คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Part 2]
[Part 2]
“น้องคุณอยู่ที่นี่...”บอกเสียงเรียบ แจจุงพยักหน้ารับในขณะที่สมองว่างเปล่าทรุดตัวลงนั่งหน้าหลุมศพของน้องชาย
“จุนซู...พี่มาแล้ว”แจจุงพึมพำเสียงแผ่ว รอยยิ้มเอื่อยประดับบนใบหน้าขาวเนียน
[ชี นา กา บอ รีน ออ รี ชีน]
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าเป็นเพลงคิกขุเสียจนแจจุงต้องหันมามองยุนโฮใหม่
หน้าตาแบบนี้ไม่เข้ากับเพลงสักนิด - -
“ว่าไง?”
“วันก่อนที่นายช่วยเหยื่อคนนั้นออกมาใช่คิม แจ จุงรึเปล่า?”
“ใช่”ตอบไปคิ้วก็เริ่มขมวดเพราะความสงสัย “ทำไม?”
“นายรู้ใช่ไหมว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น...”ปลายเสียงถามลองเชิง ยุนโฮจึงตอบเสียงไม่สบอารมณ์
“ใช่...ไม่มีไรดี ปากดี รั้น เอาแต่ใจ”คำตอบที่ทำให้ปลายสายเงียบไปทันควัน “แล้วทำไม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นยุนโฮ...”ปลายสายยังรักษาเสียงได้นิ่งเหมือนเดิมจนยุนโฮชักจะหมันไส้ “นายรู้ว่าเขามีกลิ่นเลือดที่พวกอสูรร้ายโปรดปรานนักล่ะ”
“อ้อ...เรื่องนั้น”ยุนโฮทำเสียงสูงเสียจนน่าถีบ “แล้วทำไมคิบอม?”
“หัวหน้าใหญ่สั่งมาให้นาย...ดูแลแจจุงด้วยชีวิต”
“หา! หมายความว่ายังไงนะ!!!”ร่างสูงร้องเสียงหลงจนแจจุงที่นั่งอยู่ต้องปิดหูทำหน้าเบ้
“เดี๋ยวหนังสือคำสั่งก็คงมาถึงนาย แค่นี้นะ”ว่าเสร็จก็ตัดสายทิ้งไปทันที
“แก...เดี๋ยวไอ้บอมมาคุยกันให้รู้เรื่อง! โว้ยยย!!!”ร่างสูงสบถอย่างอารมณ์เสียจนแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งแต่ความเสียดายมันบอกว่าอย่าเพราะซื้อมานี่ก็เป็นจำนวนมากอยู่
“มีอะไรเหรอยุนโฮ?”แจจุงถามขึ้นหลังจากทนนั่งดูยุนโฮบ้ากับโทรศัพท์อยู่นานสองนาน
“ไม่มีไรหรอก”บอกเสียงห้วนที่ทำแจจุงต้องสบถหมันไส้เบาๆ
[-ปี๊บ-]
เสียงจากเครื่องรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือแลดูแปลกตาสำหรับแจจุง ยุนโฮยกมันขึ้นมาเหนื่อยๆแล้วเปิดมันออก ทันใดนั้นภาพสามมิติก็ฉายออกมาเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนอะไรบางอย่างไว้
คิม แจ จุง เป็นมนุษย์ที่มีเลือดสีทอง ซึ่งเป็นเลือดที่อสูรโปรดปรานและเมื่อพวกมันได้กินเลือดสีทองเข้าไปแล้วก็จะเป็นผลให้มันมีพละกำลังเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
เลือดสีทองปกติแล้วจะเป็นเลือดที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายของคนในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตายไปหมดสิ้นแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าแจจุงเป็นคนเดียวที่มีเลือดสีทองในร่างกาย
ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น จอง ยุน โฮ
จงดูแลปกป้องคิม แจ จุง ด้วยชีวิต...
ยุนโฮพับอุปกรณ์ที่มีเฉพาะนักล่าลงแล้วยัดมันไว้ในกระเป๋าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคู่คมเหลือบมามองแจจุงที่นั่งอยู่หน้าหลุมศพแล้วก็ต้องถอนหายใจ
อยู่กับแจจุง...ร้ายยิ่งกว่าตกนรก
นัยน์ตาเรียวกรอกขึ้นฟ้าครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจบอกคนสวยที่นั่งจ้องหลุมศพด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก
“แจจุง...พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่แล้วกันนะ”
“หือ?...ทำไมล่ะ ฉันยังอยากอยู่ต่อ”แจจุงบอกพร้อมทำหน้างอง้ำเชิดกลับไปมองหลุมศพต่อปล่อยให้ยุนโฮถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมน่ะเหรอ?”ปลายประโยคขึ้นเสียงสูงจนน่ากลัวก่อนต่อ “คุณอยากอยู่ต่อให้ตัวประหลาดนั่นมันขย้ำคุณรึไง?”
“ไม่เห็นมีสักตัว”บอกห้วนแถมยังไม่หันมามองหน้ายุนโฮเล่นเอาร่างสูงแทบอยากจะร้องตะโกนให้ลั่นโลก
“มันเย็นแล้ว”ยุนโฮต้องข่มสตินับสิบเพื่อเพียรจะข่มเสียงไม่ให้ว้ากร่างบางเข้าให้ “ตัวประหลาดของคุณมันจะออกมาเพ่นพ่าน”คราวนี้คนฟังหันมาทำตาวาววับ
“มันไม่ใช่ของฉัน”
“เอาเถอะๆ...กลับได้แล้วแจจุง”ยุนโฮตัดบทก่อนจะเดินนำออกไป
แจจุงลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามยุนโฮออกไปโดยไม่ลืมที่จะกล่าวคำอำลากับน้องชายที่แจจุงไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึเปล่า
พี่ไปก่อนนะจุนซู...แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่
ร่างบางเดินตามยุนโฮไปเรื่อยๆพลันบรรยากาศก็หนาวจับขั้วหัวใจ แจจุงหันมองรอบตัวแต่ก็ไม่พบอะไร ริมฝีปากสีเชอร์รี่แห้งผากพอๆกับความกลัวที่แล่นเข้ามา
“ย...ยุนโฮ”เสียงหวานพึมพำเสียงแผ่วเพราะไม่มีแรงตะโกนแต่คนที่เดินนำหน้าก็ยังเดินนำต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หันมามอง
วิ่งสิ...ก้าวขาสิแจจุง
แจจุงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นก่อนจะวิ่งออกไปโดยไม่มองทางด้วยซ้ำ
โครม!
ร่างบางล้มโครมกับพื้นถึงแม้จะเจ็บแต่ก็ร้องไม่ออกเมื่อเห็นคนตรงหน้า ความรู้สึกหวาดกลัวจนอยากจะร้องไห้ถ่าโถมเข้ามาเหมือนพายุร้าย
“วิ่งดูทางหน่อยสิครับ...”คำพูดเย็นเยียบกับรอยยิ้มที่ทำให้แจจุงต้องถอยหนี “กลัวเหรอ?”
“ย...ยุนโฮ!!!!”แจจุงกรีดร้องลั่น “ฮือ...ยุนโฮ!!!”
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกนะ...อย่ากลัวผมเลย”ร่างสูงยิ้มให้แต่แจจุงกลับเห็นว่ารอยยิ้มนั่นมันช่างดูน่ากลัวเกินกว่าที่จะเชื่อใจได้ “ถูกคนสวยกลัวแบบนี้...ผมก็แย่น่ะสิครับ”
“ยุนโฮ!!!”แจจุงหลับตาแน่นตะโกนเรียกอีกคนที่แจจุงเหลืออยู่ คนเดียวที่เขาเชื่อและไว้ใจที่สุดในตอนนี้
“เรียกอะไรคุณ...โหวกเหวกอยู่ได้”น้ำเสียงที่ติดจะดูรำคาญดังขึ้น แจจุงกระพริบตาถี่มองภาพของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ทำไมถึงมานั่งเล่นตรงนี้ล่ะ”
“เห็น....ผู้ชายที่เดินไปเมื่อกี้ไหม?”แจจุงถามเสียงสั่น ยุนโฮเลิกคิ้วแล้วส่ายหน้า “เขา...น่ากลัว”
“อ้อ...ที่คุณร้องเพราะคุณกลัว”ยุนโฮบอกเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณกลัวใครก็ไม่รู้ที่บางทีอาจจะเดินผ่านมาเพื่อไปเยี่ยมศพใครสักคนงั้นเหรอ ให้ตายเถอะ!”
“มันไม่ใช่นะยุนโฮ”แจจุงขึ้นเสียงกลับ “เขาน่ากลัวจริงๆ...”
“คุณน่ะ...เจอเรื่องนั้นก็เลยปล่อยให้จิตมาหลอนประสาทสินะ”ร่างสูงพูดเอื่อย “สติ...รู้จักมีสติอย่าให้จิตมันหลอนประสาท”พูดเป็นเชิงแนะนำแต่ก็ทำให้แจจุงเคืองเมื่อร่างสูงไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูด
บางที...คงต้องรอให้เขาโดนจับกินก่อนล่ะมั้งยุนโฮถึงจะเชื่อ
“แล้วเราจะไปกันได้รึยัง...”ถามเสียงเรียบเหมือนต่อว่าเป็นนัยทำให้แจจุงถลึงตากลับอย่างเอาเรื่อง ยุนโฮถอนหายใจเฮือกก่อนจะเดินนำออกไป
“เดี๋ยวสิ!...”คำเรียกที่ทำให้ยุนโฮต้องหันมามองแล้วเลิกคิ้วประมาณว่าอะไรอีก “นายอย่าเดินหลังให้ฉันสิ...”
“งั้นคุณนำผม โอเคไหม...”ยุนโฮถามกลับแต่คำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้า “งั้นคุณมาเดินข้างๆผม?”
“ฉ...ฉันกลัว”ร่างบางบอกเสียงสั่นทำให้ยุนโฮต้องถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ นี่ถ้าถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุสั้นลง 1 ปีนะผมว่าชีวิตผมคงหดสั้นลงเพราะแจจุงนี่ล่ะ
ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างบางก่อนจะคว้ามือนุ่มขึ้นมาจับ
“เอางี้...ผมยอมให้คุณจับมือ”
“ใครอยากจับมือนายกันล่ะ!”แจจุงบ่นอุบแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือยุนโฮออก
“โอเค...คุณยอมให้ผมจับมือ”ยุนโฮแก้ให้อย่างขอไปที “ถ้ากลัวก็จับแน่นๆ...คนอย่างผมไม่กลายเป็นตัวประหลาดมาหลอกคุณหรอกนะ”ปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มขบขันที่ทำให้แจจุงอยากเอาป้ายมาห้อยคอยุนโฮว่า
...หมีไม่น่าคบแห่งปี...
_____________________
บรรยากาศที่เคยร้อนอบอ้าวกลับหนาวขึ้นมาในทันควัน สายลมเริ่มกระหน่ำพัดแรงแข่งกรีดร้องกันโหยหวนราวกับเกิดอาเพศจากมนต์ดำ
บุรุษในชุดคลุมสีดำสนิทลากยาวถึงพื้นกรีดยิ้มเย็นขณะที่ดวงตาคู่คมจดจ้องไปที่หลุมฝังศพด้วยความหมาย
แต่เป็นความหมายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
เสียงสวดอะไรบางอย่างเริ่มดังก้องทั่วบริเวณ ท้องฟ้าเริ่มมืดครื้มก่อนจะกลายเป็นแดงฉานราวกับเลือดและไม่ทันไรฝนก็เริ่มกระหน่ำเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง
หากแต่มันไม่ใช่น้ำฝนอย่างที่ควรจะเป็น มันมีสีแดงข้นและเหม็นคาวเหมือนเลือด
หยาดฝนโลหิตที่ตกลงมาทำให้เจ้าของบทสวดยกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนเสียงทรงอำนาจจะกล่าวขึ้น
“ลุกขึ้นมาสิ...คิม จุน ซู...”
มันเป็นเสียงที่ก้องกังวานจนขนลุกซู่ ดินที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือดสั่นสะเทือนน้อยๆก่อนร่างที่นอนหลับใต้พื้นดินจะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
“ลุกขึ้นมา....ลุกขึ้นมา”
ร่างใต้ผืนดินค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกใดๆ
“มองฉันสิ...ฉันที่มอบชีวิตให้นายอีกครั้งไงล่ะ”ร่างเล็กค่อยๆหันมามองบุรุษในชุดคลุมอย่างเชื่องช้าด้วยนัยน์ตาที่ว่างเปล่าไร้ความรู้สึกก่อนร่างนั้นจะทรุดกายหมดสติลงกับพื้นทันที
“สมใจพี่แล้วสินะ”บุคคลที่สามเอ่ยถามพร้อมหัวเราะเย็นๆ
“หึ...ชางมินนายมาก็ดีแล้ว”
“เหอะ...พี่จะให้ใช้เวทเคลื่อนย้ายส่งพี่กับจุนซูกลับบ้านเลยงั้นสิ”ชางมินบอกอย่างรู้ทัน
“เอาน่า...ฉันเหนื่อยนี่นา”
“พี่ยูชอนล่ะอย่างนี้ทั้งปี...”ชางมินบ่นเบาๆก่อนจะเริ่มร่ายเวท ร่างทั้งสามร่างเรืองแสงขึ้นก่อนจะหายวับไปเหมือนไม่มีตัวตน
“เตรียมใจได้เลยนะฮะ...จุนซูตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องด่าพี่”ชางมินบอกคนเป็นพี่ ยูชอนทำหน้าเบ้
“ไมวะ...ฉันอุตส่าห์มอบชีวิตให้เขาทั้งที”
“ใครหน้าไหนอยากเป็นซอมบี้เดินได้มั่งล่ะฮะ”ชางมินย้อน “เตรียมหูไว้โดนด่าได้เลย”
“อือ...”เสียงขัดจังหวะการพูดคุยของพี่น้องอายุห่างกันร่วมร้อยปีทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง จุนซูที่มีสีผิวขาวซีดจนน่ากลัวค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
“เป็นไง...รู้สึกยังไงบ้างกับชีวิตใหม่?”ยูชอนว่ายิ้มๆในขณะที่คนตัวเล็กกลับมีนัยน์ตากร้าวขึ้น
“นาย!!...ทำไมนายต้องทำแบบนี้!!!”เสียงแหลมปี๊ดชวนปวดหัวดังขึ้นอย่างตั้งตัวไม่ทัน “ฉ...ฉันอยากได้ชีวิตที่เหมือนผีดิบนี่ที่ไหนกันล่ะ!”
“ผมบอกพี่แล้ว”ชางมินกระซิบก่อนจะขอตัวเดินไปอีกห้องหนึ่งเพราะไม่อยากทนฟังเสียงแหลมนั่นต่อไป
“ฉันเกลียดนาย!!!”ตวาดเสียงแหลมแล้วเริ่มกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติ มือบางกวาดสะเปะสะปะไร้ทิศทาง
“นายทำอะไรของนายน่ะ!!”ยูชอนเข้าไปจับตัวร่างเล็กให้อยู่นิ่ง จุนซูเริ่มสะอื้นแล้วทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ป...ปล่อยฉัน...ฮือ”
คำพูดที่ทำให้ยูชอนต้องจิ๊ปากอย่างรำคาญแล้วเดินออกไปปล่อยให้ร่างเล็กนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวอย่างรวดร้าว
“น่ารำคาญชะมัด...”คำพูดสุดท้ายที่ร่างสูงสบถก่อนจะเดินออกไป
.
.
.
.
.
.
“ฮือๆ.....”
-----------------------------------------
[...M@Y Talk...]
อืม...ลงแล้วๆๆ
เม้นกันด้วยน้า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านค่ะ ^^
ถึง...เด็กบ้า
อย่าปล่อยกลัว "อะไร" ถ้ามันยังไม่เกิด อยากทำอะไรก็ทำ เป็นพอ ถึงเค้าจะไม่รู้ซึ้งเรื่องพวกนี้แต่ก็...ขอให้แกทำตามใจตัวเอง
ไอ้บ้าเอ๊ย = =" ฉันขอให้แกโชคดี
ความคิดเห็น