คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : {part 12} Lust
12
Lust
อันที่จริงก็ ... สั้นนะ ไม่ถึงสิบบรรทัดแหล่ะ 55
ไม่ค่อยมีบทบาท เอาเป็นว่า ตัดไปเลยนะ =]
ร่างบางกระพริบตาสู้แสงยามเกือบเที่ยงวันที่ส่องมาเสียจนแสบตา อ้าปากหาวให้กับสุดสัปดาห์ที่ทำให้รู้สึกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาไปไวเกินคาด ทงเฮอ้าปากหาววอด ตอนนี้ก็สิบโมงเข้าไปแล้ว สงสัยเมื่อคืนกลับมาดึกแล้วเพลียไปหน่อย
มีความสุขดีเหมือนกัน
ร่างบางแต้มยิ้มน้อย ๆ และลุกลงมาจากที่นอน พับผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้วเดินออกมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นที่ทำให้รู้สึกตื่นเต็มตา อากาศที่ไม่หนาวนักทำให้ทงเฮตัดสินใจที่จะอาบน้ำไปเลย ไม่นานนักทงเฮก็เดินเข้าเดินออกห้องตัวเองกับห้องน้ำเป็นว่าเล่น จนเกือบ ๆ สิบโมงครึ่งนั่นแหล่ะถึงได้เยื้องย่างลงมาข้างล่าง
พอลงมาก็เจอรูปสลักนอนดูโทรทัศน์ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการ์ตูนฮาเช้าวันเสาร์ แต่หน้าคิบอมทำเหมือนดูข่าวอาชญากรรม ทงเฮเดินเข้าครัวไปหยิบจานมาตักข้าว ราดซุปในหม้อไปอีกนิดแล้วเดินมานั่งแหมะข้าง ๆ คนหน้าขรึม
“พี่ฮีชอลล่ะ?”ทงเฮถามถึงคนที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อเช้าวานยันตอนนี้ ฮีชอลออกไปเรียนคาบเช้าแล้วไปร่อนต่ออีกหน่อย ถึงตอนนี้ก็หายหัวเลย เขากับคิบอมกลับมาจากสวนนัมซานตอนสามทุ่มกว่า ๆ แม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้ทุกวันศุกร์ก็บอกว่าไม่เห็น จนแยกย้ายกันไปนอนห้องใครห้องมันนั่นแหล่ะ
“ไม่รู้”คำตอบง่าย ๆ ที่ทำให้ทงเฮขมวดคิ้ว พลางคิดในใจว่ารู้งี้ไม่ถามดีกว่าเยอะ ร่างบางนั่งลงอีกฝั่งของโซฟา ตาก็มองการ์ตูนแล้วยัดข้าวใส่ปากต่อไปเรื่อย ๆ คิมคิบอมเหลือบตามองและนั่งมองโทรทัศนืด้วยสีหน้าเฉยชาต่อไป
เสียงประตูบ้านเปิดดังขึ้น ทงเฮชะเง้อมองและทำหน้าตกใจใส่คนที่เดินเข้ามาใหม่ ร่างผอมบางที่เดินลากขาเข้าบ้านมาท่าทางเหนื่อยอ่อนยังไม่น่าตกใจเท่ากับรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ ทั่วบริเวณที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา คิมฮีชอลโยนผ้าเช็ดตัวที่ห่มคลุมมาตลอดทางไปข้าง ๆ และเดินเข้ามาอย่างไม่แคร์สื่อ
“กลับดึกจังนะฮะ”ทงเฮทักทายแบบแปลก ๆ ฮีชอลแยกเขี้ยวใส่แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นบนด้วยท่าทางไม่คงตัวนัก ใบหน้าดูเหนื่อยอ่อนเหมือนกับไม่ได้นอนมาทั้งคืน คิบอมเองก็สังเกตเห็นอาการนั้น ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“รอยอะไรที่คอ...”ทงเฮรำพึงเบา ๆ กับตัวเอง ในใจก็คิดสะระตะไปต่าง ๆ เรื่องที่ตัวเองรับรู้มาก็ถูกนำเอามาคิดแต่ไม่กล้าพูด เนื่องจากที่เคย ๆ คุยกับเพื่อนผู้ชายรอยแบบนี้จะเกิดกับผู้หญิง อาจมีกับผู้ชายบ้างแต่น้อยมาก เท่าที่เห็น...มันลามไปทั้งลาดไหล่ ยันแผ่นหลังนวลเนียนนั่น
คิดบ้า ๆ ...
ร่างบางเดินเอาจานไปเก็บแล้วกลับมานอนแผ่ต่อ การ์ตูนจบไปแล้ว ต่อด้วยข่าวเที่ยงที่ทงเฮไม่สนใจดู ร่างบางนอนเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของคิมคิบอมที่นั่งดูข่าวอยู่ด้วยสายตาสงสัยเหมือนเด็ก ผ่านไปนานพอดู จนคิบอมรับรู้อยู่ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมอง...ร่างสูงเหลือบลงมาแล้วเลิกคิ้วน้อย ๆ
นัยน์ตาใสเหมือนเด็กมีประกายระยิบระยับอย่างทุกทีที่เคยเห็น ริมฝีปากบางผุดเป็นรอยยิ้มหวานละมุน ร่างสูงหันหนีเกือบจะทันทีที่ได้สบตา หัวใจเพิ่มจังหวะรุนแรงขึ้นจนน่าสงสัยว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร พยายามจดจ่ออยู่กับรายการข่าวตรงหน้าเหมือนเดิม แต่ภาพที่เขามองเห็นกลับเป็นใบหน้าของคนข้าง ๆ
“คิบอม...”อีกฝ่ายส่งเสียงอ้อน ๆ ขึ้นมา หวังจะให้คนที่ทำหน้าเฉยสนิทกลับมาสนใจแต่คิบอมก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ทงเฮนอนมองกลับหัวพิจารณาใบหน้าคมของร่างสูง ทรงผมที่ไม่ค่อยได้เซ็ตแต่กลับดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผิวหน้าคร้ามเข้มเล็กน้อยบ่งบอกว่าตากแดดบ่อยพอดู จมูกโด่งเป็นสัน เรื่อยจนมาถึงริมฝีปาก...
คิดถึงตรงนี้ทงเฮก็หน้าแดงน้อย ๆ นึกถึงคืนที่อีกฝ่าย’ละเมอ’ใส่เขา ทำให้อีทงเฮต้องหลบไปนอนอยู่มุมห้องแทน ร่างบางหลับตาแล้วส่ายหัวน้อย ๆ เพื่อไล่ความรู้สึกอุ่นวาบที่หวนกลับมาอีกครั้งตรงริมฝีปาก เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...นัยน์ตาของคิบอมก็มองตรงมาสบกันอย่างไม่ตั้งใจทุกที
คุ้นเคยเหลือเกิน...
มันทำให้อะไรบางอย่างในหัวใจของเขาที่สัมผัสได้ว่าอ้างว้างและแห้งผากกลับคืนมาอบอุ่นอีกครั้ง ความรู้สึกที่เขาไม่เข้าใจ ถ้าเอาตามความเชื่อก็คงเป็นเรื่องของโชคชะตาล่ะมั้ง....แต่อย่างว่า อะไรเกิดขึ้นมนุษย์เราก็โทษโชคชะตาไปหมด
“นั่นไง ยิ้มแล้ว”คำพูดพุ่งออกมาจากจิตใต้สำนึกโดยไร้การยั้งคิด คิบอมที่ยิ้มบาง ๆ อยู่หุบยิ้มทันทีแล้วมองเมินไปทางอื่น ทงเฮยกมือขึ้นมาปิดปากเหมือนตกใจ...แต่ใต้มือนั่นมีรอยยิ้มหวานประดับอยู่
รอยยิ้มของคิบอม ดวงตาของคิบอม สัมผัสของคิบอม
...เขาชอบมันนะ...
ฝ่ายคนถูกทักก็ได้แต่รู้สึกพิลึก ๆ ในใจ มันเป็นความรู้สึกร้อนวาบ ๆ ที่หน้า ร้อนไปทั้งตัวเหมือนจะโมโหกับอะไรซักอย่าง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนเครียดมาก ในสมองก็วิ่งวุ่นหาหัวข้อสนทนาเบี่ยงเบนให้คนตัวเล็กเลิกจ้องมองเขาเสียที
“ยุนอานี่ใคร?”
ข้อสงสัยที่รบกวนจิตใจเขาโพล่งออกมา คิบอมตกใจเล็กน้อยที่กล้าถามไปแบบนั้น ทั้ง ๆที่รู้ว่าทงเฮก็คงจะลืม ชื่อผู้หญิง(เขาเดาเอา)คนนี้น่าจะอยู่ในรอยต่อความทรงจำของร่างบางที่หายหัวไปเที่ยวหนึ่งปีที่ผ่านมา ร่างบางขมวดคิ้วและส่ายหัวทันทีที่ถาม
“ไม่รู้”
“ละเมอมาหลายครั้ง”
ประโยคบอกเล่า(โคตร)สั้นถูกนำเสนอให้คนจอมละเมอได้รับรู้ ทงเฮทำหน้าเบ้ใส่คิบอม เคยนอนด้วยกัน(?)กี่ครั้งเชียวมาหาว่าเขาละเมอ
“อิมยุนอา...เดี๋ยวนะ...”ทงเฮพยายามลองค้นหาดู อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ตอนนี้ในสมองของร่างบางเหมือนมีลิ้นชักที่ถูกปิดล็อกอยู่หนึ่งลิ้นชัก พยายามจะเปิดด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ใช้หูฟังเสียงข้างใน หรือกะเอาว่ามันจะมีอะไรอยู่ข้างไหน และบางทีการอยากรู้นั่นก็ทำให้เจ็บปวดได้เช่นกัน
เหมือนมีแสงสีขาววาบขึ้นในความมืดที่ได้พบ เสียงหัวเราะของใครบางคนดังเข้ามาในโสตประสาท ภาพใครบางคนติด ๆ ดับ ๆ จะคว้าให้ได้แต่ก็ทำได้เพียงอากาศเปล่า เหงื่อเม็ดเล้กผุดขึ้นที่ไรผม อากาศรอบตัวดูเหมือนบีบรัดเข้ามาหาจนปวดหัว
...เสียงของเขาที่ดูมีความสุข ภาพของใครคนหนึ่ง ความมืด น้ำฝน เสียงร้องไห้ เขาไม่รู้ว่ามันมาจากไหน รู้แต่ความเจ็บปวดในศีรษะกำลังทวีตัวขึ้นเรื่อย ๆ
“
ยุนอา”เสียงที่เหมือนละเมอบวกกับใบหน้าที่กำลังแสดงความเจ็บปวดทำให้คิมคิบอมนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ รู้สึกมึนงงน้อย ๆ เพราะแทบไม่เคยปลอบใคร แม้แต่ซอฮยอน ผู้หญิงคนนั้นแทบไม่เคยแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้เห็น และเป็นฝ่ายเล่นอะไรฮา ๆ ให้เขาดูตอนที่เขาเครียดเสียมากกว่า มือใหญ่ยกขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ยกขึ้นยกลงอยู่ได้สองรอบก็วางแหมะลงที่ศีรษะของทงเฮ ร่างบางคว้ามือนั้นไปกุมแน่น หายใจเข้าออกช้า ๆ อย่างพยายามระงับสติ
“ไม่ต้องคิดแล้ว”คิบอมบอกเสียงห้วนสั้น ทงเฮไม่ได้ถืออะไรมากเพียงแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือของคิบอมที่ยื่นมาจับตัวเอง ท่าทางอ้อน ๆ เหมือนลูกแมวกำลังทำให้ร่างสูงใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางยันตัวขึ้นมาให้นั่งตัวตรงเหมือนเดิมแล้วเปลี่ยนท่าทางจากเดิมมาเป็นนอนเอาหลังพิงคิบอมไปทั้งตัว เส้นผมนุ่ม ๆ สัมผัสกับหัวไหล่ของร่างสูง
“ขอนอนซักพักนะครับ”เสียงขออ้อน ๆ ทำให้ร่างสูงเลิกลิ้มความคิดรักษาฟอร์มออกไปจนหมดสิ้น ปล่อยให้ทงเฮนอนอยู่แบบนั้น ไออุ่นจากร่างที่ซบอยู่บวกกับกลิ่นหอม ๆ ยิ่งทำให้เขาหมดแรงปฏิเสธ
โทรศัพท์ของทงเฮดังขึ้น ร่างบางเอื้อมแขนสุดชีวิตไปที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์แล้วหยิบมาแปะหู คิบอมเหลือบมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร
“ว่าไง มีไร?”ทงเฮถามคนปลายสายอย่างอารมณ์ดี”อื้อ ทำไมอ่ะ?”
คิบอมทำท่าจะปิดโทรทัศน์ แต่ถ้าปิดก็คงนั่งอยู่ตรงนี้เฉย ๆ ไม่ได้เลยได้แต่ปล่อยให้รายการมันฉายต่อไปแบบนั้นเรื่อย ๆ สายตามองไปที่คนคุยโทรศัพท์เป็นระยะ ทงเฮหัวเราะน้อย ๆ แล้วพูดต่อด้วยเสียงไม่อยากเชื่อ
“อะไรของนายล่ะซีวอน อยู่หน้าบ้าน?”
คิบอมฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากจะลุกไปอย่างปกตินิสัย ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายพิงตัวเองเข้ากับไหล่แล้วคุยโทรศัพท์ต่อไปเรื่อย ๆ ทงเฮพยักหน้าหงึก ๆ กับโทรศัพท์แล้วหันออกไปที่ทิศประตูบ้าน
“ลงมาแล้วเหรอ”คิบอมทักพี่ชายที่เดินอย่างระโหยลงมา ฮีชอลพยักหน้าน้อย ๆ ร่างบางอยู่ในชุดที่ห่อมิดทั้งตัว ผ้าพันคอสีแดงสดกับเสื้อแขนยาวทำให้ดูเหมือนอากาศหนาวไปทันที”ไม่นอนล่ะ”
“พูดมาก”ฮีชอลสวนกลับ นอนน่ะได้ แต่อยากจะนอนปุ๊บดันไม่หลับเสียอย่างนั้น ฮีชอลทิ้งตัวลงกับโซฟาเดี่ยวอีกฝั่งแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อย ๆ ทงเฮลุกขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวและวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน ฮีชอลลืมตาขึ้นข้างหนึ่งมองตาม
“อะไรของเค้า”
คิบอมยักไหล่
”ซีวอน”
แต่คำตอบที่ดูปกติชนกลับทำให้ร่างบางสะดุ้งขึ้นกะทันหัน ใบหน้าหวานซีดเผือดลงนิดหน่อย มือกระชับผ้าพันคอให้แนบผิวมากขึ้น เสียงทงเฮที่กำลังหัวเราะเฮฮากับแขกที่มาเยี่ยมเอาตอนเที่ยง ๆ ดังเข้ามาใกล้ ยิ่งใกล้เข้ามาสีหน้าของร่างบางยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ฮีชอลหลับตาลง หวังไว้สุดใจว่าโซฟาสีแดงจะช่วยเขาพรางตัวไปได้
“พี่ฮีชอล...ซีวอนมาน่ะฮะ ไม่ว่าอะไรใช่...อ้าว”ทงเฮที่วิ่งนำหน้าซีวอนมาก่อนประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นพี่ชายคนสวยนอนคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา ร่างสูงที่เดินตามหลังมาก็ยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นฮีชอลนอนอยู่บนนั้น”เค้าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”
คิบอมยักไหล่อีกรอบ พลางทำท่าไม่สนใจรุ่นน้องที่เขารู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ร่างบางเดินนำซีวอนให้เข้ามาในบ้านและลากลงให้นั่งบนโซฟา ร่างสูงทำตามคำบอกนั่น...และสายตาก็จดจ้องอยู่ที่คิมฮีชอลที่ยังฟุบอยู่กับที่
ดูกันไป...ว่าจะทนได้เท่าไหร่
“..พี่ทงเฮ เดี๋ยวออกไปข้างนอกกัน ”ร่างสูงหันมายิ้มแก้มบุ๋มให้พี่ชายคนสวยอย่างจริงใจ ทงเฮเหลือบสายตามามองคนหน้าเฉยอีกฝั่งอย่างไม่ได้ตั้งใจและพยักหน้าตอบรับให้ซีวอน ฮีชอลที่กำลังแกล้งหลับอยู่ก็ทำท่าหาวออกมาเบา ๆ แล้วส่งเสียงทักคนที่เพิ่งมาใหม่
“สวัสดีซีวอน...ตามสบายนะ คิบอม พี่ไปนอนดีกว่า”ร่างบางรีบลุกรีบไป ไม่อยากมองคนที่เมื่อคืนเพิ่งจะได้ระเริงรักด้วยกัน ทงเฮมองตามไปอย่างงง ๆ แล้วขอตัวไปแต่งตัวเพื่อที่จะได้ออกไปข้างนอกกับซีวอน ร่างสูงเองก็มองไปเห็นแต่คิบอมคนเดียวก็ทำท่าจะลุกไปบ้าง แต่โดนคนหน้านิ่งเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว”
ซีวอนหันมามองหน้าคิบอมเป็นเชิงถาม ร่างสูงเหลือบตาไปทางอื่นแล้วพูดเสียงเรียบ
“ถนอมพี่ฉันหน่อย“
คนที่ต้องถนอมพี่ของใครอีกคนยิ้มมุมปากและไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ลุกตามคนอีกคนออกไป ไม่ใช่ทางที่ทงเฮออกไปเปลี่ยนเสื้อ แต่เป็นทางทีฮีชอลเดินออกไปตั้งใจจะไปนอน คิบอมถอนหายใจออกมาช้า ๆ และหันกลับมาให้ความสนใจกับโทรทัศน์ตามเดิม
ร่างบางพิงตัวเองเข้ากับผนังห้องอย่างอ่อนใจ หัวใจเต้นถี่รัวด้วยความหวาดหวั่น การกระเผลกขึ้นมาถึงข้างบนนี่ก็ยากเอาพอสมควร ขยับทีไรก็กระเทือนไปตลอด เจ็บร้าวไปทั้งขา ไอ้ทำความสะอาดของชเวซีวอนเมื่อคืนก็ไม่ได้ช่วยอะไรชัด ๆ จนอาบน้ำเมื่อกี้..ไอ้คราบน่าอายนั่นก็ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ เขาก็ไม่กล้าเอาออกอยู่ดี....
ฮีชอลปลดผ้าพันคอออกจากคอแล้วดึงเสื้อออกจากตัวจนหลงเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาว ร่องรอยสีแดงชัดเป็นจ้ำ ๆ ยังไม่ลบเบือนออกไปง่าย ๆ ร่างบางไล้นิ้วไปตามจุดต่าง ๆ แล้วถอนหายใจ
ทุกอย่างมันก็แค่การค้า
เงินที่ได้มาเขาก็โยนไว้บนโต๊ะ ไม่ได้แตะต้องหรือคิดจะใช้ ดูจากจำนวนแล้วน่าจะเกือบแสนวอนได้ อันที่จริงเงินไม่ได้อยากได้อะไร...แต่ตอนนั้นมันเป็นความคิดชั่ววูบจริง ๆ ฮีชอลเอื้อมมือไปที่ประตูเพื่อที่จะกดล็อก จะได้ไม่มีใครเข้ามายุ่ง แต่ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดปิดล็อกตัวเองออกจากโลกภายนอก ประตูก็เปิดผางใส่หน้าเสียก่อน
“อะไร.....ซีวอน?”เสียงแรกกำลังจะตวาดใส่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เปิดเข้ามาเสียงนั้นก็แปรเป็นแผ่วเบาด้วยความตกใจ ร่างสูงยืนยิ้มแก้มบุ๋มอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มที่เหมือนเด็กปกติจะส่งให้กับพี่ชายของตัวเอง แต่ฮีชอลรู้...ว่าข้างในมันมีความหมายมากกว่านั้น
“ว่าไงครับ?”
คำถามทักทายถามดินฟ้าอากาศข้อแรกฮีชอลก็ตอบไม่ได้เสียแล้ว ร่างบางอ้ำอึ้ง รู้สึกร้อนวาบไปกับสายตาสบาย ๆ ที่มองตรงมา ร่างสูงก้าวเข้ามาข้างใน มือก็ผลักประตูที่เปิดค้างไว้แล้วกดล็อกให้ตามความต้องการของฮีชอลในตอนแรก เจ้าของห้องถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากเม้มแน่น
“ม...มาทำไม”คำถามแผ่วเบาถูกส่งออกมาถามคนที่เข้ามาบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต ซีวอนยังคงอมยิ้มบาง สาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วแนบมือเข้ากับใบหน้าหวาน ร่างบางตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน
“มาเยี่ยม...”ลมหายใจร้อนรินรดใบหูพร้อมกับที่ร่างสูงโน้มหน้าเข้ามาใกล้”ตุ๊กตา...แปลกเหรอ?”
“ต้องการอะไร”ฮีชอลตอบเสียงห้วน ถึงท่าทางจะดูไม่สมยอมแต่ในใจกลับอ่อนยวบไปเสียจนหมด ร่างบางไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ ความรู้สึกที่เคยชอบซีวอนในตอนแรกเริ่มเทเข้ามากเรื่อย ๆ ถึงแม้จะตกอยู่ในฐานะตุ๊กตาชั่วคืนแต่เขาก็พอใจ ได้ฟังเสียงอีกฝ่ายพร่ำเพ้อหาคนอื่น เขาก็ยังพอใจ...
บางทีเขาอาจจะชอบความเจ็บปวดกระมัง
“ถ้าพูดว่า....”ร่างสูงกระซิบเสียงหนัก”...อีกรอบ ไหวมั้ยล่ะ?”
ได้ผล ฮีชอลส่ายหัวทันทีพลางถอยหลังวืดไปอีก ติดที่มือใหญ่ของร่างสูงรั้งเอวบางไว้ถึงได้ขยับไปไหนมากไม่ได้ ซีวอนหัวเราะน้อย ๆ ไม่รู้การกระทำพวกนี้มาจากไหน ไม่เคยได้ทำแบบนี้กับใคร แต่พออยู่กับร่างบางตรงหน้ากลับแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนกนั่น...สวยงาม
“ล้อเล่น”
ใบหน้าหวานคลายลงนิดหน่อย ไหล่ที่ยกขึ้นเกร็งผ่อนลงโดยอัตโนมัติ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร มือของร่างสูงก็รั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด ดันคางมนให้เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสหวานละมุนจากเขา ฮีชอลทุบซีวอนดังปั้ก อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่เวลาทำงานซะหน่อย..แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี ซีวอนดูดซับความอ่อนหวานจากริมฝีปากบางอีกเนิ่นนาน จนมีเสียงครางประท้วงขออากาศจากอีกฝ่ายนั่นแหล่ะถึงได้ยอมปล่อย สองสายตาสบกัน ผิวขาวที่โผล่พ้นอาภรณ์ปกปิดกายออกมายังคงมีรอยรักที่เขาทำไว้เป็นจุด ๆ มือใหญ่ของร่างสูงสอดเข้าไปใต้เสื้อกล้ามสีขาวอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่
“อะไรของนาย...อึก...”ฮีชอลพยายามจะขัดขืน แต่ใบหน้าหวานที่ซับสีเสียจนแดงก่ำบอกได้ดีว่ากำลังจะทนไม่ไหวเช่นกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด ฮีชอลถึงได้โพล่งออกไป”ทงเฮรอนายอยู่นะ”
ซีวอนหยุดชะงัก จริง ๆ เขาแค่อยากมาบอกว่าขอโทษที่ล่วงเกินไป และขอจบทุกอย่างไว้แค่นี้ ถ้าฮีชอลอยากให้เขาชดใช้อย่างไรก็จะทำให้..แต่ทันทีที่เห็นร่างผอมบางแวบแรก ความตั้งใจแต่เดิมกลับแตกสลายไปหมด รู้แต่เพียงต้องการอีก..จนแทบไม่พอใจ
ความหลงใหล...มันคือสาเหตุ
“ผมขอโทษ...”ร่างสูงชะงัก อ้อมกอดที่เคยพันธนาการฮีชอลไว้กับตัวคลายออกอย่างช้า ๆ เมื่อมีใครอีกคนที่ปกติจะยึดครองพื้นที่ความคิดของเขาอยู่ตลอดเวลาโผล่เข้ามา”ผมก็แค่...”
“...อะไร?”ฮีชอลถาม พลางก้าวถอยหลังมาอีกอย่างป้องกันตัว ถึงแม้จะอดเสียดายไม่ได้กับอ้อมกอดนั้นก็เถอะ
“ผมหลงใหลพี่”
คำบอกตรง ๆ เรียกให้ฮีชอลต้องรีบเบือนหน้าไปมองพื้นแทบมองใบหน้าใครอีกคนที่เงยขึ้นมาสบตากับเขาเต็ม ๆ แก้มใสขึ้นสีแดงก่ำชวนมอง ปกติเขาก็ไม่ดีใจหรอกถ้ามีคนมาใช้คำนี้กับเขา..คำว่า’หลงใหล’ไม่เหมาะนักที่จะใช้กับผู้ชาย แต่พอมันมาจากคน ๆ นี้...กลับดูปกติ รื่นหูเสียด้วยซ้ำไป
แต่ก็นั่นล่ะนะ...
ในความดีใจก็ยังมีความจริงหลงเหลือ จะหลอกตัวเองแค่ไหนก็หนีความจริงไม่พ้น
มันก็แค่หลงใหล ไม่ใช่ความรัก
มีบ่วงไว้พันผูกชเวซีวอนแค่นี้ แค่ร่างกายที่เปรียบได้ดั่งของเล่น ไม่ได้มีค่ามากไปกว่านั้น
...ก็แค่ความปรารถนาชั่ววูบ
“พี่ชาย”คำเรียกคำแรกมาพร้อมกับแรงกอดที่โถมลงมาเสียหนักหน่วง ฮันกยองโวยวายเบา ๆ แต่ก็ยินยอมให้น้องชายทับเขาที่นอนอ่านชีวะอยู่บนเตียงแต่โดยดี ฮยอกแจเอาคางไปเกยไหล่คนที่กำลังอ่านหนังสือยาก ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ”แม่ไม่ยอมอยู่กับฮยอกแจ แม่หนีเค้าไปอีกแล้วอ้ะ”
“แม่ออกไปสังสรรค์น่า ฮยอกแจก็รู้ว่าแม่เราสังคมจัดสุด ๆ”ฮันกยองบอกคนขี้เหงาและติดแม่ ฮยอกแจกลิ้งลงจากหลังของฮันกยองมานอนข้าง ๆ แทน ร่างบางมองหนังสือเล่มหนาที่ฮันกยองอ่านแล้วเบะปาก
“พี่ชายก็เอาแต่อ่านหนังสือ”
“เราจะเอาอะไรล่ะ..หื้ม?”ฮันกยองขี้เกียจบอกว่าวันจันทร์สอบ บอกไปคนนี้ก็ไม่ฟัง ฮยอกแจยิ้มหวานและรีบแจ้งจุดประสงค์ทันที
“ฮยอกแจอยากได้เสื้อ”คำขออ้อน ๆ มาพร้อมกับสายตาแป๋วที่มักจะใช้ยามอ้อนกับฮันกยอง รู้ว่าไอ้อยากได้ไม่ใช่จะจ่ายเองหรอกนะ แต่จะให้เขาจ่ายให้ ร่างสูงนิ่งไปอย่างแกล้งทำเป็นคิด แต่พอสบแววตาคู่นั้นอีกทีก็ยอมพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ร่างบางยิ้มแฉ่งและประทับริมฝีปากเข้ากับแก้มของพี่ชายอย่างรวดเร็ว
“งั้นฮยอกแจไปเปลี่ยนชุดนะครับ พี่ก็เร็ว ๆ นะ!”ฮยอกแจเด้งออกไปจากเตียงและวิ่งออกไปที่ห้องตัวเอง ฮันกยองอมยิ้มน้อย ๆ พลางแตะแก้มที่ยังมีร่องรอยบาง ๆ ทิ้งไว้อยู่
ไม่นานนัก สองพี่น้องก็จัดการขอกุญแจรถจากพ่อออกมาขับรถจนได้ ฮันกยองที่มีใบขับขี่แล้วขับรถได้อย่างไม่มีปัญหา ฮยอกแจยังคงพูดมากผีเจาะปากตามปกติ อัดอั้นจากที่โรงเรียนที่ไม่ค่อยได้พูดเพราะต้องทำหน้ากากคนขรึมอยู่เสมอ จะมีกับพี่ชายคนนี้และคยูฮยอนนั่นแหล่ะที่เขายอมเปิดเผยตัวตนจริง ๆ ออกมา
“พี่ฮันกยอง ไปเดินหาข้าวกินก่อนได้ป่ะ หิว”พอมาถึงแทนที่จะได้หาเสื้อตามใจต้องการ ฮยอกแจกลับหิวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ”เค้าหารด้วย อย่าทำหน้างั้นเด้”
“หารจริงนะ”นั่นแหล่ะ ถึงอีกฝ่ายจะน่ารักและเป็นน้องก็เถอะ ฮันกยองก็ยังมีวิญญาณงกอยู่ในตัวถึงได้ขูดรีดฮยอกแจได้แบบนี้ ฮยอกแจทำหน้าบูดและพยักหน้าอย่างจำใจ
“งั้นเอาแค่ฟาสต์ฟู้ดพอนะ”ร่างผอมบางต่อรองเพื่อสวัสดิภาพกระเป๋าตังค์ตัวเอง ร่างสูงก็ได้แต่เออออไปเพราะไม่ชอบขัดใจคนตัวเล็กอยู่แล้ว ทั้งสองคนเดินไปเรื่อย ๆ สู่จุดหมาย แต่พอฮันกยองกับฮยอกแจเข้าไปใกล้...ร่างสูงกลับสังเกตเห็นใครบางคน
“ฮยอกแจ เข้าไปก่อนนะ นี่ตังค์ ซื้อกินไปก่อนเลย พี่มีธุระ”ฮันกยองหยิบกระเป๋าตังค์ทั้งอันใส่มือของฮยอกแจ และเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจสีหน้าเหวอ ๆ ของน้องชาย ร่างสูงเดินตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงระยะที่พอที่จะมองเห็นและฟังได้ จากนั้นก็ยืนนิ่ง
...คนที่เขาตามออกมาไม่ใช่ใคร
แม่เลี้ยงของเขา อีจีอา
อาจจะดูไม่แปลกอะไร ถ้าเธอไม่ได้มากับผู้ชายอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนมถึงขนาดนี้
...เหมือนกับทั้งครอบครัวถูกทรยศ
พ่อของเขาและฮยอกแจ ตัวเขา และฮยอกแจเอง...
เขาไม่ได้กลัวอะไร แต่กลัวพ่อและคนตัวเล็กนั่นจะเสียใจเท่านั้น
“ออกมาแบบนี้ เขาไม่รู้เหรอจีอา?”เสียงของผู้ชายที่ฮันกยองจำได้ลาง ๆ ว่าเคยโทรมาที่บ้านสองสามครั้ง คุณแม่ที่หน้าตายังดูสาวอยู่ยิ้มหวานพลางเอนหัวลงซบไหล่ชายร่างสูงที่เดินอยู่ข้าง ๆ
“ฉันบอกจอนอิลแล้วค่ะว่าออกหาเพื่อนเก่า เราไมได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์นะมินซุง”เสียงของอีกฝ่ายบอก ฮันกยองกัดฟันกรอด ความเชื่อใจที่เคยมีให้แม่เลี้ยงของเขากำลังแตกยับอยู่ภายใน ตอนที่แม่ของเขาตายก็ได้แต่หวังว่าจีอาจะทำให้พ่อเขาดีขึ้น แต่มันก็ดำเนินมาได้เพียงแค่นี้
สิบห้าปีที่ผ่านมา...คงไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
พอเจอแบบนี้ฮันกยองรู้สึกกระดากปากมากขึ้นทุกทีที่เคยเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าแม่ ตอนนั้นที่เขาอายุสามสี่ขวบก็ไม่ได้งอแงกับแม่ใหม่ ยอมรับและเรียกแต่โดยดี ยิ่งพอมีฮยอกแจออกมายิ่งรู้สึกว่าเหมือนครอบครัวอีกครั้งเสียด้วยซ้ำ
“วันนี้ฉันอยู่ได้ถึงหกโมงเย็นนะคะ”จีอาบอกขึ้นอีกครั้ง มินซุงพยักหน้า ทั้งสองเพลิดเพลินกับการเดินดูข้าวของรอบตัวจนไม่ได้สังเกตว่ากำลังมีคนตามอย่างใกล้ชิด”พักนี้ก็ระวังอย่าโทรมาหาที่บ้านนะ มือถือฉันมันก็แปลก ๆ บ่อยเหมือนกัน ชอบดับ แต่ถ้าฉันเปิดเครื่องแล้วเจอเบอร์คุณจะโทรกลับไปเอง โทรเข้าบ้านแล้วฮันกยองเริ่มดูสงสัยแล้วนะ”
“เด็กคนนั้นฉลาดดีนี่”เสียงเยาะ ๆ ของฝ่ายคนที่เขาเรียกว่าชู้ดังขึ้น ฮันกยองกำมือแน่น รู้สึกโกรธแทนพ่อตัวเองที่เป็นไอ้โง่มาตลอด”ไม่ยักเหมือนสามีคุณ”
“อย่าพูดดังไปสิ”จีอาหัวเราะน้อย ๆ และเริ่มสนทนาเรื่องอื่นต่อ แต่แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับฮันกยอง ร่างสูงหันหลังเดินกลับออกมาทางเดิมที่จะไปหาฮยอกแจ ส่วนใจนั้นวิ่งวุ่น
======================================================
แม่ฮยอกสารเลวได้อีก โอ๊ะโอ >w<
คู่วอนซินคงความแย่งซีน คู่นี้เป็นอะไรที่อำนาจมืดรีเควส..เชื่อเค้าเหอะ - -
ขอถาม เรื่องที่ห้าของไรท์เตอร์ กดโหวตกันหน่อย นักอ่านเงาก็ช่วยหน่อยเถอะ T^T
ประกาศ + โปรโมท
ไรท์เตอร์ไปตามงานแถลงข่าวซึ่งอึน ๆ ว่าจะมีมั้ย!! แต่แปะไว้ก่อน
จะร้องบีลีฟกันในงานแถลงข่าวนะจ๊ะ
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=1350068 รายละเอียดทู้นี้
ใครไปงานแถลงอ่านด้วยนะ~~
ขออีกเรื่องได้ไหม อย่าลืม ‘อูรีนึนเอลพึเยโย’ กันนะ!!!!!
อย่าลืม แก้มือ ๆ ><
งานมาแล้ว เรือหายแล้ว งานสุมท่วมหัว - -
ขอโทษที่ช้ามาก แต่เพราะว่างานเยอะจริง ๆ เปิดมาก็งานเลย TwT
เต้นเพลงอินเดียอ่ะ TOT
| ||||
| ||||
Name : ,,MINPOADZ [ IP : 58.9.247.43 ] |
| ||||
| ||||
Name : ,,MINPOADZ [ IP : 58.9.247.43 ] |
| ||||
| ||||
Name : [v]anila`< My.iD > [ IP : 210.1.21.132 ] |
| ||||
| ||||
Name : love_simcin< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เอมิลี่ [ IP : 58.8.238.150 ] |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : POY : ) [ IP : 124.122.91.14 ] |
| ||||
| ||||
Name : SungEun~< My.iD > [ IP : 112.142.92.215 ] |
| ||||
| ||||
Name : my honey [ IP : 58.8.225.66 ] |
| ||||
| ||||
Name : lee.dongmoz [ IP : 118.172.99.151 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : kihae kh [ IP : 110.164.230.26 ] |
| ||||
| ||||
Name : SungEun~< My.iD > [ IP : 64.255.180.177 ] |
| ||||
| ||||
Name : ~sand~< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : o_MoSs_o< My.iD > [ IP : 112.142.46.200 ] |
| ||||
| ||||
Name : Clier [ IP : 124.122.18.101 ] |
| ||||
| ||||
Name : Clier [ IP : 124.122.18.101 ] |
| ||||
| ||||
Name : SungEun~< My.iD > [ IP : 222.123.50.60 ] |
| ||||
| ||||
Name : นักอ่านในเงามืด [ IP : 125.27.217.33 ] |
| ||||
| ||||
Name : mixmo [ IP : 125.24.194.84 ] |
| ||||
| ||||
Name : wonderful [ IP : 124.121.12.136 ] |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > |
| ||||
| ||||
Name : เป็ดตายาว< My.iD > |
ความคิดเห็น