คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : {part 19} Awake
19
Awake
ชีวิตนี้ ... ไม่เคยสงบสุขสำหรับอีซองมิน
มีทั้งข่าวดีข่าวร้าย อยากได้ข่าวไหนล่ะ ?
ข่าวแรก ข่าวดี อีทงเฮกลับมาเรียนแล้ว คิบอมก็มาเรียนด้วยแล้ว น่าดีใจที่ได้คนพูดมากกลับมานั่งอยู่ข้าง ๆ อีก
ข่าวต่อมา น่าช็อค น่าตกใจ น่าตกใจมากถึงมากที่สุด
ฮันกยองจะไปจีน ?
“พูดจริงเหรอ!?!”ซองมินอ้าปากค้างเมื่อพบว่าฮันกยองกลับมาที่โรงเรียนวันนี้ ไม่ได้เพื่อมาเรียน แต่เพื่อมาทำเรื่องขอดร็อปไปอยู่จีน ร่างสูงทำหน้าเศร้า ๆ แล้วพยักหน้า ตอนนี้หลบมานั่งรอเอกสารได้ตอนช่วงพักกลางวัน ถึงได้มาแจ้งเรื่องกับซองมิน”แล้ว ..เฮ้ย ! นาย ..แล้วฮยอกแจจะอยู่กับใครเนี่ย”
“จะบอกว่า ...งั้นก็ฝากคยูฮยอนดูแลฮยอกแจด้วยนะ”รอยยิ้มเซียวของฮันกยองบวกกับคำพูดทำให้ซองมินกระตุกไปอีกอึดใจ
“...ไม่น่ะ คยูฮยอนจะไปอเมริกาอีกปีหนึ่ง ไปอาทิตย์หน้า”นั่นแหล่ะ นี่ก็ข่าวร้ายเหมือนกัน ...เอ่อ ข่าวดีต่างหาก
“อ้าว ...”ฮันกยองหน้าหมองลงกว่าเดิม ไม่ทันได้พูดอะไรอีกร่างเล็กของน้องชายคนจีนก็วิ่งมาราวกับพายุพัด พอตรงเข้าหาก็กอดคอพี่ชายเสียแน่นจนซองมินต้องมองซ้ายมองขวาว่ามีใครเห็นฉากนี้รึเปล่า มันเล่นเอาซะน่าตกใจแบบนี้นี่นา ดีนะที่ตรงม้าหินนี่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้จนไม่ค่อยเห็นใคร
“พี่ชาย
.”พอพูดจบก็เต็มที่เลย ร่างบางโน้มหน้ามาจูบปากฮันกยองเบา ๆ แล้วถูไถหัวไปกับไหล่ของร่างสูง ซองมินอ้าปากค้าง ฮันกยองหัวเราะน้อย ๆ”พี่ซองมินมองอะไรฮะ ... ผมแค่อยากจะแสดงความคิด ได้อยู่ด้วยกันอีกไม่กี่วันแล้ว”
“ตกใจน่ะ...เอ่อ..”ซองมินไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี แล้วดู ... อีฮยอกแจดึงผ้าพันคอสีส้มออกวางไว้กับโต๊ะจนเห็นร่องรอยซะทั่วคอ จุดแดงช้ำประปรายทที่ทำเอาคนมองหน้าแดง ฮันกยอง เล่นอะไรกับน้องเนี่ย !!!
“ผมเหลือเวลาอีกสามวัน แล้วพี่ล่ะ ..ห้าวันหรือเปล่า?”ร่างบางหันมามองคนปากแข็งจนซองมินต้องสะดุ้ง ..นั่นสิ คยูฮยอนไปวันที่สิบนี่นา”
ขนาดผมยังต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า แล้วพี่ล่ะ ..อยากรอให้มันสายไปหรือไง”
“พูดอะไรน่ะฮยอกแจ”และฮันกยองก็ยังคงไม่เข้าใจ บอกแล้วให้เรียนเกาหลีใหม่ซะ
“บอกคนปากแข็งน่ะฮะ...พี่ฮันกยองอ่ะ ..ทำไมพ่อเราต้องทำแบบนั้นด้วย...แล้วฮยอกแจจะไปหาแม่กับใครเนี่ย แล้วใครจะคอยปลอบฮยอกแจเวลาคิดถึงแม่”
ซองมินไม่เคยเห็นเพื่อนคยูฮยอนเวอร์ชั่นนี้จริง ๆ เท่าที่เห็นปกติคือหน้านิ่งและไม่พูดอะไรมากมาย แต่ตอนนี้กลับอ้อนเสียจนพี่ชายอมยิ้ม จำเป็นต้องตามใจเพราะเห็นนี้นี่เอง แล้วเวลาอยู่กับคยูฮยอนจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ..
ไม่สิ ... เขาจะต้องทำแบบนี้หรือเปล่า ..
“ระวังจะสายไปนะฮะ”คำเตือนจากฮยอกแจส่งมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างบางจะกระตุกแขนเสื้อพี่ชายเบา ๆ”พี่ชาย ...เดี๋ยวฮยอกแจจะโดดเรียน ไปกินไอติมกันนะ”
ท่าทางจะเหลือสุดท้ายจริง ๆ เพราะคนดีอย่างฮันกยองยินยอมพาน้องชายโดดเรียนเรียบร้อย ซองมินได้แต่มองคนที่ดูยังไงก็คู่รักมากกว่าพี่น้องด้วยสายตาเซ็ง ๆ แล้วนึกวนไปถึงเรื่องตัวเอง
”ผมรักพี่นะ”
....แปลกใจ และดีใจ ...
แล้วเขาควรจะไปส่งคยูฮยอนไหม ควรจะทำอะไรให้ก่อนไปมั้ย .. แล้วเขาจะทำอะไร ให้ได้ยังไง ..แล้วมันจะแปลกใจมั้ย
ซองมินก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ ไหล่บางถูกสะกิดจากใครบางคน ซองมินไม่ได้เงยหน้าก็พูดเสียงแผ่ว ๆ ขึ้นตอบ
“ไม่ต้องแกล้ง นั่งไปสิคยูฮยอน”
“อ้าว รู้ได้ไง”คนถูกรู้ยิ้มแฉ่งแล้วนั่งลงข้าง ๆ มือใหญ่กุมมือคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ ซองมินไม่ได้ห้าม ..เพราะคงรู้ด้วยแหล่ะว่าขัดขืนไปก็ไม่ช่วยอะไร”ไม่คิดจะทำแบบคู่นั้นบ้างเหรอ”
“ใคร”ซองมินยังก้มหน้า และทำท่าจะนอนมันจริง ๆ หลังกินข้าวนี่ก็ง่วงไม่หยอกแฮะ
“พี่ฮันกยองกับฮยอกแจ ป่านนี้ซันนี่มันตีปีกพั่บ ๆ ไปแล้วมั้ง เมื่อเช้าพอเห็นใต้ร่มผ้าฮยอกแจก็กรี๊ดซะลั่นห้อง”
“ทำอะไรเล่า”ซองมินไม่รู้จริง ๆ เพราะตอนนี้สับสนเหลือเกิน อีกห้าวัน.. จะตามใจมันดีมั้ย หรือจะปากแข็งแบบเดิม แต่มากกว่าครึ่งก็หัวใจก็บอกให้เปิดใจซักครั้ง .. เปิดใจให้คนที่ชื่อว่าคยูฮยอนเข้ามาทำตามใจอยากเสียที
“ก็...คบกัน หรือทำแบบที่พี่ฮันกยองทำล่ะครับ?”
“ไอ้ฮันกยองไปทำอะไรฮยอกแจน่ะ?”ซองมินเงยหน้าขึ้นมาพลางทำตาเบลอ ๆ ดูแล้วน่ารักน่าหยิกจนคยูฮยอนต้องยื่นหน้าเข้าไปขโมยหอมแก้มอีกที ซองมินไม่ได้ปัด ไม่ได้ผลักไส เพียงแต่แก้มนิ่ม ๆ นั่นขึ้นสีขึ้นมาเล็กน้อย
“ฮยอกแจบอกว่า...”คยูฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้อความที่ทำให้ซองมินทำตาโต”พี่ฮันกยองปล้ำมัน เลยโดนพ่อไล่ไปจีน”
“หา!!!”
“ไม่หาอะไรหรอกครับ เรื่องจริง แต่ฮยอกแจมันสมยอมนะ ..ไม่งั้นจะดี๊ด๊าเป็นไก่ได้น้ำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไว .. ไวมาก”ซองมินนั่งพึงพำกับตัวเองด้วยสีหน้าช็อกค้าง”แล้วพ่อฮันกยองก็เข้ามาเห็น..งั้นสิ?”
“อื้อ แบบนั้นแหล่ะ”คยูฮยอนตอบรับแล้วเอาหัวมาพิงซองมินด้วยท่าทางอ้อน ๆ”แล้วผมล่ะ พี่ไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเหรอ...”
“จะให้รับผิดชอบอะไรล่ะ?”
คราวนี้ไม่ใช่การด่าอย่างเคย ซองมินกลับถามออกมาเสียจนคยูฮยอนไปต่อไม่ถูก ร่างสูงเลยตัดสินใจหอมแก้มนุ่มนิ่มสนองความอยากตัวเองไปอีกหนึ่งแล้วค่อยอ้อนพี่ชายต่อ
“ก็...ผมชอบพี่อ่ะ พี่จะทำยังไงกับความจริงข้อนี้ล่ะ?”
“จะให้ทำอะไร ..เอ่อ...เพิกเฉย?”ซองมินตอบหน้านิ่งด้วยความความพยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึก คยูฮยอนอมยิ้มน้อย ๆ
“แล้ว ..พี่จะหน้าแดงทำไมล่ะ?”
“ใครหน้าแดง ? ไหน ตอนนี้มันหน้าร้อนไม่ใช่เหรอ”แถข้าง ๆ คู ๆ แต่มันก็ทำให้คยูฮยอนรู้ว่าซองมินก็เริ่มเปิดใจให้เขาแล้วเช่นกัน”แล้ว ... หนึ่งปีที่ไปที่นั่นน่ะ เอ่อ...ติดต่อกันบ้างนะ”
วรรคสุดท้ายเสียงแผ่วลง ซองมินหน้าแดงจัดด้วยความเขินที่ตัวเองพูดอะไรแบบนั้นออกไป สายตาระยิบระยับล้อเลียนจากคนจะไปทำให้รู้สึกเหมือนอยู่กลางสปอตไลท์ เพราะแบบนี้ไงเล่าถึงได้ปากแข็งน่ะ
“ทางไหนดีครับ จดหมายดีมั้ย?”คยูฮยอนเสนอตัวเลือกที่ไฮเทคที่สุด ...จดหมาย
“ผูกกับขานกพิราบมาด้วยนะ ไอ้เด็กบ้า”ซองมินแทบจะหมดอารมณ์เขิน แต่ก่อนที่จะได้พูอะไรมากกว่านั้น ออดเข้าเรียนคาบบ่ายก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงถอนหายใจด้วยความเซ็งพลางมองซองมินเก็บกระเป๋าเตรียมจะขึ้นชั้นเรียนแล้วพูดเสียงเบา ๆ
“ผมจะไม่มาเรียนแล้วนะ ต้องไปเตรียมตัว”
“อื้อ ก็ดี”
“จะได้เจอกันที่บ้านอย่างเดียวนะ”
“อื้อ ก็ดี”ซองมินยังสนองคำเดิม
“เสียใจมั้ยที่ผมไปน่ะ”
คราวนี้ซองมินตอบไม่ได้ ได้แต่มองหน้าไอ้เด็กแสบอยู่นานแล้วสะบัดค้อนวงใหญ่ใส่ ก่อนจะจ้ำเดินหายไปอีก คยูฮยอนได้แต่มองตามไปด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
ก็ยังดีที่ยังยอมให้ทำอะไรได้บ้าง ...ก่อนที่เขาจะไป
ร่างสูงกำลังจับจ้องรถยนต์สีขาวเบื้องหน้าด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ คำสั่งจากคิมฮีชอลยังดังอยู่ในหูว่าให้ไปซื้อของมาให้หน่อย บางทีอาจจะไปแท็กซี่ถ้าเกิดไอ้ของสิ่งนั้นมันไม่ใช่จักรยานคันใหม่ที่ต้องขนรถแบบหกเจ็ดที่นั่งไปแทน เจ้าตัวดันขี้เกียจไม่ยอมไปเอง เดือดร้อนให้คนที่ขับรถเป็นอย่างเขา
ไม่กลัวจะซ้ำรอยรึไงวะ ถึงฝนจะไม่ได้ตกก็เถอะ
แล้วสายตาเขาอีก พักนี้...ขนาดพยายามกินยาบ่อยแล้วนะ แต่ก็ยังแปลก ๆ จนแพทย์บอกว่ามีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยทีเดียว
แล้ว ... ตอนนี้ทงเฮก็ไปเรียน ไม่มีใครมาแบกไปเป็นเพื่อน เหลือเขาที่วันนี้ขี้เกียจไปเท่านั้นเอง
จะว่าไป นี่ก็ห้าโมงแล้วนะ น่าจะกลับบ้านมาได้แล้ว
เฮ้อ ...
ร่างสูงถอนหายใจก่อนที่จะเข้าไปนั่งที่คนขับ พยายามรื้อฟื้นว่าการขับรถทำยังไงหลังจากที่ไม่ได้แตะมาสองสามเดือน จะว่าไปก็เร็วพอสมควร ... ที่ทุกอย่างเกิดเรื่อง คืนที่ซอฮยอนตายก็ผ่านมานานแล้ว น่าแปลกเหลือเกินที่เขาได้พบกับแสงสว่างใหม่อีกครั้งในเวลาที่รวดเร็ว
...แต่ก็นะ มันก็เหมือนมีอุปสรรค
เขาได้แต่หวังอย่างเลว ๆ ว่าอีทงเฮจะลืมอิมยุนอาตลอดไป
ร่างบางเดินเข้ามาในบริเวณบ้านก่อนที่จะปิดประตูรั้ว แต่มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นมาว่าให้เปิดใหม่ ทงเฮเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วเพ่งเข้าไปตรงที่นั่งคนขับว่าเป็นใคร น่าแปลกที่เห็นคิบอมอยู่ตรงนั้น ร่างบางยกมือโบกให้แล้วเปิดประตูรั้วให้กว้าง รถยนต์สีขาวเคลื่อนตัวออกไป ทงเฮก็เดินตามไปดูอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นัยน์ตาสวยเหลือบมองตรงถนนก็พบกับสิ่งมีชีวิตขนปุยสีขาวกำลังเดินทอดน่องอยู่กลางถนน ปากจะตะโกนห้ามคิบอมว่าอย่าเหยียบแมวก็ทำท่าจะไม่ทัน แต่โชคดีที่คิบอมคงจะเห็นมันเสียก่อน รถยนต์เบรกดังลั่น แต่กลับเบนไปอีกทางเหมือนคิบอมเป็นอะไร
แต่คนที่จะเป็นอะไรไม่ใช่คิบอมคนเดียว
ร่างสูงยกมือขึ้นปิดตาที่กาพกลางเป็นภาพบิดเบี้ยวสีคล้ำ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพี่ชายให้มาพาเขาไปส่งโรงพยาบาลเดี่ยวนี้เพราะรู้สึกปวดตาจนทนไม่ไหว ลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่ภาพที่มองผ่านเปลือกตาออกไปเป็นแสงสีขาววับ ๆ กลับเป็นใบหน้าของร่างของทงเฮที่ล้มอยู่กับพื้น
“ทงเฮ เป็นอะไร..โอ๊ย..!!”คิบอมเปิดประตู ยังดีที่ยังอยู่ในบริเวณบ้าน ไม่งั้นคงได้แตกตื่นกันไปกว่านี้ ร่างสูงยกมือขึ้นปิดหน้า พยายามกล้ำกลืนอาการเจ็บปวดที่วาบขึ้นมาไม่รู้จักหยุดหย่อน ร่างบางที่นอนสิ้นสติอยู่ตรงนั้นทำให้หัวใจกระตุบวาบด้วยความหวาดกลัว
ไม่ใช่คนนี้อีกคนที่จะต้องเป็นอะไรไปเพราะเขาหรอกนะ ...
ร่างสูงพยายามเดินตรงเข้าไปหาทงเฮ ถึงแม้จะแทบมองอะไรไม่เห็นแต่ก็พยายาม หัวใจเต้นถี่เร็วด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าคนตัวเล็กคนนี้จะเป็นอะไรไป กลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่ซอฮยอนกำลังเป็นอะไรไปเสียอีก ...
ทำไมนะ ... ทำไมคน ๆ นี้ถึงได้สำคัญมากขนาดนี้
“ทงเฮ ...ทงเฮ...”มือใหญ่ควานคว้าไปที่มือของคนตัวเล็ก สัมผัสหนาวเย็นทำให้ใจหล่นวูบ ตอนนี้คิบอมมองอะไรแทบไม่เห็นแล้ว รู้แต่มีเจ็บร้าวไปหมด ... แล้วทำไมทุกอย่างต้องมาแสดงอาการเอาตอนนี้
หรือทงเฮจะความจำฟื้นคืน ?
ผมอยากจะสวดภาวนา ...
ผมอยากจะให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ....
พระเจ้าครับ ...อย่านำเขาไปจากผมเลย
หลังจากนั้นคิมฮีชอลที่โผล่มาก็รับพาพวกเขาส่งโรงพยาบาลอีกรอบ แปลกดีที่พวกเขาใช้ชีวิตวนเวียนกับสถานที่สีขาวและสะอาดปลอดภัยแห่งนี้อยู่ตลอด อีกครั้งที่ความมืดมิดเข้าครอบคลุมการมองเห็น ที่สัมผัสได้มีเพียงทางกายและทางหู โลกเบื้องหน้ามืดไปหมด ความหวาดกลัวอย่างเดิมเริ่มกลับคืนเข้าครอบงำจิตใจ เหมือนกับตอนนั้นที่สูญเสียซอฮยอนไป ถึงแม้ความสูญเสียอาจจะไม่เทียบเท่า แต่ว่าน้ำหนักความรู้สึกโหวงเหวงกลับแทบจะเท่าเทียมกัน
ร่างสูงยกมือขึ้นแตะผ้าพันแผลสีขาวที่พันอยู่รอบศีรษะ ลากนิ้วไปตามความสากของผ้าอย่างเบามือ กระวนกระวายใจเหลือเกิน ผ่านไปแล้วสองสามวันโดยที่ยังไม่รู้อาการของใครอีกคนที่เขาเป็นห่วงนักหนา เรื่องตาของตัวเองเขาแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ รู้แค่ว่ามีปัญหานิดหน่อยแต่ไม่มากถึงขั้นจะเปลี่ยนอีกรอบ ปิดมาแล้วสองสามวัน เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น
แค่นี้ถือว่าไม่มากมายเลย ..เมื่อเทียบกับใครอีกคนที่ต้องทรมานจากทั้งเรื่องคนรักและความทรงจำ
...ดูยาวนานเหลือเกิน ไม่อยากเชื่อว่าไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขากับอีทงเฮเพิ่งจะได้จูบกัน ...เพิ่งจะได้รับรู้ว่าตัวเองคิดอย่างไร แต่กลัวว่าหลายสิ่งหลายอย่างจะต้องมาดับสูญเพราะเหตุการณ์เพียงนิดเดียว รู้ว่าเรื่องใหญ่ ๆ หลาย ๆ เรื่องก็เกิดมาจากอะไรนิดเดียว ...แต่เขาไม่อยากให้ทุกอย่างที่กำลังราบรื่นสูญสลายไป
ดูเห็นแก่ตัว แต่ใครบ้างไม่เห็นแก่ตัว ?
เสียงฝีเท้าดังขึ้นไกล ๆ ตามติดด้วยเสียงเปิดประตู คิบอมไม่สามารถรู้ไดว่าใครเข้ามา เจ้าของเสียงนั้นเงียบกริบ ร่างสูงก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากมองไปในความมืดเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่า ฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง คิบอมก็ยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น
ทงเฮวางของในมือลงช้า ๆ ร่างบางในชุดปกติธรรมดาเหมือนคนพร้อมจะออกจากโรงพยาบาลทำหน้านิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็น พิจารณาใบหน้าของคิบอมที่ถูกปิดไปเกือบครึ่งด้วยผ้าพันแผล รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มที่ดูแล้วไม่อาจจะเข้าใจในเจตนาที่แท้จริง
ไม่อยากมองหน้าคน ๆ นี้ กลัว ...ตัดสินใจไม่ถูกว่าหัวใจควรจะรู้สึกยังไง ในความรู้สึกผิดที่เคยรู้สึก จนถึงวันนี้ก็กระจ่างแล้วว่าเพราะอะไรถึงได้คิดแบบนั้น ก้นบึ้งของความทรงจำเป็นที่ที่เก็บทุกอย่างที่มนุษย์ได้จดจำและมองเห็น และตอนนี้ สิ่งที่เขาเคยไม่รับรู้มันก็กลับคืนมาแล้ว
จนถึงตอนนี้ทงเฮรู้แล้ว ...ว่าทุกอย่างที่เคยสงสัยคืออะไร
ในยามที่มันอยากจะกลับมามันก็กลับมา ภาพทุกอย่าง ใบหน้าของอดีตคนรักที่ขาวซีดไม่มีสีเลือด คำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ที่บอกว่ายุนอาจากเขาไปแล้วด้วยฝีมือของผู้ชายคนหนึ่ง เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ความรักที่เขามีให้เธอ และความแค้นที่เขารู้สึกได้ว่ากำลังก่อตัว ... แต่สุดท้ายหัวใจก็สั่งปิดตายมันทั้งหมด สั่งให้เขาลืมมันไปซะ
....จำได้แล้วว่าใคร...
.....ใครที่เป็นคนพรากยุนอาไปจากทงเฮ
น้ำตาไหลรินลงมาอย่างเชื่องช้า ร่างบางเลื่อนมือจับคมมีดสีเงินที่หยิบติดมาจากข้างเตียง ความรู้สึกแค้นกลายเป็นเปลวเพลิงที่เผาผลาญความรู้สึกจนทุกข์ทรมาน อยากให้เจ้าตัวต้นเหตุได้รับรู้เสียบ้างว่าความเจ็บปวดที่เขาได้รับมันเป็นอย่างไร ถึงแม้จะรู้ว่าคิบอมเองก็สูญเสีย ...ตั่นต่างกันไม่ใช่หรือไง
คิบอมยังมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้
ไม่ใช่ยุนอา ที่เสียไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นดวงตาหรือชีวิต หรือเขา ..ที่ต้องทนกับชีวิตที่ไม่มีใครคนนั้นเคียงข้างอีกต่อไป ...
แต่ทำไมนะ เขาควรจะโกรธสิ แต่ทำไมน้ำตาต้องไหลแบบนี้ด้วย
เสียงสะอื้นที่ดังขึ้น ถึงแม้จะเพียงนิดเดียวแต่ร่างสูงก็จดจำเสียงนั้นได้ หัวใจเหมือนหล่นวูบลงไปโดยที่ไม่มีทางไขว่คว้ากลับมา ปลายนิ้วมือเย็นยะเยียบบ่งบอกความหวาดกลัว ร่างสูงควานมือไปข้าง ๆ อย่างมืดบอด ก่อนที่จะเจอกับผิวกายนุ่มนิ่มคุ้นมือของใครบางคน ร่างสูงปล่อยมือออกช้า ๆ ทั้งสองคนนิ่งอยู่ซักพัก ก่อนที่คิบอมจะถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนกับไม่มีแรงจะพูด
“จำได้แล้วใช่ไหม?”
มือที่กำอยู่รอบด้ามมีดรัดแน่นขึ้นชั่ววูบ ทงเฮพยักหน้าช้า ๆ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าคิบอมไม่อาจจะมองเห็น ถึงได้ส่งเสียงในลำคอตอบรับ ไม่อยากพูดอะไรออกมา กลัว..กลัวว่าถ้าหากปล่อยให้ตัวเองได้พูดอะไรอาจจะทำให้เขาหวั่นไหวไปมากกว่านี้
มือของร่างสูงยื่นตรงมา ความตั้งใจคราแรกคืออยากจะจับมือของทงเฮแล้วขอโทษสำหรับทุกอย่าง แต่ที่สัมผัสได้คือคมมีดที่สั่นน้อย ๆ ด้วยแรงคนถือ เพียงแค่นั้นคิบอมก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เข้าใจว่าทงเฮรู้สึกอย่างไร ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานมาเกาะกุมหัวใจช้า ๆ ...
เหมือนในตัวของเขากำลังร่ำร้องของความเป็นธรรมที่เขาไม่มีสิทธิ์ ...
ที่ผ่านมา ...ทงเฮคงแค่รักนัยน์ตาของเขา หลงรักผู้หญิงคนนั้นที่ส่งต่อของที่ระลึกมาให้เขา คำว่ารักของคน ๆ นี้ไม่ได้มีไว้เพื่อคิมคิบอมเลยแม้ซักนิด จนถึงตอนนี้ ..ตอนที่เขากำลังรักแทบหมดใจ อีทงเฮก็ยังยืนยันว่าจะรักอิมยุนอาสินะ
ร่างสูงหัวเราะขื่น ๆ ผ้าปิดตาเปียกชื้นนิด ๆ จากของเหลวที่ไหลเอ่อออกมาอย่างที่เจ้าของไม่คาดคิด เพียงแค่นี้ เขากับทงเฮก็เหมือนอยู่ไกลคนละโลก ทั้ง ๆ ที่ความจริงยืนอยู่ห่างกันนิดเดียว หัวใจถูกบีบร้าวด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจ ทงเฮเองก็เงียบไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ยิ่งเห็นร่างสูงร้องไห้ก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว มือที่ถือมีดไว้สั่นระริกราวควบคุมไม่อยู่
“ทงเฮ ... ผมขอโทษ”สรรพนามที่ไม่เหมือนทุกทีถูกเรียกราวกับทั้งสองฝ่ายห่างเหินกันไปแล้ว คิบอมพูดช้า ๆ ราวกับต้องใช้เวลานานในการกลั่นกรองให้พูดออกมาได้”ผมขอโทษ ..สำหรับทุกอย่าง ผมจะชดใช้ให้ก็ได้นะ ... ทงเฮอยากทำอะไรก็ได้เลย”
รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้นั้นทำให้ร่างบางไม่สามารถห้ามน้ำตาได้อีกต่อไป มือข้างที่ว่างยกขึ้นปิดปาก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมต้องร้องไห้ ทำไมต้องเสียใจด้วย ...ทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์ในตอนแรกคือคำว่าแก้แค้นแท้ ๆ แต่สุดท้ายกลับลังเลเสียจนไม่น่าให้อภัย
คิบอมเองก็รับรู้เสียงนั้นได้ อยากจะเอื้อมมือไปกอดปลอบอย่างที่เคยทำ อยากจะเช็ดน้ำตาให้ แต่ตอนนี้กลับทำไม่ได้อีกแล้ว ระยะห่างระหว่างความรู้สึกตอนนี้คงไกลแสนไกลเสียจนไม่อาจจะนำมาต่อกันได้อีก คิบอมเอื้อมมือไปโดนคมมีดของร่างบาง และด้วยความคิดที่เกือบ ๆ จะเหมือนบ้าคลั่ง ร่างสูงกดฝ่ามือลงเข้ากับคมมีด ทั้ง ๆ ที่จริงไม่ใช่เรื่องง่ายในการใช้มีดกรีดเนื้อให้ไหลโดยตัวคนทำ แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดกลับสูญหายไป ทิ้งไว้แต่ความเย็นยะเยือกภายในที่บาดลึกยิ่งกว่า ของเหลวสีแดงไหลรินออกมา ทงเฮมองภาพนั้นแล้วดึงมีดออกไป ก่อนที่จะโยนทิ้งไปข้างหลัง
....ยุนอา ...ฉันพยายามแล้ว
แต่ทำไม ..ทำไมกลับทำอะไรไม่ได้เลย ทำให้เขาเจ็บปวดไม่ได้เลย
กลับกลายเป็นคนโง่คนนี้ ... ที่ต้องเจ็บปวดแทน
“ผมขอโทษ...”คิบอมยังคงพูดซ้ำคำเดิม ร่างบางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองเหม่อไปที่ใบหน้าของร่างสูง ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าความรู้สึกของคิบอมเป็นอย่างไร ...เลือดยังคงหลั่งไหลจากฝ่ามือ ความคิดในใจต่างวิ่งชนกันแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่แท้จริงออกมาว่าอยากจะทำอะไรกันแน่ ร่างบางยื่นมือออกไปสัมผัสฝ่ามือของอีกฝ่าย คิบอมไม่ได้สะดุ้ง ไม่ได้หดตัวหนี เพียงแต่รับมือของทงเฮแต่โดยดี
หัวใจดวงน้อยยังคงไหวหวั่น อยากได้คำตอบที่แท้จริงว่าเขาอยากจะทำอะไร อยากจะแก้แค้น อยากจะปล่อยวาง แต่ความรู้สึกผิดก็รุมเร้าเสียจนไม่สามารถตัดสินใจ เขาจำได้ว่าเคยสัญญาไว้ว่าจะทำให้คนที่พรากยุนอาไปต้องเจ็บปวด แต่เมื่อได้มาพบจริง ๆ เข้า .. คน ๆ นั้นกลับเป็นใครอีกคนที่เขารักไปเสียแล้ว ...
รักไปแล้ว ไม่อาจจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดี ...
ยุนอา ...ฉันขอโทษ
ทงเฮสะบัดมือคิบอม ก่อนที่จะผลุนผลันออกไปโดยที่น้ำตาอาบใบหน้า สวนทางเข้ากับคนสองคนที่กำลังมาเยี่ยมพอดี ฮีชอลกับซีวอนที่เดินมาด้วยกันตกใจไม่น้อยที่เห็นคนคุ้นตาวิ่งออกไปโดยที่ห้ามไม่ทัน ได้แต่เดินเข้ามาถามคนที่อยู่ข้างใน
“คิบอม ...ไปทำอะไรทงเฮ เฮ้ย !!”ร่างบางที่เดินเข้ามาใหม่ตั้งใจจะถาม แต่เมื่อเห็นมือของน้องชายมีแต่เลือดก็ตกใจ รีบกุลีกุจอหาผ้ามาเช็ดให้ คิบอมไม่ได้ตอบ สีหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้ายอะไร”ทงเฮวิ่งออกไปแล้วนะเว้ย!!”
“จะตามไปไหม?”เสียงของซีวอนดังขึ้นอีกฟาก คิบอมหันไปทางทิศที่เสียงดังมา
“ไม่ขวางแล้วเหรอ?”
“คนไม่มีสิทธิ์ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่วันยังค่ำ”ร่างสูงยักไหล่ ปวดใจเหมือนกันที่ต้องยอมรับความจริง ฮีชอลหันหน้ามามองแล้วเบะปากใส่ ร่างบางโยนทิชชู่เปื้อนเลือดลงถังขยะไปแล้วมองหน้าซีวอน รอให้พูดต่อ”อีกอย่าง ... มีคนปลอบใจแล้ว”
คิบอมยิ้มซึม ๆ ถ้าเป็นเวลาปกติอาจจะแซวพี่ชายซักคำสองคำ แต่ตอนนี้ ...ไม่มีแรงจริง ๆ
“อื้ม ..นี่ หมอเขาบอกว่าเดี๋ยวน่าจะเอาผ้าปิดตาออกได้แล้วนะ เย็นนี้ล่ะมั้งที่เขาจะมาเอาออกให้ จากนี้ก็ระวังด้วยล่ะ”ฮีชอลสั่งการเสียเหมือนคุณแม่ คิบอมยังคงนิ่งเฉย ไม่รู้จะดีใจไปทำไมเมื่อลืมตาขึ้นมา...ไม่ได้เจอทงเฮคนเดิมอีกต่อไป
“แล้ว ..ทงเฮเป็นยังไงบ้าง”คำถามที่อยากรู้ถามออกมาจนได้ ถึงแม้จะเจอกันเมื่อครู่แต่ก็แทบไม่ได้คุยกัน ฮีชอลยิ้มค้างแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“ความทรงจำกลับคืนมาครบแล้ว วันนี้คงได้ออกจากโรงพยาบาล อันที่จริง ...ฉันก็มารับเขาเนี่ย”
“อื้อ...”
เงียบสงัดกันไป คิบอมก้มหน้าลงแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ซีวอนกับฮีชอลเองก็ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร จนกระทั่งแพทย์เข้ามาและแจ้งว่าจะเอาผ้าปิดตาของคิบอมออก ฮีชอลเลยได้แต่บอกว่าเดี๋ยวจะไปรับทงเฮแล้วจะกลับมา คิบอมก็ให้แพทย์เอาผ้าปิดตาออกให้โดยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งเขาได้พบกับแสงสว่างอีกรอบ
ทำไม ..ทำไมโลกที่เป็นสีขาวถึงได้ดูมืดมนแบบนี้
เพราะไม่มีทงเฮใช่ไหมถึงได้รู้สึกแบบนี้ ...
....ซอฮยอน ขอโทษนะ
ถ้าเธอเจอยุนอาบนนั้น ฝากขอโทษเขาให้ผมด้วยได้ไหม
ขอโทษที่ทำให้คนรักของเธอต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษจริง ๆ
คิบอมนั่งซึมซับภาพเบื้องหน้าที่เห็นจนคุ้นชิน ผนังสีขาวของโรงพยาบาล นั่งอยู่แบบนั้นได้อีกสิบกว่านาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างร้อนรนข้างนอก สังหรณ์ใจน้อย ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอก คิบอมกะพริบตาแล้วหันไปมองประตูด้วยสีหน้าเยือกเย็น ฮีชอลเปิดประตูเข้ามาดังโครม ร่างบางหายใจหอบน้อย ๆ แล้วละล่ำละลักพูดกับคิบอม
“ทงเฮ...ทงเฮหายไป...”
“อะไรนะ?”เขาอาจจะหูฝาด ที่ร่างบางวิ่งไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาคิดว่าอาจจะไปนั่งจับเจ่าอยู่ที่ห้อง ใจหายไปอยู่ที่ตาตุ่ม กลัว .. กลัวว่าใครคนนั้นจะไปทำอะไรร้าย ๆ”ไปไหน?”
“ไม่รู้ ...คิบอม ที่บ้านก็ไม่มี ฉันไม่รู้แล้ว”ฮีชอลพึมพำบอก ซีวอนเองก็วิ่งตามมา ท่าทางเหนื่อยหอบพอ ๆ กัน”ฉันกลัวพ่อทงเฮจะรู้ ซีวอน ..ทำยังไงดี”
“พี่คิบอม คิดว่าทงเฮจะไปที่ไหน”
ร่างสูงของอีกคนหันมาสบตากับคิบอม คิบอมนิ่งไปแล้วทบทวนความทรงจำในหัวว่าที่ไหนที่ทงเฮคงอยากจะไปตอนนี้ ภาพสถานที่ที่เรียงรายไปด้วยสุสานหินอ่อน ท้องฟ้าสีฟ้ากลว้าง ที่ที่เขาเคยพาทงเฮไปหาอดีตคนรักของเขาผุดขึ้นมาในหัว ร่างสูงพยักหน้ารับช้า ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียง
“แกจะไปไหนเนี่ยคิบอม!!”ฮีชอลที่เกาะประตูไว้ร้องถามขึ้น”หมอยังไม่ให้ออกนะเว้ย!!”
“พาผมไปที่สุสาน”เสียงเรียบเย็นทำให้ร่างบางสะดุดกึก ก่อนที่จะหันไปหาซีวอนอย่างขอความช่วยเหลือ ร่างสูงส่ายหัวแล้วดึงร่างบางมาแนบอก ก่อนที่จะเดินนำคิบอมออกไปที่รถ
I’m back !!
กลับมาแล้ว ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้อัพให้ ฮือ TT
ตอนนี้ คิเฮอึมครึม อย่าเอามีดมาปาไรท์เตอร์น๊า 55
Happy Birthday Prince Shim ♥ ย้อนหลัง รักปริ๊นนะ รักมาก คิดถึงด้วย TT
ขออนุญาตไม่ตอบเม้นอีกตอนนะ ฮือ พักนี้ขี้เกียจ บวกกับปิดเทอมแล้วแต่ต้องไปเรียนทุกวันเพื่อเรียนม.5 !! TOT
ปิดเทอมซ้อมโคฟ โอ้พระเจ้า TAT
ขอพื้นที่โฟ่ วันนี้ไปลานไอซ์สเก็ตที่เอสพละนาดรัตนามาแหล่ะ ล้มลุกคลุกคลาน เล่นได้แย่สุด ๆ เพราะไม่เอาอ่าวด้านนี้ เลยให้เพื่อนช่วยจับมือให้ แล้วเพื่อนคนนี้มีผู้ชายมาขอเบอร์สองคน ที่ตลกคือมันให้เมลไปแล้วผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า
ตอนแรกไม่กล้ามาจีบ เพราะนึกว่าไรท์เตอร์กะเพื่อนคนนั้นเป็นแฟนกัน ฮิ้ววว =[]=
นี่ ..ผมทรงใหม่ทำให้ฉันเป็นผู้ชายไปเลยเรอะ !!!
แต่ก็ดี คึ =w=
ความคิดเห็น