ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Suju] • So I • ,, Kihae {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #31 : {part 22} Before last chapter

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 53


    Before last chapter

     

     

     

    ผ่านไปตั้งสองอาทิตย์ที่ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างว่างเปล่า ซองมินได้แต่นั่งมองโลกรอบตัวด้วยความเงียบเหงา ทงเฮก็เรียน ๆ หาย ๆ พอมาทีไรก็ทำเงียบ ส่วนคิบอมก็หายไปเลย แทบไม่มาเรียนด้วยซ้ำ ชีวิตที่เคยตื่นเต้นได้พักหนึ่งก็กลับมาเป็นเส้นตรงเหมือนเดิม ตรงปุ๊บได้ประมาณสองวัน ก่อนที่กราฟความน่าสนใจจะตกเหว

     

    ...คิดถึงนะ คิดถึงจริง ๆ

     

    คนเพิ่งรู้ใจตัวเองตอนที่เขาหายไปเกือบสองอาทิตย์ได้แต่ถอนหายใจแล้วเอาหลังพิงผนังห้องนอนตัวเองแล้วลูบตุ๊กตาขนฟูด้วยท่าทางเหม่อลอย ในใจว่างโหวงเหวงไปหมด จะโทรไปปรึกษาทงเฮก็ไม่ได้ พักนี้ยิ่งซึมเศร้าอยู่ ไม่พูดไม่จา ไม่รู้เกิดปัญหาอะไรกันขึ้นมาอีก

     

    ทำไมไม่ติดต่อมานะซองมินพึมพำแล้วกดหัวตุ๊กตาอย่างหมั่นเขี้ยว รู้สึกหมั่นไส้คนเล่นตัวตงิด ๆ ถึงแม้จะเริ่มเข้าใจแล้วว่าคยูฮยอนรู้สึกยังไงตอนเขาเล่นตัวบ้าง แต่ช่างมันเถอะ เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วสงสัยป่านนี้จีบใครใหม่ไปแล้วมั้ง...

     

    พูดเองก็เงียบเอง ซองมินทุบหัวหมีอีกทีแล้วกอดไว้แน่น รู้สึกน้อยใจไม่ใช่น้อยที่อีกฝ่ายตีตัวออกห่างไป แค่เวลาสั้น ๆ เขายังเป็นขนาดนี้เลย แล้วเพื่อนของคยูฮยอนที่ชื่อฮยอกแจก็หายไปจีนอีกคนจนไม่มีใครให้ถาม จนป่านนี้ยังไม่กลับมา

     

    แต่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ...

     

    มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซองมินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองจนกระทั่งประตูเปิด คนที่เข้ามาก็คือแม่ของซองมินเอง เธอมองลูกชายที่ทำตัวเหงา ๆ อย่างเอ็นดูแล้ววางถาดขนมไว้ให้ข้างตัว

     

    อ่ะ คุกกี้ นี่ซองมิน โตจนป่านนี้ยังเล่นตุ๊กตาอีกเนอะแซวลูกชายเล่นด้วยความที่อยากกลับมาโวยวายเหมือนเก่า ซองมินแค่เงยหน้าขึ้นมาจากกองขนนุ่ม ๆ ฟู ๆ แล้วถอนหายใจ แต่ก็ไม่ลืมเอื้อมมือมาหยิบคุกกี้ในชามกินอ้วนใหญ่แล้วนะ

     

    ช่างมันสิครับ...ซองมินขมุบขมิบปากบอกแล้วปัดมือเข้ากับกางเกงเพื่อไล่เศษคุกกี้ออกไป

     

    ทำไมพักนี้ซึมไปล่ะลูกถามไถ่อย่างเป็นห่วง ถึงแม้ในใจแอบจะไชโยก็ตาม ตั้งแต่ลูกชายเพื่อนข้างบ้านหายหัวไปอเมริกาก็ทำตัวแบบนี้มาตลอด ถึงแม้จะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ซองมินก็ไม่ได้รู้นี่นา ...

     

    ว่าแม่ตัวเองก็แอบเชียร์คยูมินเหมือนกัน

     

    งานเยอะล่ะมั้งแม่ นอนน้อยซองมินทำตาปรือ ๆ ตอบแล้วทำท่าจะนอนต่อ อันที่จริงข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน แต่ตอนนี้รู้สึกไม่อยากอาหารเหมือนเคยแม่ กริ่งดัง

     

    เมื่อก่อนก็คงรีบวิ่งออกไปหาสินะฮันบยอลแซวเล่นอีกที หากเป็นเมื่อก่อนซองมินจะรีบวิ่งออกไปแล้วไปด่าซะคนกดกริ่งอย่างคยูฮยอนหูชา แต่ตอนนี้กลายเป็นคนอื่นแทน เมื่อก่อน .. คนที่ทำให้ลูกชายเธอมีชีวิตชีวาได้ก็มีแค่เด็กกวนตีนคนนั้นนั่นแหล่ะ ซองมินเบ้ปากน้อย ๆ แล้วปีนขึ้นเตียง ดึงผ้านวมสีชมพูมาคลุมโปง ดีที่เขาเปิดแอร์ไว้เสียเย็นฉ่ำไม่อย่างนั้นก็คงร้อนตาย กลางเดือนสิงหาแบบนี้ ร้อนตับจะแตก

     

    จะว่าไป ..ตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันเกิดคิบอมแล้วนี่นา จำได้ว่าทงเฮเคยบอกไว้ลาง ๆ เมื่อเดือนก่อน ดูตื่นเต้นน่าดู

     

    แต่ตอนนี้ ...ไม่เห็นอีทงเฮจะทำอะไรเลย แปลกใจจัง

     

    ซองมินได้ยินเสียงเดินไปเดินมาอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจสนใจอะไรมากมาย ร่างบางปรือตาลง ความง่วงบวกกับอากาศที่เย็นสบายทำให้หนังตาเริ่มถ่วงหนักลงเรื่อย ๆ แต่แทนที่เสียงรบกวนรอบ ๆ จะห่างไกล กลับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนต้องเอาผ้าห่มคลุมหัวเสียจนอากาศแอบร้อนนิด ๆ ผ่านไปได้อีกสองสามวินาที ประตูห้เองก็เปิดด้วยเสียงที่ทำให้ร่างบางต้องขมวดคิ้ว

     

    อือ ... แม่ จะนอนแล้วซองมินทำเสียงงัวเงียใส่แม่ที่เดินเข้ามาข้าง ๆ ฮันบยอลไม่ได้พุดอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วยื่นของในมือให้ ซองมินรับมันมาดูแล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปากก็กรอกเสียงง่วง ๆ ใส่ลงไปอะไร ...

     

    (นอนแต่หัววันเดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอกครับ)เสียงทุ้มของใครบางคนที่คุ้นชินทำเอาซะตาสว่าง ซองมินหันควับไปมองแม่ที่รีบเดินหนีพลางขยิบตาให้เป็นเชิงล้อ ร่างบางยกมือขึ้นปิดปาก รู้สึกตื้อ ๆ ไปทั้งตัว ทั้งดีใจทั้งอยากวีนใส่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ๆ เสียจนต้องกระพริบตาถี่ ๆ

     

    เป็นบ้าอะไรเนี่ยซองมิน ..

     

    อะไร ทำไมไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรถึงได้พูดห้วน ๆ ไปเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่บอกไว้แล้วว่าถ้าได้พูดคุยกันอีกจะพูดให้ดีขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ปากไปไวกว่าใจเสมอ ..แบนี้นั่นแหล่ะถึงได้ต้องมานั่งเสียใจทีหลังทุกทีมีอะไร

     

    พี่ซองมิน ..คิดถึงนะ

     

    แค่คำอ้อน ๆ ดังออกมาใบหน้าหวานก็ซับสีเลือดขึ้นทันที ซองมินกัดปากแล้วไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับไป หัวใจเต้นตึกตัก เมื่อก่อน สมัยก่อน ๆ ยังไม่ขนาดนี้ แล้วทำไมต้องมาใจเต้นเอาตอนนี้ด้วยนะ

     

    ...

     

    อือ ... รู้แล้ว

     

    พี่ซองมิน ..เดินไปที่หน้าต่างนะเสียงของคยูฮยอนไม่ได้แซวเหมือนเคย กลับบอกให้เดินไปที่หน้าต่างที่มองออกไปจะเห็นหน้าต่างของบ้านคยูฮยอนแทน ที่หน้าต่างฝั่งตรงข้ามยังเหมือนเดิม ไร้การติดต่อจากเด็กกวนตีนคนนั้นมองขึ้นไป

     

    ซองมินทำตามโดยไม่ได้แต่จะถาม โดยที่ไม่ได้สนใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ตอนนี้อยากฟังเสียงคยูฮยอนให้หายคิดถึงซะหน่อย

     

    สัญญา .. ว่าถ้าหมอนั่นโผล่มาตรงหน้าเขาจะยอมสมารภาพก็ได้ว่าคิดอะไรอยู่

     

    ไม่เถียงนี่ก็แปลกนะ .. ช่วยตามซองมินมารับสายหน่อยครับพูดดี ๆ ได้ไม่ถึงนาทีคยูฮยอนก็กวนตีนกลับเสียแล้ว ร่างบางทำปากขมุบขมิบใส่

     

    ไม่ด่าก็บ่น ด่าก็บ่น จะเอาอะไร ..แล้วนี่ โทรมาไม่เสียเงินหรือไง?”

     

    อยู่ที่นี่มีนูนาเลี้ยงครับผม ..โอ๊ะ อย่าทำหน้าบูดสิ ผมล้อเล่นน่าคำพูดนั้นเปลี่ยนสีหน้าของซองมินได้ทันทีอย่าทำหน้าบึ้งด้วย รู้นะว่า ..หึง

     

    ใครหึงซองมินทำเสียงนิ่ง ๆ แต่ใจจริงก็ไปตามอีกฝ่ายเสียแล้ว คยูฮยอนทำเสียงจุ๊ ๆ

     

    อย่าอมยิ้ม

     

    คราวนี้ซองมินเงียบไปเลย ไม่อยากต่อกรให้เสียเส้น .. ก็เขายิ้มจริง ๆ นี่หว่า

     

    มองท้องฟ้าไว้นะ เอ้า แล้วฟังผมเสียงอีกฝ่ายหายใจเข้าลึก ๆ ดังขึ้น จากนั้นตามด้วยอะไรที่ทำให้ซองมินหน้าแดงจัด เพลงอีกเพลงที่อ่อนหวาน และฟังดูอบอุ่นเรียกให้น้ำตาซึมที่ขอบตา ท้องฟ้าสีเข้มไร้ดาวดูสดใสขึ้นมาในสายตา อาการที่เคยบ่น ๆ ว่าเลี่ยน น้ำเน่า แต่พอมาเจอเองแบบนี้ ..มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ

     

    มีแค่คุณ เห็นแต่ภาพของคุณ มีแต่ภาพของคุณเต็มหัวไปหมดเลย

    ไม่ว่าจะ เวลาใดที่ใด สิ่งที่ผมจะเห็นมีเพียงภาพของคุณทุกที

    ทนไม่ไหว ให้ผมทำอย่างไร ถึงจะลบภาพคุณออกไปได้ซักที

    ผมรักคุณ คำที่ผมรักคุณ มันเกิดขึ้นได้อย่างไรผมก็ไม่รู้เรื่องจริง ๆ

    (Listen to you OST. Pasta)

     

    ซองมินหลับตาลง แนบหูโทรศัพท์เข้ากับหูของตัวเองเพื่อที่จะฟังเสียงนุ่ม ๆ ให้ชัดขึ้น แต่ฉับพลันทันที รู้สึกเหมือนเสียงที่ได้ยินดังทั้งสองข้างเหมือนใช้ลำโพง ร่างบางลืมตาโพลง ก่อนที่จะหันไปข้างหลังอย่างตกใจ ร่างคนที่กำลังคิดถึงยืนยิ้มกว้างอยู่ ในมือมีโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตาอยู่ พร้อมกับปากที่ยังคงร้องเพลงตามไปด้วย

     

    อยากให้คุณลองฟังเสียงหัวใจผม .. มันกำลังดังขึ้นเป็นชื่อคุณ

    เพียงแค่คุณ หัวใจฟังแค่คุณ ไม่ว่าเนิ่นนานไปเท่าไหร่มีแค่คุณ

    ร่างบางปล่อยโทรศัพท์ในมือจนร่วงลงไปข้าง ๆ เคราะห์ดีที่ร่วงไปบนเตียง ใบหน้าหวานดูตกตะลึงด้วยความไม่เชื่อว่าคนที่พูดว่าจะไปอเมริกาหนึ่งปีหายตัวกลับมาภายในเวลาสองอาทิตย์ คยูฮยอนยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น จนถึงระยะที่พอเหมาะ มือทั้งสองยื่นมากุมมืออีกฝ่ายไว้เหมือนในนิยายหรือละครน้ำเน่า แต่ตอนนี้เขาอยากทำแบบนั้นจริง ๆ

     

    เพียงแค่ชั่วนาทีที่คุณยิ้ม หัวใจของผมก็เต้นระรัว

    มีแค่เรา มีแค่ความรักเรา ผมขอสัญญา ผมจะรักเพียงแค่คุณ

    ตลอดไป ... I love you, love you, love you

     

    ท่อนสุดท้ายคยูฮยอนมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย บอกคำนี้ไปแล้วหลายรอบแต่ไม่มีอะไรตอบกลับมาถึงได้อยากบอกต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อยืนยันในความรู้สึกของตัวเอง ซองมินมองหน้าอีกฝ่ายเต็ม ๆ ตาแล้วสะบัดหัวน้อย ๆ เหมือนเมาหมัด แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือหัวใจที่เต้นระรัวและความร้อนผ่าวทั่วทั้งหน้า เพราะคำสุดท้าย ...

     

    คำที่ได้ฟังชัด ๆ แล้วทำให้ใจแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น

     

    ผมกลับมาแล้วครับคยูฮยอนยิ้มกว้างแล้วทำท่าจะกอดอีกฝ่ายให้เต็มรัก ซองมินเดินเข้าหาเหมือนคนละเมอ แต่เมื่อร่างสูงทำท่าจะโอบร่างบางเข้ามาแล้วลวนลามให้หายคิดถึง มือน้อย ๆ ก็กระหน่ำฟาดเสียจนต้องร้องโวยวาย

     

    ไอ้ .. บ้า .. กวน ...ประสาท .. ไหน หนึ่ง ..ปี ..ล่ะ ..โวีย !!”เน้นหนึ่งคำก็ทุบหนึ่งที น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงมาตามใบหน้า คยูฮยอนที่ยกมือปัดป้องวางนิ่งลงอย่างยอมแพ้ ก่อนที่จะอาศัยช่วงซองมินอ่อนแรงรวบตัวอีกฝ่าย เข้ามาในอ้อมกอดจนได้ ร่างบางสะอื้นน้อย ๆ อย่างหมดรูป ทั้งคิดถึง ทั้งหมั่นไส้ ทั้งอยากจะวีนแตกว่าทำไมทำแบบนี้

     

    หลอกให้ใจหายเล่นทำไม ...

     

    ก็ตอนประกาศของโรงเรียนซองมินไม่ได้ฟังนี่ครับ....เสียงทุ้มนุ่มที่เคยต่อล้อต่อเถียงกันดังใก้หู ซองมินทุบไปอีกทีแล้วยอมแพ้จนได้ประกาศว่าผมได้ไปทัศนศึกษาฟรีสองอาทิตย์ .. ใครนะเข้าใจว่าไปต่อทั้งปี ...

     

    ...ซองมินอ้าปากค้าง รู้สึกเจ็บใจที่หลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนประกาศโรงเรียน ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เสียใจแล้วแม่เขาถามหาของฝาก โดนหลอกให้พูดอะไรไปตั้งมากมาย ... โธ่

     

    คยูฮยอน !!!”

     

    อย่าโกรธสิครับจมูกโด่งฉกฉวยความหอมจากแก้มนิ่ม ซองมินออกอาการฮึดฮัดอีกทีสองทีแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างอ่อนใจถ้าผมไม่หลอกจะได้จะได้เห็นพี่ซองมินยอมรับผมมั้ยล่ะ ..

     

    นายนี่มันแย่...ซองมินพึมพำ ร่างสูงกระชับอ้อมกอดเข้ามาแน่นขึ้นแล้วก้มลงกระซิบข้างหูเบา ๆ

     

    ผมรักพี่นะ ..

     

    ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้รักนายเลย ..ไอ้บ้าซองมินกระซิบตอบด้วยเสียงแผ่ว ๆ แต่รอยยิ้มบนหน้านั้นบอกความจริงออกมาว่าที่ตนพูดมานั้น .. ตรงข้ามกันหมด คิดเหรอว่าใครมันจะเชื่อ .. ก็สีหน้าเล่นบอกหมดแล้วซะแบบนั้น

     

    ปากแข็งคยูฮยอนตอบ แต่แค่คำนี้ก็เพียงพอ อย่างน้อย .. สิ่งที่ซองมินกระทำก็แตกต่างจากที่เคยเป็นมา และสถานะของพวกเขาสองคนจะไม่แตกต่างไปจากนี้ ยังคงเป็นไอ้เด็กกวนตีนกับพี่ชายปากแข็งคนเดิม

     

    แต่แค่นี้ก็พอแล้ว ...

     

     

     

    ฮันบยอล .. ลงเอยยัง ?”เสียงแม่ของคยูฮยอนถามทันทีที่อีกฝ่ายเดินลงมาจากบันได แม่ของซองมินยิ้มอารมณ์ดีแล้วพยักหน้าหงึก ๆ

     

    ขอบคุณที่เราร่วมเออออไปกับลูกชายฉันด้วยคุณนายโจถอนหายใจดังเฮือก แล้วหันไปตบมือดีใจหนึ่งแปะกับคุณนายอี

     

    โจลี ...

     

    อิสเรียล !!!”

     

    เสียงหัวเราะลั่นจากสองแม่ข้างล่างคงไม่มีทางดังขึ้นไปรบกวนซองมินที่กำลังไล่บี้เอากับคยูฮยอนเรื่องใหม่ แต่อย่างน้อย เรื่องของทั้งสองคนนี้ก็กำลังเริ่มและจบลงด้วยดีก็แล้วกัน

     

     

    คยูฮยอนจะรีบไปไหนของเค้านะ

     

    เสียงบ่นเล็ก ๆ จากร่างผอมบางในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม ฮยอกแจเดินดูดนมเปรี้ยวในกล่องอย่างสบายใจโดยที่ทิ้งให้พี่ชายเข็นรถเข็นกระเป๋าคนเดียว ฮยอกแจชะเง้อมองไปรอบ ๆ อย่างคิดถึงไปแค่สองอาทิตย์ก็คิดถึงแล้วเนอะ

     

    อื้อ ...ฮันกยองตอบรับแล้วออกแรงเข็นมากขึ้นอีกหน่อย กระเป่าเสื้อผ้าอย่างเดียวยังพอว่า แต่ฮยอกแจเล่นขนของฝากมาเพียบแบบนี้ล่ะสิแย่กว่า ตอนนี้พอขยับสถานะเข้ามาใกล้กันอีกหน่อย ฮยอกแจที่น่ารัก ขี้อ้อนหายไปเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่ฮยอกแจคนขี้งอนและเอาแต่ใจแทน แต่รางวัลที่ได้กลับมาก็คุ้มยิ่งกว่า ก็การกระทำทั้งหลายที่เขาต่อยอดมันออกไปเอง ไม่ว่าจะกอด หอมหรือมากกว่านั้นก็ตาม

     

    ฮยอกแจโทรบอกพ่อแล้วนะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านฮยอกแจบอกพลางกดมือถือไปด้วย แก้มก็เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ ฮันกยองหยุดเดินแล้วสำนึกถึงความรู้สึกหวาดหวั่นที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในจิตใจแล้วนี่ เรื่องเรียนเดี๋ยวไปตอนฤดูใบไม้ร่วงนะ อีกไม่กี่วันก็ปิดฤดูร้อนให้แล้ว

     

    อื้อ ... ครับ

     

    พี่ชายไม่สบายใจเหรอฮยอกแจหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่แปลกไป มือบางแตะเข้ากับหลังมือของฮันกยองอย่างอ่อนโยนไม่เป็นไรนะ ฮยอกแจคุยกับพ่อแล้ว

     

    คราวนี้ฮยอกแจเป็นฝ่ายปกป้องพี่สินะฮันกยองยิ้มน้อย ๆ แล้วออกแรงเข็นต่อไป ทั้งสองคนเรียกแท็กซี่สนามบินให้ไปส่งถึงที่บ้าน ระหว่างทางฮยอกแจก็เป็นฝ่ายชักชวนพี่ชายให้พูดคุยลืมความกังวลไปได้บ้าง แต่เมื่อระยะทางที่คุ้นเคยกลับมา ความกังวลก็เพิ่มมากขึ้น ฮันกยองยังไม่ได้คุยกันตรง ๆ กับพ่อ เท่าที่พูดมาก็มีคำสั้น ๆ ว่าอนุญาต แต่ไม่ได้เห็นสีหน้า

     

    ... พ่อจะผิดหวังมากแค่ไหนนะ

     

     

    กลับมาแล้วครับ~~”ฮยอกแจส่งเสียงเข้าไปก่อน พลางวางกระเป๋าไว้ที่ข้าง ๆ โซฟา ในห้องนั่งเล่นไม่มีใคร ร่างบางคว้ามือพี่ชายแล้วออกแรงลากให้ไปตามห้องนั้นห้องนี้ ฮันกยองอดวิตกไม่ได้แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี โดยที่พยายามควบคุมอารมณ์เข้าไว้ไม่ให้ตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ ฮยอกแจผลักประตูห้องทำงานเข้าไปเบา ๆ แสงไฟจากหลอดไฟกลางห้องส่องเข้ากระทบร่างสูงใหญ่คล้ายฮันกยองของพ่อ พ่อกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาก็จ้องมองเอกสารในมือ ร่างบางอดกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าไม่ได้

     

    พ่อฮะ...

     

    ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมานอกจากมือที่พลิกหน้ากระดาษไปอีกหน้า ร่างบางหน้าเสีย เพราะก่อนไปก็ไม่ใช่ว่าเขาอ้อนดี ๆ แต่เป็นการวีนต่างหากเขาถึงได้สิทธิ ร่างสูงบีบมือเล็กเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ

     

    พ่อฮะ ... เอ่อ ...

     

    อยากได้อะไรอีกล่ะฮยอกแจ ..เสียงนั้นไม่ได้โกรธเคือง มีแต่ความเมตตา ร่างบางก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่ก่อนไปจีนทำความผิดไว้มากมาย สายตาของพ่อที่มองมาทำให้เขาสู้หน้าไม่ได้

     

    ผม .. เอ่อ ..ฮยอกแจอยากเงยหน้าขึ้นไปมองฮันกยองเพื่อขอกำลังใจ แต่ไม่กล้ามาขอโทษครับ

     

    ผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ

     

    ลูกชายทั้งสองคนก้มหัวลงพร้อมกันเพื่อแสดงความสำนึกผิด คนที่เฝ้ามองอยู่ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอื้อมมือไปหาลูกทีละคนเพื่อลูกหัวเบา ๆ

     

    ทั้งสองคนเป็นลูกของเขา ถึงแม้จะรู้ว่าฮยอกแจไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ความผูกพันก็ตัดกันไม่ขาด และเขาก็ตัดสินใจจะไม่บอกความจริงแก่ลูกชาย ไม่อยากจะให้ฮยอกแจต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้

     

    สถานภาพทางเลือดของฮยอกแจจะถูกปกปิดไว้ตลอดไป

     

    ตอนแรกพ่ออาจจะโกรธนะ ... แต่พอมาคิดดูอีกทีแล้ว ถ้าลูกรักกันจริง ๆ ก็คงห้ามไม่ได้แล้วล่ะคำพูดนั้นทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความดีใจอยากให้คิดนะ ..ก่อนจะทำอะไร เพราะถ้าพ่อไปอีกคนแล้วคนที่จะดูแลฮยอกแจก็มีแต่ฮันกยอง อย่าให้ความสัมพันธ์ ..แบบนี้ทำให้ทั้งสองคนต้องแตกกันนะลูก

     

    ผมจะดูแลฮยอกแจให้ดีที่สุดครับพ่อฮันกยองพูดขึ้นมาทันที คำสัญญาที่เขาจะทำให้เป็นจริง เขาดูแลน้องชายคนนี้มานานมากแล้ว และจะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย

     

    ขอบคุณฮะพ่อฮยอกแจยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นกอดพ่อแรง ๆ อีกที ฮันกยองมองสบตาพ่อแล้วก้มหัวให้อีกครั้งเป็นการยืนยันในคำที่ตนเองจะพูด ความเจ็บปวดของพ่อเขารู้ดี แต่พ่อก็พยายามทำใจกว้างเพื่อเขาสองคน

     

    แล้ว ... เอ่อ ... พ่อฮะ ขอโทษก่อนนะฮะฮยอกแจผละออกจากอ้อมกอดแล้วทำหน้าอยากรู้ปนหวาด ๆ แม่ .. เอ่อ ... งานศพแม่ ผมขอโทษนะฮะที่ไม่ได้อยู่ด้วย

     

    ไม่เป็นไรหรอก .. ฮยอกแจอยากไปหาแม่ไหม?”ท่าทางจะทำใจได้กับหลาย ๆ เรื่องแล้ว ฮยอกแจหันไปสบตาฮันกยองอีกทีแล้วพยักหน้าอย่างดีใจ อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมงานศพ ทั้งสองคนอยู่คุยสารทุข์สุกดิบอีกพักหนึ่งแล้วค่อยออกไปข้างนอก โยดที่ฮันกยองจะเป็นคนพาฮยอกแจไปที่หลุมฝังศพของแม่

     

    พี่ฮันกยองฮะ ... ขอบคุณนะ

     

    จู่ ๆ คำนี้ก็หลุดออกมาในระหว่างที่เดินอยู่ด้วยกัน ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ รับคำนั้น ฮยอกแจก้มหน้าแล้วบีบมือที่กุมตัวเองอยู่ให้แน่นขึ้น

     

    ขอบคุณที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมนะฮะรอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้พร้อมกับคำขอบคุณ ฮันกยองยกมือขึ้นลูบหัวเบา ๆ ภายนอกของเขาสองคนยังเป็นเหมือนเดิม ฮันกยองกับฮยอกแจ พี่น้องที่รักกันมาก แต่ในความเป็นจริง ... ความสัมพันธ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ

     

    ไม่ใช่ว่าความรักที่มีให้กันจะเปลี่ยนไป ไม่ได้มากขึ้น และไม่ได้น้อยลง

     

    ... เขาแค่รู้ว่าเขาสองคนรักกันแบบไหน ... เท่านั้นเอง

     

     

     

    ร่างระหงที่ถือหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือส่งสายตาลอบมองแฟนหนุ่มของตัวเองอย่างหมั่นไส้ ฮีชอลปรายตามองเจ้าเด็กข้ามขั้นที่พักนี้มาอาศัยบ้านเขาอยู่จนน่ารำคาญ พอซีวอนมองตอบกลับมาก็รีบซ่อนหน้าอยู่หลังหนังสือเรียนเล่มหนานั่น เพราะวันพรุ่งนี้เขากำลังจะสอบย่อย

     

    ..นรกชัด ๆ

     

    มองอะไรฮีชอลตวัดเสียงใส่เสียงห้วน ไม่รู้จะเขินหรือหงุดหงิด ซีวอนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ยักไหล่แล้วยกหนังสือพิมพ์ขึ้นบังหน้า ฮีชอลเบ้ปากแล้วจ้องตัวอักษรภาษาอังกฤษในเล่มต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สถานะของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนเขาตกเป็นฝ่ายยอมให้ตลอดกลับกลายมาเป็นฝ่ายที่มีอำนาจ หรือเพราะซีวอนเป็นคนชอบเอาใจอยู่แล้วก็ตาม เขาที่ชินกับการเอาแต่ใจเลยได้กลายเป็นคนชี้นิ้วสั่งแทน

     

    ... แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ

     

    ไม่ยักรู้ว่าการที่คิบอมผันตัวไปชอบทงเฮจะทำให้เขาหันไปชอบซีวอนด้วยได้ เหมือนเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนคนใกล้ชิดติดมันซะทุกราย แต่เขาก็ไม่ได้โจ่งแจ้งอะไรมาก เท่าที่เห็นก็เหมือนพี่น้องธรรมดาเท่านั้นเอง

     

    ฮีชอลปิดหนังสือแล้วถอนหายใจ อ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว สายตาหันไปปะเข้ากับคิบอมที่เดินเข้ามาพอดี ร่างสูง ๆ ของน้องชายในไส้ดูซีดเซียวไปเยอะหลังจากที่ทงเฮย้ายออกไปที่บ้านเก่า แต่คิบอมกลับเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ดูไม่ปิดตัวเองเหมือนเก่า ดูตั้งใจเรียนมากขึ้น .. เหมือนกับว่าจะทำเพื่อคนที่หายไปคนนั้น

     

    ความรักนี่เปลี่ยนคนได้จริง ๆ

     

    ...ตั้งแต่คิบอม ที่ตั้งแต่ซอฮยอนตายไปก็เป็นอีกสีหนึ่ง แต่เมื่อมีทงเฮเข้ามากฏ็เป็นอีกสีหนึ่ง และพอจากไปก็กลายเป็นอีกแบบหนึ่ง

     

    แล้วก็ ... ไอ้คุณซีวอน

     

    สายตาหวานทอดมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าหงุดหงิด แต่ในนัยน์ตากลับเจือความอ่อนหวานอ่อนโยนไว้อยู่ ฮีชอลยิ้มบางแล้วมุดลงอ่านหนังสือต่อเมื่อได้ยินเสียงหนังสือพิมพ์ดังกรอบแกรบ

     

    ได้ข่าวทงเฮบ้างไหมพอคิบอมไปแล้วถึงนึกขึ้นได้ อยากจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เก็บไว้ให้น้องชายบ้าง ฮีชอลถามคนที่สนิทกับทงเฮพอสมควรอย่างซีวอน ร่างสูงพับหนังสือพิมพ์ลงมา ทำให้ฮีชอลรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันควัน ..

     

    แหม มันอ่านเรื่องเล่นหุ้น

     

    ทำไมล่ะครับ

     

    หวงเหรอ พี่ชายสุดรักของนายอยู่ไหน อยากรู้เฉย ๆร่างบางประชดกลับ เรียกยิ้มหวานจากอีกฝ่าย ซีวอนพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วรีบเดินมาหาคนขี้น้อยใจที่นั่งทำหน้าบูด วงแขนแกร่งโอบร่างบางไว้แล้วกดจมูกโด่งลงกับแก้มเนียน ฮีชอลแก้มกระตุกเพราะกลั้นยิ้ม ทุกทีที่เขาทำท่าว่าน้อยใจ ซีวอนจะทำแบบนี้ทุกที

     

    ... อาจจะยังลืมรักแรกไม่ได้ก็จริง

     

    ....แต่ซีวอนก็พยายามอยู่นี่นา

     

    ..มันก็ดีแล้ว ...

     

    อยู่บ้านที่เดิมครับ ไกลหน่อย แต่พี่ทงเฮบอกว่าจะให้จบปีสามที่นี่แล้วไปนอนหอพักครับตอบออกมาชัดเจน ฮีชอลพยักหน้ารับรู้ นึกถึงคนที่สดใสร่าเริงคนเดิม ครั้งสุดท้ายที่เจอกันกลับกลายเป็นคนเคร่งขรึมไปเสียได้แต่พักนี้เงียบลงมาก .. เงียบลงมากจริง ๆ

     

    ประโยคสุดท้ายพึมพำด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเอามาก ๆ ฮีชอลรู้สึกจี๊ดเหมือนถูกเข็มตำ แต่ก็พยายามข่มอาการนั้นให้จางหายไปเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาไม่ชอบคาดคั้น หรือบังคับใครเอามาก ๆ (?) ดังนั้นเขาจะปล่อยไปเรื่อย ๆ

     

    สงสารคิบอมฮีชอลพึมพำเสียงเบาท่าทางจะอาการหนัก ผิดหวังมาสองรอบแล้ว

     

    ซีวอนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เมินหน้าไปอีกทาง เป็นเรื่องที่ยากที่จะพูดถึงรักครั้งใหม่ของทงเฮด้วยความรู้สึกเฉยชา เพียงแค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวด เพียงแต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน แต่ก่อนที่จะได้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น มืออุ่น ๆ ของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก็แนบแก้มให้หันมา และตามด้วยสัมผัสอบอุ่นตรงริมฝีปาก ฮีชอลหันหน้ากลับไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ไม่ต้องรีบก็ได้ร่างบางกระซิบเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ร่างสูงหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วเอียงหัวไปชนศีรษะของฮีชอล เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไร และก็เข้าใจ .. ว่าฮีชอลไม่ได้ว่าอะไรเลยด้วยเช่นกันไอ้ช่วงคิด ๆ นี่ไม่ต้องมาทำอะไรยุ่มย่ามด้วย

     

    ข้อสุดท้ายนี่พูดถึงมือของซีวอนที่เริ่มยุ่มย่ามอยู๋ในตัวเสื้อ ร่างสูงทำสีหน้าเสียดายแต่ก็ยอมเอามืออกไป ฮีชอลจัดเสื้อให้เรียบร้อยแล้วนั่งทำหน้าแดงอยู่แบบนั้น

     

    งั้น ..ไม่คิดแล้วได้ไหมล่ะคำขอกลาย ๆ นั่นเรียกฝ่ามืออีกเพียะจากคิมฮีชอล ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ขยับตัวออกห่างล้อเล่นครับผม ..ไม่ได้หิวขนาดนั้นเสียหน่อย

     

    หน้าตามันบอกคำย้อนกลับมาทำเอาซะซีวอนรู้สึกสงสัยว่าหน้าตาเขาหื่นอะไรมากมายขนาดนั้น...เอ้อ ... รีบ ๆ คิดก็แล้วกัน

     

    ครับผม

     

    ซีวอนตอบรับพลางหอมแก้มฮีชอลไปอีกฟอด ร่างบางทำหน้าไม่ใส่ใจแล้วหยิบตำรามาอ่านต่อ ซีวอนลุกขึ้นยืนเพราะดูจากเวลาว่าเขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว มาขลุกอยู่ที่นี่ก็ตั้งนาน

     

    ไปแล้วนะครับซีวอนบอกลา ฮีชอลเพียงแต่พยักหน้ารับ อดหมั่นไส้ไม่ได้จึงเดินอ้อมไปจากทางหลังโซฟาแล้วเอียงแก้มแนบกับอีกฝ่าย ลมหายใจเป่ารดไหล่เนียนที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมาคิดถึงนะครับ

     

    อื้อ

     

    เดี๋ยวพรุ่งนี้มาหาใหม่นะ

     

    อื้อ

     

    ....รักนะ

     

    ..อ..หือ !?!”

     

    คำสุดท้ายไม่ได้จบด้วยเสียงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคย ซีวอนยิ้มกว้างแล้วอาศัยโอกาสที่ฮีชอลทำหน้าเหวอแลกจุมพิตหวาน ๆ เพื่อเป็นการหากำไรเข้าตัวเอง ไม่มีการขัดขืนเพราะอีกคนยังคงช็อกค้างอยู่ ร่างสูงจูบซับที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้งแล้วถอนตัวออกมาอย่างเสียดาย โบกมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกไปช้า ๆ

     

    ..อดขำไม่ได้เมื่อเห็นฮีชอลยังคงเหวอกินแบบนั้น

     

    อะไรนะ!?!”

     

    ของดีมีครั้งเดียวครับซีวอนแกล้งทำเป็นเล่นตัวจนเรียกหมอนอิงพุ่งเข้าใส่ผนัง ฮีชอลรีบมุดเข้าหมอนอีกอันพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่านจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แล้วยิ่งเสียงหัวเราะน้อย ๆ ที่ตามมานั่นอีก รอจนได้ยินเสียงปิดประตูแล้วถึงได้โผล่ออกมาทำปากขมุบขมิบใส่

     

    ...ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ..

     

     

    ร้องตามก็ได้นะ ไอ้เพลงที่คยูร้องให้ซองมินน่ะ 55 ทำนอง Listen to you น่ะ เค้าแต่งเองน๊า

    กร๊าก อาจจะไม่ลง แต่เค้าชอบแปลงเพลงเล่น มีอีกห้าหกเพลงแน่ะที่แปลกเป็นภาษาไทยไว้

     

    จบแล้ว ยกเว้นคิเฮ รออีกสองวันเค้าจะเอามาลงให้ กร๊ากกกกกก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×