คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 6 การรับมือ ดิ เอ็มเพอเรอร์ กับ ความสัมพันธ์ระหว่างสาวน้อย และ รุ่นพี่
VI
การรับมือ ดิ เอ็มเพอเรอร์ กับ
ความสัมพันธ์ระหว่างสาวน้อย และ รุ่นพี่
ดีครับ ผมทีดัส กัปตันทีมบลิสบอลประจำ ม. ปลายดิสสิเดีย และ หนึ่งใน 3 แก๊งเพื่อนสนิทของหนุ่มหล่อหัวแหลม คลาวด์ สไตรฟ
เมื่อวันก่อนฟีเรี่ยน เผอิญไปได้ยินบทสนทนาของครูเมเทอัส และ ครูอันติเมเซีย เกี่ยวกับการวางแผนอะไรซักอย่างเพื่อทำให้คลาวด์มีปัญหา ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องทำอย่างนั้น ทุกครั้งก่อนที่จะเกิดเรื่อง ฟีเรี่ยนจะเผลอไปได้ยิน ครู 2 คนนี้พูดคุยวางแผนกัน แล้วพอเขาเอามารายงานพี่ประธานนักเรียนไลท์ ทางสภาก็จะเงียบไปพักใหญ่เหมือนกำลังปฏิบัติการลับอะไรซักอย่าง ไม่นานนักก็จะมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นในโรงเรียน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่ง
ฟีเรี่ยนกับเซซิลบอกผมว่า เป็นการปะทะกันอย่างลับๆ ของครูผู้ประสงค์ร้ายบางคนที่ไม่สามารถออกนามได้ และ สภานักเรียนผู้คอยปกป้องโรงเรียน เหอะๆ ฟังเหมือนหนังสือการ์ตูนสคูลไลฟโชเน็นรายสัปดาห์อย่างงั้นแหละ
ที่ลำบากก็คือ เวลาคุยกันเรื่องนี้ห้ามเรียกชื่อครูคนใดๆ ก็ตามตรงๆ ถ้าไม่อยากมีปัญหา ให้เรียกเป็นฉายาที่ตั้งขึ้นให้แต่ละคนเอา อย่างเช่น มือขวาครูใหญ่ คุณพี่ชาย เทวดาปีกเดียว อะไรทำนองนี้ เฮ้~อ... วุ่นวายชะมัด...
เข้าเรื่องต่อดีกว่า แม้ว่าจะมีครูหลายคนที่ถูกทางสภาจับตามมอง แต่บุคคลที่เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวปัญหามากที่สุดก็คือ ครูเมเทอัสเจ้าของฉายา ดิ เอ็มเพอเรอร์ และ ครูอันติเมเซียเจ้าของฉายา เดอะ ซอร์เซอเรส
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวจริงๆ มันเป็นยังไง เพราะไม่เคยมีเรื่องอะไรเถือกๆ นี้เกิดขึ้นกับผมสักครั้ง ยังไงก็ตาม เท่าที่เห็นจากท่าทางวิตกกังวลของเซซิล และ ฟีเรี่ยนเรื่องนี้ดูท่าจะไม่จบแบบแฮปปี้แน่ๆ
ชักอยากรู้ว่าเป็นยังไง ไปติดตามกันต่อดีกว่า
ดิสสิเดีย พักเที่ยง
“ปะ! ไปกินไอติมกัน!”
“อีกและ!?”
“...” คลาวด์ที่เพิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้า มองภาพเบื้องหน้าที่ปกติควรจะมีเพื่อนๆ ของเขานั่งรอกินข้าวด้วยกันด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากแบคทีเรียที่ลอยเคว้งคว้างในอากาศอยู่ตรงหน้าเขาเลย
“ไงคลาวด์” ทีดัสที่เดินกำลังเดินขึ้นบันไดมาเอ่ยทักเขา
“ฟีเรี่ยนกับเซซิลล่ะ...?” คลาวด์ถาเรียบๆ
“เห็นว่าต้องประชุมเรื่องที่ 2 คนนั้นวางแผนเล่นงานนาย เพื่อหามาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วนอะไรทำนองนี้แหละ” ทีดัสว่าก่อนหยิบขนมปัง และ กาแฟกล่องออกจากถุงแล้วโยนไปให้คลาวด์ “เอา! วันนี้เรากินกันแค่ 2 คน”
“อืม...” คลาวด์รับเอาขนมปังกับกาแฟมาแกะกิน
“เป็นสภานี่วุ่นวายเนาะ คลาวด์” ทีดัสชวนคลาวด์คุย
“งั้นมั้ง...” คลาวด์ว่าขณะยังยืนกินขนมปังมองฟ้าอยู่อย่างเฉยชา
“แล้วนายไม่ห่วงเหรอว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับตัวนาย?” แม้จะได้รับเพียงคำตอบปัดๆ และท่าทีเฉยชา แต่ทีดัสก็ยังชวนคลาวด์คุยต่อไป
“ไม่...” คลาวด์ตบขณะยืนกินขนมปังอยู่อย่างเดิม
“เหอะๆ เราเลิกคุยเรื่องนี้กันดีกว่า... จะว่าไป เมื่อก่อนเห็นนายแวะไปเยี่ยมเยียนชินระเดือนละครั้งสองครั้ง เดี๋ยวนี้นายยังไปอยู่รึเปล่า?” ทีดัสลองเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เรื่องส่วนตัว...” คลาวด์ที่เสร็จเอ่ยตอบสั้นๆ พลางเอาหลอดเจาะกาแฟกล่องหลังกินขนมปังเสร็จ
“เออ... ปีนี้ฉันกะจะหาเด็กใหม่เข้าชมรมบลิสบอลมาปั้นเป็นผู้เล่นดีๆ ซะหน่อย นายก็ยังไม่มีชมรมอะไร ไม่สนใจมาเล่นบลิสบอลด้วยกันเหรอคลาวด์” ทีดัสยังไม่ละความพยายาม “ฉันว่าอย่างนายฝึกซะหน่อยคงเป็นดาวเด่นได้ไม่ยาก”
“ไม่สนใจ...” คลาวด์ที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระโดดขึ้นไปนอนกลางวันในที่ประจำของตนตามปกติอย่างไม่ใส่ใจเพื่อนอีกคนของเขา
“เฮ้~อ... อยู่กับหมอนี้ 2 คน มันเหงาปากยังไงก็ไม่รู้แฮะ...” ทีดัสบ่นกับตัวเอง “ฟีเรี่ย~น... เซซิ~ล... พวกนายอยู่หนา~ย...!”
ห้องประชุมสภานักเรียน
“อืม...” เหล่าสมาชิกสภาต่างทำท่าครุ่นคิด เมื่อฟีเรี่ยนนำข้อมูลที่ได้จากการสอดแนมเป้าหมายตามสไตล์สายลับมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล มารายงานให้ได้รับทราบ
“เราต้องทำยังไงเหรอครับ ท่านประทาน?” หนึ่งในสภาเอ่ยถาม
“หื~ม? เธอคงเป็นสมาชิกสภาปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่สินะ” ไลท์เอ่ยถามคนถาม
“ขอโทษที่ลืมแนะนำครับ นี่ไงครับเด็กปี 1 คนที่ผมเสนอชื่อเข้าเป็นหนึ่งในสภาสวนสวยน่ะครับ” ฟีเรี่ยนบอกไลท์ ก่อนหันมาที่เด็กของเขา “ทักทายประธานสิ”
“ฝะ ฝากตัวด้วยครับ” สภาหน้าใหม่คนนั้นว่าขณะก้มหัวทำความเคารพไลท์
“ยินดีต้อนรับ...” ไลท์กล่าว “กลับมาต่อที่คำถามของเธอดีกว่า เธอคงยังไม่รู้สินะ เราเคยรับมือกับปัญหานี้มานักต่อนักแล้ว และปัญหาในคราวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร”
“เอ๋?” สภาหน้าใหม่คนนั้นเอียงคองง
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ 2 คนนั้นวางแผนก่อปัญหาแบบนี้ เชื่อสิ พวกเราเจอมามากมาย แถมไม่เคยซ้ำแบบเดิมอีกต่างหาก” เซซิลที่นั่งอยู่ข้างสภาหน้าใหม่กระซิบบอก
“แต่ก็ห้ามประมาทเป็นอันขาด...” ไลท์ยืมคำพูดประจำตัวกัปตันเซงาคุมาเอ่ยเตือนสภาของเขา “จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ เข้าใจไหม?”
“ครับ/ค่ะ” สมาชิกสภาทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“เอาล่ะ ให้แบ่งออกเป็น 6 ทีม ประจำตำแหน่งของตนไว้ ทีมไวท์เมจดูแลตึกปี 1 ทีมแบล็คเมจดูแลตึกปี 2 ทีมเรดเมจดูแลตึกปี 3 ทีมมังค์ดูแลรอบๆ โรงเรียน ส่วนทีมธีฟดูแลตามจุดลับตา และ มุมมืดทั่วโรงเรียน” ไลท์มอบหมายหน้าที่ให้สภาของเขา “เปิดหูเปิดตาอย่าให้แม้แต่แบคทีเรียในอากาศหลุดรอดสายตาไป รับทราบ?”
“รับทราบ!”
"ฟีเรี่ยน นายทำหน้าที่ต่อไป เราต้องการรู้ถึงข้อมูลลายละเอียดแผนการของ 2 คนนั้นให้ได้มากที่สุด รับทราบ?” ไลท์เอ่ยสั่งฟีเรี่ยน
“ทราบครับ” ฟีเรียนเอ่ยรับงาน
‘เออ... นี่มันสภานักเรียน หรือ กลุ่มต่อต้านการก่อการร้าย เคาเตอร์เทร์เรอริส กันแน่เนี่ย?’ สมาชิกสภานักเรียนหน้าใหม่คนนั้นยิ้มแหย่ๆ ขณะเอ่ยพูดกับตัวเองในใจ
“เซซิลนายมากับฉัน พวกเราจะไปกับชมรมช่างถ่ายภาพกัน” ไลท์บอกเซซิลก่อนเอ่ยปิดสภา “ขอให้แสงสว่างจงสถิตอยู่กับทุกคน เลิกประชุม...”
ปี 1 ห้อง A
“...” ทีน่านั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว
“ทีน่าเขาเหม่ออะไรของเขาน่ะ?” หนุ่มๆ FFT (ไฟนอลแทคติค) เอ่ยถามสาวๆ ภาคเดียวกันที่ยืนดูทีน่าอยู่ห่างๆ
“สับสนเรื่องความรักสินะ” โคศกสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เพราะใครไปบอกว่ารุ่นพี่สไตรฟกำลังจีบเธอล่ะ?” อากริอัสเอ่ยถามดุๆ
“หา!?” หนุ่มๆ อุทานขึ้นมาพร้อมกัน
“ชู่ว์...!” สาวๆ เอานิ้วชี้แตะริมฝีปากส่งเสียงให้หนุ่มๆ เบาเสียงลง
“อุบ...” หนุ่มๆ เอามือปิดปากซึ่งกันและกัน
“ตกลง เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงเนี่ย?” แรมซ่าเป็นตัวแทนเอ่ยถาม
“คืออย่างนี้…” สาวโคศกเอ่ยเล่าเรื่องทันที
ในระหว่างที่เหล่า FFT กำลังซุบซิบกันอยู่ อีกมุมทีน่าที่กำลังลำบากใจอยู่กับพูดของโคศกสาวเมื่อเช้านี้ ก็ยังคงนั่นถอนใจอยู่คนเดียวด้วยความสับสน
‘รุ่นพี่คลาวด์... กำลัง... จีบเราเหรอ?’ ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ ร้อนขึ้นด้วยความเขินอาย เมื่อนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยของคลาวด์ที่มองมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นแบบที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ‘ทำไงดีล่ะ...? เราไม่รู้ด้วยว่าคนถูกจีบต้องทำยังไง...?’
‘ทีน่าคิดอะไรอยู่นะ’ ออนเนี่ยนที่นั่งถือหนังสือกลับหัวทำท่าเป็นอ่านหนังสือ ในขณะที่มองทีน่าอยู่ห่างๆ ‘วันนี้แทบไม่ได้คุยกันเลย... เพราะมาต้องติดอยู่กับพวกนี้...’
“สคอล~ล์...!”
งับ!
“เฮ้ย...” สคอลล์เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะมองบัทส์ที่กระโดดมางับข้าวในช้อนที่เขากำลังตักข้าวในกล่องข้าวของเขาขึ้นมากินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนกระชากช้อนคันนั้นออกจากปากบัทส์อย่างไม่ใยดี
“อุ๊! อื้~ม! อร่อ~ย! อร่อยสุดๆ เลย!” บัทส์ว่าขณะเคี้ยวข้าวของสคอลล์อย่างเอร็ดอร่อยจนลืมความเจ็บที่ถูกระฉากช้อนผ่านฟันหน้าไปเป็นปลิดทิ้ง “ขออีกคำดิ”
“ไม่...” สคอลล์เอ่ยคำขาดก่อนโยนช้อนทิ้ง แล้วหยิบช้อนสำรองมาตักข้าวกินต่อ ขณะมองหน้าบัทส์อย่างอาฆาต แต่ทันใดนั้น “เอ๋?”
“อร่อยจริงๆ ด้วย?” ซีดานที่แอบฉกเอาข้าวทั้งกล่องของสคอลล์ตอนเขากำลังส่งสายตาอาฆาตให้บัทส์โดยทันไม่รู้ตัว มานั่งกินคนเดียวที่โต๊ะข้างอย่างสบายใจเฉิบว่าขึ้น
“เฮ้~! ฉันกินด้วยดิ!” บัทส์กระโดดเข้าไปร่วมวงกับซีดานอย่างไม่รอช้า โดยไม่ยอมสังเกตท่าทีของสคอลล์ที่นั่งคิ้วกระตุก เส้นเลือดขอดปูดขึ้นหน้าผาก แผ่รังสีมาคุออกมาปกคลุมทั่วชั้นบรรยากาศ
“อร่อยกว่าอาหารฝีมือกุ๊กของปราสาทไทคูนอีกนะเนี่ย!”
“ใช่ๆ! ยอดไปเลย! ต้องยกนิ้วให้เลย!”
ปัง!
“เง้~อ!” ทั้ง 2 หันไปมองผนังห้องที่มีรูเล็กๆ ซึ่งเกิดจากกระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ จนเกิดเป็นควันสายน้อยๆ ลอยออกมา และเมื่อรู้สึกถึงวิถีกระสุนที่พุ่งผ่านหัวพวกตนไป ก็ทำเอาคู่หูคู่ฮาทั้ง 2 ขนลุกซู่ ขณะค่อยๆ หันมามองด้านหลังตนอย่างหวาดๆ
“พวกนาย อยากตายมากใช่ไหม?” สคอลล์ที่ถือกันเบลดเล็งตรงมาที่พวกเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ก่อนสะบัดกันเบลดไปข้างตัวเตรียมเปิดฉากใช้ท่าไม้ตายเรนโซคุเคนพิฆาตลิงคู่ในบัดดล
“บัทส์/ซีดาน” ทั้ง 2 มองหน้าด้วยความตื่นตระหนก ก่อนก้าวขาออกจ้ำอ้าวเผ่นหนีสุดชีวิต “โกยสิครับ...!”
“ตาย...!” สคอลล์ไม่รอช้าวิ่งไล่ตามทันที
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“เฮ้ย! บัทส์! ไม่นะ! บัทส์...!”
“ซีดาน... หนีไปซะ... ไม่ต้องห่วงฉัน…”
“ไม่นะบัทส์! อย่าตายนะ! ต้องไม่ใช่ในอ้อมแขนของฉัน! ไม่นะ...! ไม่...!”
“ไปเถอะ... นายต้องมีชีวิตต่อไป ซีดาน...”
“ตายมันทั้งคู่ตรงนี้แหละ...!”
“จ๊า~ก...! สคอลล์ไม่ซึ้งด้วยอะ!”
“เง้~อ! บากไม่มีหัวใจ! วิ่งต่อเร็วเพื่อน...!”
“แบลสติ้ง โซน...!”
ซู่ม…!
“ว๊า~ก...!!”
“สู่สุขติเถิด...” สมาชิกปี 1 ห้อง A ทั้งหลาย ที่คอยเงี่ยหูฟังติดตามสถานการณ์ การวิ่งไล่ (ฆ่า) กันของสคอลล์ และ คู่หูตัวป่วนข้างนอกห้อง เอ่ยสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ทั้ง 2 ที่น่าจะถูกทำให้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเห็นสคอลล์เดินเข้าห้องมาพร้อมกล่องข้าวในมือที่ถือกลับมานั่งกินบนโต๊ะประจำตัวอย่างเดิม
‘จะสงสาร หรือ สมน้ำหน้าดีนะ’ ออนเนี่ยนยิ้มแหย่ๆ คิดในใจ
“กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า สรุปว่าที่ทีน่า นั่งเหม่อลอยมาตลอดเช้านี่ เพราะพวกเธอดันไปบอกว่า รุ่นพี่สไตรฟกำลังจีบเธองั้นเหรอ?” เหล่า FFT หันกลับมาคุยกันอีกครั้ง
“ใช่” โคศกสาวตอบรับ
“พวกเราไม่เกี่ยว เธอคนเดียวต่างหาก” สาว FFT ปฏิเสธ
“แต่พวกเธอก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?” โคศกสาวเอ่ยถามขึ้นมา
“ก็... นะ...” สาวๆ FFT พูดไม่ออก
“ยังไงก็ช่างเถอะ แล้วจะเอายังไงต่อ?” แรมซ่าเอ่ยถามความเห็นทุกคน
“จะเอายังไง? หมายความว่าไง?” ทุกคนเอ่ยถาม
“ก็หมายความว่า จะเอายังไงกับทีน่าไง?”
“อ๋~อ หมายถึง จะทำยังไงให้ ทีน่าที่ปกติจะนั่งตาแป๋วตั้งใจเรียน ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเด็กสาวที่กำลังสับสนในห้วงแห่งความรักที่ได้แต่นั่งเหม่อมองฟ้าผ่านกระจกห้อง กลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ย?” โคศกสาวอธิบายซะละเอียด
“เออ... ใช่” แม้จะต่างจากที่ตนพูดนิดหน่อย (หน่อย?) แต่แรมซ่าก็เออออรับไป
“ก็คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เอง” สาวโคศกกล่าว “เฮ้~อ... เห็นสคอลล์กินข้าว ฉันก็ชักจะหิวข้าวแล้วสิ พวกเราไปกินข้าวกันดีกว่า”
“น่าสงสารนะ เด็กสาวผู้ใสซื่อเนี่ย...” อากริอัสว่า
“ปล่อยเธออยู่คนเดียวซักพักเหอะ...” ว่าจบเหล่า FFT ก็เดินออกจากห้องไป
“...” ออนเนี่ยนมองเหล่า FFT เดินออกจากห้องไป ตามไปด้วยสคอลล์ที่เก็บกล่องที่กินเสร็จแล้วไว้ในกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ก่อนหันกลับไปมองทีน่าอีกที ‘เรา... เอาไงดี... อืม... ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวอย่างพวกนั้นว่าดีกว่า... หวังว่าเราทำถูกนะ...’
ว่าแล้วออนเนี่ยนก็เดินออกจากห้อง ปล่อยให้ในห้องมีเพียงทีน่าที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม และ ซากร่างอันไหม้เกรียมของบัทส์กับซีดานที่กระเสือกกระสนคลานกลับเข้ามาในห้อง
ดาดฟ้า
‘เอาอย่างงี้... เธอช่วยฉันแลกเปลี่ยนกับ... เธอได้พาฉันไปเดท ตกลงมั้ย?’
“คลาวด์…!”
“หือ...?” คลาวด์ที่ลืมตาตื่นขึ้นจากฝันระลึกอดีตของตน ด้วยเสียงเรียกของทีดัส เพื่อนนักกีฬาตัวป่วนของเขา พลางค่อยๆ ยกมือขึ้นจับขมับ ก่อนบ่นพึมพำกับตัวเอง ‘ฝันเรื่องของเธอ... อีกแล้วงั้นเหรอ...’
“เฮ้~! คลาวด์...!” ทีดัสยังคงเรียกเขาอยู่อย่างไม่เลิกรา
“อะไร?” คลาวด์ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหน้าทีดัสที่เรียกเขาอยู่
“ออดดังแล้ว เข้าห้องกันเถอะ” ทีดัสเอ่ยบอก
“อืม...” คลาวด์ตอบรับเรียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า แล้วกระโดดลงมาจากหลังคาทางออกดาดฟ้า ลงมายืนอยู่กับทีดัส
“จะว่าไป นายฝันอะไรน่ะเมื่อกี้?” ทีดัสถามยิ้มๆ
“หืม?” คลาวด์ตีหน้างง
“ก็ฉันได้ยินนายละเมออะไรออกมาก็ไม่รู้เยอะแยะเลย” ทีดัสว่า
“จริงน่ะ?” คลาวด์เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็จริงน่ะสิ ไอ้ฉันก็นั่งฟังอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่เห็นปะติดปะต่อเรื่องราวได้เลย...” ทีดัสกล่าวหน้าตาเฉย “แต่ว่าแปลกนะ ปกติเวลานอนกลางวัน ก็เห็นแต่นายนอนนิ่งเป็นศพไม่ขยับตัว แบบว่าเงียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงหายใจเลย นอนท่าไหนก็ค้างอยู่ท่านั้นจนตื่น แต่วันนี้มีทั้งพลิกตัวไปมา แถมละเมอออกอีกต่างหาก มีอะไรในใจรึเปล่~า?”
“ไม่ต้องไปสนใจ... ลืมมันไปเถอะ...” คลาวด์เอ่ยนิ่งๆ แต่ด้วยความสนิทสนมที่รู้จักกันมาตั้ง 1 ปี ทำให้รู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นกำลังอายอยู่อย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ๆ~! เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในแฮ~ะ” ทีดัสเหล่ต่อมองคลาวด์อย่างเจ้าเล่ห์
“รีบเข้าห้องดีกว่า... ขืนเข้าช้าเดี๋ยวได้น่วมอีกล่ะนายน่ะ” คลาวด์กล่าวเรียบๆ ก่อนรีบเดินนำทีดัสไป
“แน่~… มีเขิ~นๆ” ทีดัสเอ่ยแซวคลาวด์ “จะว่าไป เอริธนี่ใครน่ะ นายเรียกชื่อเขาตลอดเลย ดูจากชื่อ น่าจะเป็นผู้หญิงใช่ไหม?”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย...” คลาวด์เอ่ยปัดๆ
“แห~ม... บอกหน่อยน่~า...” ทีดัสยังกวนไม่เลิก
ปี 2 ห้อง A
“จากนั้น นักรบแห่งแสงก็ได้เดินทางกลับมายังปราสาท เพื่อคุ้มครองเจ้าหญิง...” อันติเมเซียเอ่ยเสียงหวานจ๋อยสอนคาบวิชาประวัติศาสตร์ FF ในห้องของพวกคลาวด์
“นี่เซซิล ฟีเรี่ยน” ทีดัสกระซิบเรียกเพื่อนสภานักเรียนทั้ง 2 ของเขา
“หือ?” ทั้ง 2 หันมาหาทีดัส ทั้งๆ ที่หูยังเงี่ยฟัง และ มือยังคงจดแลคเชอร์ตามครูอันติเมซียสอนอยู่ไม่ขาด
“ประชุมสภาเป็นไงบ้าง?” ทีดัสกระซิบถาม
“อืม...” ฟีเรียนเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากทำท่าคิด ก่อนเลื่อนนิ้วมาแตะที่แก้ม เบิกตาโตใสกิ๊ง ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว “ความลับของสภา”
“หะ ห~า?” ทีดัสตีหน้างง ส่วนฟีเรี่ยนมองอึ้งๆ แม้แต่คลาวด์ที่ไม่ค่อยสนใจอะไรยังเหล่ตามาดูด้วยความข้องใจ พร้อมเหงื่อเม็ดโตที่ตกลงมาหลังหัวทั้ง 3 คน
“เมื่อวานดูอนิเมเรื่องหนึ่งกับลิเดีย มีตัวละครคนหนึ่งทำท่านี้” เซซิลเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “เห็นว่าน่ารักดีเลยเอามาลองทำดู เป็นไงบ้าง?”
‘ตัวละครผู้หญิงชัวร์’ เพื่อนทั้ง 3 แอบคิดเป็นเสียงเดียวกัน
“ล้อเล่นน่า” เซซิลว่ายิ้มๆ ก่อนกลับมาเข้าเรื่อง “ตอนนี้เรารู้แค่ 2 คนนั้นต้องการทำให้คลาวด์มีข้อครหา แต่เพื่ออะไรนั้นเรายังไม่รู้ ที่ทำได้ก็มีแต่ ยับยั้งไม่ให้คลาวด์มีมลทิน ระหว่างที่ฟีเรี่ยนหาข้อมูลเพิ่ม”
“เพราะฉะนั้นพวกเราต้องคอยดูแลอย่าให้คลาวด์สร้างปัญหา หรือ มีข่าวด้านลบใดๆ ทั้งสิ้น ตกลงนะ” ฟีเรี่ยนสมทบ
“ฟังดูเหมือน เหล่านักรบแห่งแสงช่วยกันคุ้มครองเจ้าหญิง แบบที่ครูอันติเมเซียกำลังสอนอยู่เลยแฮะ” ทีดัสว่า
“เจ้าหญิง?” คำพูดเมื่อครู่ทำเอาทั้งตัวเขา และ เพื่อนอีก 2 คนหันหน้ามองมายังคลาวด์ ก่อนจินตนาการภาพ คลาวด์ในชุดกระโปรงหรูหรา ประดับด้วยเครื่องประดับสวยงาม สวมมงกุฎแสดงฐานะ แบกปังต่อยักษ์ฟิวชั่นซอร์ดไว้บนบ่า โดยมีพวกเขาที่อยู่ในชุดผู้กล้ายืนล้อมรอบเป็นดั่งผู้พิทักษ์ “คึก.... คิกๆๆ...”
“เฮ้ยๆ... คิดอะไรน่ะ” คลาวด์ที่เหมือนจะอ่านความคิดได้ตีคิ้วเอ่ยเสียงขรึม
“พรื~ด! ฮะๆๆ” ทั้ง 3 ที่กลั้นขำไว้ไม่อยู่แอบหัวเราะเบาๆ
เย็นนั้นเอง
“เป็นไงบ้างทีน่า?” ออนเนี่ยนที่รับหน้าที่คอยดูแลการกลายร่างของทีน่า เอ่ยถาม ขณะที่ทีน่ากำลังเดินออกมาจากห้องแห่งความลับรู้กันแค่ระหว่าพวกเขา 2 คน และ คลาวด์ (กับเซฟอีกคน) แต่ก็คำตอบที่ได้รับกับเป็นความเงียบ พร้อมใบหน้าที่ดูเหมือนกำลังไม่สบายใจของทีน่า “เป็นอะไรรึเปล่าทีน่า?”
“หะ หา? อ๋อ! ไม่เป็นไร แค่... คิดอะไรเพลินๆ อยู่เฉยๆ” ทีน่าตอบอย่างเก้ๆ กังๆ
“ไม่เป็นไรแน่นะ...” ออนเนี่ยนถาม พลางเงยหน้าจ้องตาทีน่า (ย้ำ... เงยหน้า)
“มะ ไม่เป็นไรจริงๆ” ทีน่าตอบ ขณะก้มหน้า (ย้ำ... ก้มหน้า) [ออนเนี่ยน: ปัดโถ่! รู้น่าว่าเตี้ยย้ำอยู่ได้!] “หรือไม่ก็... อาจจะเหนื่อยก็ได้ ช่วงนี้การกลายร่างของฉันแม้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้อย่างคงที่ ไม่เร็วหรือช้าเกิน แต่ดูเหมือนว่า พลังของฉันจะเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้อาลาวาทหนักกว่าเดิมเยอะเลย”
“อืม... ก็อาจใช่นะ” ออนเนี่ยนดูเหมือนจะเออออด้วย “เท่าที่ได้ยินเสียงจากด้านนอก ข้างในคงจะเละเทะน่าดู”
“ก็งั้นแหละ” ทีน่าว่า
“เอาล่ะ ถ้าไม่เป็นไรก็โอเค กลับบ้านดีๆ ล่ะ” ออนเนี่ยนเอ่ยบอกทิ้งท้ายไว้ด้วยความเป็นห่วง “ฉันไปนะ พรุ่งนี้เจอกัน บา~ย!”
“บายจ๊ะ” ทีน่าโบกมือลาออนเนี่ยนที่กระโดดหายจากไปเหมือนทุกๆ วัน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แล้วก้าวเข้าสู้โลกแห่งความคิดของตัวเองอีกครั้ง ‘รุ่นพี่คลาวด์น่ะเหรอจีบเรา... ไม่ล่ะมั้ง... คนขี้อายอย่างเราพี่เขาคงไม่สนหรอก... รุ่นพี่น่าจะชอบผู้หญิงแบบสวยห้าวหุ่นดีอะไรอย่างนี้มากว่า’
ณ เซเว่นอีเลเว่น เอ๊ยไม่ใช่! เซเว่นเฮฟเว่น
“ฮัดชิ้ว!” สาวสวยผมยาวสีดำสุดเซ็กซี่ ที่ดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนพร้อมเด็กน้อย 2 คน จามเสียงดัง (เหอๆ สวยห้าวหุ่นดีแถมหมัดหนักอีกต่างหากคนนี้)
“ทีฟาเป็นหวัดเหรอ?” เด็กผู้หญิงผมน้ำตาลมัดเป็นหางม้า ที่อยู่ด้วยกันเอ่ยถาม
“แต่เขาว่ากันว่า ถ้าจามอย่างไม่มีสาเหตุแสดงว่าถูกคนเอ่ยถึงนะ” เด็กชายผมสีน้ำตาลข้างๆ เด็กสาวกล่าว
“คงงั้นมั้ง?” สาวสวยเอ่ยตอบ
กลับมาที่เดิม
บรื้น! เอี๊ย~ด!
“อ้า~ว? ยังรอฉันอยู่เหรอ?” คลาวด์เอ่ยถาม
“อะ เอ๋?” ทีน่าที่ถูกเสียงคลาวด์ดึงให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงเอียงคองง
“วันนี้ฉันติดเวรทำความสะอาดห้อง เลยมาช้า... นึกว่าเธอกลับไปแล้วซะอีก...” คลาวด์เอ่ยอธิบายนิ่งๆ
“เออ... นี่กี่โมงแล้วคะ?” ทีน่าเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“5 โมงได้มั้ง...” คลาวด์ตอบ
‘โห~… เหม่อนานขนาดนั้นเชียว? เป็นเอามากนะเราเนี่ย...’ ทีน่าพึมพำในใจ
“เอา... ขึ้นมาสิ” คลาวด์เอ่ยบอกทีน่าอย่างทุกวัน
“คะ ค่ะ” ทีน่าก็ขึ้นไปนั่งซ้อนคลาวด์อย่างทุกวันเช่นกัน
บรึ้น! บรื้~น...!
“…” ทีน่าที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์คลาวด์อยู่เงียบๆ อย่างทุกวัน มองคลาวด์จากด้านหลัง ขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปที่แผ่นหลังได้รูป ต้นคออันเนียนสวย และ ผมสีทองที่ปลิวไสวไปตามแรงลมของคลาวด์ ความรู้สึกในใจลึกๆ ก็พลันทำให้เจ้าตัวเผลอเอ่ยคำถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “รุ่นพี่ค่ะ... รุ่นพี่ว่า... ฉันดูเป็นยังไงคะ...?”
“หื~ม?” คลาวด์ที่บิดมอเตอร์ไซด์อยู่เอ่ยงงๆ “ดูเป็นยังงั้นเหรอ?”
“เออ... คือ...” ทีน่าที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนได้เผลอหลุดคำถามน่าอายออกไป จึงพยายามคิดหาคำแก้ตัว แต่แล้ว
“เธอก็... เป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง” คลาวด์เอ่ยตอบหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ทีน่าผู้ได้รับคำตอบกลับหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย เมื่อได้ยินรุ่นพี่ผู้แสนดีของเธอ บอกว่าเธอน่ารัก “แต่ขี้อายเกินไปหน่อย... ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเข้ากับคนอื่นได้ยากนะ...” (พูดไม่ดูตัวเองเลยนะโบะ)
“งั้นเหรอคะ...” ทีน่าหันหน้ามองวิวข้างทาง ขณะกำลังคิดตามคำพูดของคลาวด์ “ละ... ละ แล้ว... รุ่นพี่.... คิดยังไง... กะ กับ... ฉัน... คะ?”
“หือ?” คลาวด์เริ่มตีคิ้วงงกับถามของทีน่า ไม่รู้เป็นเพราะเขาข้องใจกับคำถามของเธอ หรือ เพราะรุ่นน้องที่ได้แต่นั่งเงียบทุกครั้งที่ซ้อนมอเตอร์ไซด์มากับเขา วันนี้กลับพูดคุยกับเขาออกมาอย่างน่าประหลาด
“คะ คือ... ฉัน ยะ อยากรู้ว่า... เออ... ที่รุ่นพี่... มะ มาคอยช่วยเหลือฉัน... เออ... รู้สึก.... ยะ ยังไง กับฉันบ้างคะ? ” ทีน่าพยายามขยายคำถามของเธออย่างติดๆ ขัดๆ
คลาวด์เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนเอ่ยตอบมาโดยหารู้ไม่ว่าการรอคอยคำตอบของเขาในตอนนี้นั้นมีผลทำให้รุ่นน้องผู้ใสซื่อของเขาตื่นเต้นจนต้องยกนิ้วชี้ขึ้นมาสัมผัสกันอย่างอยู่ไม่เป็นสุข
“ฉันว่า เธอก็... ดูดี... ถึงแม้จะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา และ ไม่ค่อยกล้าทำอะไรซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นส่วนที่น่ารักของเธอ... แล้วก็... ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ เธอ ฉันทักจะเกิดความรู้สึกแปลกๆ อยู่เสมอ ความรู้สึกแปลกๆ ฉันเองที่อธิบายไม่ถูก...” คลาวด์เอ่ยเรียบๆ แต่คำพูดเรียบๆ นั้นทำเอาที่หน้าถึงกับอึ้งไปในทันที ความรู้สึกแปลกๆ ที่เขาว่ามันคืออะไรกัน เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับเธอรึเปล่า ความรู้สึกแปลกๆ ที่จะปรากฏขึ้นอยู่ในส่วนลึกของหัวใจทุกครั้งเมื่อได้เจอกัน ความรู้สึกทำให้อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกแปลกๆ นั้น จะใช่ความรู้สึกแบบเดียวกันกับเธอหรือเปล่า ในขณะที่ทีน่ากำลังคิดสับสนอยู่ในใจ ภายในใจของคลาวด์ก็กำลังตริตรองครุ่นคิดกับคำตอบที่ตนได้บอกออกไป และ ผลของการประมวลความคิด ก็ได้ออกมาเป็นคำง่ายที่ว่า ‘มั้ง...?’ (โห่~! พูดมาซะดิบดี มา มั้ง ตอนสุดท้ายเนี่ยนะ!?)
‘ความรู้สึก... แปลกๆ... งั้นเหรอ...? มันจะเหมือนกับ... ของเรา... รึเปล่านะ...? ’แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป ทำให้ความเงียบเช่นเดียวกับวันก่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันแบบนี้กลับมาอีกครั้ง โดยที่ทั้ง 2 ได้แต่อยู่ในที่ของตนโดยไม่พูดคุยอะไรกัน เหมือนปกติ และ คงจะเป็นแบบนั้นจนพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทาง ณ บ้านรีเทิร์นเนอร์ เพียงแต่ว่า... วันนี้ดูถ้าจะมีบางอย่าง เกินจากปกติซะแล้ว...
บรื้~น!
“เอ๋~? เสียงแบบนี้มัน เฟนรินนี่นา” หนุ่มผมยาวสีแดงรวบไว้อย่างลวกๆ ในชุดสูทที่ใส่แบบลวกๆ ดูไม่เรียบร้อย เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ก่อนหันไปมองยังถนนที่อยู่เบื้องล่างของตน “ใช่จริงๆ ด้วยแฮ~ะ... หื~ม? โอ้โหเฮะ! เฮ้! รูท! ฉันว่าวันนี้เราเจอแจ็กพอทว่ะ!”
“หืม?” หนุ่มหัวล้าน ใส่แว่นตาดำอันหนา ในชุดสูทที่สวมอย่างเรียบร้อยผิดกับคู่หูเขา ที่ยืนกินฮอทดอกอยู่บนสะพานลอยด้วยกัน หันไปมองตามหนุ่มหัวแดง
“นั่นไง ว่าที่โซลเยอร์อันดับ 1 ของเรา...” หนุ่มผมแดงเอ่ย ขณะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
บ้านรีเทิร์นเนอร์
‘หึๆๆ... คราวนี้แหละ ไม่มีใครหาเราเจอแน่...’ ล๊อคที่ลงทุนเข้าไปซ่อนตัวในถังขยะสารธารณะหน้าบ้าน เอ่ยกับตัวเองด้วยความมั่นใจ ‘คงไม่มีใครคิดหรอกว่าคนอย่างเราจะมาหลบอยู่ในที่แบบนี้ หึๆๆ... คราวนี้แหละไอ้หนุ่มหัวตั้ง นายจะได้รู้ถึงความหน้ากลัวของจอมโจร เอ๊ย นักล่าสมบัติล๊อค โคล’
บรึ้~น! เอี๊ย~ด!
‘มาแล้ว! ตอนนี้แหละ!’ ล๊อคทำท่าจะกระโดดออกมาจากที่ซ่อน... แต่แล้ว
ปัง!
“อ้า~วไงทีน่า วันนี้กลับมาช้าจังเลยนะ” ซาบินที่เอาศอกทุบลงไปกลางฝาทังขยะที่ล๊อคซ่อนตัวอยู่ ก่อนทำท่ายืนพิงกดหัวฝาไว้ เอ่ยทักทีน่า
“ทำอะไรน่ะซาบิน?” ทีน่าเอ่ยถามสมาชิกครอบครัวร่างบึกของตน
“อะ อ๋อ~! พะ พอดีเอาขยะมาทิ้งแล้วมันล้นออกมา ก็เลยกดลงไปให้ฝามันปิดสนิทจะได้ไม่มีกลิ่นเหม็นยังไงล่ะ” ซาบินเอ่ยแก้ตัว
“งั้นเหรอคะ?” ทีน่ามองถังขยะนั่นด้วยความสงสัย
ฉึก!
“เง้~อ!” ซาบินร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมีดประจำตัวของล๊อคกำลังอยู่ในถังขยะ ถูกแทงแทงทะลุฝาขึ้นมาเฉียดศอกของซาบินไปไม่กี่ มิล.
“เอ๋~!?” ทีน่าที่มองมีดที่ทะลุฝาถังขยะหวิดแขนของซาบินไปด้วยความตกใจ
“มะ แห~ม กดแรงไปหน่อย มีดเก่าที่ทิ้งมาด้วยเลยทะลุออกมา” ซาบินยังคงแก้ตัวได้อย่างเชี่ยวชาญ “อันตรายเหมือนกันนะเนี่~ย”
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
“เง้~อ!” ซาบินรีบเอาศอกออกทันทีที่มีดด้ามเดิมกำลังกระหน่ำแทงทะลุฝาขึ้นมา โดยไม่ลืมเปลี่ยนมือที่กดหัวฝาไว้ ไปกดขอบด้านข้างฝาแทน
“เออ... เอามีดไปทิ้งกี่อันคะนั่น?” ทีน่าถามด้วยความใสซื่อ
“แหะๆๆ... ก็หลายด้ามอยู่ล่ะ เห็นมั้ย แทงทะลุขึ้นมาหลายรูเลย” ซาบินหัวเราะแห้งๆ ก่อนหยิบเชือกที่จู่ๆ ก็โผล่มาในมือเขามัดถังขยะไว้แน่น ก็ยกขึ้นเหนือหัว “ฉันว่าขยะอันตรายแบบนี้ ฉันเอาไปทิ้งไกลๆ ดี กว่า แล้วแป๊บนะเดี๋ยวกลับมา”
“เออ...” ทีน่ามาตามซาบินที่กำลังวิ่งจากไป พร้อมถังขยะเจ้าปัญหานั่น
“คนบ้านเธอนี่แปลกนะ...” คลาวด์กล่าวเรียบๆ (อย่างนายมีสิทธ์ไปว่าเขาด้วยเหรอ?) “เอาล่ะ... ไม่มีอะไร งั้นฉันกลับล่ะ...”
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ เดินทางปลอยภัยนะคะ” ทีน่าเอ่ยลา
บรึ้~น! บรื้~น…!
“พรุ่งนี้เจอกันค่ะ...” ทีน่าเอ่ยตามหลังคลาวด์เบาๆ ก่อนเดินเข้าบ้านไป โดยหารู้ไม่ว่าตัวเพิ่งรอดตัวเกือบเจอปัญหาในถังขยะ ที่ตอนนี้ซาบินบุรุษนักสู้ร่างกำยำกำลังแบกกลับมาวางไว้ที่เดิม
“วู้~...” ซาบินเปาลมออกจากปากเบาๆ ก่อนคลายเชือก ปล่อยให้ผู้เป็นเสมือนคุณพ่อตัวปัญหา ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับหัวปูดลูกเบอเริมกลางกบาล
“ทำอะไรของนายวะ!? เล่นแรงไปรึเปล่าพวก!?” ล๊อคโวย หลังโผล่พรวดออกมาจากถังขยะ “แขนนายก็ไม่ใช่เบาๆ นะ! ทุบมาทีเอาซะเห็นดาวเรียงกันเป็นเนบิวล่าเลย! เกิดสมองฉันได้รับการกระทบกระเทือนจนกลายเป็นล๊อคเอ๋อไปจะทำยังไง!?
“ว่าแต่ฉัน! นายก็เหมือนกันนั่นแหละ!” ซาบินโวยกลับ “เล่นเอามีดแทงกันซะขนาดนี้ ทำเอาฉันตาเหลือกใจหายไปอยู่ตาตุ่มเลยรู้มั้ย!? เกิดมันแทงโดนขึ้นมาจริงๆ นายจะว่ายังไงห~า!? หลายแผลด้วยนะเว้ย!”
“ก็กะแทงโดนอยู่แล้ว!” ล๊อคไม่ยอมแพ้ “เออ! ว่าแต่... นายหาฉันเจอได้ยังไง?”
“นายลืมสเก้าเตอร์ของฉันไปแล้วเหรอ?” เอ็ดก้าร์เดินออกมาพร้อมสเก้าเตอร์ แว่นตาเดียวที่ติดอยู่ที่ตาข้างขวา “เฮ้~อ... นายนี่จริงน้~า... ปล่อยหนุ่มๆ สาวๆ เขาอยู่ด้วยกันไปเหอะน่า”
“ไม่โว้~ย! หญิงสาวคนไหนที่ฉันสาบานไว้ว่าจะปกป้องเขา ฉันต้องปกป้องให้ได้ ใครหน้าไหนที่กล้าลองดี มันผู้นั้นต้องมาเจอกับล๊อค โคลผู้นี้” ล๊อคว่าด้วยเปลวเพลิงแห่งความเร้าร้อนของจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ [ล๊อค: นักล่าสมบัติเว้ย!] ก่อนกลับมาพูดจากเป็นคนปกติอีกครั้ง “ฉันไม่ไว้ใจไอ้หนุ่มนั่น ฉันแอบมองดูสังเกตการณ์มาหลายวันแล้ว หมอนั่นทำแต่หน้าตายด้าน น้ำเสียงก็เย็นชา ท่าทางก็ดูเฉยเมย เห็นแล้วไม่สบอารมณ์เลย แถมยังขี่มอเตอร์ไซด์ซ่าๆ เป็นเด็กแว๊นอีก ฉันยอมให้ทีน่าไปยุ่งกับคนแบบนี้หรอก”
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันว่านายไปอาบน้ำเตรียมกินข้าวดีกว่า” เอ็ดการ์ว่า
“เออ!” ล๊อคตอบเซ็งๆ ก่อนทั้ง 3 จะพากันเดินเข้าบ้านไป
เย็นนั้น
“ตกลง... เรื่องมันเป็นยังไงนะคะ? เล่าสลับไปสลับมา หนูงงไปหมดแล้ว ตกลงซาบินวิ่งถือถังขยะไปชนล๊อค หรือ ล๊อควิ่งชนถังขยะเองกันแน่คะ?” ทีน่าเอ่ยถามสาเหตุที่ล๊อคเดินเข้ามาในบ้านโดยมีขยะอยู่เต็มตัวอีกที ในขณะกำลังทานมื้อเย็นอยู่กลับสมาชิกทุกคนในห้องอาหารบ้านรีเทิร์นเนอร์
“อย่างฉันน่ะเหรอจะเซ่อซ่าไปวิ่งชนถังขยะ” ล๊อคตอบรับด้วยท่าทีที่ยังเซ็งไม่หาย
“ใช่ๆ เขากระโดดเข้าไปเองต่างหาก” เอ็ดก้าร์กระซิบบอกเซเลสที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน
“ฮะๆๆ...” เซเลสหัวเราะเบาๆ
“เซเลส...” ล๊อคตีคิ้วเหล่มองเซเลสภรรยาสุดที่รักที่กำลังหัวเราะเขาอยู่
“ก็มันน่าขำนี่นา” เซเลสว่ายิ้มๆ
“นั่นสิ ฮ่าๆๆ...” ซาบิน และ พลพรรครีเทิร์นเนอร์ร่วมกันหัวเราะ
“ฮะๆๆ...” ทีน่าที่กำลังหัวเราะอยู่กับทุกคนจู่ๆ ก็เงียบลงไป ราวกับมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ทำเอาเซเลสที่นั่งติดกับเธอหันมามองอย่างผิดสังเกต
“มีอะไรรึเปล่าทีน่า?” เซเลสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เซเลสหนูถามอะไรได้มั้ยคะ?” ทีน่าเอ่ยถาม
“ได้สิ” เซเลสว่าพร้อมรอยยิ้ม
“เออ... คือ... เวลาโดนจีบต้องทำยังไงคะ?”
พรว~ด...!
“หะ ห~า!!?” เหล่าสมาชิกชายแห่งบ้านรีเทิร์นเนอร์ (ไม่รวมชาโดว์ กับ โกโก้ที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และ ม๊อกกับอุมาโร่ที่เป็นมอนส์เตอร์) สำลักอาหารออกมาตามๆ กัน
“เอ๋~? ทีน่าโดนจีบเหรอ?” เซเลสเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้น “แล้ว... ใครจีบล่ะ? ใช่รุ่นพี่ที่มาส่งเราทุกวันรึเปล่า?”
“ฆ่ามัน...!” ล๊อคคำราม
“ม๊อก! อุมาโร่!” เหล่ารีเทิร์นเนอร์เอ่ยเรียก 2 ผู้กู้ภัยขนปุย
“คุโป้! อุ๊กๆ!” มูเกิลน้อย และ เยติยักษ์รู้หน้าที่หยิบผ้าปิดปาก และ เชือกกระโดดเข้าพันธนาการล๊อคไว้ ก่อนยกตัวเขาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“เอ๋?” ทีน่ามองภาพสถานการณ์การปฏิบัติการของเพื่อนขนปุยทั้ง 2 อย่างงงๆ
“เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ ช่างเขาเถอะ เข้าเรื่องต่อดีกว่า” เซเลสเอ่ยตอแหลขั้นเทพ
“คะ ค่ะ... ใช่ค่ะ... รุ่นพี่คลาวด์นั่นแหละค่ะ” ทีน่าตอบอายๆ
“อืม... จะว่าไป เธอยังไม่เคยเล่าเรื่องของเขาคนนั้นให้พวกเราฟังเลยนี่นา” เซเลสว่า “ไหนบอกได้ไหมว่าเขาเป็นคนยัง?”
“เออ... คือ...” ทีน่าทำท่าจะเอ่ยตอบ แต่แล้วก็หยุดลง เมื่อเห็นสายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องจับจ้องมา พร้อมกับหูที่ถ่างออกเตรียมรับฟังคำตอบของเธอ
“ฉันว่า... เรากินข้าวกันให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปคุยกันดีกว่า” เซเลสเสนอ
“ไม่ต้องก็ได้ฉันอิ่มแล้ว” ผู้เฒ่าสะตราโก้เอ่ยบอกก่อนลุกจากที่นั่งเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น “เรลม์ วันนี้ปู่รู้สึกปวดหลังยังก็ไม่รู้สิ มานวดให้ปู่ทีซิ”
“เอ๋~? แต่ว่า... เฮ้~อ… ก็ได้ค่ะ” เรลม์เด็กสาวตัวร้อยเดินตามปู่ไปอย่างว่าง่าย
“ฉันทำงานค้างไว้นี่นา ต้องรีบไปทำต่อแล้ว” ว่าจบเอ็ดก้าร์ก็แยกตัวไปอีกคน
“โอ้~! ได้เวลาละครเรื่องโปรดฉันมาแล้ว” ไคอันว่า ก่อนปลีกตัวเป็นคนต่อไป
“กูๆ! กาอูไปได้วย กู!” กาอูเด็กหนุ่มท่าทางคล้ายคนป่าตามไคอันไปด้วย
“...” ชาโดว์กับโกโก้ไม่พูดอะไร ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องอาหารไปเฉยๆ
“เออ... ฉันก็... ไปดูพวกล๊อคหน่อยดีกว่า” แล้วซาบินก็ปลีกตัวออกไปเป็นคนสุดท้ายทิ้งให้ 2 สาวอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2
“เอาล่ะ ทุกคนไปหมดแล้ว... มั้~ง? เอาเหอะ... ว่ามาเลยทีน่า” เซเลสเอ่ยบอกโดยหารู้ไม่ว่า ทุกคนที่ทำท่าเดินออกจากห้องไปนั้น ต่างกำลังเกาะขอบประตูถ่างหูรอฟังบทสนทนาของพวกเธออยู่ในห้องที่แต่ละคนแยกออกไป (โห~... ลงทุนเนา~ะ...)
“อะ อื้ม... พี่เขาชื่อคลาวด์ สไตรฟ อยู่ปี 2 เป็นนักเรียนทุนเหมือนหนู... “ ทีน่าเริ่มนึกภาพคลาวด์มาอธิบายให้ทุกคนฟัง “เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ท่าทางเย็นชา ดูเขร่งขรึม แต่จริงแล้วเป็นคนที่อบอุ่นมากเลยคนหนึ่ง”
‘แห~ม... คอนเซพท์พระเอกซะด้วย’ เซเลสคิดในใจ ก่อนเอ่ยถามคำถามต่อไป “แล้วไปรู้จักกับเขาได้ไง?”
“เจอกันโดยบังเอิญตอนวันเปิดเรียน” ทีน่าเอ่ยตอบ “แล้วก็เผอิญได้พี่เขาคอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ มาตลอดเลย”
‘โห~... กะกิ๊กแต่วันแรกเลยงั้นเหรอ? ร้ายน่าดูแฮะ’ เซเลสคิดในใจอีกครั้ง และยังคงเอ่ยถามต่อไปอีก “แล้วรู้ได้ไงว่าเขาจีบเธอ? เขาบอกเหรอ?”
“เปล่าค่ะ คือ... เพื่อนเห็นว่าสนิทกันมาก เลยมาถามว่ากำลังดูใจกันอยู่รึเปล่า” ทีน่าอธิบายอีกครั้ง “แต่พอบอกไม่ใช่ เพื่อนๆ ก็บอกว่าถึงเราตัวไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะไม่คิด ไม่แน่ว่ารุ่นพี่กำลังจีบเราอยู่”
‘เป็นงั้นไป... แต่มันก็น่าคิดอย่างนั้นอยู่หรอก เล่นพามาส่งบ้านทุกวันอย่างนี้’ เซเลสยังคงคิดต่อไป ก่อนเอ่ยถามคำถามประโยคสำคัญที่เล่าเอาทีน่าชะงักไปในทันที “แล้วเธอ... ชอบเขารึเปล่าล่ะ?”
“อะ... เออ... คะ... คือ...” ทีน่าถึงกับพูดไม่ออก “นะ หนู... ไม่รู้สิ...”
‘นั่นไง... ออกแนวนิยายรักแล้ว แถมได้ตัวละครสุดโมเอะเป็รสาวน้อยแสนใสซื่อผู้ไม่รู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ขอให้ชื่อเรื่องว่าสาวขี้อายกับนายเย็นชา...’ เซเลสก็ยังคงคิดในใจอยู่เรื่อยๆ ขณะเอ่ยถามทำความเข้าใจกับทีน่าต่อไป “เอาอย่างงี้ดีกว่า... เธอรู้สึกยังไงกับเขาล่ะ ประมาณว่า... เออ... เวลาได้เจอกัน หรือ ได้อยู่ใกล้เขาเป็นยังไง? รู้สึกเหมือนมีอะไรความรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ก็โผล่ขึ้นมาในใจไหม? อะไรทำนองนี้น่ะ?”
“กะ ก็...” ทีน่าเริ่มเรียบเรียงคำพูดของตัวเอง “ก็มีบ้าง... อันที่จริง ทุกครั้งที่ได้เจอรุ่นพี่ ตัวมันจะร้อนไปหมด หัวใจก็เต้นเร็วมากเลย ถึงจะไม่แรงเหมือนตอนกลายร่าง แต่ก็ทำเอาเหนื่อยเลย มิหนำซ้ำหน้ายังแดงขึ้นมาจนเห็นได้เลย”
‘นั่นไง เข้าล็อกเด๊ะ’ เซเลสเอ่ยยิ้มๆ ในใจ ขณะที่ยังฟังทีน่าพูดต่อไป
“แล้วก็เหมือนอย่างที่เซเลสว่า มันเหมือนมีความรู้สึกๆ แปลกๆ” ทีน่าอธิบายต่อไป "มันรู้สึก... อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เป็นความอบอุ่นแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกเกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้...”
‘รักแรกพบก็อย่างงี้แหละ... หึๆๆ... อย่างทีน่าที่เป็นสาวอินโนเซนท์ใสซื่อมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องแบบนี้คงทำให้เธอเหนื่อย และ สับสนน่าดู...’ เซเลสคิดในใจเป็นประโยคสุท้ายก่อนเอ่ยสรุปความออกมาให้ทีน่าฟัง “เอาล่ะ... ฉันว่าเธออย่าเพิ่งคิดมากดีกว่านะทีน่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
“ละ แล้ว หนูต้องทำยังไงบ้าง?” ทีน่าถาม
“แค่ทำตัวตามปกติ มันไม่มีอะไรหรอกนะ ปล่อยตัวตามสบาย มีความสุขกับชีวิต ม.ปลาย อย่างที่ผ่านๆ มา แล้วมันจะดีเอง” เซเลสตอบ
“งะ... งั้นเหรอคะ...” ทีน่าพยักหน้ารับ ทำท่าเหมือนจะเข้าใจ (แต่ก็ยังไม่เข้าใจ)
มิดการ์ - เซ็คเตอร์ 7 - เซเว่นเฮฟเว่น
“เฮ้~อ...” ในผับเซเว่นเฮฟเว่นที่ชุมนุม และ ที่ซุกหัวนอนของเหล่าแอวาแลนช์ สมาชิกทั้งหลายที่กำลังอยู่กันอย่าว่างๆ ต่างถอนหายใจไปตามๆ กัน
“พอเรื่องให้ออกลุยทีไรไม่ได้แผลก็ต้องเหนื่อยตัวแทบหลุดมากทุกครั้ง แต่พอไม่มีอะไรให้ทำรู้สึกมันว๊า~งว่าง ว่ามั้ย?” หนุ่มผมดำนามบิ๊กว่าขึ้น ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับพรรคพวกแอวาแลนช์ของเขา
“นั่นดิ จริงอยู่ที่การได้กินกับข้าวฝีมือทีฟาคือสวรรค์บนดินสำหรับฉัน แต่พอกินเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำ มันก็รู้สึกเซ็งๆ ยังไงก็ไม่รู้” ชายร่างอ้วนนามเวจสมทบ
“งั้นพวกนายก็หาอะไรทำซะสิ” สาวผมน้ำตาลนามเจสซี่ ซึ่งดูเหมือนกำลังวิใจข้อมูลอะไรบางอย่างในโน๊ตบุ๊คตัวเล็กตรงหน้าเธอ
“แล้วเธอทำอะไรอยู่น่ะ?” บิ๊กเอ่ยถาม
“ไอดีการ์ดปลอมน่ะ” เจสซี่ว่า ก่อนหยิบการ์ดสีดำข้างๆ โน๊ตบุ๊คขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดู “คราวก่อนที่เราไปลุยกับพวกเดอะ เทิร์คซที่เซ็คเตอร์ 2 ตอนลอบเข้าไปเราใช้เวลานานไปหน่อย เพราะต้องมาเสียเวลาแฮคระบบรักษาความปลอดภัยเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเปิดประตู ฉันเลยสร้างไอ้เจ้านี่ขึ้นมา”
“ยอดไปเลยเจสซี่!” เวจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเถิดทูน “ว่าแต่... ใช้ทำอะไรล่ะ?”
“ถุ๋ย! ไม่รู้เรื่องดันทะลึงไปชมเฉยเลย!” บิ๊กว่าเวจให้ทีหนึ่ง
“ใช้ถ้าเอาการ์ดนิ่ลิงค์เข้ากับประตูที่ควบคุมระบบไฟฟ้าอะไรก็ตาม มันะส่งคลื่นเข้าไปก่อกวนสัญญาณ ทำให้ประตูนั้นๆ เปิดออกอย่างง่ายดายยังไงล่ะ” เจสซี่ว่าด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าภูมิใจกับผลงานสุดๆ “เป็นไงล่ะ แทนที่จะมาถอนหายนั่งอยู่เฉยๆ ก็หาอะไรที่มีประโยชน์ทำซะสิจะได้ไม่ว่าง”
“เห็นด้วย...” คำสนับสนุนดังมาจากคน 3 คนที่อยู่ตรงบาร์ประกอบด้วยสาวสวยผมดำยาวสลวย นัยน์ตาสีเดียวกัน ผิวขาวเนียนไร้ริ้วรอย หุ่นเพรียวอวบอึ๋มราวนางแบบ ผู้กำลังยืนเสิร์ฟเครื่องดื่มให้บุรุษ 2 คนที่นั่งอยู่บนบาร์เก้าอี้ตรงหน้าเธอ ซึ่งก็คือ ชายร่างยักผู้มีแขนขวาเป็นปืน แบร์เร็ท วอลเลซ และ เด็กหนุ่มหัวทองชี้ฟ้า หรือ คลาวด์ นั่นเอง
“เจสซี่พูดถูกนะ แทนที่จะมานั่งบ่นเบื่อๆๆ กันอยู่แบบนี้ ไปหาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำดีกว่า” สาวสวยผมยาวที่ทุกคนเรียกว่าทีฟากล่าว ขณะชงเหล้าให้แบร์เร็ท (คำเตือน: การดื่มเหล้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และ อาจก่ออุบัติเหตุจากการขาดสติได้)
“โอเคๆ ฉันยอมรับ... ว่าแต่อย่างพวกฉันจะทำอะไรได้?” บิ๊กว่า “อย่างฉันกับเวจน่ะ ไม่มีปัญหาทำเรื่องราวซับซ้อนแบบเจสซี่ได้อยู่แล้ว ยิ่งเรื่องแอคชั่นเหนือมนุษย์อย่างนายคลาวด์กับแบร์เร็ทยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่พวกเราทำได้ ก็แค่ออกไปต่อสู้ตะลุมบอนแบบลูกผู้ชายเท่านั้น เพราะงั้น มันถึงว่างจนน่าเบื่อยังไงล่ะ?”
“พูดกับไอ้พวกหัวทึบขี้โม้ 2 ตัวนี้เลย บอกมันยังไงมันก็ไม่สนหรอก” แบร์เร็ทว่า ก่อนกระดกเหล้าในแก้วที่ทีฟาชงให้ขึ้นดื่มอย่างสบายใจ
“...” คลาวด์นั่งเงียบอยู่คนเดียว
“มีอะรึเปล่าคลาวด์? ทำไมวันนี้ดูเงียบผิดปกติ?” ทีฟาเอ่ยถาม
“คลาวด์เขาก็เงียบแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เวจถาม ขณะเขากับบิ๊กยังคงกินอาหารบนโต๊ะต่อไป
“แต่วันนี้ดูเงียบกว่าปกติหน่อยหนึ่งนะ (หน่อยเดียวเองงั้นเหรอ?)” เจสซี่สมทบ ขณะวางมือพักจากโน๊ตบุ๊คของเธอครู่หนึ่ง พลางหยิบผลไม้บนโต๊ะมากิน
“นั่นสิ... หรือว่าที่ดิสสิเดียมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” ทีฟาถามอีกที
“นี่ทีฟา...” คลาวด์ที่เงียบไปพักหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “ถ้าเด็กผู้หญิงมาถามว่ารู้สึกยังไงกับเขา มัน... หมายความว่าไง?”
พรว~ด! (ยก 2)
“หะ~หา!?” เหล่าแอวาแลนช์ทุกคน (ไม่นับตัวคนถาม และ ทีฟา) สำลักของที่กำลังดื่มกินอยู่ไปตามๆ กัน ก่อนหันมามองคลาวด์ด้วยความประหลาดใจ
“เอ๋~!? มีเด็กผู้หญิงมาถามเธอแบบนี้ อย่างงั้นเหรอ!?” ทีฟาถามเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหูของเธอ
“ประมาณนั้น...” คลาวด์ตอบเรียบๆ
“ใครงั้นเหรอ? เพื่อนร่วมห้อง รุ่นพี่ หรือ รุ่นน้อง?” ทีฟาซัดคำถามใส่คลาวด์ยกใหญ่ “เขาคิดยังไงถึงมาบอกเธอ? แล้วเธอตอบเขาไปว่าไงบ้าง?”
“เออ...” คลาวด์ที่มองทีฟาที่จู่ๆ ก็กระหน่ำคำถามใส่เขาอย่างงงๆ แต่ก็เอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่ถือสา “เป็นรุ่นน้อง”
“รุ่นน้อง?” ยังไม่ทันได้ว่าต่อ ทีฟาที่ได้ยินคำตอบของคำถามแรก ก็ถามแทรกคลาวด์ขึ้นมาทันที “ใช้คนที่เอาผ้าเช็ดหน้าไปซักให้รึเปล่า?”
“อืม...” คลาวด์ตอบเรียบๆ ในขณะที่บรรยากาศห้องกำลังเต็มไปด้วยสายตาที่แสดงถึงหลากหลายอารมณ์ซึ่งส่งตรงมาที่เจ้าตัว ทั้งสายตาอิจฉาน้อยๆ ของบิ๊กกับเวจ สายตาเมิ่นๆ ของแบร์เร็ท สาวตาแอบหึ่งของเจสซี่ และ สายตาหึ่งตรงๆ ของทีฟา
“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงเล่าให้ฟังหน่อยสิ?” ทีฟาเอ่ยถาม
“ก็ไม่มีอะไรมาก จู่เขาก็ถามออกมาตอนฉันไปส่งเขาที่บ้านอย่างทุกวัน” คลาวด์เอ่ยตอบโดยไม่คิดอะไร
“ไปส่ง? หรือว่าที่เธอกลับมาที่นี้ช้ากว่าปกติเนี่ย เพราะเธอขี่เฟนรินไปส่งรุ่นน้องคนนั้นถึงบ้านงั้นเหรอ?” ทีฟาถามด้วยความประหลาดที่ทวีเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อคลาวด์บอกเล่าถึงเรื่องราวของเขาในส่วนที่เธอไม่รู้
“อืม...” คลาวด์ตอบนิ่งๆ (รู้สึกว่าหมอนี่จะไม่เคยสังเกตท่าทีของคนอื่นเลยสินะ)
“ไหงไม่เคยเล่าให้ฟังเลย?” ทีฟาเอ่ยถามอีกครั้ง
“ก็ไม่ได้ถาม...”
“ก็จริงแฮะ...” ทีฟาที่ชะงักลงไปครู่เอ่ยกับตัวเอง ก่อนหันกลับมาคุยกับคลาวด์อีกครั้ง “จะว่าไปรุ่นน้องคนนั้นเป็นยังไงเหรอบอกหน่อยสิ?”
“เป็นเด็กสาวร่างบาง ผมยักศกสีทองตาสีฟ้า ท่าทางขี้อาย และ ไม่คอยกล้าทำอะไรสักเท่าไหร่” คลาวด์สรุปออกมาง่ายๆ
‘เอ๋~...? นึกว่าคลาวด์จะชอบแต่ผู้หญิงแบบน่ารัก กล้า และ ร่าเริงแบบเธอคนนั้นซะอีก...’ ทีฟาคิดในใจ ‘จากที่ฟังๆ ดู รุ่นน้องคนนั้นตรงข้ามกลับเธอคนนั้นลิบลับเลยนี่นา... หรือเดี๋ยวนี้คลาวด์เปลี่ยนใจไปพรากผู้เยาว์...? ไม่น่าใช่... คนอย่างอย่างคลาวด์คงไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก...’
“มีอะไรเหรอทีฟา?” คลาวด์เอ่ยถามเพื่อนสาวของเขาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเธอหยุดเงียบไปพักหนึ่ง
“อะ เออ... ไม่มีอะไร...” ทีฟาตอบกลับ “จะว่าไป... นี่คลาวด์ ฉันว่าเธอดีกับรุ่นน้องคนนั้นหน่อยก็แล้วกันนะ”
“หา?” คลาวด์ทำหน้างง
“ดูท่าเขาจะติดใจเธอซะแล้ว” ทีฟาว่ายิ้มๆ ‘ไหนๆก็เป็นผู้หญิงที่หลงมาชอบหมอนี่เหมือนกัน คงไม่เป็นไรหรอก... ยังไงซะคนที่เขาชอบก็มีแต่... เธอคนนั้น... เท่านั้น...’
คืนนั้น
“เราเจอกันอีกแล้วนะ” ภาพเด็กสาวคนสวยท่าทางน่ารักผมยักศกสีน้ำตาลยาวรวบเป็นห่างม้าด้วยโบว์สีชมพู ที่กำลังดูแลแปลงดอกไม้ของเธออยู่ เงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเขียวมรกตเป็นประกายงดงาม “ดีใจจังเลย เธอจำฉันได้ด้วย”
ภาพๆ นั้นนิ่งค้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนค่อยเลือนหายไป จนเหลือแต่สีขาวโผลนไปทั่ว จู่ๆ แสงสว่างบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมา พร้อมฉายภาพอีกภาพออกมา
“ดูนั่นสิ! มีสนามเด็กเล่นด้วย!” เด็กสาวคนเดิม เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น ขณะวิ่งขึ้นไปบนกระดานลื่นอันใหญ่ พลางโบกมือเรียก “ขึ้นมาด้วยกันสิ!”
ภาพจางหายไปอีกครั้ง ก่อนภาพๆ ใหม่จะปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงประหลาดนั่น
“ฉันเคยมีแฟนคนหนึ่ง เป็นนักเรียนทหารเหมือนเธอนี่แหละ แต่อยู่มาวันหนึ่ง จู่ๆเขาก็หายสาบสูญไป...” เด็กสาวคนเดิมที่นั่งกอดเขาอยู่บนกระดานลื่นอันใหญ่ บอกเล่าเรื่องราวของเธอ “ช่างเถอะ ไม่แน่นะ ป่านนี้เขาคงจะไปมีแฟนใหม่อยู่ที่ไหนแล้วก็ได้...”
เหตุการณ์นี้ยังคงเกิดซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ ภาพของเด็กสาวยังคงวนเวียนกลับไปกลับมาไม่รู้จบ จนในที่สุด ก็มาหยุดลงที่ภาพเหตุการณ์สุดท้าย
“มาทำตามสัญญาดีกว่า... ไปเดทกันเถอะ... คลาวด์”
ปึก!
“หื~ม?” คลาวด์ที่สะดุ้งตื่นจากฝันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองรูปในกรอบเล็กๆ ที่เอนล้มลงเพราะแรงลมเบาๆ จากหน้าต่างที่ทำให้กรอบรูปล้มคว่ำลงจนเกิดเป็นเสียงเล็กๆ ที่ทำให้เขาหลุดออกจากห้วงแห่งความฝัน
‘นั่นมัน... รูปของ... เธอคนนั้น...’ คลาวด์คิดในใจขณะนอนมองรูปที่คว้ำหน้าลง ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทันใดนั้นเอง
“เธอยังคิดถึงฉันอยู่... งั้นเหรอ...?”
“ห๊ะ!” คลาวด์รีบลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงของตนเมื่อเด็กสาวในฝันของเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า พลางยกรูปของเธอตั้งขึ้นดังเดิม แต่ทันทีที่สายตาสะลึมสะลือของเขาเริ่มสว่างขึ้น ภาพของเธอคนนั้นกลับหายไป พร้อมกับกรอบรูปที่ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม โดยไม่มีร่องรอยว่าเคยคว่ำลงมาก่อน “ภาพหลอน... งั้นเหรอ...”
คลาวด์ถอนใจเบาๆ ก่อนเอนหลังลงนอนต่อ หลังหลับตาลงไปครู่หนึ่งเขาก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
“คลาวด์” ภาพเด็กสาวคนเดิมที่เอ่ยชื่อเขา ยังคงวนเวียนอยู่ในฝันของเขา แต่แล้ว “รุ่นพี่คลาวด์”
“หา?”
“รุ่นพี่คลาวด์” ภาพเด็กสาวผู้ร่าเริงคนเดิมค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยภาพเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่ดูคล้ายๆ กัน ผมหยักศกสีน้ำตาลที่รวบขึ้นด้วยโบว์สีชมพู ค่อยๆ กลายเป็นสีทอง นัยน์ตาหวานๆ สีเขียวมรกตค่อยเปลี่ยนเป็นตากลมโตน่ารักสีฟ้าสวย ร่างกายที่เคยมีขนาดพอๆ กับเขา ค่อยๆ ลดขนาดลงมาจนสูงแค่ระดับอก และ ท่าทางสดใส ร่าเริง กล้าแสดงออก ค่อยๆ ถูกแทนด้วยท่าทางเขินอายน่าเอ็นดู ในที่สุดภาพของเด็กสาวที่คอยวนเวียนอยู่ในฝันของเขาก็หายไป แล้วปรากฏเป็นภาพของเด็กสาวตัวร่างบางท่าทางขี้อาย ผู้เป็นรุ่นน้องที่น่ารักของเขา หรือทีน่านั่นเอง
“นี่มันอะไรเนี่ย?”
“หึๆๆ...” ขณะที่ภาพของทีน่าปรากฏแทนที่เด็กสาวคนเมื่อครู่ เสียงหัวเราะเบาๆเสียงหนึ่ง ก็ดังขึ้นมา พร้อมกับภาพของเด็กสาวคนเดิมที่ปรากฏขึ้นเป็นร่างจางๆ เบื้องหลังของทีน่า ซึ่งเธอคนนั้นกำลังสงยิ้มอันอ่อนโยน และ แสนอบอุ่นมาให้คลาวด์ ก่อนจะจางหายวับไปอีกครั้ง จนเหลือแต่ทีน่าที่ยืนมองเขาอยู่... และแล้ว
“...” คลาวด์ลืมตาตื่นอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ ทำไมจู่ๆ ทีน่ารุ่นน้องผู้น่าเอ็นดูของเขาถึงได้มาปรากฏขึ้นในฝันของเขา พร้อมๆ กับเธอคนนั้น... ‘นี่มันอะไรกัน... ทำไม... วันนี้... ฝันแปลกๆ นะ...’
คลาวด์ที่เริ่มเกิดข้อข้องใจ หลับตาลงครุ่นคิด ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น แล้วถลกอามแบนด์ยกแขนของเขาขึ้นมาดู
‘อะไรนี่? ทำไมอาการของจีโอสติคม่าไม่กำเริบ...? ปกติเราฝันถึงเธอคนนั้นทีไร เจ้าแผลบ้านี่มันต้องเจ็บขึ้นมาทุกครั้งไม่ใช่เหรอ?’ คลาวด์เอ่ยถามตัวเอง ‘ช่างมันเถอะ... ไม่เกิดก็ดีแล้ว... ว่าแต่ฝันเมื่อกี้มันอะไรกัน?’
“คลาวด์.../รุ่นพี่คลาวด์...” เสียงหวานๆ ทั้ง 2 เสียงดังขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง
‘เธอคนนั้นไม่แปลกซักเท่าไหร่... แต่ทำไมคราวนี้... ถึงมีทีน่าด้วยล่ะ’ คลาวด์เริ่มคิดไม่ตกกับภาพของทีน่ากับเด็กสาวคนนั้นที่ซ้อนทับกันได้พอดีจนน่าประหลาด ทำให้ชื่อของทีน่าดังก้องอยู่ในหัวเขาทั้งคืน “...”
วันต่อมา ณ ห้องพยาบาลดิสสิเดีย
“ชิ! เจ้าฟีเรี่ยน... เจ้าเด็กสามัญชนนั่นทำแสบอีกแล้ว” เมเทอัสเอ่ยด้วยความคับแค้นใจ ขณะยกมือขึ้นกำระดับสายตาเป็นการระบายอารมณ์
“หึๆๆๆๆๆๆ...” เสียงหัวเราะเบาๆ ของอันติเมเซียดังขึ้นพร้อมกับความข้องใจของเมเทอัสที่ดูเหมือนจะถูกหัวเราะเยาะ
“ขำอะไรของเธอ?” เมเทอัสเอ่ยถามอย่างอารมณ์เสีย
“ก็เธอดันไปใช้วิธีกดดันเจ้าเด็กพวกบ้ากล้องถ่ายรูปพวกนั้นด้วยความกลัวน่ะสิ ถึงได้เสียแผนอย่างนี้” อันติเมเซียว่า “จริงอยู่ว่าการใช้ความกลัวเข้าครอบงำเป็นวิธีปกครองที่ยอดเยี่ยมวิธีหนึ่ง ที่สามารถทำให้สังการผู้ที่อยู่ใต้บัญชาให้ทำตามได้อย่างไม่มีเงื่อนไข อันเนื่องมาจากความกลัวที่มีต่อผู้ปกครอง แต่ในทางกลับกัน ผู้อยู่ใต้บัญชาเหล่านั้นก็จะแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อหนีออกไปจากการรับคำบัญชาของเธอ ยิ่งถ้าได้รับการเสนอการคุ้มครองจากนักรบแห่งแสงแล้วล่ะก็ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธหรอกจริงไหม?”
“พูดเป็นลิเกอยู่ได้ สรุปก็คือเธอจะเยาะเย้ยฉันใช่ไหม?” เมเทอัสว่า
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ ฉันแค่บอกว่าวิธีของเธอมันไม่ได้ผลเฉยๆ” อันติเมเซียกล่าว
“จะว่าไป เมื่อวานเธอบอกว่าจะไปทำตามแผนในวิธีของเธอไม่ใช่เหรอ” เมเทอัสเอ่ยขึ้น “ไหนลองบอกมาซิว่าแผนเธอเป็นยังไง? แล้วมันดีกว่าฉันตรงไหน?”
“โอ้~ ดีกว่ามาเลยล่ะองค์จักรพรรดิ พูดถึงจักรพรรดิ เธอคงยังไม่รู้สินะว่า มีวิธีปกครองที่ได้ผลมากกว่าการครอบงำด้วยความมืดด้วย” อันติเมเซียกล่าว
“ได้ผลมากว่าความกลัวงั้นเหรอ? แล้วมันอะไรล่ะ?” เมเทอัสเอ่ยถาม
“ก็ความพิศวาสยังไงล่ะ” อันติเมซียตอบยิ้มๆ
“ความพิศวาสงั้นเหรอ?” เมเทอัสเอ่ยทวนงงๆ “ยังไงล่ะ?”
ก๊อ~กๆ!
“อาจารย์อันติเมเซียครับ เพื่อนผมรู้สึกไม่สบายอาจารย์ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ?” เด็กชายคนหนึ่งประคองเพื่อนเข้ามาภายในห้องพยาบาล
“ได้สิจ๊ะ” อันติเมเซียกลับเข้าสู่โหมดครู่พยาบาลผู้ใจดี “อ๋อใช่ ครูเมเทอัส เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดกันให้ค่ะ แล้วมาคุยกันใหม่ทีหลังนะคะ”
“ผมจะรอนะครับ” เมเทอัสที่เสแสร้งได้ไม่แพ้กันว่าด้วย ท่าทางที่กลับเข้าสู่โหมดครูสอนคณิตศาสตร์แสนสุภาพ ก่อนเอ่ยลาแล้วเดินจากไป “ไปก่อนนะครับ”
สภานักเรียน
“ต้องขอขอบคุณท่านประธานวอริเออร์อีกครั้งนะครับ เป็นเพราะท่านแท้ๆ ผมกับสมาชิกทุกคนจึงยังคงรักษาชมรมของตัวเองไว้ได้ ต้องจองขอบคุณจริงครับ” หัวหน้าชมรมช่างถ่ายภาพ เอ่ยขอบคุณไลท์ ที่ยื่นคำร้องของความคุ้มครองชมรมของเขาจาก ผอ.คอสมอส ทำให้พวกเขาหลุดจากอำนาจการบงการของเมเทอัสได้ในที่สุด
“จริงๆ แล้ว คนที่ช่วยทุกคนไว้ก็คือสภาสวนสวยฟีเรี่ยนคนนี้ต่างหาก” ไลท์ผายมือไปยังฟีเรี่ยนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน
“โอ้~! ต้องของขอบคุณจริงๆ ครับ หัวหน้าสภาสวนสวยฟีเรี่ยน เราติดนี้บุญคุณท่านอย่างใหญ่หลวง” หัวหน้าชมรมช่างถ่ายภาพ เอ่ยขอบคุณฟีเรี่ยนอีกคน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว” ฟีเรี่ยนกล่าว
“คราวหน้าถ้าถูกข่มขู่แบบนี้อีก ไม่ต้องลังเลครับ ขอให้รีบมาบอกทางสภาเลย แล้วทางเราจะจัดการให้เอง” เซซิลกำชับ
“ครับต่อไปผมไม่ลังเลอีกแล้ว” หัวหน้าชมรมช่างถ่ายภาพกล่าว
“เอาล่ะ ดีแล้ว ไปเตรียมตัวเข้าห้องเรียนเถอะ” ไลท์เอ่ยบอก
“ครับ ขอบคุณสภานักเรียนอีกครั้งนะครับ” หัวหน้าชมรมช่างถ่ายภาพกล่าวขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง ก่อนขอลาเดินออกจากห้องไป
“เฮ้~อ... ดีนะที่คราวนี้เราช่วยชมรมช่างถ่ายภาพไว้ได้ก่อนจะเกิดเรื่อง” เซซิลว่า
“อย่าเพิ่งประมาทดีกว่า... 2 คนนั้นเขาไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ หรอก” ไลท์ย้ำเตือน “ยิ่งรู้ว่าเรากำลังปะทะกับพวกเขาแล้ว ยิ่งทำให้งานนี้ลำบากยิ่งขึ้น”
“แล้วเราต้องทำยังไงต่อครับ?” ฟีเรี่ยนเอ่ยถาม
“ฟีเรี่ยน นายยังต้องไปสืบแผนการของทั้ง 2 ต่อไป ขอฝากไว้เหมือนเดิมนะ” ไลท์ว่า ขณะเอื้อมมือมาแตะไหล่ฟีเรี่ยนเบาๆ
“ครับ” ฟีเรี่ยนรับคำสั่ง
“ส่วนเซซิล ให้ทุกคนประจำตำแหน่งหน้าที่ของตนไว้ก่อน” ไลท์หันมาสั่งเซซิล
“ครับ” เซซิลรับคำสั่ง
“แม้เราจะชนะในศึกแรก แต่สงครามยังไม่จบ... เตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ” ไลท์กล่าวปิดท้าย “ขอให้แสงสว่างจงสถิตอยู่กับพวกนาย... โชคดี...”
“ครับ...”
ปี 1 ห้อง A ก่อนเข้าเรียน
“ทีน่าๆ! รุ่นพี่สไตรฟมาหาน่ะ” สาวโคศกเอ่ยบอกทีน่า เมื่อเห็นคลาวด์เดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง
“เอ๋~? รุ่นพี่คลาวด์เหรอ?” ทันทีที่หันไปเห็น ทีน่าเดินเข้าไปหาคลาวด์ที่ยืนรอเธออยู่นอกห้องอย่างไม่รอช้า “มีอะไรเหรอคะ?”
“ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย...” คลาวด์ว่า
“เฮ้ พวกนายว่าเรื่องอะไร?” บัทส์เอ่ยถามซีดาน โคศกสาว และ เพื่อนหนุ่มสาว FFT ที่ต่างพากันมาแอบดักฟังบทสนทนาของทั้ง 2 อยู่ริมขอบประตู
“ถามฉันฉันแล้วฉันจะรู้มั้ย? ก็ดูอยู่ด้วยกัน” บัทส์ว่า
“เงียบๆ สิ เดี๋ยวทางนั้นก็รู้ตัวหรอก” สาวโคศกกล่าว
“ใช่ๆ เงียบไว้ๆ” ทีดัสที่เกาะอยู่มุมบนสุดว่า
“เอ๋~?” เหล่าปีหนึ่งทั้งหลาย หันมามองที่รุ่นพี่คนดังที่จู่ๆ ก็โผล่มาร่วมวงสอดแนมกับพวกเขาตอนไหนก็ไม่รู้อย่างงงๆ
“ชู่ว์... เรื่องสงสัยเอาไว้ทีหลัง ดูฉากนี้ก่อน” ทีดัสว่า ก่อนนำรุ่นน้องทั้งหลายติดตามสถานการณ์ต่อไป
“เฮ้ บัทส์ ฉันว่าคาเฟ่เรามีคนเพิ่มแฮะ” ซีดานว่า
“นั่นสินะ” ซีดานว่า
“พวกนายเงียบๆ กันหน่อย ดูออนเนี่ยนเป็นตัวอย่างสิ” สาวโคศว่า ขณะเอ่ยให้ 2 ตัวป่วนเงยหน้าขึ้นมองน้องหอมที่ห้อยหัวเป็นสไปเดอร์แมนคอยสอดแนมทั้ง 2 หนุ่มสาวเช่นเดียวกับพวกเขาอยู่ตรงขอบประตูด้านบนอย่างเชี่ยวชาญ (ก็นินจานี่นา)
‘ถ้าเป็นเรื่องของทีน่า หมอนี่ทุ่มสุดตัวเลยแฮะ’ 2 ลิงคิดขำๆ
“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ทันทีที่ได้ยินทีน่าเอ่ยถาม เหล่าผู้สอดแนมทั้งหมดก็หันกลับมาสนใจคลาวด์ และ ทีน่าอีกครั้ง พร้อมเงียบเสียงลงรอฟังคำตอบจากคลาวด์... ในที่สุด...
“เรา... ไปเดทกันไหม?”
ความคิดเห็น