คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : {part 20} Past
20
Past
ข้างนอก...สว่างเหลือเกิน
คิบอมหยีตาสู้แดดที่แผดเผาลงมาในช่วงหน้าร้อน อากาศเริ่มอบอ้าวเสียจนน่าจะดีกว่าถ้าอยู่ในร่มและนั่งตากแอร์แบบสองคนนั้นที่ตามหลังเขามา เมื่อฮีชอลกับซีวอนพอเขามาจอดตรงหน้าสุสาน เขาก็ลงจากรถแล้วสั่งว่าไม่ต้องตามไป ก่อนที่จะเดินออกมาโดยที่อาศัยชุดที่ฮีชอลเตรียมมาให้เปลี่ยนเสียก่อน ร่างสูงเดินฝ่าต้นหญ้าสีเขียวไป พลางมองหาร่างเล็ก ๆ ที่น่าจะอยู่แถวนั้น
แถวไหนนะ ที่เธอคนนั้นอยู่
ผีเสื้อปีกสีขาวบินกระจายขึ้นไปในอากาศเมื่อมีเท้ามนุษย์มาเหยียบย่ำบริเวณที่มันอาศัย คิบอมมองท้องฟ้าสีฟ้าที่เริ่มเข้มขึ้นอย่างกังวล เสียงคำรามครืนครางดังลั่นไปทั่วเสียจนทำนายได้อย่างมั่นใจว่าอีกไม่กี่นาทีฝนจะตก แปลกที่เมื่อนาทีก่อนท้องฟ้ายังคงเจิดจ้า แต่ตอนนี้กลับมืดมนลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คิบอมมองไปรอบ ๆ สุสาน หินอ่อนสีขาววางเรียงรายอยู่ในใต้ร่มของเมฆทะมึน คิบอมเดินถัดลงไปอีกสองแถวพลางหยุดนิ่งมองสุสานที่คุ้นเคย ที่เขาเคยมาเยี่ยมในช่วงแรก ๆ ชื่อของหญิงสาวที่เขารักเริ่มมีร่องรอยกรำแดดกรำฝน ผ่านมาได้สองสามเดือนแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงหัวใจของเขาด้วยเช่นกัน
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งแล้วยกมือลูบชื่อนั้นเบา ๆ สายลมเย็นพัดต้องผิวกายเหมือนสัมผัสจากเธอคนนั้น นัยน์ตาคมหม่นแสงลงด้วยความเศร้าใจ ทุกอย่างในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปได้ ในนาทีหนึ่งชีวิตเขาอาจจะสดใสร่าเริงเหมือนท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอก แต่ช่วงถัดมา ...พายุก็กระหน่ำลงมาเสียจนมองทางต่อไปข้างหน้าไม่เห็น
ไม่ทัดขาดคำ เม็ดฝนก็ตกลงมากระทบผิวกาย แต่คิบอมก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเหม่อมองแผ่นหินด้วยแววตาเลื่อนลอยคล้ายคนป่วยที่เซื่องซึม ในหูแว่วเสียงหัวเราะจากอดีตกาล และเหมือนผ่านมานานมากแล้ว ปัจจุบันที่เลือนรางก็เช่นกัน
‘ถ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ... การตัดสินใจของคิบอม ฉันไว้ใจนะ’
เสียงของซอฮยอนยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มสดใสกระจ่างตานั่น ... ภาพของเธอที่กำลังบอกให้เขาทำตามความรู้สึกของตัวเอง แต่ตอนนี้ที่เขาต้องคิดอีกครั้ง .. ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องสมควรหรือไม่ การที่จะบอกว่าตัวเองนั้นรู้สึกอย่างไรกับทงเฮ ...มันถูกหรือยัง ?
นัยน์ตาที่เหม่อลอยมองผ่านไปอีกฟาก ก่อนที่จะเบิกกว้างเหมือนต้องมนต์สะกด ร่างเล็กผอมบางที่ยืนอยู่อย่างเดียวดายเหมือนทะเลที่เงียบเหงา คิบอมลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่รู้สึกตัว ขสทั้งสองข้างนำพาร่างกายไปรวดเร็วราวกับลมพัด ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ น้ำฝนเม็ดใหญ่ร่วงหล่นกระทบศีรษะและเส้นผมจนเปียกลู่แนบกับใบหน้า เมื่อคิบอมวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าทงเฮ สภาพอีกคนก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ใบหน้าหวานซีดขาวจนเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าจะมีปอยผมบดบังไปมากกว่าครึ่ง ริมฝีปากบางสีอ่อนจางจากชมพูกลายเป็นชมพูอ่อน นัยน์ตาสีเข่มเงยขึ้นมาสบ ร่างสูงรู้สึกใจหายวาบเมื่อเห็นประกายเย็นยะเยือกจากนัยน์ตาคู่นั้น ...
แววตาที่คุ้นเคย รอยยิ้มอ่อนหวานที่รับรู้ได้จากปากและตาเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงแต่อีทงเฮคนก่อนที่จะได้พบกับคิบอม หัวใจของร่างสูงบีบรัดตัวเองด้วยความปวดร้าว ความปรารถนาหนึ่งสายผุดพลุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง อยากจะวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้าและกอดปลอบ อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ และขอให้ยกโทษให้ได้ไหม ..แต่คิบอมก็ไม่สามารถทำได้เสียที ...
เพราะตอนนี้ ... อยู่ห่างกันแค่นี้ แค่เขาเอื้อมมือก็แตะตัวอีกฝ่ายได้
แต่ความรู้สึกนั้นห่างไกลกันไปเสียแล้ว
ทงเฮยืนขึ้นช้า ๆ ความเปียกชื้นจากสายฝนกระหน่ำลงมาบนตัว แต่ก็ไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไร ขอบตาร้อนผ่าว บางทีอาจจะเป็นแค่อาการแสบตา และหยาดน้ำที่ไหลอยู่ตรงริมขอบตานั่นอาจจะเป็นแค่หยาดฝนเท่านั้น
สมองตะโกนก้องว่าคน ๆ นี้เป็นคนที่พรากคนรักของเขาไป ... แต่หัวใจกลับกระซิบว่าคน ๆ นี้นั่นแหล่ะคือคนที่เขารู้สึกดีด้วย แยกจากกันได้ยากเหลือเกิน ทำไม .. ทำไมทุกอย่างถึงได้เข้าใจยากแบบนี้ รอยยิ้มเศร้าของคิบอมทำให้ทงเฮรู้สึกว่าหัวใจกำลังจะแตกร้าวด้วยความเจ็บปวด ภาพของยุนอาที่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันซ้อนทับกัน น้ำตายังคงรินหลั่งด้วยความอัดอั้นตันใจ
...มนุษย์พูดได้ว่ารู้อะไรมากมายหลางอย่าง
แต่สิ่งที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้กระจ่างชัดคือความรู้สึกที่ผ่านการคิดมาจากจิตใจ
ทงเฮเดินออกมาข้างหน้าอีกหนึ่งด้าวจนใกล้กับคิบอม ม่านน้ำฝนบังไม่ให้เห็นภาพชัด แต่ก็ยังคงเห็นนัยน์ตาที่โศกเศร้าคู่นั้น เสียงเปาะแปะดังอยู่รอบ ๆ เสียจนแทบจะบังเสียงของทงเฮที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาให้กลืนหายไป
“นายรู้ไหม ...”เสียงนั้นแหบพร่า แทบไม่เหลือเค้าความสดใสไว้ให้คิบอมรับรู้”นายฆ่าคนที่ฉันรัก”
คิบอมนิ่งไป สายตาที่มองทงเฮมีแววความเสียใจที่ไม่มีอะไรเจือปน คิบอมพยักหน้ารับ แต่ไม่อาจจะพูดคำไหนต่อไปอีกได้อีก ทงเฮตัวสั่นระริก อยากจะตะโกนบอกคนตรงหน้าว่าเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องเป็นอย่างไร อยากจะทำร้ายให้คิบอมทำอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่มองเขาแบบนี้ ตะโกนตอบกลับมาก็ได้ ..แต่อย่าทำแบบนี้
มันกำลังทำให้เขาใจอ่อน ..
ทำให้เขารู้สึกผิดต่อยุนอา ...
“แล้วนายรู้ไหม...”ทงเฮกระซิบเสียงแผ่วลง”ว่ามันเป็นอย่างไร เมื่อไม่ใช่ต้นเหตุแต่ต้องมองคนที่ตัวเองรักจากไป”
คำว่าต้นเหตุทิ่มแทงคิบอมเหมือนหนามแหลม ร่างสูงเงียบงันลงไปอีก ไม่พูดอะไรเพียงแต่มองไปที่เดิม ที่ใบหน้าของทงเฮ น้ำตาไหลรินลงมาปะปนกับน้ำฝน มือที่เย็นเฉียบของคิบอมยื่นออกไปเกาะกุมมือของอีกฝ่ายไว้แน่น ความร้อนจากภายในตัวของทั้งสองฝ่ายหลอมละลายเข้าสู่กันและกัน ทงเฮรู้สึกเหมือนน้ำแข็งในหัวใจกำลังละลายหายไปช้า ๆ ด้วยความอบอุ่นจากตัวของอีกฝ่าย
“ฉันรู้ ..ฉันรู้ดีเลยล่ะ”คิบอมตอบกลับมาเสียงปร่า มันไม่ใช่คำอ้อนวอนให้ทงเฮยกโทษให้ แต่เป็นการระบายความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง”รู้ว่าการสูญเสียมันเป็นแบบไหน รู้ในฐานะของคนที่สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง”
นั่นสินะ มันจะเจ็บปวดขนาดไหนที่ทุกคนรอบข้างตัวเองต่างจากไป ..โดยที่ทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง และพร้อมกับความผิดที่ตราหน้าว่าเขาเป็นคนกระทำ
“แล้วสุดท้ายเธอก็จากฉันไป พร้อมกับใครอีกคน ... ยุนอา คนที่ทงเฮรัก”สายตามั่นคงนั้นคลอนแคลนด้วยความเสียใจและไม่เชื่อมั่นใจตัวเอง ทงเฮอยากจะพูดว่าให้หยุดได้แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนฟังเสียงคิบอมแข่งกับสายฝนที่กำลังตกอยู่แบบนี้”ทงเฮรู้ไหม ... ว่าผมเสียอะไรไปบ้างตอนนั้น”
“ฉันเองก็เสีย ... ฮึก...”สุดท้าย ทงเฮก็สะอื้นออกมาโดยไม่ปิดบัง ร่างเล็กรัวมือทุบลงไปที่มืออีกฝ่าย อาละวาดด้วยความเสียใจที่สั่งสมมานาน”คิบอม นายทำแบบนั้นทำไม ..ยุนอา กลับมาได้ไหม ฉัน ..คิดถึงเธอ ..ฉันคิดถึงเธอ ..ฮึก ...”
“ผมขอโทษ”คำเดิม ๆ ที่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิบอมไม่สามารถพูดคำอื่นได้อีกแล้ว ร่างสูงยินยอมรับสิ่งที่ทงเฮแสดงออกแต่โดยดี ถึงแม้หัวใจจะรู้สึกเหมือนถูกกรีดขาดไปทีละนิด จากบาดแผลที่เคยฝากตัวเป็นร่องรอยช้ำขยายออกเป็นบาดแผลสาหัส”ซอฮยอน ...ผมขอโทษ”
ความเศร้าเสียใจของแต่ละฝ่ายถูกบรรยายออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลริน ความคิดถึงที่ถูกส่งไปหาอดีตของแต่ละคนดับสลายไปกลางสายฝน ร่างบางถูกรั้งเข้าสู่อ้อมกอดโดยคนที่ไม่อาจจะทนฟังเสียงร้องไห้ได้อีกต่อไป คิบอมซุกหน้าลงกับไหล่เล็กที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นแล้วโอบวงแขนเข้ามาให้ร่างเล็กแนบลำตัว สายฝนเย็นระรื่นไหลผ่านร่างกายลงสู่สถานที่ที่อ้างว้างเดียวดาย
ทงเฮไม่รู้จะทำอย่างไรดี ความอบอุ่นที่ซึมซับได้ถูกตีแผ่เข้ามาจนในใจรวดร้าวไปหมด ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ แต่คำว่ารักที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้กับอิมยุนอายังคงทิ้งพิษร้ายไว้ในความรู้สึก มือที่เกาะเกี่ยวเสื้อเปียกชุ่มของร่างสูงยึดแน่นราวกับเด็กน้อยที่ต้องการที่พึ่ง ทงเฮยืดตัวขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่าย ถึงแม้ใบหน้าหวานจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาปนกับน้ำฝนแต่ก็ยังดูสวยงาม ริมฝีปากสีชมพูซีดเผยอขึ้นน้อย ๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“...คิบอม...”
เสียงนั้นแทบจะกลืนหายไปกับเสียงสายฝนเปาะแปะรอบกาย คิบอมนิ่งเงียบพลางตั้งใจฟังคำที่อีกคนต้องการจะพูด ร่างบางหยุดไปอีกแล้วนิ่งเงียบ ท่าทางดูจะสับสนไม่รู้ต้องการจะสื่ออะไรดี คิบอมเกลี่ยปอยผมที่ระใบหน้าหวานออกให้เบา ๆ นัยน์ตาบวมแดงที่ช้อนขึ้นมามองทำให้หัวใจหวั่นไหว
ถึงจะดูเลว ... แต่เขาก็อยากจะบอกว่าเขาพร้อมกับความรักครั้งนี้แล้วนะ พร้อมที่จะดูแลอีทงเฮในญานะคนที่รักกัน เขายืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์ ...เขาแค่รู้สึกพิเศษกับคน ๆ นี้
บางทีคำว่ารักก็ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องของคนสองคน
ริมฝีปากที่เย็นเฉียบของคนทั้งสองแตะกันแผ่วเบา ก่อนที่จะชิดขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงของร่างผอมบาง ทงเฮเหมือนกับระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจออกมาทางจุมพิตรสหวานปนขมนี้ ผิวกายที่เปียกชื้นแนบสนิทกับ รสจูบที่หอมหวานแต่ทำร้ายความรู้สึกจนร้าวไปทั้งใจ คิบอมกดจูบหนักหน่วงเสียจนอีกฝ่ายแทบยืนไม่ไหว ทงเฮรัวมือลงทุบไหล่อีกฝ่ายแล้วผละหน้าออกมา ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหน้าของกันและกัน อุ้งมือเย็นยะเยือกแนบแก้มใสที่ซีดลงเพราะความหนาวเย็นของฝน คิบอมมองเข้าไปในตาของอีกฝ่าย เห็นแต่ความเจ็บช้ำอยู่ในนั้น ...
และมันทำให้เขาต้องตัดสินใจ ...
“ผมขอโทษ”คำเดิม ๆ ที่เขามักจะพูดถูกถ่ายทอดออกมาอีกครั้ง ทงเฮปากสั่นระริก นัยน์ตาไหววูบด้วยจิตใจที่ไขว้เขวไป เงียบไปได้อีกนิด แต่กลับยาวนานจนแทบหยุดหายใจ ทงเฮหลับตาแล้วดันมือของอีกฝ่ายออกช้า ๆ ก่อนที่ร่างบางหันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งให้คิบอมยืนนิ่งอยู่กลางสายฝน
“หนาวเนอะ”
“อื้อ”
“ที่นู่นฝนจะตกรึเปล่าหว่า แล้ว...พี่ซองมิน ไหงไปนั่งมองฝนแบบนั้นล่ะ ทำเหมือนคนอกหัก”
“..อื้อ”
“เสียใจที่ผมจะไปเหรอ เลยอกหักล่ะสิ”
“อื้อ ... หือ อะไรนะ”ซองมินหันขวับเมื่อได้ยินอะไรแว่ว ๆ ว่าตัวเองอกหัก วันนี้วันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน คยูฮยอนเลยได้โอกาสมานั่งชูคออยู่ในห้องซองมินทั้ง ๆ ที่ปกติกว่าจะได้เข้าต้องตีกันแทบตายก่อนเพราะไอ้เด็กกวนตีนมันปากเสียเสียจนไม่น่าให้เข้า ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามานั่งเบียดมากแค่ไหน คยูฮยอนมองออกไปขอกหน้าต่างบ้าง พลางมองทื้องฟ้าสีเทาด้วยอารมณ์ครึ้ม ๆ
..เพราะได้แหย่คน ๆ นี้น่ะสิ
“ผมไปไม่นานหรอก”
“ไม่นานบ้านนายสิ”แก้มใสขึ้นสีจัดเพราะเมื่อก่อนแทบจะไม่เคยพูดกันดี ๆ แบบนี้ มีแต่จะด่ากันมากกว่า ร่างบางเหลือบตามองที่อื่น ไม่กล้ามองหน้าคยูฮยอนเพราะกลัวจะโดนแหย่อีก แค่นี้ก็อายแล้ว นี่ถือว่าหยวนให้มากแล้วนะ”...อย่าพูดมาก อุตส่าห์ตามใจแล้วนะ”
“ครับผม ไม่แหย่แล้วก็ได้”คยูฮยอนอมยิ้มกับบทเขินที่คนตัวเล็กพยายามนิ่งให้มากที่สุด วงแขนกว้างเอื้อมไปโอบไหล่ซองมินที่ไม่ได้ขัดขืนอะไรให้เข้ามาใกล้แล้วจูบหน้าผากไปเบา ๆ เพื่อหากำไรเข้าตัวไปทีหนึ่ง ซองมินเอนตัวหนีแล้วแว้ดใส่ด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ไม่ได้อนุญาตไปถึงขั้นนั้น!!”
“โธ่...”สายตาอ้อน ๆ ทำให้ร่างบางเขินจัดหนักกว่าเดิม คยูฮยอนเขี่ยแก้มใสเบา ๆ แล้วโยกตัวไปมาเหมือนฟังเพลงช้า”ก็ไปที่นู่นแล้วไม่ได้ทำแล้วนี่ ... ทำกับพี่สาวฝรั่งสวย ๆ น่ะผมไม่เอาหรอก”
“ของชอบไม่ใช่เหรอ!!”เสียงหวานกระแทกกระทั้นใส่ แต่ไม่รู้ทำไมได้ยินแบบนั้นแล้วกลับต้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปจนได้ คยูฮยอนนิ่งไปชั่วครู่พลางร่ายออกมาให้ฟัง
“ตัวสูง สวย ผมยาวสีทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว อึ๋ม เซ็กซี่ น่าฟัด”ข้อดีของสาวฝรั่งถัดมาทำเอาร่างบางหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ”แต่สู้คนนี้ไม่ได้หรอก ตัวก็เตี้ย”
“คยูฮยอน!!!”คำว่าเตี้ยสะกิดใจดังปั้กจนร่างบางต้องร้องเสียงหลง ถ้าไม่ถูกกอดไว้ป่านนี้ไอ้เด็กปากหมาโดนทุบกบาลไปแล้ว
“สวยหรือก็ไม่สวย ... น่ารักได้อย่างเดียว”คำชมต่อมาทำให้ซองมินหยุดงอแงได้ คยูฮญอนอมยิ้มแล้วร่ายความดีของคนที่เขาหลงรักมาเนิ่นนานต่อ”ดื้อก็ดื้อ ซนก็ซน นิสัยก็เอาแต่ใจ ปากแข็งอีกต่างหาก”
“แล้วจะมา...เอ้อ ..ชอบทำไมเล่า!!”ร่างบางสะบัดเสียงแข็งใส่แล้วทำแก้มป่องเป็นเชิงงอน คยูฮยอนยกนิ้วขึ้นเกลี่ยผมที่บังใบหน้าหวานอย่างเบามือแล้วกระซิบที่ข้างหู
“ก็เพราะซองมินคือซองมินยังไงล่ะครับ...”คำที่ไม่ต่างจากในการ์ตูนกำลังดังออกมาให้เขาเขิน ซองมินกำลังหน้าแดงแบบที่ไม่เคยเป็น ร่างบางดิ้นขลุกขลักแล้วโวยวายเสียงดังหนักกว่าเดิม
“พูดมากน่า !!!”
“พี่ลองนั่งเงียบ ๆ แทนสิครับ ...เดี๋ยวก็หายเขินเองล่ะ...”เสียงเตือนที่ดูราวกับรู้ใจทำให้ร่างอวบยอมเงียบแต่โดยดี ทั้งสองยังคงนั่งอยู๋ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ไปแบบนั้น โดยที่ร่างบางเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองก็เริ่มรู้สึกดี ๆ ด้วยเสียแล้ว ...
มันเพิ่งเริ่มหรอกนะ ไม่ได้ชอบมานานแล้วเสียหน่อย !!
“ซองมินจ๋า ... แม่เอาเค้กขึ้นมาให้”ประตูเปิดออกพร้อมกับอีฮันบยอลที่ยกจานใส่เค้กสีชมพูหวาน ซองมินหันกลับไปมองแล้วจำต้องสู้สายตากับแม่ที่มองมาแปลก ๆ”คยูฮยอน ข้าวของเสร็จแล้วเหรอลูก”
“ครับผม”คยูฮยอนตอบเสียงสดชื่นพลางโยกตัวที่กอดซองมินไปมาเบา ๆ ร่างบางมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าแม่ตัวเองที่ส่อแววล้อเต็มที่”แม่จะไปส่งผมไหมฮะ”
“ส่งสิส่ง ไฟลท์ออกห้าทุ่มใช่ไหม เดี๋ยวแม่ลากซองมินไปด้วย”
ผิดคาดของคุณแม่ คราวนี้ลูกชายไม่โวยวายกลับนั่งหน้าแดงแทน
“ครับผม”คยูฮยอนยิ้มกว้างส่งไปแล้วขยิบตา คุณแม่ของซองมินทำหน้ายิ้ม ๆ แล้วปิดประตูเดินออกไป คยูฮยอนละอ้อมกอดออกแล้วเดินไปหยิบของในย่ามที่สะพายติดมา กล้องบาง ๆ สีดำถูกดึงออกมาเปิดไปมา ก่อนที่ร่างสูงจะเดินกลับมาที่เดิมแล้วหันหลังกล้อง
“ถ่ายด้วยกันหน่อยสิครับ”ตาอ้อน ๆ ทำให้ร่างบางปฏิเสธไม่ลง ซองมินยิ้มครึ่งบึ้งด้วยความที่อยากเก็บอาการ คยูฮยอนยกมืออีกข้างมาจิ้มแก้มใสให้ยิ้มกว้าง ๆ สุดท้ายซองมินก็ทนไม่ได้ หลุดยิ้มออกมาเสียกว้าง ทั้งสองคนใช้เวลากับการถ่ายรูปเล่นอีกพักใหญ่ จนลงเอยที่รูปสุดท้าย
“พี่ซองมินครับ หลับตานะ”คยูฮยอนออกคำสั่ง ร่างบางหันไปมองแล้วพูดเสียงแผ่ว ๆ ด้วยความเขิน
“จะหอมแก้มแล้วถ่ายเหรอ”
“รู้ได้ไง ?”คยูฮยอนถามขำ ๆ แล้วก็ไม่ได้บอกกล่าว จมูกโด่งแตะลงกับแก้มนิ่มพร้อมกับเสียงแชะที่เป็นสัญญาณบอกว่าบันทึกรูปแล้ว คยูฮยอนหยิบมากดเปิดดูอย่างพอใจในแต่ละรูป บางทีครั้งนี้อาจจะเป้นครั้งแรกในรอบหลายปีดีดักที่ได้พูดคุยดี ๆ กับซองมิน ร่างบางไม่ตอบอีกตามเคยแต่ก็คลานมานั่งดูรูปด้วย หัวใจแอบเต้นถี่รัว ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรในตอนนี้
ความสัมพันธ์ยังคงคลุมเครือ คยูฮยอนบอกแค่ว่าชอบเขา ..แต่ไม่ได้ขออะไรมากมายไปกว่านั้น ซองมินเองก็ไม่ได้กล้าพูด ถึงแม้จะยอมรับไปแล้วว่ารู้สึกดีไปมากกว่าครึ่ง แต่ตอนนี้ ... พูดไปแล้วจะได้อะไรกลับมานะ
เพราะอีกเดี๋ยว อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงคยูฮยอนก็จะหายหน้าหายตาไปข้ามปี
“เป็นอะไรน่ะครับ ..หน้าเศร้าเชียว”
“มันชัดขนาดนั้น?”ไม่อยากเชื่อว่าคิดไปนิดเดียวก็แสดงออกขนาดนั้น ร่างบางก้มหน้าหนีด้วยความเขินอาย ทั้งห้องเงียบไปอีกซักพักแล้วคยูฮญอนก็เลื่อนตัวเข้ามาเอาหัวอิงไหล่เขาไว้ เอ่ยเสียงนุ่ม ๆ ขึ้นมา
“พรุ่งนี้โดดเรียนนะ”
“...จะชวนให้เกเรเหรอ ... นิสัยแย่”ปากอิ่มบ่นขมุบขมิบแต่ก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธอะไร ซองมินลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงออกไปที่ประตู คยูฮยอนมองตามแล้วถามขึ้นมา
“จะไปไหนครับ”
“อาบน้ำ ไม่ได้เน่า”ยังเหมือนเดิม ยังกัดกันเหมือนเดิม แต่คยูฮยอนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะหน้าคนจะไปอาบน้ำก็ไม่ได้จริงจัง แถมยังมีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับเสียอีก ร่างสูงลุกตามไปแล้วหอมแก้มร่างอวบไปอีกที
“งั้นผมไปอาบน้ำนะ คืนนี้มานอนด้วยนะ เดี๋ยวไปขอแม่ก่อน”ร่างสูงยิ้มเผล่ ใบหน้าคมดูทะเล้นเสียจนน่าจับฟาดให้หายหมั่นไส้”นอนด้วยนะคืนนี้”
“ผ้าปูซัก”ร่างอวบบอกปัดอย่างไร้ซึ่งเยื่อใย แต่ไม่ได้รู้เลยว่ามันจะนำภัยมาสู่ตัวเอง
“บนเตียง ด้วยกัน”
“อะไรนะ!?!”
“ไปนะคร้าบบบบบบ”
แล้วคยูฮยอนก็วิ่งหายไป ทิ้งไว้แต่หมอนที่ทิ้งตัวรูดลงจากประตูด้วยแรงคนปา ซองมินหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ก่อนที่จะยกมือขึ้นช้า ๆ จับแก้มของตัวเองไว้ หยิกมันหนึ่งทีด้วยความสงสัย ...
จะยิ้มอะไรกันนักหนา
สองวันแล้วที่พี่ฮันกยองของเขาขึ้นเครื่องบินไปจีน สองวันแล้วที่เขาจำเป็นต้องอยู่อย่างซังกะตาย พอรู้ตัวว่าคิดตรงกันได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็โดนจับแยกประแทศเสียแบบนั้น บ้านหลังที่เคยอบอุ่นขาดคนคุ้นเคยไปถึงสองคน เหลือแต่พ่อ ... ที่ตอนนี้ตีตัวห่างจากเขาเสียจนน่าอึดอัด
เพราะเรื่องแม่ด้วยล่ะหนึ่ง แล้วดันมาเห็นฉากนั้นเข้าอีกหนึ่ง
ฮยอกแจมองนาฬิกาแล้วถอนหายใจ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่คนสำคัญของเขาจะหายหัวไปอีกหนึ่งคน คยูฮยอนจะไปอเมริกาวันนี้ตอนห้าทุ่ม เลยหยุดเรียนให้เกียรติมันเสียหน่อย แต่ก็รู้ว่ามันจะใช้เวลาสุดท้ายกับใครเลยไม่ไปเห็นหน้า ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องแบบนี้ จะติดต่อพี่ฮันกยองก็แทบจะไม่มีตังค์มือถือให้ใช้ แต่ตอนนี้ ... หาเบอร์โทรต่างประเทศมาได้แล้ว เป็นซิมที่สำหรับตัวต่างประเทศเฉพาะ
จะโทรล่ะนะ ...
ฮยอกแจกดเบอร์พี่ชายอย่างแม่นยำ เบอร์ใหม่ที่ฮันกยองลักลอบบอกด้วยการโทรหาซองมิน แล้วก็คยูฮยอนต่ออีกที จะได้ดูลึกลับ เพราะเดี๋ยวพ่ออาจจะรู้ ร่างบางยกโทรศัพท์แนบกับหูแล้วนั่งฟังเสียงรอสายด้วยใจที่กำลังจดจ่อ
(“ฮัลโหลครับ”)เสียงของคนที่คิดถึงตลอดทั้งสองวันที่ผ่านมาดังขึ้น ฮยอกแจยิ้มหน้าบานด้วยความสุขใจ มือบางกำแน่นมือถือแน่นขึ้นแล้วกรอกเสียงหวานอ้อน ๆ ลงไปให้สมกับที่คิดถึง
“พี่ชาย...”
(“ฮยอกแจ?”)ฮันกยองดูตกใจนิด ๆ แต่เสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นทันทีเมื่อรู้ว่าใครโทรมา(“มีอะไร?”)
“คิดถึงพี่ชาย...”ร่างบางอ้อนต่ออย่างสบายใจ คิดถึงอีกฝ่ายแทบตาย ไม่มีใครมาคอยเอาใจเหมือนเดิม ไม่มีใครมาคอยปลอบเขาเหมือนเดิมพอฮันกยองหายไป นี่ขนาดแค่สองวันยังเป็นได้ขนาดนี้”ไม่มีพี่ชายปลุก ไม่มีพี่ชายกอดแล้วเหง๊าเหงา ..”
(“พี่ก็คิดถึงฮยอกแจ”)คำตอบนั้นทำเอาร่างบางยิ้มหน้าบานกว่าเดิม ริมฝปากบางเอ่ยคำพูดอ้อน ๆ ที่เคยชินประจำเพื่อระบายความคิดถึงที่มีต่อพี่ชายออกมามากมาย ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครมายืนอยู่ตรงประตูห้องนอนของตัวเอง พ่อของฮยอกแจยืนมองลูกชายด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ถึงเริ่มจะรู้สึกโกรธอยู่ในใจก็ตาม
“แค่นี้นะพี่ชาย ..ฮยอกแจเงินจะหมดแล้ว ..อ้าว ..พ...พ่อ”พอหันมาอีกทีฮยอกแจครางเสียงแผ่วเบาด้วยความตกใจ ยิ่งพบกับสีหน้าบึ้งตึงแล้วยิ่งหวาดระแวงหนัก ร่างบางกัดริมฝีปากและวางมือถือลง ในใจเต้นตึกตักว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ ..และสุดท้ายลูกชายคนเล็กจอมเจ้าอารมณ์จึงถามขึ้นมาก่อนอย่างคนที่ทนไม่ไหว“พ่อส่งพี่ฮันกยองไปทำไม”
ถามแบบนี้เพราะตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง พ่อไม่ได้พุดอะไรเลยนอกจากบอกว่าฮันกยองต้องไปจีนแล้วเก็บตัวเงียบ เข้าใจว่าเสียใจแต่ทำไมถึงแยกเขาสองคนแบบนี้ ฮญอกแจนิ่งไปอีกครั้ง รับความกดดันที่ถาโถมเข้ามา อีจอนอิลคุมสีหน้าไว้แล้วตอบช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เพราะพี่ชายทำแบบนั้น”
“แบบนั้นน่ะแบบไหน?”ฮยอกแจโพล่งถามขึ้นก่อนอย่างไม่ได้หวาดเกรง ร่างบางพร้อมจะวีนทุกเมื่อ จอนอิลส่ายหัวด้วยความอึดอัด ..เป็นเรื่องน่าอายหากว่าจะให้ใครรู้ว่าลูกชายของตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน แล้วยิ่งกว่านั้นกลับกลายเป็คนในครอบครัวเสียด้วย
”ที่ลูกทำ ... มันไม่ถูก”
“มันเดือดร้อนใครมั้ย ผมรักกับพี่ฮันกยองแล้วทำให้ใครเค้าตายมั้ย?”ฮยอกแจลุกพรวดแล้วตอบกลับอย่างเคือง ๆ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน ตอนนี้ฮยอกแจอยู่ในอารมณ์ที่เรียกว่าเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงเพราะไม่ได้น่ารักอ่อนหวาน หรือเงียบขรึมอย่างที่เคยเป็น ไมได้คิดเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันก็ผิดจริง ๆ จอนอิลถอนหายใจอย่างเหนื่อย ๆ
“...รู้ตัวไหมทำอะไรลงไป แล้วพ่อถามพี่ฮันกยองแล้ว ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น”ภาพนั้นยังติดตา ภาพของลูกชายสองคนกำลังอยู่บนเตียงเดียวกัน มีร่องรอยที่บอกได้ชัด ..คิดถึงตรงนี้ก็กลืนน้ำลายไม่ลงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ รู้ว่าลูกชายคนเล็กก็อ่อนไหว น่ารักเหมือนผู้หญิง แต่ไม่คิดว่าลูกชายคนโตมันจะคิดจริงจัง”เขาบอกว่าเขาบังคับฮยอกแจเอง พ่อเลยส่งเขาไปจีนจะได้ไม่มาทำอะไรฮยอกแจอีก”
ร่างบางเงียบงัน ตื่นตะลึงด้วยความคิดที่ว่าฮันกยองปกป้องเขาไม่ให้พ่อมาว่าอะไรน่าอาย แก้มใสแดงซ่านแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ พี่ฮันกยองที่มักจะรับผิดแทนฮยอกแจเสมอก็เป็นแบบนี้แหล่ะ ตัวเองรับทุกที สุดท้าย ..คนที่จะคอยอยู่ข้าง ๆ ได้ก็ตัวเขานี่แหล่ะ ...
พี่ชายที่ใจดีของเขาก็ยังเป็นคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนไป
แม่ครับ ทำไมแม่ไม่อยู่รอเห็นคนที่จะดูแลผมได้เหมือนที่แม่เคยพูดไว้ล่ะ
ผมเจอเขาแล้วนะ ... คนที่แม่รู้จักดีไง
“พ่อครับ”ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองพ่อด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว สองมือกำแน่นด้วยความพยายามรวบรวบกำลังใจ”ถ้าผมบอกว่าผมสมยอมล่ะครับ ถ้าผมจะพูดว่าผมรักพี่ฮันกยองล่ะ”
คุณอีรู้สึกเหมือนวิงเวียน คิดแล้วว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้เลยกับลูกชายจอมดื้อคนนี้
“ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ฮยอกแจคิดเหรอว่าความรักอย่างเดียวมันจะช่วยอะไรได้ ถ้าลูกชายของพ่อทั้งสองคนโดนสังคมประณามล่ะ แล้วฮยอกแจจะทนรับได้เหรอ”พยายามชักเอาเหตุผลเข้าว่าด้วยสายตาของคนที่มองอะไรมามากกว่า”ถ้าเกิดอีกวันทั้งสองคนไม่รักกันแล้ว ..ถึงตอนนั้น ถ้าพ่อตายไป ฮยอกแจจะเหลือใคร”
แก้วตาใสเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา ฮยอกแจคิดตามนั้นก็เห็นจริง ...ถ้าหากว่าวันไหนพี่ฮํนกยองเลิกรักเขาขึ้นมาแล้วเขาจะอยู่กับใคร แต่เขาจะทำอะไรได้อีก
ในเมื่อทั้งหัวใจมันให้พี่ฮันกยองไปหมดแล้ว....
“ผมทำไม่ได้ ไม่ว่าจะตัดใจหรือจะหาใครใหม่”ร่างบางปฏิเสธเด็ดขาด สายตาแข็งกร้าว”ถ้าพี่ฮันกยองไม่กลับมาที่นี่ ผมจะไปจีนเอง”
=============================================
น้องอึนจะทำไงหว่า คึคึ น้องอึนจะไปจีนตามหาพี่ชายมั้ยนะ
ตอนหน้าคยูไปแล้ว แล้วก็อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วล่ะ
Happy Birthday ล่วงหน้าสำหรับไรท์เตอร์ กระซิก TT
เค้า 16 แล้วนะ วันที่ 1 มีนาน่ะ ฮือ
ถ้าปั่นทันจะเอาสเปวันเกิดตัวเองลงแหล่ะ 55
(คือแบบอ้อนวอนให้ใครช่วยแต่งไม่ได้อ้ะ 5)
เอ้า แปะฟิคเค้า ฟิคแม๊ววว
จิ้มไป woncin & yunjae *
ที่รัก กำลังสั่งพิมพ์ฟิค จะรีบส่งให้ถึงไว ๆ จะได้อ่านกันให้จบ
รักทุกคนนนน
· ถึงข้าวโพด อ่านซะ พี่เห็นเม้นแล้วยาวแต่พี่อึนกับการตอบเม้นอ้ะ TT พี่ขอโทษ คึคึคึคึคึคึ (เลียนแบบ แอร๊ย) คิดถึง จุ๊บุ
ความคิดเห็น