คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : {part 16} Determinant
16
Determinant
ซองมินนั่งซึมกะทืออยู่ที่โต๊ะตัวเดิม วันนี้เงียบเหงาเข้าขั้นสูงสุดเพราะทงเฮไม่มาโรงเรียน โทรไปถามที่บ้านเมื่อสองวันก่อนก็ได้ข่าวว่าป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลไป ตั้งใจจะไปเยี่ยมตอนเย็นวันนี้แต่ก็ติดที่ว่าไม่มีเพื่อนไปด้วย เนื่องจากคนที่เขาขู่เข็ญในหลายเรื่องนั้นวันนี้ต้องไปทำเรื่องหนังสือเดินทางจนไม่ได้เห็นหน้า แล้วฮันกยองก็เกิดอาการเฮิร์ตหนักอะไรก็ไม่รู้ มาเรียนก็ทำตัวเหมือนคนตายซาก ได้ข่าวว่าแม่เลี้ยงตาย แล้วก็หลายวันที่ผ่านมาแทบไม่ได้เห็นหน้าคยูฮยอนเพราะเจ้าตัวมัวแต่เอาตัวหมกในกองเอกสารเดินทางไปต่างประเทศ แม่ของเขาก็บอก ๆ มาเหมือนกันว่าจะให้ไปส่งไหม แต่เขาก็ทำใจแข็งบอกว่าไม่อยากไปส่ง
แล้ว...ท่าทางของฮันกยองก็น่าเป็นห่วง ดูเหมือนจะมีปัญหากับน้องชายที่ชื่อฮยอกแจเสียด้วย
...เฮ้อ
คิมคิบอมที่ปกติจะนั่งทะมึนอยู่ในเงามืดก็หายหัวเหมือนกัน สามวันแล้วที่เพื่อนสนิทของเขาเข้าโรงพยาบาล และสามวันแล้วเช่นกันที่คิบอมไม่ยอมมาเรียนจนอยากจะไปตามหาให้มาเรียน
แต่ที่คิดไม่ตกคือเรื่องของคยูฮยอน...
หงุดหงิดทำไม หงุดหงิดทำไม ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมต้องไม่อยากให้คยูฮยอนไป
กลัวว่าอีกฝ่ายจะหายหัวไปมากกว่าหนึ่งปีตามที่เขาบอก แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป ...แล้วเวลาหนึ่งปีนั่นเขาจะทะเลาะกับใคร จะคอยให้ใครมาโวยวาย คยูฮยอนจะไปตอนเดือนสิงหาคม ตอนนี้มันก็ปาเข้าไปปลาย ๆ เดือนมิถุนายนแล้ว หน้าร้อนเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ อากาศน่ารำคาญอย่างแรงเพราะมันเฉอะแฉะ ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นอีก เซ็งเอาโล่
..แล้วเย็นนี้ว่าจะไปเยี่ยมอีทงเฮจะเอาใครไปเป็นเพื่อนดีวะ
“ซองมิน ไม่กลับบ้านเหรอ”เสียงใส ๆ จากเพื่อนร่วมห้องดังขึ้นมาข้างหลัง ซองมินชะโงกหน้าที่ฟุบอยู่บนโต๊ะขึ้นมองจองซูยอนหรือเจสสิก้าที่ส่งเสียงทักมาจากกลุ่มสาว ๆ ที่นั่งทำงานกันอยู่หลังห้อง ได้ข่าวว่าต้องแสดงนิทรรศการวิชาการเหมือนกัน แต่ช่างเถอะ งานห้อง เขาก็แค่ได้ข่าวเท่านั้น
“เดี๋ยวกลับ...”เสียงยังอืดและอึนเพราะง่วง บวกหิว บวกหงุดหงิดไอ้เด็กกวนตีน เจสสิก้าพยักหน้าน้อย ๆ แล้วทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออใช่...”ซูยอนหันข้อมือมาดูนาฬิกา”น้องคยูฮยอนฝากฉันมาบอกว่าเขาจะมาหานายตอนหกโมง อย่าเพิ่งไปไหน”
“แล้วนี่กี่โมงแล้ว..”
“ห้าโมงห้าสิบ”เสียงฮโยยอนลอยมาไกล ๆ ซองมินหลับตาพริ้มและตัดใจลุกขึ้นยืน
“กลับดีกว่า”
“อ้าว ไม่รอเหรอ”เสียงสาวไหนซักสาวถาม ซองมินทำหน้าเบื่อโลกแล้วส่ายหัว ไม่อยากรอคนใจร้ายคนนั้นนานนักหรอก เห็นหน้าก็กินข้าวไม่ลงแล้ว“ว่าแล้วว่าต้องหนีกลับ”
“ใครว่า”ซองมินหันมาทำหน้าอึนจัดใส่คนที่เหลือ”แค่เบื่อ เห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่ลง”
แต่สีหน้าของเหล่าคนกล่าวหากลับดูยิ้ม ๆ เสียแบบนั้น ซองมินรู้สึกร้อนตัวแปลก ๆ จนต้องรีบออกตัวเสียงหลง
“จริง ๆ นะ!!”
“จริงเหรอ?”
คราวนี้เสียงเอาะสะดุ้งตัวแทบลอยติดเพดาน ซองมินดีดตัวหันกลับมามองแล้วทำหน้าเหวอให้คยูฮยอนที่ดันมาก่อนเวลาเสียอีก เสียงหัวเราะจากสาววายทั้งหลายดังครืนจนซองมินต้องหันไปค้อนใส่ หน้าเริ่มแดงเถือกจนรู้สึกอยากจะตัดหัวทิ้ง ยิ่งสบสายตาเข้ากับคยูฮยอนแล้วด้วย...
หงุดหงิดล่ะสิ
หงุดหงิด ใช่ หงุดหงิด..ไม่ได้เขิน ไม่ได้อาย ไม่ได้รู้สึกอะไรซะหน่อยยยยยยย !!!
“มารับแล้วครับ”คยูฮยอนพูดเสียงเรียบ ๆ แต่ทั้งนัยน์ตาทั้งปากยิ้มร่าเสียจนคนมองแทบจะเขินทะลุโลก ซองมินกัดปากทำหน้ามุ่ยแล้วตั้งใจจะเดินหนีออกไปจากสถานการ์น่ากระอักกระอ่วนใจนี้ คยูฮยอนไม่รั้ง เพียงแต่เดินตามมาด้วยเท่านั้น
“ตามมารับทำไม”ถามเสียงนิ่งแล้วหยุดเดินเมื่อมาถึงใต้ตึกที่แทบไม่มีคน ซองมินหันกลับมามองหน้าคยูฮยอนด้วยสายตาท้าทายอย่างพยายามฝืนเป็นที่สุด”จะไปไหนก็ไปไป๊”
“อีกเกือบสองเดือนจะไปอเมริกาแล้ว...อยากจะทำเวลาที่เหลือให้คุ้มค่า ตั้ง...หนึ่งปีเชียวนะครับ”คยูฮยอนทอดเสียงนุ่มและแฝงความหมายที่ทำให้หัวใจคนฟังเต้นถี่ระรัว”หรือไม่อาจจะมากกว่านั้น”
“ให้มากกว่าสิ แต่งงานมีลูกที่นู่นไปเลย อย่ากลับมานะ!!”รู้นะว่าคำพูดมันดูปัญญาอ่อน ยิ่งพูดยิ่งดูขี้น้อยใจ ซองมินก็เกิดอาการองค์ลงเสียอย่างนั้น
“บอกรึยัง...ผมบอกพี่ไปรึยัง?”คยูฮยอนเดินเข้ามาใกล้ ซองมินก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว”จากกำหนดเดือนสิงหามันเปลี่ยนเป็นวันที่สิบกรกฎาคมแทน”
“หือ อะไรนะ”ซองมินรู้สึกแปลก ๆ คำที่ว่าเวลาเลื่อนขึ้นมาดูไม่ชัดเจนยังไงก็ไม่รู้ ต้องถามซ้ำอีกทีให้แน่ใจ...บางทีเขาอาจจะหูฝาด
“ไปเดือนหน้า”คยูฮยอนย้ำ อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าซองมินดูท่าทางสับสน
“...ก...ก็ดีแล้ว..นี่..”ร่างบางตอบกลับมาอย่างงง ๆ ในใจร้องไชโยแบบขัด ๆ พยายามสั่งให้ดีใจ...แต่ทำไมนะ ทำไมถึงไม่ได้ดีใจไปกับคำว่าไปเร็วขึ้นเลย”เร็ว ๆ ..พรุ่งนี้ก็ดี...จะได้...ไปเลย”
เจ้าตัวไม่ได้รู้หรอกว่าสายตาของตัวเองเศร้าเพียงใด ร่างอวบทำท่าจะเดินหลบไปอีกทางเพื่อซ่อนใบหน้าตัวเองที่จู่ ๆ ก็อยากจะโวยวายให้โลกแตกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ คยูฮยอนเองก็ถอนหายใจหนักแล้วคว้าแขนของอีกฝ่ายเข้ามา ตวัดรั้งร่างของคนจอมปากแข็งเข้าสู่อ้อมกอด ซองมินชะงักค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ดีใจที่ผมไปขนาดนั้นเชียวเหรอ”คยูฮยอนถามเสียงเศร้า”พี่อยากให้ผมไปจริง ๆ เหรอ?”
“ทำอะไรน่ะ..คยูฮยอน ปล่อย”เสียงนั้นดูสั่น..แต่ถ้าเขาคิดไม่ผิด เขินชัด ๆ ซองมินดิ้นให้พองามแล้วหยุดในที่สุด เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าอยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ ...
“ฟังหน่อยนะ...ขอแค่ครั้งนี้”ร่างสูงกระซิบ นิ้วเรียวปัดหน้าม้าของซองมินที่ตกลงมาปรกลูกตาออกไปด้วยท่าทางอ่อนโยน”ผมรักพี่นะ”
“รู้น่า !!... หะ...หา!!!”ปฏิกิริยารีแอ็คชั่นที่มาด้วยเสียงสะบัดถูกตัดไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อรับรู้ว่าไอ้เด็กกวนตีนพูดอะไรออกมา”อย่าตอแหล อย่านะเว้ย...คยูฮยอน ปล๊อยยย”
“ไม่ได้โกหกนะครับ”คยูฮยอนหัวเราะแล้วโอบร่างที่เริ่มดิ้นปัด ๆ ให้แนบกับตัวมากขึ้น ขโมยหอมแก้มใสไปหนึ่งพอให้คนตัวเล็กกว่านิ่งไปอีกรอบแล้วเริ่มพูดต่อ”ผมชอบพี่จริง ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว..ตั้งแต่ห้าปีหกปีที่แล้วนู่น”
“แก่แดด!!!”มีประนามตามมาเสียด้วย ซองมินยอมนิ่งในที่สุด ใจเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ พยายามบอกตัวเองให้รู้สึกขยะแขยงที่โดนเพศเดียวกันมาบอกรัก...เคยรู้สึกแบบนั้นเวลามีคนมาบอก แต่กับคยูฮยอน..ทำไมรู้สึก...ดีใจแบบนี้?
“เขินเหรอ”ร่างสูงละใบหน้าออกมาสบตากับซองมิน ร่างเล็กส่ายหน้าเสียจนหัวแทบหลุด”ไม่เขินก็ไม่เขิน...ป่ะ ไปเยี่ยมพี่ทงเฮคนสวยกัน”
เท่านั้นแหล่ะ คยูฮยอนก็ปล่อยตัวซองมินโดยไม่ได้บอกกล่าวแล้วเดินนำลิ่ว ๆ ไป ซองมินทำปากเบะตามไปทั้ง ๆ ที่หน้ายังแดงไม่หาย ใบหน้าของคยูฮยอนที่เห็น..ดูน่าน้อยใจแทนเหมือนกัน
...ไม่หรอก ทำไมต้องให้มันดีใจด้วยเล่า
เล่นตัวไปเถอะอีซองมิน
เนอะ - -
ข่าวร้ายประเดประดังไม่จบสิ้น ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีกะจิตกะใจไปเรียน โทรไปบอกคยูฮยอนนิดหน่อยถึงสถานการณ์ตอนนี้ คยูฮยอนก็ปลอบมั่ว ๆ ไปตามเรื่องแล้วบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนถ้ามีโอกาส แต่โอกาสที่ว่ามันจะตอนไหนกันแน่ ตอนนี้อีฮยอกแจสิ่งอยู่บนเตียงเป็นวันที่สามแล้ว ไม่อยากจะขยับไปไหนด้วยซ้ำ
...แม่เสียชีวิตแล้ว
....พ่อก็เอาแต่กินเหล้า
.....แล้วแม่เขาที่ทรยศทั้งครอบครัว
น่าสงสัยในสายเลือดตัวเองเหลือเกิน กลัวว่ามันจะไม่ใช่ลูกของพ่อที่เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก กลัวว่าจะไม่ใช่สิ่งผูกพันไว้กับพี่ชายที่รักมากที่สุด ตอนนี้ฮยอกแจไม่กล้าไว้ใจใครทั้งนั้น แม้แต่พี่ชายของตัวเอง
...กับแม่ของเขา กับคนที่ฆ่าแม่เขา เขาควรจะเลือกใคร
ควรจะแค้นพี่ชายให้กับแม่มั้ย...?
...กับคนที่เขาพูดได้เต็มปากว่ารัก แต่ตอนนี้ในใจกลับมีความรู้สึกชังขึ้นมาผสม อยากจะให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเหมือนที่เขารู้สึก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน อีกฝ่ายอาจจะรู้สึกผิดไม่กล้าสู้หน้า หรือว่าเขาอาจจะหลบหน้าเอง แต่ฮยอกแจก็คิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไรดีเมื่อเจอหน้า...
จะทำยังไงดี
ไม่ทันจะขาดคำ เสียงประตูห้องเปิดขึ้น อาจจะเป็นแม่บ้านเอาอาหารขึ้นมาให้ตามปกติ ตอนนี้ญาติของเขาเข้ามาดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้ ถึงได้ไม่มีปัญหาเพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่
“เอาไว้ตรงนั้นละครับ..เดี๋ยวผมกินเอง”ฮยอกแจบอกเสียงแหบ ๆ เห็นจากหางตาว่าแม่บ้านวางไว้แล้วออกไปตามเดิม แสยะยิ้มสมเพชตัวเองที่ชอบหวังว่าจะเป็นใครคนนั้น หัวใจเต้นกระตุกทุกทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้น
ร่างบางถอนหายใจแล้วก้มตัวลงนอน หลับตาลงด้วยความรู้สึกชืดชา หลับตาไปได้ซักพัก ปล่อยใจล่องลอยไปกับภวังค์เสียจนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดอีกครั้ง คราวนี้กลับเป็นคนที่ฮยอกแจอยากจะเจอจริง ๆ ฮันกยองเดินเข้ามามองเสี้ยวหน้าน้องชายที่หลับตาพริ้มแล้วถอนหายใจเบา แต่ฉับพลันที่นิ้วมือของอีกฝ่ายแตะเข้ากับผิวของฮยอกแจ ร่างบางลืมตาขึ้นแล้วหันกลับมามองคนแตะด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“มาแล้วเหรอ”คำแรกที่ฮยอกแจทักทายส่งมาพร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็ประชด”มาฆ่าผมต่อจากแม่เหรอ?”
“ฮยอกแจ....”ร่างสูงครางเสียงเบา ไม่นึกเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบนี้ ฮยอกแจหยัดกายขึ้นนั่งแล้วกระเถิบไปที่อีกฟากของผนัง จงใจทิ้งระยะห่างระหว่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”พี่...พี่ไม่ได้...”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแทนตัวด้วยคำ ๆ นั้นอีก พี่ฮันกยองของผม...เขาตายไปแล้ว”คำพูดต่อมาแทบจะกรีดใจคนฟังให้ขาดวิ่น ฮันกยองยื่นมือออกไปหวังจะสัมผัสตัวอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ฮยอกแจยิ้มเย็นชา พอได้เจออีกครั้งก็รับรู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แน่ใจว่ายังรัก แต่ในความรักนั้นก็มีความรู้สึกชิงชังผสมผสาน...
กับคนที่หลงรัก และคนที่ฆ่าแม่ของเขา ไม่สิ...สาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาตายมันก็คน ๆ เดียวกัน
แล้วจะให้ทำอย่างไรได้ ก็ได้แต่มองอีกฝ่ายที่ทำสีหน้าสำนึกผิดเจียนตายแบบนั้น
ดีแล้ว สำนึกผิดให้ได้ เจ็บให้เท่ากับเขา
“พี่ขอโทษนะ...”ฮันกยองพูดอะไรไม่ได้นอกจากคำ ๆ เดิมที่เขารู้ว่ามันน่ารำคาญ สายตาเย็นชาที่ถูกส่งมาทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว อันที่จริง...เขาไม่ได้แน่ใจเลยว่าตัวเองรู้สึกแบบไหน จะรักหรือจะเกลียดคนตรงหน้าดี
กับสายเลือดของผู้หญิงสองหน้าคนนั้น และอดีตที่เป็นน้องชายที่รักกันมากที่สุด
สายสัมพันธ์ที่เคยคิดว่าเหนียวแน่นขาดสะบั้นออกภายในเวลาไม่กี่นาทีที่เขาพูดเรื่องของอีจีอาออกมา ฮยอกแจเองก็รับรู้มันด้วยความเจ็บปวด นอกจากแม่ตัวเองตายแล้วยังต้องมารับรู้เรื่องราวแบบนี้ ...แล้วตอนนี้พ่อก็ไม่ทำอะไรนอกจากเที่ยวเตร่ดับทุกข์ภายนอก จนทั้งบ้านแทบไม่เหลือใคร
“พูดเข้าไปเถอะ คุณก็พูด...ได้แค่นี้”ฮยอกแจหัวเราะขื่น ๆ แล้วเลื่อนตัวออกมาจากเตียง น้ำตาเริ่มรินไหลออกมาอีกครั้งทั้ง ๆ ที่คิดว่าไม่มีให้ร้องอีกแล้ว ร่างบางทำท่าจะลุกออกไปแต่ก็โดนคว้าข้อมือไว้”ปล่อยผม”
“ยกโทษให้พี่ได้ไหม”ฮันกยองก้มหน้าพูดเสียงเบา ซึมซับสัมผัสของอีกฝ่ายที่ไม่เหมือนเคย ร่างบางเม้มปาก นัยน์ตาใสอ่อนแสงลงเหมือนจะยินยอม...แต่ใบหน้าของแม่ที่จากไปก็วาบเข้ามาในความคิดอีกครั้ง รวมถึงคำพูดของฮันกยองที่เคยต่อว่าแม่ของตนด้วย
“ปล่อย...ผมจะไปหาคยูฮยอน”พูดชื่อของอีกคนโดยไม่ได้ยั้งคิดว่าจะพูดออกมาทำไม ตอนนี้เพื่อนที่รู้ไส้กันมานานคงเป็นคนที่ให้พักพิงได้ดีที่สุด แต่มือที่กำรอบข้อมือบางกลับรัดแน่นขึ้นอีกวูบโดยไม่ได้ตั้งใจ ฮันกยองพยายามข่มกลั้นความรู้สึกโกรธที่วูบขึ้นมาเหมือนสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว ในท้องดูร้อนเป็นไฟเมื่อได้ยินฮยอกแจเอ่ยถึงคนอื่น
น้องชายที่เมื่อก่อนมีเรื่องอะไรจะวิ่งมาหา ให้เขาเป็นที่พักพิง ที่ปรึกษาได้ทุกเวลา กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้วที่จะต้องเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มหรือน้ำตา...แต่ตอนนี้ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คำว่าพี่น้องถูกกางกั้นลงด้วยความบ้าของเขาเพียงเรื่องเดียว
“...ทำไม ทำไมต้องคยูฮยอน”เสียงของเขาต่ำลงจนแทบจะกลืนหายไปกับความเงียบ ฮยอกแจเลิกคิ้วแล้วสะบัดมือออกอย่างแรงเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย แต่ฮันกยองก็ไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ แถมยังเพิ่มแรงจนคนตัวเล็กต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“จำไม่ได้เหรอ...คนของผมก็ต้องเป็นคนของผมสิ?”คำพูดกำกวมที่ร่างบางตั้ใจพูดเพื่อเพียงจะดูสีหน้าของอีกฝ่าย ฮันกยองหน้าตึงขึ้นทันควัน รู้สึกฉุนแปลก ๆ ...ความรู้สึกหวงน้องชายเล่นงานไม่ถูกเวลาอีกครั้ง ฮยอกแจสะบัดข้อมืออีกครั้งแต่ก็เสียหลักเพราะอีกฝ่ายรั้งร่างเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแรง ฮยอกจแอดรู้สึกเขินวูบไม่ได้แต่ก็ยังคงทิฐิ สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปด้วยซ้ำ หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะอายในฐานะน้องชายที่หลงรักพี่ของตัวเอง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว
ฮันกยองกับฮยอกแจ
เป็นได้แค่คนแปลกหน้าของกันและกัน
“พูดอะไรน่ะคิดบ้างไหม...”ฮันกยองกระซิบเสียงต่ำดังเคยพลางฉุดลากให้อีกฝ่ายนั่งลงไปบนเตียง ฮยอกแจเสียหลักตามอีกฝ่ายอย่างขัดขืนอะไรไม่ได้ ร่างถูกผลักนอนลงไปกับเตียงแล้วเข่าของร่างสูงก็กดขาทั้งสองไว้จนขยับดิ้นไปไหนไม่ได้ ฮยอกแจมองเข้าไปในนัยน์ตาของฮันกยองแล้วตกใจ...ทำไมความโกรธถึงได้เพิ่มขึ้นมารวดเร็วแบบนี้”คิดไหมว่ามันจะทำให้คนฟังรู้สึกยังไง”
“แล้วคุณคิดไหมล่ะ...ว่าจะฆ่าใครแล้วคนนั้นรู้สึกยังไง”สรรพนามที่เปลี่ยนแปลงกระตุ้นให้ร่างสูงรู้สึกเดือดดาลจนแทบคุมไม่อยู่ ฮยอกแจจ้องตาสู้อย่างไม่ยอมแพ้ถึงแม้ขาและแขนจะถูกตรึงไว้จนไม่มีทางหนีไปไหนรอด”ปล่อยผม”
“แล้วจะปล่อยทำไมล่ะ?”ย้อนกลับมาแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้ แววตาถือดีจากฮยอกแจที่เขาไม่เคยได้รับทำเอาสติขาดผึง ในหูมีแต่เสียงหวีดก้องจนแทบไม่ได้ยินอะไร ฮยอกแจดิ้นรนหนีอีกฝ่ายเมื่อรับรู้ว่าฮันกยองต้องการจะทำอะไร สัมผัสหยาบกระด้างเคลื่อนไปทั่วลำคอขาว ทั้งเม้มกัดจนรู้สึกเจ็บ ข้อมือแดงช้ำเพราะถูกแรงกดที่มากเกินไป
“พี่ฮันกยอง..ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!!”อารามตกใจทำให้หลุดชื่อเก่าที่ไม่อยากจะเรียกออกมา รู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งตัว ฮันกยองไม่ยอมหยุดง่าย ๆ เพียงแต่ยังคงรุกรานต่อไปด้วยความรู้สึกที่เก็บซ่อนตัวอยู่ในก้นบึ้งมานานแสนนาน ความปรารถนาบวกกับความโกรธแค้นแสดงตัวออกมาเล่นงานฮยอกแจจนได้ ร่างสูงดึงให้ฮยอกแจลุกขึ้นนั่งทับตักตัวเองแล้วปล่อยมือ กดศีรษะอีกฝ่ายให้แนบชิดเข้ามาแล้วบดจูบแรง ๆ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและความต้องการ ฮยอกแจทุบหลังพี่ชายแรง ๆ เหมือนต้องการจะเตือนสติ
ลิ้นอุ่นตวัดเก็บความหวานทั่วริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยความเร่าร้อนจนร่างบางหายใจไม่ทัน พยายามจะหนีออกมาเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ยิ่งบังคับกดดันให้เขาถูกตรึงไว้ด้วยแรงมหาศาลจากอีกฝ่าย แตกต่างกันเหลือเกิน ฮันกยองที่เป็นนักกีฬา กับเขาที่แทบจะไม่ทำอะไรเลยทำให้ไม่มีแรงจะไปขัดขืนอะไร น้ำตาไหลรินจากนัยน์ตาสวย ที่เคยคิดไว้...จูบที่เขาจะให้ฮันกยองต้องไม่เป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างแทบจะแตกหักกันไปแล้ว
“พี่ชาย..ทำไม..”สุดท้ายก็หลุดออกมาจนได้ ฮยอกแจหอบหายใจถี่รัวแล้วก็ยังไม่เลิกดิ้น ฮันกยองไม่ตอบ เพียงแต่ควานมือเข้าไปตามเสื้อตัวบางที่อีกฝ่ายใส่อย่างขาดสติ ความปรารถนาเคลื่อนตัวจากส่วนที่ถูกปิดตายมายังสมอง บดบังทุกอย่างที่เกี่ยวกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทั้งความสมควรทั้งหลาย...ที่ว่าเขากับฮยอกแจเป็นผู้ชาย และเขาทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ร่างบางสะดุ้งเมื่อฮันกยองใช้มือใหญ่ลูบไปตามส่วนต่าง ๆ ด้วยความย่ามใจ น้ำตาไหลออกมาเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในอก ฮันกยองแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรอยู่ เพียงแต่ตอบสนองตัวเองไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
“ฮยอกแจ...”เสียงของน้องชายเป็นเพียงสิ่งที่ฮันกยองครางออกมาเบา ๆ ด้วยซุ่มเสียงที่เหม่อลอย ผิวเนียนละเอียดของอีกฝ่ายแทบจะถูกฮันกยองสำรวจจนหมดสิ้น รอยรักแดงช้ำเกลื่อนต้นคอและแผ่นอกสีขาวน้ำนม ฮยอกแจได้แต่หลับตานิ่ง...ด้วยความรู้สึกชิงชังตัวเองที่ผสมเข้ามาอีกที
ทำไมต้องพอใจ ... ทำไมต้องรู้สึกดี ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายก็มีความผิดถึงขนาดนั้น
พี่ชาย..พี่ชายกลับมาได้ไหม?
“พี่ฮันกยอง...อย่านะ”ร่างบางกระซิบเสียงแผ่ว นัยน์ตาสวยเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนกเมื่อมือของอีกฝ่ายรุกเข้ามาถึงส่วนล่าง ร่างบางหดตัวเข้าหากันโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องตัวเอง มือที่เป็นอิสระพยายามยื้อยุดให้ฮันกยองเอามือออกไป
ร่างสูงหยุดทุกอย่างแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฮยอกแจ สายตาอ่อนโยนเหมือนกับเมื่อก่อนที่เป็นพี่ฮันกยองที่แสนดี ชั่ววินาทีนั้น ฮยอกแจรู้สึกเหมือนข้อพิพาททุกกรณีของทั้งสองไม่เคยเกิดขึ้นเลย แต่สุดท้ายร่างสูงก็ยิ้มเย็นออกมา
“ในเมื่อไม่ใช่พี่น้อง..แล้วจะให้หยุดทำไมล่ะ?”
คำถามย้อนกลับทำให้ฮยอกแจรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างแตกสลายลงไป ทิ้งผ่านตัวของเขาไปแล้วกระจายหายไปในอากาศว่างเปล่า น้ำตาไหลรินออกมาเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคน ๆ นี้ สุดท้าย...เส้นแบ่งเขตของคำว่าพี่น้องที่เคยมีก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยคำว่าคนแปลกหน้าที่รักและชิงชังกันมากที่สุด
ซองมินเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามาแล้วชะโงกหน้ามองข้างในอย่างระมัดระวัง คยูฮยอนเดินตามหลังมาไกล ๆ โดยที่หยุดรอจังหวะทุกครั้งจะได้ไม่เป็นการลุกล้ำมากเกินไป ตลอดทางที่มาโรงพยาบาลแทบไม่มีบทสนทนาของทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำ ด้วยความรู้สึกอยากเล่นตัวของอีกคนหนึ่ง บวกกับความรู้สึกอึมครึมที่โดนปฏิเสธโดยไร้คำพูดยืนยัน
“ทงเฮ...”เรียกแผ่วเบาไปที่ผู้ช่วยที่นอนนิ่งอยู่ ประตูห้องน้ำที่อยู่อีกฟากเปิดออกจนซองมินอดสะดุ้งไม่ได้ ร่างสูงที่เดินออกมาก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้พบนานพอ ๆ กับคนป่วย”อ้าว...คิบอม”
ร่างสูงพยักหน้าให้แล้วเดินออกข้างนอกเหมือนกับไม่อยากจะรบกวน ร่างบางมองใบหน้าอิดโรยของคิบอมอย่างจับผิด นัยน์ตาของร่างสูงดูแปลก ๆ เป็นสีแดงก่ำเหมือนแพ้อะไรซักอย่าง ซองมินเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ทงเฮแล้วมองใบหน้าซีดขาวของเพื่อนอย่างเศร้า ๆ
“เป็นอะไรของนายว้า ~~ ตื่น ๆ มาเหอะ แล้วจะได้ไปเรียนด้วยกัน”ซองมินพูดเสียงเซ็ง ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความคิดถึงอีกฝ่าย และโดยไม่ทันตั้งตัว ทงเฮลืมตาขึ้นมองหน้าซองมิน”ตื่นไวดีนะ”
ทงเฮอ้าปากเหมือนอยากจะสื่อสารอะไร นัยน์ตาหวานดูยังทิ้งร่องรอยตื่นตกใจไว้เสมอ มือบางคว้ามือของเพื่อนสนิทมาจับไว้เหมือนอยากจะสื่ออะไร ซองมินขมวดคิ้วกับอาการของทงเฮ...เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ทำไมหนักถึงขั้นจะพูดไม่ได้
“พี่คนสวยเขาช็อคครับ...ตกใจจนพูดไม่ได้ ถูกใช่ไหมฮะพี่ซึงยอน”เสียงของคยูฮยอนดังขึ้นลอย ๆ ซองมินหันควับไปดูคยูฮยอนที่เดินยิ้มหน้าบานมากับนางพยาบาลคนสวย ซองมินอดรู้สึกเคืองใจไม่ได้ มีอย่างไร บอกรักเมื่อชั่วโมงก่อนชั่วโมงนี้เดินยิ้มหน้าบานกับคนอื่น”อ่ะ ขนม วางให้ด้วย”
ยื่นขนมที่แบกมาให้ซองมินที่วางกระแทกลงบนโต๊ะข้างเตียง คยูฮยอนเดินไปคุยกับนางพยาบาลเรื่องอาการของทงเฮและเรื่องคนเฝ้าไข้แก้มป่อง ๆ ต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทิ้งให้ซองมินสะบัดหน้างอนอยู่คนเดียว
“แกอ่ะ...หนีมานอนสบายที่นี่”พอหาคนพูดด้วยไม่ได้ก็ก้มลงไล่เอากับอีทงเฮ ทงเฮก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ อย่างไม่มีเสียง หายช็อคแล้ว..แต่ไม่รู้ทำไมว่าอาการยังตกค้าง เขาจำวิธีการออกเสียงไม่ได้จนไม่สามารถสื่อสารออกมาได้เลย”พูดสิ พอแกไม่พูดมันเงียบอ้ะ!!”
ทงเฮยักไหล่แล้วนอนลงไปตามเดิม สายตากลับไปเหม่อลอยเหมือนเก่า ซองมินหันซ้ายหันขวาหาคนที่ออกไปก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาไม่ถึงเสี้ยวนาที
“แล้ว...คิบอมล่ะ”
ทงเฮส่ายหัวแล้วก้มหน้านิ่ง ความทรงจำที่ยังกลับมาไม่ครบถ้วนของเมื่อปีก่อนยังทิ้งพิษตกค้างไว้ในตัว จำได้เลา ๆ ว่าคิบอมทำอะไรซักอย่าง..แล้วยุนอาคือใคร เขาจำไม่ได้ จำได้แค่ผูกพัน..ผูกพันมาก ๆ เท่านั้นเอง รู้สึกปวดหัวจี๊ด ๆ จนส่ายหน้าแล้วเอื้อมมือไปปิดปากซองมินไม่ให้พูดถึงคนหน้านิ่งที่ชอบมานั่งทำหน้าทะมึนเฝ้าไข้เขาในวันสองวันที่ผ่านมา
“ไม่อยากให้พูดเหรอ...เอ้อ..เมื่อไหร่จะกลับไปอ่ะ ไม่มีใครให้ลอกการบ้าน”
ตรงไปตรงมาที่สุด ทงเฮยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีซองมินผู้ห่วงใยสวัสดิภาพทงเฮด้วยสาเหตุนี้ ร่างบางส่ายหัวเป็นทำนองว่าไม่รู้ นิ้วเรียวชี้ไปที่หลังซองมินเหมือนอยากจะให้ดูอะไรซักอย่าง นัยน์ตาใสวิบวับเป็นเชิงล้อ
พอซองมินหันไป หน้าหวานก็บึ้งตึงลงโดยถนัดเมื่อเห็นสาวอีกคนเดินเข้ามาร่วมวงคุยกับคยูฮยอนข้างนอก จากยัยซึงยอน ๆ อะไรก็มาอีกคนจนเขารู้สึกหมั่นไส้ พอหันกลับมามองทงเฮก็โดนทำหน้าล้อเลียนใส่จนได้รู้ว่า ถึงแม้จะพูดไม่ได้ก็ยังกวนประสาทได้ที่หนึ่งอยู่ดี
“ไม่อยู่แล้วก็ได้...พูดได้เร็ว ๆ นะ”ซองมินทำหน้าชิชะในลำคอเป็นเชิงงอนให้ทงเฮได้ขำเล่น ร่างบางที่สื่อสารไม่ได้ถึงได้กลับมานอนซุกตัวอยู่กับผ้าห่มต่อ พยายามออกเสียงในลำคอเหมือนทุกวันที่พยายามทำแต่ทำไม่ได้เสียที แรงกดโหวง ๆ ในช่องคอบอกว่ากล่องเสียงเขาพยายามแล้ว...แต่ก็ทำไม่ได้
เข้าใจความรู้สึกคนพิการขึ้นมาถนัดก็ตอนนี้นี่แหล่ะ
เสียงประตูเปิดดังขึ้น คราวนี้อีทงเฮรู้ว่าเป็นใครเพราะเจ้าตัวเดินมาเงียบ ๆ ไร้เสียงเฮฮาเหมือนอีซองมินที่เดินทะเลาะกับน้องชายข้างบ้านไปนู่นแล้ว ร่างบางพลิกตัวกลับมามองหน้าคิบอม รู้สึกสะกิดใจเหมือนกับทุกครั้งที่มองเข้าไปในนัยน์ตาคม มันแดงก่ำจนน่าเป็นห่วง แล้วคิบอมก็คอยขยี้มันทุกครั้ง
“ไหน...วันนี้เป็นไงบ้าง”เสียงอ่อนโยนของคนที่มีความรู้สึกผิดคั่งค้างในใจดังขึ้น ทงเฮยิ้มหวานให้อีกฝ่ายแล้วส่ายหัวปฏิเสธ พยายามเท่าไหร่ก็ยังไม่ได้ แต่แพทย์บอกว่าประมาณเกือบ ๆ หนึ่งอาทิตย์ รอให้ทุกอย่างเข้าที่แล้วทงเฮจะพูดได้เหมือนเดิม นี่มันเพิ่งสามวันเอง”ปวดหัวมั้ย?”
ทงเฮส่ายหน้า ร่างสูงหลับตาเมื่อเห็นภาพซ้อนของทงเฮ ไม่รู้ทำไมว่าพักนี้ดวงตามีปัญหาบ่อยนักจนน่ารำคาญ บางทีภาพก็เบลอหรือซ้อน เคืองตาจนเขากลัวว่าจะเป็นอาการที่ตาของเขารับนัยน์ตาจากยุนอาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้ก็มาตรวจกับแพทย์บ้างตามที่นัด ทงเฮยื่นหน้าเข้ามาใกล้...แล้วจับแก้มของเขาอย่างสงสัย ตาใสจ้องเข้ามาที่อีกฝ่ายเพื่อหาอาการผิดปกติ ถึงแม้ทงเฮจะไม่มีเสียงสดใสไว้สื่อความคิดตอนนี้ แต่ใบหน้าที่จริงใจนั้นก็ทำให้คิบอมรู้สึกแปลก ๆ ได้เหมือนทุกที
“ทำไม..?”ถามออกมาเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายออกไปห่าง ๆ ทงเฮส่ายหัวแล้วขมวดคิ้วที่เห็นว่ารอยกระจกตาของคิบอมดูแปลก ๆ เส้นเลือดนูนจนน่ากลัว นัยน์ตาที่คุ้นเคยดวงนี้ดูเศร้าอย่างไรชอบกล
เหมือนมีใครบางคนมองผ่านออกมา...
ใครบางคนที่ไม่ใช่คิมคิบอม
================================================
The fact of this chapter is
. There’s some NC between hanhyuk ~
ลิ้งค์มีพาสเวิร์ด คือ hanhyuk38 เน้อ เอ็นซีที่สั้น ๆ หึหึ
http://www.mediafire.com/?f3jlztndynf
ทดสอบ ทดสอบ จะมีใครโวยวายกะมินบ้าง
เปิดจองแล้วน้า คือแต่งใกล้จะจบแล้ว เหลือแค่สเป อาจจะลงตอนจบของเรื่องนี้ช่วงปลาย ๆ มีนา แต่จะจัดส่งช่วงปลายกุมภาเน้อ
หลาย ๆ คนอ่านตอนที่แล้วอาจจะคิดว่าไรท์เตอร์นั้นมีปมหลังอะไรเกี่ยวกับความรักรึเปล่า(หรือแค้นใครมารึเปล่า) ตอบให้ว่าไม่มี แฟนไม่เคยมี = =aaaaaa
| ||||
| ||||
Name : +melodia+< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : ,,MINPOADZ [ IP : 58.9.128.176 ] |
| ||||
| ||||
Name : [v]anila`< My.iD > [ IP : 210.1.21.132 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เอมิลี่ [ IP : 58.8.115.216 ] |
| ||||
| ||||
Name : Yok-- [ IP : 202.149.25.241 ] |
| ||||
| ||||
Name : superman [ IP : 124.157.146.37 ] |
| ||||
| ||||
Name : +"NAMKHENG"+< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : PUKUCHAN [ IP : 124.120.114.114 ] |
| ||||
| ||||
Name : Lop [ IP : 110.168.69.136 ] |
| ||||
| ||||
Name : memo [ IP : 114.128.115.229 ] |
| ||||
| ||||
Name : love_simcin< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : ing [ IP : 58.8.100.113 ] |
| ||||
| ||||
Name : JangJA+ [ IP : 125.26.117.72 ] |
| ||||
| ||||
Name : 030 [ IP : 114.128.13.21 ] |
| ||||
| ||||
Name : Clier [ IP : 124.121.132.26 ] |
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 125.27.218.115 ] |
| ||||
| ||||
Name : ~sand~< My.iD > |
ความคิดเห็น