คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5 คลาวด์ตกเป็นเป้าหมาย แผนการชั่วร้ายของเมเทอัส
V
คลาวด์ตกเป็นเป้าหมาย
แผนการชั่วร้ายของเมเทอัส
สวัสดีค่ะ ทีน่า แบรนฟอร์ดค่ะ ฉันเป็นนักเรียนทุนปี 1 ของ โรงเรียนมัธยมปลายดิสสิเดีย ที่เพิ่งเปิดภาคเรียนใหม่มาได้อาทิตย์กว่าๆ
“อรุณสวัสดิ์ทีน่า”
“อรุณสวัสดิ์ออนเนี่ยน”
เด็กตัวเล็กๆ คนนี้ชื่อออนเนี่ยน ไนท์ เป็นเพื่อนสนิทฉันเอง ถึงจะดูเหมือนเด็ก แต่จริงๆ แล้วเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับฉัน แถมเป็นนักเรียนทุนเหมือนกันด้วย
“หวัด~ดี...! ทีน่~า!”
“...”
“อรุณสวัสดิ์บัทส์ ซีดาน และก็... สคอลล์ด้วยนะ”
“ดี...”
“เฮ้! สคอลล์รอด้วย!”
เด็กหนุ่ม 3 คนเมื่อกี้เป็นหนึ่งในนักเรียนทุนที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกันกับฉัน คนผมสีน้ำตาลท่าทางร่าเริ่งชื่อบัทส์ คราวเซอร์ เด็กหนุ่มผมทองที่ตัวสูงกว่าออนเนี่ยน หน่อยชื่อซีดาน ไทรบอล ส่วนคนตัวสูงที่มีแผลเป็นตรงหน้าชื่อสคอลล์ ลีออนฮาร์ท
บัทส์ กับ ซีดานสนิทกันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ส่วนสคอลล์เป็นคนเงียบๆ ชอบ ปลีกตัวออกจากคนอื่น แต่บัทส์ และ ซีดานก็ชอบที่จะเข้าไปพูดคุยด้วย ถึงสคอลล์จะชอบเดินหนี แต่พวกเขาก็ตามไปอยู่ด้วยกันเสมอ อีกไม่นานก็คงสนิทกันละมั้ง (ยาก)
“รุ่นพี่ฟีเรี่ยน อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ทีน่า”
พี่ปี 2 คนที่นั่งใส่ปุ๋ยรั้วพุ่มดอกไม้อยู่นี้ชื่อฟีเรี่ยน เป็นรุ่นพี่คนที่ฉันรู้จัก หนึ่งในหัวหน้าสภานักเรียน ตำแหน่งสภาสวนสวย และก็เป็นนักเรียนทุนเหมือนฉันอีกด้วย
“ไงทีน่า! ไปก่อนนะ!”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ รุ่นพี่ทีดัส”
พี่ปี 2 คนที่อยู่ในกลุ่มคนที่วิ่งจ๊อกกิ้งผ่านฉันไปชื่อทีดัส เป็นรุ่นพี่อีกคนที่ฉันรู้จัก เขาเป็นกัปตันทีมบลิสบอล และ เป็นดาวเด่นคนดังของโรงเรียน อ๋อใช่ พี่เขาก็เป็นนักเรียนทุนอีกคน
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะทีน่า มาแต่เช้าเลยนะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ รุ่นพี่เซซิล”
พี่ปี 2 หน้าสวยคนนี้ชื่อเซซิล ฮาวีย์ เป็นรุ่นพี่อีกคนที่ฉันรู้จักเช่นเคย เจ้าของตำแหน่งรองประธานแห่งสภาดิสสิเดีย ตำแหน่งหัวหน้าสภาคุมความประพฤตินักเรียน เป็นนักเรียนทุนเช่นกัน
ทุกคนอาจคิดว่าฉันมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เพราะรู้จักรุ่นพี่คนดังเยอะเลย อันที่จริงฉันเป็นคนขี้อาย ที่รู้จักพี่ๆ เขาได้ไม่ได้ทำความรู้จักเอง แต่เป็นเพราะรุ่นพี่เซซิล รุ่นพี่ทีดัส และ รุ่นพี่ฟีเรี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของรุ่นพี่อีกคน... รุ่นพี่คนแรกที่ฉันรู้จัก...
“รุ่นพี่คลาวด์ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์...”
คนนี้แหละค่ะ พี่ชายผมชี้ฟ้ามาดเย็นชาคนนี้ชื่อคลาวด์ สไตรฟ รุ่นพี่ใจดีที่ฉันได้ทำความรู้จักโดยบังเอิญตอนวันแรกของช่วงเปิดภาคเรียน และ ก็ได้เขานี่แหละคอยช่วยเหลือหลายๆ เรื่อง... ที่น่าตกใจก็คือ ฉันมารู้เอาทีหลังว่าเขาเป็นนักเรียนที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของโรงเรียน ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่เขาไปก่อเรื่องอะไรมา แต่ฉันไม่เห็นว่าพี่เขาจะเลวร้ายตรงไหน ยังก็ตาม การที่ได้รู้จักพี่เขาทำให้ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มาโรงเรียน
น่าแปลกใจอยู่อย่าง คนที่ฉันรู้จัก และ เหมือนจะสนิทด้วย ทั้งเพื่อนร่วมชั้น และ รุ่นพี่ ต่างก็เป็นนักเรียนทุกกันหมดเลย เอ... อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ หรือว่า... นี้จะเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่า พรมลิขิต... แหะๆ พูดเป็นนิยายไปได้ แต่ฉันดีใจมากเลยนะที่ได้รู้จักทุกคน ถ้าเป็นเพราะพรมลิขิตจริงๆ ก็ขอให้พวกเราได้อยู่เรียนร่วมกันในโรงเรียนนี้อย่างมีความสุขตลอดปีด้วยนะ
กิ๊~ง ก่อ~ง กา~ง ก่อ~ง
อ้าว! ต้องไปเข้าเรียนแล้วขอตัวนะคะ
ปี 1 ห้อง A
“ทีน่าจ๊ะ”
“มีอะไรเหรอ?” ทีน่าที่นั่งคุยกับออนเนี่ยนในช่วงพักเบรกระหว่างคาบเรียน หันไปหาโอลิเวีย ลิทส์ อากริอัส และ ซาร่าห์ ที่เดินตามสาวโคศก (ไม่มีชื่ออะ?) มาทักเธอ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เพื่อนสาวพวกนั้นดึงทีน่าไปอีกมุมหนึ่ง
“เอ๋~?” ออนเนี่ยนมองงงๆ
“คงจะคุยเรื่องของผู้หญิงล่ะมั้ง”
“ปล่อยเธอให้อยู่กับกลุ่มผู้หญิงบ้างเถอะ”
“หมายความว่าไง?” ออนเนี่ยนหันไปถามบัทส์ และ ซีดาน ที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากด้านหลัง
“ก็นายเล่นเกาะติดกับเธอตลอดเวลาซะขนาดนั้นนี่นา” ซีดานว่า “ยังไงทีน่าก็เป็นผู้หญิงนะ บางครั้งนายน่าจะปลีกตัวออกมาบ้าง”
“ใช่ๆ หันมาคุยมาเล่นกับกลุ่มผู้ชายบ้างก็ได้” บัทส์สมทบ “เกิดอยู่แต่กับผู้หญิงบ่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นตุ๊ดหรอก เอ๊ะ หรือว่าเป็นแล้ว?”
“คนอย่างฉัน (ผู้เป็นขวัญใจแม่ยกโชตะ) ไม่มีเบี่ยงเบนหรอก!” ออนเนี่ยนปฏิเสธ “พวกนายต่างหาก วันๆ เอาแต่ไล่ตามแต่สคอลล์อยู่ได้ แอบเกย์รึเปล่าเนี่ย?”
“เปล่~า... เอ๊ะ! หรือว่าพวกเราจะ?” บัมส์หันไปถามซีดาน
“ไม่รู้สิบัทส์ บ้างครั้งฉันก็มีความรู้สึกดีๆ ให้นายเหมือนกันนะ” ซีดานตอบกลับ
“ซีดาน...”
“บัทส์...” ว่าจบทั้ง 2 ก็ค่อยยื่นหน้าเข้ามาหากัน ทำเอาออนเนี่ยนเหวอไปทันที
“พอๆๆ! ฉันจะอ้วกแล้ว!” ออนเนี่ยนร้องเสียงหลง
“ทำไมล่ะออนเนี่ยน? นายรับความสัมพันธุ์แบบนี้ไม่ได้เหรอ?” บัสท์เอ่ยถาม
“จะว่าไปนายก็น่ารักเหมือนกันนะออนเนี่ยน” ไม่ว่าเปล่าทั้ง 2 ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ออนเนี่ยนเรื่อยๆ ทำเอาน้องหอมค่อยเอนตัวถอยห่างเรื่อยๆ จนในที่สุด
“เหวอ!?”
โคร~ม!
“ฮ่าๆๆ!” บัทส์ และ ซีดานหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนแปะมือกันหลังแกล้งทำให้ออนเนี่ยนตกเก้าอี้ได้สำเร็จ
“หน่อ~ย... พวกนาย!” ว่าจบอ่อนเนี่ยนที่เสียหน้าอย่างแรง ก็กระโดดลุกขึ้นมาก่อนก้าวเท้าออกวิ่งไล่บัทส์ กับ ซีดานซึ่งทั้ง 2 ก็ออกตัววิ่งหนีอย่างไม่รอช้า จนในที่สุดการเล่นไล่จับกันของทั้ง 3 ก็เริ่มขึ้นโดยไม่ทันได้รู้ตัว “หยุดนะ…!”
“หยุดให้โง่เหรอ…! ฮ่าๆๆ...!” ทั้ง 2 ลิงเอ่ยประสานเสียงกัน
“พอทีน่าเดินจากมาหน่อยก็วิ่งเล่นเป็นเด็กๆ เลยแฮะ” ลิทส์น่ากล่าว
“แห~ม อยู่กับสาวสวยทั้งที ก็ต้องมีเก๊กบ้างล่ะ ถึงจะตัวเล็กน่ารัก แต่ก็เป็นผู้ชายนะ” โอวีเลียว่าตาม
“เอาล่ะ อย่านอกเรื่องสิ เอามาให้ทีน่าดูเร็ว” อากริอัสบอก
“อื้ม! ดูนี้สิทีน่า” สาวโคศกหยิบกระดาษบางอย่างออกมาให้ทีน่าดู “ฉันปริ๊นมาจากระทู้โรงเรียน”
“อะไรเหรอ?” ทีน่าหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู ปรากฏเป็นรูปของทีน่าอยู่ในวงล้อมของคลาวด์ และ เพื่อนทั้ง 3 พร้อมคำบรรยาย
ทีน่า แบรนฟอร์ดนักเรียนใหม่ปี่1 ห้อง A สาวสวยใสสุดน่ารัก กลายเป็นคนดังหน้าใหม่ของโรงเรียน ตามกระแสนิยมของหนุ่มๆ ที่ถึงกับเพ้อเมื่อได้เห็น บวกกับการที่ตัวเธอถูกห้อมล้อมโดยเหล่าหนุ่มๆ คนดังทั้ง 4 ของปี 2 ทำให้เธอโดดเด่นขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับท๊อปเทน สาวสุดป๊อบของโรงเรียน
“มะ หมายความว่าไงน่ะ?” ทีน่าเอ่ยถามเพื่อนทั้ง 3 คน
“ก็หมายความว่า เธอกลายเป็นคนดังไปแล้วน่ะสิ” ซ่าร่าห์กล่าว “เล่นไปอยู่ในวงล้อมของรุ่นพี่คนดังแบบนั้นก็ต้องโดนจับตาแบบนี้แหละ”
“ละ แล้วทำไมออนเนี่ยนไม่โดนด้วยล่ะ? เขาก็อยู่ในรูปด้วยนี่นา” ทีน่าว่า
“ไหนอะ?” สาวๆ ทั้งหลายเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ก่อนมองไปที่ภาพในกระดาษพร้อมเปิดฉากเล่นโฟโต้ฮันท์ “อยู่ไหน? ไม่เห็นเลย?”
“ตรงนี้ไง...” ทีน่าชี้นิ้วลงไปที่รูปให้ทุกคนเห็น ภาพปลายหัวของน้องหอมที่โผล่อยู่ข้างๆ เอวของคลาวด์
“...” สาวๆ เหงื่อตก คิ้วกระตุก เหล่ตามองที่หน้าทีน่าอย่างขำไม่ออก
“หื~ม? มีอะไรรึเปล่า?” ทีน่ามองหน้าทุกคนด้วยแววตาใสซื่อ
“เปล๊~า.../ไม่มีอะไร.../ก็นะ...” ทุกคนเอ่ยปัดอย่างอ่อนในความใสซื่อของเพื่อนสาวคนสวยตรงหน้า
ปี 2 ห้อง A
“...” คลาวด์เอามือท้าวคางนั่งมองฟ้าอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างของตนอย่างสงบ
“ดูสิ โบะของเรา ตั้งแต่ได้พบทีน่ามาก็ชอบนั่งเหม่อมองฟ้าตลอดเลย” ทีดัสว่า
“คลาวด์ก็ชอบนั่งมองฟ้ามาตั้นนานแล้วนี่น่า” ฟีเรี่ยนค้าน
“คงมัวแต่คิดว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีกสินะ” ทีดัสยังคงว่าต่อไป
“เออ... เฮ้~... ทีดัส...” ฟีเรี่ยนที่ถูกเพื่อนนักกีฬาของเขาเมิน เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมองภาพทีดัสก้าวขาเข้าไปสู่โลกจินตนาการสุดกู่ของเขา
“ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”
เปรี้ย~ง!
“จ๊า~ก...!” พลังสายฟ้าพุ่งออกมาจากจากมือกอลเบซตรงเข้าช๊อตทีดัสที่มัวแต่พร่ำเพ้อไร้สาระให้หันกลับมาสนใจตัวเขาที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องทันที
“เอาล่ะ ตั้งใจกันหน่อย...” กอลเบซเก็บมือของตนลง ปล่อยให้ทีดัสนั่งหัวไหม้ฟูขึ้นเป็นทรงแอฟโฟร่ที่มีกระแสไฟไหลวนรอบหัว ขณะเอ่ยสอนต่อตามปกติ
“นั่นไง อยากพูดอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียวเองนี่นา” ฟีเรี่ยนว่า “ถ้านายตั้งใจเรียนได้เหมือนเล่นบลิสบอลได้ล่ะก็ นายคงเก่งน่าดู”
“หึๆ... สมน้ำหน้า” เซซิลแอบหัวเราะน้อยๆ ขณะกระซิบเย้ย “อยากไม่สนใจเรียนวิชาของพี่ชายฉันทำไมล่ะ”
“ทีคลาวด์ไม่ตั้งใจไม่เห็นโดนบ้างเลย?” ทีดัสว่าอย่างไม่พอใจ
“คุณสไตรฟ อ่านบรรทัดแรกย่อหน้าต่อไปซิ...” กอลเบซเอ่ยสั่ง
ครื~ด...
“Shinra Company has produced amount of military weapons for Midgar’s Army for the Decade.” คลาวด์ลุกขึ้นอ่านประโยคในหนังสือตามคำสั่งของกอลเบซได้อย่างง่าย ก่อนกลับมานั่งท้าวคางหันหน้ามองหน้าต่างดังเดิม
“ดีมาก... เอาล่ะต่อไป... เธอตรงนั้นน่ะ... อ่านประโยคต่อมาซิ” กอลเบซเดินออกจากคลาวด์ไปอีกทางหนึ่ง
“คลาวด์เป็นข้อยกเว้นนะ” เซซิลยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา ขณะส่งยิ้มหวานให้ทีดัส
“ขี้โกงชะมัด...” ทีดัสเอ่ยอย่างน้อยใจ ขณะจัดการกับผมแอฟโฟร่สายฟ้าของเขาให้กลับเป็นทรงเดิม
พักเที่ยง
“ปะ! ไปกินไอติมกัน!”
“อีกและ!?”
“ทีน่าไปกินข้าวด้วยกันมั้ย?” โอวีเลียเอ่ยชวน
“อืม... ก็ได้ ออนเนี่ยนไปด้วยกันมั้ย?” ทีน่าหันมาถามน้องหอม
“ไม่ล่ะ วันนี้ออนเนี่ยนจะอยู่เล่นกับพวกเราเนอ~ะ ซีดาน” บัทส์เอ่ยตัดบทน้องหอม หลังเขา และ ซีดานย่อตัวลงกอดคอออนเนี่ยน
“ใช่ๆ วันนี้พวกเราจะอยู่ด้วยกัน เนอ~ะ บัทส์” ซีดานว่าตาม
“เหร~อ? งั้นก็ขอให้สนุกนะ ฉันไปก่อนล่ะ” ทีน่าโบกมือลา
“ไปกันเถอะทีน่า” ลิทส์ขี้เกียจรอ เดินมาจูงมือทีน่าไปด้วยกันเลย
“เดี๋ย~ว!” ออนเนี่ยนจะขอไปด้วย แต่ไม่ทัน พวกสาวๆ พาตัวทีนาออกไปซะแล้ว
“ว้~า น่าเสียดาย โดนหญิงทิ้งซะแล้ว”
“เขาก็มีชีวิตของเขา นายก็มีชีวิตของนาย ทำใจน่า” บัทส์ และ ซีดานแบมือยักไหล่กวนๆ ทำเอาน้องหอมหนังตากระตุกอย่างไม่สบอารมณ์
“มันเพราะใครล่ะ...” น้องหอมเอ่ยเซ็งๆ เมื่อ 2 ลิงประจำห้องทำให้เขาต้องห่างจากเพื่อนสาวเขา “พวกนายมาป้วนเปี้ยนกับฉันทำไม? ไม่ไปไล่ตื้อสคอลล์แล้วรึไง?”
“ก็ไปน่ะสิ แต่เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่” ซีดานกล่าว “เพราะเราแค่ 2 คนยังไงก็ไล่ตามสคอลล์ไม่ทันแน่ๆ ดูเหมือนว่าทาง SeeD จะฝึกเขามาดีจริงๆ”
‘เหอๆ... คะแนนการฝึกหลบหลีกภาคสนามของสคอลล์ต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ เลย’ ออนเนี่ยนแอบคิดในใจ
“เพราะฉะนั้นเราต้องเพิ่มกำลังของเรา” บัทส์ว่าต่อ ขณะเขากับซีดานจับไหล่ออนเนี่ยน ยกมืออีกข้างขึ้นกำแน่น ยืดตัวอย่างทรนง “ออนเนี่ยน เราต้องร่วมมือผนึกกำลังชวนสคอลล์มาเป็น 1-A คาเฟ่ด้วยกัน! มาเถอะ! เพื่อวันนี้อันเร้าร้อนของพวกเรา”
“...” ออนเนี่ยนตีคิ้วทำหน้าแหย่ๆ
“เออ... เผื่อพวกนายจะยังไม่ทันได้สังเกต สคอลล์กินข้าวเสร็จ จนเดินออกไปจากห้องตั้งนานแล้วนะ” มัสทาดิโอเอ่ยบอก
“...” บัทส์ กับ ซีดานนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไร ไวท์ฮอลล์ พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่...”
“เฮ้~อ...” ออนเนี่ยนถอนหายให้กับตัวเอง ‘3 ช่ายังไม่ได้ จะเอาเป็นคาเฟ่ซะแล้ว’
ทางลงบันได
“อ้า~วไงจ๊ะทีน่า” เซซิลที่ยืนอยู่กับพวกคลาวด์ที่ทำท่ากำลังจะขึ้นบันไดกัน เอ่ยทักทีน่า และ เพื่อนๆ ที่กำลังเดินลงมา
“รุ่นพี่เซซิล รุ่นพี่ฟีเรี่ยน รุ่นพี่ทีดัส รุ่นพี่คลาวด์ ไม่ทานมื้อเที่ยงบนดาดฟ้าเหรอคะวันนี้?” ทีน่าเอ่ยถาม
“อ๋~อ เปล่าหรอก พอดีวันนี้เป็นเวรทีดัสมาซื้อของ แต่คาบที่แล้วเจ้าหมอเนี่ยดันถูกครูกอลเบซช๊อตเข้าให้โทษฐานไม่ตั้งใจเรียน แล้วกระแสไฟฟ้ามันดันยังเหลืออยู่ พอยื่นมือจ่ายเงินให้คนขายอาหาร ไฟจากตัวก็ไปช๊อตคนขายเขา เลยถูกเขาไล่ตะเพิดออกมา ทำให้พวกเราต้องลงมาซื้อกันเอง” เซซิลอธิบาย
‘โห~… สงสัยคงต้องใจเรียนคาบครูกอลเบซซะแล้ว’ สาวๆ คิด
“แห~ม ครูกอลเบซนี่เล่นแรงจังเลยนะคะ” ทีน่ากล่าว
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้หมอนี่โดนเป็นประจำทุกคาบ ทุกวิชาอยู่แล้ว” ฟีเรี่ยนว่า
“นั่นดิ ฉันก็ไม่เข้าว่าทำไมมีแค่ฉันที่โดนคนเดียว” ทีดัสเริ่มเอ่ยระบายความรู้สึก “อย่างวันก่อนนะ คาบครูการ์แลนด์ ก็โดนดาบขวานเฉาะหัวให้ คาบครูคูจาก็โดนพลังแฟลร์สเฟียอัดเข้าใส่ คาบครูเอ็กซ์เดธก็โดนจับฝังดินรีเทิร์น ทู เดอะ วอยซะงั้น ยิ่งคาบครูเซฟโดนไม้ชี้กระดานมาซามูเนะฟาดใส่ซะน่วมเลย”
‘แล้วยังมีชีวิตรอดมาได้เนี่ยนะ คนหรือตัวอะไรเนี่ย...?’ สาวๆ ยิ้มแห้งๆ
“ทำไมโดนหนักแบบนั้นล่ะคะ?” ทีน่าถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่แปลกเลยทีน่า...” ฟีเรี่ยนส่ายหน้าหน่ายๆ “คาบครูการ์แลนด์หมอนี่เอาสมุดบังหน้าแล้วแอบกินข้าว คาบครูคูจาหมอนี่ซ้อมบอลเพลิน มาเข้าห้องเรียนตอนเลิกคาบ คาบครูเอ็กซ์เดธหมอนี่นอนหลับกรนซะเสียงดันลั่นห้อง ส่วนคาบครูเซฟหมอนี่เล่นนั่งวางแผนการเล่นบอลกับเพื่อนอีกคนตอนครูเขาสอนหน้าตาเฉย โดนแค่นี้ก็บุญแล้ว”
‘สมควร...’ สาวๆ เอ่ยด่าในใจ
“รุ่นทีดัส ทำตัวแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวได้ตายเอานะคะ” ทีน่าเอ่ยเตือน
“เอาน่า พี่อึดอยู่แล้ว” ทีดัสไม่ว่าเปล่าเบ่งกล้ามโชว์
“เหร~อ...?” ฟีเรี่ยน และ เซซิลเอ่ยประชด
ซูด...
“หื~ม...?” ทุกคนแถวนั้นหันไปมองที่ต้นเสียงเป็นตาเดียวกัน
“ฝากทิ้งด้วย…” คลาวด์ที่ยืนกินอาหารเที่ยงของตนเป็นเรียบร้อย ขณะที่พวกทีน่ายืนคุยกันอยู่ ยื่นซองขนมปัง และ กล่องกาแฟเปล่าๆ ให้ทีดัส ก่อนเดินปลีกตัวออกไป โดยหยุดลงข้างๆ ทีน่าครู่หนึ่ง “รอที่เดิมนะ เดี๋ยวฉันไปรับ...”
“ค่ะ...” ทีน่ากระซิบตอบ โดยหารู้ไม่เหล่าผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันมองกันตาเป็นมัน ว่าจบคลาวด์ก็เดินจากไป ทิ้งให้เหล่าเพื่อนๆ และ รุ่นน้องคิดจินตนาการกันไปไกล
“ยังไม่ถึง 2 อาทิตย์เลย ความสัมพันธุ์ของ 2 คนนี้ไปถึงไหนกันแล้วนะ” เซซิลกระซิบคุยกับเพื่อนอีก 2 คน
“ไม่รู้นะว่าไปถึงไหน แต่ที่แน่ๆ น่าลุ้น” ทีดัสพูดหน้าทะเล้น
“พวกนายคิดอะไรกันอยู่เนี่ย?” ฟีเรี่ยนมองหน้าเพื่อนตนแบบไม่ค่อยไว้ใจนัก
“หึๆๆๆ...” ทั้ง 2 หันมามองหน้าเพื่อนหนุ่มเวอร์จิ้นของเขาด้วยใบหน้ายิ้มหวานที่แฝงไปด้วยกลิ่นไอแห่งความมืด
“นี่ ยืนคุยกันนานแล้ว เราก็ไปกินข้าวกันดีกว่า” สาวโคศกกล่าว
“อื้ม ไปกันเถอะ ขอตัวนะคะรุ่นพี่”
“ตามสบาย” ว่าจบทั้ง 2 ฝ่ายก็เดินแยกย้ายกันไป ฝ่ายชายขึ้นไปบนดาดฟ้าที่ประจำของตน ส่วนฝ่ายหญิงก็เดินลงมาที่โรงอาหารเพื่อมมากินข้าวร่วมกัน
“แห~ม พวกรุ่นเขาก็มีเสน่ห์กันตามแบบของเขานะว่ามั้ย?” ทันทีที่สาวๆ ต่างซื้ออาหารมานั่งประจำกันที่โต๊ะๆ หนึ่ง สาวโคศกก็เอ่บปากเริ่มบทสนทนา
“นั่นสิ ฉันชอบรุ่นพี่เซซิลน่ะ พี่เขาสวยจริงๆ” ลิทส์ว่าตาม
“ฉันว่าร่าเริงแบบรุ่นพี่ทีดัสดีกว่า” โอวีเลียออกความเห็นบ้าง
“ซื่อๆ เรียบๆ แบบรุ่นพี่ฟีเรี่ยนก็น่าสนใจดีนะ” ซาร่าห์เอ่ยขึ้นอีกคน
“ฉันว่าไม่เห็นมีอะไรเลย” อากริอัสว่า
“ใครจะไปน่ารักเหมือนแรมซ่าของเธอล่ะจ๊ะ” โอวีเลียเอ่ยแซวเพื่อนสาว
“เอ๋~? อากริอัสชอบแรมซ่าเหรอ?” ทีน่าเอ่ยถาม
“อะ โอวีเลีย!” อากริอัสขึ้นเสียงใส่เพื่อนสาวของเธอ
“ไหนๆ บอกมาซะดีๆ เลยนะ” ว่าแล้วบทสนทนาของสาวๆ ก็ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศแสนสดใสของกลุ่มสาวๆ ปี 1 ที่นั่งทานข้าวคุยกันอย่างออกรส
ณ ห้องพยาบาล
“หึๆๆ...” เมเทอัสครูสอนคณิตศาสตร์มาดผู้ดียืนหัวเราะ ขณะเอามือแหวกผ้าม่านมองออกไปนอกหน้าต่างที่แง้มออกรับอากาศเล็กน้อย
“หัวเราะแบบนี้แสดงว่าคิดแผนอะไรดีๆ ได้แล้วสินะ” อันติเมเซียครูสาวประจำห้องพยาบาลเอ่ยถาม
“แน่นอน...” เมเทอัสเสยผมเบาๆ ก่อนหันกลับมาหาอันติเมเซีย
“คราวนี้อะไรงั้นเหรอ…” อันติเมเซียว่า
“กุญแจของแผนนี้คือสไตรฟ” เมเทอัส
“เอาอีกแล้วเหรอ?” อันติเมเซียกอดอกยักไหล่
“ถ้าไม่ใช่เจ้าเด็กนี่แล้วจะเป็นใครล่ะ?” เมเทอัสถามกวนๆ
“ก็ถูก...” อันติเมเซียไม่เถียง “น่าสนใจดี... ว่ามาได้เลย...”
ในเวลาเดียวกัน
“ยะ แย่แล้ว!” ฟีเรี่ยนที่กำลังเก็บของอยู่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“มีอะไรเหรอฟีเรี่ยน?” เซซิลเอ่ยถามเพื่อนของเขาที่กำลังรีบร้อนเปิดประตูทำท่าจะวิ่งลงจากดาดฟ้า
“เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อเช้าบอกให้รุ่นน้องผสมยาบำรุงไว้ แต่ดันลืมบอกให้เก็บไว้ในตู้แช่” ฟีเรี่ยนตอบ “ไม่รู้ปานนี้โดนความร้อนติดไฟระเบิดไปแล้วรึยัง ต้องไปดูหน่อยแล้ว
“ยาบำรุงหรืออะไรวะนั่น...?” ทีดัสเหงื่อตก
“ว่างั้นแหละ...” เซซิลที่อยู่ในอาการเดียวกันสมทบ
“หึ...” คลาวด์ส่งเสียงเล็กน้อย ก่อนหลับตานอนกลางวันต่อไป
ที่เก็บอุปกรณ์ สภาสวนสวย
“อ้า~ว? แช่เย็นไว้แล้วเหรอ... เฮ้~อ...” ฟีเรี่ยนถอนใจยิ้มๆ ก่อนเดินออกมาอย่างโล่งอก “อย่างนี้ต้องเลื่อนตำแหน่งให้น้องคนนั้นซะแล้ว”
“ต่อจากนั้น...”
“เอ๋~?” ฟีเรี่ยนที่ได้ยินเสียงของใครบางคนที่แสนจะคุ่นหูดังมาจากใกล้ๆ ทำให้เจ้าตัวหยุดลงแล้วมองหาต้นเสียง
“คราวนี้ สไตรฟก็จะโดนยกขึ้นมาเป็นข้อครหาอีกครั้ง” เสียงเมเทอัสดังมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลที่อยู่เหนือห้องเก็บอุปกรณ์สภาสวนสวยของเขาพอดี
“เอ็มเพอเรอร์เหรอ...? ไม่น่าไว้ใจซะแล้ว...” ฟีเรี่ยนเอ่ยฉายาของเมเทอัสออกมา หลังได้ยินชื่อของเพื่อนตนอยู่ในประโยคเมื่อครู่นี้ ด้วยความข้องใจ ฟีเรี่ยนหยิบมีดสั้นติดสายสลิงของเขาออกมา แล้วขว้างไปที่ขอบหน้าต่าง ก่อนวิ่งไต่ขึ้นไปไว้อย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน จากนั้นก็เงี่ยหูลอบฟังบทสนทนาน่าสงสัยนั้นทันที
“ใช้ได้~...” อันติเมเซียพยักหน้าด้วยความชอบใจ “ถึงจะเป็นแค่แผนการเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับปีการศึกษาใหม่นี้”
“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้ว การวางแผนการอะไรซักอย่างมันก็เหมือนการขยายอำนาจ” เมเทอัสกล่าว “ต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อน แล้วจึงค่อยๆ ขยายตัวออกไป”
“งั้นเธอก็จัดการไปเลยแล้วกัน ฉันจะรอดู” อันติเมเซียเอ่ยบอก
“ฉันจะแสดงความสามารถของทายาจักรพรรดิแห่งพาลาเมเซียให้ได้ดู” เมเทอัสกกล่าวปิดท้าย ขณะทำท่าจะพากันเดินออกจากห้อง “เอาล่ะ ไปทานมื้อเที่ยงกันดีกว่า”
“อืม... อ๋อใช่!” อันติเมเซียเอ่ยเรียกความสนใจของเมเทอัสให้หยุดฝีเท้าลง ขณะที่ตนทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ “เปิดหน้าต่างทิ้งไว้หน่อยสิ ตอนบ่ายห้องนี้มันอับ”
“โอเค...” เมเทอัสเดินไปเปิดหน้าต่างออก
แอ๊~ด... ปึก!
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” ว่าจบทั้ง 2 ก็เดินออกจากห้องไป
“อู~ย... เจ็~บ...” ฟีเรี่ยนที่ค่อยๆ ปล่อยเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดที่เก็บกลั้นเอาไว้ หลังถูกหน้าต่างที่เมเทอัสเปิดออกทับเข้าเต็มๆ ออกมาเบาๆ ก่อนค่อยๆ หย่อนตัวลงมาที่พื้น พร้อมกับกระตุกสายสลิงดึงมีดที่ปักอยู่ตรงขอบหน้าต่างกลับมาหาตัว แล้วเก็บมีดเข้ากระเป๋าอย่างเดิม “ฉันต้องเตือนคลาวด์...”
ฉึบ...
‘พวกนั้นกะจะทำอะไรกัน...? ยังไงก็ช่าง... เราแน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน’ ฟีเรี่ยนคิดในใจ แม้จะยังไม่ได้ยินบทสนทนาเต็มๆ ที่ทั้ง 2 คนคุยกัน แต่ตัวเขาก็พอจะรู้ว่าทั้ง 2 คนนั้นกำลังวางแผนการชั่วร้ายอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเขาไม่ยอมให้เป็นไปตามนั้นเด็จขาด เพราะแผนการชั่วร้ายนั้นเกี่ยวกับ คลาวด์ เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง
ดาดฟ้า
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“คลาวด์!” ฟีเรี่ยนที่รีบเปิดประตูดาดฟ้าวิ่งออกมาตามหาคลาวด์
“อ้า~ว? จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?” เซซิลเอ่ยถาม
“วันนี้เป็นอะไรเนี่ยฟีเรี่ยน? เมื่อกี้อุตสาห์รีบวิ่งลงไป แป๊บเดียวก็รีบกลับขึ้นมาซะแล้ว” ทีดัสว่า “มีอะไรรึเปล่า?”
“...” ฟีเรี่ยนเงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคาห้องประตูดาดฟ้า แต่ก็ไม่พบคลาวด์ที่ปกตินอนกลางวันอยู่ตรงนั้นเป็นประจำ จึงหันมาถามเพื่อนทั้ง 2 “คลาวด์ล่ะ?”
“เมื่อกี้มีคนโทรมาหา เลยเดินลงไปคุยโทรศัพท์เมื่อกี้เอง” เซซิลว่า
“โถ่เอ๊~ย! ตอนอื่นไม่โทรมาโทรอะไรตอนนี้!?” ฟีเรี่ยนบ่นเซ็งๆ
“อะไรของนายฟีเรี่ยน?” ทีดัสเอ่ยถามฟีเรี่ยน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เซซิลถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหน้าตาเป็นกังวล และ ท่าทีเร่งรีบซะยิ่งกว่าเมื่อครู่ของฟีเรี่ยน
“2 คนนั้นเอาอีกแล้ว” ฟีเรี่ยนเอ่ยบอก
“วะ ว่าไงนะ!? 2 คนนั้นจะเอาอีกแล้วเหรอ!?” ทีดัสร้องออกมาด้วยความตกใจ “ว่าแต่... 2 คนนั้นนี่ใครอะ?”
“ไม่รู้แล้วจะตกใจทำไมล่ะเนี่ย!?” ฟีเรี่ยนที่สะดุดขาตัวเองล้มหน้าฟาดพื้นหลังได้ยินคำพูดของทีดัสเอ่ยถามอย่างเสียเซลฟ์
“ก็เอ็มเพอเรอร์ (จักรพรรดิ) กับ ซอร์เซอเรส (แม่มด) ไงล่ะ” เซซิลบอก
“ใครอะ?” ทีดัสยังคงทำหน้างงๆ ด้วยความซื่อ (บื้อ) ต่อไป “โรงเรียนเรามีคนชื่อแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“บักทีด เอ๊~ย...! ก็แนวเอิ้นครูเมเทอัส กะ ครูอันติเมเซียเด่!” ฟีเรี่ยนเว่าอีสานประชดทีดัส “ปิดเทอมโดนจนจื่อหยั่งบ่ได่เลยติ?” (แนวเอิ้น=ฉายา, โดน=นาน, จื่อ=จำ)
“เวลานินทาพวกครูเ พื่อไม่ให้มีปัญหา เราเลยต้องใช่ฉายาเอาไง” เซซิลอธิบาย
“เออ! แมนอีหลี โทษๆ ข่อยลื~ม!” ทีดัสเว่าตอบ (แมนอิหลี = จริงด้วย)
“สรุปว่าพวกนั้นมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ?” คลาวด์ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากประตูถาม
“คลาวด์!” ฟีเรี่ยนเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ ก่อนเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้เขาฟัง
เย็นนั้น
“เฮ้~อ...” ทีน่าถอนใจด้วยโล่งอกขณะเดินออกมาจากห้องลับของออนเนี่ยน หลังปล่อยให้ร่างเอสเปอร์ของเธออาลาวาทอย่างเต็มที่แล้ว
“เป็นไงบ้าง?” ออนเนี่ยนเอ่ยถาม
“อื้ม สบายใจแล้วล่ะ” ทีน่าตอบ
“งั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านเหมือนเดิม พรุ่งนี้เจอกันนะ” ออนเนี่ยนโบกมือลาทีน่าก่อนกระโดดข้ามกำแพง ขึ้นหลังคาอาคารข้างๆ ก่อนวิ่งหายไป
บรื้~น...! เอี๊ย~ด!
“ไง...” คลาวด์ที่ขี่รถมาหลังออนเนี่ยนจากไปแล้วพอดี เอ่ยทักทีน่า
“ก็... ดีค่ะ...” ทีน่าตอบรับ
“ไปกันเถอะ” คลาวด์กล่าว
“ค่ะ...” ทีน่าก้าวขึ้นหลังมอเตอร์ไซด์คลาวด์ตามปกติ ก่อนที่คลาวด์จะสตาร์ทรถ แล้วขับไปส่งที่บ้านรีเทิร์นเนอร์เหมือนทุกวัน
“หึ... ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างหมอนั่นจะผูกสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นด้วย...” เซฟที่ยืนมองพวกคลาวด์จากหน้าต่างห้องพักครู่ เอ่ยยิ้มๆ
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อเป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยเหมือนกันล่ะน่า” เจคท์ครูพละผิวคล้ำผมเผ้า และ หนวดเครารุงรัง ที่หน้าผากคาดด้วยผ้าคาดหน้าผากสีแดงสด ที่นั่งเอนหลังยืดขาเอาพาดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่างที่เซฟยืนอยู่
“มันก็ไม่เกี่ยวกับนายนี่นา...” เซฟกล่าวก่อนหันมามองหน้าเจคท์
“ก็ไม่เกี่ย~ว ฉันก็แค่พูดขึ้นมาลอยๆ” เจคท์ว่า
“ครูเซฟครับ!” ครูคนหนึ่งเอ่ยเรียกเซฟ
“มีอะไรเหรอ?” เซฟเอ่ยถาม
“มีนักเรียนมาขอพบครับ” ครูคนนั้นเปิดประตูพาฟีเรี่ยนเข้ามา
“หื~ม?” เซฟเลิกคิ้วงงๆ ก่อนผละจากเจคท์เดินไปทางฟีเรี่ยน
“ผมขอตัวนะครับ” ครูที่พาฟีเรี่ยนเข้ามาเอ่ยก่อนปลีกตัวออกไป
“ครูครับ...” ฟีเรี่ยนเอ่ยเริ่มบทสนทนา แต่แล้ว
“คลาวด์มีปัญหาอีกแล้วงั้นเหรอ?” เซฟถามตัดบทฟีเรี่ยนนิ่งๆ
“เอ๋~?” ฟีเรี่ยนมองหน้าเซฟด้วยความตกใจ
“ก็เธอมาหาฉันแบบนี้ทุกครั้งที่หมอนั่นมีเรื่องไม่ใช่เหรอ?” เซฟว่า
“คือ...” ฟีเรี่ยนทำท่าจะกระซิบบอกเซฟ แต่แล้ว
“2 คนนั้นวางแผนอะไรอีกแล้วใช่มั้ย?” เซฟถามตัดบท
“อ้า~ว?”
“เวลาที่ 2 คนนั้นว่าแผนอะไรเธอจะเป็นคนที่ไปได้ยินเข้าทุกทีเลยนี่นา” เซฟบอก
“คือผม...”
“เธอยังไม่รู้ลายละเอียดของแผนสิท่า” เซฟกล่าว
“ทำไม?”
“ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่มามัวอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้หรอก” เซฟเอ่ยตัดบทฟีเรี่ยนอีกครั้ง
“แต่ว่า...”
“หมอนั่นปฏิเสธความช่วยเหลือเธอสินะ” เซฟยังคงตัดบทฟีเรี่ยนต่อไป
“ถ้ารู้ขนาดนี้แล้ว ผมว่าครูพูดสรุปมาเลยดีกว่าครับ” ฟีเรี่ยนที่อยู่ในสถานะเดียวกับกอลเบซ เอ่ยบอกเซฟด้วยความน้อยใจที่ถูกแย่งบทจนได้พูดทีละคำสองคำ ก่อนกลับมาเข้าเรื่องของพวกตนต่อ “ครับ...เขาบอกไม่สนใจ... ครูช่วยได้มั้ยครับ?”
“เธอก็รู้นิสัยของหมอนั่น ถ้าหมอนั่นบอกไม่สนใจอะไรแล้ว หมอนั่นก็จะไม่สนใจในสิ่งๆ นั่นไม่ว่าใครจะเรียกร้องเท่าไหร่ก็ตาม” เซฟว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ซักเท่าไหร่”
“งั้นเหรอครับ...” ฟีเรี่ยนพยักหน้ายอมรับ “แล้ว... เราจะทำยังไงดีครับ?”
“เธอก็คงต้องใช้ความสามารถของเธอสืบให้ได้ว่าแม่มด 2 หน้ากับจักรพรรดิตุ๊ดนั่นวางแผนอะไรอยู่ แล้วขัดขวางซะ” เซฟว่า “เหมือนที่ทำบ่อยๆ ทุกครั้ง”
“ผมอีกแล้วเหร~อ...?” ฟีเรี่ยนเอ่ยเสียงอ่อยๆ ทำหน้าแหย่
“ก็ถ้าไม่ใช่เธอจะเป็นใครล่ะ?” เซฟถามยิ้มๆ “ฮาวีย์คนน้องเป็นเด็กหนุ่มออกสไตล์คุณหนูนิดๆ ส่วนไอ้หนุ่มบลิสบอลเจคท์จูเนียร์ก็พูดมาก น่ารำคาญ อยู่เฉยๆ ไม่ค่อยเป็น 2 คนนี้สอดแนมใครเขาไม่ได้หรอก ที่เหลือก็มีแต่เธอ ที่ถนัดเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษ แถมดูเหมือนว่าเธอจะมีดวงสมพงกับพวกนั้นซะด้วย พวกนั่นวางแผนอะไรที่ไหน เธอก็ต้องเผลอไปได้ยินเข้าโดยบังเอิญทุกที เพราะฉะนั้น ฝากด้วยนะ”
“ครับ...” ฟีเรี่ยนเอ่ยรับปาก ก่อนเดินคอตกออกจากห้องพักครูไป
‘หึๆๆ... มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้วสินะ’ เซฟหัวเราะ ขณะยืนส่งฟีเรี่ยนอยู่หน้าห้อง
บ้านรีเทิร์นเนอร์
“วันนี้แหละ... หมอนั่นต้องเจอดี... แฮ่ๆ...” ล๊อคที่ยืนซุ่มอยู่ตรงพุ่มไม้เล็กๆ หน้าบ้านรีเทิร์นเนอร์ เอ่ยด้วยแววตาอาฆาต และ น้ำเสียงอำมหิต “ไอ้เด็กแว๊นหัวทองซิ่งมอเตอร์ไซด์นั่นจะต้องเสียใจที่มาลองดีกับล๊อค โคล จอมโจร เอ๊ย! นักล่าสมบัติคนนี้”
บรื้~น...! เอี๊ย~ด!
“ตอนนี้แหละ!” ล๊อคทำท่าจะออกตัวไปเล่นงานคลาวด์ แต่แล้ว
แว้~น...! โคร~ม!
“เฮ้ย!” จู่ๆ พื้นที่ล๊อคยืนอยู่ก็เกิดเป็นรูขนาดพอดีเขา ทำให้เจ้าตัวหลนลงไปข้างล่างพื้นที่เป็นทางท่อน้ำขนาดใหญ่
“หื~ม? / เอ๋~?” คลาวด์ และ ทีน่า อุทานออกมาเมื่อได้ยินเสียงประหลาดบางอย่าง และ เสียงร้องเบาๆ ของล๊อคที่น่าจะอยู่ใกล้ๆ นั้น
“ม็อก! อุมาโร่! จับเขาไว้เร็ว!” เอ็ดก้าร์ เจ้าของเลื่อยไฟฟ้าอันใหญ่ที่ใช้เจาะพื้นเป็นหลุมให้ล๊อคตกลงมา เลื่อนหน้ากากเจสันที่ใช้กันเศษฝุ่นจากเลื่อยไฟฟ้าเข้าตาออก ขณะเอ่ยบอกม็อกกับอุมาโร่ มูเกิลตัวน้อย และ เยติร่างยักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งเตรียมผ้าปิดปาก และ เชือกไว้พร้อมมัดเหยื่อของพวกเขาให้ลงมือ
“เอาเลย คูโป้!/อุ๊กๆ!” ทั้ง 2 ตอบรับก่อนม็อกจะกระโดดเหยี่ยบไหล่ล๊อคที่ยังคงนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ แล้วเอาผ้ามัดปิดปากล๊อคไว้ ในขณะที่อุมาโร่เอาเชือกผูกรัดล๊อคไว้ไม่ให้ขยับตัว
“อื้อๆ! อ่อยอะ! อ๊อก! อุอาโอ่! (ปล่อยนะม็อก อุมาโร่)” ล๊อคฝืนพูดทั้งๆ ที่โดนม็อกมัดปากไว้ “เอ็ดอ้าร์ อายอำอะไอเอี่ย!? (เอ็ดก้าร์ นายทำอะไรเนี่ย!?)”
“โทษทีล๊อค นี่เป็นมติของทุกคนในบ้านรีเทิร์นเนอร์น่ะ ฉันขัดไม่ได้” เอ็ดก้าร์ว่าขณะเอาพื้นส่วนที่ตนตัดเป็นรูขึ้นมาฉาบปูนซ่อมแซม
“อ่อ~ย ไอ้อุ่มอัวอั้ง อากไอ้อ่อนเออะ! (หน่อ~ยไอ้หนุ่มหัวตั้ง ฝากไว้ก่อนเถอะ!)
“เมื่อกี้ฉันได้ยินเหมือนมีบางอย่างร้องเสียงหลงนี่แหละ?” ทีน่ากล่าว
“หมาตกท่อล่ะมั้ง... อย่าไปสนเลย...” คลาวด์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไปล่ะ...”
“เดินทางดีๆ นะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ!” ทีน่ากล่าวลาพลางโบกมือยืนส่งคลาวด์ ที่ยกมือตอรับเล็กน้อย ก่อนขี่รถจากไป
“แอ่ง...! (แง่ง...!)” ล๊อคกัดฟันส่งเสียงขู่ เมื่อถูกหาว่าเป็นหมา
คืนนั้น ณ มิดการ์
ตูม!
“โถ่เอ๊ย! พวกเราถอย!” หนึ่งในกลุ่มคนในแก๊งนักเลงที่กำลังยืนดูการระเบิดของสถานที่ตรงหน้า เอ่ยบอกพรรคพวก
“จะรีบไปไหน!” ชายหนุ่มผมดำในเสื้อกล้าม กางเกงขาจั๊มสีเขียวแบบทหาร คาดผ้าคาดหัวสีแดง และ เด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลรวบเป็นหางม้า ในชุดเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน ใส่ทับด้วยเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงอาร์มมี่น้ำตาล คาดผ้าคาดหัวสีแดงเช่นเดียวกับชายหนุ่ม กระโดดลงมาขวางพวกเขาไว้
“พวกแอวาแลนช์!” นักเลงเหล่านั้นร้องออกมาด้วยความตกใจ “แย่แล้ว!”
“เฮ้ย! จะกลัวอะไรพวกมันมีแค่ 2 คน!” หนึ่งในนักเลงคนนั้นว่า ก่อนพาพรรคพวกออกลุยกับแอวาแลนช์ทั้ง 2 “รุมมันเลย!”
“หึย!” หนุ่มผมดำจับหนึ่งในนั้นเหวี่ยงข้ามไหล่ไปใส่นักเลงที่พากันกรูเข้ามาล้มกันเป็นแถบ
“ย่าห์” สาวผมน้ำตาลไม่น้อยหน้าหวุนตัวเตะจระเข้ฟาดหางกระเด็นใส่พรรคพวกล้มกันระเนระนาดเช่นเดียวกัน
ตุบ! โคร~ม!
“โอ๊~ย...” นักเลงเหล่านั้นร้องโอดโอยหลังชายหนุ่มถูกทุ่ม และ เด็กสาวเตะมานอนกองอยู่ใกล้ๆ กัน
“ยังไม่จบ!” ชายร่างอ้วนท้วมในชุดเสื้อยืดสีเขียวซีด กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน โผกหัวด้วยผ้าสีแดง ร้องตะโกน ขณะกระโดดขึ้นฟ้า ก่อนปล่อยตัวลงมาทำท่าบอดี้เพลสใส่พวกนักเลงที่นอนกองอยู่ใกล้ๆ กัน
“จ๊า~ก...!!” พวกนักเลงที่เงยหน้าขึ้นไปเจอชายอ้วนลอยลงมาจะทับตนร้องลั่น ก่อนโดนท่าบอดี้เพลส อัดเข้าให้จดหมดสติไป
แผละ!
“แจ๋วเลย เวจ!” ชายผมสีน้ำตาลเอ่ยชมเพื่อนตนที่กำลังลุกขึ้นยืนจากร่างของเหล่านักเลงที่อยู่ใต้เขา “เป็นไงล่ะ! รู้ซึ้งถึงพลังของพวกเราแอวาแลนช์รึยังล่ะ!?”
ครื่~น!
“เสียงอะไนน่ะ?” เด็กสาวผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้น
ครื่~น...!!
“ห๊ะ!” ทั้ง 3 รีบหันไปดูต้นเสียงเบื้องหลังพวกตน
“หะ หุ่นยนต์!?” ชายอ้วนเอ่ย ขณะเบิกตากว้างมองภาพเบื้องหน้า หุ่นยนต์ทรงแคปซูลขนาดใหญ่ ที่มีขาเป็นล้อรถถัง และ ปืนกลวัลแคนเป็นแขนทั้ง 2 ข้าง
“ไอ้นี่เองเหรออาวุธใต้ดินที่ ดอน คอนีโอ เอาเงินทุนซื้อวัสดุมาลักลอบสร้างขึ้นในโรงไฟฟ้าเก่าเนี่ย” สาวผมน้ำตาลกล่าว
“โถ่~! ทำไมบุกรังของพวกเจ้าพ่อ คนใหญ่คนโต หรือ คนมีตังในมิดการ์ทีไร ต้องเจอพวกเครื่องจักรสังหาร รถติดอาวุธ ไม่ก็หุ่นยนต์พิฆาต ให้สู้ทุกที” ชายผมดำบ่น
“ฉันว่าเราน่าจะ...”
ควับ! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“ไปหาที่หลบกันก่อนนะ...” เด็กสาวผมน้ำตาลว่าต่อ หลังทั้ง 3 หมอบหลบปืนวุลแคนที่ยิงข้ามหัวพวกเขาไปอย่างหวุดหวิด
“ว่างั้นแหละ...” ชายผมสีน้ำตาลเงยหน้าที่หมอบติดพื้นอยู่ขึ้นมาพูดกับเด็กสาว
“แล้วจะเอายังไงกับไอ้หุ่นเนี่ย?” ชายอ้วนเอ่ยถาม ขณะหันไปมองหุ่นยนต์พิฆาตนั่นกำลังเร่งเครื่องพุ่งตนมาเหยียบพวกตน
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ตูม! ตูม!
“ปล่อยให้พวกเหนือมนุษย์จัดการดีกว่า” ทั้ง 3 เงยหน้าขึ้นมองชายผิวคล้ำร่างยักษ์ที่เปลี่ยนมือขวาเหล็กของเขาให้กลายเป็นปืนขนาดใหญ่ที่มีปืนกล 3 กระบอกล้อมรอบปืนใหญ่ตรงกลาง ซึ่งกำลังกระหน่ำยิงไปที่ล้อเพื่อหยุดหุ่นนั่นไม่ให้เหยียบเพื่อนทั้ง 3 ของตนแบนเป็นแผนเค้ก
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“เหวอ!” ชายร่างยักษ์ม้วนตัวหลบปืนวัลแคนของหุ่นยนต์นั่นที่ยิงใส่เขา
ฉับ! หวิ~ง...! ตูม!
“หึ...” คลาวด์ที่กระโดดเอาดาบปังตอของตนฟันปืนกลวัลแคนขาดเป็น 3 ท่อน สบท ก่อนเก็บดาบสะพายไว้ที่หลังดังเดิม
“ปิดฉากล่ะ!” ชายร่างยักษ์ที่กระโดดหลบปืนวัลแคนของหุ่นนั่นไปเมื่อครู่ รวบรวมพลังปืนใหญ่ขณะเล็งไปที่หุ่นนั่น “บิ๊กช็อท!”
ซุ่ม! ตู~ม...!
แท้น แท้ แท้ แท่ แท แท้น แท แท้...!!
“ต้องการอะไร...?” คลาวด์ยกมือถือขึ้นมาดูชื่อคนโทรมา ก่อนกดรับด้วยน้ำเสียงเย็นชาติดดๆ ที่กดดันมากกว่าน้ำเสียงเย็นชาแบบปกติของเขาหลายเท่าตัว
แปะ แปะ แปะ
“น่าประทับใจ จัดการอาวุธของเจ้าดอนนั่นได้โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน สมแล้วที่เป็นนายคลาวด์” ชายหนุ่มผู้อยู่อีกสายหนึ่งกล่าว หลังตบมือให้คลาวด์ผ่านมือถือ
ติ๊ด...
“ใครน่ะ?” ชายร่างยักษ์เอ่ยถาม
“ไม่ต้องสนใจ...” คลาวด์ตอบปัดๆ
แท้น แท้ แท้ แท่ แท แท้น แท แท้...!!
“อะไรอีก...”
“แห~ม ใจร้ายจังเลย ไม่เห้นต้องตัดสายกันเลย” เสียงของชายหนุ่มคนเดิมดังขึ้นจากมือถือที่คลาวด์กดรับอีกครั้ง
“ต้องการอะไร... ถ้าไม่ตอบคราวนี้ฉันจะปิดเครื่อง...” คลาวด์เอ่ยบอกดุๆ
“ก็ไม่อะไรมาก... ในฐานะรองประธาน ฉันก็แค่โทรมาขอบใจนาย” ชายหนุ่มในสายกล่าว “ดอน คอนีโอ ใช้คนของมันปลอมเป็นคนของชินระแผงตัวเข้ามาขโมยเงินไปทำไอ้เจ้าอาวุธกระจอกนั่น ไม่รู้เพื่อจุดประสงค์อะไร แต่ในเมื่อนายจัดการไปแล้ว ก็ช่างมัน ถึงคอนีโอจะไม่อยู่ในรังสกปรกๆ นั่น แต่ก็คงต้องให้คนของชินระ ไปเก็บกู้ซากแถวนั้น และ จับกุมพวกที่นายเล่นงานเอง เพราะงั้น ช่วยวางมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วย”
“ทำไมนายต้องลงทุนให้คนมาลงพื้นที่เองด้วยล่ะ?” คลาวด์ถามด้วยความสงสัย
“ความลับของบริษัท... ฉันคงบอกนายไม่ได้หรอก...” ชายในสายพูดด้วยเสียงกวนๆ “แต่ถ้านายอยากรู้ฉันจะบอกให้ก็ได้... รอฉันแถวนั้นล่ะ...”
“หึ...” คลาวด์สบถอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะกดวางสาย
“มีอะไรเหรอคลาวด์?” ผมน้ำตาลเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางอารมณ์เสียของคลาวด์
“เจซซี่... บอกทุกคน กลับเซเว่น เฮฟเว่น พวกชินระจะมาแล้ว…” คลาวด์บอก
“ห~า? ได้บอกเดี๋ยวนี้แหละ…” สาวผมน้ำตาลตอบรับ ก่อนกลับหลังหันทำท่าจะวิ่งไปบอกเพื่อนๆ อีก 3 คน แต่ก็ต้อชะงักลง “แล้ว... เธอล่ะคลาวด์?”
“ฉันจะอยู่พบไอ้หมอนั่นซะหน่อย...”
ครู่หนึ่งต่อมา
พับ! พับ! พับ! พับ! พับ! พับ! พับ!
“...” คลาวด์เงยหน้าขึ้นไปมองเฮลิคอปเตอร์ขนคน 5 ลำ ที่คอยๆ ลอยลำลงมาจอดลง ณ พื้นที่ว่างไม่ไกลนัก
คลื่~น... ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! แกร๊~ก...
“นี่กองทัพชินระ วางอาวุธลงแล้วยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้!” เหล่าทหารชินระที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ถือปืนวิ่งมายืนล้อมคลาวด์ไว้
“...” คลาวด์ไม่ตอบโต้อะไร กอดอกยืนนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
“บอกให้วางอาวุธแล้ว ยกมือ… เดี๋ยวนะ... ฉันรู้จักนาย” ทหารผู้ออกคำสั่งว่า พลางหมวก และ หน้ากากทหารของเขาออก ก่อนเพ่งมองมาที่หน้าคลาวด์ “นายคือ... คลาวด์ สไตรฟ!”
“ห~า!?” เหล่าทหารรอบๆ ร้องประสายเสียงกันออกมาด้วยความตกใจ ก่อนเบิกตามมองคลาวด์ตามๆ กัน “อดีตนักเรียนโซลเยอร์ S คลาส คลาวด์ สไตรฟน่ะเหรอ!?”
“...” คลาวด์ไม่ว่าอะไรยืนนิ่งมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาเย็นชาเช่นเดิม
“ขะ ขออภัยที่เสียมารยาทครับ” ทหารทุกคนรีบยืนตรงทำวันทยหัตถ์ “ไม่นึกว่า อดีตนักเรียนโซลเยอร์ชื่อดังอย่างคุณจะมาลงพื้นที่ เป็นเกียรติที่ได้พบจริงครับ”
“แห~มๆๆ... ขนาดย้ายโรงเรียนไปตั้งปีแล้ว กิติศัพท์ของนายก็ยังโด่งดังไม่มีที่ท่าว่าจะดับลงเลยนะ คลาวด์”
“รูฟัส...” คลาวด์เอ่ยชื่อชายหนุ่มผมทองแสกขวา ตาสีฟ้า ในชุดสูทสีขาว ที่น่าจะอายุมากกว่าคลาวด์ไม่กี่ปี
“ไงคลาวด์ ตั้งวันที่ทางชินระเลี้ยงส่งนาย เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย โรงเรียนใหม่เป็นไงบ้าง?” ชายนามรูฟัสเอ่ยถามคลาวด์
“อย่านอกเรื่องรูฟัส อธิบายเรื่องที่นายมาลงพื้นที่เองมาเดี๋ยวนี้” คลาวด์ว่า
“นายกล้าออกคำสั่งฉันเหรอคลาวด์?” รูฟัสเอ่ยกวนๆ ขณะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เหล่าทหารทั้งหมด เล็งปืนมาที่คลาวด์อีกครั้ง
แกร๊~ก... ฟึบ...! ตูม!
“เหว~อ!?” ด้วยความเร็วที่เกือบมองตามไม้ทัน คลาวด์หยิบดาบที่สะพายไว้ด้านหลังตวัดตัดปืนของทหารรอบตัวเขาพังไปในพริบตา ก่อนวางดาบลงบนไหล่ตนเอง
“อื~ม... ฝีมือยังไม่ตกแฮะ” รูฟัสพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนเอ่ยออกคำสั่งทหารของเขา “เอาล่ะ ไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ฉันจะอยู่คุยกับนักเรียนโซลเยอร์มือหนึ่งของเราซะหน่อย”
“ครับผม!” เหล่าทหารทำวันทยหัตถ์รับคำสั่ง ก่อนแยกย้ายกันไปทำงานตามคำสั่ง ขณะมองมาที่คลาวด์อย่างหวาดๆ ‘เก่งเหมือนที่เขาลือเลย ขืนท่านรองประธานมีเรื่องกับเขา มีหวังพวกเราซวยแน่ๆ’
“...” คลาวด์ยังคงมองหน้ารูฟัสด้วยสายตาดุๆ อยู่ไม่ขาด
“ไม่เอาน่~า...” ฉันรู้ว่านายไม่ชอบขี้หน้าฉัน แต่ก็ไม่เห็นจะต้องมองกันเหมือนด้วยท่าทางน่ากลัวแบบนั้นเลยนี่นา” รูฟัสเอ่ยขึ้นทำลายความตึงเครียด แต่แล้วก็ต้องหยุดลงเมื่อคลาวด์ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนท่าที รูฟัสจึงเงียบลง และ กลับมาตอบคำถามคลาวด์ตรงๆ “ก็ได้ๆ... ไม่มีอะไรมาก นอกจากเงินที่เจ้าคอนีโอแอบขโมยไปแล้ว คนของเจ้านั่นยังแอบแฮคเอาข้อมูลสำคัญของบริษัทเราไป ทางเราก็เลยต้องตรวจสอบเบาะแสทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าหมูอนนั่น ก็เท่านั้นเอง...”
“ทำไมต้องลำบากถึงรองประธานอย่างนายล่ะ?” คลาวด์ถามต่อ
“ข้อมูลที่ไอ้เจ้าบ้านั่นมันขโมยไป มันเป็นส่วนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉัน ดังนั้นฉันเลยต้องรับผิดชอบ” รูฟัสตอบ “มีอะไรจะถามอีกมั้ย?”
“หน่วยรักษาความปลอดของชินระกระจอกลงเยอะเลย...” คลาวด์ว่าก่อนเดินตรงไปที่มอเตอร์ไซด์ของตน
“อะไรเนี่ย? ที่นายอุตาห์รอฉัน เพราะต้องการรู้แค่ว่าฉันมาทำอะไรแค่นี้เหรอ?” รูฟัสเอ่ยถามคลาวด์ด้วยความสงสัย
“ฉันอยากรู้ว่าภายในชินระเป็นไงบ้างก็แค่นั้น” คลาวด์ก่อนก้าวขึ้นมอเตอร์ไซด์
“หึ... ยังเย็นชาเหมือนเดิมนะ... นายเป็นแบบนี้ตั้งแต่...”
“นายอย่าพูดเรื่องนั้นกับฉันรูฟัส...” คลาวด์ขึ้นเสียงมองหน้ารูฟัสด้วยแววตาโหดเหี้ยม ทำเอารูฟัสถึงกับสะดุ้ง “นายไม่มีสิทธิ์…”
บรึ้~น! บรื้~น...!
เฮ้~อ... นึกว่าฉันกับนายจะเขากันได้ดีกว่านี้ซะอีก... คลาวด์...” รูฟัสมองคลาวด์ที่ขี่มอเตอร์ไซด์จากไปจนลับตา ก่อนส่ายหน้าเซ็งๆ “ถ้าได้นายที่ถูกขนานนามเป็นว่าที่โซลเอยร์มือหนึ่งของชินระในอนาคตมาเป็นพวก เก้าอี้ประธานชินระก็จะเปลี่ยนมาเป็นของฉัน...”
วันต่อมา ณ ห้องประธานนักเรียน
“อืม...” ไลท์ที่นั่งเอามือประสานกันตรงหน้า ตั้งฉากขึ้นมาวางคางค้างไว้ อยู่ที่โต๊ะประจำตัวของตน หลับตาทำท่าครุ่นคิด
“ทำไงดีครับ พี่ไลท์?” เซซิลเอ่ยถามไลท์ ด้วยสีหน้ากังวล
“ค่อนข้างยาก เซซิล...” ลืมตาขึ้นมาพูดกับรุ่นน้องคนสนิท “อย่างน้อย ถ้าคลาวด์ยอมรับความช่วยเหลือจากพวกเราซักหน่อยล่ะก็...”
“คลาวด์เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตเขาครับพี่ไลท์ จริงอยู่ที่ตอนอยู่ในโรงเรียนพวกเราก็อยู่ด้วยกันตลอด แต่เขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของเขาเองเลย...” เซซิลหยุดเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนว่าต่อ “อันที่จริง เขาไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่ซักเท่าไหร่ พวกเราชวนเขาคุยเป็นส่วนใหญ่ แต่คุยกับเขาก็สนุกดี... เออ... ขอโทษที่นอกเรื่องครับ”
“ไม่เป็นไร... ฉันพอรู้...” ไลท์กล่าว “คลาวด์แม้จะเงียบขรึมเย็นชา ดูน่ากลัวไม่น่าเข้าใกล้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร... มั้ง?”
“อะ อะไรนะครับ?” เซซิลที่เหวอให้กับคำลงท้ายของไลท์ไปครูหนึ่งเอ่ยถามงงๆ
“ก็... ฉันพอรู้...” ไลท์ว่า “หลายคนอาจไม่สังเกต แต่จริงๆ แล้ว เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนคนหนึ่ง (พูดเหมือนผู้หญิงพรรณาถึงผู้ชายเลยวุย)” ไลท์ว่า
“พี่รู้ได้ไงครับ?” เซซิลเอ่ยถามอีกครั้ง
“เห็นได้บ่อยๆ ไป ช่วยเหลือคนที่ลำบาก เอื้อเฟื้อคนแก่ ให้อาหารแมวจรจัด ช่วยหมาถูกรถชน และ อื่นๆ อีกมากมายที่เผอิญได้ไปเห็นเข้า หากไม่ใช่คนอ่อนโยนจริงๆ ก็คงเสแสร้งน่าดู จริงมั้ย...?” ไลท์เอ่ยขณะแอบยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังทำหน้าตาดด้านอยู่ดังเดิม “แต่เพียงแค่เป็นคนอ่อนโยน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องเลวร้ายไม่ได้นี่นา”
“ผมเข้าใจครับ แต่ยังไงผมก็ยังเชื่อในตัวคลาวด์อยู่ดี...” เซซิลพูดอย่างองอาจ
“ฉันก็หวังให้มันเป็นไปตามความเชื่อของ เซซิล...” ไลท์ว่าก่อนลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเซซิล “ยังไงซะตอนนี้เราก็ทำได้แต่รอ ผลงานของฟีเรี่ยนเท่านั้นแหละ…”
“ครับ...” เซซิลตอบรับเรียบๆ
“ไปประชุมสภาเช้ากันเถอะ ป่านนี้คงพร้อมกันแล้ว” ไลท์ว่าขณะเดินไปที่ประตู
“พี่ไลท์ครับ...” เซซิลเอ่ยรั้งที่จะเดินผ่านตนไปไว้ “ถ้าเกิด... เกิดเรื่องกับคลาวด์ขึ้นมา... พี่จะช่วยเขามั้ยครับ?“
“ฉัน... คงยังให้คำตอบไม่ได้... ในตอนนี้...”
ปี 1 ห้อง A
“นี่ทีน่า เธอดูสนิทสนมกับรุ่นพี่สไตรฟจังเลยนะ” โอวีเลียว่าขึ้นเปิดประเด็นสนทนาระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน
“งั้นเหรอ?” ทีน่ากล่าว
“เขาลือกันให้ทั่วโรงเรียนเลยว่าเธอมีความสัมพันธ์สนิทใกล้ชิดกับพี่เขามากกว่ารุ่นพี่กับรุ่นน้อง” ลิทส์กับสาวๆ คนอื่นๆ เดินเข้ามาร่วมวง
“เอ๋~?”
“ไม่ต้องมาเอ๋เลย อย่าว่าแต่ข่าวลือเลย เห็นกันจะๆ” โคศกสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุยกันอย่างสนิทสนม แอบยิ้มให้กัน เดินผ่านกันหน่อยมีกระซิบกระซาบคุยกัน มิหน่ำซี่เขายังไปอาสาส่งเธอทุกเย็นอีกด้วย ขนาดนั้นแล้วยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรอีกเหรอ? นี่ถามจริง เธอกับรุ่นพี่สไตรฟดูๆ กันอยู่ใช่มั้ย?”
“ดู?” ทีน่าเอียงคอทำน่างง “ดูอะไรเหรอ?”
“ก็...” โคศกสาวยื่นหน้ากระซิบข้างหูทีน่า “ดูใจยังไงล่ะ?”
“ปะ เปล่านี่!” ทีน่าปฏิเสธด้วยหน้าที่แดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวด้วย
“อย่าโกหกน่~า ท่าทานิทกันขนาดนี้ไม่เรียกว่าดูใจกันจะเรียกว่าอะไรล่ะ?”
“ปะ เปล่านะ” ทีน่ายังคงปฏิเสธด้วยหน้าที่ยังคงแดงจัดต่อไป “ทะ ที่สนิทกันก็เพราะพี่เขาคอยแนะนำ และ ให้ความช่วยเหลือฉันมาตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกันเท่านั้นเอง”
“ช่วยเหลือ?” สาวๆ ทวนคำงง “ช่วยเหลืออะไรเหรอ?”
“เออ... คือ... ปัญหาส่วนตัวน่ะ...” ทีน่าก้มหน้าหลบตาตอบหวาดๆ
“...” สาวๆ ทั้งหลายหันมองทีน่าที่สีหน้าเปลี่ยนไป จากหน้าของคนที่กำลังเขินอาย กลายเป็นหน้าของคนที่กำลังลำบากใจ
“คือ...”
“ไม่เป็นไรทีน่า ไม่อยากบอกเราก็ไม่บังคับ” สาวๆ ทั้งหลายยบอกทีน่าด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
“อืม... ขอโทษนะ” ทีน่าเงยขึ้นมายิ้มขอโทษให้ทุกคน
“ดูเหมือนทีน่าจะไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขานะ” อากริอัสกล่าว
“คงอย่างที่ตัวเธอว่าแหละ แค่สนิทกันเฉยๆ พวกเราคิดไปเอง” ซาร่าห์สมทบ
“หึๆๆ... พวกเธอยังอ่อนหัดอยู่นะ” โคศกสาวหัวเราะๆ เย้ยๆ
“หมายความว่าไง?” สาวๆ เอ่ยถาม
“ถึงทีน่าจะไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฝ่ายชายไม่ได้คิดเหมือนกันนี่นา”
“หรือว่า?” สาวๆ เริ่มเอะใจกับคำพูดของโคศกสาว
“ใช่แล้ว รุ่นพี่สไตรฟ กำลังจีบทีน่าอยุ่นั่นเอง” โคศกสาวกล่าว
“เอ๋~!?”
‘ว่าไงนะ!?’ ออนเนี่ยนที่นั่งหูถ่างอยู่โต๊ะไม่ไกลนัก เบิกตากว้างคิดในใจ
“โอ้~! ดูท่านายจะมีคู่แข่งสุดหินซะแล้ว”
“คงต้องเหนื่อยซะแล้วล่ะ” บัทส์กับซีดานที่จู่ๆ ก็ยื่นหน้าโผล่มาข้างๆ ออนเนี่ยน เอ่ยกวนๆ
“เฮ้ย!” ออนเนี่ยนที่เพิ่งรู้สึกตัวถึงกับสะดุ้งโหยงถอยเก้าอี้ครูดไปจนเกือบสุดกำแพงด้วยความตกใจ “พวกนายเล่นอะไรเนี่ย!?”
“แห~มๆๆ... พวกเราก็แค่มาตามดูเรื่องราวหัวใจของเพื่อนในคาเฟ่ของเราเท่านั้นเอง” ทั้ง 2 ตอบกวนๆ
“ระ เรื่องราว หะ หัวใจอะไรของพวกนาย!? อย่ามามั่วนะ!” ออนเนี่ยนปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับใบหน้าที่แดงมาถึงหู
“เหร~อ...?” ทั้ง 2 มองหน้าออนเนี่ยนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“เรื่องของฉันน่ะ!” ออนเนี่ยนโวย “ว่าแต่พวกนายเถอะ จู่ๆ จะมาเหมาฉันรวมคาเฟ่ด้วย ไปชวนสคอลล์เป็น 3 ช่าให้ได้ก่อนเถอะ!”
“อะแฮ่ม...”
“เอ๋~?” ออนเนี่ยนหันไปมองต้นเสียงดังขึ้นข้างๆ เขาโดยไม่รู้ตัว “ชะอุ๋~ย...”
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย…” สคอลล์ที่ออนเนี่ยนเผลอถอยครูดมานั่งข้างๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับสายตาอันดุดัน
“โทษที...” ออนเนี่ยนเอ่ยขอโทษ
“อาจารย์มาแล้ว!” หนึ่งในคนที่ยืนดูลาดลาวอยู่เอ่ยบอกทุกคน
“สลายโต๋~!” ไม่ช้าทุกคนก็แยกย้ายกันนั่งโดยไม่รอช้า
“เอาล่ะ... ทุกคนเปิดหนังสือไปหน้า 10” เซฟที่เดินเข้าห้องมาทำหน้าที่ประจำวันของตน
ห้องพยาบาล
“ไม่ได้เรื่อง...” เมเทอัสเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะมองดูภาพแอบถ่ายคลาวด์หลายใบในมือ “ใช้ไม่ได้เลย...”
“เออ... คือ...” นักเรียนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่มีกล้องถ่ายรูปห้อยอยู่ตรงคอกันคนละเครื่อง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างด้วยท่าทีหวาดๆ “ถะ ถึงมัน จะ จะไม่ตรงตามที่คะ ครูตะ ต้องการ ตะ แต่ ภะ ภาพมันก็สวยดีนี่ครับ”
“สวยงั้นเหรอ...” เมเทอัสก้มหน้าลงครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นมาเป็น “สวยงั้นเหรอ! ฉันไม่ได้ขอให้พวกแกถ่ายรูปพรรณนี้มา! พวกแกฟังคำสั่งของฉันไม่เข้าใช่มั้ย…!”
“หวะ หว~า...!!” นักเรียนกลุ่มนั่นสะดุ้งโหยงตะวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเมเทอัสครูหนุ่มท่าทางสุภาพอ่อนโยนกลายร่างเป็นชายที่มีใบหน้าเป็นปีศาจหน้าตาน่ากลัวที่รู้จักกันในชื่อ เอ็มเพอเรอร์ ออฟ เฮล
“ใจเย็นเมเทอัส...” อันติเมเซียที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กันเอ่ยบอก
“หึ...” เมเทอัสก้มหน้าเงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนเงยหน้ากลับขึ้นมาในสภาพครูหนุ่มคนเดิม “ก็ได้... ฉันจะให้โอกาศพวกเธออีกซักครั้ง คราวนี้ถ้าทำไม่ได้ตามที่ฉันต้อง ชมรมช่างถ่ายภาพของพวกเธอต้องโดนยุบ... เข้าใจไหม?”
“ตะ แต่ว่าเราจะหาภาพคลาวด์สไตรฟด้านลบมาจากไหนล่ะครับ?” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าชมรมว่าขึ้น “เวลาปกติตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียน เขาก็ทำตัวเป็นนักเรียนธรรมดาทั่วไป ไม่มีท่าทีว่าจะทำผิดกฏโรงเรียนเลย”
“ใครเขาจะเผยธาตุแท้ในที่สาธารณะอย่างโรงเรียนล่ะ” เมเทอัสว่า “หากอยากได้ภาพด้านลบของสไตรฟ พวกเธอก็ต้องไปหาถึงถิ่นที่อยู่ของเขา”
“ตะ ตะ แต่ มิดการ์มันเมืองอันตรายอันดับต้นๆ เลยนะครับ มีทั้งพวกนักเลง โจรผู้ร้าย เจ้าพ่อมาเฟีย และ คนอันตรายๆ อีกนับไม่ถ้วน ให้พวกเราเข้าไปเสี่ยงตายในเมืองนั้น มีหวังไม่รอดตายคาเมื่องนั่นแหงมๆ”
“ตายงั้นเหรอ...?” เมเทอัสก้มหน้าลงอีกครั้ง “พวกแกจะไปเสี่ยงตาย! หรือพวกแกอยากจะตายตรงนี้ตอนนี้เลยห๊~า...!”
“หวะ หว~า...!!” ชมรมช่างถ่ายภาพร้องออกมาด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นเมเทอัสสติแตกกลายเป็นเอ็มเพอเรอร์ ออฟ เฮลอีกครั้ง
“ไปทำตามที่สั่งเดี๋ยวนี้ ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จล่ะก็! ตาย…!!”
“ปะ ไปแล้วคร๊า~บ...!!” เหล่าสมาชิกชมรมช่างถ่ายภาพต่างรีบวิ่งกรูออกไปปฏิบัติตามที่เมเทอัสร่างมารสั่งอย่างไม่รอช้า
“ดูไม่ได้เลยนะ...” อันติเมเซียเอ่ยเย้ย “ใช้ไอ้ด็กบ้ากล้องถ่ายรูปพวกนั้นมันจะไปได้อะไร”
“หึ... ถ้าไม่กุข่าวเรื่องของสไตรฟให้คุกกรุ่นขึ้นมาก่อน แผนการที่ฉันวางไว้มันก็ไปต่อไม่ได้ล่ะสิ...” เมเทอัสที่ค่อยคืนร่างจากเอ็มเพอเรอร์ ออฟ เฮลกลับมาเป็นร่างมนุษย์ปกติเอ่ยบอกอันติเมเซีย
“หึๆๆ... ดูท่าท่านจักรพรรดิแห่งพารามีเซียมจะลำบากไม่น้อยเลย จะให้ฉันช่วยอีกแรงมั้ย องค์ทายาทจักรพรรดิ?” อันติเมเซียกล่ายกวนๆ
“พาลาเมเซีย ไม่ใช่ พารามีเซียม...! พารามีเซียมมันโปรโตซัวสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวแล้วโว้~ย!” เมเทอัสเอ่ยค้านอย่างมีน้ำโหเมื่อชื่ออาณาจักรของตนถูกเปลี่ยนเป็นชื่อสิ่งมีชีวิตในบทเรียนชีวะซะงั้น “อะแฮ่ม... เธอมีแผนที่ดีกว่านี้งั้นเหรอ?”
“เปล่า... ก็แผนของนายนั่นแหละ แต่ฉันมีวิธีดำเนินการที่ดีกว่านี้...” อันติเซียว่าขระลุกจากโต๊ะประจำตัวของตน “เอาล่ะๆ... นายกับฉันมีสอนปี 3 คาบต่อไปไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้แยกย้ายกันไปก่อน เดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการเรื่องนี้เอง”
“หึ... ก็ได้...” หลังเมเทอัสว่าจบทั้งเขา และ อันติเมเซียก็เดินออกจากห้องไปสู่อาคารเรียนปี 3 เพื่อทำงานประจำของพวกเขา โดยหารู้ไม่ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญร่วมฟังบทสนทนาอยู่ในห้องด้วย
กึกๆ... วี้~ด...!
“พวกนั้นต้องการทำให้คลาวด์กลายเป็นข้อครหาของโรงเรียนอีกครั้งงั้นเหรอ?” ฟีเรี่ยนที่หย่อนตัวลงมาฝ้าเพดานที่ตนเจาะรูแฝงตัวเข้าไปแบบสายลับมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล พูดกับตัวเอง “แล้วมัน... เพื่ออะไร...?”
กึกๆ...! โคร~ม!
“อู~ย... เอาอีกแล้ว...” ด้วยสายสลิงที่กะความยาวมาผิดทำเอาฟีเรี่ยนหย่อนตัวลงมาหน้า และ ตัวกระแทกพื้นทันที ‘เฮ้~อ... เอาล่ะ... ถึงตอนนี้จะยังไม่เข้าใจอะไรซักเท่าไหร่... แต่ก็คงต้องจัดการกับพวกปาปารัซซี่จำเป็นของพวกนั้นก่อนแล้วล่ะ...’
ความคิดเห็น