คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : {part 21} Ai niente
21
Ai niente
“ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ”เสียงแดกดันจากเพื่อนที่กำลังจะโกอินเตอร์สู่ฮยอกแจที่วิ่งเข้ามาในสนามบินด้วยท่าทางหอบ ๆ”แล้ว ...นั่นของฝากเหรอวะ ขนมาเป็นกระเป๋าเลย”
“ใครว่า”ฮยอกแจค้อนแล้วหันไปสวัสดีญาติผู้ใหญ่ของคยูฮยอนทุกคนแล้วกันมาชี้แจงต่อ มือบางขยับกระเป๋าเสื้อผ้าให้ตั้งมั่นคงกว่าเดิม กระเป๋าใบใหญ่สีเบจตั้งเด่นเป็นง่า บวกกับการแต่งกายเหมือนจะหายหัวไปเมืองนอกทำให้คยูฮยอนรู้สึกประหลาด ๆ”กลับวันไหน”
“ถามทำบ้าอะไรเล่า ... เดี๋ยวเหอะ”คยูฮยอนพยักเพยิดไปทางซองมินแล้วก้มลงกระซิบบอกฮยอกแจ ร่างบางพยักหน้าหงึก ๆ แต่สายตาจับจ้องมองไปทางรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยืนทำตาแดง ๆ อยู่ข้าง ๆ ถึงแม้ใบหน้าจะเบนไปอีกทางเหมือนจะไม่สนใจ แต่จริง ๆ ก็แอบเหลือบมองเขากับคยูฮยอนอยู่เหมือนกัน
“เจอกันวันนั้นแหล่ะ ที่สนามบิน”คำตอบแปลก ๆ ทำให้เพื่อนตัวสูงขมวดคิ้ว
“มึงจะไปไหน”เสียงกดลงต่ำด้วยความที่อยากจะให้เรื่องเงียบไว้ ฮยอกแจอมยิ้มเหมือนขำอะไรซักอย่างแล้วบอกออกมาง่าย ๆ
“ไปจีน”
“หา!! มึงจะไป ...”เงียบเสียงเพราะโดนสายตาจ้องจากฮยอกแจ คยูฮยอนหันไปส่ายหัวให้คนที่มองมาเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร”แล้ว ..โรงเรียนมึง บ้านมึงล่ะ”
“กูจะไปใครมันจะห้าม”ฮยอกแจตอบสั้นแล้วทำท่าจะลากกระเป๋าเดินเข้าเกทไปพร้อมกัน คยูฮยอน ร่างสูงหันซ้ายหันขวาแล้วมองกลับไปที่ซองมินอีกครั้ง
“พี่ซองมิน”
“ไปสิ เข้าห้าทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ”ซองมินออกปากไล่แต่ไม่ยอมหันมามองหน้าคนพูด คอแข็งอยู่ที่เดิม เชิดทำมุมขนานกับพื้นโลก คุณนายโจกับคุณนายลีหันมามองหน้ากัน
“รีบเถอะลูก ไปดีมาดีนะ ซื้อของฝากมาให้แม่เยอะ ๆ นะ”คำสั่งลาฝาดหูในความรู้สึกของซองมิน ไปตั้งหนึ่งปี ทวงของฝากกันซะแล้ว”บ๊ายบาย”
“เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะลูกชาย”นั่นเสียงแม่เขา ซองมินหันไปมองหน้าแม่ตัวเองด้วยความเคืองน้อย ๆ แต่พอหันกลับมาก็เจอดวงตาล้อจากคยูฮยอนก็ต้องหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ
“...ไปดีมาดีนะ”ไม่รู้จะพูดอะไรอวยพรดี ไม่อยากพูดจาหวานเลี่ยนให้อายแม่ตัวเอง แค่พูดดีต่อกันแค่นี้ก็แปลกพออยู่แล้ว ให้เปลี่ยนเป็น’คิดถึง อยู่นู่นดูแลตัวเองด้วย’ ก็คงจะวิ่งไปอ้วกเสียก่อน ก็ได้แต่พูดแค่นี้ คยูฮยอนปล่อยมือออกจากหูจับกระเป๋าแล้วเดินไปกอดแม่ตัวเองอีกที ก่อนที่จะเดินมาหยุดหน้าซองมิน
“คิดถึงด้วยนะ”
“
ทำไมต้องทำ”เสียงหวานพูดอุบอิบพลางเบือนหน้าหนี รู้สึกใจหายเหมือนกันที่อีกฝ่ายกำลังจะไป”ไปสิ จะถึงเวลาแล้วนะ”
“ผมคิดถึงพี่นะ รอผมด้วยนะ”คำสั่งนั่นเรียกเลือดฝาดบนแก้มเนียน คยูฮยอนทำแก้มป่อง ๆ ใส่แล้วเอานิ้วจิ้มเพื่อที่จะบอกให้หอมแก้มหน่อย แต่ถ้ายอมง่าย ๆ ก็ไม่ใช่ซองมิน ร่างบางหันหน้าหนีแล้วพูดเสียงเบา
“กลับมาเร็ว ๆ นะ”
“...ฮั่นแน่ .. ไม่ล้อแล้วครับ ผมไปแล้วนะ”คยูฮยอนรีบกลับคำเมื่ออีกฝ่ายส่งตาเขียวปั๊ดมาให้ ร่างสูงโบกมือให้คนที่มาส่งแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับฮยอกแจที่ยืนรออยู่ ระหว่างที่เดินก็ซักถามเพื่อนตัวเล็กไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ขึ้นเครื่องบินไปอีกคน ถึงแม้จะคนละลำก็เถอะ”มึงจะตามพี่ชายมึงไปเหรอ”
“เออ กูจะไปเอาพี่ชายกลับมา พ่อกูยอมแล้ว”ฮยอกแจบอกขรึม ๆ แต่ก็แอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าคนที่จะอึ้งเมื่อเขาโผล่ไปหา”เค้าบอกว่าถ้าจะให้กลับก็อีกสองอาทิตย์ว่ะ กูเลยไปอยู่ที่นู่นเลย”
“ข้าวใหม่ปลามันก็เงี้ย”คยูฮยอนหัวเราะชอบใจ กลัวทนคิดถึงไม่ไหวล่ะสิ ..ก็แหงล่ะ ตั้งหลายปีที่เห็นกันมาก็เห็นฮบอกแจติดพี่ชายจะตาย นี่ผ่านไปเกือบอาทิตย์ยังขนาดนี้ แล้วถ้าหากสองอาทิตย์ ..คงทรุนทุรายเป็นไก่ขาดข้าวเปลือก”เอาเถอะ โดนเค้าปล้ำทีนี่...แสดงออกเลยนะ”
“เรื่องของกู”เป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนเห็นฮยอกแจเขินขนาดนี้ ถึงปากจะพูดกระชากแต่แก้มกลับแดงจัด ริมฝีปากติดยิ้มอยู่ ร่างสูงมองย้อนกลับไป เตรียมใจไว้ครึ่งหนึ่งแล้วว่าจะต้องไม่เห็นคนตัวเล็กคนนั้นยืนรออยู่ แต่ผิดคาด ซองมินยังคงยืนมองเขาอยู่ แต่ทันทีที่เขาหันไปร่างบางก็รีบทำเมิน ร่างสูงรีบโบกมือกลับไปให้ ก่อนที่จะเดินจากมา ...
ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเดียวดายก็ตาม
“ระวังนะมึง กลับมามึงตาย”ฮยอกแจบอกสั้น ๆ แล้วเดินลากกระเป๋าเลี้ยวไปอีกทางจนคนที่มาส่งลับมุมไป
“ไม่มีทาง”ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่คยูฮยอนก็แอบคิดล่ะวะ
“โอเคมึง กูจะรอ ... นี่ ไปแล้วนะ เจอกันเร็ว ๆ นี้”ฮยอกแจเอ่ยลาเมื่อถึงเวลาต้องแยกกัน คยูฮยอนยิ้มกว้าง
“มึงจะบินมาหากูที่นู่นเหรอ”
“ควาย ถ้ากูมีตังค์ขนาดนั้นกูจะยัดให้พี่ฮันกยองกลับมาหากู”ฮยอกแจบอกเสียงห้วน ก่อนที่เพื่อนสองคนจะสบตากันอีกครั้งแล้วแยกย้าย
คนหนึ่งไปตามหาหัวใจของตัวเอง..
ส่วนอีกคนก็เดินห่างหัวใจของตัวเองออกมาเรื่อย ๆ...
ดอกไม้กลีบสีขาวถูกสายลมฤดูร้อนพัดแผ่วให้ปลิวหายไปอีกหนึ่งดอก คิบอมมองภาพนั้นอย่างเซื่องซึม แดดแผดแรงกล้าจนต้องเดินมาหลบใต้ต้นไม้จนรู้สึกเย็นขึ้นมาอีกนิดหน่อย สัมผัสสาก ๆ ของกระดาษสาสีขาวที่ห่อดอกไม้มากระทบมือ เมื่อก้อนเมฆอีกสองสามก้อนเคลื่อนคล้อยมาบังแสงแดด คิบอมก็เริ่มออกเดินไปตามแถวแนวเดิมที่คุ้นเคยกันดี
วันนี้ก็ยังเหมือนเคย .. เพียงแต่มันผ่านมาแล้วสองสามวันที่ทงเฮหายไปจากบ้าน หรือไม่ก็พยายามหลบหน้า ไม่ได้เจอกันอีกเลย ร่างสูงยกนิ้วอุ่นขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง รอยสัมผัสเย็นยะเยือกยังคงทิ้งความโหยหาไว้ในจิตใจ ใบหน้าหวานซีดขาวกับสายตาที่บ่งบอกอารมณ์ไม่ถูกนั่น ..เปรียบเหมือนฝันร้ายที่ติดตาทุกครั้งที่หลับหรือตื่น
สุสานหินอ่อนที่คุ้นชินปรากฏขึ้นในสายตา ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าลงข้างแผ่นหินที่ตัวจารึกเริ่มเลือนลงไปบ้างแล้วเพราะกาลเวลา ดอกเดซี่วางลงนิ่ง ๆ ตรงหน้าฐาน คิบอมเองก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ได้แต่นั่งลงแบบนั้น ความรู้สึกอ้างว้างที่ร้ายกาจเริ่มซึมซับลงไปเหมือนในตอนแรก ๆ ที่ซอฮยอนจากไป ...
...เขาคาดไว้แล้วว่าทงเฮจะต้องโกรธเขา
หวังไว้ ..หวังไว้ทั้งใจว่าทงเฮจะแค่โกรธ ไม่ใช่เกลียด
..แบบนั้น เขาก็คงจะทนไม่ไหว
เคยคิด คิดไว้ว่าในนิยาย คนที่เสียใจกับความรักจนทิ้งสิ่งที่อยู่ข้างหลังเป็นเรื่องงี่เง่า แต่ตอนนี้ .. เขากำลังรับไม่ไหวกับทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามาจริง ๆ ทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่อ่อนแอ และตอนนี้เขาก็กำลังอ่อนแอจนถึงที่สุด การสูญเสียที่เกิดไม่ห่างกันเท่าไหร่กำลังทำร้ายเขา
..และคนผิดคือเขา ไม่ใช่ใครที่ไหนทั้งนั้น ถึงใครหลายคนอาจจะบอกว่าอย่าโทษตัวเอง แต่แค่คำประณามจากทงเฮ ... แค่คำเดียวก็เกินพอ
ความคิดที่เหมือนเหล็กเย็นเฉียบแทงทะลุหัวใจ ร่างสูงเหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างเงียบงัน เขาเข้าใจว่าทงเฮรู้สึกอย่างไร ...การสูญเสียสำหรับคนที่อ่อนไหวแบบนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก
“ซอฮยอน .. ผมขอโทษ”คำที่พูดได้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแค่คำนี้ เขาเกลียดคำว่าขอโทษ ไม่อยากให้ตัวเองจำเป็นต้องพูดมันออกมา ร่างสูงหลับตาลง รู้สึกชิงชังอวัยวะของตัวเองที่ได้รับมาจากคนอื่นจับใจ ดวงตาที่ได้รับมาเป็นดั่งตัวทับถมที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานมากขึ้นเรื่อย ๆ อยากจะทิ้งมันไปซะ ไม่อยากจะมีบ่วงเพิ่มขึ้นมาอีก ..
แต่ก็ทำไม่ได้ .. ทำไม่ได้จริง ๆ
...และตอนนี้
เขาคงต้องยอมรับสินะ
“ผมขอโทษ ... ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ”คิบอมพูดเสียงแผ่ว”ผมรักทงเฮแล้ว”
ว่างเปล่าเสียจนรู้สึกกลวง ทงเฮไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีวิตตอนนี้ ร่างบางหันหลังกลับจากสุสานที่ไปยืนมองคิบอมนั่งอยู่ตรงนั้น เสี้ยวหน้าที่อ่อนล้าของคิบอมทำให้ทงเฮรู้สึกอยากจะร้องไห้ ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรให้ถูกต้อง แต่ละก้าวที่เดินห่างออกไป .. ย้ำเตือนว่ารู้สึกเดียวดายแค่ไหน เดินห่างออกมาเรื่อย ๆ จนถึงถนนใหญ่ ผู้คนเดินอยู่รอบ ๆ ตัว คนมากมาย .. แต่อ้างว้างเสียจนอยากจะหายไปให้พ้น ๆ ซะ
คำที่บอกว่าอีกฝ่ายรักตน ได้ยินเพียงแผ่ว ๆ แต่ก็ชัดเจนในความรู้สึก ไม่รู้เลยว่าจะดีใจหรือเสียใจ คำที่ว่ารัก คำที่ว่าหวานหนักหนา ทำไมตอนที่เขาได้ยินมันกลับรู้สึกรวดร้าวได้แบบนี้ ร่างบางมองไปรอบ ๆ แล้วสะดุดเข้ากับอีกที่หนึ่ง ที่ที่เขาบอกได้ว่าจำได้
และใครที่คุ้นเคยอีกคน ...
“พี่ชินดงครับ”เสียงแหบโหยพร้อมกับมือเล็กที่แตะไปที่ไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ ชินดงหันมามองคนทักอย่างแปลกใจ ร่างท้วมที่กำลังยืนต่อคิวซื้อของอยู่หน้าร้านยกถุงในมือขึ้นแล้วเดินนำมาออกมาเพื่อหาที่คุย นึกแปลกใจในความเศร้าหมองที่บดบังทงเฮอยู่เป็นหมอกควันเลือนลาง
“ว่าไงล่ะทงเฮ สบายดีมั้ย”
“ก็ไม่ค่อยดีครับพักนี้”ทงเฮตอบด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ยิ่งเห็นหน้าพี่ชายของอดีตคนรักแล้วยิ่งเจ็บปวด แต่ไม่รู้สิ เขาอยากได้ใครซักคนมานั่งคุยด้วย แต่ไม่รุ้จะหันไปหาใครดี
“ยังคิดถึงยัยตัวดีนั่นอีกเหรอ”ชินดงถามขึ้นมาเสียงเบา ๆ เสียงรถราหรือผู้คนที่เดินกันจอแจไม่ได้แทรกซึมเข้าสู่โสตประสาท ทงเฮพยักหน้าอย่างซึมเซา”จำได้แล้วล่ะสิ ... ดูหน้าก็รู้แล้ว”
นี่เองก็คือคำตอบที่ว่าทำไมชินดงฮีถึงได้ถามออกมา ร่างบางแนบหลังไปกับผนังสีขาวแถวนั้น แต่ในใจกลับรู้สึกเย็นยะเยือกครึ่งหนึ่ง และเฉยชาอีกครึ่งหนึ่ง
“ยุนอาหวงนายมากนะ แต่ตอนนี้ ยัยนั่นคงจะไม่สบายใจถ้าหากเห็นนายเป็นแบบนี้”ชินดงพูดตามที่เห็น เพราะตอนนี้ทงเฮซูบลงไปมาก ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มแต้มไว้จนคุ้นตากลับเป็นใบหน้าที่เรียบนิ่งจนน่าหดหู่”แล้ว ..ไอ้ที่ว่าไม่ค่อยดี อยากพูดอะไรไหม?”
ทงเฮยังคงนิ่งเงียบ แต่นัยน์ตาสวยเริ่มปริ่มน้ำตา ชินดงถอนหายใจแล้วเอื้อมมือมาตบหลังทงเฮเบา ๆ ร่างบางยิ้มขอบคุณแล้วตัดสินใจที่จะจากไปแทน ไม่อยากจะร้องไห้ออกมาตรงนี้ แล้วที่ตรงนี้ ... มันก็ยิ่งย้ำเตือนเขาเข้าไปอีก
ที่นี่ .. ที่ที่เขาเจอกับยุนอาครั้งแรก
ท้องฟ้ายังคงสดใสเหมือนวันนั้น วันนี้ก็เลยผ่านหนึ่งปีของเขากับเธอมาแล้ว ทุกอย่างยังคงดำเนินไปในโลกนี้เหมือนเดิม ..แต่อะไรล่ะที่ไม่เหมือนเดิม
เขาไม่อยากจะยอมรับเลย ไม่อยากจะทรยศต่อสัญญาที่เคยให้ไว้กับยุนอา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกของตัวเองยังตัดสินออกมาไม่ได้ ..ร่างบางลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังฝั่งตรงข้าม ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินอย่างรีบเร่ง แต่ภาพที่ทงเฮเห็นก็ทำให้ทงเฮแทบหยุดหายใจ
ร่างสูงของคนที่คุ้นเคยมองตรงมาจากฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าคิบอมมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างสูงไม่ได้ทำท่าจะวิ่งมาหาเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ยืนอยู่แบบนั้น ใบหน้าที่ปกติจะไม่แสดงอารมณ์มีแต่รอยยิ้มเศร้า ทงเฮอยากจะเดินหนี แต่เท้ากลับติดตรึงอยู่ที่พื้น
เคยคิดว่าถ้าหากเจอคิบอมอีกรอบจะทำอย่าไงรดี อยากจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดนั่นทิ้งซะ
แต่ตอนนี้ อีทงเฮยังเป็นคนเดิม คนเดิม ๆ ที่ไม่สามารถบังคับความรู้สึกตัวเองได้เลยแม้ซักนิดเดียว
คิบอมขยับปากพูดอะไรบางอย่าง พร้อมกับออกเดินตรงมาหาทงเฮ ร่างบางนิ่งอยู่กับที่โดยที่ไม่ขยับไปไหน ภาพของอีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาทำให้ในหูมีเสียงหวีดก้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกที่คอ
...ทั้งคิดถึง ทั้งโกรธเคือง
แต่สิ่งแรกมันมากกว่า ...
... คิดถึง ..
คิบอมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทงเฮ มือของร่างสูงยื่นออกมาสัมผัสผิวของฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะกุมมือร่างบางไว้แน่นด้วยความโหยหา ทงเฮหลบตา ไม่อยากจะสบตาด้วย กลัว กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมา ..
“ผมเลวใช่ไหมครับที่รักใครสองคนในเวลาใกล้ ๆ กันแบบนี้”ร่างสูงพูดเสียงเบา จพลางจ้องไปที่ทงเฮอย่างไม่ลดละ”แต่ผมอยากจะบอก ..ผมรักทงเฮจริง ๆ นะ”
ร่างบางไม่รู้จะตอบอะไรดี ไม่รู้จะว่าจะตอบรับหรือจะปฏิเสธอย่างที่ตั้งใจ แต่น้ำตาของเขากำลังไหลลงมาเป็นสาย ..ทำไมในใจถึงรู้สึกดีแบบนี้ที่ได้ฟังคำว่ารักอย่างเต้มปาก
“โกหกผมได้ไหม ผมอยากจะให้ทงเฮพูดว่ารักผมบ้าง ... แค่โกหกครั้งนี้นะ”ไม่รู้ทำไมถึงได้ต้องการให้ทงเฮพูดแบบนี้ แต่ที่ผ่านมา ..ทงเฮไม่เคยบอกรัก พวกเขาสองคนไม่เคยบอกรักกันแม้แต่ครั้งเดียว ร่างบางหลับตา เม้มปากแน่น ท่าทางอึดอัดใจจนพูดไม่ถูก คิบอมได้แต่บีบมือแน่นขึ้นด้วยความที่ลุ้นว่าทงเฮจะพูดอะไร”แล้วผมจะจากไป ..ผมจะทำอะไรก็ได้ที่ทงเฮต้องการ ผมขอแค่คำว่ารักได้ไหม”
สีหน้านั้นดูวิงวอน สีหน้าที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นคิบอมทำ ร่างบางส่ายหัว รู้สึกได้ว่ามือที่บีบมือเขาไว้แน่นนั้นอ่อนแรงลงจนต้องปล่อย
“ฉันทำไม่ได้”
คิบอมไม่ได้พูดอะไร ทงเฮยังคงหลับตาแน่น ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ
“...ฉันทำไม่ได้จริง ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ”คิบอมอาจจะสงสัยถ้ายังสงสัยได้ว่าหัวใจของตนยังเต้นอยู่ไหม ในหูอื้อไปหมด แรงที่เคยมีหายวับไปกับตา ทงเฮแกะมือของคิบอมออกโดยง่ายดายเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เหนี่ยวรั้งไว้วักนิด ร่างบางเดินถอยหลังแล้วย้ำช้า ..ชัด คำที่ทำให้คิบอมแทบจะล้มทั้งยืน
“ฉันไม่ได้รักนาย”
“ไม่เป็นไรครับ ..ไม่เป็นไรเลยจริง ๆ”คิบอมกระซิบตอบโดยที่ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรลงไป ในร่างกายกลวงจนหาทางไปต่อไม่ถูก ว่างเปล่าไปหมด โลกที่เคยมีสีสันมืดลงเป็นสีเทา ทงเฮส่ายหน้าแล้วกระซิบเสียงเล็ก ๆ ด้วยท่าทางไม่แน่ใจ
“ขอเวลาได้ไหม ... รอฉันได้ไหม”คำขอนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่พยุงไม่ให้คิบอมล้มไปเสียก่อนด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ ร่างสูงพยักหน้ารับอย่างเบลอ ๆ ร่างบางกัดริมฝีปากอย่างไม่แน่ใจ”อยากให้รอนะ ..ไม่รู้จะนานเท่าไหร่ ...แต่ฉันจะกลับมาหานะ”
“ครับ...ผมจะรอ”คิบอมตอบรับ สังเกตแสงแห่งความหวังได้ลาง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ .. ทำไม่ได้แม้แต่จะดีใจกับคำว่าความหวัง
นอกจากจะยืนมองให้อีกฝ่ายจากไป ..
“ลาก่อนนะ”
รอยยิ้มเศร้าถูกส่งมาให้ ร่างบางหมุนตัวหันหลังให้แล้วเดินหายไป แผ่นหลังบอบบางที่ดูล้าแรงห่างหายไปช้า ๆ ทิ้งให้คิบอมยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า
เขาว่ากันว่าเวลารักษาบาดแผล
แต่บางที เวลานั้นก็สร้างบาดแผลขึ้นมาเหมือนกัน
===========================================
มีต่อนะ มันสั้นมาก แต่ทำไงได้ มันมาแค่นี้น่ะพล็อต
อีกสองตอนจบบบ *-*
ตอนนี้หนังสือหลาย ๆ เล่มคงถึงบ้านแล้วเนอะ คึ
วันนี้มาอัพให้สองตอน คึคึคึคึ
ความคิดเห็น