คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : {part 14} Sins
14
Sins
เสียงประตูเปิดดังขึ้นไกล ๆ ฮันกยองสะดุ้งพลางดันตัวอีฮยอกแจลงด้วยท่าทางที่เหมือนต้องของร้อน ร่างบางเองก็เงียบไป ไม่กล้าละลาบละล้วงไปมากกว่านั้น ความรู้สึกของฮันกยองในแววตาคมที่ส่งมาหาทำให้ใจของเขาเต้นแรงจนน่ากลัว
“อ้าว ทำไมเงียบแบบนี้ล่ะลูก”เสียงที่ดังเช้ามาปลุกสติของคนทั้งสองที่กำลังเหม่อมองกันและกัน อีจีอาและอีจอนอิลเดินเข้ามา คนแรกมีสีหน้าสดใส ฮยอกแจยิ้มเพลีย ๆ ตอบรับแม่ แต่ฮันกยองกลับเบือนหน้าไปมองทางอื่น
มือที่กำลังกุมมือพ่อของเขาสกปรกเกินกว่าจะให้อภัย
รอยยิ้มสดใสที่มีให้แก่ครอบครัวเองก็หลอกลวง
ทำลงไปได้ยังไง หลอกคนรอบ ๆ ตัวที่รักมากที่สุดแบบนี้ได้ยังไง
“ฮยอกแจ..แม่เอานี่มาฝาก”รอยยิ้มสดชื่นอ่อนหวานร่าเริงเต็มสองแก้มทำให้ลูกชายตัวเล็กอดยิ้มตามแม่ไปไม่ได้ มือเปิดถุงกระดาษขึ้นดูและทำตาโตกับของภายใน”สวยมั้ย เค้กนั่นไม่ใช่ถูก ๆ นะ”
“ขอบคุณครับแม่”ฮยอกแจยิ้มตาหยี พ่อเดินมาลูบหัวลูกชายคนเล็กไปอีกทีและยืดตัวขึ้นมองหน้าพี่ชาย ใบหน้าของฮันกยองดูว่างเปล่า ไม่มีการยินดียินร้ายอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น...จอนอิลมองตามสายตาของลูกชายไปหยุดลงที่ภรรยาของตัวเอง
น่าแปลกใจ น่าแปลกใจทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะ
“อ๊ะ”คุณแม่ที่ยังหน้าตาไม่ได้แก่ลงไปตามอายุอุทานขึ้นมา มือขาวที่ประดับไปด้วยแหวนเพชรเม็ดเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า”...อ้าว แป๊บนึงนะคะ”
ฮันกยองมองตามไป เขาคิดว่าเขาเห็นสีหน้าแปลก ๆ ที่มันคือความดีใจบนนั้น ร่างสูงขยับยิ้มเย็นชาและเดินหายออกไปโดยไม่ได้บอกคนในห้อง ทิ้งให้คนตัวเล็กมองตามไปอย่างกังวล
“สรุปพี่คนนั้นชื่อชินดงใช่ป่ะ?”ทงเฮถามเสียงเจื้อยแจ้ว พลางเลียช้อนในมือ”นายเป็นอะไรกับเขาเหรอ”
ชเวซีวอนแทบสำลักลมหายใจ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นคำถามเรื่องความสัมพันธ์ แต่สีหน้าแบบนั้น...เหมือนทงเฮกำลังทำให้เขาปวดหัว
“พี่ชายของรุ่นพี่ที่เป็นแฟนของรุ่นพี่ที่เป็นคนรู้จักห่าง ๆ ของผมอีกคน”ตัดสินใจไม่โกหกเนื่องจากเขานับถือในพระเจ้า(?) แค่บอกวกวน และตอนนี้ที่เขาไม่ได้บอกอะไรทงเฮ....มันก็แค่ต้องการยืดเวลาจะบอกออกไปเท่านั้นเอง
แบบนี้มันกติกรูนี่หว่า
“ยุ่งยาก”ทงเฮทำหน้าเบ้กับเครือญาติยุ่งเหยิง ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้คนที่หมายถึงก็ใกล้ตัว..ใกล้ตัวมากถึงมากที่สุด”ฉันคุ๊น...คุ้นชื่อเขา”
“คงเคยเจอช่วงปีก่อน”บอกแล้วชเวซีวอนไม่โกหก เจอปีก่อนจริง ๆ
“และความจำฉันมันก็หายไปสินะ”ทงเฮก็พยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจตามนั้นไปด้วย”นี่ กลับเหอะ คิบอมโทรตาม”
จากที่เคยอารมณ์ดี ๆ ก็หน้าตึงขึ้นมาในบัดดล ซีวอนกลอกตาขึ้นฟ้า ความคิดงี่เง่าตีวนกันในหัว ความคิดที่เขาพยายามห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้น
ถ้าทงเฮจำยุนอาได้ เขาก็จะมีสิทธิ์มากกว่าคิมคิบอม
อีกฝ่ายยิ่งอยู่ในฐานะที่เป็นรองด้วยแล้ว
เขาสามารถปลอบคน ๆ นี้ได้ดีกว่าถ้าหากทงเฮยังคงจำยุนอาได้ ยิ่งถ้าได้เรื่องทั้งหมดโอกาสยิ่งเอียงมาหาเขา ความคิดนี้ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ที่ขอบจินตนาการของเขามานานแล้ว แต่อีกด้านก็เฝ้าเตือนว่าที่ทงเฮย้ายไปเพราะจะได้ไม่ต้องจำได้
แต่บางทีมันก็ติดอะไรบางอย่าง
“กลับก็กลับ”ซีวอนเองก็พยายามข่มใจไม่ให้พลั้งปากเล่าเรื่องราวที่คนตัวเล็กเคยพยายามตะแง้วจะรู้เรื่อง ทงเฮดึงร่างสูงออกไปจากตรงนั้น ใบหน้าดูร่าเริงที่จะได้กลับบ้าน ไม่นานนักด้วยแท็กซี่ที่ชเวซีวอนเป็นคนจ่าย ทงเฮก็วิ่งฉิวเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ เข้าไปบ้านไปเสียแล้ว
ร่างสูงถอนหายใจพลางรับเงินทอนใส่กระเป๋าตังค์ ใบหน้าคมหมองเศร้าลง แต่เมื่อเห็นบรรยากาศบ้านของสองพี่น้องตระกูลคิมที่คุ้นเคยก็นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาได้ ทำให้นึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายใช้ล่อใจ
ถ้าอยากลืมก็จ่ายหน่อยแล้วกัน
ไม่แน่อาจจะมีโอกาสได้ใช้บริการอีก
ร่างสูงยิ้มบาง ๆ เมื่อความทรงจำหวนกระหวัดกลับไปหาวิธีการลืมที่ว่านั่น แต่เมื่อทงเฮลากใครอีกคนเดินออกมา หัวเราะเสียงลั่นอย่างมีความสุข สีหน้าที่ชวนให้เคยคุ้น ทำให้เขานึกถึงปีก่อน
ความรู้สึกแบบเดียวกันไม่มีผิด ความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ตั้งแต่ทงเฮคบกับยุนอาเขาก็รู้สึกแบบนั้น ได้แต่เป็นคนที่ร่างบางคอยปรึกษานู่นนี่ หรือว่าเป็นแค่เพื่อนแก้เหงา เขาก็ได้แต่ยืนมองอยู่ที่เดิม ในเมื่อนางฟ้าพบกับคนที่ดีพอกัน แล้วมนุษย์อย่างเขาจะไปทำอะไรได้?
“พี่ทงเฮ...”ความรู้สึกริษยารุนแรงตีกันปั่นป่วน คิบอมที่นิ่งเงียบฟังคนตัวเล็กพูดแจ้ว ๆ เบือนหน้ามาทางเขา ทงเฮก้าวเท้าออกมาหาและนิ่งรอให้เขาพูด”ก้มลงมาหน่อยสิครับ”
“อื้อ...อะไร”ทงเฮทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมเอียงหูเข้าไปชิดใครอีกคนที่ทำท่ามีลับลมคมใน ร่างสูงมองไปที่คิมคิบอมและยิ้มน้อย ๆ
“...ถ้าพี่อยากรู้ว่าอิมยุนอาเป็นใคร ลองถามคิบอมดูสิครับ”
“เขารู้?”
“ครับ...เอ้อ...”ซีวอนผละใบหน้าออกมาและล้วงมือเข้าไปในกระเป่า สัมผัสวัตถุเย็น ๆ ในนั้น”ผมไปดีกว่า แล้วเจอกันครับพี่ทงเฮ”
“อื้อ...มา ขอกอดหน่อย”ทงเฮยิ้มหวานให้ และคำขอนั่นทำให้ร่างสูงรีบชักมือออกจากกระเป๋าอย่างรวดเร็วเพื่อทำตามคำขอของทงเฮ สร้อยข้อมืออันเล็ก ๆ สีเงินก็ร่วงตามมาด้วยแต่ซีวอนไม่ได้สังเกต ทั้งสองร่ำลากันเรียบร้อย และเดินแยกหายกันไป ทิ้งไว้แต่คิมคิบอมที่เดินช้า ๆ มาหยุดที่วัตถุที่ถูกลืม ร่างสูงหยิบมันขึ้นมาช้า ๆ พินิจมองรูปทรงของมัน หลังจี้อันใหญ่รูปดาวที่ห้อยไว้มีตัวอักษรตัวเล็ก ๆ สลักอยู่ เล็กเสียจนแทบมองไม่เห็น คำสามคำที่คิบอมต้องนิ่งไป
‘อิมยุนอา’
เธอคนนี้เป็นใคร มีความเกี่ยวพันอะไรกับทงเฮ
ร่างสูงเก็บสร้อยนั่นใส่กระเป๋า ตั้งใจว่าจะให้ทงเฮดูซักวันหนึ่ง แต่ชื่อ ๆ นี้ก็ดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนเขาเคยเห็นมันในกระดาษ หรือที่ไหนซักแห่ง
....เธอคนนี้ เป็นใครกันนะ
โป๊ก !!
“ซองมิ๊นนนน เอาหัวโขกโต๊ะทำไม !!!”
เสียงหลง ๆ จากทงเฮที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่ข้าง ๆ ซองมินดังขึ้นเป็นเชิงโคตรตกใจที่อยู่ดี ๆ เพื่อนรักเอาศีรษะถวายโต๊ะเสียอย่างนั้น ซองมินไม่ตอบเพียงแต่ไถลตัวลงไปนอนฟุบแบบเดิม ไอ้ข่าวบ้า ๆ บอ ๆ ที่นั่งฟังโรงเรียนประชาสัมพันธ์เมื่อเช้ายังคงติดแน่นอยู่ในหัว
“กะอีแค่น้องนุ่งจะบินไปอเมริกา...”ทงเฮพึมพำ ทำเอาซองมินเอาหัวโขกโต๊ะอีกโป๊ก”ปฏิเสธเค้ามาก ๆ ก็เงี้ย พอเค้าจะไปก็ใจหายเลย~~”
โป๊ก !!!
“ฉันไม่ได้พูดให้นายเอาหัวโขกโต๊ะซะหน่อย”
“ไอ้ปลา หุบปาก”ซองมินสั่งเสียงเขียวพลางแง่ง ๆ เอากับโต๊ะ จะบ้าตายอยู่แล้วกับไอ้ความรู้สึกที่วนเวียนอยู่ในหัว ใครวะสั่งให้มันสอบชิงทุนเพี้ยน ๆ จนได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา ไอ้เขาก็ตั้งใจฟังบ้างไม่ฟังบ้างอยู่แล้วตอนประกาศของโรงเรียน ได้ยินแต่ทุน ๆ แล้วก็อเมริกา มาตาสว่างเอาตรงคำว่า’โจคยูฮยอน’
มันจะไปแล้ว
ดีใจโว้ย
แต่หน้าดีใจโว้ยของซองมินกลับดูซึมกะทือเหมือนกระต่ายขาดฟักทอง จนเริ่มมีคนทักแล้วว่าเพื่อนคนไหนตาย จนโดนสายตาจิกกัดจากซองมินกลับไปนั่นแหล่ะถึงได้เงียบเสียง ไอ้คุณอีทงเฮก็ไม่เคยช่วยอะไรได้ ได้แต่หงุงหงิง ๆ กับคิมคิบอมมันทั้งวันนั่นแหล่ะ
“โว๊ยยยยย”ร่างเล็กแหกปากเสียงดัง จะเอาหัวโขกโต๊ะอีกไม่ได้เพราะมันก็เจ็บ ทั้งห้องหันมามองจนเงียบกันไปครู่นึง”มองหาพ่อรึไงวะ!!”
นั่นแหล่ะ ทั้งห้องเลยหันกลับไปหาพ่อของตัวเองต่ออย่างรวดเร็ว ทงเฮอมยิ้มหน่อย ๆ กับท่าทางหงุดหงิดของซองมิน ประตูห้องเลื่อนเปิดช้า ๆ แต่ร่างบางก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่ทั้งห้องก็เงียบไปอีกรอบเท่านั้น ซองมินเองก็รู้สึกแปลก ๆ สังหรณ์ไม่ดีอย่างไรชอบกล เพราะได้ยินเสียงหัวเราะคิก ๆ ของทงเฮประกอบด้วยอีก
ถึงได้เงยหน้า อ้าปากค้างแบบนี้
“สวัสดียามบ่ายครับผม”ไอ้เด็กกวนตีนโกอินเตอร์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ซองมินหน้าขึ้นสีด้วยอัตราการไหลเวียนเลือดที่เร็วสุด ๆ”หงุดหงิดขนาดนั้นเลย?”
“หงุดหงิดอะไรวะ!!”คนไม่หงุดหงิดตวาดกลับไปอย่างหงุดหงิด ร่างสูกงว่าโคลงหัวเบา ๆ เป็นเชิงกวนประสาท
“ก็ผม...จะเที่ยวที่อเมริกา..”
“ไปเล๊ย ไปเล๊ยยย ไปอ่ะดีแล้ว ไปให้มากกว่าหนึ่งปีนะ แล้วฉันจะมีสุข!!”ซองมินบอกเสียงเขียว คยูฮยอนชะงักไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาส่องประกายประหลาด
“หนึ่งปี?”
“หนึ่งชาติก็ได้ ไปไป๊ คนจะนอน!!”ซองมินโบกมือไล่คนที่ยืนยิ้มกว้างพิลึก ๆ อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ในใจจะสดชื่นขึ้นก็เถอะ เจ้าตัวได้แต่เหมาสรุปว่าเพราะได้ด่าโจคยูฮยอนถึงได้รู้สึกดีขึ้นล่ะมั้ง”เอ้า ไล่ไม่ไปอีก”
“อยากให้ไปจริง ๆ เหรอ”คำถามกำกวมเรียกให้เพื่อนบางคนในห้องส่งเสียงวีดวิ้วอย่างชอบใจ คยูฮยอนที่ดูยังไงก็น้องปีแรกบุกเข้ารุ่นอาวุโสมายุ่งกับกระต่ายจอมวีนได้ถือว่าสุดยอดที่สุด”พี่อยากให้ผมไปจริง ๆ ?”
“เออ!!”ซองมินตวัดเสียงกลับ แต่ก็ต้องหน้าแดงเมื่อเจอคำพูดต่อมาของคยูฮยอน
“แล้วพี่ไม่คิดจะรับผิดชอบผมหน่อยเหรอ...”
เท่านั้นแหล่ะ ทั้งห้องก็ขำกระจาย ซองมินยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากกระตุกหน่อย ๆ เหมือนอยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก แต่จริง ๆ เจ้าตัวกำลังกลั้นยิ้มอยู่ ไม่เข้าใจตัวเองที่พูดความจริงออกไปไม่ได้เสียที กับอีแค่คำว่า ‘ไม่อยากให้ไป’ ก็ไม่มี ไม่พูด ไม่เอา ไม่บอกเสียแล้ว
“ซองมิน...ไปทำน้องเขาท้องตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”เยซอง แฟนหนุ่มของหัวหน้าห้องของเขาตะโกนแซวเสียงดัง ซองมินหันไปแยกเขี้ยวใส่
“ทำรยออุคท้องไปก่อนเหอะไอ้เต่าขาสั้น !!”
“ใจร้ายยยยย”เยซองส่งเสียงล้อเลียน จะว่าไป เจ็บไม่น้อยที่โดนเรียกว่าเต่าขาสั้น”งั้น...หรือว่านายท้องเสียเองล่ะซองมิน~~”
“ไอ้...”ซองมินด่าไม่ออก พอมาเจอกับสีหน้ายิ้ม ๆ ของคยูฮยอนยิ่งแล้วใหญ่ ร่างบางหันไปอีกทางแล้วกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้อง คยูฮยอนเดินตามไปทันทีโดยมีเสียงเชียร์ไล่หลัง
“สู้ ๆ นะคยูฮยอน...~”
“ซองมินก็ปากแข็งเงี้ยแหล่ะ ง้าง ๆ มันหน่อย”
“ขอบคุณครับผม”ร่างสูงหันมาโปรยยิ้มให้ ทำเอาสาว ๆ หลายคนในห้องหัวใจจะ’วาย’ และเมื่อสองคนนั้นออกจากห้องไป สาวหลายคนก็หันมาสุมหัวเม้าท์ทันที ลืมข้อพิพาทที่เคยมีเรื่องหมั่นไส้อีซองมินไปเสียหมด พอมาเจอหัวข้อที่ตนเองชอบ
“แสดงว่าข่าวจากซันนี่ไม่ผิดใช่มั้ยเจสสิก้า?”
“ยัยนั่นการันตีมาอย่างดีเลยล่ะฮโยยอน ที่สุดของที่สุด คยูมินนนน”
จีอากำลังฮัมเพลงสบายใจอยู่คนเดียว ร่างผอมบางจัดการวางอาหารลงบนโต๊ะกินข้าวด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ ไม่ได้สังเกตสายตาเย็นยะเยือกที่มองตรงมาจากลูกชายคนโต ฮันกยองมองตรงไปที่เรือนผมสีสว่างเหมือนลูกชายของเธอด้วยสายตาที่มองได้ว่าเกลียดชัง รู้สึกรังเกียจผู้หญิงมากรักคนนี้เหลือเกิน คนประเภทไหนกันนะที่หลอกครอบครัวตัวเองได้หน้าระรื่นแบบนี้
น่าขยะแขยง น่าสมเพช แล้วพ่อกับฮยอกแจจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ความจริง
แต่เขาก็ทนให้ทุกฝ่ายทำตัวแบบนี้ไม่ได้
....จะทำอย่างไร
“อ้าว...ฮันกยอง”จีอาหันมาทักให้คนที่อายุห่างกับตัวเองยี่สิบกว่าปี”มาช่วยแม่จัดของหน่อย เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว”
“เรียกตัวเองว่าแม่ได้ด้วยเหรอ?”
“...อะไรนะ?”จีอาทำหน้าไม่แน่ใจกับคำพูดเรียบ ๆ ที่เพิ่งได้ยินไป สายตาของคนที่เป็นเหมือนลูกชายมองตรงมาทำให้รู้สึกหนาวแปลก ๆ ตัวเย็นวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในใจหวนกลับไปถึงเรื่องโกหกที่ตนเองปิดไว้ทันที แต่ความคิดนั้นก็เลือนหายไปพร้อมกับการพยายามปลอบใจตัวเอง
“ยังไม่รู้ตัว?”ฮันกยองก้าวเข้ามาจากมุมมืดพลางทักเสียงเย็น มองหน้าคนที่นับเป็นแม่มานานนับสิบกว่าปี”อย่ามาเรียกตัวเองว่าแม่กับผม”
“ฮันกยอง...พูด...ลูก...พูด...เรื่องอะไร...”จีอากลืนน้ำลาย รู้สึกมือสั่นปากสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ภาพตรงหน้าดูหมุนนิด ๆ
“แล้วก็อย่ามาเรียกผมว่าลูก”ร่างสูงสวนตอบ มองใบหน้าสวยที่ซีดขาวของจีอาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วเบือนไปทางอื่น ไม่อยากมองมากกว่านี้เพราะเค้าโครงนั้นทำให้นึกถึงฮยอกแจ”ให้บอกพ่อเลยไหมล่ะ หรืออยากเสียเวลาคิดลายเซ็นในใบหย่า”
จีอาแทบหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าเรื่องที่คิดไว้ถูกต้อง จอนอิลเองก็เป็นคนที่เธอรัก แต่อีกคนเธอก็รัก เธอขาดใครไม่ได้ซักคน ร่างเล็กถอยหลังจนชนจานสีขาวเปล่า ๆ หล่นลงพื้น เสียงเพล้งดังไปทั่วห้องเงียบ ๆ ฮันกยองยังคงมองตรงมาด้วยแววตาแบบเดิม
กดดันเสียจนแทบหายใจไม่ออก
เหมือนโลกกำลังแปรเป็นสีสันน่าเวียนหัว แม่ของฮยอกแจทรุดตัวลงจนหัวเข่ากดเข้ากับเศษแก้ว หยดเลือดซึมออกมาตามปากแผล ร่างบางอ้าปากหายใจหอบถี่รัว น้ำตาไหลพรากตามออกมาด้วย ฮันกยองยังไม่ขยับตัว ยืนยิ้มมุมปากอยู่แบบนั้น
“สำออยทำไมล่ะ...ลุกสิ? พ่อผมไม่ได้อยู่ที่นี่รอช่วยคุณนะ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปเรียกให้หญิงสาวอ้าปากหายใจหอบมากขึ้น หัวใจเต้นถี่รัวจนแทบระเบิด ความร้อนในคอพุ่งสูงขึ้นจนน่ากลัว น้ำใส ๆ รสเปรี้ยวสำลักออกมาจนเฝื่อนคอไปหมด”เนียนดีนะ...?”
ฮันกยองได้แต่มองจีอาทรมานอยู่แบบนั้น ในใจมีแต่ความเกลียดชังเสียจนเขารู้สึกว่ามันง่ายดายมากที่จะไม่ใส่ใจอาการจะเป็นจะตายของหล่อน รางสูงก้าวเท้าถอยหลังไปช้า ๆ พลางทิ้งสายตาสมเพชไว้ให้คนที่ทรมานอยู่บนพื้น
“...ช่วย..ด้วย...”
“ช่วย...”ร่างสูงแย้มยิ้ม”เตรียมใบหย่าหรือมรณบัตรดี?”
“ฮันกยอง..ลูก...ขอร้อง...”จีอาเสียงสั่นครือเสียจนฟังไม่ออก โรคหอบขั้นรุนแรงที่เธอเป็นกำลังแสดงฤทธิ์ออกมาช้า ๆ ร่างสูงได้ยินเรียกนั้นก็หันหลังให้เดินออกไปจากห้องทันที ได้ยินเสียงอะไรตกแตกเหมือนผู้หญิงคนนั้นพยายามขอความช่วยเหลือ และไม่นานก็นิ่งไป
เลิกมารยาได้แล้วล่ะมั้ง พอใจแล้วล่ะสิ?
ร่างสูงมองไปทางครัวด้วยสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย สะใจก็จริง แต่ถ้าคิดในแง่คนดีมันก็ไม่สมควร อย่างน้อยผู้หญิงแพศยาคนนั้นก็เลี้ยงเขามาหลายปีอยู่
แต่ใครมันจะสน
ร่างสูงอ้าปากหาวและตัดสินใจจะออกไปนอกบ้าน ก่อนปิดประตูก็ไม่วายมองเข้าไปในห้องครัวอีกนิดแล้วกระแทกประตูเสียงดัง ฮยอกแจไปหาคยูฮยอนยังไม่กลับ เดี๋ยวกลับมาอีกทีค่อยก่อสงครามประสาทกับจีอาเล่น คงสนุกดีไม่น้อย ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อหน้าสามีและลูกสุดที่รัก
ก้าวออกจากบ้านได้ก้าวเดียวก็เจอคนที่กำลังคิดถึง ฮยอกแจยิ้มหน้าบานเดินเข้ามาหาพร้อมหนังสือหอบใหญ่ในมือ ร่างสูงเอื้อมมือออกไปรับอย่างรู้งานและยิ้มน้อย ๆ ให้ร่างบาง
“ไปไหนมาล่ะ?”
“ฮยอกแจไปบ้านไอ้..เอ่อ...คยูฮยอนมา”น้องชายคนน่ารักรายงานเสียงใส พลางอมยิ้มนิด ๆ ให้ดูน่ารัก ฮันกยองเบือนหน้าหนีไปอีกวูบเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะ”กลับมาแล้ว”
“รู้น่า”อดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางอ้อนเหมือนเด็ก ๆ ของฮยอกแจ ร่างบางวิ่งไปเกาะแขนพี่ชายอย่างอารมณ์ดี รู้สึกดีทุกทีที่อยู่กับคน ๆ นี้ ถึงแม้เมื่อครู่จะโดนไอ้เพื่อนรักกวนตีนเรื่องมันจะไปอเมริกาก็เถอะ”เดี๋ยวนี้อ้อนใหญ่นะเรา”
“ชอบให้ตามใจ”บอกตามตรงและพยายามลากให้ฮันกยองเข้าบ้าน ร่างสูงขืนตัวไว้นิด ๆ เพราะอยากจะให้เวลาแม่ของคน ๆ นี้เก็บข้าวเก็บของอีกหน่อย จะได้สมจริงมากขึ้น”แล้วพี่...ไปไหนมา?”
“ความลับ”
“พี่ฮันกยองอา ~~”ตีไหล่ร่างสูงดังผัวะอย่างไม่พอใจ ฮันกยองหัวเราะขำ”ยังมาเล่นไป อาทิตย์หน้าสอบกลางภาคแล้วนะ”
“เร้วเร็ว”ร่างสูงวิจารณ์ รู้สึกเหมือนเพิ่งเปิดเทอมมาได้อาทิตย์เดียว”นี่พี่เรียนผ่านมาตั้งเดือนสองเดือนแล้วเหรอ”
“เรียนอะไรไปบ้างล่ะ พอถึงเวลาก็จะโวยวายเหมือนเมื่อก่อนอีก”ร่างบางยิ้มเมื่อนึกถึงอดีตชาติสมัยฮันกยองเฉื่อยกว่านี้”ตลกน่าดูแหล่ะ...เอ๊ะ เสียงอะไรน่ะ”
ฮยอกแจหยุดนิ่ง ได้ยินเสียงอะไรแตกดังเพล้งมาแต่ไกล เสียงนั้นไม่ใช่เสียงปกติ มันกลับทำให้เขารู้สึกบาดใจอย่างไรก็ไม่รู้ ใจหวิว ๆ เหมือนสังหรณ์ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี ฮันกยองมุ่นหัวคิ้วน้อย ๆ
ท่าทางเรื่องนี้จะไม่ดีเสียแล้ว
“เหมือนอะไรแตก...อ่า ไม่มีใครอยู่ในบ้านใช่ไหมพี่ชาย?”ฮยอกแจหันมาถามด้วยใบหน้าที่ขึ้นแววเครียดน้อย ๆ”มีมั้ย?”
“อ่ะ...เอ่อ...เหมือน..แม่จะอยู่”ฮันกยองบอกเสียงแผ่ว ไม่อยากเรียกด้วยคำ ๆ นั้นแต่จำใจต้องทำ ฮยอกแจทำหน้าโล่งอกและผลักประตูบ้านเข้าไป
“แม่ก็ซุ่มซ่ามแบบนี้เรื่อยแหล่ะ”
“อื้ม...”ฮันกยองรับตามและก้าวตามไปด้วยกัน แต่ก็ต้องตกใจตามคนข้างหน้า ใบหน้าหวานของฮยอกแจขาวเผือดเหมือนหินอ่อนเย็นยะเยือก ร่างบางอ้าปากน้อย ๆ เพื่อที่จะเรียกแต่ไร้เสียงพูดเมื่อร่างของใครคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางแก้วที่แตกกระจาย เลือดจาบาดแผลที่ขารินไหล ใบหน้าของอีจีอาซีดเสียจนน่าใจหาย ฟองขาว ๆ ไหลตามมุมปากเพิ่งแห้งเหือดไปในไม่ช้า...
“
.แม่”ในที่สุดฮยอกแจก็กระซิบออกมา ก่อนที่ร่างเล็กจะโถมตัวเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่บนพื้นโดยไม่เกรงกลัวว่าเศษแก้วจะทิ่มฝ่าเท้า ฮํนกยองยังนิ่งอยู่ตรงนั้น ซึมซาบความผิดที่ตนเป็นสาเหตุ ร่างบางยื่นนิ้วที่สั่นระริกไปอังใต้จมูก ก่อนที่แขนจะตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
“
พี่ชาย”ฮยอกแจพูดเสียงเบา”แม่ไม่หายใจ....”
“อะไรนะ...”ร่างสูงแทบจะหยุดหายใจตามกันไปจริง ๆ เขารีบฝ่ากองแก้วเข้าไปคว้าข้อมือจีอาขึ้นมา ปากก็สั่งน้องชายเสียงเฉียบขาด”โทรเรียกรถพยาบาล โทรบอกพ่อ เดี๋ยวพี่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน ใจเย็น ๆ นะ”
ฮยอกแจพยักหน้ารับคำพลางรีบวิ่งออกไป ในนัยน์ตายังคงมีใบหน้าที่นัยน์ตาเหลือกขึ้นไปด้านบนของแม่ ริมฝีปากที่เคยยิ้มให้เขาซีดจนเหมือนศพ ในใจครึ่งหนึ่งยังมีความหวัง ความหวังที่มีเสมอเมื่ออยู่กับพี่ชาย แต่อีกใจหนึ่งก็ยืนยันความเป็นจริง
แม่ของเขาตายแล้ว
คิบอมนั่งพลิกสร้อยข้อมือสีเงินด้วยความสนใจ นั่งครุ่นคิดถึงชื่อที่สัลกอยู่ รอยสลักจางลงจนมองแทบไม่ค่อยเห็น นั่งคิดเพลิน ๆ ได้ซักพักก็กลายเป็นว่านั่งเหม่อแทน คิบอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อใบหน้าของใครบางคนหวนกลับเข้ามาในความทรงจำ
ประตูห้องเปิด ร่างสูงเหลียวไปมองด้วยความคิดแปลก ๆ ที่ว่าคนเข้ามาจะเป็นคนยิ้มง่ายคนนั้น แต่ไม่ใช่ คิมฮีชอลเดินถือขนมติดมือเข้ามาอย่างเคย พี่ชายที่แสนดีแค่คิดได้ว่ายังมีน้องคนนนี้อาศัยอยู๋บนโลกเท่านั้นเองถึงได้มาหา
“ดูอะไรอยู่วะ”พูดได้ไพเราะจริง ๆ ฮีชอลทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ น้องชาย พลางแกะอมยิ้มไปด้วย”ข้างนอกไม่มีอะไรทำ”
“ก็ไปทำงานสิ บอกเค้าทำโอที”คิบอมก็ตอบกลับอย่างเจตนาไล่ ร่างบางยกเท้าขึ้นถีบน้องชายเบา ๆ แลวถอนหายใจ คิบอมเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เมือ่ก่อนคงเห็นเขาเป็นอากาศธาตุ พูดอะไรก็ทะลุหูหมด แต่ตอนนี้กลับมีอะไรตอบรับกลับมา เป็นสิ่งที่น่ายินดีจริง ๆ
“เป็นโฮสต์สนุกแต่เหนื่อยเว้ย”
“เงินดีนี่ ถึงว่าพี่หนีไปเที่ยวแล้วไม่ติดตัวแดง”คิบอมสวนกลับพลางโยนสร้อยในมือขึ้นลงเล่น ฮีชอลแยกเขี้ยว สายตาพอสบเข้ากับวัตถุในมือร่างสูงทันที มือเล็กรีบคว้ามันเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว
“ของไอ้ปลาทะเลโอเมก้าสามน่ะเหรอ”
คิบอมสั่นหัวพลางยิ้มน้อย ๆ กับฉายาของทงเฮที่ฮีชอลใช้ซีรีบรัมส่วนลึกล้ำคิดค้นขึ้นมาอีกอัน ฮีชอลจับไปที่จี้สีเงินรูปดาวแล้วพลิกไปรอบ ๆ ก่อนที่จะสะดุดตากับชื่อลางเลือนบนนั้น
“อิมยุนอา....ใครวะ แอบมีหรือไง”ฮีชอลพลิกไปอีกด้านแลวชะงักนิ่งไป ใบหน้าหวานดูครุ่นคิดว่าชื่อที่ตนได้ยินคือใคร คิบอมขมวดคิ้วและตัดสินใจปล่อยมันไป ไม่มีใครสังเกตประตูห้องคิบอมที่กำลังเปิดช้า ๆ เลย อีทงเฮที่กำลังจะเดินเข้ามาได้แต่หยุดนิ่งเมื่อเห็นท่าทางที่ดูซีเรียสกันทั้งสองคนนั่น ตั้งใจจะเดินออกไปเพื่อมารยาทที่ดี...แต่ก็ต้องหยุดเดินเมือ่ได้ยินชื่อของคนที่ตนสงสัย
“ใคร?”คิบอมชิงถามขึ้นมาเอง ฮีชอลหันมามองหน้าแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจำไม่ได้จริง ๆ หรือ ร่างสูงส่ายหน้าตอบกลับ
“ยุนอา คู่กรณีนายคราวนั้น...อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้”คิบอมพยักหน้าตอบรับ ทงเฮเลิกคิ้ว คู่กรณี...เรื่องอะไร ?”ที่นายไปขับชนเขาแล้วเขาตายไปแล้วน่ะ”
“หา?”คิบอมตาเบิกกว้าง ความจริงที่พี่ชายของตนยืนยันออกมาดูเลือนลาง อิมยุนอา...คนที่เขาขับรถชน คนที่เขาเผลอทำให้จากไปโดยไม่ได้ตั้งใจพร้อมกับอดีตคนรักของเขา และยุนอา....คนที่ทงเฮต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตาให้”ตาย?”
“เออเด่ะ แต่สุดยอดมิราเคิล...เอ่อ...โทษที”เผลอออกท่าทางมากไปหน่อย กลัวจะไปเตือนใจไอ้คนรักฝังจิตอย่างคิมคิบอมเลยสงบเสงี่ยมลงมานิด ฮีชอลยังคงนั่งทวนความจำต่อไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจท่าทางผิดแปลกของคิบอมเลย”จำชื่อเขาไว้หน่อยเถอะ เขาเป็นคนบริจาคตาให้นายนะ”
“...อะไรนะ...?”เสียงของคิบอมแผ่วเบาจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยิน
“...อ้าว ตอนรถชนนายตาบอด ไม่ใช่หรอก กระจกตามีปัญหามั้ง เค้าเลยเอาของยุนอามาให้นายแทน...นั่นแหล่ะ หือ?”ฮีชอลว่าจบก็หันไปหาต้นกำเนิดเสียงแปลก ๆ จากฝั่งประตูห้อง ทงเฮที่เผลอยกมือจะพยุงตัวเองผลักประตูเข้ามา ใบหน้าหวานซีดลงจนน่าเป็นห่วง ฮีชอลเองก็หันไปมองคิบอมแล้วก็ต้องแปลกใจ อีกฝ่ายก็ไม่แพ้กัน ซีดกันจนน่ากลัว”เป็นอะไรกันไป?”
คิบอมยกมือขึ้นจับนัยน์ตาของตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นความผูกพันของอีทงเฮ บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความคุ้นเคยที่ทำให้อีกฝ่ายดูแลเขา คิดได้แค่นั้นก็รังเกียจนัยน์ตาที่ไม่ใช่ของตัวเองจนอยากจะควักมันทิ้ง ๆ ไป ฮีชอลลุกขึ้น ตั้งใจว่าจะออกจากห้อง แต่เมื่อยืนข้นตัวสร้อยก็หล่นลงมาจากตัก ทงเฮที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นก็คว้ามาดูโดยสัญชาตญาณ
“...ยุนอา...”เสียงของทงเฮสั่นครือ ภาพความทรงจำที่น่าปวดหัวกำลังดับ ๆ ติด ๆ อยู่ในหัว ทุกอย่างรุมเร้าเข้ามาจนรู้สึกว่ากำลังจะระเบิด”ยุนอา...อย่าไปนะ...”
“ทงเฮ?”ฮีชอลชักไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้ำตาที่รินไหลลงมาตามแก้มของทงเฮเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่อาการกลับน่าเป็นห่วง คิบอมอีกเช่นกัน เจ้าตัวก็เงียบสนิทไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่หน้ากลับเย็นชาเสียจนน่ากลัว”เฮ้ย...เป็นอะไร...”
ร่างบางยังคงพร่ำเรียกชื่อเจ้าของสร้อยอยู่แบบนั้น รู้สึกจี๊ดขึ้นมาตามเส้นประสาท ชาไปหมดทุกส่วน ไล่เรื่อยจากปลายนิ้วมือมาเสียจนขยับตัวไม่ได้ ทงเฮเริ่มหายใจติดขัด คิบอมเห็นแบบนั้นก็กระโดดผลุงขึ้นแล้ววิ่งมารับร่างบางที่กำลังโซเซ มือขาวยังคงกำสร้อยสีเงินไม่ปล่อย
“ไปเรียกหมอ”สั่งฮีชอลโดยไม่ได้หันมามองหน้า ก่อนที่จะโอบทงเฮเข้าแนบกับไหล่ ทงเฮยังคงหายใจติดเหมือนเดิม ตัวเย็นเสียจนน่าเป็นห่วง นิ้วขึ้นข้อขาวเพราะกำแน่นจนเกินไป ริมฝีปากบางสีซีดยังคงเอ่ยชื่อคน ๆ เดิม...
ทำไมต้องเจ็บปวดขนาดนี้
ทำไมต้องว่างเปล่า แล้วอีกวินาทีหนึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำ
ปวดหัวไปหมดแล้ว
ร่างบางหลับตาก่อนที่สติจะดับวูบ คิบอมพยุงร่างนั้นไว้ สีหน้าเครียดจัด มือเอื้อมไปปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้น วิ่งออกไปหาฮีชอลที่กำลังวิ่งขึ้นมาบอกเรื่องรถพยาบาล และเรื่องสุดท้ายที่ทับถมความเลวร้ายทั้งหมดให้ทวีคูณขึ้นไปอีกก็คือสายตาของคิบอม
ภาพเริ่มเลือน และเขากำลังปวดนัยน์ตา
มันกลับมาแล้ว มันกลับมาหลังจากงานสตรีนนท์นิทรรศแล้วววว โฮกกกกกก
เหนื่อยไปไหน ฮือ T T
โคพเยอะมาก ที่จริงมีวงดนตรีอยู่อีกฟาก แต่ที่ไปดูคือเด็กร.ร.อื่นแล้วมีผช.เยอะ แต่ผญ.ส่วนใหญ่มากระจุกอยู่ตรงโคฟเวอร์
ร.ร.เราคนชอบแบบนี้เยอะมาก 55
According to last chapter
(= =)
นางสาวน.นามสมมติ : มึง ทำไมรถเมล์ไม่มาวะ
นางสาวฝ. นามสมมติ : อ. อย่าเล่นแบบนี้เด่ะ
นางสาวอ. นามสมมติ : ฝ. มานี่เดี๋ยวนี้นะ !!
มีนเอง : พวกมึงเล่นอะไรกัน - -
นางสาวอ. + ฝ. นามสมมติ : กรี๊ดดดดดดดดดดด (มันเล่นอะไรไม่รู้อ่ะ กรี๊ดลั่นป้ายรถเมล์)
มีนเอง : = =
นางสาวน. นามสมมติ : พวกมึงจูบกันทำไมมมมมม
นางสาวฝ. นามสมมติ : จูบแรกของกู TOT
นางสาวอ. นามสมมติ : (ขยี้ปาก ควานหาแอลกอฮอล์) ฮืออออออออออออออออออ
ทำให้รู้ว่าคยูมินจูบกันคงประมาณนี้ โคตรฮาอ่ะ เราได้แต่หลบมุมเพราะอาย 555
ปก !! มันออกมาแล้ว
สวยมั้ย 555
ยอดน้อยก็ทำ ไม่น้อยก็ทำ กระแดะทำ ฮิ้ววววววว
ดูหน้าก่อน อาจจะทำราคาถูกไปเลย ซักสามร้อยหน้าก็ขายสองร้อยอะไรงี้ 55
| ||||
| ||||
Name : superman [ IP : 124.157.144.154 ] |
| ||||
| ||||
Name : ,,MINPOADZ [ IP : 58.9.122.218 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : [v]anila`< My.iD > [ IP : 210.1.21.132 ] |
| ||||
| ||||
Name : [v]anila`< My.iD > [ IP : 210.1.21.132 ] |
| ||||
| ||||
Name : พรายน้ำ [ IP : 61.90.87.62 ] |
| ||||
| ||||
Name : เอมิลี่ [ IP : 58.8.127.174 ] |
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 118.173.241.232 ] |
| ||||
| ||||
Name : SungEun~< My.iD > [ IP : 64.255.180.139 ] |
| ||||
| ||||
Name : Clier [ IP : 124.121.218.171 ] |
| ||||
| ||||
Name : love_simcin< My.iD > |
ความคิดเห็น