คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : {part 13} Mind
13
Mind
นางฟ้าของเขากำลังบอกเล่าเรื่องราวในช่วงเดือนที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน ซีวอนตั้งใจฟังด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ เมื่อใดที่ได้เห็นอีทงเฮยิ้ม เขาก็รู้สึกดีเสมอ ยิ่งไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเมื่อก่อนยิ่งคิดถึง ไม่มีคำว่ารำคาญ แต่เป็นเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้อง
“นี่นะ ตอนแรกที่พี่เห็นคิบอมเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก”ทงเฮทำสีหน้าประกอบและจิ้มส้อมลงกับเนื้อเค้กสีขาวเป็นการใส่อารมณ์”สยดสยอง หน้างี้ดุเชียว”
แต่ไม่พอใจหน่อย ๆ ตรงที่ทงเฮออกมากับเขาแล้วพูดแต่เรื่องคิบอม
ร้อยเปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่อีทงเฮเล่า เป็นชีวิตของร่างบางซะสิบ ที่เหลือเป็นคิมคิบอม
สนใจอะไรมากมาย
“ยุนอา ยัยคนนั้นน่ะแปลก”ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน ภาพคล้าย ๆ กันกำลังฉายซ้ำ ทงเฮนั่งพูดถึงอิมยุนอา เด็กสาวคนใหม่ที่เจอในชมรมดนตรีของตนเองโดยที่มีเขานั่งฟังเหมือนเดิม”พูดมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะร้องเพลงเพราะ”
“สนใจอะไรเขาล่ะ”ซีวอนประชดกลับไป รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรพิกล ทงเฮส่ายหัวแล้วทำหน้ามุ่ย ซีวอนก็ได้แต่คิดว่าอย่าให้เป็นแบบนั้น เพราะถ้าอีทงเฮกับอิมยุนอาคู่กันแล้ว...
ในสายตาเขามันเหมือนเพื่อนสาวเสียมากกว่า
“ไม่มีทาง ยุนอานั่นยกให้คนอื่นไปเถอะ”
เหมือนทุกอย่างกำลังย้อนกลับไปเรื่อย ๆ จากอุบัติเหตุเมื่อเดือนก่อนทำให้ทงเฮสูญเสียยุนอาไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อคนตัวเล็กรู้ข่าวก็ได้แต่ช็อค เหมือนเคราะห์กรรมกระหน่ำซ้ำซ้อน เมื่อทงเฮเห็นสภาพศพของยุนอาก็ได้แต่นิ่งไป และสุดท้าย..อาการนั้นก็กลับกลายเป็นช็อคจนสลบ แปรเปลี่ยนเป็นความจำเสื่อม เหมือนเรื่องในนิยายที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิด
ตั้งแต่นั้นมา...ทงเฮก็ถูกส่งมาอยู่ที่นี่เพื่อพยายามลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับยุนอา ในตอนแรก ๆ ที่ทงเฮฟื้นขึ้นมา เพียงแค่ได้เห็นหรือได้ยินชื่อก็ปวดหัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น แพทย์บอกว่าเป็นการปฏิเสธความจริงที่ทำร้ายจิตใจเจ้าของความทรงจำ จึงต้องให้ทงเฮมาเจอกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ และห่างไกลจากเรื่องราวในอดีตของหนึ่งปีที่ผ่านมา...
และซีวอนก็เคยมีความหวังที่น่าละอาย
ถ้าเธอคนนั้นตายไปแล้ว เขาอาจจะมีสิทธิ์
แต่จนถึงตอนนี้...พอทงเฮได้พบกับคน ๆ นั้น เขาถึงได้รู้ว่า...
นางฟ้าองค์นี้ที่เขาเฝ้ามองมานานหลายปี...ไม่เคยมองลงมาเลย
“ตอนแรกพี่ฮีชอลบอกว่า”ทงเฮยังคงเล่าต่อไปเรื่อย ๆ และจิ้มเค้กในจานด้วยความเร็วพอกัน ซีวอนยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้ยินชื่อของตุ๊กตาแสนสวยคนนั้น”คิบอมเค้ารถคว่ำมาแล้วมีปัญหาอะไรกับตานั่นแหล่ะ แฟนเค้าก็ตายเลยทำหน้าได้เย็นเป็นขั้วโลกแบบนั้น”
“รถคว่ำเหรอ?”
“ชนใครซักคน แล้วแฟนเค้าก็พิการเลยฆ่าตัวตาย รันทดชะมัด”ทงเฮวิจารณ์ ซีวอนส่ายหัว ไม่ได้ดูเรื่องของตัวเองเล๊ย”คิบอมไม่ค่อยยิ้มหรอกตอนแรก แต่พอฉันเข้าไปเล่นตลกคาเฟ่ให้ดูเขาถึงได้ยิ้มขึ้นมาบ้าง ฉันเป็นคนดีล่ะสิ”
ร่างบางยิ้มหวานภูมิใจ ซีวอนขำพรืดกับสีหน้าภูมิใจอย่างที่สุดของทงเฮ แต่ในใจก็อดกังวลไม่ได้กับรอยต่อของเหตุการณ์ที่เคยคุ้นจนน่าประหลาดใจ ทงเฮค้อนหน่อย ๆ พลางเปลี่ยนเรื่องไปหาอีกคนแทน
“ซีวอน...เมื่อเช้าเห็นพี่ฮีชอลมั้ย”
ร่างสูงพยักหน้า อยากจะบอกว่าเขาทำมากกว่าเห็นเสียอีก
“นั่น...อะไรแดง ๆ เต็มเลย”ทงเฮลดเสียงลงอย่างเป็นความลับ ทำให้ร่างสูงยื่นหัวเข้าไปฟังใกล้อีก”ใช่อย่างที่ฉันคิดมั้ยอ่ะ ?”
“พี่คิดอะไรล่ะ?”ซีวอนย้อนถามกลับไป ทำให้ทงเฮสบถเบา ๆ อย่างขัดใจ
“ก็นั่น รอยแบบนั้นอ่ะ เพื่อนฉันเคยพูดว่ามันจะมีกับผู้หญิงแต่ฉันไม่เคยเห็น แต่มันไม่ใช่ยุงกัดหรอก”ทงเฮบ่นอุบอิบ น่าเศร้าเหมือนกันที่จะพูดว่าเขาเป็นหนุ่มใสซื่อแบบนี้ ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงที่ไหน ได้แต่ฟังเพื่อนพูด ๆ กันอย่างเซ็ง ๆ
จีบใครก็ไม่เคยติดเสียแบบนั้น เศร้า
ซีวอนยิ้มน้อย ๆ และจิบกาแฟด้วยท่าทางของคุณชายมาดขรึม นึกถึงเรือนร่างขาวนวลที่แต่งแต้มไปด้วยรอยรักเป็นจุด ๆ ที่เกิดจากฝีมือเขา ทงเฮทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
“ไม่รู้ พี่ฮีชอลอาจจะแพ้อากาศ”ในที่สุดร่างสูงก็ตัดสินใจโยนความผิดให้ดินฟ้าอากาศเสียอย่างนั้น ทงเฮขมวดคิ้วแต่ก็พยักหน้า ด้วยเหตุผลที่ว่าคิมฮีชอลเป็นผู้ชายเลยยากจะเชื่อด้วยล่ะมั้ง
“ซีวอน...”ผ่านไปอีกพัก ทงเฮก็เรียกชื่อน้องชายอย่างอารมณ์ของคนเพิ่งนึกได้”อิมยุนอา...ใคร?”
คำถามนั้นเล่นงานให้คนฟังนิ่งไปอีกอึดใจ นัยน์ตาคมส่อแววตื่นตระหนกออกมาชั่ววูบแต่ก็เลือนหายไป ทงเฮที่คนนมเย็นในแก้วอยู่ก็ไม่ได้ทันสังเกต ซีวอนยังคงเงียบไม่ตอบคำถาม...จนเห็นว่าถ่วงเวลาไปไม่ได้ถึงตอบออกมาด้วยเสียงนิ่ง ๆ
“เพื่อนเก่าพี่ครับ”
“เหรอ...”ร่างบางนิ่งไปซักพักและถอนหายใจ เบือนหน้าออกไปมองหน้าต่างที่ฉายภาพผู้คนเดินขวักไขว่จากมุมสูง เจ้าตัวไม่ได้รู้หรอกว่าดวงตาคู่นั้นฉายแววเศร้าโศกออกมามากเพียงใด ถึงอีทงเฮจะจำอะไรไม่ได้...แต่ความรู้สึกลึก ๆ แล้วยังคงเดิม
“ผมว่ากลับเถอะ”ร่างสูงพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ทงเฮสะดุ้งเล้กน้อยและพยักหน้า ทั้งสองคนเดิมออกมาจากร้านกาแฟ ตั้งใจจะลงไปที่ป้ายรถเมล์ แต่อยู่ ๆ ทงเฮก็กระตุกแขนเสื้อซีวอนเสียก่อน
“ซีวอนนน นั่น!”ทงเฮร้องเสียงไม่ค่อยเบาเท่าไหร่นัก นัยน์ตาจับไปที่สองร่างที่กำลังเดินเคียงข้างกันอยู่”ฮ...ฮันกยองกับฮยอกแจ!!”
“ใคร?”ซีวอนไม่ได้ตั้งใจจะไม่แทรกนะ แต่เขาไม่รู้จักจริง ๆ บุคคลที่ทงเฮมองเห็น คนหนึ่งตัวสูงพอ ๆ กับเขา หน้าออกแนวจีน ๆ หน่อย ดูหวงคนข้าง ๆ มาก ส่วนคนข้าง ๆ ที่ว่าก็ตัวเล็กถ้าไม่ติดความสูงก็คงนึกว่าเป็นผู้หญิงตัดผมสั้นไปด้วยอีกคน
“เพื่อนพี่เอง”ทงเฮตอบ หยุดยืนชั่วครู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะทักดีไหม แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว”ไม่ต้องทักหรอก ยังไม่รู้จักกันดีพอ”
ซีวอนพยักหน้าและเดินนำออกไปจากตรงนั้น วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แปลกดี ทั้ง ๆ ที่เขาอยู่กับทงเฮ เขากลับคิดถึงหน้าคิมฮีชอลขึ้นมาเสียแบบนั้น
แปลก...
ร่างสูงเดินไปเรื่อย ๆ แทบไม่ได้มองทางเพราะในหัวมีแต่ใบหน้าหวานของใครอีกคนเข้ามารบกวน จนรู้สึกถึงสัมผัสหนัก ๆ ที่ไหล่ถึงได้หันไปมองคนฟาดเข้ามาซะสุดแรงเกิด ทงเฮยิ้มแหย ๆ และชี้มือไปอีกฝั่ง ซีวอนมองตามและเบิกตากว้าง
ไม่จริงน่า อะไรมันจะมาทับถมเอาป่านนี้
“เค้าเรียกนายน่ะซีวอน”ทงเฮบอกและเดินนำไปหาคนเรียก ซีวอนชะงักนิ่ง ลังเลในใจว่าจะเดินไปดีหรือไม่ แต่ตอนนี้จะดึงร่างบางออกไปก็ไม่ทันเสียแล้ว...
ทำไงได้ ดันมาเจอพี่ชายของอิมยุนอาตอนนี้ โชคร้ายซะจริง ๆ
ซองมินกำลังวิตกจริต มากเสียด้วย หลายวันแล้วที่เขามีช่วงเวลาสองอย่างสลับกัน หนึ่งจะเป็นเต็มไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย เดินย่ำไปมาได้ทั้งวัน ส่วนอีกแบบจะเป็นนอนเซื่องซึมอยู่บนเตียง คิดถึงคนใจร้ายคนนั้น...
คนไหนล่ะวะ
โจคยูฮยอน เล่นมนตร์ดำห่าเหวอะไรอีกวะเนี่ย สาปแช่งให้เขาเป็นบ้ารึไง
ซองมินเบ้ปากอย่างช้ำใจขณะที่นั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟา นอนกินคุ้กกี้กับอ่านการ์ตูนไปด้วย แม่ของเขากำลังเม้าท์อยู่กับแม่ของไอ้เด็กกวนตีนอยู่ทางโทรศัพท์ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยถึงได้ต่อบทสนทนายาวเป็นต่อยหอยได้ขนาดนี้ ชวนให้คิดถึงเมื่อก่อน ถ้าแม่ของพวกเขาสองคนกำลังคุยกัน คยูฮยอนก็จะวิ่งเข้ามาหาเขาแล้วทำอะไรน่ารำคาญใจเสมอ
แต่นี่อะไร เงียบสิ้นดี
“แย่ แย่ แย่ แย่”ซองมินทวนคำซ้ำไปมา ทำหน้าบูด ๆ แล้วบดคุกกี้เข้ากับชามสีขาวนวลจนมันป่นเป็นผุยผง เสียงแม่ของเขาเดินถือโทรศัพท์เข้ามาใกล้ เรดาร์ของอีซองมินก็ทำงานอัตโนมัติ
“ย้ายจริงเหรอเนี่ยมีโซ”ซองมินฟังก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ย้ายบ้านอีกล่ะสิ”ถ้าย้ายแล้วฉันจะข้ามไปคุยกับใครล่ะ ก็รู้นี่ไอ้คุณสามีฉันก็ยิ่งอยู่ติดบ้านอยู่”
นั่นไง ย้ายบ้านจริง ๆ ด้วย
ซองมินกัดคุกกี้ให้หักกลางชิ้นด้วยใบหน้าหงุดหงิดรำคาญ อยากจะโวยวายให้โลกแตกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หงุดหงิดเอามาก ๆ รำคาญใจ กระวนกระวาย สารพัดสารพันจะสรรหามากล่าว ได้แต่โทษไอ้เจ้าของใบหน้ากวนประสาทที่มาลอยวนอยู่ในสมองเป็นว่าเล่น
“คยูฮยอนออกไปข้างนอกนะ ลูกเธอชักเอาใหญ่แล้วนะ ไหนว่าตามใจเธอ...มีโซ โจวลีที่เราอยากได้ไม่รู้จะสำเร็จมั้ยนะถ้าซอง....อุ๊ย ซองมิน”คุณแม่ที่ยามคุยกับเพื่อนกลายเป็นวัยสะรุ่นอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นลูกชายทำหน้าบูดอยู่บนโซฟา”แป๊บนะมีโซ ทราบแล้วเปลี่ยน”
แผนอะไรวะ แม่นี่นับวันยิ่งแปลก
“ช่างมันเถอะ ฉันคงไม่มีปัญหาถ้าเธอย้ายบ้าน”อีฮันบยอล แม่ของซองมินบอกเสียงเศร้า ขัดจากประโยคเมื่อกี้ลิบลับ”แล้วคยูฮยอนล่ะ...ได้ข่าวจะไปอเมริกากับเธอด้วย”
นั่นแหล่ะ ซองมินหูผึ่งเชียว
“หาโรงเรียนเอาว่างั้นเถอะ แย่จริงเชียว แล้วลูกฉันจะไปทะเลาะกับใครล่ะ”ฮันบยอลถอนหายใจ อีซองมินก็โวยวายขึ้นเสียงดัง
“ให้ไอ้กวนตีนนั่นไปเลยแม่!!!”
“พูดแบบนี้คยูฮยอนเสียใจหมด...เอ หรือเขาอาจจะเข็ดจนย้ายก็ได้นะ ได้ยินใช่มั้ยมีโซ”ฮันบยอลบอกอีกฝ่าย ซองมินเอาหมอนอุดหู หงุดหงิดจนไม่อยากฟัง สุดท้ายแม่ของเขาก็เดินห่างออกไปจนได้ ร่างบางที่กำลังนอนเอาหมอนอุดหน้าก็ทนไม่ได้ วิ่งเข้าห้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหาเบอร์ของคน ๆ นั้น...
คนใจร้ายคนนั้น ที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร รู้แต่ใจร้ายมาก มากเสียด้วย
“อยู่ไหน”ร่างบางถามเสียงเข้มเมื่ออีกฝ่ายรับสาย
(“หน้าบ้าน เพิ่งกลับ”)ไม่มีเสียงบ่งบอกว่าดีใจเป็นปกติยามที่เขาโทรเข้าไปอย่างเคย ซองมินกัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วตัดสินใจสั่งเด็ดขาด
“เข้ามาบ้านฉัน ขึ้นมาบนห้อง เดี๋ยวนี้เลย!!”
สั่งเสร็จนั่งลงบนเตียง กอดอกแน่นจนดูน่าว่าจะใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อแกะออก รอต่อไปอีกซักแป๊บคนที่เขาเรียกหาก็เคาะประตูให้แปลกหูเล่น(ปกติเปิดผางทีเดียว และเขาก็ด่าทีเดียวด้วยเช่นกัน) คยูฮยอนเดินเอื่อย ๆ เข้ามาแล้วหยุดยืนมองหน้าเขา
เงียบ...เงียบสนิทจนได้ยินเสียงยุงร้อง
ซองมินไม่รู้จะพูดอะไรดี รู้แต่ยิ่งอึดอัดมากขึ้นทุกทีพอเห็นหน้าเฉย ๆ ของเด็กกวนประสาทคนนี้ พอมันกวนตีนเขาก็ไม่พอใจ พอไม่กวนเขาก็ไม่พอใจ เอาอะไรกับใจกันแน่ว่ะไอ้คุณ
“เป็นอะไรของนาย”คำถามแรกเสียงกระชากไปซักนิด คยูฮยอนเลิกคิ้ว ในใจอดอ่อนไม่ได้อีกครั้งจนต้องยิ้มออกมาบาง ๆ อุตส่าห์ตั้งใจจะเย็นชาให้อีกฝ่ายหงุดหงิดแล้วเชียว....แต่พอเห็นแบบนี้ก็อดเอ็นดูไม่ได้ ไม่เคยตัดใจได้เลยสินะ
“เปล่า”ร่างสูงยักไหล่ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ ซองมินขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืด เลือดลมไหลเวียนมาที่แขนหลังจากมันขดเข้าหากันมากเกินไป ร่างบางก้าวเท้าเข้าไปจนชิดอีกฝ่าย...ชิดกันจนเห็นนัยน์ตาที่ส่องประกายประหลาดของโจคยูฮยอน
“เปล่าที่ไหนล่ะ เป็นบ้าอะไร ทำไมต้องหลบหน้า ทำไมต้องไม่พูดกับฉัน”ซองมินพรั่งพรูออกมายาวเหยียด ท่าทางดูตบะแตกจนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป คยูฮยอนเริ่มปวดแก้มจากการกลั้นยิ้ม”แล้วมาทำท่าแบบนี้อีก กวนประสาท!!”
“ก็..พอผมพูดมากแล้วพี่รำคาญนี่”
“เออ รำคาญ รำคาญทั้งคู่นั่นแหล่ะ หงุดหงิด โอ๊ยยยยยย”สื่อความคิดในใจออกมาไม่ถูกจนต้องโวยวายออกมา มือบางออกอาการผลักไหล่ของคนที่สูงกว่าให้ถอยหลังไปเบา ๆ และนิ้วเรียวก็รวบคอเสื้อคยูฮยอนให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง”ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้ นายทำให้ฉันปวดหัว!!”
“ผมทำอะไรล่ะ”คนพูดโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ซองมินแก้มร้อนผ่าวอย่างหาสาเหตุไม่ได้ หัวใจเจ้ากรรมก็ดันทรยศเต้นตึกตัก แต่เขาก็รีบปัด บอกว่ามันเป็นแค่โกรธ...และตกใจต่างหาก”ผมก็แค่ทำตัวตามปกติ พอพี่ไม่อยากให้ยุ่ง..ผมก็ไม่ยุ่งไงล่ะ”
“นายมันบ้า!!”ซองมินตวาดใส่ มือกำคอเสื้อของคยูฮยอนให้แน่นขึ้นจนปลายจมูกแตะกัน เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าวาบผ่านตัว ร่างบางเผลอปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจและเข่าอ่อนขึ้นมาเสียแบบนั้น คยูฮยอนโอบเอวร่างบางเข้ามาใกล้ด้วยสัญชาตญาณ ร่างบางยืดตัวขึ้นตรงโดยอัตโนมัติ...และเรื่องน่าตกใจก็เกิดขึ้น
รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ติด ซองมินผละใบหน้าออกมา นัยน์ตาสวยเบิกกว้างด้วยความตระหนก คราวนี้ไม่มีอะไรมาคว้าไว้ ก้นเลยกระแทกพื้นเข้าเต็ม ๆ
“น..นาย...อ่ะ...เอ่อ...”ปากคอสั่นพูดอะไรไม่ออก โลกหมุนติ้ว หัวใจก็เต้นแรงเสียจนไม่ได้ยินเสียงตนเอง ส่วนที่ไปสัมผัสกับของอีกฝ่ายก็ร้อนผ่าวจนน่ากลัว”
จ...เอ่อ..”
“จูบ”คยูฮยอนเน้นเสียงให้และยิ้มกว้าง ร่างสูงคุกเข่าลงจนใบหน้าเสมอกัน ร่างบางหน้าแดงแปร๊ด ตายังคงเบิกกว้างอยู่ ปากอ้าน้อย ๆ ..ดูตกใจไม่หาย
“...อ่ะ...จ..จูบ..เหรอ...”ต้องทวนซ้ำเหมือนยังไม่เข้าใจ แต่จนกว่าว่าจะเข้าใจว่าตนเองทำอะไรลงไปก็เมื่อร่างสูงยื่นมือมาประคองศีรษะไว้อย่างมั่นคง มือที่เย็นเฉียบทาบตรงส่วนคอ และอะไรนุ่ม ๆ หวาน ๆ ก็ตามลงมาที่ปาก เผลอไผลไปกับรสสัมผัสที่เบาเหมือนขนนก
คยูฮยอนกดศีรษะของร่างบางให้ใกล้เข้ามามากขึ้น จูบก็เป็นเพียงแค่จูบ เพราะเขาเองก็ไม่เคยจูบใคร ...งั้นก็แสดงว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทั้งของเขาและของซองมิน ทำได้แค่ปากแตะปาก แต่แค่นั้นก็มากเกินพอ
ผ่านไปยาวนาน หรือที่ซองมินรู้สึก อันที่จริงก็แค่ไม่กี่วินาที คยูฮยอนปล่อยตัวคนในอ้อมกอดออก ร่างบางชะงักค้าง มือที่สั่นระริกเลื่อนขึ้นช้า ๆ ไปแตะริมฝีปากของตนเองที่เพิ่งจะมีจูบแรกกับเขา ไม่ใช่จูบกับสาวน้อยไร้เดียงสาตัวเล็ก ๆ (กว่าเขา) อย่างที่เคยฝัน กลับกลายเป็นไอ้เด็กกวนตีนข้างบ้าน
...แถมไม่ใช่คนรุกเสียด้วย
“..เอ่อ...คยูฮยอน...นะ...นาย...”ยังคงอึ้ง ทึ่ง เสียวอยู่ ซองมินจับที่ปาก หัวใจเต้นระรัวโครมครามไม่มีทางจะหยุดได้ง่าย ๆ“นายจูบฉัน!!!”
คยูฮยอนพยักหน้า ท่าทางสบาย ๆ นั่นทำให้ซองมินรู้สึกร้อนรนแปลก ๆ มันอาจจะเป็นเขิน...
เขาไม่ยอมรับหรอก
“ออกไป ออกไป !!! คยูฮยอน ฉันเกลียดนาย !!!”คำว่าเกลียดถูกลั่นตามมาอีกครั้ง พร้อมกับมือที่กระหน่ำชกรัวที่ไหล่ของคยูฮยอน ร่างสูงถอนหายใจและยอมลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะออกจากห้องไปตามใจเจ้าของปรารถนาก็หันมาทิ้งท้ายให้คนฮึดฮัดใจหายวูบ
“...นั่นอาจจะเป็นจูบลาก็ได้นะครับ”
“อ่า..โอ๊ะโอ”ทงเฮร้องขึ้นมาเมื่อเดินนำไปได้สองก้าว คนรูปร่างท้วม ๆ คนนั้นกำลังโบกมือมาทางพวกเขา ท่าทางคงเป็นคนรู้จักของซีวอน”ซีวอนไปก่อนเลยนะ โทรศัพท์เข้า...ไหน...อ้าว คิบอมนี่”
ชื่อที่ออกมาจากปากทำให้ร่างสูงชะงัก แต่ก็ตัดใจเดินต่อไปเพราะไม่อยากฟังให้เจ็บช้ำมากกว่านี้ ได้ยินเสียงทงเฮหัวเราะอยู่ข้างหลัง ...รอยยิ้มนั้นอีก รอยยิ้มที่เขารู้ตัวว่าไม่เคยได้รับมันเลย
“หวัดดีซีวอน...ทงเฮล่ะ”พี่ชายของยุนอา ชินดงฮีทักซีวอนด้วยเสียงที่ร่าเริงน้อยกว่าเมื่อก่อน ชะเง้อคอมองคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ข้างหลัง แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นคนรักของน้องสาวทำหน้าร่าเริงได้ขนาดนั้น”ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“สบายดีฮะ ทั้งคู่นั่นแหล่ะ”ซีวอนเองก็คงสังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของชินดง”พี่ทงเฮความจำเสื่อมฮะ จำอะไรไม่ได้”
“อ้าว”คำ ๆ เดียวก็เพียงพอสำหรับความประหลาดใจ”แล้วถ้าฉันเอาไอ้นี่ให้มัน...จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย ฝากนายไว้ดีกว่า”
ว่าแล้วชินดงก็ยัดสร้อยข้อมือสีเงินใส่มือของร่างสูงที่ทำหน้าเหวอ ๆ เล็กน้อย ซีวอนหันกลับไปมองทงเฮที่ทำสีหน้าเปลี่ยนได้มากกว่าสามร้อยแบบในหกสิบวินาทีแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามันคืออะไร
“ของยุนอา คืนเจ้าของไปเถอะ”รอยยิ้มเศร้า ๆ และแววตาเจ็บปวดถูกส่งผ่านมา”ป่านนี้ยัยนั่นนอนตีพุงอยู่บนสวรรค์แล้วมั้ง”
“พี่ยุนอา...พี่ชินดงครับ ตอนอุบัติเหตุ...ใครเป็นคน..เอ่อ...ทำให้พี่ยุนอาตายฮะ”ซีวอนนึกขึ้นได้ก็ถามทันที ไม่ได้ตั้งใจจะเตือนถึงวันนั้นหรอกแต่เขาอยากรู้จริง ๆ ร่างท้วมนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วตอบด้วยเสียงที่แสดงว่าใคร่ครวญมาดีแล้ว
“...อันที่จริงครอบครัวฝ่ายนั้นจะจ่ายให้นะ ดีนะที่แม่ไม่เอาเรื่อง”เท้าความไปถึงคู่กรณีที่ทำให้เขาต้องเสียน้องสาวไป”ฝ่ายนั้นก็ตายเหมือนกันนี่ รอดมาคนเดียว แล้วอย่างว่า...ยุนอาก็เป็นคนดีเลิศประเสริฐศรีตามที่ยัยนั่นโมเมอยู่แล้ว อวัยวะหลายส่วนเลยบริจาคไปเพียบ”
“พี่ชินดงครับ ผมต้องการคำตอบ”ซีวอนรีบเบรกเพราะดูท่าชินดงคงอ้อมอีกยาว
“อ้าว อ้อม ๆ จะได้เข้าใจไง”อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ และยอมเปิดปากพูดจนได้ ชื่อของคนก่ออุบัติเหตุทำให้ซีวอนตกตะลึง กำไลสีเงินที่เกี่ยวนิ้วอยู่ร่วงลงไปยังพื้น ใจก็นึกไปถึงคนที่ไม่ได้รู้อะไรเลยอย่างอีทงเฮ
“พี่ชาย เป็นอะไรเนี่ย หน้าบูดเชียว”ฮยอกแจกระเซ้าพี่ชายที่ทำหน้าบึ้งจนเขาเริ่มกลัวขึ้นมานิด ๆ ฮันกยองส่ายหัวและเงียบ ไม่แม้แต่จะตอบอย่างที่เคยทำ ความอึดอัดแผ่ครอบคลุมบรรยากาศในรถยนต์ เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานดังหึ่งอยู่ในความเงียบ ฮยอกแจขยับตัวอย่างอึดอัดและตัดปัญหาด้วยการมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองวิวแทน
แต่ก็ไม่วายหันกลับมามองหน้าคนขับกิตติมศักดิ์อยู่บ่อย ๆ
ทำไมต้องหน้าเครียดแบบนั้น ไม่สนใจน้องชายเหมือนเก่า ทั้ง ๆ ที่เมือก่อน ฮันกยองจะมีปัญหาโลกแตกอย่างไรก็ต้องหันมายิ้มให้เขาเสมอ มันกำลังเกิดอะไรขึ้น
ฟากฮันกยองเองก็สับสนพอ ๆ กัน คนที่กำลังทรยศพ่อและเขาก็มีสายเลือดเดียวกับของน้องชายคนนี้ เขาเป็นฝ่ายที่หน้าคล้ายพ่อ แต่ฮยอกแจก็หน้าคล้ายแม่เอามาก ๆ หากตอนนี้เขาหันไปมองฮยอกแจทีไรก็ต้องนึกถึงหน้าผู้หญิงแพศยาคนนั้นทุกครั้ง
สิบแปดปีมาแล้วที่การอยู่กับน้องชายเป็นบ่อเกิดของความสบายใจหลาย ๆ อย่าง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเยือกเย็นและหวาดหวั่นเมื่อมองหน้าฮยอกแจ รู้ทั้งรู้ว่าฮยอกแจไม่ได้เกี่ยวอะไร...แต้ใจมันก็อดคิดไปในทางลบไม่ได้
และฉันพลันทันที เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นจัด ฮันกยองสะดุ้งสุดตัวเมื่อน้องชายตะโกนเข้ามาเสียเต็มสองหู ร่างสูงมองไปข้างหน้าและมองเห็นไฟเขียวส่องสว่าง หูก็ได้ยินเสียงแตรบีบไล่จากด้านหลังพอดี ฮันกยองรีบแตะคันเร่งพาพวกเขาสองคนออกไป
“พี่ฮันกยองเป็นอะไรนักหนา เหม่ออยู่นั่นแหล่ะ”คนตะโกนเตือนบ่นอุบ ริมฝีปากบางยื่นน้อย ๆ เป็นเชิงไม่พอใจ ฮันกยองยิ้มออกมาบาง ๆ และขับรถต่อไปแบบนั้น จนถึงหน้าบ้านที่ปิดเงียบแสดงว่าพ่อออกไปข้างนอก ฮยอกแจก็รีบวิ่งลงไปเปิดประตูให้ตามหน้าที่น้องชายที่ดี
“ลงมาได้แล้วครับผม”ร่างบางเปิดประตูให้ฮันกยอง ยิ้มหวานและผายมืออย่างล้อ ๆ ร่างสูงเพียงแต่ยิ้มให้แวบเดียวและเมินหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกเอ็นดูปะปนขึ้นมากับความรู้สึกที่เกือบพูดได้ว่า..เกลียดชัง
ฮยอกแจเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายสุดที่รัก ฮันยกยองแปลกไปตั้งแต่ตอนนี้วิ่งหายไปจากเขา พอมานั่งในร้านก็ถามคำตอบคำจนทำเอาไม่อร่อยไปทั้งมื้อ พอลากไปเดินเลือกของก็ยืนเหม่อเดินเหม่อเหมือนโดนยากันยุง เขาไม่พอใจ ไม่ชอบให้ตัวเองถูกเมินเฉยแบบนี้
ร่างบางสาวเท้าตามคนที่เดินลากเท้าช้า ๆ เข้าบ้านไป ฮันกยองมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยแววตาแปลก ๆ นัยน์ตาคมหยุดลงที่กรอบรูปแม่ของเขาที่ยังคงวางไว้ที่โต๊ะ ถัดมาเป็นรูปเขากับแม่ ถัดไปอีกก็เป็นรูปแม่ของฮยอกแจและฮยอกแจ รอยยิ้มในรูปนั้นยังดูสดใส แต่ที่ไหนได้..อีกหลายปีถัดมาผู้หญิงคนนี้จะกลายเป็นคนหลอกลวง
ฮันกยองถอนหายใจอย่างหนักอก รู้สึกอึดอัด อยากจะบอกพ่อแต่ค้างอยู่ที่ว่าไม่อยากให้ฮยอกแจเสียใจ ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาและหลับตา พยายามปลดเปลื้องน้ำหนักของความเครียดออกไปจากตัว แต่พอได้นั่งไม่ทันไร ร่างนุ่มนิ่มของใครอีกคนก็เบียดเข้ามาชิดอย่างอ้อน ๆ
“เป็นอะไรของพี่กันแน่”คนขี้อ้อนบ่นอุบอิบ ฮันกยองหลับตาแน่นกว่าเดิม เพราะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้มากเพียงใด จากความคิดที่กำลังเครียดเป็นเส้นตรงขมวดแน่นเริ่มระส่ำระส่าย สิ่งที่เคยคิดไว้ผุดขึ้นมาในใจจนต้องรีบปัดันออกไป ความคิดที่เขายืนยันว่ามันผิดศีลธรรม
...เขากำลังใจเต้นกับน้องชาย
ถึงไม่ใช่น้องชายแท้ ๆ แต่ก็มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด อย่างน้อยพวกเขาก็มีพ่อเดียวกัน อีกทั้งเพศที่เป็นตัวกางกั้น ถึงอีกฝ่ายจะตัวเล็กบอบบาง หน้าหวานแค่ไหนก็ตาม ฮยอกแจก็ยังคงเป็นผู้ชาย และมีจิตใจที่ชอบผู้หญิง
“ยุ่งนักนะเรา”ผลักศีรษะของฮยอกแจออกไปจนคนตัวเล็กกว่าต้องย้ายที่ไปเป็นนั่งตักพี่ชายแทน ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งแบบขวางหน่อย ๆ แล้วเอาแขนโอบคอร่างสูงอย่างกลัวตกพื้น ร่างสูงเบือนหน้าหลบปลายจมูกโด่งที่เคล้าเคลียแก้มของตนเอง ความอบอุ่นแผ่ซ่านมาถึงจิตใจที่กำลังหลงไปในบ่วงของร่างบาง
“พี่ฮันกยอง...เป็นอะไรอ่ะ ทำไมเงี๊ยบเงียบ”เสียงหวานร้องถามด้วยแววตาใสแป๋ว ฮันกยองหลบตาใส ๆ นั้นลงและเมินไปทางอื่น ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ไม่สามารถจะปฏิเสธมือปลาหมึกของตนเองที่เลื่อนขึ้นไปโอบเอวฮยอกแจตามจิตใต้สำนึก
“ก็ไม่ได้เป็นอะไร...”ร่างสูงบ่นอุบอิบ แต่สุดท้ายพออีกคนจ้องมาก ๆ เข้าใบหน้าคมก็ยิ้มออกมาบาง ๆ รับรู้ว่าอย่างไรตัวเองก็ตัดใจกับคน ๆ นี้ไม่ขาด แขนแข็งแรงโอบคนตัวเล็กเข้ามาและจรดจมูกเข้ากับกลุ่มผมนุ่มอย่างโหยหา ฮยอกแจซุกตัวลงกับอ้อมกอดพี่ชายอย่างสบายใจ
“หน้าพี่ฮันกยองดูไม่สบายใจเลยนะ บอกฮยอกแจก็ได้”รู้สึกสบายใจที่ได้แทนตัวเองด้วยสรรพนามที่มีคนอาจจะมองว่าน่าเกลียด ดูไม่เหมือนผู้ชาย แต่เมื่อใช้กับฮันกยองแล้วเขาก็รู้สึกดีไปเสียแบบนั้น
แต่ถ้าให้คิดเขาแทนตัวแบบนี้กับไอ้คุณคยูฮยอน ขนก็พานจะลุกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ไม่อะไรหรอก”ร่างสูงบอกปัด เพราะไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดความอัดอั้นในใจออกมาให้ฮยอกแจรับรู้ได้อย่างไร เจ้าตัวเล็กยังหัวเราะยิ้มแย้มอยู่แบบนั้น ไม่ได้รู้เลยว่าแม่แท้ ๆ ของตนกำลังหักหลังความเชื่อใจของคนทุกคนที่เขาเรียกว่าครอบครัว”จำตอนเด็ก ๆ ได้มั้ยฮยอกแจ?”
“ตอนเด็ก ๆ ก็จำได้แต่พี่แกล้งผมทุกวัน ทั้งวันนั่นแหล่ะ”ร่างบางตอบยิ้ม ๆ พลางทวนระลึกสายธารความทรงจำในสมอง”แต่ทุกทีพี่ก็อยู่กับผมนี่ ตอนนั้นที่ผมทำแก้วทั้งชั้นแตกพี่ก็รับผิดแทน”
“ไม่น่าทำเล๊ย”ฮันกยองหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลัง ก็เพราะอีฮยอกแจซนเกินไปหน่อยถึงได้ชนตู้เก็บแก้วจนหล่นลงมาทั้งชั้น เขานั่นแหล่ะเป็นคนทำแผลให้ และเป็นคนรับผิดแทนฮยอกแจอีกด้วย ผลที่ได้คือโดนตีและบ่นไปอีกนานแสนนาน”เพราะเรานั่นแหล่ะ..หัดอ้อนจนพี่ใจอ่อนตั้งแต่เด็ก”
“ผมก็เลยเสียคนสินะ”
“เข้าใจถูก แล้วดู มีผู้ชายอายุสิบห้าคนไหนปีนมานั่งตักพี่ชายแบบนี้”ฮันกยองชี้ตัวอย่างให้ดู แต่วงแขนที่โอบฮยอกแจไว้ก็ไม่ได้ผลักไสให้จากไปไหน
“จะให้ผมไปนั่งตักคนอื่นไหมล่ะ?”คำถามย้อนนั่นทำเอาฮันกยองเงียบ ร่างบางอมยิ้มหน่อย ๆและทดลองไล่มาทีละคน”อย่างคยูฮยอน..หมอนั่นก็ชอบบ่น แต่เอาจริง ๆ ก็ให้ผม...เฮ้ย พี่หานเกิง!”
หลุดชื่อจีนที่ไม่ค่อยได้เรียกบ่ยออกมาเมื่อตกใจจริงจัง ฮันกยองรัดอ้อมกอดขึ้นแน่นอีกวูบ แววตาดุดันที่แฝงพิษที่ฮยอกแจอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกินว่ามันคือ’หึง’ ร่างบางยิ้มอ่อนบาง ไม่มีความหวานดกลัวอยู่ในสายตาคู่นั้น หากมองดี ๆ จะพบคำว่า’ยินยอม’เสียด้วย
“ฮยอกแจก็รู้ว่าพี่หวงฮยอกแจมากแค่ไหน“คำตอบที่ดูเป็นคำถาม แต่ยังไงก็ไม่ต้องการให้ร่างบางตอบอยู่ดี ฮันกยองชะโงกหน้าไปใกล้ สติสตังเริ่มปลิวหายกระเจิดกระเจิง กลิ่นกายจากร่างนวลกำลังทำให้เขารู้สึกเลื่อนลอย”หวงมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ”
“เพราะผมเป็นน้องใช่ไหม?”คำถามเรียบ ๆ จากร่างบางยิงเข้ามาตรงเป้า ฮยอกแจไม่ใช่คนขี้อายแบบที่พี่ชายคิด อยากได้อะไรก็ต้องได้แบบตรง ๆ ถึงได้ถามแบบนี้”หวงผมในฐานะน้องใช่ไหม?”
นัยน์ตาที่ส่งมาดูเว้าวอน อยากให้พี่ชายพูดสิ่งที่อยู่ในใจจริง ๆ ออกมาเสียที ร่างสูงชะงักนิ่งไป ไม่กล้าพูดคำไหนออกมาเพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นแรงเหลือเกิน
“...ฮยอกแจ”
====================================
โว๊ย ซอฟแวร์พัง ซ่อมไม่ได้ ขนมาอัพที่ร.ร.
ขอโทษที่มาช้ามาก มัวแต่ตามผู้ชาย(ฮา) แล้วก็งานสุมเต็มไปหมดเลย ฮือ TwT
ใครที่สงสัยว่าพี่ทึกร้องไห้ทำไม พี่ทึกร้องไห้เพราะสตาฟฟ์บอกว่าเด็กที่มารอสองร้อยคนข้างในมากันตั้งแต่เที่ยงคืน พี่ทึกเลยซึ้ง ไรประมาณนั้น (พี่ทึก เค้าก็มารอตั้งแต่หกโมงนะ =[]=)
ซาวน์เสียง อยากให้รวมมั้ยเอ่ย ?
ถ้ายอดถึงจะเริ่มทำปก ตรวจคำผิดล่ะนะ !!
ขอลาตอบคอมเม้นหนึ่งตอน เหนื่อย ง่วง TOT
ความคิดเห็น