ตอนที่ 2 : งานของฉัน 100%
1
งานของฉัน
Hi! I remember u na Parfait ^^;
Im Vincent. I wanna meet you too
หลังจากที่ฉันส่งโปสการ์ดไปได้อาทิตย์หนึ่ง เขาก็ส่งข้อความ SMS นี้กลับมาให้ฉัน ^_^ ตอนแรกนึกว่าผีหลอกซะอีก เพราะฉันคิดว่าพวกนักร้องดังๆ ส่วนใหญ่คงไม่สนใจพวกจดหมายอะไรนี่หรอก เขาอาจจะไม่มีเวลาแม้กระทั่งฉีกมันอ่าน =_= ฉันเลยลองส่งโปสการ์ดลายกล่องนมประหลาดๆ ที่ทำเองไปให้เขาแทน
แล้วมันได้ผล!! วินเซนต์อ่านมันแล้วก็จำฉันได้ด้วย (ฉันคิดว่าน่าจะได้) เขาเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กก่อนที่ฉันจะย้ายมาที่พิษณุโลก เขากลายเป็นนักร้องดังแนวพังค์-ร็อคหรือสักอย่างนี่ละ และฉันคิดว่าวงของเขาดังมากเลยด้วย (ซึ่งฉันไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ ว่าเจ้าเปี๊ยกฝรั่งแก้มแดงนั่นจะดังได้ปานนี้)
ที่มหาลัยของฉันมีสาวกพวกเขาอยู่เต็มไปหมดเลย ฉันเห็นเขาจากในทีวีช่องเคเบิ้ลแพงๆ หรือไม่ก็พวกรายการ MTV ดังๆ ที่ไปสัมภาษณ์พวกเขา (และฉันฟังไม่ออกสักนิด v.v) ฉันได้ข่าวจากเพื่อนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของวงวินเซนต์ว่าพวกเขากำลังจะเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทยตามคำเรียกร้องของแฟนๆ ชาวไทยในเร็วๆ นี้
แต่ฉันไม่กล้าโทรกลับไปหาเขาหรอกนะ มันเหมือนกับการตามตื้อนักร้องดังอะไรแบบนั้นเลย อีกอย่างเขาอาจยังไม่เชื่อก็ได้ว่าฉันคือพาร์เฟ่ต์ -_- ฉันก็ไม่มีอะไรมายืนยันด้วย (นอกจากโปสการ์ดลายกล่องนมห่วยๆ -_-) อาจกลายเป็นยัยแอบอ้าง สวมรอยซะงั้น -O-;
แถมหมอนั่นก็ดูท่าจะยุ่งๆ มากด้วย ฉันเห็นเขาออกรายการทีวีทุกวันเลยละ -O- ถ้าเขาพร้อมเมื่อไร คงติดต่อมาเองละมั้ง ความจริงคือฉันก็ไม่หวังอะไรมากอยู่แล้ว ฉันดีใจที่เขากลายเป็นนักร้องดังระดับโลก รู้สึกภูมิใจยังไงไม่รู้ที่เคยได้เป็นเพื่อนกับเขา T.T แต่ดูฉันซิ...ตอนนี้ฉันเป็นแค่เด็กฝึกงานต๊อกต๋อยอยู่เลย (._.)
พาร์เฟ่ต์!!
ค่า อยู่นี่ค่า
มานี่เร็ว ไอ้เครื่องเสียงนี่เป็นอะไรอีกแล้วก็ไม่รู้
ได้ค่า -O-
ฉันรีบวิ่งไปดูที่ห้องเครื่องเสียง ฉันเรียนอยู่ปีสี่แล้วละ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายและฉันก็ต้องมาฝึกงานหนึ่งเทอมที่กรุงเทพฯ ฉันเรียนเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์ เลยขอมาฝึกงานที่บริษัทเกี่ยวกับด้านบันเทิงอย่างค่าย GMW แต่งานที่ฉันทำแต่ละอย่าง ไม่ค่อยเกี่ยวกับที่เรียนเลยจริงๆนะ
พี่เปิดยังไงเสียงมันก็ไม่ออกอะ ช่วยหน่อยซิ
เดี๋ยวลองดูให้นะคะ ^^;
ก็อย่างที่เห็น... ฉันคอยมาซ่อมนู่น ซ่อมนี่ตลอด -_-; เกี่ยวกับนิเทศจริงๆ เลยเนอะ
พี่ต่อสายสลับสีกันค่ะ คราวนี้ลองเปิดดูอีกครั้งนะ
พี่สตาร์ฟหญิงพยักหน้าแล้วก็ลองเปิดเพลงดู แต่มันก็ไม่ติด ฉันหมุดตัวคลานเข้าไปในดงสายไฟแล้วก็ควานหาสายอะไรต่อมิอะไรนี่ดูว่ามีอะไรผิดปกติ
น้องพาร์เฟ่ต์ พี่รู้แล้วละ ทำไมมันยังไม่ดัง
อย่าบอกนะว่าไม่ได้เสียบปลั๊ก
(._.)(-_-)(._.)
น่ารักจริงๆ เล้ย เฮ้อ -_-=3
พาร์เฟ่ต์!! อยู่ไหน มาดูนี่หน่อยซิ ไฟไม่ยอมติดเลย
ค่า! ไปเดี่ยวนี้ละคะ
ฉันคลานออกมาแล้วก็วิ่งไปอีกห้องตรงกันข้ามซึ่งเป็นห้องเก็บอุปกรณ์จำพวกสายไฟ พี่พนักงานกดสวิทช์ไฟเปิด-ปิดรัวๆ ราวกับจะบรรเลงเปียโนให้ฉันฟังงั้นละ เดี๋ยวได้ลัดวงจรตายกันทั้งตึกแน่ -_-;
สงสัยหลอดมันขาดแล้วละคะ ติดๆ ดับๆ มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เหรอ เออ...งั้นเปลี่ยนหลอกไฟได้มั้ยละเรา
สบายมากค่า ^^;
ฉันเรียนนิเทศศาสตร์มาจริงๆ นะ
เออ งั้นฝากเปลี่ยนให้ด้วยนะ! เอ้อ...รถพี่รู้สึกเบรกมันไม่ค่อยดีเลย เลิกงานแล้ววานดูๆ ให้พี่หน่อยได้มั้ย
ได้จ้า ^^
พี่สตาร์ฟคนนั้นตบบ่าฉันแล้วพูดขอบอก ขอบใจแล้วก็หายไปทำงานต่อ และในขณะที่ฉันกำลังเปลี่ยนหลอดไฟ แล้วก็ทำความสะอาดพื้นที่มีแต่เศษหลวด
พาร์เฟ่ต์!! เดี๋ยวเตรียมกระติกน้ำให้พร้อมด้วยนะ
ได้ค่า!
พาร์เฟ่ต์ ไปแกะสายไฟที่มันพันกันหน่อยนะ
ได้ค่า!
เฮ้อ...นี่ละการฝึกงานของฉัน -_-=3
13.30 น.
นี่เป็นเวลาพักกินข้าวของฉัน เฮ้อ.. วันนี้งานยุ่งชะมัด แต่ข่าวดีคือกลางวันนี้วงของวินเซนต์จะมาอัดรายการที่นี้ >_< ฉันจะได้เจอเขาแล้ว เพื่อนที่ไม่ได้เจอมาตั้งสิบปี เขาคงจำฉันไม่ได้แหงๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ฉันรู้ว่าไอ้เปี๊ยกแก้มแดงตาสีฟ้ายังมีความสุขดี ฉันก็พอใจแล้วละ
เตรียมขอลายเซ็นไว้หรือยังไอ้เพฟ
ขอใครเหรอ?
ฉันถามอิ๊ด เพื่อนร่วมฝึกงานผู้ชายที่สนิทกันพอสมควร หมอนี่ก็น่าสงสารเหมือนกัน เพราะเรียนการตลาดมา วันๆ เลยได้แต่ไปขนของขึ้นรถ T^T
อ้าวก็วงฮาล์ฟ-คาสท์ไง -.- ฉันจะแอบโดดงานมาขอดูตัวจริงด้วย ปลื้มมานานแล้ว
ฉันยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ โฮ..วินเวนต์นี่ดังน่าดูแฮะ
เชิญแกเถอะ ฉันขอชมห่างๆ ดีกว่า
ไอ้อิ๊ดมองฉันอย่างหมั่นไส้ที่ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ความจริงฉันกับมันมีรสนิยมฟังเพลงไม่เหมือนกันเลย ฉันฟังได้ทุกอย่าง ทุกแนว แต่อิ๊ดมันไม่ฟังหมอลำ ลูกทุ่ง หรือพวกเพื่อชีวิตอะไรแบบนี้หรอก มันบอกว่ามีแต่คนแก่ๆ เท่านั้นที่ฟัง -_-; แต่สงสัยเป็นเพราะฉันมาจากบ้านนอกละมั้ง =_=;
พาร์เฟ่ต์!! อยู่ไหน มานี่เร็ว! มาช่วยเตรียมเซ็ทฉากหน่อย
ได้ค่า!!
ฉันรีบตอบรับ อ๊าย! หมดเวลาพักแล้วเรอะเนี่ย ไอ้อิ๊ดมองฉันอย่างสยองๆ เมื่อเห็นฉันยัดข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก มันเลยรีบส่งแก้วน้ำให้ด้วยความสงสาร
ผู้ชายคนไหนเห็นแกกินข้าวแบบนี้ เขาคงหนีแกหมดแน่เลยวะ -O-
แค่กๆๆ ก็ไม่เห็นแกจะวิ่งหนีฉันเลยนี่ -.-
นั่นซิ น่าแปลก เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย โอ้ววว TOT
แค่กๆๆ เป็นบ้าอะไรของแกวะ ฉันไปละนะ
ฉันบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนและโยนกล่องโฟมลงถังขยะ
เฮ้ย แกมีแฟนหรือยังวะ
แล้วแกคิดว่าไง ^^
ฉันย้อนถาม พลางเอาหนังยางเก่าๆ มัดรวบผมเพราะเริ่มรู้สึกร้อน
ถ้าไม่มีใครเอา แกคบฉันได้นะเว้ย ฉันยอมลดตัว วะฮ่าๆๆ
โธ่! ไอ้บ้า คบกับแกก็ผีหลอกแล้ว เตะซะเลยดีมั้ยเนี่ย ไปละนะ!
ฉันผลักหัวอี๊ดจนเกือบจะจุ่มลงไปในกล่องข้าว =w=; ฉันเลยรีบวิ่งเข้าไปในตัวตึกก่อนที่จะถูกมันเตะคืน
ไปช่วยพี่เขาจัดไฟ จัดฉากเร็ว รู้สึกนักร้องจะมาถึงเร็วกว่ากำหนดนะ
ทันทีที่ผู้จัดการเจอหน้า -O-; ฉันก็ถูกสั่งให้ไปช่วยจัดไฟและจัดฉากอย่างรีบเร่งทันที และภายในไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกอย่างก็เสร็จเกือบหมดแล้ว เหลือแค่จัดสีไฟให้ดูอ่อนลงเพื่อให้รับกับฉากเท่านั้น
นั่น..พวกเขามาแล้ว
พะ...พูด ไม่ออกเลยวะ
....
พี่สตาร์ฟหยุดจัดไฟ (ในขณะที่ฉันมุ่งมั่นทำอยู่คนเดียว -_-;) แล้วหันไปจ้องอะไรสักอย่างด้านหลัง ฉันเหลียวไปมองมั้ง วันนี้มีถ่ายแบบโป๊เรอะ -..-
รบกวนด้วยนะครับ ^O^
เสียงสดใสเจือสำเนียงฝรั่งดังกังวานใสไปทั่วห้องอัด
ราวกับทุกอย่างเหมือนหยุดเคลื่อนไหว.. พวกเขามีพลัง..
ทั้งสี่คนในชุดโทนสีดำสไตล์พังค์ๆ เดินเข้ามาช้าๆ ในท่วงท่าสบายๆ แต่พวกเขามีประกาย
มีพลังของศิลปินที่แผ่ออกมาอย่างเข้มแข็ง..
ชะ...เชิญเลยครับ สไตล์ลิสต์มาดูแลหนุ่มๆ พวกนี้เร็ว!
ผู้กำกับสั่ง สไตล์ลิสต์สาม-สี่คนรีบเข้ามาดูแลและพาเข้าไปห้องแต่งหน้าด้วยอาการกุลีกุจอสุดฤทธิ์ -O- ฉันมองวินเซนต์แบบผ่านๆ เพราะไม่กล้าจ้องมาก ดูจากด้านข้างแล้ว หน้าเขาไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไรเลย แต่ส่วนสูงนี่ อะโหยๆ พูดไม่ออกเลยอะ พรุ่งปรี๊ดจนฉันเทียบไม่ติด (ฉันเคยสูงกว่านะ!!)
ในที่สุดการถ่ายทำรายงานก็เริ่มขึ้น ฉันยืนห่างออกมาหลบมุมลึกๆ เพราะว่าคนแทบทะลักเลยละ ใครก็อยากเห็นตัวจริงวงนี้ทั้งนั้นเลยวุ้ย -.,- และตอนนี้พิธีกรหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มกำลังสัมภาษณ์พวกเขาด้วยอาการกระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระดี่ไม่มีผิด ปกติความสะดีดสะดิ้งของเธอจะอยู่ในระดับพอรับได้ แต่วันนี้พุ่งกระแทกปรอทไปเลย แบบเจ๊งบ๊งอะ =_=^
คัท!! เชอร์รี่ อย่าตื่นเต้นมากไปซิ ค่อยๆ ถามซิ
ใจจริงผู้กำกับคงอยากพูดว่า เชอร์รี่ อย่าแรดมากไปซิ มากกว่า
รู้แล้วค่า -_-
เธอกระแทกเสียงตอบแล้วก็หันไปยิ้มเยิ้มให้ผู้ชายทั้งสี่คน (สองในสี่คนของวงนี้ทำหน้าเหม็นเบื่อไปแล้ว) ฉันแอบมองวินเซนต์อีกครั้ง โห..เจ้าเปี๊ยกนั้นยังน่ารักเหมือนเดิมเลยแฮะ ตาของเขาสีฟ้าอ่อนสดใส แต่รู้สึกว่าจะมีหนังหนา หน้าทนน่าดูนะ ถึงได้กล้าไปเจาะคิ้ว ระเบิดหูแบบนั้น ไม่กลัวเจ็บเรอะ -_-;
กลับมาเมืองไทยคราวนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ >_<
ดีครับ ที่นี้เหมือนบ้านของเราอีกที่หนึ่ง ^^
แล้วรู้สึกยังไงกับแฟนๆ ชาวไทยบ้างคะ >O<
คัทๆๆ !! เชอร์รี่ ผมขอให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ได้มั้ยครับ แล้วก็เลิกถามคำถามงี่เง่าแบบนั้นได้แล้ว
งี่เง่าอะไร แล้วนี่ก็ธรรมชาติที่สุดแล้วนะ!
มันเกร็งผิดธรรมชาติต่างหาก เฮ้อ!!
เอาละ..พักสิบนาที
ยัยพิธีกรนั้นจ้องเขม็งไปที่ผู้กำกับเพราะถูกฉีกหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
พาร์เฟ่ต์เสิร์ฟน้ำด้วย!
เสียงคำสั่งจากพี่สตาร์ฟดังลั่นทันที ฉันเลยรีบยกถาดน้ำไปให้ทุกคนในกองถ่ายดื่มอย่างรู้งาน
ผมขอน้ำด้วย แก้วหนึ่ง
วินเซนต์บอกพลางกระดิกนิ้วเรียกฉัน เหมือนเขาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสี่ขาน่ารักให้เข้าไปใกล้ -_-;; แต่พวกนักร้องเขาไม่มากินน้ำกับพวกตาร์ฟไม่ใช่เหรอ
วินเซนต์จะไปทานร่วมกับพวกสตาร์ฟได้ไงคะ
นั่นไง! ยัยเชอร์รี่ร้องแล้วก็โบกมือไล่ฉันให้ไปไกลจากรัศมีของเธอ แต่วินเซนต์กลับลุกขึ้นมาแล้วเดินตรงมาหยิบแก้วน้ำจากถาดในมือฉันซะเอง
ขอบคุณฮะ ^^
ฉันยังไม่ได้ทำไรเลยนะ ขอบคุณทำไมรึ -.- แต่ก็ช่างเถอะ ฉันเลยได้มองหน้าเขาใกล้ๆ ด้วย รู้สึกแผลที่ตกจากต้นไม้หายไปแล้วเรอะ ศัลยกรรมแน่นอน!
เฮ้ย! เอามาให้ฉันด้วย ขอแก้วหนึ่ง
ฉันด้วย
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาเพื่อนร่วมวงที่ร้องขอน้ำ วินเซนต์ชอบทำเวลาเขาคิดอะไรอยู่ เป็นมาตั้งแต่เด็กเลยละ
โอเค! งั้นเอาไปทั้งถาดเลยละกัน -O-
อื้อ ^^;
ฉันส่งถาดแก้วน้ำให้เขา ยัยเชอร์รี่มองฉันด้วยความไม่พอใจ เมื่อพบว่าไม่มีใครต้องการน้ำจากแก้วน้ำไฮโซในมือหล่อนแล้ว แต่ดูเหมือนวินเซนต์จะไม่ได้เอะใจอะไรเลยแฮะ
ฉันเดินเข้าไปเก็บถาดแล้วแก้วน้ำคืนจากพวกเขา วินเซนต์วางมันลงแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น สงสัยเขาคงจำฉันไม่ได้แล้วละ หน้าฉันมันก็สุดแสนจะธรรมดาอยู่ด้วยT^T
ไม่เป็นไรๆ...นายดูมีความสุขดีฉันก็โอเคแล้ว ^^
ติ๊ดๆๆ
ฉันเดินไปเก็บถาดน้ำ พร้อมกับหยิบมือถือที่หน้าจอไร้สีขึ้นมาดูเมื่อสีเสียงร้องเตือน มีข้อความหนึ่งฉบับเข้ามาและมันทำให้ฉันเกือบปล่อยถาดใส่หัวผู้กำกับ
ure Parfait ?
O_O ฉันหันกลับไปมองที่วินเซนต์ทันที เขาไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่กลับจ้องไปที่โทรศัพท์...และยิ้ม
พาร์เฟ่ต์ ไปดูห้องอุปกรณ์แล้วหยิบกล้องกับฟิล์มอีกตัวมาหน่อยซิ
ได้ค่า!!
ฉันตอบรับไปโดยอัตโนมัติ พลางกดส่ง sms ตอบกลับไปว่า
Yes!
ฉันหยิบกล้องพร้อมฟิล์มออกจากห้องอุปกรณ์ด้วยหัวเต้นระทึกขึ้นมานิดหน่อย...
เขาจำได้เหรอ จำฉันได้งั้นเหรอ..
ฉันเดินออกมาแล้วส่งมันให้กับสตาร์ฟที่กำลังวุ่นกับอะไรสักอย่าง อีกอึดใจต่อมา...มือถือของฉันสั่นอีกครั้ง...คราวมีสายหนึ่งโทรเข้ามา ฉันบันทึกเบอร์เขาไว้ มันเป็นเบอร์ของ...
Vincent
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งห่างจากฉันไปอีกห้าเมตร เขาอยู่ท่ามกลางฉากสีสดใส แสงสปอร์ไลท์ แล้วกล้องทุกตัว สายตาทุกคู่จับจ้องที่เขา.. วินเซนต์มองมาที่ฉัน ตาสีฟ้าที่เคยมองฉัน ตาสีฟ้าที่เคยฉายแววดีใจเมื่อฉันแบ่งขนมให้...
ฉันกดรับมันแล้วค่อยๆ ยกขึ้นแนบหู
ฮัลโหลพาร์เฟ่ต์
ฉันเห็นวินเซนต์ขยับปากเบาๆ แต่เสียงของเขากลับดังอยู่ที่ข้างๆ หู
....
ตอบซิยัยบ้า...
เอาละ ผมจะเริ่มอัดใหม่แล้วนะครับ ทุกคนแสตนบายนะ!
.....
เฮ้.... เธอมองฉันอยู่นี่ แต่ไม่พูดได้ไงฮะ ฉันเห็นเธอนะ เอ๋อไปแล้วเรอะ -O-
สาม...สอง...
เฮ้ย..พูดดิ หรือว่าเธอจำฉันไม่ได้ฮะพาร์เฟ่ต์
เสียงนับถอยหลังของผู้กำกับที่มาพร้อมกับเสียงของวินเซนต์
หนึ่ง...
ฉันคิดถึงนายนะวินเซนต์...
ฉันพูดคำที่ฉันคิดว่าแทนคำทั้งหมดที่อยู่ในใจฉันไป...
สวัสดีค่ะ วันนี้เชอร์รี่อยู่กับสี่หนุ่มหล่อ เจ้าของเพลงฮิตที่คุ้นหูทุกท่านมาเป็นอย่างดีแน่ๆ และพวกเขาก็คือวงฮาล์ฟ-คาสท์...
แล้วเสียงกรี๊ด เสียงตะโกนโวกเหวกอะไรอีกมากมายก็ตามมา
แต่เสียงที่วินเซนต์ตอบกลับมาดังชัดกว่าเสียงอื่นใด
Hey,I miss you too ^_^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พระเอกน่ารักนะ
เวลาอ่านแล้วทำให้ยิ้มได้
อย่างที่พี่เมบอกนั่นแหละค่ะ...น่ารักดี
หนุกหนาน
พี่ค่ะ
มันสนุกมากกกกกกกกกกกกก