ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic:TVxQ)Begin to Breathe [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : [Part 9]

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 52


    [Part 9]

     

     

    โว้ย...เมื่อคืนอิ่มมาก ขอบใจนะเว้ย!”ยุนโฮตะโกนบอกเจ้าของร้านชาวจีน ฮันกยองยิ้มส่งเดินเข้ามากอดคอหมีแล้วตบบ่าปั๊กๆ

     

    ไม่เป็นไรว่ะเพื่อน

     

    ฉันเจ็บนะเว้ยไอ้ผีจีน!”

     

    เอ้า!...ยืนบ่นอยู่ได้ไปได้แล้ว อ้อ! คุณแจจุงครับช่วงเช้านี้ไม่มีปีศาจมาเพ่นพ่านหรอกครับถ้าไม่เชื่อผมยอมให้คุณแจจุงคนสวยเพ่นกบาลไอ้หมีมันได้เลยครับ

     

    ยุนโฮส่งเสียงครางงึมงำในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะดึงกึ่งลากแจจุงออกจากร้านอาหารจีนโดยมีฮันกยองยืนส่งอยู่หน้าร้าน

     

    แล้วเจอกันใหม่นะคร้าบบ~”

     

     

    นี่ๆ...แจจุงร้องเรียกคนตัวสูงที่เดินนำอยู่เบื้องหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งเจ้าตัวเลยถือโอกาสถามต่อซ่ะเลย ทำไม...ปีศาจพวกนั้นไม่ออกมาตอนเช้าล่ะ?

     

    พันธะสัญญาน่ะคำตอบที่ไม่กระจ่างทำให้เจ้าของใบหน้าสวยขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิม

     

    ขยายความน่ะเป็นไหมยุนโฮ

     

    แล้วทำไมคุณถึงอยากรู้?คำย้อนถามที่ทำให้แจจุงชักอยากจะบีบคอหมีให้สิ้นชีพเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยุนโฮที่ยังคงเดินนำอยู่หัวเราะน้อยๆก่อนจะเฉลยเสียงทุ้ม นานมาแล้ว...ผู้มีเลือดสีทองได้รวมตัวกันและสละชีวิตเพื่อทำพันธะสัญญากับปีศาจไว้เพื่อแลกกับการไม่ทำร้ายมนุษย์ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นและเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดนั่นก็คือเวลาเช้า เที่ยงและบ่าย

     

    แจจุงเงียบเหมือนเด็กที่กำลังตั้งใจฟังครูสอนหนังสือ ยุนโฮจึงเริ่มเล่าต่อ

     

    ด้วยความที่เป็นชนเผ่าที่มีเลือดสีทองเมื่อปีศาจได้ดื่มจะทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นและมีอายุที่มากขึ้นแต่ด้วยการเสียสละในครั้งนั้นทำให้ชนเผ่าเลือดสีทองสูญพันธุ์ ไม่สิ...ยังเหลือรอดอยู่นี่นา

     

    ใคร?

     

    คราวนี้ยุนโฮหันมามองคนถามด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก รอยยิ้มบางระบายบนดวงหน้าคม

     

    นั่นสินะ...ใครกัน?

     

    อย่ามาปั่นหัวฉันนะ!”แจจุงเริ่มขึ้นเสียง

     

    ฉันไม่ได้ปั่นหัวคุณ...คุณต่างหากที่คิดไปเองหมียังกวนเสมอในสายตาของแจจุง ยุนโฮขยับยิ้มเอื่อยแม้จะหล่อเหลากระชากใจใครมานักต่อนักแล้วแต่สำหรับแจจุงรอยยิ้มนี่มันไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มที่กวนโทโสสักเท่าไหร่

     

    เฮอะ!...ฉันไม่พูดกับนายแล้ว!!”แจจุงตัดบทอย่างหงุดหงิด

     

    เพราะรู้ว่ายุนโฮคงแค่อยากจะกวนโมโหเขาก็เท่านั้นและถามให้ตายยังไงยุนโฮก็คงไม่ยอมบอกอยู่ดี อีกอย่างไอ้เรื่องคนมีเลือดสีทองนั่นมันเป็นใครเขาเองก็ไม่ได้อยากจะรู้นักหรอก

     

    เว้นแต่ว่า...ไอ้คนเลือดสีทองนั่นจะเป็นคนที่เขารู้จักมันก็เป็นอีกเรื่อง

     

    ______________________

     

    จุนซูกระพริบตาถี่หลังจากตื่นนอน ร่างเล็กหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียงนุ่มที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะนอน ภาพเมื่อคืนที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัยย้อนกลับมาในโสตประสาทอีกครั้ง

     

    ฝันเหรอ?

     

    คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากตัวเองอย่างคิดไม่ตก ความรู้สึกอบอุ่นที่ตรงนี้ยังคงตราตรึงราวกับมันเกิดขึ้นจริง

     

    หรือว่ามันจะเป็นความจริง?

     

    ความจริงที่ว่ายูชอนจูบเขาและนั่งดูดวงจันทร์ด้วยกัน ยูชอนยิ้มให้เขา ยูชอนที่เปลี่ยนไปเหมือนอีกคน

     

    และความจริงที่ว่า...ยูชอนเรียกก้อนเนื้อด้านซ้ายให้มีตัวตนอีกครั้ง เรียกให้มันเต้นไม่เป็นกระส่ำอยู่ภายใน

     

    จุนซูกวาดตามองรอบห้องที่ยังคงสภาพความอ้างว้างให้เห็นเหมือนทุกวัน ห้องสีเทาหม่นที่ไม่มีหน้าต่าง มีฟอร์นิเจอร์มากมายแต่กลับดูมืดมน

     

    บางที...การล้างหน้าในตอนเช้ามันอาจจะทำให้เขาตื่น

     

     

     

    หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จในตอนเช้าจุนซูก็เปิดประตูห้องออกไป แล้วก็ต้องตกใจเมื่อดันเปิดไปชนโครมเข้าให้กับเจ้าของร่างสูงที่หอบหนังสือกองพะเนินอยู่หน้าห้อง

     

    โครม!

     

    หนังสือเล่มหนาเท่าฝาบ้านหล่นโครมทับชางมินและกระจัดกระจายไปทั่วทันที ร่างสูงกระวีวาดเก็บมันมาตั้งไว้เป็นกองโดยมีจุนซูช่วยเก็บและพร่ำคำขอโทษอยู่ตลอดเวลา

     

    ไม่เป็นไรฮะ...แต่ว่าวันนี้จุนซูตื่นสายนะชางมินว่าขณะที่เก็บหนังสือ คงฝันดีจนไม่อยากจะตื่นล่ะสิท่า

     

    คำหยอกล้อชองชางมินทำให้คนตัวเล็กอดหน้าแดงไม่ได้ จุนซูเสหน้าไปทางอื่นแล้วก็เจอกับคนในห้วงฝันพอดี

     

    ห้วงฝันที่ย้ำชัดว่าไม่ใช่ความจริง...

     

    ยูชอน~”ร่างเพรียวของคนแปลกหน้าที่จุนซูไม่รู้จักยกมือเกี่ยวกระหวัดคล้องคอยูชอนให้โน้มหน้าลงมามองตน วันนี้ที่เรียกฉันมามีเรื่องอะไรอีกหืมม์...ปลายประโยคครางเสียงแผ่วดูเย้ายวน ยูชอนค่อยเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าร่างเพรียวออกอย่างแผ่วเบา

     

    หน้าที่นายก็รู้ดีนี่ลีทึก

     

    ทุกอย่างย้ำชัดและลงล็อคอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องมีคำบอกกล่าวใดๆ จุนซูยืนโหวงความรู้สึกทั้งหมดเหมือนกำลังทิ้งดิ่งจมลงเหวที่มืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด

     

    ฝัน....

     

    มันคงเป็นความฝันจริงๆ...

     

    นายมันหื่นเป็นอย่างเดียวเลยนะยูชอนลีทึกว่าเสียงกระเซ้าก่อนต่อ แต่ว่านะครั้งหน้าถ้านายเรียกฉันอาจจะมาไม่ได้เพราะฉันกำลังถูกใจหมีตัวนึงอยู่

     

    หมี...?ยูชอนขยับยิ้มเมื่อนึกถึงหมีที่คนสวยพูดถึงก่อนจะเริ่มอ้อน เขาดีกว่าผมเหรอ?

     

    ฉันอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่ารักแต่ก็รู้สึกดีเมื่ออยู่กับคังอินลีทึกบอกพร้อมรอยยิ้มและนิยามของคนกำลังมีความรักและกำลังจะจากเขาไป

     

    ดงแฮก็เคยพูดกับเขาแบบนี้แต่ไม่เหมือนตรงที่ว่าดงแฮพ่วงด้วยคำด่าเหมือนพายุเข้าตบท้าย

     

    ว้า~แบบนี้ฉันก็คิดถึงนายแย่เลย

     

    คิดถึงหรือเสียดายกันแน่หึ?ลีทึกย้อนอย่างรู้ทันก่อนจะพึมพำ นายรู้ไหม...ที่นายทำแบบนี้อาจจะทำให้ใครบางคนคิดจริงจังและหลงรักนาย

     

    ภาพตรงหน้าที่ทำให้จุนซูรู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ...

     

    เป็นอะไรไป?

     

    นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆจุนซู...อย่าบอกนะว่านายติดใจรสจูบของหมอนั่นไปเสียแล้ว!

     

    แล้วนั่นใครล่ะ?ลีทึกพยักเพยิดมาทางจุนซู รึว่าวันนี้นายอยากเล่น 3P “คนสวยว่าทีเล่นทีจริง ยูชอนหัวเราะกับตลกร้ายของลีทึก

     

    หมอนั่นก็เป็นของเล่น...แต่เป็นของเล่นที่น่าหมันไส้มันไม่เชื่องแม้แต่กับเจ้านายของมันน้ำเสียงเย้ยหยันที่ทำให้จุนซูรู้สึกเกลียดยูชอนไปอีกร้อยเท่า

     

    เรื่องเมื่อคืนเป็นความฝันจริงๆ คนเมื่อคืนไม่ใช่ยูชอนแต่ไอ้หมาบ้าตรงหน้านี่ต่างหากที่คือยูชอน!

     

    แล้วที่เขารู้สึกแปลกๆนั่นอาจเป็นเพราะความหวั่นไหวชั่ววูบที่มีให้คนที่หน้าเหมือนยูชอนในมโนความคิดที่ไม่มีอยู่จริงแต่สำหรับคนตรงหน้ามันคือคำว่าเกลียดและแค้นเท่านั้น!

     

     ฉันไม่ใช่ของเล่นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าตัวที่กำลังเดือด ชางมินมองภาพละครตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ

     

    พี่ยูชอนครับ...เลิกพูดจาเสียดสีกับพี่จุนซูสักทีเหอะแค่นี้เขาก็เกลียดพี่จะแย่อยู่แล้ว

     

    นายไม่มีสิทธิมาสั่งสอนฉันชางมิน!”ยูชอนหันมาตวาดใส่ร่างสูง ชางมินส่ายหน้า

     

    พี่ครับ...เมื่อคืนพี่ยังดีกับจุนซูได้ขนาดนั้นแท้ๆเลยนะคำกล่าวที่ทำให้จุนซูหันไปมองชางมินอย่างไม่เชื่อหู ส่วนยูชอนก็จ้องชางมินราวกับเจ้าตัวนั้นได้พูดคำผรุสวาทร้ายกาจออกไป

     

    ชางมิน!”ยูชอนตวาดได้เพียงแค่ชื่อของคนตรงหน้า ความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมดจนแยกแยะไม่ออกว่ามันคือความรู้สึกอะไร

     

    จุนซูจ้องยูชอนด้วยแววตาที่หลากความหมายที่เจ้าตัวส่งออกมาเป็นคำถามว่า ทำไม

     

    ปาร์ค ยูชอนคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ ตรงหน้าฉันต่างหากที่เป็นยูชอนตัวจริงเสียงจุนซูเรียบแต่มันก็ทำให้คนฟังรู้สึกราวกับโดนมีดกรีด ยูชอนกำมือแน่นนัยน์ตาเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว

     

    เด็ก...คำแรกที่เอ่ยออกมาโดยที่เจ้าตัวพยายามข่มให้เรียบ เด็กน้อยที่ร้องห่มร้องไห้คิดถึงพี่ชายฉันก็แค่รำคาญเสียงนั่นก็เลยเข้าไปหาหวังเพียงแค่จะอุดปากนายเท่านั้นอย่าคิดว่าฉันพิศวาสนายเข้าล่ะจุนซู....”น้ำเสียงที่เรียบจนน่ากลัวก่อนเจ้าตัวจะคว้าตัวลีทึกที่ยืนอยู่ให้เดินตามออกไปโดยมีจุนซูมองตาม

     

    มองด้วยนัยน์ตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ

     

    ไม่บ่งบอกความรู้สึกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเช่นไรดูเหมือนตุ๊กตาหุ่นเชิดที่ไร้หัวใจที่กำลังเฝ้ามองเจ้าของที่เล่นตุ๊กตาแล้วทิ้งเดินจนไกลออกไป

     

    จุนซูจะไปปีกตะวันออกกับผมหรือเปล่าฮะ?และก็เป็นชางมินเสมอที่เข้ามาทักยามที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหนื่อย

     

    และไม่ใช่เหนื่อยธรรมดาแต่เป็นเหนื่อยมากเสียด้วยสิ

     

    อื้อ~”ร่างบางตอบรับพร้อมการพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ ยูชอนเขาร้ายกับฉันคนเดียวรึเปล่า?ชางมินเลิกคิ้วกับคำถามก่อนจะตอบพร้อมกับที่เจ้าตัวสูงเดินหอบหนังสือนำหน้าไป

     

    ก็ไม่เชิงหรอกฮะ แต่มีจุนซูคนเดียวที่ยูชอนร้ายใส่แล้วยังปล่อยให้อยู่ในบ้านนี้เด็กอัจฉริยะมุ่นหัวคิ้วก่อนต่อ ซึ่งผมคิดว่ามันแปลกๆคนคิดไม่ตกยังเดินงงต่อไปก่อนเจ้าของร่างสูงจะหยุดกึกเล่นเอาคนเดินตามหยุดไม่ทัน

     

    ร่างเล็กชนโครมเข้าให้เป็นหนที่สองของวัน หนังสือกองพะเนินร่วงโครมทับเจ้าของจนจมหายไปในกองหนังสือ ก่อนชางมินจะโผล่ศีรษะขึ้นมาฉีกยิ้มกวนโทโส

     

    อย่างนี้มันเหมือนละครหลังข่าวเลยนะผมว่า...ประมาณต้นร้ายปลายดีแต่แบบพี่ยูชอนกับจุนซูน่าจะเข้าข่ายสวรรค์เบี่ยงทะเลาะกันจนแทบตายไปข้างสุดท้ายนางเอกก็ป่องชางมินว่าพลางเก็บหนังสือขึ้นมาถือไว้ตามเดิน และจากประโยคนี้เองที่ทำให้จุนซูได้รู้ว่าพี่กับน้องมันก็เลวไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก

     

    นายว่ายูชอนแย่มากไหม?คนตัวเล็กที่เดินตามเอ่ยถามลอยๆ

     

    สุดยอดแห่งความชั่วเลยล่ะและคนถนัดขายพี่ก็ตอบทันควัน

     

    ไม่...ฉันหมายถึงปากจุนซูตีตรงประเด็นและถูกจุดแต่มีหรือคนอย่างชางมินจะสะอึก เจ้าตัวดีรู้ตัวตัวทันทีว่าคนน่ารักกำลังจะพูดอะไรต่อเจ้าตัวจึงชิงพูดตัดหน้าอย่างน่าหมันไส้

     

    โอ๊ย! ถ้าเรื่องนั้นพี่ยูชอนเลวได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของผมหรอก

     

    ใช่สิ..ปากนายมันเฮงซวย

     

    ใช่...ผมมันปากไม่ดีเจ้าตัวดียังไหลต่อไปอย่างน่าไม่อาย แต่ว่านะ...ถ้าเรื่องทำคนน่ารักร้องไห้ยังไงผมก็ไม่เก่งเท่าพี่ยูชอนหรอก

     

    นายนี่มัน...จุนซูเว้นคำพูดไว้แค่นั้นอย่างหงุดหงิด ร่างสูงของชางมินวางกองหนังสือไว้ที่โต๊ะก่อนจะหันมาบอกจุนซูเสียงใส

     

    วันนี้ผมมีเรื่องให้ช่วย เมื่อเช้าคนเพิ่งมาส่งหนังสือผมก็เลยต้องขนมันไปไว้ที่ชั้น...จุนซูช่วยหน่อยนะชางมินว่าพลางชี้ไปทางกองหนังสือกับชั้นวางหนังสือแล้วก็แอบเหงื่อตกอย่างช่วยไม่ได้

     

    อะไรมันจะเยอะได้ปานนั้น

     

    ชางมินเริ่มออกปฏิบัติการขนหนังสือโดยมีจุนซูคอยช่วย คนสองคนในห้องหนังสือของชางมินสาละวนในการขนของอยู่นานจนลืมเวลา

     

    และลืมคนบางคน...

     

     

    จุนซู...ตัวเล็กแต่อึดจังเนาะชางมินว่าขึ้น ผมยังเหนื่อยเลย ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?

     

    เหนื่อยกว่านี้ฉันยังเคยเจอมาแล้วเลยจุนซูพูดประโยคแฝงความนัย ชางมินหัวเราะแห้งๆรับก่อนจะยื่นหนังสือกองโตให้จุนซูไป

     

    ร่างเล็กเดินไปเดินมาอยู่หลายครั้งและหลายชั่วโมงและนั่นมันก็เป็นสาเหตุให้ร่างกายเกิดความล้าได้เหมือนกัน เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดพรายขึ้นแต่จุนซูก็ยังไม่เลิก

     

    จุนซูเดินเข้าไปแบกหนังสือมากองสูงกว่าระดับศีรษะและเดินไปยังชั้นหนังสือเพิ่มส่งต่อให้ชางมินที่กำลังใช้ความสูงให้เป็นประโยชน์ในการจัดหนังสือเข้าชั้นบน ร่างเล็กเดินเงอะงะโคลงเคลงไปมาเพราะความฝืนที่เกินตัวก่อนหนังสือจะร่วงโครมลงมาชนเข้ากับชั้นหนังสือ

     

    ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้หนังสือที่ยังไม่เรียบร้อยบนชั้นหนังสือร่วงตกลงมา จุนซูยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อรู้ตัวว่ากองหนังสือเท่าภูเขากำลังจะหล่นทับและนั่นก็เป็นเหตุให้คนสติดีกว่าถลาเข้ามาช่วย

     

    ชางมินกอดตัวจุนซูเข้ามาในอ้อมอกแล้วใช้ร่างกายของตัวเองเป็นที่กำบังให้กับร่างเล็ก จุนซูได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ไม่คาดคิดว่าชางมินจะทำอะไรแบบนี้

     

    ยิ่ง...กับลมหายใจอุ่นๆ

     

    และอ้อมกอดที่เข้ามาปกป้อง...

     

    คนน่ารักอดหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ได้ ชางมินก้มลงมามองคนตัวเล็กในอ้อมแขนก่อนจะถามเสียงเครียดที่ฉายแววเจือความห่วงใยมาในน้ำเสียง

     

    เป็นอะไรไหมฮะ?

     

    ม...ไม่ร่างเล็กปฎิเสธตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานที่แดงฉ่าก้มงุดๆทำให้ชางมินนึกออกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในสภาพไหน ร่างสูงเริ่มออกอาการเงอะงะทำอะไรไม่ถูกแทนเสียดื้อๆ เอ่อ...ขอโทษที่ต้องทำให้เจ็บตัว

     

    อื้อ...ชางมินครางตอบ คลำศีรษะตัวเองป้อยๆลบความกระดากอายและความรู้สึกผิดที่ดันไปกอดคนของคนอื่นเขา

     

    ผิด...ที่เล่นกับของของคนอันตราย

     

    ทีหลังก็ระวังตัวหน่อยนะ...ผมเป็นฮีโร่ช่วยตลอดไม่ได้หรอก

     

     

     

     

     

     

     

    หึ...

     

    ควรรู้สึกยังไงกับภาพตรงหน้าดีล่ะ?

     

    โกรธ?

     

    แค้น?

     

    ผิดหวัง?

     

    เสียใจ?

     

    เลือกมาสักอย่างว่าตัวเองนั้นรู้สึกแบบไหน จุนซูกับชางมิน คนของเขากับน้องชายต่างสายเลือด สุนัขไม่เชื่องเลี้ยงไปมันก็เปลืองข้าวสุกจริงๆนั่นแหล่ะ

     

    อี๋อ๋อกันในห้องสมุด...น่าไม่อายกันจริงๆ

     

    เอาเถอะ...ปล่อยไปสักครั้ง

     

    คงต้องยอมปิดหูปิดตาโยนของเล่นให้สุนัขมันเล่นบ้าง...

     

    ก็แหม...

     

    ดันมีความสุขกันทั้งของเล่นแล้วก็สุนัขเลยนี่!!! 
    [....M@Y Talk...]

    อ้าววว~ ปาร์คเลวอีกแล้วแฮะ ก็บอกแล้วไงว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้น่ะ เอิ๊กๆ ^^

    ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะเออ...

     เอาละ...เค้าจะไปภูเก็ตพรุ่งนี้อ่ะ...ถึงวันที่ 15 คงไม่ได้อัพ T^T

    และถ้าพรุ่งนี้ไปฟังผลสอบแล้วไม่ซ่อมอะไรแล้วกลับมาปั่นทันก็อาจจะลงให้สัก 50 เปอร์นะ T^T

    รักทุกคน รักทุกคอมเมทน์ค่ะ ^^

    >> เม้นขอให้ดงบังกด<<

    >> ถามอีกรอบ...ถามอีกที คิดไงกะปาร์คหลังจากอ่านตอนนี้ ฮ่าๆๆๆๆ


    ---------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×