิบอมทวนเหมือนคนถูกตีศีรษะจนมึน ทงเฮกัดริมฝีปากน้อย ๆ กลัวเหมือนกันว่าคิบอมอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้”คำตอบ?”
“ยังรักกันอยู่ไหม ยังทนรับอีทงเฮคนนี้ที่เป็นคนหลายใจได้หรือเปล่า?”คำถามนั่น พอแทรกซึมสู่ประสาทของร่างสูงได้แล้ว คิบอมก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจปนยินดี
“รัก... รักทงเฮ”คำพูดสั้น ๆ ที่อบกกับคนหลายใจทำให้ร่างบางยิ้มกว้าง”ถ้าทงเฮยินยอมรับคนหลายใจคนนี้ไว้ด้วยนะ”
“ที่ผ่านมา ... ฉันคิดว่าพอไม่มีนาย มันอาจจะดีขึ้น ที่ผ่านมาอาจจะเป็นแค่ความหลงชั่ววูบ แต่ไม่จริงเลย”ร่างบางกระซิบเสียงแผ่ว พยายามถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองผ่านคำพูดออกมาให้ได้มากที่สุด ใบหน้าหวานยื่นเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ลมหนาวที่พัดวนอยู่รอบ ๆ คนทั้งสองคนไม่มีความหมายเลยในนาทีนี้ คิบอมมองเห็นตัวเองในดวงตาของทงเฮ สีหน้าที่สดใสเหมือนเดิมนั่นทำให้เขาหลงอยู๋ในภวังค์ ...”อาจจะดูบ้า ๆ ที่ชอบ..เอ้อ ..เพศเดียวกัน แต่ฉัน ...รักนาย”
แค่นั้นก็พอแล้ว คิบอมยิ้มออกมาจนได้ แก้มใสของร่างบางแดงก่ำน่ามอง มือทั้งสองคนที่จับประสานกันกระชับแน่นด้วยความโหยหา ริมฝีปากของทั้งสองแตะกันแผ่วเบา รสจูบหวานล้ำที่ทั้งสองฝ่ายมีสติและเต็มใจจะมอบให้กันเป็นดั่งสิ่งที่ชุบความรู้สึกของทั้งสองขึ้นมาใหม่ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันอย่างโหยหา
การที่รักใครซักคนใหม่ไม่ใช่เรื่องผิด ...
เพราะเรื่องของคำว่ารักนั้นยากที่จะเข้าใจ และเป็นเรื่องของคนสองคน
“ขอบคุณนะ ... ที่ยังรออยู่”ทงเฮตอบแผ่วเบาแล้วกระชับกอดให้มากกว่าเดิม”ขอบคุณจริง ๆ”
รัก ... ยากจะเข้าใจ
เขาเคยเข้าใจความรัก บางครั้งก็ต้องเจ็บปวดและสับสนกับมัน หลายครั้งที่ต้องเสียน้ำตาให้ จนได้แต่บอกตัวว่าเองว่าเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว
แต่เขาก็ขาดมันไม่ได้
คิมคิบอมไม่อาจจะขาดแสงสว่างที่อบอุ่นและอ่อนโยนได้อีกแล้ว
....เขาขาดทงเฮไม่ได้อีกแล้ว
=====================================
ไม่ใช่แต่งยากธรรมดา แต่แต่งยากมากกกกก
รู้สึกว่าสามเรื่องที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งตอนจบยากที่สุด
กลัวจบไม่ดีด้วย ... ฮือ
ขอบคุณอำนาจมืด *-*
จบแล้ว .. ฮึก
อยู่กะเรื่องนี้มาตั้งแต่เมือ่ไหร่ก็ไม่รู้ กระซิก ..
...รักทุกคน
และคงจะให้เวลากะแมวได้เต็มที่ 5555
เจอกันที่งานฟิค กร๊ากกกกก
ความคิดเห็น