ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Prince of Tennis in Three Kingdoms The Red Cliff

    ลำดับตอนที่ #7 : Match 6 เทะสึกะ ปะทะ ซูเฉา สิ้นสุดการอพยพ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 52


    Match 6

    เทะสึกะ ปะทะ ซูเฉา

    สิ้นสุดการอพยพ

     

                    ข้าคือเล่าปี่... เล่าปี่ ชายผู้มีสายเลือดแห่งราชวงศ์ฮั่น ผู้นำสูงสุดแห่งจ๊กก๊กเอ่ยทักทายเหล่าเซงาคุที่จูล่งนำทางมาหา ก่อนเดินมาที่เทะสึกะ ท่านคงเป็นผู้นำของกลุ่มนักรบวัยเยาว์กลุ่มนี้สินะ ท่านจอมยุทธ์มีนามว่าอะไรหรือ?

                เทะสึกะ คุนิมิทสึ ยินดีได้พบครับ คุณเล่าปี่ เทะสึกะว่าขณะโค้งให้เล่าปี่

                ยินดีได้พบเช่นกัน ท่านเทะสึกะ เล่าปี่ยกมือขึ้นทำท่าจะคำนับ

                ไม่ต้องก็ได้ครับ...เทะสึกะเอ่ยห้ามเล่าปี่

                มีอะไรหรือท่าน? เล่าปี่ถาม

                เออ... ท่านไม่สมควร

                ผู้น้อยคารวะผู้ที่ใหญ่กว่า มีอะไรไม่สมควรหรือท่าน? เล่าปี่ถามอีกที

                ผมอายุ 15 ครับ เทะสึกะว่า

                หา~!” จูล่งที่หลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ต่างกับเล่าปี่ที่ตอนนี้ยืนมองหน้าเทะสึกะอย่าไม่เชื้อในสิ่งที่ได้ยินท่ามกลางเหล่าเซงาคุที่กำลังอมยิ้มกันอยู่

                ขะ.ขอโทษที่เสียมารยาท ข้า เอ๊ย! ฉันนี่มองคนไม่เป็นเลย... ถ้าอย่างนั้นก็ ยินดีได้รู้จักนะท่าน เออ หมายถึง คุนิ... เล่าปี่ทำท่าจะเรียกชื่อเทะสึกะ แต่ด้วยดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่มองสำราวเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอีกที ทำให้เจ้าตัวหยุดปากลง เออ... เทะสึกะ

                ท่านเล่าปี่เป็นอะไรเหรอคะ? จูล่งเอ่ยถาม

                กะเรียกคุนิมิทสินั่นแหละแต่มันรู้สึก... แปลกๆ เรียกเทะสึกะอย่างเดิมดีแล้ว เล่าปี่หันมากระซิบบอก ก็ดูสิ 15 ปีแต่ดูเคร่งขรึมสมชายชาตรียิ่งกว่าฉันซะอีก...

                เออ... จูล่งหันไปมองเทะสึกะก่อนหันกลับมากระซิบตอบ เห็นด้วยค่ะ ฉันคิดว่าฉันรู้สึกแบบเดียวกับท่านเล่าปี่นะคะ...

                เออ... เทะสึกะเอ่ยเรียกความสนใจกลับคืนมา แล้วเราจะเอายังไงต่อครับ?”

                เฮ้อ~... ตอนนี้ก็ได้แค่หนีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเมืองกังแฮ และ ก็ภาวนาให้สวรรค์ช่วยเท่านั้นแหละ... เล่าปี่ถอนหายใจก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเทะสึกะ เพราะงั้น จนกว่าพวกชาวบ้านจะไปถึงที่ปลอดภัย ฉันของแรงพวกเธอช่วยฉันปกป้องชาวบ้านหน่อยได้ไหม?

                ครับ!!” เทะสึกะตอบรับพร้อมคอรัสประสานเสียงจากเหล่าเซงาคุผู้อยู่เบื้องหลัง

                ขอบคุณมาก เล่าปี่ยิ้มก่อนพยักหน้าอย่างดีใจ พอเตียวหุยตามมาสมบทเราก็จะออกเดินทางต่อนะ ตอนนี้พวกเธอพักผ่อนก่อนเถอะ

                ครับผม เหล่าเซงาคุตอบ

                เทะสึกะ เธอมาคุยกับฉันทางนี้หน่อยนะ เล่าปี่เชิญ

    ครับ... เทะสึกะว่าขณะทำท่าจะเดินตามไป แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

    ชวิ้ง!

    เทะสึกะระวัง!!” คิคุมารุตะโกนบอกเมื่อเห็นอะไรบางอย่างพุ่งมาตรงมา

    ห๊ะ!”

    ควับ!

                เทะสึกะดึงเล่าปีหลบออกจากรัศมีสิ่งที่พุ่งมาหาเขาทั้งสอง ก่อนหันไปมองอาวุธสังหารที่ปกอยู่ตรงจุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อกี้

                มีดบิน!” โออิชิเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ

                เหวอ~!!” เหล่าตัวแถมทั้ง 5 ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

    ข้าศึกลอบโจมตี เตรียมรับมือ!” จูล่งกล่าวขณะกระชับทวนในมือเข้าโหมดต่อสู้

    โมโมะ! ไคโด! คุ้มกันปีหนึ่ง เทะสึกะออกคำสั่งขณะกวาดสายตาหาศัตรู

    ค. ครับ!” ทั้ง 2 ขานรับก่อนวิ่งเข้าไปหาพวกปีหนึ่งตามคำสั่ง

    เหล่าเซงาคุต่างตั้งท่ารอการจู่โจมครั้งต่อไปของเจ้าของมีดบินลึกลับที่คิดว่าน่าจะพุ่งมาหวังจะปลิดชีพเล่าปี่ แต่แล้ว...

    เอ๋~? โมโมะว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย…”

    นั่นสิ... ไคโดเห็นด้วย

    อย่าลดการ์ดลงสิพวกเธอ!” จูล่งร้องเตือนแต่ไม่ทันซะแล้ว

    โจมตี!” เสียงสั่งจู่โจมดังขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้

    ฟรึบ! เคล้ง!

    ห๊ะ!” โมโมะ และ ไคโด ที่เผลอลดการ์ดลงถูกกลุ่มชายในชุดสีดำคล้ายนินจาพุ่งเข้ามาโจมตีแบบสายฟ้าแลบ แม้ทั้ง 2 จะรับการโจมตีได้ทัน แต่ก็ทำให้ทั้งสองเสียงหลักล้มลงไปกับพื้น

    โมโมะ! ไคโด!” โออิชิ คิคุมารุ กับ คาวามูระร้องออกมาด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัวว่าพวกตนอยู่ในสถานการณ์แบบใด

    แย่แล้ว!’ จูล่งคิดในใจเหมือนจะรูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ทีม 2 ไป!” เสียงสั่งจู่โจมดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกันกลุ่มชายชุดดำอีกกลุ่มที่พุ่งตรงเข้าโจมตีพวกโออิชิ

    เคล้ง!

    อ๊ะ!” ทั้ง 3 อุทานก่อนล้มลงไปกับพื้นเช่นเดียวกับไคโด และ โมโมะ

    ทีม 3 ไป!” เสียงสั่งจู่โจมยังคงดังต่อเป็นจังหวะพร้อมชายในชุดดำอีกชุดที่พุ่งตรงเข้ามาหาฟูจิกับอินูอิ แต่แล้ว

    เคล้ง!

    อ๊าก~!“ เหล่าชายชุดดำที่พุ่งเข้าโจมตีฟูจิกับอินูอิถูกฟันกระเด็นออกมานอนหมดลมหายใจกองกันอยู่ตรงพื้นด้วยท่าที่ทุกคนรู้จักกันในนาม

    พิฆาตหมีสีน้ำตาล... ฟูจิที่ลืมตาสีฟ้าสวยของตนขึ้นมองเหล่าศัตรูด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

    หือ~…”

    ทีม 3 ถูกไอ้เด็กนั้นฆ่าเหรอ? ทีม 2 หันไปมองเพื่อนของตนที่นอนกองกันอยู่ตรงพื้นหน้าฟูจิ ขณะที่ตนกำลังจะโจมตีซ้ำลงไปหาพวกโออิชิ

    มองอะไรของพวกเจ้าน่ะ! ย๊าก...!”

    อ๊าก~!” เหล่าชายชุดดำทีม 2 ที่ยืนเรียงกันอยู่ถูกจูล่งที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็วเหวี่ยงทวนเข้าฟันกระเด็นไปคนละทิศละทางก่อนล้มลงสิ้นใจทันทีด้วยบาดแผลที่ถูกฟันอย่างแรง และ เร็วจนตัวเองยังไม่ทันรู้ตัว

    ทีม 2! หน่อย~พวกแก…!” ชายชุดดำกลุ่มสุดท้ายหันไปมองเพื่อนทีมสองที่ถูกจูล่งจัดการได้อย่างง่ายก่อนหันกลับมาที่โมโมะ และไคโดที่เพิ่งยืนขึ้น ตายซะเถอะ!”

    รุ่นพี่โมโมะ! รุ่นพี่ไคโด! ระวัง!” เหล่าปีหนึ่งร้องเตือนทั้ง 2

    ย๊า~ก...!!”

    ห๊ะ!” โมโมะกับไคโดเงยหน้ามองดาบสั้นในมือของชายชุดดำที่พุ่งตรงมาหาพวกเขาที่กำลังดันตัวลุกขึ้นยืนโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทันใดนั้น

    เคล้ง!

    อะ! อะไรเนี่ย!” หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่าดาบของพวกตนถูกสกัดไว้ได้โดยดาบในมือของเด็กหนุ่มผู้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ อ.ไอ้เด็กนี่พุ่งมาจากตรงนั้นเหรอ!? เป็นไปไม่ได้!?

    หึแค่นี้ยังอ่อนหัดนะ... เอจิเซนเอ่ยขณะดันคมดาบที่ตันสกัดไว้ได้ทันก่อนที่จะได้ลิ้มรสเนื้อของรุ่นพี่ปี 2 ทั้ง 2 คนของเขา เอจิเซนพลักดาบที่ตนรับไว้ให้ออกจากรัศมีโจมตี ในขณะที่ยังกระโดดขึ้นๆ ลงๆ อย่างเป็นจังหวะ

    นั่นมัน! สปลิ๊ดสเตป!” เหล่าปีหนึ่งเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกันด้วยความดีใจ

    “Thank You เอจิเซน!” โมโมะที่ลุกขึ้นมายืนพร้อมสู้อีกครั้งกล่าวขอบคุณ

    ยังอ่อนหัดอยู่นะฮะ รุ่นพี่ เอจิเซนว่า ถ้าผมไม่อยู่ คงได้ตายกันไปแล้ว…”

    หึ! ชู่ว์... ไคโดทำเสียงูแก้อายที่ถูกรุ่นน้องตักเตือน

    หน่อย~! แก!” ชายชุดดำตรงเข้ามาที่เอจิเซนพร้อมกับดาบในมือที่พุ่งใส่หมายจะแทงเข้าให้ที่ตัวของเอจิเซน... แต่แล้ว

    หึ... เอจิเซนยิ้มน้อยๆ ก่อนกระโดดถอยหลังหลบคมดาบที่พุ่งเข้ามาหาตนได้อย่างสบาย ก่อนเอ่ยปากให้สัญญาณ รุ่นพี่…”

    ได้เลย! / รู้แล้วน่า!” โมโมะกับไคโดกระชับขวาน และ ค้อนในมือของตนก่อนเหวี่ยงเข้าใส่เหล่าชายชุดดำสุดแรง

    อ๊า~…!!” กลุ่มมือสังหารในชุดดำทีมสุดท้ายที่ถูกขวานชองไคโดที่เหวี่ยงมาจากทางซ้าย และ ค้อนของโมโมะที่เหวี่ยงมาจากทางขวา เข้าประสานงากับพวกเขาที่อยู่ตรงกลาง ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนสิ้นลมหายจากลงไปนอนกองกันอยู่ตรงพื้น

    หือ... ชายผู้ออกคำสั่งโจมตี ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งใกล้ๆ นั้นเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับท่าทางสนอกสนใจเหล่าเด็กหนุ่มที่อยู่ในสายตาเขา จัดการทีมสังหารระดับ 3 ของข้าได้ภายในพริบตาเชียวหรือ? น่าสนใจ...

    ... เทะสึกะที่ถือดาบยืนคุ้มกันเล่าปีอยู่ สอดส่องสายตาสังเกตสถานการณ์ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยจึงลดการ์ดลง มีใครบาดเจ็บไหม?

    ไม่มี ฟูจิตอบยิ้มๆ

    อย่างรุ่นพี่ 2 คนนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงฮะ เอจิเซนเหน็บแนม

    ตรงนี้มีแผลถลอกนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร โออิชิบอก

    อืม... เทะสึกะว่าก่อนมองตรงไปที่มีดที่ปักอยู่ตรงพื้น บินเล่มที่พุ่งมาที่เขา

    โจโฉมันถึงกับใช้วิธีสกปรกให้นักฆ่ามาลอบสังหารท่านเล่าปี่เยี่ยงนี้เชียวหรือ!?จูล่งเอ่ยด้วยความคับแค้นใจ แม้จะชั่วร้ายแค่ไหนก็ตาม! แต่นี่มันมากเกินไปแล้ว!”

    เดี๋ยวก่อนจูล่ง... เล่าปี่เอ่ยขึ้น ข้าว่าไม่ใช่อย่างงั้นหรอก... โจโฉแม้จะเป็นกบฏ ทรราชบัลลังก์ แต่เขาก็มีเกียรติ อันตัวข้าเปรียบเสมือนก้อนหินที่เป็นอุปสรรคในการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่ของเขา และ คนอย่างเขาไม่ใช่คนที่จะแค่เขี่ยหินนั่นออกไปให้พ้นทาง... คนอย่างมหาอุปราชโจโฉต้องหยิบหินนั้นขึ้นมา แล้วขยี้ให้แหลกคามือ...

    ...

    แปลว่าอะไรอะ? เหล่าปีหนึ่ง และ ตัวจริงเซงาคุ 2-3 คนที่ยืนงงกับพูดของเล่าปี่หันไปถามคนใกล้ๆ

    คุณเล่าปี่บอกว่า คนอย่างโจโฉ ถ้าจะกำจัดตัวเขา ศัตรูที่เป็นอุปสรรคเหมือนก้อนหินที่คอยขวางทาง ต้องไม่ใช่แค่นักฆ่ามาลอบฆ่า แต่ต้องจัดการด้วยการเอาชนะ และ เผด็จศึกด้วยกองทัพมหากาฬของเขา ถึงจะพอใจ ฟูจิอธิบาย

    พูดง่ายๆ คือ คนอย่างโจโฉไม่ใช่วิธีอย่างงี้หรอก อินูอิสรุป

    อ๋อ~…”

    ถ้าเป็นอย่างั้น ส่งนักฆ่าของโจโฉจะมาโจมตีท่านทำไมล่ะคะ? จูล่งถาม

    อืม... ไม่แน่นะ... เขาอาจจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เล่าปี่ทำท่าครุ่นคิดก่อนหันไปหาความเห็นกับกัปตันแห่งเซงาคุ เธอคิดว่าไงเทะสึกะ...?

    ... เทะสึกะไม่พูดอะไร ในขณะที่ยังคงมองมีบินที่ปักอยู่ตรงพื้นอย่างไม่ละสายตา สลับกับเงยหน้ากลับขึ้นมาก่อนใช้สายตามองหาที่มาของมัน จนในที่สุด

    ชึบ... ฟิ้ว~

    เทะสึกะหยิบมีบินปักอยู่ตรงพื้นขึ้นมา ก่อนโยนขึ้นไปบนฟ้า ในขณะที่ผู้ที่อยู่รอบๆ มองมาด้วยความสงสัย เทะสึกะเงื้อดาบไปข้างหลัง ย่อเขาลงเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามองมีดบินที่กำลังหลนกลับลงมาด้วยแรงดึงดูด

    หรือว่า? เหล่าเซงาคุเบิกตากว่าเหมือนจะรู้ว่าเทะสึกะกำลังจะทำอะไร

    ฮึบ!”

    เคล้ง!

    เทะสึกะใช้ดาบในมือตนฟาดเข้าไปที่มีดบินที่ลอยลงมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับการเสิร์ฟลูกเทนนิส ทำให้มีดบินพุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่เขาเล็งไว้ด้วยความเร็วที่มากับแรงตีลูกเสิร์ฟ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าร้ายกาจสมกับเป็นกัปตันเซงาคุ

    มีดบินที่พุ่งตรงไปยังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ด้วยแรงที่ได้รับจากการฟาด ทำให้น่าจะได้ยินเสียงมีดพุ่งปักต้นไม้อย่างชัดเจน แต่... กลับไปไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นเลย

    ออกมาได้แล้ว เทะสึกะกล่าวพร้อมกับใช้สายตาส่งจิตสังหารตรงไปที่ต้นไม้นั่น

    หึๆๆ…!” เจ้าของเสียงที่สั่งการทีมสังหารทั้ง 4 กระโดดลงมาพร้อมกับมีดบินของตัวเองที่คีบไว้ที่ถืออยู่ในมือ ขณะหัวเราะด้วยความพอใจ ถูกจับได้แล้วหรือเนี่ย?

    เบื้องล่างต้นไม้ปรากฏบุรุษผมสีเงิน และ นัยน์ตาสีครามคมกริบไม่แพ้เทะสึกะ ในชุดสีดำคล้ายลูกน้องของเขา เพียงแต่มีเครื่องทรง เช่น หมวกเกราะ เข็มขัดหัวเงิน ถุงมือกับรองเท้าเหล็ก และ ของอื่นๆ ที่แต่งเพิ่มเข้ามา

    ซูเฉา…!! เจ้าน่ะเหรอที่หวังจะลอบสังหารท่านเล่าปี่!” จูล่งตวาดใส่บุรุษฝ่ายศัตรูที่เหลืออยู่คนเดียว

    ซูเฉา?ฟูจิกับเทะสึกะมองหน้ากันด้วยความประหลายใจ ไม่มีในหนังสือนี่นา?

    หึๆ... อาเจ๊เกราะขาว... ไม่จำเป็นต้องเสียงดังขนาดนั้นก็ได้ ข้าไม่ได้หูหนวก... มือสังหารนามซูเฉาว่า

    อย่ามาเล่นลิ้นกับข้าเจ้าหนุ่ม! ไม่งั้น!”

    ฉึบ! ควิ้ง!

                อ๊ะ!”

    ไม่งั้นจะทำไมเหรอครับ? ชั่วพริบตาที่จูล่งกำลังบันดาลโทสะอยู่ ซูเฉาก็พุ่งตัวเข้ามาด้วยความเร็วที่คนธรรมดาแทบมองไม่เห็น เข้าประชิดตัวจูล่งพร้อมกับกรงเล็บสังหารที่จี้อยู่ตรงคอของเธอ

    หึๆๆ... หื~อ...? ขณะที่ลำพองใจอยู่กับผลงานการเข้าประชิด และ กลายเป็นผู้คุมชีวิตขุนพลสาว ซูเฉาที่มองลงมาที่อาวุธของตนก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่มัน! เจ้า!”

    อย่าขยับ... เสียงทรงอำนาจดังมาจากกัปตันแห่งเซงาคุผู้กำดาบที่คั่นกลางระหว่างกรงเล็บของซูเฉา และ คอของจูล่งไว้ ในขณะที่ปลายดาบจี้อยู่ตรงคอหอยซูเฉาเช่นเดียวกับที่ตัวเขาทำกับจูล่ง

    กะ. กัปตัน!? / ทะ. เทะสึกะ!? เล่าปี่ และ เหล่าเซงาคุเอ่ยประสานเสียงกัน

    ไม่น่าเชื่อ! เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาที่ข้าขยับตัว เจ้าหมอนี่ก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ข้าปล่อยออกมาเพียงแค่เสียววินาที แถมยังสามารถเข้ามาสกัดการโจมตีของข้าได้อีกซูเฉาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก มิน่าล่ะ... นี่สินะ สิ่งที่ท่านโจโฉอยากให้ข้าพิสูจน์ ได้... นั้นก็ขอดูหน่อย ว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหน...

    ฉึบ! เคล้ง!

    ซูเฉาตวัดกรุงเล็บในมืออีกข้างเข้าใส่เทะสึกะ แต่ด้วยปฏิกิริยาตอบรับอันฉับไว้ของเทะสึกะทำให้ตัวเขาปัดกรงเล็บอีกข้างที่จี้คอจูล่งอยู่ออกขณะที่ปลายดาบหวิดคอหอยซูเฉาที่เอนตัวหลบไปนิดเดียว ก่อนที่จะปัดกรงเล็บของซูเฉาที่ตรงเข้ามาหาตนออก แล้วทั้ง 2 ก็กระโดดเว้นระยะห่างออกมาจากกันและกัน แทบไม่น่าเชื้อว่าเหตุการณ์สุดระทึกที่ทุกการเคลื่อนไหวคือตัวชี้ความเป็นความตาย จะเกิดขึ้นเพียงช่วงไม่ถึงนาที

    .... เทะสึกะกับซูเฉาจ้องหน้าซึ่งกันและกัน ภายใต้บรรยากาศที่ปกคลุมด้วยความเงียบที่เข้ามาเกาะตัวอยู่บริเวณนั้น ซูเฉาเริ่มตั้งท่าเตรียมบุกด้วยกรงเล็บพิฆาต และ กระบวนท่ามือสังหารของเขา เช่นเดียวกับเทะสึกะที่กระชับดาบอย่างดีที่ได้มาจากเอจิเซนไว้ ตั้งท่าเตรียบรับการโจมตีจากนักฆ่าหนุ่มเบื้องหน้า และแล้ว

    ฉึบ! เคล้ง! เคล้ง! ควับ! เคล้ง!

    ทั้งซูเฉา และ เทะสึกะต่างเปิดฉากการปะทะกันอย่างดุเดือด ด้วยการบุกราวหมาป่าที่กำลังกระโจนเข้าสังหารเป้าหมายของซูเฉา และ การตั้งรับราวพญาเหยี่ยวที่ร่อนถลาหลบการโจมตีของศัตรูแล้วโต้กลับอย่างรุนแรง ทำเอาทั้งเล่าปี่ ทั้งตัวจริง และ ตัวแถมเซงาคุ หรือ แม้กระทั่ง จูล่ง เองมองตามตาไม่กระพริบ ด้วยความลุ้นระทึกจนแทบลืมหายใจ

    เคล้ง! ฉึบ! เคล้ง! เคล้ง! ควับ!

    สุดยอด... รับการโจมตีของเรา ที่แม้ท่านขุนศึกแฮหัวตุ้นยังแทบตั้งตัวไม่ทันได้อย่างง่ายดาย... หมอนี่เป็นใครกันแน่...? ซูเฉาคิดพร้อมกับร้อยยิ้มที่ค่อยๆ เผยกว้างขึ้นขึ้นเรื่อยๆ เอาล่ะ... ฉันจะเพิ่มความเร็วล่ะนะ

    เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

    หื~ม? เทะสึกะสัมผัสได้ถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นของซูเฉา ด้วยความรุนแรงของการประดาบที่เพิ่มขึ้นขณะที่ซูเฉาพุ่งเจ้ามาโจมตีเขา เทะสึกะพยายามมองตามซูเฉาที่ยังคงเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าทึ่ง จนในที่สุด จากการประดาบที่สูสีราวหมาป่ากับพญาเหยี่ยว ก็กลายมาเป็นพญาเหยี่ยวเทะสึกะเริ่มถูกหมาป่าไล่ตอน จากแต่ก่อนที่ทั้งรับ และ โต้กลับได้ย่างดุเดือด กลับกลายมาเป็นเทะสึกะเป็นฝ่ายถูกกดดัน

    อ้า~ว เป็นไรเป็นล่ะ ความเร็วแค่นี้ตามไม่ทันรึไง? ซูเฉายั่วยุในขณะที่ยังคงกระหน่ำกรงเล็บใส่เทะสึกะอย่างไม่ขาดสาย

    ไม่ไหว... หากต้องสู้กันให้รู้แพ้รู้ชนะคงต้องใช้เวลายืดยาวแน่ๆ... รู้ทั้งรู้นะว่ามันไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ของเราในตอนนี้... แต่ความรู้สึกนี่มันอะไร...? ความรู้สึกที่อยากเอาชนะ... อยากเข้าประดาบกันซึ่งๆ หน้า... อยากสู้ให้รู้ดำรู้แดงว่าใครจะเหนือกว่าใคร... นี่เรา... กำลังกระหายการต่อสู้... กับคนๆ นี้งั้นเหรอ?เทะสึกะคิดในใจขณะยังคงกวัดแกว่งดาบในมือรับการโจมตีของซูเฉาที่รุมเร้าเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ยังไงก็ตาม... สิ่งสำคัญสำหรับตอนนี้คือต้องรีบพาทุกคนไปยังที่ปลอดภัยก่อนทัพใหญ่ของโจโฉจะไล่ตามมาทัน... คงต้องทิ้งความต้องการส่วนตัวไว้ก่อนแล้ว...

    ควับ!

    สิ้นสุดการตัดสินใจ เทะสึกะเปลี่ยนรูปแบบการตั้งรับโดยตั้งท่าตั้งรับแบบอีกแบบ โดยยกดาบในมือซ้ายขึ้นเหนือไหล่ขวาขณะที่มือขวาประคองคมดาบไว้ให้อยู่ในมุม 45 องศา ขาทั้ง 2 ข้างแยกออกจากกัน สายตาคมกริบมองตรงไปยังซูเฉา

    ท่าแบบนั้นมัน เหล่าเซงาคุที่ดูการต่อสู้ของทั้ง 2 อยู่ห่างๆ เริ่มมีปฏิกิริยากับการตั้งรับแบบใหม่ของเทะสึกะ

    อะไรน่ะ...?ซูเฉามองด้วยความแปลกใจขณะชะงักการโจมตีของตนลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเทะสึกะ

    ...เทะสึกะไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองกลับมาด้วยแววตาจริงจัง พร้อมกับคำพูดที่สื่อออกมาทางสายตา

    หึ... ดาบสุดท้ายงั้นเหรอ? ได้...ซูเฉาคิดในใจ ก่อนตั้งท่าเตรียมจู่โจมด้วยกระบวนท่าที่จะเป็นตัวตัดสินการต่อสู้ ดาบสุดท้ายที่จะเข้าประกัน ทั้งสองยืนนิ่ง ขณะส่งจิตสังหารให้ที่แรงกล้าพุ่งใส่กันและกัน ต่างคนต่างรอคอยสัญญาณเริ่มการโจมตี

    นี่... ซูเฉาเอ่ยเรียกเทะสึกะ

    หือ? เทะสึกะตอบรับ

    ข้าชื่อ ซูเฉา ไม่มีแซ่ หัวหน้ามือสังหารของท่าโจโฉ...อายุ 18... เจ้าล่ะ? ซูเฉ่าเอ่ยแนะนำตัวทั้งๆ ที่ยังคงตั้งท่าเตรียมโจมตีอยู่

    เทะสึกะ คุนิมิทสึ... อายุ 15... เทะสึกะตอบเรียบๆ

    หือ? 15 เองเหรอ? หึ... เอาล่ะนะ คุนิมิทสึ... สิ้นคำสั่งเสีย ซูเฉาก็เงื้อกรงเล็บพุ่งเข้าไปหาเทะสึกะด้วยความเร็วสูงสุด หมายจะจบชีวิตของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

    “…” เทะสึกะยังคงนิ่งเฉยในขณะที่อีกฝ่ายพุ่งตรงมาหาตนด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมา เทะสึกะหลับตาลงก่อนเพ่งสมาธิไปเสียงฝีเท้าของซูเฉาที่ใกล้เข้ามา... เรื่อยๆ เรื่อยๆ... จนในที่สุดเมื่อถึงจังหวะที่ทั้ง 2 มะประจันหน้ากันในรัศมีมีโจมตี

    เคล้ง!

                “…” บรรยากาศรอบๆ ถูกปกคลุมด้วยความเงียบที่เงียบซะยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เงียบซะจนได้ยินเสียงหายใจของทุกคนที่ยืนอยู่ในบริเวณ สายลมพัดฝุ่นละอองลอยผ่าน 2 หนุ่มที่ลงดาบสุดท้ายซึ่งกัน และ กันไป และแล้วผลการต่อสู้...

                เคล้ง~...!

                เฮือ~!” เทะสึกะเอามือข้างที่ว่างอยู่มากดแผลที่ต้นแขนซ้ายหลังจากทำดาบหลุดมือไปเพราะความเจ็บปวด

                กะ. กัปตัน!!/ เทะสึกะ!!” เหล่าพวกพ้องร้องเรียกเทะสึกะด้วยความตกใจ

                เฮือ~…!!”

                หา~!? เล่าปี่ จูล่ง และ เหล่าเซงาคุ หันไปมองซูเฉาที่กำลังกระอักเลือดอยู่

                ไม่น่าเชื้อ... เพลงดาบเมื่อกี้มันอะไร!? ซูเฉาเอ่ยอย่างไม่เชื้อในความรู้สึกที่ตนได้รับจากคมดาบ ขณะจ้องมองบาดแผลที่พาดจากหัวไหล่ซ้าย พุ่งแทะแยงลงมายังซีกโคร่งข้างขวางของตนอย่างตกตะลึง กรงเล็บในมือหักครึ่งทั้ง 2 ข้าง เจ้าตัวเอามือดันตัวที่ทรุดลงจากอาการบาดเจ็บให้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงก่อนหันมาถามเทะสึกะ กระบวนท่าเมื่อกี้ มีชื่อว่าอะไร น้องชาย...?

                ... เทะสึกะที่กุมแขนกดห้ามเลือดไม่ให้ไหลกลับหลังหันมาสบตาซูเฉาที่อยู่ในสภาพร่อแร่จากฝีมือของตน ก่อนเอ่ยชื่อท่าของต้นให้ซูเฉารู้ด้วยแววตาชื่นชมในความแข็งแกร่ง และ หัวใจนักรบของซูเฉา “Drop Shot (ดรอป ช๊อต)

                ดรอป ช๊อต... งั้นเหรอ? เป็นชื่อที่แปลกจริงๆ... หึๆๆ... ซูเฉาว่าก่อนหันหน้าไปหาเล่าปี่ ท่านมีนักรบที่แข็งแกร่งมาก... ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้ว... ขอตัว...

                อะ. เอ๋~!? เล่าปี่ จูล่ง และ เหล่าเซงาคุ ร้องเป็นเสียงเดียวกัน

                แล้วเจอกันใหม่ คุนิมิทสึ... คราวหน้าข้าจะทำลายกระบวนท่านั้นของเจ้าให้ดู ซูเฉาว่าก่อนใช้แรงที่มีอยู่กระโดดพุ่งตัวหายเข้าไปในป่า

                ... เทะสึกะยืนมองตามซูเฉาที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา เจอกันใหม่งั้นเหรอ? งั้นก็ขอให้คราวหน้าขอให้ได้สู้กันอย่างเต็มกำลังแล้วกัน...

                กัปตัน! / เทะสึกะ!? เป็นไงบ้าง ครับ/คะ เล่าปี่ จูล่ง และ เหล่าเซงาคุวิ่งเข้มาดูอาการเทะสึกะ

                ไม่เป็นไร แค่ถูกเฉือนไปนิดหน่อย... เทะสึกะบอก

                เฮ้อ~… โล่งอก... โออิชิถอนหายใจ

                ตกใจหมด ตอนที่เห็นเลือนไหลอกมาจากแขนใจหายหมดเลย ทากามูระกล่าว

                ตอนแรก นึกว่ากัปตันจะเสียท่าแล้วซะอีก คาสึโอะเอ่ย

                อย่างกัปตันไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว โฮริโอะว่าก่อนยืดอกด้วยความภูมิใจ

                แล้วโฮริโอะจะยืดเองทำไมอะ? คาจิโร่กล่าว

                ... เล่าปี่ที่มองเหล่าเซงาคุเดินเข้ามารุ่มล้อมผู้นำของตน ขณะทำท่าครุ่นคิดไปกับคำพูดทิ้งท้ายของซูเฉา

                คุณเล่าปี่ ฟูจิที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเล่าปี่เอ่ยถาม มีอะไรเหรอครับ?

                ฉันคิดว่า... ที่โจโฉส่งซูเฉามาก็เพื่อ... ลองฝีมือพวกเธอ...

                ลองฝีมือ? ฟูจิมองเล่าปี่งงๆ ก่อนหันไปมองยังเหล่าเซงาคุ

                เขาคงเห็นพวกเธอคอยป้วนเปี้ยนอยู่กับพวกฉัน ซึ่งก็น่าแปลกใจไม่น้อยที่เด็กหนุ่มอย่างพวกเธอจะอยู่ในสนามรบ จึงสงสัยว่าพวกเธอเป็นทหารของฉัน เลยส่งซูเฉามาทดสอบฝีมือดู... เล่าปี่สารทยาย แต่ถึงกับให้นักฆ่ามือหนึ่งของตนมาเองแบบนี้มันดูจะเกินไปหน่อย...

    อืม... งั้นเหรอครับ ฟูจิเอ่ยขณะที่เอามือกำปั้นอุดปากครุ่นคิดไปตาม

    แต่เมื่อกี้ช่างเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตาจริงๆ ไม่น่าเชื้อเลยว่า เทะสึกะจะเก่งขนาดนี้ หากมีพวกเธอช่วยกันล่ะก็ ฉันต้องพาพวกชาวบ้านไปที่กังแฮได้โดยปลอดภัยแน่ๆ

    ครับผมก็หวังว่าอย่างงั้น ฟูจิตอบรับ เออ... ตกลงซูเฉานี่ใครครับ?

    ซูเฉาน่ะเหรอ... เขาเป็นเด็กกำพร้าเดินทางตระเวนไปทั่ว อาศัยการวิ่งราวเอาเงินของคนที่เดินอยู่ตามถนนมาเลี้ยงตัวเอง โจโฉเห็นว่ามีแววเป็นนักรบที่เก่งกาจจึงนำมาฝึกในกองทัพ พออายุได้ 15 ปี ซูเฉาก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ หัวหน้ามือสังหารของโจโฉ เล่าปี่เล่าประวัติคราวๆ ของซูเฉา

    อืม... ฟูจิเอามือกอดอกครุ่นคิด ไม่เห็นจำได้เลยว่ามีคนๆ นี้ในหนังสือด้วย...

    ยอดไปเลย! นี่เทะสึกะ! ไม่สิท่านเทะสึกะ! ไม่ได้ๆ ต้องอาจารย์เทะสึกะ!” จูล่งที่เพิ่งคืนสติจากอาการตื่นตะลึงในการต่อสู้ของเทะสึกะกับซูเฉาเดินเข้ามาจับมือเทะสึกะขึ้นมากุมด้วยความนับถือพร้อมท่าทีตื่นเต้น

    เออ... คุณจูล่ง ไม่เป็นไรนะครับ? เทะสึกะถามขณะมองจูล่งงงๆ

    ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้คงแย่เลย จูล่งลดเสียงลงพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยแววตาใสซื่อที่ทำเอาเหล่าหนุ่มๆ เซงาคุใจละลาย (ไม่มีผลต่อเทะสึกะ ฟูจิ และ เอจิเซน... เอจิเซนนี่ไม่แน่ เห็นหน้าแดงนิดหน่อย) ก่อนจะกลับมาเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้นเช่นเดิม แต่ว่า เมื่อกี้สุดยอดจริงๆ นะ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ เมื่อไปถึงเมืองกังแฮแล้ว เรามาประลองยุทธ์แลกความรู้ทางการต่อสู้กันหน่อยนะ อย่างน้อยก็ช่วยสอนเพลงดาบของเธอให้ฉันหน่อยก็ได้ นะ เทะสึกะ

    เห~? คุณจูล่งเป็นพวกคลั่งไคล้ในวิทยายุทธ์การต่อสู้ และ ชื่นชอบจอมยุทธ์เก่งๆ งั้นเหรอเนี่ย...? เอจิเซนเอ่ยถาม

    นั่นแหละจูล่ง... พอเห็นจอมยุทธ์เก่งๆ หรือ วิทยายุทธ์ที่น่าตื่นตาทีไร เป็นต้องเข้าโหมดสาวใสผู้อยากรู้อยากเห็น แล้วตรงเข้าไปอ้อนขอให้คนๆ นั้น ประลองยุทธ์ด้วย หรือ แสดงวิชาให้ดูทุกที เล่าปีว่ายิ้มๆ

    หือ~…? เหล่าเซงาคุมองภาพจูล่งกับเทะสึกะประกอบการบรรยายของเล่าปี่

     เฮ้! ท่านพี่…!” เสียงแปดหลอดที่คุ้นหู ดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างของเตียวหุยที่กำลังตรงมาหาพวกเขา แต่แล้วก็ต้องหยุดลงกลางทางเมื่อเขาได้เห็นเข้ากับภาพบาดใจที่หญิงสาวที่ตนหลงรัก กำลังกุมมือของชายอื่นอยู่ และไม่ใช่ชายแปลกหน้าที่ไหน นั่นคือเด็กหนุ่มนามเทะสึกะที่ช่วยเขาคุ้มกันสะพานเตียงปั้นเกี้ยวนี่เอง นี่มันอะไรกัน…!!”

    อ้า~ว คุณเตียวหุย มาแล้วเหรอครับ?

    จูล่งจ๋า~! ทำไมเจ้าทำอย่างงี้~!?” เตียวหุยที่เมินคำทักทายของคิคุมารุตรงเข้าไปหาจูล่งกับเทะสึกะที่จับมือกันอยู่ เจ้าปฏิเสธข้าที่อยู่ร่วมกันในกองทัพมาเนินนาน แต่กลับไปจับมือถือแขนกับ คนที่เพิ่งรู้จักเพียงไม่นานงั้นเหร~อ...!!?”

    อู~ จูล่งปล่อยมือของตัวเองที่กุมมือเทะสึกะอยู่ ขณะมองเตียวหุยที่ทำหน้าซึมเหมือนหมาง๋อยมองมาที่ตน

    ไม่ใช่แค่นั้นคนๆ นั้นยังเป็นแค่เด็กหนุ่มด้วย เจ้าคิดจะพรากผู้เยาว์งั้นหรือจูล่ง!? หรือ จริงๆ แล้ว เจ้าเป็นพวกโชตะคอน…!?

    ผัวะ!

    ทวนเล่มเดิมฟาดเข้าไปเต็มหน้าเตียวหุย ตามรอยเดิมที่โดนไปไม่นานแปะ

    เลิกบ้าได้แล้ว... จูล่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนหันมาคำนับเล่าปี่ข้าจะไปดูพวกทหารสักหน่อย ขอตัวนะคะท่านเล่าปี่ เหล่านักรบวัยเยาว์ แล้วก็ เทะสึกะ อย่าลืมสัญญานะ

    อึ๋ย~…!” เหล่าเซงาคุต่างหน้าแดงขึ้นอีกครั้งเมื่อจูล่งหันมาขยิบตาให้เทะสึกะ (ไม่มีผลต่อเจ้าตัว และ บุคคลที่เคยกล่าวถึง)

    เราไปสัญญาไว้ตอนไหน...?เทะสึกะคิด

    ไม่จริ~ง...!!” เตียวหุยเอามือขยี้หัวร้องลั่นไปทั่วบริเวณ พวกเจ้ามีอะไรกุ๊กกิ๊กกันแล้วงั้นเหรอ... !!”
                คิดไปถึงไหนเนี่ย~... เหล่าเซงาคุเหล่ตามองเตียวหุย

    เหตุการณ์เป็นไงบ้าเตียวหุย? เล่าปี่เอ่ยเรียกความสนใจของทุกคนกลับมา

    ระ. เรียบร้อยแล้วท่านพี่ เพราะได้เด็กพวกนี้มาช่วยออกอุบาย หลอกว่าพวกเรามีกำลังซุ่มอยู่ ทำให้โจโฉถอยทัพหนีไปเลย ตอนนี้ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ข้าพังสะพานทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว เรารีบออกเดินทางกันดีกว่า เตียวหุยบอก

    ยอดเยี่ยมมาก แต่เสียอย่างเดียว เจ้าทำอุบายไม่สมบูรณ์ เล่าปี่ว่า

    เสีย? ไม่สมบูรณ์? แล้ว... มันใช้ไม่ได้ตรงไหนเหรอท่านพี่? เตียวหุยถาม

    เจ้าหลอกให้โจโฉถอยทัพกลับไปด้วยอุบายว่ามีกำลังพลอยู่นั้นทำได้ดีมาก แต่การที่เจ้าพังสะพานทิ้งเป็นนั้นผิดพลาดอันใหญ่หลวง เพราะจะทำศัตรูรู้ว่าเจ้ากำลังกลัวพวกเขาอยู่ เหมือนไปสารภาพบอกฝ่ายตรงข้ามว่ากำลังพลอะไรนั้นเราไม่มีหรอก

    หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เพราะพังสะพานทิ้ง พวกโจโฉเลยรู้ว่าพวกเรากำลังหนีตายกันอยู่ยังไงล่ะ อินูอิอธิบายให้เหล่าสมาชิกสมองช้าบางคนเข้าใจ (ไล่เอาเองนะว่าใคร)

    ละ. แล้ว เราจะทำยังไงต่อล่ะ? เตียวหุยถาม

    เตียวหุย เจ้าไปบอกจูล่งให้เตรียบขบวนทหารกับชาวบ้านให้พร้อม เราจะออกเดินทางต่อโดยเร็วที่สุด เล่าปี่สั่งการ

    ขอรับ!” เตียวหุยรับคำสั่งก่อนออกตัววิ่งไปยังจุดหมาย

    พวกผมก็ขอช่วยด้วยครับ เทะสึกะเอ่ย

    อืม ขอบใจพวกเธอมากนะ เทะสึกะ เล่าปี่ยิ้มให้เล่าเซงาคุ เทะสึกะเธอไปทำแผลก่อนนะ เอาล่ะ พวกเธอตามฉันมา

    ครับ /ค่ะ เหล่าเซงาคุตอบ (ไอ้ ค่ะเนี่ยก็มีอยู่แค่ 2 คนอะนะ)

     

    สะพานเตียงปันเกี้ยว

              โจโฉซึ่งยืนม้าดูซากสะพานที่กำลังถูกน้ำซัดไปตามกระแซด้วยแววตาเย็นชา พร้อมกับเหล่าขุนพลที่ยืนม้าเรียงหน้ากันอยู่เบื้องหลัง

                เป็นอย่างที่คิดไว้เลย... โจโฉกล่าวก่อนหันกลับมาสั่งการ เกณฑ์ทหารมาสร้างสะพานชั่วคราวขึ้น ทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ สะพานเสร็จเมื่อไหร่พวกเราจะออกไล่ตามเล่าปี่ทันที

                ขอรับ!!” เราขุนพลทั้งหลายตอบรับก่อนแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง

                ฉึบ!

                ซูเฉา กลับมาแล้วงั้นเหรอ? เป็นไงบ้าง? โจโฉเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสนิทที่โผล่มาคุกเข่าข้างหลัง ขณะหันกลับมาถามไถ่งานที่ให้ไปทำ ...!”

                โจโฉไม่แสดงท่าทีใดๆ เพียงแต่เบิกตากว้างเหมือนกับกำลังตกใจ เมื่อเห็นสภาพของมือหัวหน้าสังหารหนุ่มของตน ที่มีบาดแผลจากคมดาบผ่าพาดจากหัวซ้ายมาจนสุดซี่โครงขวา ซึ่งตอนนี้ถูกมัดห้ามเลือดไว้ด้วยผ้าบางๆ กรงเล็บอาวุธคู่ใจในมือทั้ง 2 ข้างหักเป็นสองท่อน ใบหน้าซีดจัดเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลมาออกมาเพราะพิษบาดแผล

                ซูเฉา... โจโฉเอ่ยนามของชายหนุ่มเบื้องหน้า

                ระ. รายงานท่าโจโฉ... ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านสงสัย... เด็กๆ กลุ่มนั้นล้วนเป็นนักรบฝีมือดีของเล่าปี่... ซูเฉาเอ่ยขณะสูดหายใจเข้าปอดอย่างติดขัด

                พอก่อนซูเฉา... โจโฉลงจากม้าก่อนเข้าไปพยุงซูเฉาขึ้น ข้าจะพาเจ้าไปรักษา

                ขออภัยที่ทำให้ท่านลำบากขอรับ... ซูเฉาเอ่ยขณะปล่อยร่างกายให้โจโฉพยุง

                ช่างมันเถอะ... โจโฉกล่าว แล้วเจ้าไปพลาดท่าให้กลับใครมา? เตียวหุย จูล่ง กวนอู หรือ เล่าปี่ล่ะ?

                กวนอูข้าไม่เห็นวี่แววว่าจะปรากฏอยู่ในขบวนอพยพ ส่วนเตียวหุยกลับง่วนอยู่กับการพังสะพาน... ซูเฉาเริ่มรายงายด้วยเสียงติดขัดในหลังจากที่โจโฉอุ้มขึ้นไปนั่งบนม้าแล้วจูงไปยังค่ายของตน ข้าได้ลองฝีมือจูล่งดูหน่อยแล้ว... จากที่ดูเธอเป็นนักรบที่เก่งกาจ แต่ค่อยข้างแพ้ทางนักรบที่ใช้การต่อสู่ที่เธอไม่เคยเห็นมากก่อน... ส่วนเล่าปี่นั้นไม่ได้ทำอะไร ได้แต่ยืนมองเฉยๆ

                หึ... ยังคงเป็นเหมือนเดิม เล่าปี่... โจโฉเอ่ยขึ้นมาขณะทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนหันมาพูดกับซูเฉาต่อ อืม... ถ้าไม่ใช่ทั้งเหล่าขุนพล แสดงว่า...

                ขอรับ... ข้าไปเสียถ้าให้กับเด็กหนุ่ม ที่ใส่เครื่องประดับแปลกๆ ที่ทำด้วยแก้วกลบๆ บนหน้า... (แว่น) ซูเฉาบอก

                คนนั้นเองเหรอ...? โจโฉระลึกภาพที่หันไปสบตาเทะสึกะเมื่อไม่นาน เดี๋ยวนะ เด็กหนุ่มงั้นเหรอ?

                ขอรับ... แม้หน้าตา และ ท่าทางจะทรงภูมิ แต่ตัวเขาบอกข้าว่าเพิ่ง 15 ปีขอรับ ซูเฉาตอบรับ

                เหรอ? โจโฉทวนคำด้วยท่าทางเรียบๆ นึกว่าอายุพอๆ กับข้าและ เล่าปี่ซะอีก

                แล้วทั้งคู่ก็สนทนากันไปได้สักพัก ก่อนโจโฉจะนำซูเฉาไปให้หมอกองทัพยาบาล

     

    หลังสะพานสร้างเสร็จ

                เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว เรามาคราวนี้ด้วยราชองค์การขององค์ฮ่องเต้ โจโฉเอ่ยปลุกระดมด้วย  น้ำเสียงเรียบๆ เย็นชา แต่แฝงไปด้วยความฮึกเฮิม พวกเราต้องจับเจ้าโจรเล่าปี่ให้จงได้ เดินทัพ!”

                เฮ้...!!!” ทหารของโจโฉรร้องรับค่ำสั่งก่อนพากันเดินทัพตามเล่าปี่ไป

                ไปกันเลย...!!” เหล่าขุนพลทั้งหลายทำท่าจะตะบึงม้าไปนำหน้าทัพ

                ระวังด้วย... นี้อาจเป็นแผนการของขงเบ้งก็ได้... โจโฉเตือน

                ขอรับ!!” เหล่าขุนพลน้อมรับคำ ก่อนควบม้าตามทัพตนไป

                ทัพของเล่าปี่อยู่นั้นไง...!!” หนึ่งในทหารม้าที่เดินทัพอยู่แถวหน้าเอ่ยบอก

                งั้นก็ ไปลุยมันเลย…!!” ทหารม้าอีกคนว่า

                บุก...!!” ทหารท้าข้างเสริม ก่อนทัพม้าจะควบม้าตรงเข้าไปหาทัพของเล่าปี่

               

                ท่านเล่าปี่คะ!” จูล่งเอ่ยเรียกเล่าปี่ที่กำลังเดินม้าคอยคุ้มกันชาวบ้านอยู่ด้านหลังพร้อมๆ กับเตียวหุย และ เหล่าเซงาคุ ทัพโจโฉตามาทันแล้วค่ะ!”

                ยะ. แย่แล้ว!” เล่าปี่ก่อนชักม้ากลับหลังมามองด้วยความตื่นตระหนก เตียวหุยสั่งการ…!! เร็ว...!!”

                ทหารทุกคน…!! กลับหลังหันแล้วเตรียมอาวุธให้พร้อม...!!” เตียวหุยตะโกน

                คนที่สู้ได้ก็ขอให้ปกป้องคนที่ไม่มีทางสู้...!! พวกเราต้องรอดไปให้ได้...!!” เล่าปี่ว่าก่อนชักดาบคู่ของตนออกมา เทะสึกะ! นำนักรบของเธอไปนำทางชาวบ้านที...!”

                ไม่ครับ... เทะสึกะตอบพลางชักดาบออกมา

                อะไรนะ? เล่าปี่หันมามองอย่างไม่เชื่อหู

                เราจะอยู่ช่วยครับ ฟูจิว่าขณะชักดาบออกมาเช่นเดียวกัน

                ให้พวกเราทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอกครับ อินูอิก็ทำเช่นเดียวกัน

                ถึงแม้พวกเราจะสู้ แต่เราก็จะไม่ทิ้งกันเด็จขาด โออิชิว่า

                พูดได้แจ๋วนี่ โออิชิ คิคุมารุชม

                อย่าทำเป็นเล่นสิพวกนาย คาวามูระเตือน

                พวกเราพร้อมสู้ครับ คุณเล่าปี่!” โมโมะกับไคโดเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน

                แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะฮะ... เอจิเซนกล่าวปิดท้าย

                พวกเธอ? เล่าปี่มองด้วยแววตาเหมือนจะร้องไห้ก่อนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แม้เราจะเพิ่งพบกัน แต่ฉันก็ดีใจนะที่ได้รู้จักพวกเธอ... ขอบคุณมาก…”

                ว่าทั้งเล่าปี่ เตียวหุย จูล่ง และ เหล่าตัวจริงเซงาคุ ก็หันไปเตรียมประจันหน้าข้าศึกที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเด็จเดี่ยว แม้จะรู้ว่าพวกตนมีกำลังพลน้อยกว่าเป็นหลายเท่าตัว แต่นั่นก็ไม่ทำให้จิตใจของพวกเขาหวั่นไหว ต่อจากนี้ไปคือการต่อสู้ที่แท้จริง... ทันใดนั้น

                ฟา~ว...! ฉึก!

              ฮี้...!!”

                หา~!?” เหล่าทหารม้าต่างตกใจไปตามๆ กันเมื่อมีบางอย่างพุ่งมาปักที่หน้าพวกเขา ทำให้ม้าตื่นกลัวไปตามๆ กัน ง้าวเหรอ?

                ง. ง้าวนี้มัน...! ง้าวมังกรเขียว...!!” เล่าปี่เบิกตากว้างก่อนเอ่ยด้วยความดีใจ ทันทีง้าวด้ามยาวสีแดงสด จุดเชื่อมระหว่างคมง้าวกับด้ามง้าวตกแต่งด้วยทองคำทำเป็นรูปหัวมังกรอ้าปากคาบคมง้าวอยู่  คมง้าวยาวได้ศอกกว่า อันง้าวเล่มนี้รู้จักกันในนาม ง้าวมังกรเขียว อาวุธคู่บารมีของ

                ย่าห์...!!” เจ้าของง้าวที่ควบม้าขนสีแดงอันงามสง่าพุ่งตรงเข้ามาก่อนดึงง้าวขึ้นมาถือไว้ แล้วกระโดดจากหลังม้าเข้าไปตะลุมบอนกลางวงศัตรู

                นะ. นี่มัน! กวนอู...!!!” นายทหารคนหนึ่งร้องเรียกชื่อเจ้าของง้าวที่กระโดดเข้ามาไล่ปลิดชีพเพื่อนร่วมทัพของตนที่กรูกันเข้าไปหวังจะเป็นผู้สังหาร แต่กลับเป็นผู้ถูกสังหารซะเอง พร้อมกับความแตกตื่นของคนรอบข้างเมื่อได้ยินชื่อของ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอด ฉายา เทพแห่งสงคราม จากลิโป้ นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน กวนอู

                ใครที่บังอาจคิดร้ายต่อท่านพี่เล่าปี่ของข้า มันผู้นั้นต้องตายด้วยง้าวเล่มนี้…!!” กวนอูร้องตะโกนออกมาด้วยความองอาจในขณะที่ยังคงตะลุมบอนกับข้าศึกที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน

                ก. กวนอู ก็เป็นผู้หญิงอะ…!? เซงาคุมองเจ้าของฉายาเทพแห่งสงครามอย่างไม่เชื่อสายตา เบื้องหน้าพวกเขา หญิงสาวผมยาวสลวยลงมาเกือบเลยเข่า ใบหน้าขาวอมชมพูซึ่งตอนนี้กำลังแดงราวผลพุทรา ผิวขาวเนียนสวย พร้อมด้วยหน้าอกอวบอึ๋ม เอวบาง และ หุ่นเพรียว ในชุดยาวสีขาวแถบสีเขียวแต่งแต้มด้วนลายมังกร ที่แหวกด้านข้างให้เห็นขาเรียวงามของเธอ

                อ๊า~ก...!!” เหล่าทหารที่ถูกง้าวมักกรเขียวฟันขาดเป็น 2 ท่อน ร้อวออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนสิ้นใจ พร้อมกับขุนศึกสาวหน้าแดงที่ยังคงบุกตะลุยอยู่อย่างดุเดือด

                หน่อ~! มันจะมากไปแล้ว...!! มีแค่คนเดียวจะมาเทียบกับมหากองทัพ...!! พวกเราลุยมัน...!!” หนึ่งในนายกองออกคำสั่ง

                ทุกคนบุก...!!” เหล่าทหารตอบรับแล้วกรูกันเข้าไปหากวนอูที่ยังคงกัดแกว่งง้าวของตนประจัญบานข้าศึกอยู่ตัวคนเดียว... แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้ารัศมีการโจมตี

                ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!

              อ๊า~ก...!!” ทหารทั้งหลายที่กรูเข้ามาหากวนอูต่างถูกลูกธนูที่ห่าลงมา ทำให้ทัพของโจโฉล้มตายกันเป็นแทบ

                หา~!? ทั้งฝ่ายเล่าปี่ และ โจโฉหันไปมองยังที่มาของลูกธนูเป็นตาเดียวกัน

                ล. เล่ากี๋...!!” เล่าปี่เอ่ยชื่อหลานรักด้วยความดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

    ข้าเล่ากี๋ เจ้าเมืองกังแฮ...!! บุตรเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋ว...!!” นักรับหนุ่มในชุดเกราะโผกหัวด้วยผ้าขาว ถือดาบอยู่ใต้ธงทัพของเล่าปี่ร้องตะโกน พร้อมกับทหารม้าที่กำลังสะพายธนูกลับไปไว้ด้านหลังก่อนชักอาวุธของตนออกมารอฟังคำสั่งประจัญบานจากผู้เป็นนาย ท่านอาเล่าปี่ ข้ามาช่วยแล้ว...!! พวกเรา บุก...!!”

                เฮ...!!!” เหล่าทหารบนหลังม้าทั้งหลายตะบึงม้ากันกรูเข้ามาช่วยกวนอูตามคำสั่งของเล่ากี๋ อย่างฮึกเฮิม

                อ๊า~ก...!!!” เหล่าทหารที่ยังไม่ทันตั้งตัวถูกกองทหารม้าของเล่ากี๋ฆ่าตายกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่พยายามวิ่งหนีกันอย่างเสียงขวัญ

                วี้ด~...! เซ็กเธาว์...!!” กวนอูผิวปากเรียกม้าคู่ใจของตนให้วิ่งมาหาก่อรกระโดดกลับขึ้นไปควบนำทัพม้าเข้าโจมตีใส่ทัพโจโฉ ลุยกันเลย...!!”

                พวกเราไปช่วยท่านกวนอูเร็ว...!!” จูล่งว่า ก่อนพร้อมใจกันกับ เล่าปี่ เตียวหุย และ เหล่าเซงาคุ นำทหารตามไปสมถบ

                ท่านพี่ข้ามาช่วยแล้ว...!!!” เตียวหุยตะโกน

                กวนอู...!!” เล่าปี่เอ่ยชื่อน้องรักทั้งน้ำตา

     

    ทัพหลังฝ่ายโจโฉ

     กวนอูงั้นเหรอ?

                มีทหารมาด้วยงั้นเหรอ?

                กำลังสู้กับทัพเราด้วยเหรอ?

                เหล่าขุนพลต่างส่งเสียงฮื่อฮาขึ้นเมื่อหนึ่งในทหารที่อยู่แนวหน้าขี้ม้ามารายงานสถานการณ์

                เอายังไงดีครับ ท่านโจโฉ? โจหองเอ่ยถามผู้เป็นนาย

                 ... โจโฉเงียบไปพักหนึ่งก่อนออกคำสั่ง ถอยทัพ...

                หา~!!? เหล่าขุนพลทั้งหลายหันมามองหาโจโฉ

                ข้าสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว... อันเตียวหุยเป็นนักรบที่เก่งกาจนั่นก็จริงอยู่ แต่จากที่ข้ารู้มา เตียวหุยเป็นคนเลือดร้อย บ้าระห่ำ จึงมักทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่เสมอ... คนอย่างนี้จะคิดอุบายหลอกพวกเราอย่างที่ทำที่สะพานเตียงปันเกี้ยวได้อย่างงั้นหรือ? โจโฉสารทยาย นี้อาจเป็นอุบายของขงเบ้งลวงเราไปหาทหารที่ดักซุ่มอยู่ก็ได้... ทางที่ดีเราถอยทัพกลับมาก่อน แล้วคอยดูต่อซิว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป

                ขอรับ!!” เหล่าขุนพลเห็นด้วยก่อนแยกย้ายกันไปเตรียมถอยทัพกลับไปตั้งหลัก

                ดวงของเจ้ายังดีอยู่ เล่าปี่...โจโฉคิดในใจก่อนทอดสายตามองไปยังขุนพลสาวที่กำลังตะลุยกองทัพของตนอยู่ ยังงดงามเหมือนเดิมเลยนะ กวนอู...

     

    ครู่หนึ่งต่อมา

                หลังจากที่เหล่าขุนพลของโจโฉต่างพากันถอนทัพหลับไปหมดสิ้น เล่าปี่ที่คุมทหารกลับมาดูราษฎรของเขา พร้อมกับเตียวหุย จูล่ง เหล่าเซงาคุ ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ กวนอู และ เล่ากี๋ ที่ยังคงไล่กวดทัพโจโฉให้ห่างออกไปอย่าจดจ่อ และแล้ว ทั้ง 2 ก็กลับมาพร้อมทหารของพวกเขาก่อนที่กวนอู และ เล่ากี๋จะลงจากม้ามาคำนับเล่าปี่

                ข้ากลับมาแล้วค่ะ... ท่านพี่…” กวนอูว่า ขอประทานโทษที่มาช้าจนทำให้ท่านมีอันตรายเกือบถึงชีวิต...

                เป็นความผิดของข้าเองขอรับท่านอา เล่ากี๋แก้ต่างให้ เป็นเพราะข้า กลัวมารดาเลี้ยง กับ ชัวมอ จะส่งคนไปลอบสังหารข้าอีก ข้าจึงเกรงไม่กล้าให้ทหารท่านแก่ท่านกวนอูจนต้องรบกวนท่าขงเบ้งให้มาแก้ความให้ ต้องขอประทานโทษจริงๆ ขอรับ

                ข้าไม่ถือโทษอะไรพวกเจ้าหรอก... เอาล่ะลุกขึ้นได้แล้ว เล่าปี่ยิ้มขณะมองมายังกวนอู และ เล่ากี๋ด้วยสายตาอันแสนอบอุ่น พลางพยุงตัวทั้ง 2 คนที่คุกเข่าคำนับตนอยู่ให้ลุกขึ้น ก่อนมองมายังกวนอูน้องรัก ด้วยแววตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตา กวนอู...

                ท่านพี่!” กวนอูโผเข้ากอดเล่าปี่ทั้งน้ำตาหลังจากที่พลัดพรากกันไปเกือบเดือน ด้วยความคิดถึง และ เป็นห่วงว่าตลอดเวลาที่ไม่อยู่ตัวพี่จะมีอันตรายใดๆ มาย่างกราย

                กวนอู... ในขณะเดียวกันเล่าปี่ก็กอดน้องรักกลับด้วยน้ำตาที่ไหลมาตั้งแต่เห็นกวนอู และ เล่ากี๋ นำทัพเข้ามาช่วยตน ด้วยความคิดถึง และ ห่วงใยเช่นเดียวกัน

                ฮื่อ...!!! แง้...!!!” เตียวหุยแหกปากร้องไห้น้ำตาเป็นน้ำตก

                อ. เออ... ทุกคนรอบๆ ต่างมองมาเป็นตาเดียวกัน

                ฮื่อ...!!! ในที่สุดเราก็ได้มาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง แง้...!!!”

                ผัวะ!

              อุก!” เตียวหุยที่โดนจูล่งตุ้ยท้องเข้าไห้ถึงกับจุก จนต้องเงียบเสียงลงไปนั่นย่องๆ กุมท้องตนขณะมองขึ้นมาหาเจ้าของหมัดที่ยื่นหน้ามากระซิบด่าตน

                จะบ้าเหรอ! ท่านเล่าปี่ กับ ท่านกวนอู กำลังซึ้งกันอยู่ จะแหกปากร้องไปกับเขาทำไม เสียบรรยากาศหมด!”

                ข. ขอโต๊ดค๊า~บ... เตียวหุยถึงจ๋อยไปทันที

                ฮ่าๆๆ…!!” ตัวจริงเซงาคุ และ เหล่าทหารพากันหัวเราะ

                หือ...? ฮ่าๆๆ…!” เล่าปี่ กวนอู และ เล่ากี๋ มองหน้ากันก่อนหัวเราะตาม

                หึ... ฮ่าๆ…!” จูล่งค้อนให้เตียวหุยทีหนึ่ง ก่อนหัวด้วยอีกคน

                ฮ่าๆๆ...!!!” และตามด้วย ขุนพลเสียงฟ้าผ่าที่หัวเราะตามมาเป็นคนสุดท้าย

                อ. เอ๋~? กวนอูที่เห็นบางอย่างในทัพเราปี่เปลี่ยนไป อุทาน

                มีอะไรเหรอกวนอู...? เล่าปี่ถาม

                เด็กพวกนี้ใครคะ? กวนอูชี้มายังเหล่าเซงาคุ

                พวกเขาคือกลุ่มนักรบเยาว์ชนที่เข้ามาช่วยพวกเราคุ้มกันขบวนอพยพเล่าปี่เอ่ยบอกกวนอูก่อนพากวนอูมาหาเทะสึกะที่เดินเข้ามาหาพวกเขาเช่นกัน

                เทะสึกะ คุนิมิทสึ ยินดีได้พบครับ ท่านกวนอู เทะสึกะโค้งให้กวนอู

                เห็นมาดขรึมอย่างงี้แต่เพิ่งเจ้าตัวเขาเพิ่ง 15 นะ เล่าปี่กระซิบ

                จริงเหรอ? กวนอูเอามือประสานกันก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหวานแบบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนเอียงคอส่งยิ้มให้ เออ... ยินดีได้รู้จักนะ เทะสึกะ

                อึ๋~เช่นเคย เหล่าเซงาคุพากันหน้าแดงไปตามๆ กัน (บุคคลยกเว้นยังคงเดิม)

                นี่... ทัพคุณเล่าปี่นี่ มีแต่คนสวยๆ เนาะแง่~ คิดุมารุว่า

                อืมๆ... เอจิเซน โมโมะ และ ไคโด พยักหน้ารับ

                พวกนายคุยอะไรกันเนี่ย? โออิชิถาม

    จะว่าไป แล้วท่านคงเบ้งล่ะ? เล่าปี่ถามกวนอู

    ท่านขงเบ้งเตรียมเรือรอพวกเราอยู่ที่ท่าเรือค่ะ กวนอูตอบ

    งั้นเรารีบไปหาท่านกันเถอะ ว่าจบทุกคนก็พากันขึ้นมา แล้วนำทางขบวนอพยพไปยังท่าเรือ

     

    ท่าเรือ

              เอาล่ะ…!! ทุกคน...!! ตรวจดูข้าวของที่นำมาให้พร้อม แล้วมาเข้าแถวที่หน้าเรือ เรือล่ะ 5 แถว ไม่ต้องรีบ…!! ไม่ต้องแย่งกัน…!! ได้ขึ้นเรือทุกคน…!!” จูล่งกับเตียวหุยที่เล่าปี่หัดดูแลเหล่าราษฎร ต่างพากันคุมทหารทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันในขณะที่กวนอู และ เล่ากี๋ พาเล่าปี่ และ เหล่าเซงาคุ ไปหาขงเบ้งที่เรือของพวกเขา

                นี่ๆ ฟูจิ ขงเบ้งนี่เป็นคนยังไงเหรอ? คาวามูระเอ่ยถาม

                ชื่อจริงๆ ของเขาคือ จูกัดเหลียง เขาเป็นกุนซือที่ปรึกษาคนสำคัญของเล่าปี่ เป็นตัวละครสำคัญคนหนึ่งของเรื่อง 3 ก๊กเลยก็ว่าได้ ด้วยความฉลาดที่ใครๆ ก็เรียกว่าอัจฉริยะ ทำให้ขงเบ้งเป็นนักวางแผนที่เก่งที่สุดในแผ่นดินต่อจากซุนวู จนได้รับฉายาว่า ฮกหลง มังกรหลับแห่ง เขาโงลังกั๋ง ฟูจิสารทยายให้ทุกคนฟัง

                แล้ว... เขาเป็นไงอะ คิคุมารุถาม

                ก็... เป็นคนฉลาด สุขม สงบเสงียม แกมเจ้าเล่ห์นิดๆ

                ไม่ใช่อย่าง้า~น... คิคุมารุว่า

    เอ๋~? ฟูจิหันมองคิคุมารุ

    เขาแบบว่า หน้าตาเป็นไง ดุมั้ย หรือ ใจดี ล้ำบึก หรือ ตัวแห้งๆ ล่ะ คิคุมารุว่า

    จะถามไปทำไมล่ะเอจิ? โออิชิเอ็ดเข้าให้

    อ้า~ว ก็อยากรู้นี่นา คิคุมารุบอก

    อืม... ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน อินูอิว่าขณะที่มือยังคงจดรายละเอียดทุกอย่างที่ตนได้ยินลงสมุดประจำตัวของตน

    นายเก็บข้อมูลด้วยเหรอ? คาวามูระถาม

    หึๆๆ... แน่นอน อินูอิขยับแว่น

    รุ่นพี่อินูอินี่หน้ากลัวเหมือนเดิมนะฮะ... เอจิเซนกระซิบรุ่นพี่ปี 2 ทั้งสองของตน

    อืมๆ... ทั้งพยักหน้ารับคำ
               
    ไม่รู้เหมือนกันนะ ฟูจิกลับมาเข้าประเด็น จากที่รู้มา เขาหน้าจะเป็น ชายหนุ่ม อายุซัก ประมาณ 20 ปี หน้าขางๆ ตัวผอม ไว้หนวดนิดๆ ล่ะมั้ง ฟูจิว่า

    พรืด... ฮ่าๆๆ เล่ากี๋ที่เดินอยู่หลังเหล่าเซงาคุหัวเราะ

    มีอะไรเหรอครับ คุณเล่ากี๋? เหล่าเซงาคุหันมามองเล่ากี้ที่หัวเราะท้องแข็งอยู่

    ที่พวกเธอได้ยินมาเนี่ยล้วนเป็นข่าวลือทั้งนั้นเลยนะ เล่ากี๋ว่า

    เหอๆ... เหล่าเซงาคุหัวเราะแห้งขณะคิดบ่นเบาๆ ในใจ พอดีว่า ไอ้ที่เรารู้มามันไม่ใช่ข่าวลืออะครับ

    ตอนตกใจท่านกวนอูเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ท่านจูล่งว่าปอย่างนะ เพราะท่านชอบทำท่าทางเหมือนชาย แต่ใครกันน้~า ที่เอาท่านกวนอูไปลืออย่างงั้น เล่ากี๋ยิ่งพูดยิ่งหัวเราะตาม แค่ท่านกวนอูตัวสูงหน่อย เป็นคนขี้อาย หน้าจึงแดงบ่อยๆ เวลาอยู่กับคนอื่น แล้วก็มีนิสัยที่ชอบเอาผมมาพาดไว้ด้านหน้า ก็ดันเอาไปบอกต่อเป็น ท่านกวนอูเป็นชายร่างยักษ์ หน้าแดงเป็นผลพุทรา เคราสลวยยาวลงมา โหย คิดแล้วจี้ชะมัด ฮ่าๆๆ...!”

    ... เหล่าเซงาคุนึกภาพตามที่เล่ากี๋เอ่ย ก็นึกขำขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    แล้วนี่ก็อีกเรื่อง เล่ากี๋หยุดหัวเราะนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ ท่านขงเบ้งเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ท่าทางสุขมแกมเจ้าเล่ห์ ตัวผอมๆ ไว้หนวดนิดๆ คิดแล้วฮาจริงๆ ฮ่าๆๆ...!!”

    เอาแล้วไง... คราวนี้จะเป็นตัวยังไงล่ะทีนี้เหล่าเซงาคุคิดเป็นเสียงเดียวกัน

    คงไม่ใช่เป็นคนร่างโตๆ ตัวบึกๆ ห้าวหรอกนะคาวามูระคิด

    ไม่แน่อาจจะเป็น ชายแก่ๆ เครายาวๆ ทรงความรู้ก็เป็นได้... ไคโดคิดตาม

    ผมว่าเป็นเด็กตัวเล็ก ที่ดูไม่มีอะไร แต่ฉลาดเป็นกรดมากกว่าโมโมะเสนอ

    หรือไม่ก็เป็น หนุ่มผมยุ่งๆ หน้าขาวๆ ซีดๆ มีนิสัยแปลกๆ ชอบกินของแต่หวานๆอินูอิคิดต่อไปอีก (เฮ้ๆ นั่นมัน L มิใช่หรือ?)

    บางทีอาจจะเป็น คนหัวตั้งๆ หูแหลม ฟันแหลม จอมเจ้าเล่ห์ ชอบเล่นอาวุธก็ได้คิคุมารุคิดเพิ่มเข้าไปอีก (อ้า~ว... นี่ก็ Eyeshield อีก)

    ไม่ก็ เป็นผู้ชายที่ไว้ผมทรงเท่ๆ เหมือนเพราะเอกเกาหลี ใส่แวนตาเหลี่ยม ชอบทำท่าเหมือนเป็นคนอบอุ่น แต่ที่จริงกำลังเตรียมทำการใหญ่อยู่ พร้อมกับลูกน้องตาบอดคนหนึ่ง กับลูกน้องตาตี๋คนหนึ่งฟูจิคิดต่อ (คราวนี้ตัวร้าย Bleach มาเองเลย)

    เออ... ฉันว่าคงไม่เป็นอย่างที่พวกนายคิดล่ะมั้ง? คาวามูระว่าในความคิด

    ฉันก็ว่างั้นแหละ...โออิชิเห็นด้วยในความคิด

    พวกนายทำอะไรกันอยู่น่ะ เทะสึกะที่เดินอยู่กับเล่าปี่ และ กวนอูเอ่ยถาม

    ปะ. เปล่า... เหล่าเซงาคุตอบ

    ไร้สาระกันจริงๆ นะฮะเอจิเซนเอ่ยเย้ยในความคิด

    (เดี๋ยวๆๆ...! พวกนายพูดกันในความคิดอะนะ!!?)

    [เหล่าเซงาคุ : ความสามารถพิเศษครับ]

    ก๊อก! ก๊อก!

    ท่านขงเบ้งคะ ข้าพาท่านเล่าปี่มาพบค่ะ กวนอูว่าขณะเคาะประตูห้องโถงเรือใหญ่ของพวกเขา

    เข้ามาเลย เสียงหวานสดใสดังมาจาดในห้อง

    เสียง...? เฮ้ๆ~... อย่าบอกนะว่าเหล่าเซงาคุเริ่มใจไม่ดี

    แก๊ก! แอ๊~ด...!

    ท่านขงเบ้งเป็นไงบ้าง?เล่าปี่ เอ่ยทักขณะที่เดินเข้าไปในห้องพร้อมกับกวนอู และ เทะสึกะที่กำลังเบิกตากว้างอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา

    เฮ้ๆ! ดูกัปตันสิ

    ท่าทางแปลกๆ นะ

    แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลย

    เราไปดูกันเถอะ

    เสร็จสิ้นการคุยกันในความคิด (อีกและ!?) เหล่าเซงาคุทั้งหลายก็พากันไปแง้มมองที่หน้าประตูก่อนทุกคนจะเบิกตากว้าง และ ร้องประสานเสียงเป็นเสียงเดียวว่า

    หา~!?

    สวัสดี ฉันกำลังรอพวกเธออยู่เลย ขงเบ้งว่า

    เด็กสาววัยน่าจะพอๆ กับพวกเขา ผมสีดำยาวสลวยถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตเป็นประกายสีฟ้าใส ใบหน้าค่อนข้างกลมน่ารัก ผิวขาวเนียนไร้ริ้วรอยมีตำหนิสีอมชมพูราวไข่มุก ในชุดนักชายปราชญ์ชาวจีนธรรมดาๆ พร้อมหมวกปราชญ์จีนใบเล็กบนหัว ตัวสูงกว่าเอจิเซนประมาณ 2 คืบ ท่าทางใสๆ ติดเจ้าเล่ห์นิดๆ ในมือขวาถือพัดขนนกที่มีขนาดใหญ่จนบังหัวของเธอไว้ได้พอดี

    ฉันคือ จูกัดเหลียง หรือ ที่รู้จักกันในนาม ขงเบ้ง นั้นเอง...

    อึ๋~…” เหล่าเซงาคุ รวมถึงเทะสึกะ และ ฟูจิต่างหน้าแดงไปตามๆ กัน

    (โห~ย... พวกแพ้ผู้หญิงสวย... เดี๋ยว~!! เทะสึกะกับฟูจิด้วยอะ…!!?)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×