คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : {part 15} Complex
15
Complex
“จีอาอยู่ไหน”ร่างของผู้เป็นพ่อวิ่งเข้ามาในห้องรับรองของโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ใบหน้านั้นมีเหงื่อซึมไหลด้วยความตกใจ ตอนแรกที่ได้รู้ว่าโรคหอบของภรรยากำเริบ และรุนแรงมาก แต่ไม่นึกว่าจะขนาดเสียชีวิตไปแล้ว ความจริงในใจยังคงไม่เด่นชัดเหมือนกับรอการพิสูจน์ ...แต่เมื่อมาเห็นภาพของลูกชายทั้งสองคนถึงได้อึ้งไป
ฮยอกแจที่นั่งซบฮันกยองด้วยท่าทางเหม่อลอย น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจากนัยน์ตาบวมช้ำ ต่างจากพี่ชายที่หน้านิ่งจนไร้ความเสียใจ จอนอิลอดเคืองไม่ได้ที่ลูกชายคนโตทำหน้าแบบนั้น ไม่คิดจะร้องไห้ให้คนที่เลี้ยงมาเป็นสิบปีซักนิด
“ในนั้น”ฮันกยองบอกและเบือนหน้าหนี จอนอิลเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาว เขาไม่เข้าใจฮันกยอง ทำไมสายตาที่มองมาถึงได้..จะใช่หรือ มีความสะใจและสมเพชปนอยู่ในนั้นด้วย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างร้อนรนและแขกคนต่อไปก็ตามเข้ามา ผู้ชายที่ฮันกยองเคยเห็นว่าอยู่กับแม่ของฮยอกแจยืนเอามือยันประตูท่าทางเหนื่อยหอบ นัยน์ตาคมเพิ่มความเรียบเย็นมากกว่เดิมจนต้องยิ้มออกมา ...ยิ้มด้วยความสมเพชตัวเอง สมเพชคนทั้งหมดที่ถูกผู้หญิงมากรักหลอก
“จีอา..เป็นยังไงบ้าง...”
“คุณ...?”พ่อของฮยอกแจหันไปถามอย่างงง ๆ ร่างสูงมองไปที่คนข้างกายที่นั่งน้ำตาไหลอยู่ที่เดิมพลางคิดอย่างเหนื่อย ๆ ว่าคนต้องแก้ปัญหาวันหลัง เขาไม่อยากทำตัวแย่ต่อหน้าฮยอกแจ
“เพื่อนของจีอาครับ...คือ...มีคนโทรบอก”
พ่อของเขาก็เชื่ออะไรได้ง่าย ๆ
ฮันกยองเบือนหน้าไปมองผู้ชายทั้งสองคนที่เดินเข้าไปในห้องที่เก็บศพของแม่ฮยอกแจไว้ มือใหญ่ลูบหัวของฮยอกแจเบา ๆ แล้วกระซิบให้คนตัวเล็กรอตรงนี้ ฮยอกแจพยักหน้า ท่าทางน่าสงสารนั้นทำให้ร่างสูงนิ่งไป...ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงกับหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน
“รอพี่นะ...แป๊บนึง”นิ้วยาวปาดน้ำตาที่ไหลอยู่ให้หมดไป ร่างบางส่งยิ้มที่ดูเศร้า ๆ ให้แล้วพยักหน้าว่าจะรอ ฮันกยองลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเดินตามเข้าไปในห้องของจีอา
“ว่าไงครับ...”ฮันกยองเดินเข้ามาในห้องและยืนพิงผนังห้องมองดูทั้งสองคน พ่อของเขากุมมือแม่ไว้โดยมีชายชู้อีกคนยืนมองอยู่ห่าง ๆ ...จากคนที่กำลังมองเหตุการณ์แบบนี้น่ะมันตลกสิ้นดี”มีปัญหาอะไร?”
“ลูกเป็นอะไรน่ะฮันกยอง”จอนอิลหันมาถามด้วยสายตาไม่เข้าใจ ท่าทางเยือกเย็นประกอบการยิ้มเยาะนั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนลูกตัวเองสมเพช”ทำไม...ทำแบบนี้”
“ถามเขาดูสิ”ร่างสูงบุ้ยใบ้ให้มองอีกคน มินซุงหน้าซีดลงทันควันเมื่อเห็นสายตารู้ทันของฮันกยอง ร่างสูงอดเป็นห่วงพ่อของตัวเองไม่ได้...แววตาที่มองไปยังจอนอิลดูอ่อนลงนิดหน่อย”พ่อถามไป..ว่าเขาเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้”
“เรียกแม่แบบนี้ได้ยังไง?”จอนอิลขึ้นเสียงใส่ ฮันกยองพยายามจะใจเย็น ทำไมไม่ฟังเนื้อหาของมันว่าหมอนี่เป็นใคร แต่กลับมาบังคับให้เขาเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่...
จะยอมถูกหลอกไปถึงเมื่อไหร่กัน
“ผมไม่เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่หรอก”ฮันกยองเน้นคำเดิมด้วยสีหน้าเย็นชา พ่อของร่างสูงลุกขึ้นและเดินตรงมาอย่างรวดเร็ว และทำอย่างก็เกิดขึ้นจนตั้งตัวไม่ทันโดยที่เกิดต่อหน้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ฮันกยองหันหน้าไปอีกทางพลางยิ้มเย็น ๆ”ผู้หญิงคนนี้..ไม่มีค่าให้เรียกว่าภรรยาของพ่อได้หรอก”
แก้มที่ถูกตบร้อนดั่งไฟ พ่อของฮันกยองยืนตัวสั่นด้วยความโกรธที่ฮันกยองดูถูกภรรยาได้มากขนาดนี้ ร่างสูงหันไปมองทางมินซุงแล้วพยักหน้าให้น้อย ๆ
“บอกออกไปสิ...ผมรู้แล้ว และนี่ก็คงเป็นสาเหตุนั้น เมียคุณนี่ก็แย่นะ ขู่นิดขู่หน่อยก็ใจเสาะตายไปซะแล้ว”
คำพูดร้ายกาจหลั่งไหลออกไปเหมือนไม่ใช่ตัวเขา สีหน้าตกตะลึงของคนเป็นพ่อทำให้ฮันกยองรู้สึกผิดขึ้นมานิด ๆ แต่ก็ยังคงพูดต่อไป ไม่คิดเลยว่าจะลงเอยเอาแบบนี้ ต้องหักหน้ากันแบบนี้
“...แก...รู้...”เสียงแหบพร่าจากคนที่ถูกเปิดโปง ฮันกยองยักไหล่
“ผมไม่ได้โง่หรอกนะ”
“...ลูก...โกหก...?”อีกฝ่ายก็เช่นกัน คำนั้นทำให้รอยยิ้มของฮันกยองจางลงอย่างรวดเร็ว
“ผมจะโกหกไปทำไมล่ะ ภรรยาของพ่อตายเพราะตัวเองทั้งนั้น อยากให้ผมบอกมั้ยล่ะ”ความเสียใจที่ถูกพ่อคนตนมองในแง่ร้ายทำให้ฮันกยองพรั่งพรูคำพูดของตนออกมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง มินซุงเหลือบตามองทั้งสองคนและสาวเท้าออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ ฮันกยองและจอนอิลไม่ได้สนใจ สองพ่อลูกเพียงแต่จ้องมองกันด้วยใบหน้าซีดขาว”แม่ก็แค่หลอกพวกผม หลอกฮยอกแจจนหมด ไม่รู้มันนานเท่าไหร่แล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย !!”
“....ไม่ใช่”พ่อของฮันกยองเองก็อับจน ความจริงที่หลั่งเทเข้ามาทำให้อยากไปกระชากตัวคนที่ตนรักขึ้นมาถามว่าจริงไหม แต่เธอตายไปแล้ว..และหลักฐานหลายอย่างมันก็บ่งชี้มาอย่างนั้น ทั้งใบตรวจดีเอ็นเอของฮยอกแจที่เขาปิดเงียบไว้สิบห้าปี
อีฮยอกแจไม่ใช่ลูกของเขา จีอาท้องกับใครไม่รู้และมาแต่งงานกับเขา แต่เขาทำเป็นไม่รู้ซะ และฮันกยองก็เข้าใจมาตลอดว่าฮยอกแจเป็นน้องร่วมสายเลือดกัน
“บอกอีกมั้ย...ผมนี่แหล่ะฆ่าผู้หญิงคนนั้นเอง”น้ำตาไหลรินลงมาจากนัยน์ตาของฮันกยอง สะเทือนใจเหมือนกันที่ตัวเองได้ฆ่าคนโดยไม่เจตนา แต่ความโกรธที่แผดเผาข้างในกำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ จนเจ็บปวดไปหมด”ผมปล่อยให้เธอตาย..เลวไหมล่ะ พ่อพอใจรึยัง !! แล้วทีนี้...ผมเลวสูสีกับเมียพ่อรึยัง”
เงียบไปอีกยาวนาน ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น บรรยาเย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าตู้แช่แข็ง และในความเงียบที่น่าใจหายนั้น เสียงประตูเปิดช้า ๆ เป็นลางก็ดังขึ้นให้ได้สยองกันเล่น...ฮันกยองใจหายวูบ กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นฮยอกแจเข้ามาตามเพราะเขาออกมานานพอสมควร ร่างสูงหันไปช้า ๆ ...และพบกับใบหน้าของฮยอกแจที่ซีดขาวเสียยิ่งกว่าเดิม
“พี่ชาย...”
“ฮันกยอง...แกทำอะไรลงไปอีก”เสียงจากพ่อยิ่งเป็นการซ้ำเติม ก่อนที่จอนอิลจะคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกไป ฮันกยองยืนอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ที่เดิม รับรู้จุดแตกหักของครอบครัวที่เขาเป็นคนก่อ ทุกอย่างพังทลายไปช้า ๆ ด้วยมือของเขาเอง ใบหน้าขาวของฮยอกแจซีดซะไม่เห็นสีเลือด
“พี่ชาย...ทำให้แม่ตาย”ฮยอกแจพูดซ้ำเสียงสั่นระริก”
.ฮันกยอง”
“ฮยอกแจ...”เสียงอีกฝ่ายก็พอกัน ยิ่งเห็นความตกใจและเจ็บปวดของร่างเล็ก ฮันกยองก็อยากจะคว้าอีกฝ่ายมากอด แต่ติดที่ตอนนี้..ทำไม่ได้อีกต่อไป“พี่...ไม่ได้”
“อย่าเรียกตัวเองว่าพี่กับผม”เสียงนั้นแหบครือ บทสนทนาที่คลับคล้ายกันแล่นผ่านเข้ามาในความคิด ฮยอกแจก้าวถอยหลังไปช้า ๆ ก่อนที่จะวิ่งหายไป ร่างเล็ก ๆ นั่นเลือนหายไปจากการรับรู้ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาล้มลงแล้วนั่งที่เดิมอยู่แบบนั้น ในหัวมีแต่ภาพเดิม ๆ ของฮยอกแจวิ่งออกไป
...อย่าเรียกตัวเองว่าพี่กับผม
ห่างกันไม่เท่าไหร่ ฮีชอลกับคิบอมกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องที่ทงเฮเข้าไปตรวจอาการ ทั้งสองดูร้อนรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เสียงนาฬิกาของโรงพยาบาลดังเสียจนน่าเวียนหัว มังดังตลอดเวลาแต่เงยหน้าขึ้นไปก็ไม่เปลี่ยนเสียที คิบอมเองก็นั่งแทบไม่ติดที่ด้วยความเป็นห่วง
..แต่เขาก็ต้องมีเรื่องให้คิด
อิมยุนอา เธอคนนั้น เธอคนที่เขาทำให้ตายตามกันไปกับคนรักของเขา น่าแปลกที่ทุกอย่างเล่นตลกให้คนของเขาและของทงเฮต้องมาประสบอะไรคล้าย ๆ กัน ตลกเสียจนอยากจะหัวเราะ แต่มันติดที่ทำไม่ได้ คิบอมไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าหากอีกฝ่ายจำได้และรู้เรื่องนั้น...เขาเองก็คงไม่ต่างจากคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทงเฮเป็นแบบนี้
..ไม่ต่างกันเลยจริง ๆ
แล้วเขาจะไปดีอะไร ในเมื่อเขาทำให้คนตายไปถึงสองคนด้วยความโง่ของตัวเอง
คิบอมหัวเราะนิด ๆ ด้วยความสมเพชตัวเอง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นแล้วเอาหลังพิงพนักเก้าอี้ พยายามซ่อนของเหลวร้อน ๆ ที่ไหลออกมาตามขอบตาให้กลับเข้าไป ฮีชอลมองน้องชายอย่างเป็นห่วง แอบรู้สึกผิดไม่ได้เพราถ้าเขาไม่เล่าให้ทงเฮฟังอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ แล้วใครจะไปรู้ว่าทงเฮเป็นอดีตคนรักของโจทก์เก่าคิบอมเสียแบบนั้น
“...พี่...ทงเฮเป็นไงบ้าง”และคนที่เข้ามาใหม่ก็ไม่พ้นซีวอนกับชายวัยกลางคนอีกคน คนที่น่าจะเป็นพ่อของทงเฮและญาติห่างมาก ๆ ของคิบอมกับฮีชอล ฮีชอลขยับหัวไปทางห้องที่ทงเฮเข้าไปตรวจ สบตากับซีวอนแล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ รู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นอีกฝ่ายห่วงทงเฮมากขนาดนี้
“ตรวจอยู่..สวัสดีฮะคุณน้า”ฮีชอลสวัสดีพ่อของทงเฮแล้วกลับไปนั่งมองมือตัวเองอย่างเก่า รู้ว่าเวลาไม่เหมาะแต่ก็อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อพบเจอกับซีวอน แต่คน ๆ นั้นไม่ได้มีท่าทีเจ้าเล่ห์อย่างเคย สีหน้าที่ฮีชอลรู้จักแทนที่ด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่ในข้างใน คิบอมไม่ได้หันมาสนใจคนที่มาใหม่ เพียงแต่นั่งมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า
“พ่อไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก่อนนะ”พ่อของทงเฮบอกซีวอนเบา ๆ และเดินไปอีกทาง ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งระหว่างกลางของพี่น้องทั้งสองคนพอดี เกิดความเงียบที่ยาวนานเพราะไม่รู้ว่าต่างฝ่ายจะพูดอะไรกัน ทงเฮถูกนำเข้าไปตรวจด้วยเครื่องCTแสกน แล้วตรวจอาการได้ครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทงเฮรักยุนอามากเลยเหรอ”เสียงแหบหน่อย ๆ ของคิบอมดังขึ้นถามคนข้างกาย ซีวอนหันมามองนิด ๆ และยักไหล่ เป็นไปได้ก็ไม่อยากพูดถึงหัวข้อนี้เหมือนกันเพราะมันก็ไปสะกิดแผลเก่าเข้า คนถามมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ภาพบรรยากาศของผู้คนภายนอกที่มองเห็นได้จากหน้าต่างใสของโรงพยาบาลดูแตกต่างจากมุมนี้เหลือเกิน
“...ก็ถ้าไม่รักมากคงไม่ช็อคหนักจนเป็นขนาดนั้น”คำตอบที่ดูประชดประชัน ฮีชอลขมวดคิ้วกับบทสนทนานั่น ..ทำไม ทำไมเขารู้สึกว่าซีวอนกำลังเจตนาแปลก”พี่ทงเฮเป็นคนอ่อนไหวมาก”
“แล้ว..จะโกรธไหม”คำถามนั่นเบาจนไม่มีใครได้ยิน คิบอมรู้สึกเจ็บร้าวในอกเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะโกรธเขา สมควรโกรธแน่ ๆ ..แต่เขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น สองสามเดือนที่อยู่ด้วยกันมาทำให้เขารู้สึกดีต่อกันจนไม่อยากให้ความสัมพันธ์นี้เปลี่ยนแปลงไป
...ในฐานะไหน
“ตาพี่ก็ดูคุ้นดีนะ...ตอนแรกก็ว่าคิดไปเอง”ซีวอนยังคงพูดต่อ คราวนี้เรื่อยมาถึงสิ่งที่คิมคิบอมรู้สึกเกลียดชัง ร่างสูงยกมือขึ้นแตะเปลือกตาโดยอัตโนมัติ”...เรื่องทั้งหมดแปลกดีนะ”
“ตานี่...ของยุนอา?”คิบอมทวนคำ คนข้าง ๆ พยักหน้า แล้วบรรยากาศก็เงียบลงไปอีก คิมคิบอมกำลังคิดหนักว่าตนจะทำอย่างไรดีกับเรื่องราวทั้งหมด ถ้าเรื่องพลิกว่าทงเฮจำได้...คิมคิบอมคงไม่พ้นถูกเหวี่ยงใส่แน่นอน
ซีวอนรู้สึกยินดี และรู้สึกเลวร้ายในส่วนลึก เขาทำให้ทงเฮจำได้ถึงเรื่องในอดีตที่ทุกคนอยากให้คน ๆ นี้ลืม แค่เพียงเพราะความอิจฉาชั่วครั้งคราว ร่างสูงซบหน้าลงกับฝ่ามือเพื่อพักสายตา แสงสีดำดำสาดเข้ามาตามรอย แต่ก่อนที่จะได้พัก แรงจากใครคนหนึ่งก็ฉุดให้เขาลุกขึ้น ซีวอนลุกตามและพบว่าคน ๆ นั้นคือคิมฮีชอล
ร่างผอมบางฉุดรั้งให้ตัวเจ้าปัญหาที่เด็กกว่าตัวเองถึงสามสี่ปีกระแทกลงกับผนังอีกฟากหนึ่งที่ห่างจากคิบอม นัยน์ตาสวยดูดุปนสับสน ริมฝีปากอิ่มเม้มด้วยความรู้สึกสะกดกลั้น
น่าจูบ
ซีวอนอดเผลอคิดไม่ได้ ก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ คามรู้สึกแบบนี้..ความหลงใหลแบบนี้ ท่าทางจะเกิดกับคน ๆ นี้เพียงคนเดียวสินะ
“คิดจะทำอะไร”เสียงดุของฮีชอลดังขึ้นมา ซีวอนเมินไปทางอื่น ไม่อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่อยากยอมรับในเรื่องที่ตัวเองก่อขึ้น ท่าทางฮีชอลคงจับต้นชนปลายถูก คน ๆ นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ล่วงรู้ว่าเขาคิดอะไรกับอีทงเฮ น่าจะเดาเรื่องออกได้”นายตั้งใจจะทำอะไร”
“เปล่า”เขายักไหล่แล้วหันกลับมามองฮีชอล ควบคุมให้ตัวเองจ้องตาสวย ๆ นั่นกลับไปโดยไม่มีอาการลังเล ฮีชอลจ้องตรงเข้ามาในแววตาของเขา ดูแข็งกร้าว แต่ก็...น่ารักดี ท่าทางหัวรั้นแบบนี้นี่แหล่ะถึงได้ดูเป็นเอกลักษณ์
“อย่าให้ฉันต้องเอาจริงนะซีวอน”
“ผมบอกแล้วผมไม่ได้ทำอะไร”ในที่สุดซีวอนก็พูดประโยคยาว ๆ ออกมาเสียที ร่างบางเม้มปากอย่างหงุดหงิดที่ไม่ยอมพูดความจริง เห็นชัด ๆ ว่าซีวอนพยายามทำให้น้องชายของเขากับหมวยคนสวยนั่นต้องห่างกัน
“อย่าทำเป็นแมวหวงก้าง”ฮีชอลหรี่ตาหนักพลางยกมือขึ้นเท้าเอวโดยไม่ได้ตั้งใจ ซีวอนอดมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเผลอไผลไม่ได้”อย่าแยกพวกเขาสองคนด้วยวิธีขี้ขลาดแบบนั้น”
เจอแบบนี้ก็แอบเจ็บนิด ๆ ซีวอนเงียบไปพักหนึ่งแล้วฝืนยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา นัยน์ตาคมมองตรงเข้าไปในสีรัตติกาลที่ฉายแววหยิ่งรั้นของอีกฝ่าย อยากจะปิดปากสวย ๆ นั่นไม่ให้พูดเรื่องนั้นออกมาอีก แต่ความรู้สึกผิดมันก็จุกอก หลายอย่างบอกเขาว่าเขานั่นแหล่ะเป็นฝ่ายผิด
“งั้นผมจะเลิกทำแบบนั้นแล้วกัน”ซีวอนเอ่ยออกมา พยายามหาทางออกที่ดีที่สุด หัวใจถ่วงหนักด้วยความสับสนและท้าทาย ถ้าหากทงเฮจำได้ คิมคิบอมก็คงไม่พ้นอยู่แล้ว กับคนรักที่รักมากในหนึ่งปี กับความรู้สึกดี ๆ ข้ามเดือน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะเลือกอะไร”
คิมคิบอม น้องชายของพี่...มีอะไรแลกเปลี่ยนไหมล่ะ?”
“เล่นสกปรกนะ”ฮีชอลหัวเราะน้อย ๆ พลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นอีก อดตื่นเต้นจนใจสั่นไม่ได้”จะเอาอะไรล่ะ...เด็กน้อย”
พูดไปแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายก็เด็กกว่าจริง ๆ ซีวอนมองอีกฝ่ายเขม็ง ใบหน้าเครียดผ่อนลงมาเป็นรอยยิ้มอ่อน...ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาโอบเอวคนแก่จอมยั่วให้เข้ามาแนบชิดมากขึ้น ลมหายใจร้อน ๆ ของทั้งฝ่ายเป่ารดกัน..ได้กลิ่นหวานละมุนจากอีกฝ่ายที่ทำให้รู้สึกว่าหัวใจเต้นถี่รัว
“คิดว่าอยากได้อะไรล่ะ”
โดนเล่นลิ้นกลับมาแบบนั้นฮีชอลก็ยักไหล่อย่างหน่ายใจ และโดยที่ไม่ตอบอะไร...ฮีชอลก็ผละตัวออกมาพลางเดินห่างออกไป ทั้งสองคนรู้ความหมายที่ตนต่างสื่อสารกันโดยไร้เสียงดี ร่างบางฟังเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายที่ตามตนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรน หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เหงื่อหยดเล็ก ๆ ซึมตามไรผมโดยไม่รู้ตัว ฮีชอลพยายามควบคุมการเดินให้มั่นใจอย่างที่เคย...แต่ทำไมวันนี้มันยากนัก แค่มีสายตาแผดเผาจากอีกฝ่ายมองมาก็สูญเสียความมั่นใจได้ขนาดนี้แล้ว
คิมคิบอม...ฉันช่วยได้เท่านี้ล่ะนะ
ประตูห้องคนไข้เปิดออก คิบอมเผลอเด้งตัวเองออกจากที่นั่งโดยอัตโนมัติ ถ้าเขาได้เห็นตัวเองในกระจกคงตลกไม่น้อย ร้อนรนเสียจนน่าแปลกใจว่าเขาเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร แพทย์เจ้าของไข้เดินถือแฟ้มอาการมาหยุดอยู่ตรงหน้าคิบอม
“..คุณเป็นญาติของคุณอีใช่ไหมครับ”
คิบอมพยักหน้ารับและเฝ้ารอคำต่อมา แพทย์เดินนำเขาเข้าไปแล้วเปิดประตูช้า ๆ เพื่อให้เห็นคนที่อยู่ภายใน ร่างผอมบางที่หลับสนิท แผ่นอกขยับขึ้นลงบ่งบอกถึงสัญญาณการหายใจ ริมฝีปากบางมีสีสันขึ้นมานิดหน่อยให้พอใจชื้น คิบอมเกือบจะเบาใจแล้วถ้าหากไม่เหลือบไปเห็นสีหน้าเครียดของแพทย์เสียก่อน
“..ทงเฮเป็นอะไรบ้างครับ”
“คนไข้เกิดอาการช็อคจากเรื่องในอดีต บวกกับที่สมองส่วนที่ปิดตายถูกบังคับให้เปิดออกมาอย่างรุนแรง”คำพูดตลก ๆ ที่เคยฟังในละครกำลังถูกเล่นผ่านโสตประสาทชัดเจน ร่างสูงกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว”ทำให้คนไข้เกิดอาการ..เอ่อ..ช็อคจนพูดไม่ได้”
“...อะไรนะ”
คิบอมได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนกลับมาจากที่ไกล ๆ พูดไม่ได้ เจ้าของเสียงร่าเริงนั่นต้องเป็นแบบนี้เพราะเขาใช่ไหม ตัวเขาเย็นวูบเมื่อนึกว่าอีทงเฮจะต้องรู้สึกอย่างไรที่สูญเสียเสียงไป ถึงแม้จะชั่วคราวก็ตาม แพทย์ส่ายหัวอย่างช้า ๆ ดูอึดอัดที่จะต้องแจ้งข่าวร้ายอย่างที่เคยแจ้งมานับพัน ๆ ครั้ง
“ต้องให้พักที่นี่เพื่อรอดูอาการ ถ้าหากหายตกใจเมื่อไหร่ผมคิดว่าน่าจะกลับมาเป็นปกติ ส่วนเรื่องความทรงจำนั่น...คงต้องรอดูกันต่อไปอีกหน่อย”
“ขอบคุณครับ”คิบอมก้มตัวลงขอบคุณ อีกฝ่ายก้มหัวรับแล้วเดินจากไปเป็นการเปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมคนที่อยู่ข้างใน คิบอมชะโงกตัวเข้าไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นประหลาด ก่อนที่ร่างสูงจะเดินลงไปนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง พินิจดูใบหน้าคนป่วยที่ซีดราวกับกระดาษ ไม่กล้าที่จะสัมผัสตัวทงเฮเลยด้วยซ้ำ
คนรักที่อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี กับคนที่รู้สึกดีด้วยเพียงข้ามเดือน
...ทำไมถึงได้รู้สึกเลวร้ายแบบนี้ ความรู้สึกผิดที่ถ่วงหนักอยู่ในตัวทำให้หัวใจดำมืด ไม่กล้าที่จะทำอะไรตามใจ ม่านหมอกหนาหนักปกคลุมทุกอย่างไม่ให้เขาเข้าใจตนเอง ทำไมคิมคิบอมถึงรู้สึกดีกับอีทงเฮ ทำไมเขาถึงลืมความรักที่มีมานานได้ง่ายนัก
...เขาไม่อาจจะเข้าใจ
คิบอมนิ่งอยู่แบบนั้นได้ซักพัก จนทงเฮขยับตัวยุกยิกขึ้นมา เท่านั้นความประหม่าก็แล่นเข้าเกาะกุมจนคิบอมต้องภาวนาโดยไม่ตั้งใจว่าขอให้ใครซักคนเข้ามา เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคน ๆ นี้เพียงลำพัง ถึงแม้ว่าเขาปรารถนาจะเห็นนัยน์ตาใส ๆ กับรอยยิ้มหวานนั้นอีก...
แต่ใครจะรู้ ถ้าหากเจ้าของความสดใสนั้นตื่นขึ้นมา...จะเปลี่ยนไปหรือเปล่า
“อื้อ..”ทงเฮกระซิบเสียงพร่า ริมฝีปากบางขยับขึ้นลงเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ไม่มีเสียงออกมา คิบอมหยิบน้ำส่งให้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ใบหน้าสวยเหลือบขึ้นมามองก่อนที่จะกลับไปเย็นชาเหมือนปกติ คิบอมขยับตัวอย่างอึดอัด แล้วอีกในไม่กี่อึดใจที่แสนทรมาน ทงเฮก็มีหยาดน้ำตาไหลรินลงมาเป็นทาง
“ทงเฮ...”คิบอมพูดได้แค่นั้นอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี ตอนนี้คนที่เคยส่งรอยยิ้มสดใสให้เขากลับมีสีหน้าเหมือนตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต ใบหน้าหวานมีเพียงน้ำตาที่แสดงออกมาว่ายังมีความรู้สึก นัยน์ตาที่เคยส่องประกายระยับกลับด้านเหมือนหินอ่อน เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี...รู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดไปด้วย
เขาเข้าใจว่าคนที่สูญเสียนั้นรู้สึกเช่นไร
โดยเฉพาะ...คนที่เป็นต้นเหตุ
อย่างเขา
ถ้าเขาไม่นึกสนุกอย่างจะลองขับรถเล่น รถก็คงไม่คว่ำไปแบบนั้น ถ้าเขารู้จักระวังมากกว่านี้ ทุกอย่างที่เลวร้ายก็คงไม่เกิด ...ร่างสูงเอื้อมมือออกไปช้า ๆ ..อยากจะสัมผัสตัวอีกฝ่ายซักครั้ง นิ้วเรียวของร่างสูงสัมผัสหยาดน้ำตาอุ่นบนใบหน้าเย็นเฉียบเบา ๆ ทงเฮไม่ได้ถอยหนี..แต่กลับนิ่งจนน่ากลัว
....เขาไม่อยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ กี่คนแล้วที่ต้องเจ็บปวดเพราะเขา
แล้วทำไม...คน ๆ นี้ คนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีกลับทำให้เขารู้สึกร้าวรานได้ขนาดนี้ ไม่ชอบเลย ไม่ชอบความรู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าร้องไห้ ทุกอย่างตีกันเข้ามาจนพันกันยุ่ง ไม่อาจจะแก้ออกได้โดยง่าย ใบหน้าหวานปิดตาลงเหมือนไม่อยากจะรับรู้ คิบอมได้แต่นิ่งมองอยู่แบบนั้น...ก่อนที่จะลุกออกไปช้า ๆ
หลังเสียงปิดประตูของคิบอม ทงเฮลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะนอนมองพดานสีขาวว่างเปล่า น้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่าไหลรินออกมาช้า ๆ ...ร้องไห้เงียบ ๆ ...คนเดียว
สุดท้ายที่ ๆ เขามาอยู่คือที่เดิมที่มาเป็นประจำ สุสานกว้างใหญ่ใต้ท้องฟ้ามืดมิดยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ภายใต้ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ลมหนาวเย็นของตอนกลางคืนพัดมาต้องผิว ร่างสูงได้แต่นั่งเงียบอยู่ข้างสุสานหินอ่อนสีขาวที่เดิมที่มาบ่อย ๆ กลีบดอกเดซี่ที่เขาเคยเอามาวางไว้ให้เหี่ยวแห้งลงจนเหลือแต่เกสรสีน้ำตาลกรอบ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกผิด
“...ถ้าเป็นเธอ จะทำยังไงนะ”
อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาคนเดียว ไม่มีใครตอบกลับมานอกจากเสียงลมหวีดหวิว คิบอมมองชื่อที่สลักไว้บนหินอ่อนนั้นด้วยสายตาเลื่อนลอย ความคิดถึงคนที่จากไปยังคงเป็นแผลลึกอยู่ในใจ หลายเหตุการณ์วิ่งผ่านเข้ามาในความคิด ภาพที่คนสองคนอยู่ในมุมที่แตกต่างกัน
ไม่รู้จะต้องเลือกใคร เขาไม่อาจจะเข้าใจตัวเอง ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้
“ขอโทษ...ขอโทษจริง ๆ ขอโทษที่ไม่อาจจะทำตามที่สัญญา”เขาพูดไปเรื่อย ๆ ตามความคิดที่หลั่งไหล ได้แต่หวังว่าคนที่จากไปจะรับรู้ถึงความรู้สึกผิด หวังว่าเขาจะสบายใจขึ้นบ้างถ้าหากได้พูดคำพวกนี้ แต่ยิ่งพูดออกไปยิ่งตอกย้ำตัวเอง”โลเล...ไม่แน่นอน อยากจะรักเธอคนเดียวแต่ฉันทำไม่ได้อีกแล้ว”
คิบอมซบหน้าลงกับเข่าอย่างอัดอั้น ปัดอะไรเปียก ๆ ออกจากตาอย่างรำคาญ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าที่พยายามฝืนทำเป็นเข้มแข็ง คิบอมหลับตาลง มองสีมืดมิดที่เข้าปกคลุมนัยน์ตาของตน ไม่ชอบตาคู่นี้ นัยน์ตาที่เป็นตัวแทนของคนที่ทงเฮรักจริง ๆ ยิ่งจมอยู่กับความคิดที่ว่าไม่ใช่ของตัวเองยิ่งรู้สึกแย่ต่อผู้หญิงที่ชื่อยุนอาคนนั้น
เขาแย่งของใครต่อใครมากี่อย่างนะ
เขาทำให้ใครสูญเสียไปเท่าไหร่นะ....
...รู้สึกแย่จนบรรยายไม่ถูกไปซะทีเดียว
“อย่าร้องไห้...”
คำ ๆ นี้ ถ้าทงเฮยืนอยู่ข้าง ๆ เขาอาจจะบอกแบบนั้น อย่าร้องไห้ ยิ้มเถอะ คำพูดพวกนี้เขาก็เคยได้รับมันจนเลือกที่จะทำตามคำพูดพวกนั้น ซอจูฮยอนบอกเขาว่าให้ยิ้ม เขาก็ยิ้ม แต่สุดท้ายรอยยิ้มที่เคยมอบให้เธอก็เลือนลางไป...เพราะเขาจะยิ้มไปเพื่ออะไรถ้าหากไม่มีใครต้องการจะดู ไม่มีใครคอยส่งยิ้มตอบกลับมาให้ ไม่มีอีกเลย..นับตั้งแต่เขาทำลายมันลงไปด้วยมือของตัวเอง
...ยิ้มนะ
ภาพใบหน้าของใครคนนั้นพร้อมกับท่าทางน่ารักสดใสจนน่ารำคาญในบางทีทำให้เขายิ้มได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพท้องฟ้าที่มีดาวพร่างพรายดูเลือนลางและพร่ามัว ไม่รู้ว่าเพราะน้ำตาหรือเพราะอาการเคืองตาที่กำลังเกิดขึ้น คิบอมมองท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างหวังที่จะหาคำตอบ คำตอบที่แม้แต่ตัวเขายังไม่เข้าใจมัน
ทำไมต้องหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะเกลียดชัง
ทำไมต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องที่หัวเราะเยาะว่ามันไม่เป็นเรื่อง
ทำไม...ทำไมต้องหวั่นไหวให้กับอีทงเฮ
แล้วความรู้สึกนั้นมันคืออะไรกัน...
รันทดกันไปใหญ่แล้ว ฮะฮ่า !!
รู้สึกปลื้มใจจัง คึ
ทำไมอุปสรรคเยอะแบบนี้นะ (หัวเราะ)
ตอนนี้ขอยกเลิกตอบเม้นอีกตอนได้มั้ย ตะกี้นั่งตอบอยู่ ไฟแม่งดับ สาดดดด อารมณ์เจ๊ง ตอบจะเสร็จแล้ว ไม่เซฟไว้ให้อีกกก คอมซังกะบ๊วยยยยยย
แง๊งงง งานเยอะ เปิดคอมวันนี้เจอฮีที่รักร้องไห้ ร้องตามจนเพื่อนงงว่าเป็นอะไร แล้วบทสัมภาษณ์ของคิบอมอีก เข้าใจว่ามีความสุข แต่ฉันรออยู่นะ รออยู่นะเว้ย รักนะเว้ย TT
ถึงคนที่เม้นบ่อย ๆ ทีละรายคน หมดกำลังใจจะก๊อบวางตอบแล้ว เหนื่อยมาก มีมายแม็ปไบโออีกอ้ะ นรกมากกกกกกก แล้วยังต้องคิดท่าเต้นของงานนาฏศิลป์อีก
ตอบเม้นตรงนี้ เฉพาะคนที่จำได้ TOT หลาย ๆ คนอย่างเพ ิ่งน้อยใจนะจ๊ะ (ใครจะสน =[]=)
ถึงพี่แอ้ม ; พี่แอ้มไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้มีนเฟลหรอก งานมันเยอะน่ะ แล้วพักนี้เนือย ๆ เพราะงานมาเยอะเกิน อยากจะมีตเร็ว ๆ นะ ... เดือนมีนานะ ดูคิวด้วย >< !
ถึงข้าวโพด ; ฮยอกไม่ทำไรเฮียหรอก อาจจะจับปล้ำ (ฮา) พี่จะไม่ให้ข้าวโพดฟรี ถ้าลดน่ะลดได้ จาก 313บาทกลายเป็น 300 บาท (แค่นั้น ?) 5555 คิดถึงโพดนะ อยากเจอ กระซิกกกกกก
ถึงมิ้นท์ ; งานเค้าก็เยอะนรกพอ ๆ กัน ฮืออออ แล้วก็ ..จะบอกว่าหมวยยังจำไรไม่ได้ง่าย ๆ หรอก หึหึ
พี่ทิพ ; ให้ฟรีไม่ด้ายยยย 555 แค่ 18 ตอนมันปาไป 266 หน้าแล้น = = แล้วก็จะบอกว่าเรื่องมันจะพันกันมากกว่านี้ ป.ล. คยูจะง้างปากมินด้วยปาก เอิ่กกกกกกก
lee.dongmoz ; บอมอาจจะทำมากกว่าควักลูกตาก็ได้นะ ใครจะรู้ แล้วก็ราคาหนังสืออาจจะ 333 บาท หรือ 313 บาท ฮิ้วววว (แต่หน้ามันท่าทางจะ 360 หน้า ...)
อันนี้ตอบไว้นานแล้ว เซฟไว้ก่อนไฟดับ อันเดียว ? =[]= !
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 125.27.220.178 ] |
ความคิดเห็น