คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [SF] Lust
เอามาลงก่อนหน่อยนึงเพราะแมวยังคงไม่เสร็จ (เล๊ว) พิจารณาไปมา เรื่องนี้เอ็นซีไม่เยอะมาก เอามาลงได้ เพราะที่เหลือ ...เอ่อ อ่านไปเลือดไหลไป = =;
ถือเป็นตัวอย่างประกอบการอยากได้เล่มจริง เพราะมีนจะไม่ลงให้จบ กร๊ากกก
//me หลบลูกถีบ
โดนตัวแดงเมื่อไหร่พร้อมลบ คิ
Lust..
ปรารถนา
ผลสำเร็จที่ใฝ่ฝันไว้กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่การที่จะได้มานั้นเหนื่อยเหลือเกิน
เหนื่อยเกินไป ..จนเขาเริ่มท้อ
ซองมินทิ้งตัวลงกับโซฟาสีขาวหลังจากที่เดินไปปิดผ้าม่านและล็อคประตูไว้แน่น แสงสว่างจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์บนเพดานเป็นอย่างเดียวที่ยังคงทำให้เขาเห็นภาพรอบ ๆ ไปได้ ร่างบางก้มหน้าลงซุกกับมือด้วยความเหนื่อย ในภาพสีดำมีแสงสีขาวพร่าพรายเป็นสิ่งที่บอกว่าเขากำลังจะไม่ไหวแล้ว
เมื่อก่อนเคยคิดว่าการเป็นนักร้องคือความใฝ่ฝันที่ดีที่สุด
แต่ทำไมเมื่อได้มันมาแล้วกลับเหนื่อยแบบนี้
อีซองมิน นักร้องเดี่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่ากำลังมาแรงที่สุด งานเต็มคิวตั้งแต่เช้ายันมืดค่ำ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อก็ได้ น่ารักก็ได้ ทำให้เขาเป็นที่สะดุดตา รวมไปถึงเสียงนุ่มหวานที่เป็นดั่งมนต์สะกด
แต่ใครจะรู้ กับการที่เขาจะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้มันเป็นแบบไหน ...
เสียงกุกกักดังขึ้นนอกหน้าต่างจนทำเอาคนที่นั่งอยู่ผวาเฮือก ดังได้ซักพักก็เงียบไป แต่แบบนี้แหล่ะที่จะยิ่งตอกย้ำให้คนรับรู้หวาดหวั่น เสียงเคาะประตูดังขึ้นแผ่วเบาแล้วเงียบหายไป เปิดไปดูเท่าไหร่ก็ไม่พบใคร ...
มันเกิดเรื่องแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว
เข้าใจว่าถ้าหากดังแล้วก็เป็นแบบนี้ แต่ว่า ... ไม่คิดว่าจะตัวเองจะรู้สึกหลอนได้แบบนี้
โทรศัพท์ดังขึ้นปัจจุบันทันด่วน ซองมินสะดุ้งวาบด้วยความตกใจ มือเล็กหยิบขึ้นมาดูแล้วโยนทิ้งไปอีกฟากของเบาะหนังนุ่ม ๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ชื่อของคนที่โทรมาเป็นชื่อที่เขาไม่อยากจะเห็นที่สุด
...ท่านประธานโจอินยอง
ถ้าไม่ได้คน ๆ นี้เขาอาจจะไม่ได้มายืนตรงนี้ แต่การที่แลกมันมาได้ก็ออกจะน่าสมเพชอยู่ เรื่องที่เขานึกถึงทีไรก็รู้สึกละอายกับชีวิต
...ใครจะรู้ว่าเขาต้องใช้ตัวเข้าแลกในการที่จะมายืนอยู่ตรงนี้
....ใครจะรู้ว่าทำไมเด็กธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรสะดุดตาจะถูกเลือกมาฝึกฝนอย่างดี
......ใครจะเข้าใจว่าอีซองมินรู้สึกทุเรศตัวเองแค่ไหน
เสียงเพลงดังขึ้นแล้วเงียบหายไป แต่ไม่วายโทรซ้ำกลับมาอีกรอบ ซองมินถอนหายใจแล้วตะกายไปหยิบมากดเบอร์ใครอีกคน คนที่ตอนนี้กำลังคิดถึง
“ฮัลโหล ...ชางมิน นอนรึยัง ?”
ชิมชางมิน คนรักของเขาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กฝึกหัดด้วยกัน ตอนนี้ชางมินล้มเลิกความพยายามที่จะเป็นนักร้องไปแล้ว แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ เป็นอีกสิ่งนึงที่ทำให้เขามีแรงทำงานต่อไปได้
(“ยังหรอกซองมิน มีอะไรเหรอ”)
ร่างบางหัวเราะน้อย ๆ พลางหลับตาลง
“เปล่า ...ก็แค่เหนื่อย แล้วก็ ...เฮ้อ ชางมิน มันมาอีกแล้วล่ะ”
(“อะไรเหรอ?”)
“จดหมายอะไรก็ไม่รู้แหล่ะ เปิดออกมานะเลือดเพียบเลย พอเทออกมาก็มีมีด ถูกบาดไปหน่อย”น้ำเสียงที่เล่าเหมือนกับจะเล่านิทาน ซองมินถูปลายนิ้วที่เป็นแผลไปมากับหน้า”พรุ่งนี้ฉันมีคิวตั้งแต่เจ็ดโมงแน่ะ...”
(“แล้วทำไมคนสวยไม่ไปนอนล่ะครับ...หืม?”)ชางมินถามกลับออกมา(“แล้วจดหมายนั่นทิ้งไปเถอะครับ แฟนคลับซองมินมีตั้งมากมายนะ แคร์ทำไมกับโรคจิตคนเดียว”)
“คุยกับชางมินแล้วสบายใจจัง...”ซองมินเดินไปที่เตียง ตั้งใจจะฟังเสียงชางมินจนหลับ มีเสียงกุกกักดังขึ้นอีกแล้วแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ร่างบางเปิดม่านที่หน้าต่างออกมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า”แบบนี้...ฉันน่าจะเลิกไปกับนายด้วยเลย ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว อยากอยู่กับชางมิน”
(“ไม่เป็นไรหรอก ทนเอาเถอะ ...ซองมินทำได้อยู่แล้วนี่นา”)
“นั่นสินะ...”ร่างบางยิ้มอ่อนแล้วทำท่าจะปิดหน้าต่างลง แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงแกรกกรากจากข้างล่าง ในสวนอาจจะมีแมวเข้ามาเพ่นพ่านบ้างก็ได้”คิดถึงชางมินนะ”
(“แสดงว่าเหนื่อยมาก”)
“อื้อ...”ซองมินอ้าปากหาว ตั้งใจจะตัดบท แต่นัยน์ตาใสก็ต้องเบิกค้างเมื่อเห็นภาพอะไรบางอย่างที่กระจกใส คราบเลือดเป็นทางยาวจากอะไรบางอย่างที่ถูกสาดมาหากระจกใส ช่องเล็ก ๆ ที่เขาเปิดไว้เพื่อระบายอากาศมีมีดอันยาวเสียบอยู่”...ชางมิน...”
(“ครับผม?”)
“อยู่กับฉันนะคืนนี้ อย่าหนีไปไหนนะ ..ช่วยด้วย”น้ำตาเอ่อขึ้นเต็มลูกตาด้วยความหวาดกลัว เสียงกุกกักดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าหวาดหวั่น หยดเลือดลากลงมาเป็นทางยาว ร่างบางขยับตัวหนีออกไปทางอีกฟากที่เป็นห้องนั่งเล่น หยิบหมอนมาก่อนแล้วรีบหลับตาลง หูฟังเสียงปลอบใจของชางมินที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงกระจกแตกดังขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงัดลง โดยที่อีซองมินไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปดู ได้แต่ซุกตัวอยู่แบบนั้น
หวาดกลัวเหลือเกิน
ร่างบางอ้าปากหาวเมื่อตื่นขึ้นจากนิทราโดยที่หลับคาโทรศัพท์มือถือ ลืมเลือนเรื่องเมื่อคืนไปแล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อร่างบางเดินเข้าไปในห้องนอน นัยน์ตาสวยฉายแววตกใจและวาบหายลงไปเมื่อเห็นรอยเลือดบนกระจกหนา ซองมินเดินไปชะโงกมองและพบกับเศษซากกระจกอีกบานแตกอยู่ด้านล่าง ตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากแล้ว เพียงแต่คงจะต้องหาที่อยู่ใหม่ก็เท่านั้น หรือไม่ก็ให้ผู้จัดการมานอนด้วยกันกับเขาเสียเลย
พูดถึงก็โผล่มาเรียกตัวพอดี เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น เขาพักอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งคราวเมื่อพอใจ แต่ปกติจะนอนคอนโดที่ใกล้บริษัทมากกว่า ร่างบางรีบใส่เสื้อกันหนาวแล้ววิ่งออกไปรับชินดงฮี ผู้จัดการของเขา
“ทำไมวันนี้ไม่เดินเข้ามาล่ะครับพี่ชิน...อ้าว”พอเปิดประตูออกไปกลับเจอแต่สายลมเย็น ๆ ในฤดูหนาวเสียแบบนั้น หิมะหน้าบ้านขาวโพลนเป็นประกายระยิบระยับ รอยเท้าเลอะโคลนเพียงรอยเดียวบอกว่ามีคนมาเมื่อครู่จริง ๆ แต่ตอนนี้กลับหายตัวไปแล้ว ร่างบางขมวดคิ้วแล้วก้มลงหาที่อื่นอีก คราวนี้เจอแต่เพียงซองสีน้ำตาลซองหนึ่งเท่านั้น
อาจจะเป็นจดหมายเป็นทางการอะไรซักอย่าง
ร่างบางหยิบขึ้นมาดู คงไม่ใช่จดหมายแฟนคลับเพราะบ้านพักที่นี่มาเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่สองเท่านั้น ไม่น่าจะมีใครรู้เร็วขนาดนั้น มือแกะซองออกดูกระดาษสีขาวภายใน หมึกสีแดงขุ่นคล้ำที่ใช้ตวัดเขียนตัวอักษรจางลงบ้างไปแล้ว แต่ข้อใหญ่ใจความยังคงครบถ้วน ใบหน้าหวานที่มีหมวกไหมพรมสีชมพูปิดไปถึงครึ่งซีดขาว
‘ฉันมองคุณอยู่’
แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของอีซองมินกระหน่ำด้วยความหวาดหวั่น ตัวอักษรส่งกลิ่นสนิมเหล็กโชยขึ้นมาจนไม่น่าไว้วางใจ ร่างบางรีบโยนลงถังขยะแล้วเหลียวซ้ายเหลียวขวา ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือศัตรูที่มองไม่เห็น ซองมินรีบถอยหลังเข้าบ้านแล้วล็อกประตูด้วยมือที่สั่นระริก
ใคร ..ใครมองเขาอยู่
เสียงแกรกกรากดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ได้ยินเหมือนเสียงเล็บยาว ๆ ขูดไปมาบนหน้าต่าง ร่างบางถลาไปซุกตัวบนโซฟา ตลอดร่างคล้ายมีความหนาวยะเยือกเข้าห่มไว้เหมือนผ้าห่มที่เยือกเย็น ไม่กล้ามองร่างเงาดำ ๆ ที่วาบขึ้นมาให้เห็นตรงหน้าต่าง ซองมินไม่กล้าลืมตาด้วยซ้ำ พยายามปิดตัวเองจากเสียงที่น่าขนลุกนั่น ...
โทรศัพท์ดังขึ้น ร่างบางรีบควานรับ เสียงเล็บหยุดหายพร้อมกับที่มีเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน
(“ซองมิน ..ออกมาได้แล้ว”)
“พี่ชินดง...”
เท่านั้นแหล่ะซองมินก็รีบปาดน้ำตาทิ้งแล้วสวมเสื้อผ้าใหม่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับคิวงานวันนี้ อัดเทปรายการตอนเก้าโมงเช้าจนถึงเที่ยง แล้วก็ขึ้นสเตจตอนสี่โมงยี่สิบนาที ตอนดึกไปออกรายการวิทยุอีก พรุ่งนี้ยังมีงานแจกลายเซ็นแล้วก็อัดเทปอีกรายการนึง ..แล้วก็สเตจต่อไป เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“มาแล้วครับ”
ซองมินเปิดประตูออกไปแล้วเตรียมพร้อมจะขึ้นรถไปกับผู้จัดการ ชินดงถอนหายใจแล้วมองซองมินอย่างเป็นห่วง
“อย่านอนที่นี่คนเดียวอีกนะ”
“อ้าว ..พี่ รู้ได้ไง”รอยยิ้มสดใสที่จงใจปั้นแต่งไม่ให้เป็นห่วงวาบหายไปเลย ชินดงพยักเพยิดไปทางรอยเท้ายุ่งเหยิงบนพื้นสามสี่รอย พร้อมกับของเหลวสีแดงคล้ำสาดเป็นทาง ตามด้วยดอกกุหลาบเหี่ยวแห้งวางทิ้งไว้อีก”พี่ชินดง...”
“นอนที่คอนโด เดี๋ยวพี่จะให้น้องพี่ไปนอนเป็นเพื่อน รยออุคน่ะ”ชินดงเตือนด้วยความเป็นห่วง เดี๋ยวนี้แฟนคลับโรคจิตมีมากขึ้นทุกวันจนน่าเป็นห่วง กรณีของซองมินแย่ที่สุด มันไม่ใช่แค่ก่อกวนให้รำคาญใจ กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผวาเลยก็ได้
“ฮะ...”ซองมินพยักหน้า รยออุคน้องชายของชินดงเป็นคนที่เขาคุ้นเคยอีกคน รยออุคขี้กลัว แต่ก็ดีกว่าไม่มีใครมานอนเป็นเพื่อนล่ะวะ”ไปเหอะครับ เดี๋ยวสาย”
“งั้นขึ้นรถไปเร็ว ระวังท่านประธานเขาโมโหนะ เมื่อคืนโทรมาไล่เบี้ยกับฉันทีนึงแล้ว”
ซองมินขึ้นที่นั่งข้างคนขับแล้วเหม่อไปข้างหน้า รู้สึกสมเพชตัวเองอีกครั้งเมื่อสำนึกได้ด้วยว่ามีวันนี้ด้วยอะไร อะไรบางอย่างที่ผิดศีลธรรม ชินดงเองก็รู้และเข้าใจดี
“ผมเหนื่อยจังเลย ..พอมาได้แบบนี้ ผมก็รู้ว่าผมไม่ได้ต้องการชื่อเสียง ผมแค่มีความสุขกับการร้องเพลง”ซองมินเปรยเบา ๆ ชินดงเหลือบมองอารมณ์สีเทาของนักร้งคนเก่งอย่างไม่สบายใจ”แต่ผมก็อยากอยู่กับแฟนคลับนะ...”
“อื้อ คิดแบบนั้นก็ดี”
“ถ้าผมไม่เอาตัวเข้าแลก...น่าสมเพชจังเลย”ซองมินหัวเราะขื่นแล้วหลับตาลง พักนี้ยิ่งรู้สึกทนไม่ไหวจนอยากจะเลิกเป็นนักร้องเสียดื้อ ๆ”ผมอยากหนี...”
“ซองมิน..”
“ผมรู้ฮะว่ามันทำไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ผมจะทิ้งหน้าที่การงานไปได้ยังไง”ร่างบางหัวเราะน้อย ๆ แล้วบ่นถึงเรื่องเมื่อเช้ามาให้ชินดงฟัง”ผมกลัวฮะ ผมกลัว ..”
“จะให้พี่เอาลงเน็ตมั้ย?”ชินดงแซวเล่น รู้กันดีว่าถ้าเรื่องนี้ไปลงเน็ต ... คนที่เข้ามารังควานซองมินจะโดนสวดยับ ด่าเสียจนเละเทะไม่เหลือดี แต่ซองมินก็ส่ายหัว
“อย่าให้ผมดังเรื่องแย่ ๆ ไปมากกว่านี้เลยฮะ”ซองมินถอนหายใจอีกครั้งด้วยความเหนื่อยหน่าย ชินดงก็ไม่พูดอะไรอีกนอกจากสงสารซองมินเท่านั้น เด็กคนนี้ที่จริงฝีมือดี แต่ไม่น่าไปถูกใจประธานบริษัทเอาเสียได้ ...ไม่งั้นน่าจะมีความสุขกว่านี้
เพราะถ้าไม่ตอบสนองคำขอของผู้บริหาร สี่ปีที่อีซองมินฝึกมาอาจจะดับสูญไปในทันที
พอกลับมาที่คอนโดอีกครั้งพร้อมรยออุคก็ต้องเดินคุยกันอย่างงง ๆ เรื่องประธานโจ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพักนี้ถึงได้เงียบหายทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนติดต่อมาทุกวันให้ไปหา รยออุคเป็นคนเอาข่าวนี้มาบอก และตอนนี้คนตัวเล็กก็เริ่มตั้งข้อสังเกตให้ซองมินฟังทีละขึ้น
“เค้าบอกว่าภรรยาของประธานฆ่าตัวตายแหล่ะพี่ซองมิน”
“จริงอ่ะ?”ซองมินแบกถุงจากร้านสะดวกซื้อขึ้นมากินเป็นข้าวเย็นยามดึกไปด้วย ตอนนี้ก็ล่อไปห้าทุ่มแล้ว ถึงว่า...
“ท่าทางพี่จะงานเยอะไปหน่อย งานศพเค้าจัดตั้งแต่สองสามวันก่อนนู้นแล้วว”รยออุคบอกพลางหยิบคีย์การ์ดมาเสียบให้ ซองมินเดินตามเข้าไปพลางวางถุงไว้บนโต๊ะ ดีเหมือนกันที่เอาคนตัวเล็กพูดมากคนนี้มาอยู่ด้วย ไม่เงียบเหงาขึ้นเยอะ”ไม่รู้สิ บางที ... เอ้อ พี่ซองมิน โทรศัพท์ดังแน่ะ”
“เหรอ ..ไหน”ซองมินท่าทางจะเบลอจริง ๆ ด้วย หน้าจอขึ้นชื่อคนที่เขาอยากคุยมากที่สุด ร่างบางยิ้มรับสายพลางกรอกเสียงสดชื่นลงไปเพื่อไม่ให้เป็นห่วง
“ครับแม่...”
รยออุคมองสีหน้ายิ้มแย้มของพี่ชายด้ยความเป็นห่วง แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูเช่นกัน ก่อนที่จะยิ้มกว้าง น่าแปลกที่เขาคิดถึงคนรักเพียงเสี้ยววินาที คิมจงอุนก็โทรมาหาทันที
(“รับเร็วจังน้า”)
“แล้วแซวทำไมเล่า ...รับก็ดีแล้วนี่นา”รยออุคทำเสียงหงุง ๆ หงิง ๆ ใส่อีกฝ่าย”โทรมามีอะไรน่ะ...”
(“ชางมินมันสงสัยว่าทำไมซองมินสายไม่ว่าง”)
“อ้าว ชางมินไม่โทรหาเค้าล่ะ ..แล้วชางมินรู้ได้ไงว่าเค้าอยู่กับพี่ซองมิน”
อีกฝ่ายหัวเราะน้อย ๆ มีเสียงคนพูดดังมาสองสามคนจากฝั่งนั้น
(“พี่ไม่ยอมให้เบอร์รยออุคกับชางมินน่ะสิ พี่หวง”)
แก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อก่อนที่จะตีอากาศด้วยความเขิน แต่เสียงก็ยังมั่นคงเหมือนปกติ
“พี่ซองมินคุยกับแม่อยู่ฮะ ทำไมเหรอ”
เยซองก็ได้แต่ตอบว่าไม่มีอะไร ก่อนที่จะต่อบทสนทนาประสาคนรักกันไปอีกยาวยืด ซองมินที่คุยเสร็จแล้วเลยมายืนดูอยู่อีกฟาก ยิ้มน้อย ๆ แล้วกดโทรออกหาชางมินต่อ
แต่เสียงคนที่รับสายกลับไม่ใช่คนชื่อชางมินเสียแบบนั้น
“ชางมิน?”
(“จะพูดกับชางมินเหรอ”)เสียงนั้นดูเย็นยะเยือกจนทำให้ซองมินรู้สึกแปลกประหลาด แต่มันก็หายไปเมื่อมีชางมินมารับโทรศัพท์(“ฮัลโหลซองมิน”)
“ได้ข่าวว่าคิดถึง”ร่างบางตอบเสียงนิ่ง ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากอีกฟากได้
(“อื้อ...แล้วพักนี้ยังดีอยู่มั้ย ไม่มีอะไรมาตามรังควานใช่มั้ย”)ชางมินซักด้วยความเป็นห่วงเพราะดูจากเรื่องเมื่อวานแล้วก็น่าห่วงใช่ย่อย แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องเดียว
“อื้อ ..ก็ดี ขอบใจนะที่เป็นห่วง”ซองมินเงียบไป จะว่าไป ..พักนี้ระยะทางระหว่างเขากับชางมินดูเหินห่างเสียจนรู้สึกชืดชาไป”อยู่กับ..ใครบ้างน่ะ”
(“เยซอง ..เอ้อ”)ชางมินเว้นไปพักนึง(“คยูฮยอน”)
“ใครน่ะ?”
(“เพื่อนน่ะ...คุยมั้ย”)
“อ้าว..ชางมิน เฮ้ย”ซองมินจะปฏิเสธก็ทำไม่ทัน เพราะอยู่ดี ๆ ชางมินก็ยื่นสายให้คยูฮยอนอะไรนั่นเฉยเลย”ฮัลโหล”
(“
.”)
อีกฝ่ายเงียบซะงั้น ซองมินทำหน้างงใส่มือถือ
“งั้นขอคุยกับชางมินต่อนะ”
(“
.หึ”)
อีกฝ่ายแค่นเสียงเย็นชาจนน่าตกใจ ก่อนที่ซองมินจะได้คุยกับชางมินต่อ โดยที่ก็ยังงง ๆ อยู่ว่าคนที่ชื่อคยูฮยอนนั่น ..เป็นอะไร
ผ่านไปได้อีกสองสามอาทิตย์กับความลำบากสำหรับทุกอย่าง ซองมินรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด อารมณ์ก็ไม่ค่อยคงที่นัก การฝืนทำให้สีหน้าดูแจ่มใสนั้นยากลำบาก และตอนนี้แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมันเกิดเรื่องแบบนี้
จดหมายเลือด ใบมีด การทำลายข้าวของหักพัง หรือว่ารูปตัวเขาในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ตอนนั้นเขาคิดว่าอยู่คนเดียว ทั้งนอน ทั้งกินข้าว ...แล้วใครมันถ่ายรูปพวกนี้ส่งมาให้
...เครียดจนจะแย่อยู่แล้ว
“ซองมิน แบบนี้มันแย่แล้วนะ”ชางมินเอ่ยเสียงเครียดเมื่ออ่านข้อความในกระดาษจบ การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันจีนก็สวยดีหรอก แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ได้ใช้เลือดเขียน”...มัน ..ทำไมมันเยอะแบบนี้”
ซองมินส่ายหัว ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงได้เยอะแบบนี้ ดูจากในเน็ตแอนตี้แฟนเขาก็มี แต่ไม่ได้เยอะมากมาย และดูท่าทางว่าสิ่งที่ส่งมาทุกครั้งเกิดจากฝีมือของคน ๆ เดียวเสียด้วย
ชางมินโยนใบมีดสีเงินเงาวับลงถังขยะไป รวม ๆ กับกองขยะที่อยู่ในนั้นมาก่อนแล้ว ร่างสูงโอบคนตัวเล็กไว้แน่นแล้วกระซิบข้างหูซองมินเบา ๆ
“...ซองมิน อยากจะหนีมั้ย”
“นายก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”ซองมินตอบเสียงเหนื่อย อยากพัก..พักซักเดือนสองเดือนให้คลายความกังวลออกไปบ้าง แต่คนรักของเขากลับมาสีหน้าเหมือนกับอยากให้ประหลาดใจ ร่างสูงก้มตัวลงมาแล้วใช้มือลูบหัวซองมินเบา ๆ
“ถ้าทำได้ล่ะ...?”
ข้อเสนอของชางมินทำให้คนตัวเล็กทำหน้าตกใจ รู้ว่าพ่อของชางมินมีอำนาจในบริษัทแต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้ ข้อเสนอที่ว่าจะให้ซองมินหยุดงานสองอาทิตย์โดยมีข้ออ้างว่าป่วยจนต้องหยุดพัก
“
.มันก็ไม่ใช่หนีหรอกนะ แต่ผมอยากจะบอกว่า ...ถ้าซองมินได้ใช้เวลาสองอาทิตย์นั้นล่ะก็ ทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดีเองครับ”คำมั่นสัญญาจากคนรักทำให้ซองมินเกือบน้ำตาไหล ในที่สุดเขาก็จะได้หนีไปไกล ๆ หนีไปเป็นอิสระเสียที
“ขอบใจมากเลยนะ...”
“ไม่เป็นไรครับ”
ถ้าซองมินจะเงยหน้าขึ้นมาจากการซบลงบนบ่าของคนที่คิดว่าพึ่งพาได้ก็คงจะได้เห็นอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดในสายตาของชางมิน ไม่ใช่ความห่วงใย แต่เป็นความเจ้าเล่ห์อะไรบางอย่าง
“ซองมินอยากไปไหนเอ่ย”
ทั้งสองขึ้นมาบนรถของชางมินแล้วโดยที่ซองมินก็สีหน้าเหมือนเด็กเล็ก ๆ ถูกพาไปเที่ยวนอกบ้าน วันนี้เขาได้เรียกตัวเองว่าอีซองมิน คนธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียง ไม่ใช่นักร้องที่ต้องฝืนยิ้มกลบความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจ
“ที่ไหนล่ะที่คนน้อย ๆ”ซองมินหลับตาแล้วพยายามนึกถึงที่ที่เหมาะกับการไปพักแบบไม่มีใครตามได้”หน้าหนาวแบบนี้ไปทะเลเถอะ”
“ซองมินนี่แปลกดีเหมือนกันนะ หน้าหนาวนู่น ...สกี น้ำพุร้อน ซองมินอยากไปทะเลซะงั้น”
“ตอนนี้คนคงจะน้อย ...ดีออก”ซองมินหลับตาลง ความง่วงเริ่มจู่โจมเพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับก็ตีสอง ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงกว่า ๆ ย่อมง่วงเป็นธรรมดา ชางมินเอื้อมมือมาข้างหนึ่งแล้วลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ
“หลับก่อนก็ได้นะซองมิน เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อย”
เดี๋ยวทุกอย่างก็เรียบร้อย
บางทีอาจจะเป็นได้แค่ความฝันก็ได้
พอลืมตาขึ้นมา ซองมินก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับสิ่งรอบด้าน ไม่ใช่เสียงลมทะเลชวนให้สบายใจเหมือนทุกที แต่ตอนนี้เขาถูกนำมาปล่อยไว้คนเดียวที่ไหนซักที่ ในบ้างหลังใหญ่ บนเตียงนอนที่มีมุ้งวิจิตร ดูเหมือนเป็นห้องนอนยุคเก่าของใครซักคน
แล้วชางมินหายไปไหน ?
ซองมินลุกขึ้นยืน ว่าจะออกไปดูซักหน่อย ห้องนี้มีแสงสว่างจากตะเกียงดวงเก่า ๆ กลางเพดานดวงเดียว ดูแล้วน่าขนลุก โดยเฉพาะสำหรับคนที่เจอเรื่องหลอน ๆ มาอย่างซองมิน หน้าต่างก็มีแต่ไม่มีใครเปิด ร่างบางจับลูกบิดได้หน่อยเดียว เสียงเปียโนก็ดังผะแผ่วขึ้นมาจากที่ไหนซักที่ ...
เพลง The moonlight sonata
ฟังแล้วพบกับความหงอยเหงาของเนื้อหาเพลง บีโธเฟ่นประพันธ์เพลงนี้ให้กับหญิงสาวที่เขาหลงรักข้างเดียว บรรยากาศอาจจะเหมาะสำหรับคนโศกทั่วไป แต่ไม่ใช่ตรงนี้ ไม่ใช่ตอนนี้
...น่ากลัว
...และหลอนมากเสียด้วย
จากเพลงเดิมเปลี่ยนไปเป็นอีกเพลงหนึ่ง เพลงที่ทำให้ซองมินตัวเย็นวาบด้วยความขนลุก Chopin Sonata No.2 movement 3 หรือเพลงส่งศพของโชแปง ท่วงทำนองที่หนักแน่นและเยือกเย็นทำให้ซองมินรู้สึกก้าวขาไม่ออก มือบางพยายามหมุนลูกบิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพลงนั้นยังดังอยู่ ..ก่อนที่จะเงียบหายไป ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นนอกห้อง เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมด้วยความหวาดหวั่น ฝีเท้านั้นลากช้า ๆ เหมือนกับไม่เร่งร้อน
ประตูเปิดออกเนิบนาบ ซองมินไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนที่เข้ามาใหม่ ร่างบางซุกตัวอยู่ที่มุมห้องเหมือนสัตว์ป่าที่หวาดกลัว เรียกรอยยิ้มจากคนที่เข้ามาใหม่ได้
“สวัสดี ..อีซองมิน?”ซองมินยิ่งหลับตา แต่รู้สึกแปลก ๆ ว่าเสียงนั้นคุ้นหูเสียจนน่ากลัว”สบายดีไหมครับ...?”
ซองมินไม่ตอบด้วยซ้ำ เพียงแต่หลับตาแน่นขึ้นเหมือนกับหวังให้ตัวเองหลับไปตลอดกาล ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ เสียงหัวเราะเยือกเย็นบาดใจที่ทำให้คนฟังขนลุก
“กลัวหรือครับ”ร่างสูงลูบแก้มของอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยความหลงใหล”ลืมตาขึ้นมองหน้าผมก่อนสิ ...คุณซองมิน”
แรงบีบจากมือทำให้ซองมินต้องลืมตาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้นัยน์ตาจะพร่าพรายไปด้วยแสงสว่างแปลก ๆ ภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งปรากฏสู่สายตา ใบหน้าคมเข้มติดหวานนิด ๆ นัยน์ตาสีดำที่มีประกายแปลกประหลาด ยามใดที่ได้สบตาต้องรู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าดูด รอยยิ้มอ่อนโยนที่แฝงความอันตรายไว้ดูน่ากลัว ....
ร่างสูงพินิจใบหน้าหวานทีละส่วนด้วยความพอใจ มือใหญ่ไล้ใบหน้าหวานที่เจือความหวาดกลัวจนมองเห็นได้ชัด คนนี้สินะ ... ที่เขาปรารถนา คนนี้สินะ...ที่เขาหลงใหล อยากจะได้มาครอบครอง
คนนี้สินะ ... ที่ทำให้แม่ของเขาตาย
“คุณคงยังไม่รู้จักผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ โจคยูฮยอน”รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้พร้อมกับการแนะนำตัว ร่างบางเบิกตากว้าง นี่มัน ..ลูกของประธานบริษัทนี่นา ไม่ใช่แฟนคลับโรคจิตอย่างที่คิดไว้
“อื้อ ... คยูฮยอนเหรอ”ร่างบางตะกุกตะกักออกมาด้วยความสับสน ร่างสูงพยักหน้ารับ”เพื่อนชางมินเหรอ ..แล้วชางมินอยู่ที่ไหน”
ร่างสูงแค่นหัวเราะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนตัวเล็กถามถึงชางมิน
...ใครจะไปรู้ คนตัวเล็กที่ดูใสซื่อแบบนี้ ที่จริงก็ผ่านใครมาแล้วหลายคน
“อย่าไปหาเลย ..ชางมินไปแล้วล่ะ”
“ไปแล้ว?”รู้สึกแปลก ๆ กับวลีนั้น หวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คยูฮยอนยิ้มบาง ๆ แล้วดึงให้ซองมินลุกขึ้น ซองมินจะขัดขืนก็ไม่ได้ ได้แต่เดินตามไป
“อยากให้ดูอะไรหน่อย”
“ตอบผมมาก่อนสิ ..ชางมินอยู่ไหนครับ?”ร่างบางพยายามซักถาม แต่คยูฮยอนก็ไม่ตอบ จนทั้งสองมาหยุดอยู่ที่รูปของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ร่างสูงหยุดลงตรงหน้ารูปนั้น สายตาที่มองไปอย่างรูปภาพดูอ่อนโยน
“ซองมินครับ รู้จักผู้หญิงคนนี้มั้ย ...โจอึนบี”คำถามหันมาตั้งกับร่างบาง ซองมินส่ายหัว แต่กลับรู้สึกคุ้น ๆ ชื่อนี้ขึ้นมา
“แม่ผมเอง ภรรยาของประธานบริษัทที่คุณทำงานอยู่นั่นแหล่ะ”
คำตอบทำให้ร่างบางเบิกตากว้างอย่างตกใจ ภรรยาของประธานที่ตายไปแล้ว ....แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเขา
มือของร่างสูงที่กุมข้อมือเขาแน่นขึ้นจนน่าตกใจ คยูฮยอนยิ้มบางให้รูปของแม่แล้วเริ่มพูดด้วยสีหน้าที่สมจริงสมจัง
“แม่ครับ...ผมพามาแล้วนะ แม่จำได้ไหม คนนี้ไง ..ซองมินที่แม่ชอบมาก ๆ”
จากมุมมองของซองมิน คยูฮยอนน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าที่กำลังพูดอยู่นั้นดูเหม่อลอย และกำลังนึกไปถึงใครบางคนที่ไม่ได้มีตัวตน ร่างบางอยากจะขยับตัวหนี ..แต่ก็ไม่กล้า แต่สมองก็เริ่มทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่างได้ราง ๆ
...หรือว่าแม่ของคยูฮยอนจะรู้เรื่องของเขากับพ่อของคยูฮยอน
เลือดในกายเย็นเฉียบด้วยความหวาดกลัว บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องนั้น ได้แต่หวังไว้สุดใจ ...ถึงแม้โอกาสที่เป็นไปไม่ได้น้อยมาก น้อยจนแทบจะติดลบ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง แม่ของคยูฮยอนโทรเข้าเบอร์เขาสองสามครั้ง แต่เขาก็ได้แต่ตอบปัดป้องไปด้วยความรู้สึกผิด ในใจก็อยากจะบอกว่าไม่ได้อยากตกเป็นคนแบบนี้นักหรอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ
แล้วตอนนี้ ..เขาทำให้คน ๆ หนึ่งตายใช่ไหม
“ใช่แล้วครับ ..ฮ่า ๆ เขาไม่ใช่คนรักของคุณพ่อหรอกครับ เขาเป็นของผม”คำพูดนั้นยืนยันความสงสัยของร่างบางได้หมดสิ้น”คุณแม่แค่คิดไปเอง ..เห็นมั้ยครับ ...คุณแม่ไม่น่าคิดมากเลย ถ้าคุณแม่อยู่นานกว่านี้ผมก็จะพาเค้ามาหาแม่แล้วนะ”
ร่างสูงสีหน้าหมองลง และไม่ทันได้ตั้งตัว คยูฮยอนก็หันหัวมาหาร่างบางแล้วรั้งมาแนบอก ริมฝีปากเย็นเฉียบประทับเข้าแล้วเริ่มต้นจูบด้วยความรุนแรง ซองมินไม่สามารถขัดขืนได้เลย ได้แต่นิ่งอยู่แบบนั้นด้วยความหวาดกลัว นิ้วที่แตะแก้มของร่างบางอยู่เปลี่ยนไปลูบไล้เรือนผมนุ่มเบา ๆ ร่างบางน้ำตาไหลออกมาด้วยความกลัว ก่อนที่ร่างสูงจะละใบหน้าออกแล้วก้าวเข้าไปใกล้ ๆ อีกหนึ่งก้าว
“คุณแม่ครับ เคยบ่นใช่ไหมว่าอยากฟังซองมินร้องเพลง ...ผมก็จะให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้ล่ะครับ...ซองมิน ร้องเพลงให้แม่ฟังสิ”
ร่างบางถูกดันขึ้นมาข้างหน้า พร้อมกับสายตาอ่อนโยนที่เหมือนกับเป็นคนรักจริง ๆ นัยน์ตาสวยมีความรู้สึกผิดปนอยู่เต็มเปี่ยม ร่างบางหวาดกลัวก็จริง แต่คำที่ว่าเขาเป็นต้นเหตุก็ผลักดันให้ซองมินร้องเพลงออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ
ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเปลี่ยนไป
ฉันคิดถึงแต่สิ่งดีๆมาโดยตลอด หลังจากที่เราได้พบกัน
ดูเหมือนสิ่งต่างๆกำลังเปลี่ยนไปอย่างมากมายโดยที่ฉันไม่รู้ตัว ได้โปรดหยุดมันเถอะ
เธอได้ยินเพลงนี้มั้ย
ฉันขอบคุณเธอมากจริงๆ
โอ ที่รัก
เสียงหวาน ๆ ถูกขับออกมาเป็นเพลงไพเราะ คยูฮยอนมองภาพนั้นด้วยความหลงใหล นานแล้วที่เขาได้แต่มองคน ๆ นี้ ...ถึงแม้ฐานะจะใกล้เคียงกัน แต่มีอุปสรรคที่เป็นผู้ปกครองของตนเองขวางกั้น กี่เดือนแล้วที่เขาเฝ้ามองเด็กฝึกคนน่ารักคนนี้ไว้ อยากจะใกล้ชิด แต่ทุกอย่างก็พังทลายเมื่อพ่อของเขาเอาไปครอบครองเสียก่อน และทำให้แม่ของเขาเสียใจเสียจนฆ่าตัวตาย
....โจคยูฮยอนที่เคว้งคว้าง
....ไม่เหลือใคร ...
เหลือเพียงความมืดว่างเปล่า ไร้ที่พึ่งใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้คือคน ๆ นี้ ซองมินเป็นนักร้องที่แม่ชอบมาก ๆ อีกคนหนึ่ง เขาเองก็ชอบ แต่มากกว่าแม่หลายเท่านัก
...คำว่าชอบของเขามันตีความได้คล้ายกับ ‘ปรารถนา’
สีหน้าเหม่อลอยที่จ้องมองมาทำให้ซองมินขนลุกชันด้วยความหวาดระแวง ร่างเล็กเงียบเสียงไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี คยูฮยอนหันหลังกลับแล้วกระชากตัวซองมินมาอย่างแรง ร่างบางผวาตามไปอย่างแรง รีบร้อนลงบันไดเวียนตามไปให้ทัน ไม่งั้นอาจจะมีสิทธิตกลงไปได้ ร่างบางถูกเหวี่ยงเต็มแรงเข้าไปที่อีกห้องหนึ่ง ซองมินเซล้มลงไปปะทะกับผนังอีกด้าน ไม่มีแรงต้าน ถึงแม้จะดีดตัวขึ้นมาได้แต่ก็ทำอะไรโต้ตอบไม่ได้เลย คยูฮยอนตรงเข้ามากดซองมินไว้กับผนัง สายตาเยือกเย็นที่มองตรงมาทำให้ร่างบางใจแทบจะหยุดเต้น
“ผมควรจะทำอย่างไรกับคุณดี...”คยูฮยอนพึมพำแล้วยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ซองมินแทบจะสิ้นสติ ได้แต่ตะโกนภาวนาในใจให้เขาช็อกตายไปเสียตรงนั้น รวมถึงความรู้สึกแย่ในใจที่เกิดขึ้นเพราะถูกคนรักหักหลัง ชางมินหักหลังเขาด้วยการเอาเขามาส่งให้คยูฮยอน เหมือนที่ผ่านมาเป็นแค่ของเล่น ไม่ได้มีความสำคัญอะไร
พอเบื่อก็โยนทิ้งให้คนอื่นใช้ ...
“คยูฮยอน ...ขอร้อง”เหมือนคำขอนั้นจะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน คยูฮยอนทำเหมือนไม่ได้ยิน ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มือใหญ่เลื่อนไปกุมตรงลำคอขาว ส่อแววความอันตราย อีกมือก็ตรึงซองมินไว้แน่น”พอแค่นี้นะ ... ปล่อยฉัน อ๊ะ..!!”
เสียงในลำคอถูกดูดกลืนหายไป ร่างบางตาเบิกกว้างเมื่อนิ้วของอีกฝ่ายกดลงมาตรงลำคอ บีบหลอดลมแน่นเสียจนหายใจไม่ออก ซองมินเหลือกตาขึ้นอย่างทรมาน ทุรนทุรายด้วยความต้องการอากาศหายใจคืน คยูฮยอนยิ้มน้อย ๆ พลางประทับริมฝีปากเข้ากับอีกฝ่าย ความเย็นวาบแตะกัน ซองมินดิ้นขัดขืนตามสัญชาตญาณ ยิ่งมีจูบที่มาแย่งอากาศหายใจซ้ำสองอีก
ทรมาน....
คยูฮยอนปล่อยมือออกช้า ๆ ซองมินตัวอ่อนยวบลงอย่างไร้เรี่ยวแรง หอบหายใจรุนแรงอย่างต้องการอากาศหายใจกลับคืนมา แต่คยูฮยอนไม่ปล่อยอิสระให้คงตัวอยู่นานนัก ร่างสูงประทับจูบลงไปอีกครั้งด้วยความโหยหา ปลายลิ้นทั้งสองเกี่ยวพันกัน ซึมซับความหวานที่ร้ายกาจดุจดั่งยาพิษ ซองมินไม่มีสิทธิขัดขืนแม้แต่น้อย ได้แต่โอนอ่อนตามไป แต่อีกใจหนึ่งก็กลับรู้สึกดีกับความเจ็บปวดที่ได้รับ คยูฮยอนไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น มือทั้งอีกข้างที่ว่างลากช้า ๆ ไปบนผิวกาย ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวานละมุนอย่างที่ปกติจะเกิด กลับทำให้รู้สึกหนาวเย็น
คำว่าเซ็กส์ บางคนอาจจะมองว่าเป็นการระบายความใคร่ หรืออาจจะเป็นการแสดงความรัก แต่สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ไร้ความรัก ไร้ความใคร่ กลับเป็นความโหยหาแบบประหลาด ๆ ที่ทำให้บทรักนั้นแตกต่างจากปกติ คยูฮยอนทำเหมือนซองมินเป็นสิ่งที่ต้องระวังไม่ให้บุบสลาย แต่ทุกอย่างที่กระทำก็ดูเยือกเย็น
เขาก็ไม่เข้าใจ ....
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไรท์เตอร์ไปไหน?
ไปเลี้ยงส่งเพื่อนที่จะไปญี่ปุ่นมา มันจะไปปีนึง เดือนมีนามีคนไปอังกฤษอีก แล้วก็มีไปเยอรมันกะเมกา ทิ้งเพื่อนในห้องเหลือ 13 คน เยอะที่สุด = =
เดากันไปว่าจะจบอย่างไร (หัวเราะอย่างสะใจ)
ธีมของตัว 7Sins คือสีดำ มืดหม่น ทะมึนทึนทึบ ดังนั้นอย่าหวังว่าเรื่องไหนจะน่ารักนะ *-*
คยูมิน ตอนจบคือได้อยู่ด้วยกันแน่นอน หึหึ
หลังจากตอนนี้ก็ลงตอนอื่นที่มีนแต่งไม่ได้แล้ว เพราะที่เหลือดูเหมือนจะเอ็นซีเกือบทั้งหมด
เจอเล่มนี้ในงานฟิค และจะเปิดให้จองเมื่อ ...ทุกคนมีตังค์ -..-
ตอนนี้เพลียใจเรื่องป๋า ...เพลี๊ยเพลีย
อาเกิง อั๊วเชื่อใจลื้อนะ ยังรอลื้ออยู่เน้อ หว่ออ้ายหนี่
จะรอนะ แล้วก็วันหลังสัมภาษณ์อย่าให้คลุมเครือ งง TT
ความคิดเห็น