คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : {part 22} Before last chapter
Before last chapter
ผ่านไปตั้งสองอาทิตย์ที่ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างว่างเปล่า ซองมินได้แต่นั่งมองโลกรอบตัวด้วยความเงียบเหงา ทงเฮก็เรียน ๆ หาย ๆ พอมาทีไรก็ทำเงียบ ส่วนคิบอมก็หายไปเลย แทบไม่มาเรียนด้วยซ้ำ ชีวิตที่เคยตื่นเต้นได้พักหนึ่งก็กลับมาเป็นเส้นตรงเหมือนเดิม ตรงปุ๊บได้ประมาณสองวัน ก่อนที่กราฟความน่าสนใจจะตกเหว
...คิดถึงนะ คิดถึงจริง ๆ
คนเพิ่งรู้ใจตัวเองตอนที่เขาหายไปเกือบสองอาทิตย์ได้แต่ถอนหายใจแล้วเอาหลังพิงผนังห้องนอนตัวเองแล้วลูบตุ๊กตาขนฟูด้วยท่าทางเหม่อลอย ในใจว่างโหวงเหวงไปหมด จะโทรไปปรึกษาทงเฮก็ไม่ได้ พักนี้ยิ่งซึมเศร้าอยู่ ไม่พูดไม่จา ไม่รู้เกิดปัญหาอะไรกันขึ้นมาอีก
“ทำไมไม่ติดต่อมานะ”ซองมินพึมพำแล้วกดหัวตุ๊กตาอย่างหมั่นเขี้ยว รู้สึกหมั่นไส้คนเล่นตัวตงิด ๆ ถึงแม้จะเริ่มเข้าใจแล้วว่าคยูฮยอนรู้สึกยังไงตอนเขาเล่นตัวบ้าง แต่ช่างมันเถอะ เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”สงสัยป่านนี้จีบใครใหม่ไปแล้วมั้ง...”
พูดเองก็เงียบเอง ซองมินทุบหัวหมีอีกทีแล้วกอดไว้แน่น รู้สึกน้อยใจไม่ใช่น้อยที่อีกฝ่ายตีตัวออกห่างไป แค่เวลาสั้น ๆ เขายังเป็นขนาดนี้เลย แล้วเพื่อนของคยูฮยอนที่ชื่อฮยอกแจก็หายไปจีนอีกคนจนไม่มีใครให้ถาม จนป่านนี้ยังไม่กลับมา
แต่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ...
มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก ซองมินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองจนกระทั่งประตูเปิด คนที่เข้ามาก็คือแม่ของซองมินเอง เธอมองลูกชายที่ทำตัวเหงา ๆ อย่างเอ็นดูแล้ววางถาดขนมไว้ให้ข้างตัว
“อ่ะ คุกกี้ นี่ซองมิน โตจนป่านนี้ยังเล่นตุ๊กตาอีกเนอะ”แซวลูกชายเล่นด้วยความที่อยากกลับมาโวยวายเหมือนเก่า ซองมินแค่เงยหน้าขึ้นมาจากกองขนนุ่ม ๆ ฟู ๆ แล้วถอนหายใจ แต่ก็ไม่ลืมเอื้อมมือมาหยิบคุกกี้ในชามกิน”อ้วนใหญ่แล้วนะ”
“ช่างมันสิครับ...”ซองมินขมุบขมิบปากบอกแล้วปัดมือเข้ากับกางเกงเพื่อไล่เศษคุกกี้ออกไป
“ทำไมพักนี้ซึมไปล่ะลูก”ถามไถ่อย่างเป็นห่วง ถึงแม้ในใจแอบจะไชโยก็ตาม ตั้งแต่ลูกชายเพื่อนข้างบ้านหายหัวไปอเมริกาก็ทำตัวแบบนี้มาตลอด ถึงแม้จะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ซองมินก็ไม่ได้รู้นี่นา ...
ว่าแม่ตัวเองก็แอบเชียร์คยูมินเหมือนกัน
“งานเยอะล่ะมั้งแม่ นอนน้อย”ซองมินทำตาปรือ ๆ ตอบแล้วทำท่าจะนอนต่อ อันที่จริงข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน แต่ตอนนี้รู้สึกไม่อยากอาหารเหมือนเคย”แม่ กริ่งดัง”
“เมื่อก่อนก็คงรีบวิ่งออกไปหาสินะ”ฮันบยอลแซวเล่นอีกที หากเป็นเมื่อก่อนซองมินจะรีบวิ่งออกไปแล้วไปด่าซะคนกดกริ่งอย่างคยูฮยอนหูชา แต่ตอนนี้กลายเป็นคนอื่นแทน เมื่อก่อน .. คนที่ทำให้ลูกชายเธอมีชีวิตชีวาได้ก็มีแค่เด็กกวนตีนคนนั้นนั่นแหล่ะ ซองมินเบ้ปากน้อย ๆ แล้วปีนขึ้นเตียง ดึงผ้านวมสีชมพูมาคลุมโปง ดีที่เขาเปิดแอร์ไว้เสียเย็นฉ่ำไม่อย่างนั้นก็คงร้อนตาย กลางเดือนสิงหาแบบนี้ ร้อนตับจะแตก
จะว่าไป ..ตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันเกิดคิบอมแล้วนี่นา จำได้ว่าทงเฮเคยบอกไว้ลาง ๆ เมื่อเดือนก่อน ดูตื่นเต้นน่าดู
แต่ตอนนี้ ...ไม่เห็นอีทงเฮจะทำอะไรเลย แปลกใจจัง
ซองมินได้ยินเสียงเดินไปเดินมาอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจสนใจอะไรมากมาย ร่างบางปรือตาลง ความง่วงบวกกับอากาศที่เย็นสบายทำให้หนังตาเริ่มถ่วงหนักลงเรื่อย ๆ แต่แทนที่เสียงรบกวนรอบ ๆ จะห่างไกล กลับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนต้องเอาผ้าห่มคลุมหัวเสียจนอากาศแอบร้อนนิด ๆ ผ่านไปได้อีกสองสามวินาที ประตูห้เองก็เปิดด้วยเสียงที่ทำให้ร่างบางต้องขมวดคิ้ว
“อือ ... แม่ จะนอนแล้ว”ซองมินทำเสียงงัวเงียใส่แม่ที่เดินเข้ามาข้าง ๆ ฮันบยอลไม่ได้พุดอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วยื่นของในมือให้ ซองมินรับมันมาดูแล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปากก็กรอกเสียงง่วง ๆ ใส่ลงไป”อะไร ...”
(“นอนแต่หัววันเดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอกครับ”)เสียงทุ้มของใครบางคนที่คุ้นชินทำเอาซะตาสว่าง ซองมินหันควับไปมองแม่ที่รีบเดินหนีพลางขยิบตาให้เป็นเชิงล้อ ร่างบางยกมือขึ้นปิดปาก รู้สึกตื้อ ๆ ไปทั้งตัว ทั้งดีใจทั้งอยากวีนใส่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ๆ เสียจนต้องกระพริบตาถี่ ๆ
เป็นบ้าอะไรเนี่ยซองมิน ..
“อะไร ทำไม”ไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรถึงได้พูดห้วน ๆ ไปเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่บอกไว้แล้วว่าถ้าได้พูดคุยกันอีกจะพูดให้ดีขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ปากไปไวกว่าใจเสมอ ..แบนี้นั่นแหล่ะถึงได้ต้องมานั่งเสียใจทีหลังทุกที”มีอะไร”
“พี่ซองมิน ..คิดถึงนะ”
แค่คำอ้อน ๆ ดังออกมาใบหน้าหวานก็ซับสีเลือดขึ้นทันที ซองมินกัดปากแล้วไม่ยอมพูดอะไรตอบกลับไป หัวใจเต้นตึกตัก เมื่อก่อน สมัยก่อน ๆ ยังไม่ขนาดนี้ แล้วทำไมต้องมาใจเต้นเอาตอนนี้ด้วยนะ
...
“อือ ... รู้แล้ว”
“พี่ซองมิน ..เดินไปที่หน้าต่างนะ”เสียงของคยูฮยอนไม่ได้แซวเหมือนเคย กลับบอกให้เดินไปที่หน้าต่างที่มองออกไปจะเห็นหน้าต่างของบ้านคยูฮยอนแทน ที่หน้าต่างฝั่งตรงข้ามยังเหมือนเดิม ไร้การติดต่อจากเด็กกวนตีนคนนั้น”มองขึ้นไป”
ซองมินทำตามโดยไม่ได้แต่จะถาม โดยที่ไม่ได้สนใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ตอนนี้อยากฟังเสียงคยูฮยอนให้หายคิดถึงซะหน่อย
สัญญา .. ว่าถ้าหมอนั่นโผล่มาตรงหน้าเขาจะยอมสมารภาพก็ได้ว่าคิดอะไรอยู่
“ไม่เถียงนี่ก็แปลกนะ .. ช่วยตามซองมินมารับสายหน่อยครับ”พูดดี ๆ ได้ไม่ถึงนาทีคยูฮยอนก็กวนตีนกลับเสียแล้ว ร่างบางทำปากขมุบขมิบใส่
“ไม่ด่าก็บ่น ด่าก็บ่น จะเอาอะไร ..แล้วนี่ โทรมาไม่เสียเงินหรือไง?”
“อยู่ที่นี่มีนูนาเลี้ยงครับผม ..โอ๊ะ อย่าทำหน้าบูดสิ ผมล้อเล่นน่า”คำพูดนั้นเปลี่ยนสีหน้าของซองมินได้ทันที”อย่าทำหน้าบึ้งด้วย รู้นะว่า ..หึง”
“ใครหึง”ซองมินทำเสียงนิ่ง ๆ แต่ใจจริงก็ไปตามอีกฝ่ายเสียแล้ว คยูฮยอนทำเสียงจุ๊ ๆ
“อย่าอมยิ้ม”
คราวนี้ซองมินเงียบไปเลย ไม่อยากต่อกรให้เสียเส้น .. ก็เขายิ้มจริง ๆ นี่หว่า
“มองท้องฟ้าไว้นะ เอ้า แล้วฟังผม”เสียงอีกฝ่ายหายใจเข้าลึก ๆ ดังขึ้น จากนั้นตามด้วยอะไรที่ทำให้ซองมินหน้าแดงจัด เพลงอีกเพลงที่อ่อนหวาน และฟังดูอบอุ่นเรียกให้น้ำตาซึมที่ขอบตา ท้องฟ้าสีเข้มไร้ดาวดูสดใสขึ้นมาในสายตา อาการที่เคยบ่น ๆ ว่าเลี่ยน น้ำเน่า แต่พอมาเจอเองแบบนี้ ..มันก็น่าตื่นเต้นดีนะ
มีแค่คุณ เห็นแต่ภาพของคุณ มีแต่ภาพของคุณเต็มหัวไปหมดเลย
ไม่ว่าจะ เวลาใดที่ใด สิ่งที่ผมจะเห็นมีเพียงภาพของคุณทุกที
ทนไม่ไหว ให้ผมทำอย่างไร ถึงจะลบภาพคุณออกไปได้ซักที
ผมรักคุณ คำที่ผมรักคุณ มันเกิดขึ้นได้อย่างไรผมก็ไม่รู้เรื่องจริง ๆ
(Listen to you OST. Pasta)
ซองมินหลับตาลง แนบหูโทรศัพท์เข้ากับหูของตัวเองเพื่อที่จะฟังเสียงนุ่ม ๆ ให้ชัดขึ้น แต่ฉับพลันทันที รู้สึกเหมือนเสียงที่ได้ยินดังทั้งสองข้างเหมือนใช้ลำโพง ร่างบางลืมตาโพลง ก่อนที่จะหันไปข้างหลังอย่างตกใจ ร่างคนที่กำลังคิดถึงยืนยิ้มกว้างอยู่ ในมือมีโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตาอยู่ พร้อมกับปากที่ยังคงร้องเพลงตามไปด้วย
อยากให้คุณลองฟังเสียงหัวใจผม .. มันกำลังดังขึ้นเป็นชื่อคุณ
เพียงแค่คุณ หัวใจฟังแค่คุณ ไม่ว่าเนิ่นนานไปเท่าไหร่มีแค่คุณ
ร่างบางปล่อยโทรศัพท์ในมือจนร่วงลงไปข้าง ๆ เคราะห์ดีที่ร่วงไปบนเตียง ใบหน้าหวานดูตกตะลึงด้วยความไม่เชื่อว่าคนที่พูดว่าจะไปอเมริกาหนึ่งปีหายตัวกลับมาภายในเวลาสองอาทิตย์ คยูฮยอนยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้น จนถึงระยะที่พอเหมาะ มือทั้งสองยื่นมากุมมืออีกฝ่ายไว้เหมือนในนิยายหรือละครน้ำเน่า แต่ตอนนี้เขาอยากทำแบบนั้นจริง ๆ
เพียงแค่ชั่วนาทีที่คุณยิ้ม หัวใจของผมก็เต้นระรัว
มีแค่เรา มีแค่ความรักเรา ผมขอสัญญา ผมจะรักเพียงแค่คุณ
ตลอดไป ... I love you, love you, love you
ท่อนสุดท้ายคยูฮยอนมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย บอกคำนี้ไปแล้วหลายรอบแต่ไม่มีอะไรตอบกลับมาถึงได้อยากบอกต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อยืนยันในความรู้สึกของตัวเอง ซองมินมองหน้าอีกฝ่ายเต็ม ๆ ตาแล้วสะบัดหัวน้อย ๆ เหมือนเมาหมัด แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือหัวใจที่เต้นระรัวและความร้อนผ่าวทั่วทั้งหน้า เพราะคำสุดท้าย ...
คำที่ได้ฟังชัด ๆ แล้วทำให้ใจแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น
“ผมกลับมาแล้วครับ”คยูฮยอนยิ้มกว้างแล้วทำท่าจะกอดอีกฝ่ายให้เต็มรัก ซองมินเดินเข้าหาเหมือนคนละเมอ แต่เมื่อร่างสูงทำท่าจะโอบร่างบางเข้ามาแล้วลวนลามให้หายคิดถึง มือน้อย ๆ ก็กระหน่ำฟาดเสียจนต้องร้องโวยวาย
“ไอ้ .. บ้า .. กวน ...ประสาท .. ไหน หนึ่ง ..ปี ..ล่ะ ..โวีย !!”เน้นหนึ่งคำก็ทุบหนึ่งที น้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงมาตามใบหน้า คยูฮยอนที่ยกมือปัดป้องวางนิ่งลงอย่างยอมแพ้ ก่อนที่จะอาศัยช่วงซองมินอ่อนแรงรวบตัวอีกฝ่าย เข้ามาในอ้อมกอดจนได้ ร่างบางสะอื้นน้อย ๆ อย่างหมดรูป ทั้งคิดถึง ทั้งหมั่นไส้ ทั้งอยากจะวีนแตกว่าทำไมทำแบบนี้
หลอกให้ใจหายเล่นทำไม ...
“ก็ตอนประกาศของโรงเรียนซองมินไม่ได้ฟังนี่ครับ....”เสียงทุ้มนุ่มที่เคยต่อล้อต่อเถียงกันดังใก้หู ซองมินทุบไปอีกทีแล้วยอมแพ้จนได้”ประกาศว่าผมได้ไปทัศนศึกษาฟรีสองอาทิตย์ .. ใครนะเข้าใจว่าไปต่อทั้งปี ...”
...ซองมินอ้าปากค้าง รู้สึกเจ็บใจที่หลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนประกาศโรงเรียน ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เสียใจแล้วแม่เขาถามหาของฝาก โดนหลอกให้พูดอะไรไปตั้งมากมาย ... โธ่
“คยูฮยอน !!!”
“อย่าโกรธสิครับ”จมูกโด่งฉกฉวยความหอมจากแก้มนิ่ม ซองมินออกอาการฮึดฮัดอีกทีสองทีแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างอ่อนใจ”ถ้าผมไม่หลอกจะได้จะได้เห็นพี่ซองมินยอมรับผมมั้ยล่ะ ..”
“นายนี่มันแย่...”ซองมินพึมพำ ร่างสูงกระชับอ้อมกอดเข้ามาแน่นขึ้นแล้วก้มลงกระซิบข้างหูเบา ๆ
“ผมรักพี่นะ ..”
“ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้รักนายเลย ..ไอ้บ้า”ซองมินกระซิบตอบด้วยเสียงแผ่ว ๆ แต่รอยยิ้มบนหน้านั้นบอกความจริงออกมาว่าที่ตนพูดมานั้น .. ตรงข้ามกันหมด คิดเหรอว่าใครมันจะเชื่อ .. ก็สีหน้าเล่นบอกหมดแล้วซะแบบนั้น
“ปากแข็ง”คยูฮยอนตอบ แต่แค่คำนี้ก็เพียงพอ อย่างน้อย .. สิ่งที่ซองมินกระทำก็แตกต่างจากที่เคยเป็นมา และสถานะของพวกเขาสองคนจะไม่แตกต่างไปจากนี้ ยังคงเป็นไอ้เด็กกวนตีนกับพี่ชายปากแข็งคนเดิม
แต่แค่นี้ก็พอแล้ว ...
“ฮันบยอล .. ลงเอยยัง ?”เสียงแม่ของคยูฮยอนถามทันทีที่อีกฝ่ายเดินลงมาจากบันได แม่ของซองมินยิ้มอารมณ์ดีแล้วพยักหน้าหงึก ๆ
“ขอบคุณที่เราร่วมเออออไปกับลูกชายฉันด้วย”คุณนายโจถอนหายใจดังเฮือก แล้วหันไปตบมือดีใจหนึ่งแปะกับคุณนายอี
“โจลี ...”
“อิสเรียล !!!”
เสียงหัวเราะลั่นจากสองแม่ข้างล่างคงไม่มีทางดังขึ้นไปรบกวนซองมินที่กำลังไล่บี้เอากับคยูฮยอนเรื่องใหม่ แต่อย่างน้อย เรื่องของทั้งสองคนนี้ก็กำลังเริ่มและจบลงด้วยดีก็แล้วกัน
“คยูฮยอนจะรีบไปไหนของเค้านะ”
เสียงบ่นเล็ก ๆ จากร่างผอมบางในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม ฮยอกแจเดินดูดนมเปรี้ยวในกล่องอย่างสบายใจโดยที่ทิ้งให้พี่ชายเข็นรถเข็นกระเป๋าคนเดียว ฮยอกแจชะเง้อมองไปรอบ ๆ อย่างคิดถึง”ไปแค่สองอาทิตย์ก็คิดถึงแล้วเนอะ”
“อื้อ ...”ฮันกยองตอบรับแล้วออกแรงเข็นมากขึ้นอีกหน่อย กระเป่าเสื้อผ้าอย่างเดียวยังพอว่า แต่ฮยอกแจเล่นขนของฝากมาเพียบแบบนี้ล่ะสิแย่กว่า ตอนนี้พอขยับสถานะเข้ามาใกล้กันอีกหน่อย ฮยอกแจที่น่ารัก ขี้อ้อนหายไปเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่ฮยอกแจคนขี้งอนและเอาแต่ใจแทน แต่รางวัลที่ได้กลับมาก็คุ้มยิ่งกว่า ก็การกระทำทั้งหลายที่เขาต่อยอดมันออกไปเอง ไม่ว่าจะกอด หอมหรือมากกว่านั้นก็ตาม
“ฮยอกแจโทรบอกพ่อแล้วนะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”ฮยอกแจบอกพลางกดมือถือไปด้วย แก้มก็เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ ฮันกยองหยุดเดินแล้วสำนึกถึงความรู้สึกหวาดหวั่นที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในจิตใจ”แล้วนี่ เรื่องเรียนเดี๋ยวไปตอนฤดูใบไม้ร่วงนะ อีกไม่กี่วันก็ปิดฤดูร้อนให้แล้ว”
“อื้อ ... ครับ”
“พี่ชายไม่สบายใจเหรอ”ฮยอกแจหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่แปลกไป มือบางแตะเข้ากับหลังมือของฮันกยองอย่างอ่อนโยน”ไม่เป็นไรนะ ฮยอกแจคุยกับพ่อแล้ว”
“คราวนี้ฮยอกแจเป็นฝ่ายปกป้องพี่สินะ”ฮันกยองยิ้มน้อย ๆ แล้วออกแรงเข็นต่อไป ทั้งสองคนเรียกแท็กซี่สนามบินให้ไปส่งถึงที่บ้าน ระหว่างทางฮยอกแจก็เป็นฝ่ายชักชวนพี่ชายให้พูดคุยลืมความกังวลไปได้บ้าง แต่เมื่อระยะทางที่คุ้นเคยกลับมา ความกังวลก็เพิ่มมากขึ้น ฮันกยองยังไม่ได้คุยกันตรง ๆ กับพ่อ เท่าที่พูดมาก็มีคำสั้น ๆ ว่าอนุญาต แต่ไม่ได้เห็นสีหน้า
... พ่อจะผิดหวังมากแค่ไหนนะ
“กลับมาแล้วครับ~~”ฮยอกแจส่งเสียงเข้าไปก่อน พลางวางกระเป๋าไว้ที่ข้าง ๆ โซฟา ในห้องนั่งเล่นไม่มีใคร ร่างบางคว้ามือพี่ชายแล้วออกแรงลากให้ไปตามห้องนั้นห้องนี้ ฮันกยองอดวิตกไม่ได้แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี โดยที่พยายามควบคุมอารมณ์เข้าไว้ไม่ให้ตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ ฮยอกแจผลักประตูห้องทำงานเข้าไปเบา ๆ แสงไฟจากหลอดไฟกลางห้องส่องเข้ากระทบร่างสูงใหญ่คล้ายฮันกยองของพ่อ พ่อกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาก็จ้องมองเอกสารในมือ ร่างบางอดกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าไม่ได้
“พ่อฮะ...”
ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมานอกจากมือที่พลิกหน้ากระดาษไปอีกหน้า ร่างบางหน้าเสีย เพราะก่อนไปก็ไม่ใช่ว่าเขาอ้อนดี ๆ แต่เป็นการวีนต่างหากเขาถึงได้สิทธิ ร่างสูงบีบมือเล็กเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“พ่อฮะ ... เอ่อ ...”
“อยากได้อะไรอีกล่ะฮยอกแจ ..”เสียงนั้นไม่ได้โกรธเคือง มีแต่ความเมตตา ร่างบางก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่ก่อนไปจีนทำความผิดไว้มากมาย สายตาของพ่อที่มองมาทำให้เขาสู้หน้าไม่ได้
“ผม .. เอ่อ ..”ฮยอกแจอยากเงยหน้าขึ้นไปมองฮันกยองเพื่อขอกำลังใจ แต่ไม่กล้า”มาขอโทษครับ”
“ผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ”
ลูกชายทั้งสองคนก้มหัวลงพร้อมกันเพื่อแสดงความสำนึกผิด คนที่เฝ้ามองอยู่ยิ้มน้อย ๆ แล้วเอื้อมมือไปหาลูกทีละคนเพื่อลูกหัวเบา ๆ
ทั้งสองคนเป็นลูกของเขา ถึงแม้จะรู้ว่าฮยอกแจไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ความผูกพันก็ตัดกันไม่ขาด และเขาก็ตัดสินใจจะไม่บอกความจริงแก่ลูกชาย ไม่อยากจะให้ฮยอกแจต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้
สถานภาพทางเลือดของฮยอกแจจะถูกปกปิดไว้ตลอดไป
“ตอนแรกพ่ออาจจะโกรธนะ ... แต่พอมาคิดดูอีกทีแล้ว ถ้าลูกรักกันจริง ๆ ก็คงห้ามไม่ได้แล้วล่ะ”คำพูดนั้นทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความดีใจ”อยากให้คิดนะ ..ก่อนจะทำอะไร เพราะถ้าพ่อไปอีกคนแล้วคนที่จะดูแลฮยอกแจก็มีแต่ฮันกยอง อย่าให้ความสัมพันธ์ ..แบบนี้ทำให้ทั้งสองคนต้องแตกกันนะลูก”
“ผมจะดูแลฮยอกแจให้ดีที่สุดครับพ่อ”ฮันกยองพูดขึ้นมาทันที คำสัญญาที่เขาจะทำให้เป็นจริง เขาดูแลน้องชายคนนี้มานานมากแล้ว และจะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย
“ขอบคุณฮะพ่อ”ฮยอกแจยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นกอดพ่อแรง ๆ อีกที ฮันกยองมองสบตาพ่อแล้วก้มหัวให้อีกครั้งเป็นการยืนยันในคำที่ตนเองจะพูด ความเจ็บปวดของพ่อเขารู้ดี แต่พ่อก็พยายามทำใจกว้างเพื่อเขาสองคน
“แล้ว ... เอ่อ ... พ่อฮะ ขอโทษก่อนนะฮะ”ฮยอกแจผละออกจากอ้อมกอดแล้วทำหน้าอยากรู้ปนหวาด ๆ “แม่ .. เอ่อ ... งานศพแม่ ผมขอโทษนะฮะที่ไม่ได้อยู่ด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก .. ฮยอกแจอยากไปหาแม่ไหม?”ท่าทางจะทำใจได้กับหลาย ๆ เรื่องแล้ว ฮยอกแจหันไปสบตาฮันกยองอีกทีแล้วพยักหน้าอย่างดีใจ อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมงานศพ ทั้งสองคนอยู่คุยสารทุข์สุกดิบอีกพักหนึ่งแล้วค่อยออกไปข้างนอก โยดที่ฮันกยองจะเป็นคนพาฮยอกแจไปที่หลุมฝังศพของแม่
“พี่ฮันกยองฮะ ... ขอบคุณนะ”
จู่ ๆ คำนี้ก็หลุดออกมาในระหว่างที่เดินอยู่ด้วยกัน ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ รับคำนั้น ฮยอกแจก้มหน้าแล้วบีบมือที่กุมตัวเองอยู่ให้แน่นขึ้น
“ขอบคุณที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมนะฮะ”รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้พร้อมกับคำขอบคุณ ฮันกยองยกมือขึ้นลูบหัวเบา ๆ ภายนอกของเขาสองคนยังเป็นเหมือนเดิม ฮันกยองกับฮยอกแจ พี่น้องที่รักกันมาก แต่ในความเป็นจริง ... ความสัมพันธ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ
ไม่ใช่ว่าความรักที่มีให้กันจะเปลี่ยนไป ไม่ได้มากขึ้น และไม่ได้น้อยลง
... เขาแค่รู้ว่าเขาสองคนรักกันแบบไหน ... เท่านั้นเอง
ร่างระหงที่ถือหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือส่งสายตาลอบมองแฟนหนุ่มของตัวเองอย่างหมั่นไส้ ฮีชอลปรายตามองเจ้าเด็กข้ามขั้นที่พักนี้มาอาศัยบ้านเขาอยู่จนน่ารำคาญ พอซีวอนมองตอบกลับมาก็รีบซ่อนหน้าอยู่หลังหนังสือเรียนเล่มหนานั่น เพราะวันพรุ่งนี้เขากำลังจะสอบย่อย
..นรกชัด ๆ
“มองอะไร”ฮีชอลตวัดเสียงใส่เสียงห้วน ไม่รู้จะเขินหรือหงุดหงิด ซีวอนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ยักไหล่แล้วยกหนังสือพิมพ์ขึ้นบังหน้า ฮีชอลเบ้ปากแล้วจ้องตัวอักษรภาษาอังกฤษในเล่มต่อไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สถานะของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนเขาตกเป็นฝ่ายยอมให้ตลอดกลับกลายมาเป็นฝ่ายที่มีอำนาจ หรือเพราะซีวอนเป็นคนชอบเอาใจอยู่แล้วก็ตาม เขาที่ชินกับการเอาแต่ใจเลยได้กลายเป็นคนชี้นิ้วสั่งแทน
... แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ
ไม่ยักรู้ว่าการที่คิบอมผันตัวไปชอบทงเฮจะทำให้เขาหันไปชอบซีวอนด้วยได้ เหมือนเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนคนใกล้ชิดติดมันซะทุกราย แต่เขาก็ไม่ได้โจ่งแจ้งอะไรมาก เท่าที่เห็นก็เหมือนพี่น้องธรรมดาเท่านั้นเอง
ฮีชอลปิดหนังสือแล้วถอนหายใจ อ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว สายตาหันไปปะเข้ากับคิบอมที่เดินเข้ามาพอดี ร่างสูง ๆ ของน้องชายในไส้ดูซีดเซียวไปเยอะหลังจากที่ทงเฮย้ายออกไปที่บ้านเก่า แต่คิบอมกลับเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ดูไม่ปิดตัวเองเหมือนเก่า ดูตั้งใจเรียนมากขึ้น .. เหมือนกับว่าจะทำเพื่อคนที่หายไปคนนั้น
ความรักนี่เปลี่ยนคนได้จริง ๆ
...ตั้งแต่คิบอม ที่ตั้งแต่ซอฮยอนตายไปก็เป็นอีกสีหนึ่ง แต่เมื่อมีทงเฮเข้ามากฏ็เป็นอีกสีหนึ่ง และพอจากไปก็กลายเป็นอีกแบบหนึ่ง
แล้วก็ ... ไอ้คุณซีวอน
สายตาหวานทอดมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าหงุดหงิด แต่ในนัยน์ตากลับเจือความอ่อนหวานอ่อนโยนไว้อยู่ ฮีชอลยิ้มบางแล้วมุดลงอ่านหนังสือต่อเมื่อได้ยินเสียงหนังสือพิมพ์ดังกรอบแกรบ
“ได้ข่าวทงเฮบ้างไหม”พอคิบอมไปแล้วถึงนึกขึ้นได้ อยากจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เก็บไว้ให้น้องชายบ้าง ฮีชอลถามคนที่สนิทกับทงเฮพอสมควรอย่างซีวอน ร่างสูงพับหนังสือพิมพ์ลงมา ทำให้ฮีชอลรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันควัน ..
แหม มันอ่านเรื่องเล่นหุ้น
“ทำไมล่ะครับ”
“หวงเหรอ พี่ชายสุดรักของนายอยู่ไหน อยากรู้เฉย ๆ”ร่างบางประชดกลับ เรียกยิ้มหวานจากอีกฝ่าย ซีวอนพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วรีบเดินมาหาคนขี้น้อยใจที่นั่งทำหน้าบูด วงแขนแกร่งโอบร่างบางไว้แล้วกดจมูกโด่งลงกับแก้มเนียน ฮีชอลแก้มกระตุกเพราะกลั้นยิ้ม ทุกทีที่เขาทำท่าว่าน้อยใจ ซีวอนจะทำแบบนี้ทุกที
... อาจจะยังลืมรักแรกไม่ได้ก็จริง
....แต่ซีวอนก็พยายามอยู่นี่นา
..มันก็ดีแล้ว ...
“อยู่บ้านที่เดิมครับ ไกลหน่อย แต่พี่ทงเฮบอกว่าจะให้จบปีสามที่นี่แล้วไปนอนหอพักครับ”ตอบออกมาชัดเจน ฮีชอลพยักหน้ารับรู้ นึกถึงคนที่สดใสร่าเริงคนเดิม ครั้งสุดท้ายที่เจอกันกลับกลายเป็นคนเคร่งขรึมไปเสียได้”แต่พักนี้เงียบลงมาก .. เงียบลงมากจริง ๆ”
ประโยคสุดท้ายพึมพำด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเอามาก ๆ ฮีชอลรู้สึกจี๊ดเหมือนถูกเข็มตำ แต่ก็พยายามข่มอาการนั้นให้จางหายไปเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ดี เขาไม่ชอบคาดคั้น หรือบังคับใครเอามาก ๆ (?) ดังนั้นเขาจะปล่อยไปเรื่อย ๆ
“สงสารคิบอม”ฮีชอลพึมพำเสียงเบา”ท่าทางจะอาการหนัก ผิดหวังมาสองรอบแล้ว”
ซีวอนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เมินหน้าไปอีกทาง เป็นเรื่องที่ยากที่จะพูดถึงรักครั้งใหม่ของทงเฮด้วยความรู้สึกเฉยชา เพียงแค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวด เพียงแต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน แต่ก่อนที่จะได้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น มืออุ่น ๆ ของคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก็แนบแก้มให้หันมา และตามด้วยสัมผัสอบอุ่นตรงริมฝีปาก ฮีชอลหันหน้ากลับไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ต้องรีบก็ได้”ร่างบางกระซิบเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ร่างสูงหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วเอียงหัวไปชนศีรษะของฮีชอล เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไร และก็เข้าใจ .. ว่าฮีชอลไม่ได้ว่าอะไรเลยด้วยเช่นกัน”ไอ้ช่วงคิด ๆ นี่ไม่ต้องมาทำอะไรยุ่มย่ามด้วย”
ข้อสุดท้ายนี่พูดถึงมือของซีวอนที่เริ่มยุ่มย่ามอยู๋ในตัวเสื้อ ร่างสูงทำสีหน้าเสียดายแต่ก็ยอมเอามืออกไป ฮีชอลจัดเสื้อให้เรียบร้อยแล้วนั่งทำหน้าแดงอยู่แบบนั้น
“งั้น ..ไม่คิดแล้วได้ไหมล่ะ”คำขอกลาย ๆ นั่นเรียกฝ่ามืออีกเพียะจากคิมฮีชอล ร่างบางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ขยับตัวออกห่าง”ล้อเล่นครับผม ..ไม่ได้หิวขนาดนั้นเสียหน่อย”
“หน้าตามันบอก”คำย้อนกลับมาทำเอาซะซีวอนรู้สึกสงสัยว่าหน้าตาเขาหื่นอะไรมากมายขนาดนั้น”...เอ้อ ... รีบ ๆ คิดก็แล้วกัน”
“ครับผม”
ซีวอนตอบรับพลางหอมแก้มฮีชอลไปอีกฟอด ร่างบางทำหน้าไม่ใส่ใจแล้วหยิบตำรามาอ่านต่อ ซีวอนลุกขึ้นยืนเพราะดูจากเวลาว่าเขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว มาขลุกอยู่ที่นี่ก็ตั้งนาน
“ไปแล้วนะครับ”ซีวอนบอกลา ฮีชอลเพียงแต่พยักหน้ารับ อดหมั่นไส้ไม่ได้จึงเดินอ้อมไปจากทางหลังโซฟาแล้วเอียงแก้มแนบกับอีกฝ่าย ลมหายใจเป่ารดไหล่เนียนที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมา”คิดถึงนะครับ”
“อื้อ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มาหาใหม่นะ”
“อื้อ”
“....รักนะ”
“..อ..หือ !?!”
คำสุดท้ายไม่ได้จบด้วยเสียงตอบรับสั้น ๆ เหมือนเคย ซีวอนยิ้มกว้างแล้วอาศัยโอกาสที่ฮีชอลทำหน้าเหวอแลกจุมพิตหวาน ๆ เพื่อเป็นการหากำไรเข้าตัวเอง ไม่มีการขัดขืนเพราะอีกคนยังคงช็อกค้างอยู่ ร่างสูงจูบซับที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้งแล้วถอนตัวออกมาอย่างเสียดาย โบกมือให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกไปช้า ๆ
..อดขำไม่ได้เมื่อเห็นฮีชอลยังคงเหวอกินแบบนั้น
“อะไรนะ!?!”
“ของดีมีครั้งเดียวครับ”ซีวอนแกล้งทำเป็นเล่นตัวจนเรียกหมอนอิงพุ่งเข้าใส่ผนัง ฮีชอลรีบมุดเข้าหมอนอีกอันพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่านจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แล้วยิ่งเสียงหัวเราะน้อย ๆ ที่ตามมานั่นอีก รอจนได้ยินเสียงปิดประตูแล้วถึงได้โผล่ออกมาทำปากขมุบขมิบใส่
“...ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ..”
ร้องตามก็ได้นะ ไอ้เพลงที่คยูร้องให้ซองมินน่ะ 55 ทำนอง Listen to you น่ะ เค้าแต่งเองน๊า
กร๊าก อาจจะไม่ลง แต่เค้าชอบแปลงเพลงเล่น มีอีกห้าหกเพลงแน่ะที่แปลกเป็นภาษาไทยไว้
จบแล้ว ยกเว้นคิเฮ รออีกสองวันเค้าจะเอามาลงให้ กร๊ากกกกกก
ความคิดเห็น