คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 3 อดีตของเอสเปอร์สาว กับ การเจรจาของเมฆ และ แสง
III
อดีตของเอสเปอร์สาว กับ
การเจรจาของเมฆ และ แสง
“รีวีว...” เสียงนุ่มลื่นหูฟังดูสุขม และ เย็นชา แต่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับออร่าเขียวใสที่กระจายออกมาจากลูกแก้วสีเดียวกันในมือเจ้าของเสียง ก่อนไหลไปปกคลุมร่างของออนเนี่ยนที่หมดสติอยู่บนเตียงมุมสุดของห้องพยาบาล
“อา...” ออนเนี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาที่พล่ามั่วจากแสงสว่างจากไฟบนเพดานค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อย จนในที่สุดการปรับโฟกัสก็สิ้นสุด และ ภาพแรกที่เขาเห็นก็คือ
“เป็นไงบ้างออนเนี่ยน?” ทีน่าที่ยืนมองเขาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ยังคงค้างอยู่ที่หางตาทั้ง 2 ข้างเอ่ยถามด้วยความดีใจ
“ทีน่า...?” ออนเนี่ยนเริ่มรวบรวมสติสัมปชัญญะ และ ความทรงจำที่ยังกระเจิดกระเจิงอยู่กลับมา ก่อนนึกย้อนความก่อนตอนที่ตนจะสลบไปก่อนสะดุ้งขึ้นนั่ง “ทีน่า! กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ! โล่งอก... เป็นไงบ้าง!? บาดเจ็บรึเปล่า!? ตอนฉันสลบไปเป็นยังไง!? แล้วตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
“เออ... เอาทีล่ะคำถามนะ” ทีน่าเอ่ยเบรกออนเนี่ยนลง “อย่างแรกฉันไม่เป็นอะไร อย่างที่ 2 ตอนเธอสลบไป มีคนได้ยินเสียงพวกเราสู้กันเลยวิ่งมาดู”
“ละ! แล้ว!? เป็นไงต่อ!? พวกเราโดนพาตัวมาที่นี่เหรอ!?” ออนเนี่ยนถามแทรก
“เปล่า...” ทีน่าตอบ “ฉันกะพาพวกเราหนีออกมา แต่ก็ไม่มีทางไหนออกมาโดยไม่มีใครเห็นได้เลย ตอนแรกฉันนึกว่าพวกเราต้องโดนพบซะแล้ว แต่…”
“แต่อะไร!?”
“ครูคนนี้เขา... มาช่วยเราไว้” ว่าจบทีน่าก็ชี้ไปที่บุรุษเจ้าของเสียงนุ่มๆ ผู้ปล่อยพลังประหลาดจากลูกแก้วสีเขียวใสเข้าช่วยออนเนี่ยน ผู้นั่งไขว่ห้างมองพวกเขาอยู่ที่โต๊ะของครูประจำห้องพยาบาลซึ่งใกล้ๆ กับเตียงของออนเนี่ยน
“ครูเซฟเหรอ?” ออนเนี่ยนเอ่ยชื่อของครูหนุ่มผมสีเงินยาว นัยน์ตาคมกริบทรงเสน่ห์สีฟ้าครามสวยผู้มีลูกแก้ววิเศษอยู่ในมือ
“ครูเซฟ?” ทีน่าทวนชื่อเซฟ
“เขาเป็นครูสอนภูมิศาสตร์ของเรา ไม่แปลกหรอกที่เธอไม่รู้จัก พรุ่งนี้เขาถึงจะเข้าห้องเราคาบแรก” ออนเนี่ยนอธิบาย “ว่าแต่ครูช่วยพวกเรางั้นเหรอครับ?”
“ใช่...” เซฟพยักหน้า
“ทำไมล่ะคะ?” ทีน่าถามบ้าง
“ความเคยชินน่ะ” เซฟตอบเรียบๆ
“เอ๋~?” ทีน่า และ ออนเนี่ยนเอียงคองง
“ครูต้องคอยช่วยเหลือนักเรียนคนหนึ่งที่ชอบก่อปัญหาบ่อยๆ พอได้ยินเสียงโครมครามก็นึกว่าหมอนั่นก่อเรื่องอีก ครูเลยรีบเข้าไปดู แต่ปรากฏว่าเป็นพวกเธอ” เซฟอธิบาย “ตอนแรกครูก็กะว่าจะให้กอลเบซจัดการ แต่เห็นว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เลยช่วยออกมาซะเลย... แค่นั่นแหละ”
“เออ... ใครเหรอครับที่ครูต้องคอยช่วยเหลือบ่อยๆ?” ออนเนี่ยนถาม
“ครูคงบอกไม่ได้หรอก” เซฟตอบปฏิเสธ ก่อนเดินมารูดผ้าม่านปิดเตียงสุดท้ายที่พวกเขายืนรวมกันอยู่ท่ามกลางความแปลกใจของทั้ง 2 “พวกเธอรีบไปได้แล้ว…”
“ห~า?” ทั้งคนอุทานออกมาด้วยความงงอีกครั้ง
“รีบออกไปก่อนอันติเมเซียจะมา เธอเป็นหนึ่งในคนที่ไปเห็นที่เกิดเหตุ ถ้าเธอมาเห็นพวกเธอในห้องนี้เข้า เดี๋ยวพวกเธอจะมีปัญหา” เซฟกล่าว “อะนี่กระเป๋าพวกเธอ”
“แต่จะให้ไปยังไงล่ะคะ? ทางนอกก็มีพวกพี่สภาเดินว่อนเต็มไปหมด” ทีน่าถาม
“เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างพวกเธอกับฉันแล้วกันนะ” เซฟว่าก่อนเดินที่เตียงที่ออนเนี่ยนนอนอยู่ แล้วเตะเบาๆ เข้าที่ขาเตียงเป็นจังหวะ 9 ครั้ง
วื~ด~!
“เหว~อ?” ออนเนี่ยนที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กระโดดออกจากเตียงมายืนข้างทีน่า ก่อนมองดูเตียงที่แหวกออกกลายเป็นช่องขนาดพอดีตัวคน “อะไรเนี่ย?”
“ทางลับที่สืบทอดกันมาในโรงเรียน พวกเธอไม่ต้องรู้ประวัติหรอก ขอแค่ใช้ประโยชน์ได้ก็พอ” เซฟเอ่ยปัดๆ “ทางลงนี่จะพาพวกเธอไปออกที่สวนหลังโรงเรียนพอดี”
“ครูรู้ได้ไงว่ามีทางลับอยู่ตรงนี่คะ?” ทีน่าถามด้วยความสงสัย
“แอบมานอนกลางวัน แล้วไปเจอมันโดยบังเอิญ” เซฟตอบเรียบๆ “ไปได้แล้ว...”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ทีน่าก้มหัวขอบคุณเซฟ ก่อนกระโดดลงไปในทางลับ
“ขอบคุณครับ” ออนเนี่ยนกล่าวขอบคุณเช่นกัน แล้วจึงกระโดดตามทีน่าลงไป
“เฮ้~อ...” เซฟถอนหายใจก่อนเตะที่ขาเตียงเป็นจังหวะอีก 9 ครั้ง ทำให้เตียงกลับสู่สภาพเดิม แล้วจึงเอามือทั้ง 2 ประสานกันที่หลังหัวทิ้งตัวลงนอนมองเพดาน ‘ทำไมฉันชอบหาปัญหาใส่ตัวทุกทีเลย...’
แอ๊~ด...! ปับ!
“หื~ม? ใครอยู่ตรงนั่นน่ะ” ครูสาวผู้ไปเยือนห้องสถานที่เกิดเหตุเมื่อครูเอ่ยถามเมื่อเห็นเงาของใครบางคนนอนอยู่ในม่านที่รูดปิดเตียงสุดท้ายไว้
“ฉันเอง...” เซฟเอ่ยตอบ
“อ๋อ อาจารย์เซฟ มาแอบมานอนอู้งานอีกแล้วเหรอคะ?” ครูสาวประจำห้องพยาบาล หรือ ที่รู้จักกันในนามอันติเมเซียว่าขึ้น “คุณพลาดเหตุการณ์สำคัญไปนะรู้มั้ย? ตอนที่คุณนอนอยู่ตรงนี้มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นด้วย”
“อะไรเหรอ? ห้องปีหนึ่งถูกทำลายซะเละ แค่ดันหาตัวต้นเหตุไม่เจองั้นเหรอ?” เซฟเอ่ยแกมประชดเล็กน้อย
“เออ... ใช่...” อันติเมเซียมองมาที่เซฟซึ่งนอนอยู่บนเตียงงงๆ ก่อนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ได้ไงคะ?”
“มีเอสเปอร์ กับ นินจาน้อยมาบอก...” เซฟเอ่ยกวนๆ
“ห~า?” แอนติเมเซียงงยิ่งกว่าเดิมก่อนเอ่ยทวนคำอีกที “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
“ลางสังหรณ์มันบอกน่ะ...” เซฟเอ่ยกลับคำอย่างไม่ใส่ใจ “เสียงดังขนาดนั่น ไม่บอกก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงมั้ย?”
“ก็จริงนะคะ” อันติเมเซียนเออออด้วย
‘นินจาน้อยกับเอสเปอร์...’ เซฟนั่งทบทวนความคิดในใจ ‘เพิ่งเปิดเรียนมาได้แค่ 2 วัน โรงเรียนนี้ก็มีเรื่องน่าสนใจซะแล้ว... หึๆๆ...’
“เอ๋~?” อันติเมเซียหันไปมองดูเซฟที่กำลังนอนหัวเราะเบาๆ อยู่คนเดียวบนเตียงด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ‘ช่างเถอะ หมอนี้ก็เป็นแบบนี้ประจำนี่นา’
สวนหลังโรงเรียน
“เฮ้~…! ฟีเรี่ยน...! เสร็จรึยัง?” หนึ่งในสภาเอ่ยเร่งฟีเรี่ยนที่กำลังรดปุ๋ยน้ำให้แปลงดอกทิวลิปอยู่ในสวน
“เสร็จแล้วๆ ไม่ต้องเร่งก็ได้” ฟีเรี่ยนว่าขณะเดินเอาบัวรดปุ๋ยไปเก็บ
“ไม่เร่งได้ยังไงล่ะ? ท่านประธานเรียกรวมพลตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้เหลือแต่เราที่ยังไม่ได้ไปรายงานตัวนะ” เพื่อนสภาคนนั้นว่า
“เข้าใจแล้วๆ งั้นรีบไปกันเถอะ” ว่าจบฟีเรี่ยน และ เพื่อนสภาของตนก็พากันรีบวิ่งไปยังห้องประชุมสภานักเรียน โดยไม่รู้ว่ากำลังจะมีอะไรโผล่มา
แอ๊~ด...
“ถึงสวนหลังโรงเรียนแล้ว” ทีน่าที่เปิดประตูทางลับซึ่งอยู่ใต้แปลงดอกหญ้าสีขาวสวยที่อยู่ข้างๆ ดอกทิวลิปออก ว่าขึ้น ก่อนปีนบันใดขึ้นมาบนพื้นดิน
“ทางลับนี่ใช้การได้จริงๆ แฮะ” ออนเนี่ยนว่าตามขณะปีนตามทีน่าขึ้นมา ก่อนคุกเข่าลงเลื่อนแปลงดอกหญ้าที่เป็นประตูทางเข้าออกทางลับกลับมาปิดไว้ดังเดิม
“ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนะมีใครมาดีกว่า” ทีน่ากล่าว
“อื้ม...” ว่าจบทั้ง 2 ก็พากันออกจากสวนหลังโรงเรียน ก่อนรีบเดินออกจากประตูโรงเรียนไป แต่หลังที่เดินผ่านประตูโรงเรียนมาได้นิดหน่อย ออนเนี่ยนก็หยุดฝีเท้าลงอย่างฉับพลันทำให้ทีน่าหันมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่าออนเนี่ยน?” ทีน่าว่าขณะเดินเข้ามาหาออนเนี่ยน “หรือว่ายังบาดเจ็บตรงไหนอยู่ ฉันขอโทษนะ มาฉันดูให้”
“ฉันไม่เป็นไรทีน่า... ว่าแต่” ออนเนี่ยนเงยหน้าสบตาทีหน้า ด้วยแววตาจริงจัง “เธอบอกฉันได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“เออ... คือ...” ทีน่าสะดุดลงเมื่อได้ยินคำถามของออนเนี่ยน ขณะมองหน้าเพื่อนตัวน้อยของตนด้วยความอึดอัดที่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร
“เธอเป็นอะไร? พลังประหลาดนั่นคืออะไร? ฉันเห็นตัวเธอกลายเป็นสีชมพูทั้งตัว แล้วก็อาลาวาททำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่จู่ๆ ก็สงบลง และกลับมาเป็นอย่างเดิมเอาดื้อๆ” ออนเนี่ยนกล่าว “บอกมาเถอะทีน่า... ฉันอยากช่วยเธอนะ”
“ห~า?” ทีน่าเงยก้มหน้ามองด้วยความประหลาดใจทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ช่วย’ ดังออกมาจากปากของออนเนี่ยน
“ตอนที่ฉันสู้กับเธออยู่ในห้องนั่น... ทุกครั้งที่ใช้พลังประหลาดนั่นโจมตีฉัน ดูเธอเหมือนกำลังทรมาน... เธอทำเหมือนกับกำลังเจ็บปวดจนไม่สาทารถบรรยายเป็นคำพูดได้...” ออนเนี่ยนว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าท่ามกลางความตกตะลึงของทีน่า “ตั้งแต่เกิดฉันยังไม่เคยเห็นใครที่ทำหน้าเศร้าได้ถึงขนาดนี้เลย... ฉันเห็นแล้วทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้... ทีน่า... ฉันพูดจริงๆ... ฉันอยากจะช่วยเธอ...” ออนเนี่ยนฉายแววตาแห่งความเศร้าปนสงสาร และ แววตาแห่งความจริงใจไปพร้อมวาจาที่คนได้เอ่ยออกไป
“ออนเนี่ยน...” ทีน่ามีน้ำตาแห่งความดีใจซึมออกมาที่หางตาเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นไปเช็ดมันออก แล้วหันมายิ้มให้ออนเนี่ยน “มีสวนสาธารณะอยู่แถวนี้... เราไปคุยกันตรงนั่นได้มั้ย?”
“ได้สิ” ออนเนี่ยนยิ้มตอบ ขณะพยักหน้าตอบรับ ก่อนทั้ง 2 จะเดินตรงไปยังจุดหมายของพวกตน
สวนสาธารณะ
“ฉันเป็นเอสเปอร์” ทีน่าเริ่มบทสนทนา หลังที่พวกเขาเดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม่ตนหนึ่งในสวนสาธารณะใกล้ๆ กับดิสสิเดีย
“เอสเปอร์?” ออนเนี่ยนเบิกตากว้างทวนคำด้วยความตกใจ “หมายถึงชนเผ่าแห่งแลนด์ ออฟ เอสเปอร์ที่ล่มสลายไปแล้วน่ะเหรอ?”
“ใช่... ดูเหมือนว่า จะมีบางส่วนที่ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างลับๆ บนโลกนี้” ทีน่าเริ่มอธิบาย “ฉันเป็นหนึ่งในนั่น”
“แล้วเธอ... เออ... มา... เออ...” ออนเนี่ยนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “แล้วเธอมาอยู่นี่ได้ยังไง? ฉันถามอะไรเนี่ย? เธอก็ต้องมากับพ่อแม่สินะ พวกเขาก็เป็นเอสเปอร์ใช่มั้ย?”
“เปล่า... ฉันไม่มีพ่อแม่...” ทีน่าตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“หา?” ออนเนี่ยนอุทาน
“ไม่สิ... ต้องบอกว่า ไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นใครต่างหาก...” ทีน่าเอ่ยยิ้มๆ ทั้งที่แววตายังแสดงความเศร้าออกมาเช่นเดียวกับน้ำเสียง “เธอรู้จัก ล็อค นักล่าสมบัติรึเปล่า?”
“ล็อก งั้นเหรอ? ใช่ที่นักล่าสมบัติชื่อดังที่ได้ออกข่าวบ่อยๆ รึเปล่า!?” ออนเนี่ยนถามขยายความ
“ใช่... คนนั่นแหละ...” ทีน่าพยักหน้า ก่อนว่าต่อ “เขาเป็นคนอุปการะฉัน”
“จริงเหรอ!?” ออนเนี่ยนถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“อืม... เขาบอกว่า ตอนที่เขาไปสำรวจโบราณสถานที่เมืองนาร์เช่ เขาเจอเครื่องจักประหลาดที่ถูกฝั่งไว้ในหิมะ” ทีน่าเริ่มเล่าเรื่องราวของเธอ “พอลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งอายุ น่าจะประมาณ 10 ขวบกว่าๆ สลบอยู่ในที่นั่งคนขับ ซึ่งก็คือฉันนั่นเอง เขาตรงเข้ามาช่วยฉัน แต่ทันทีที่อุ้มฉันออกมา เครื่องจักรนั่นก็เริ่มนับถอยหลังการทำลายตัวเอง เขารีบพาฉันในอ้อมแขนเขาไปหาที่กำบัง หลังสิ้นสุดการนับถอยหลัง เครื่องจักรนั่นก็ระเบิดเป็นชิ้นๆ...
ล็อคพาฉันมาให้หมอดูอาการในเมือง หมอช่วยทำให้ฉันที่นอนไม่ได้สติเป็นเจ้าหญิงนิทรากลับมาเป็นเหมือนเดิม หลังจากดูอาการมา 3 วันฉันก็รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาดูโลกอีกครั้ง” ทีน่ายังคงเล่าเรื่องต่อไป “เมื่อสิ้นสุดการรักษา ล็อคลองสอบถามเกี่ยวกับตัวของฉัน แต่ดูเหมือนว่าฉันจะความจำเสื่อม สิ่งเดียวที่ฉันจำได้มีเพียง ทีน่า ชื่อของฉันเองเท่านั่น หมอบอกว่าอาการทางจิตนี้รักษาไม่ได้เพราะไม่รู้สาเหตุที่ถูกต้อง คงต้องรอจนกว่าความจำจะกลับมาของมันเองเท่านั่น ล็อคไม่มีทางเลือกเพราะหลักฐานการมีอยู่ของฉันก็มีเพียงแค่เครื่องจักรนั่นเพียงอย่างเดียว ซึ่งมันก็ระเบิดตัวเองไปซะแล้ว ล็อคจึงตัดสินใจอุปการะฉันเป็นบุตรบุญธรรมของเขา”
“ละ แล้ว” ออนเนี่ยนเริ่มเอ่ยถาม “เธอรู้ได้ไงว่าเธอเป็นเอสเปอร์?”
“เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากฉันมาอยู่กับล็อค และ เพื่อนๆ ของเขาได้ 2 ปี จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเจ็บขึ้นหน้าอก ก่อนปวดหัวอย่างรุนแรง แล้วสติฉันเริ่มหายไป พอรู้สึกตัวอีกที ล็อคที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บกำลังกอดฉันอยู่ ฉันตกใจมาก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น… ล็อคบอกฉันว่า ฉันเป็นเอสเปอร์ ชนเผ่าโบราณที่มีพลังวิเศษเหนือมนุษย์ซึ่งล่มสลายไปแล้ว”
“แล้ว... ที่เธอ... กลายร่างล่ะ เป็นไงต่อ?” ออนเนี่ยนยังคงถามต่อไป
“หลังจากการกลายร่างครั้งแรก ก็ไม่มีอาการแบบนั่นอีก จนกระทั่ง 1 ปีผ่านไป อาการนั่นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มาแล้วหายไปเลย แต่เป็นอยู่เรื่อยๆ” ทีน่าว่า “ยิ่งฉันอายุมาขึ้นก็ยิ่งเป็นบ่อยขึ้น จนตอนนี้ นับได้อาทิตย์หนึ่งเกือบ 4-5 ครั้ง”
“แล้ว... ส่วนใหญ่ เธอ... กลายร่างตอนไหน?” ออนเนี่ยนยังคงซักต่อไม่หยุด
“หลังๆ มานี้มันจะมาช่วงเย็น ประมาณ 5 โมงเย็นหรือไม่ก็ 2 ทุ่ม ฉันถึงรีบกลับบ้านก่อน 5 โมงทุกวัน” ทีน่าตอบ “มีแต่วันนี้เท่านั่นที่มากก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง...”
“แล้วปกติตอนกลายร่างเธอรู้สึกยังไงบ้าง?” ออนเนี่ยนถามไปเรื่อยๆ
“ฉันรู้สึกเหมือนสติมันขาดหายไปดื้อๆ ก่อนตัวฉันจะจมลงไปในความมืดที่เต็มไปด้วยความอึดอัดที่ราวแรงอัดนั่นจะทำตัวฉันระเบิดออกมา แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งความอึดอัดนั่นจะคลายลง พร้อมกับฉันที่ได้สติกลับมา... และทุกครั้งฟื้นคืนสติ ฉันก็เห็นทุกอย่างรอบตัวถูกถล่มเละไปหมด ทั้งสิ่งของ... และ สิ่งมีชีวิต...” ทีน่าอธิบาย
“อืม... เข้าใจแล้ว!” ออนเนี่ยนเอามือจับคางทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยกมือข้างนั่นขึ้นกำเป็นกำปั้นแล้วทุบลงบนฝ่ามืออีกข้างขณะร้องออกมาเหมือนคิดอะไรออก “มันคงเหมือนตอนที่เราเป็นวัยรุ่นแรกๆ แน่เลย”
“เอ๋~?” ทีน่าร้องเสียงหลงตีหน้างงทันที
“ช่วงที่เธอเริ่มกลายร่างเป็นแบบนั่นก็ประมาณ 12 ปี ก็เหมือนกับร่างกายของพวกเราเริ่มเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น” ออนเนี่ยนเริ่มเข้าสู่หลักวิชาการ “เหตุที่เธอกลายร่างน่าจะเป็นเพราะ เออ... พลังเอสเปอร์ของเธอเจริญเติบโตขึ้น และที่กลายร่ายบ่อยขึ้นก็คงเป็นเพราะ... พลังนั่นกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงจะเป็นผู้มีพลังวิเศษ แต่เอสเปอร์ก็น่าจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน ทฤษฎีก็น่าจะเป็นไปได้ ใช่มั้ย?”
“ก็... คงใช่มั้ง” ทีน่าเห็นด้วย
“ทุกครั้งเธอจะอาลาวาทอยู่ เออ... ประมาณกี่นาทีเธอกะได้มั้ย?”
“ก็... น่าจะประมาณ 10 กว่านาที ไม่เกิน 1 ชั่วโมงล่ะมั้ง...” ทีน่าตอบ
“ถ้าเกิดอยู่ที่บ้าน เธอทำยังไงเหรอ?” ออนเนี่ยนถามไม่หยุด
“ปกติถ้าอยู่ที่บ้าน ฉันจะถูกคนในบ้านจะพาฉันเข้าไปปล่อยให้อาลาวาทในห้องที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษจนกลับคืนร่างเดิม แล้วพาออกมาพัก” ทีน่าก็ตอบตอบไปเรื่อยๆ
“อ่าฮะ!” ออนเนี่ยนร้องขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ฉันหาทางออกได้แล้วทีน่า”
“เอ๋~?” ทีน่าร้องออกมาด้วยความสนใจทันที
“พรุ่งนี้ถ้าเธอรู้สึกว่าอาการนั่นเกิดขึ้นอีก ฉันจัดการให้เอง” ออนเนี่ยนให้คำมั่น
“เธอจะทำยังไงเหรอ?” ทีน่าเอ่ยถาม
“ฉันจะปกป้องเธอเอง” ออนเนี่ยนก่อนยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้ทีน่า “ฉันสัญญา...”
“…” ทีน่าที่เห็นแววตาใสซื่อซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอจึงตัดสินใจยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับออนเนี่ยน “ก็ได้... ฉันเชื่อเธอ”
มิดการ์
“เบรเวอร์…”
วิ้~ง! เคล้~ง! หวิ~ง...!
“หึ...” คลาวด์ในชุดทหารชินระเฟิร์สคลาสของ หมุนดาบเหนือหัวก่อนสะพายไว้เหมือนเดิม หลังกระโดดฟันหุ่นเหล็กของพวกเดอะ เทริคซ์ทำเอาสายไฟ และ แผงวงจรเหวอะออกมาจนเกิดเป็นไฟฟ้าลัดวงจรปกคลุมขึ้นรอบตัว เหมือนกำลังจะระเบิด
แท้น แท้ แท้ แท่ แท แท้น แท แท้...!!
“อืม...” คลาวด์ยกมือถือขึ้นมากดรับ “ว่าไงเซซิล?”
“คลาวด์ บอกมาตามตรงนะ วันนี้นายกลับบ้านกี่โมง!?” เซซิลถามอย่างจริงจัง
“3 โมง 45 ฉันก็ออกจากโรงเรียนแล้ว…” คลาวด์ตอบ
“พูดจริงนะ!?” เซซิลถามย้ำ
“ฉันจะโกหกทำไม...” คลาวด์ตอกกลับ
“เฮ้~อ... โล่งอก...” เซซิลว่า
“มีอะไรเหรอ?” คลาวด์ถามบ้าง
“พอดีเกิดเรื่องขึ้นที่โรงเรียนน่ะ” เซซิลบอก “พวกรุ่นพี่ในสภาบอกว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกที่ติดบัญชีดำของโรงเรียน ซึ่งหนึ่งในนั่นก็คือนาย ฉันเลยโทรมาเช็คที่ดูน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?” คลาวด์ถามด้วยความสนใจ
“เหมือนกับ... มีอะไรมาอาลาวาทที่ปี 1 ห้อง A น่ะ สภาพห้องดูไม่ได้เลย” เซซิลเริ่มสารทยาย “ตอนนี้เราจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ยังหาตัวการไม่ได้ ดูจากสภาพแล้ว คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”
“เพราะงั้นเลยคิดว่าเป็นฉันงั้นเหรอ?” คลาวด์ถามด้วยเสียงเย็นชาที่ฟังดูเหมือนปกติ แต่แอบแฝงไปด้วยความงอนเล็กน้อย (น๊อ~ยเดียว) จนคนธรรมดาฟังไม่ออก
“ก็ทำไงได้ล่ะ อีกอย่าง... ถ้าเป็นนายจริงๆ ฉันจะได้หาทางช่วยไง” เซซิลกล่าว
“หึ... ไม่จำเป็นหรอก... แค่นี้ใช่มั้ย?” คลาวด์ทำท่าจะวางสาย
“อื้ม… แค่นี้แหละ” เซซิลตอบรับ “ว่าแต่ฉันได้เสียงอะไรดัง หวิงๆ เหมือนไฟช๊อดอะไรซักอย่าง... นายคงไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอยู่นะ?”
“ไม่หนิ... แค่นี้นะ...” ว่าจบคลาวด์ก็กดวางสาย
ติ๊~ด! ตูม...!!!
ดิสสิเดีย [วันต่อมา]
“ทีน่า...!” ออนเนี่ยนที่เผอิญเห็นทีน่ากำลังเดินเข้าประตูโรงเรียนเอ่ยเรียก
“ไง ออนเนี่ยน อรุณสวัสดิ์” ทีน่าเอ่ยทักออนเนี่ยน
“อรุณสวัสดิ์ จำที่สัญญากันเมื่อวานได้ไหม?” ออนเนี่ยนเอ่ยถาม
“ที่ว่า... นั่นน่ะเหรอ?” ทีน่าเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง
“ใช่ ฉันเตรียมพร้อมไว้ให้เธอแล้วนะ” ออนเนี่ยนบอก
“เตรียมพร้อมอะไรเหรอ?” ทีน่าเอ่ยงงๆ
“น่~า เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้เองแหละ” ออนเนี่ยนเอ่ยเป็นนัยๆ
บรื้~น...!
“รุ่นพี่คลาวด์ อรุณสวัสดิ์ค่า...!” ทีน่าโบกมือให้คลาวด์ที่กำลังขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าพวกเขาทั้ง 2 ไป
“...” คลาวด์ยกมือโบกไปมาเล็กน้อยเป็นการตอบรับคำทักทาย ขณะยังขี่รถมุ่งตรงไปยังโรงเก็บพาหนะนักเรียน
“เฮ้~ย! นั่นเหรอเด็กของคลาวด์ สไตรฟ” หนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่ปี 2 ที่อยู่ไม่ไกลเริ่มซุบซิบนินทากันกับเพื่อน
“โห~! น่ารักจริงๆ ว่ะ ไม่แปลกเลยที่เจ้าหมอนั่นจะชอบ ขนาดฉันที่เพิ่งเห็นยังใจเต้นไม่หยุดเลยเนี่ย!” เพื่อนอีกคนในกลุ่มว่าตาม
“พวกผู้ชายก็อย่างงี้แหละ เห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้” ผู้คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยงอนๆ
“จะว่าไปน้องเขาก็สวนจริงนะ” ผู้หญิงอีกคนว่า
“แต่ถึงกับขโมยหัวใจของหมาป่าเดียวดายอย่างสไตรฟได้ แสดงว่าไม่ธรรมดานะเนี่ย...” ผู้ชายคนสุดท้าย
บรื้~น..!
ยังไม่ทันได้พูดจบ รถขันลีมูซีนคันหรูของประท่านนักเรียน วอริเออร์ ออฟ ไลท์ ก็วิ่งผ่านนักเรียนปี 2 กลุ่มนั่น และ ทีน่าไป ในขณะผู้โดยสารคนเดียวข้างในกำลังขบคิดเรื่องที่ตนต้องสืบสวนในวันนี้
“คุณหนูขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่าครับ เห็นนั่นหน้าเครียดมาตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์แล้ว
“แค่มีเรื่องให้ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ…” ไลท์ตอบด้วยมาดนิ่งๆ
ปี 2 ห้อง A
“ชึบ! ทันเวลาพอดี ฮ่าๆ!” ทีดัสที่กระโดดเข้ามาในห้อง ร้องออกมาด้วยความดีใจ ก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะของตนแถวสุดท้ายซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะของคลาวด์ที่อยู่ริมหน้าต่างทางซ้าย โต๊ะฟีเรี่ยนทางขวา และ โต๊ะเซซิลที่อยู่ด้านหน้า พลางเอ่ยทักทายเพื่อนๆ ทั้ง 3 ที่นั่งประจำที่ของตน “อรุณสวัสดิ์พวก!”
“อืม...” คลาวด์เอ่ยเรียบๆ
“อรุณสวัสดิ์” เซซิลทักตอบ
“มาก่อนครูเข้าแบบเฉียดฉิวอีกแล้วนะนายเนี่ย” ฟีเรียนว่า
“ก็ดีแล้วนี่! ขืนเข้ามาช้ากว่านี้มีหวังได้ถูกเอ็กซ์เดธบ่นจนหูชาแน่เลย” ทีดัสกล่าว
“แค่นายไม่มาสายกับไม่ทำให้เขารำคราญครูเขาก็ไม่ว่านายแล้ว” ฟีเรี่ยนบอก
“ใครจะเหมือนนายล่ะ พ่อศิษย์คนโปรด” ทีดัสเอ่ยประชด “ทั้งโรงเรียนมีนายคนเดียวแหละที่เข้ากับเขาได้ ถามจริงเหอะ นายใช้คาถาอะไรสะกดครูเขาไว้?”
“ก็คาถาดอกไม้ไงล่ะ” เซซิลว่าขำๆ “นายก็รู้ ครูเอ็กซ์เดธชอบพืช และ ต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ ไม่แปลกเลยที่จะเข้ากับคนปลูกดอกไม้อย่างฟีเรี่ยนได้เป็นอย่างดี”
“เลิกคุยเรื่องนี้กันซะทีเหอะน่~า!” ฟีเรี่ยนเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่นายเหอะ ทีดัส พ่อนายใช้ให้ฝึกอะไรอีกล่ะถึงได้มาช้าขนาดนี้?”
“หมอนั่นน่ะเหรอ?” ทันทีที่ได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ ทีดัสก็เข้าสู่ดาร์คโหมดทันที “ไม่รู้ให้ฉันทำบ้าอะไร! กระโดดกบรอบสนามตั้ง 100 รอบ พวกนายลองคิดดูดิ!”
“เออ... ขอโทษ... ลืมไปเหอะว่าฉันถามเรื่องเมื่อกี้” ฟีเรี่ยนรู้สึกตัวพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงเพื่อนจอมทะเล้นของตนกลับมาร่างเดิม
“ทำความเคารพ!” เซซิลผู้เป็นหัวหน้าห้องเอ่ยขึ้น ขณะที่เอ็กซ์เดธ ครูในหมวกเกราะสีฟ้าที่มีเขาสั้นๆ ที่ข้างหัว และ เขาคล้ายเขาวัวเล็กๆ อยู่บนสุดเดินเข้ามาในห้อง
“นั่งได้!” เอ็กซ์เดธเอ่ยด้วยเสียดุๆ “วันนี้เราจะมาเริ่มกันที่!”
“ประกาศ! ของให้คลาวด์ ไสตรฟ มาที่ห้องสภาพนักเรียนด้วย!” เสียงประกาศดังมาจากลำโพงในห้องเรียน ขัดจังหวะเอ็กซ์เดธที่กำลังจะเริ่มทำการสอน
“คุณสไตรฟ! ก่อเรื่องมาล่ะสิ! เขาเรียกก็ไปซะ!” เอ็กซ์เดธเอ่ยแบบไม่สบอารมณ์
“ครับ...” คลาวด์ เดินจากห้องไปห้องสภาภายใต้สายตาจับจ้องจากคนทั้งห้อง
“เอาแล้ว... ไหงว่าไม่ได้ก่อเรื่องอะไรไง?” เซซิลเอ่ยขึ้นเบาๆ
ห้องสภานักเรียก
“นายเรียกฉันเหรอ?” คลาวด์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเอ่ยทักไลท์ซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะประจำตัวโดยมีลูกน้องสภาปีเดียวกันอีก 2 คนยืนอยู่ที่มุมโต๊ะคนละข้าง อย่างห้วนๆ
“เอาอีกแล้วนะสไตรฟ! ระวังคำพูดหน่อย!” สภาปี3 ที่ยืนข้างขวาเอ่ยว่าคลาวด์
“หัดรู้สถานะนายกับท่านประธานหน่อย!” สภาปี 3 ทางซ้ายสมทบ
“พวกนายออกไปก่อน” ไลท์ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าอันเย็นชาของคลาวด์กล่าว
“หะ ห~า?” ทั้ง 2 หันมามองหน้าไลท์ด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ต้องทำตามที่เขาโดยดี เมื่อเห็นสายตาจริงจังของผู้เป็นประธาน “ครับ...”
แอ๊~ด...! ปับ!
“นั่งสิ...” ไลท์ว่าขณะผายมือไปที่เก้าอีกหน้าโต๊ะตน ซึ่งฝ่ายผู้ถูกเสนอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เดินมานั่นโดยดี
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ บรรยากาศรอบๆ ดูเหมือนถูกแช่แข็งดิ่งลงจุดเยือกแข็ง เมื่อหนุ่มขรึมมาดเย็นชาทั้ง 2 คน ที่กำลังนั่งไขว่ห้างจ้องหน้ากันด้วยสายตาเย็นยะเยือก ซึ่งยากจะอ่านกันและกันออก เอาแต่นิ่งรออีกฝ่ายเริ่มบทสนทนา... จนกระทั่ง
“มีอะไรว่ามา...” คลาวด์เอ่ยอย่างไร้เยื่อใย ยกแขนขึ้นกอดอก
“เฮ้~อ...” ไลท์ถอนหายใจออกมาเหนื่อยก่อนเอามือประสานกันบนโต๊ะ ก่อนเอ่ยถามผู้ต้องสงสัยของเขาอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อวานนายอยู่โรงเรียนจะถึงกี่โมง...?”
“ถามเหมือนเซซิลเลยนะ...” คลาวด์พูดเซ็งๆ
“เซซิลถามนายงั้นเหรอ?” ไลท์ถาม
“เขาโทรหาฉันเมื่อคืน...” คลาวด์ตอบง่ายๆ
“แล้วนายตอบเขาว่าอะไร” ไลท์ซักต่อทันที
“ฉันออกจากนี่ตั้งแต่ 3 โมง 45…” คลาดว์ตอบสั้นๆ ได้ใจความ
“พูดจริงเหรองั้น...?” ไลท์ถามย้ำ
“ทำไมฉันต้องโกหกด้วย...” คลาวด์ตอบอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินคำถามแบบเดียวกัยเปี๊ยบกับเซซิลออกมาจากปากท่านประธานวอริเออร์ ออฟ ไลท์
“เพราะว่านายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่น่ะสิ” ไลท์พูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำลงจนดูเหมือนเขากำลังข่มขู่คลาวด์อยู่
“ถ้านายหมายถึงเรื่องปี 1 ห้อง A ถูกถล่มซะเละล่ะก็ ฉันไม่เกี่ยว…” คลาวด์ตอบตัดหน้าไลท์ทันที
“นายรู้เรื่องนี้ได้ไงในเมื่อฉันบอกให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคนปิดเป็นความลับ...?” ไลท์ที่เหมือนจะรอจังหวะอยู่นาน เผยบ่วงที่ผูกไว้พร้อมดักอีกฝ่ายของตนออกมา
“เซซิลบอก...” คลาวด์ตอบอย่างไม่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“เซซิลงั้นเหรอ... ปลดออกจากตำแหน่งรองประธานซะดีมั้ยเนี่ย...” ไลท์เอนหลังพิงเก้าอี้ขณะบ่นกับตัวเอง ก่อนหันกลับมามองหน้าคลาวด์อีกครั้ง “แต่นั่นก็ไม่ทำให้นายหลุดพ้นจากการเป็นผู้ต้องหาอยู่ดี...”
“ทำไม... แค่เพราะฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งๆ ที่กลับบ้านไปแล้วน่ะเหรอ?” คลาวด์เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาแกมประชด
“เพราะว่ามีเบาะแสที่โยงมาถึงตัวนายต่างหาก...” ไลท์เอ่ยสวนทันที
“อะไร...” คลาวด์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะถามกลับด้วยความสงสัย
“นี่ไง...” ไลท์หยิบของที่เตรียมไว้วางลงบนโต๊ะ ทำเอาคลาวด์เบิกตาขึ้นเล็กน้อย (น๊อยเดียว) ด้วยความประหลาดใจ “มันตกอยู่ในห้อง...”
ของที่อยู่ตรงหน้าเขาทั้ง 2 ไม่ใช่ของแปลกประหลาดอะไรที่ทำให้คนที่ทำหน้าตายแทบตลอดเวลาอย่างทั้งคู่ต้องตกใจ แต่กลับเป็นของธรรมดาๆ ที่ทำให้คลาวด์ถึงกับแปลกใจ และ ท่านแสงเลิกคิ้วเมื่อเห็นหนุ่มหัวโชโคโบะมีท่าทีที่เปลี่ยนไป ของสิ่งนั่นคือ
“ฉันมั่นใจว่านี่คือผ้าเช็ดหน้าของนาย...” ไลท์ว่าขณะที่สายตาของพวกเขาทั้งคู่จ้องไปที่ผ้าเช็ดหน้าสีดำสนิทที่มีรูปหัวหมาป่าสีน้ำเงินติดอยู่ตรงมุม “หรือนายปฏิเสธ...”
“...” คลาวด์ที่ยังคงนิ่งเงียบรวบรวมความคิดเผลอก้มหน้ามองจ้องผ้าเช็ดหน้าของตนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้ไลท์ยิ่งคิดว่าคลาวด์กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นท่าทีที่ผิดปกติของเขา
“นอกจากนั่น ฉันยังมีนี่อีก...” คลาวด์ยิ่งเบิกตากกว้างขึ้นไปอีก (นิด) เมื่อเห็นสิ่งที่ไลท์เอาออกมาวางทับผ้าเช็ดบนโต๊ะ “หนึ่งสภาของฉันที่อยู่ห้องเดียวกับนาย บอกว่าเคยเห็นนายถือมันไว้”
‘ทีน่าเหรอ?’ ชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวคลาวด์ทันทีที่เห็นพวงกุญแจมูเกิลที่ไลท์นำวางบนผ้าเช็ดหน้าของเขา
“หลักฐานหนาแน่นขนาดนี้จะว่ายังไง...” ไลท์ส่งสายตาไปพร้อมกับรังสีคาดคั้นตรงเข้ากดดันคลาวด์
“...” คลาวด์หลับตาลงร่วมรวมความคิด ก่อนลืมตากลับมาคงมาดเย็นชาดังเดิม แล้วตอบตอกกลับไปด้วยหน้านิ่งสนิท และ รังสีเฉยชา ทำเอารังสีคาดคั้นของไลท์หมดอนุภาพลงไปทันที “หึ... นายกำลังเล่นอะไรอยู่…”
“หื~ม?” ไลท์เบิกตางงทันที
“เรียกฉันมาหาตั้งแต่เช้า นึกว่ามีอะไร... แค่เก็บของอะไรก็ไม่รู้ ก็ดันเอามาผูกเป็นเรื่องเป็นราวไร้สาระ” คลาวด์สบตาอย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตากดดันของไลท์
“สรุปว่านายจะปฏิเสธทั้งๆ ที่หลักฐานเด่นชัดขนาดนี้งั้นเหรอ...” ไลท์ว่า
“นายเรียกนั่นว่าหลักฐานงั้นเหรอ? หึ... ไม่นึกว่าประธานที่โรงเรียนภูมิใจจะคิดได้แค่นี้...” คลาวด์เอ่ยสบประมาทไลท์อย่างไม่ไว้หน้า “ของแบบนี้ใครก็มีได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ว่าไงนะ...” ไลท์เอ่ยถามอย่างข้องใจ
“พวงกุญแจแบบนี้ร้านขายของกิฟท์ช็อปก็มี แค่มีคนเคยเห็นฉันถือ นายก็ปักใจเชื่อว่าเป็นของฉันเลยงั้นเหรอ? ส่วนผ้าเช็ดหน้านั่น ใช่มันเป็นของฉัน ฉันไม่ปฏิเสธ... แต่นายลองไปคลิ๊กในกระทู้โรงเรียนดูสิ...” คลาวด์ไม่ว่าเปล่าส่งสายตาไปที่คอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ตรงมุมโต๊ะของไลท์
“อืม...” ไลท์ถึงจะยังไม่อยากเชื่อ แต่สิ่งที่คลาวด์พูดก็ถูก เพื่อความแน่ใจ ไลท์คลิ๊กเข้าเว็ปไซท์โรงเรียน ก่อนเข้าไปในบอร์ดกระทู้ทันที “เอา... นายจะให้ฉันดูอะไร?”
“ไม่ต้องให้ฉันบอกนายก็น่าจะหาเจอ” คลาวด์ตอบปัดๆ
เมื่อได้ยินคำตอบของคลาวด์ ไลท์ก็ไม่ตอแย ลองหาสิ่งที่คลาวด์พูดถึงดู ซึ่งยังไม่ทันได้ทำอะไร หัวข้อนั้นก็ปรากฏ อยู่ตรงบอร์ดติดชาร์ดพอดี
ขายของคนดังของโรงเรียน
‘ขายของคนดัง?’ ไลท์คิดในใจงงๆ ขณะคลิ๊กเข้าไปดู
สินค้าหายาก ผ้าเช็ดหน้าของ คลาวด์ สไตรฟ ผืนละ 5,000 กิล ด่วน! มีเพียง 2 ผืนเท่านั้น [ไม่มีลด ราคาขายขาด กว่าจะแอบฉกมาได้เกือบตาย]
ไลท์ที่กำลังมองดูกระทู้นั่น แม้จะยังคงหน้าตายด้านไว้ได้ แต่ก็ไม่อาจห้ามเม็ดเหงือที่ตกลงมาได้ ดูจากสิ่งที่คลาวด์พูด และ หลักฐานส่วนตัว ดูท่าเขาจะผิดไปจริงๆ แต่ตอนที่ทำท่าจะปิดหน้าเวปลงสายตาของเขายังไปสะดุดเข้ากับสินค้าต่อไป
พู่บนหมวกเกราะประธานนักเรียนวอริเออร์ ออฟ ไลท์ เส้นละ 100 กิล ด่วน! มีจำนวนจำกัด! เหลือเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้น!
คลิ๊ก!
‘มันเอาไปได้ไงหว่า...?’ ไลท์ตีคิ้วเงยหน้ามองหมวกเกราะบนหัวตนก่อนปิดหน้าเว็ปลง เพื่อกลับมาดำเนินเรื่องของตนต่อ “ฉันคงด่วนสรุปเรื่องเร็วเกินไป...”
“หึ... เสียเวลา...” คลาดว์สบถ
“แต่นายก็ยังไม่หลุดพ้นจากฐานผู้ต้องสงสัยอยู่ดี...” ไลท์ยังคงว่าต่อไป
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ...” คลาวด์เอ่ยถามด้วยความรำคาญ
“ทำไงได้... นายเป็นหนึ่งในนักเรียนลำดับต้นๆ ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของโรงเรียน ต่อให้ไม่มีเบาะแสอะไรโยงไปถึงนาย แต่ยังไงซะ ที่ประชุมของเราก็ต้องยกชื่อนายขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ดี...” ไลท์เปรยก่อนเอ่ยยื่นข้อเสนอให้คลาวด์ “ฉันรู้นะว่าฉันให้เซซิลกับฟี่เรี่ยนคอยเกลี้ยงกล่อม และ ยื่นข้อเสนอนี้ให้นายด้วยตัวเองหลายครั้งแล้ว แต่ยังไงฉันก็ยังต้องการให้นายรับไว้อยู่ดี... มาเข้าสภานักเรียนเถอะคลาวด์... ถ้านายตอบตกลง ฉันรับรองว่าฉันจะช่วยทำให้ชื่อของนายหายไปจากบัญชีดำ”
“ไม่สน...” คลาวด์ตอบห้วนๆ โดยไม่คิดอะไร
“เฮ้~อ... คลาวด์... ฉันเข้าใจ นายเป็นพวกที่ไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก แต่การเกเรไปวันๆ ไปอย่างนี้มันเสียเวลาเปล่า” ไลท์เอ่ยพูดกับคลาวด์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาที่เคยส่งสายตากดดัน และ คาดคั้น แปรเปลี่ยนมาเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ฟังนะคลาวด์ อย่างที่รู้ ฉันก็เคยเกเรมาก่อน แต่ฉันครูคอสมอสก็มาทำให้ฉันเห็นทางสว่าง กลับมาเข้าลู่เข้าทางจนได้ดี... นายก็เหมือนกันคลาวด์ นายก็เหมือนกับฉัน เชื่อฉันเถอะ สิ่งที่นายทำอยู่มันไม่มีประโยชน์หรอก...”
ครืด!
“เหมือนกับนายงั้นเหรอ? อย่าพูดให้หัวเราะหน่อยเลย” คลาวด์ลุกจากเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทองไลท์... ฉันไม่ได้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพเหมือนนาย และ ฉันก็ไม่ได้เกเรอะไรไร้สาระแบบนาย”
“...” ไลท์เงยหน้ามองคลาวด์ที่เดินมายืนเอามือคล้ำโต๊ะมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เห็นได้ชัดว่ากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้เขาข้องใจขึ้นมาทันทีว่าเขาพูดอะไรผิด ถึงทำให้คนอย่างคลาวด์ถึงกับเดือดขึ้นมาแบบนี้
“ฟังไว้เลยนะ... ฉันเกิดอยู่ในครอบครัวธรรมดาๆ ในชนบท ตั้งใจเรียนหนังสือสอบชิงทุนเดินทางมาเรียนในเมืองด้วยตัวเอง... ฉันเข้าเรียนในโรงเรียนทหารชินระ ตามความฝันของตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาประเคนให้ถึงตรงหน้าแบบนาย นายไม่มีทางรู้ว่าชีวิตฉันเป็นยังไง อย่ามาบอกว่าฉันเป็นเหมือนนายไลท์...” คลาวด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนพูดน้อยที่สุดในปี 2 ถึงกับร่ายเรื่องราวของตัวเองมาซะยาวเหยี่ยดทำเอาไลท์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที “ฉันจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ... ฉันไม่ยอบรับ และ ไม่เคยคิดจะสนใจในข้อเสนอะไรของนาย อย่าเอามาเรื่องนี้มาพูดกับฉันอีก...”
“…” ไลท์ถึงกับพูดไม่ออก หลังจากได้ยินเรื่องเล่าจากน้ำเสียงที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่จริงๆ แล้วกลับเต็มไปความเดือดดาล และ เจ็บปวด
“จำเอาไว้เลย... ส่วนเรื่องที่นายเรียกฉันมาคุย ก็จัดการกันเองแล้วกัน...” ว่าจบคลาวด์ก็หลังหันเดินไปที่ประตูทำท่าจะเดินออกไป “หมดเรื่องแล้ว ฉันไปล่ะ...”
“คลาวด์... ฉันขอโทษ... ฉันแค่อยากช่วย...” คำพูดสั่นๆ ที่ดังมาจากไลท์ทำเอาเจ้าตัวถึงหยุดชะงักลงราวกับคำพูดนั่นเป็นใบมีดแทงลงไปกลางใจ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
“ไม่จำเป็น...” คลาวด์เปิดประตูออก ก่อนเดินจากไปโดยไม่คิดจะเหลี่ยวกลับ
แอ๊~ด...! ปับ!
“เฮ้~อ...” ไลท์เอายกแขนขึ้นตั้งฉากเอาข้อศอกวางบนโต๊ะก่อนก้มหน้าลงมาเอาหัวพิงกับมือที่ประสานกันอยู่ ขณะถอยหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
‘ไลท์... เธอจงเป็นแสงสว่างแก่ทุกคนในโรงเรียน... จงเป็นดั่งนักรบที่ต่อสู้นำความมืดมิดออกไปจากนักเรียนทุกคน ให้สมชื่อนักรบแห่งแสงของเธอ...’
‘อาจารย์คอสมอสครับ... ผมจะสู้กับความมืดของคนอื่นได้ไงในเมื่อผมไม่รู้ว่าความมืดนั้นมันเป็นยังไง...?’ ไลท์แอบกลุ้มในใจ แม้ยังคงทำหน้าเย็นชาดังเดิม
“เป็นไงบ้างครับท่านประธาน?” สภาทั้ง 2 เดินเข้ามาหลังเห็นคลาวด์เดินจากไป
“เรียบร้อย... เขาบริสุทธิ์…” ไลท์กล่าว “เราคงหารือกันต่อในที่ประชุม...”
“งั้นเหรอครับ” ทั้ง 2 พยักหน้าเข้าใจ
“แล้วก็” ไลท์ว่าต่อเรียกความสนใจของทั้งคู่ “เปิดประเด็นใหม่อีกเรื่องด้วย...”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” ทั้งสมชิกสภาปี 3 ทั้ง 2 ถามประสานเสียงกัน
“กระทู้โรงเรียน...” ไลท์ตอบสั้นๆ
พักเที่ยง
“ปะ! ไปกันไอติมกัน!”
“อีกแล้วเหรอ?”
“สคอลล์...!”
โป๊~ก!
“อู~ย... เจ็บ!” บัทส์ และ ซีดานที่กระโดดเข้ามาหวังเกาะสคอลล์ ชนเข้ากับโต๊ะหน้าพวกเขาอย่างจัง เหมือนเป้าหมายก้าวเท้าหลบออกข้างๆ พร้อมถือกล่องข้าวประจำตัวเดินมานั่งที่โต๊ะถัดมาอีกตัว ซึ่งเจ้าของโต๊ะไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้ว
“หลบทำไมล่ะสคอลล์?” บัทส์ถาม
“...” สคอลล์ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เปิดข้าวกล่องนั่นกินเฉย
“นายห่อข้าวกล่องมากินเองทุกวันเลยเหรอ?” ซีดานชวนคุย
“...” สคอลล์ยังคงเงียบอยู่ดังเดิม
“ทำเมินงั้นเหรอ? อย่างงี้ต้องเจอ!” ทั้ง 2 คนกระโดดเข้าใส่สคอลล์อีกครั้ง
ปั๊ก!
“อุก…!” บัทส์ และ ซีดานโดดเก้าอี้ที่สคอลล์ลุกหนีอัดเข้าที่ท้องอย่างจัง
“ไร้สาระ...” สคอลล์เอ่ยสั้นๆ ก่อนเดินถือกล่องข้าไปกินที่อื่น ปล่อยให้ 2 ลิง นั่งจุกกันอยู่ที่พื้นอย่างไร้เยื่อไย
เป๊ง!
“พักเที่ยงยก 3 สคอลล์ชนะ” หนึ่งในเหล่าไฟนอลมุ่งตัวป่วนตีระฆังชูป้ายคะแนนนั่งพากย์เป็นโคศก ขณะที่เพื่อนทั้ง 2 คนมองมาที่พวกตนงงๆ (ทำเป็นเวทีมวยวุ้ย)
“บัทส์... เรายืมคำพูดของพวกตัวร้ายมาพูดดีกว่า” ซีดานว่า
“อื้ม! พร้อมกันนะซีดาน” บัทส์เออออห่อหมก ก่อนรวมใจลุกขึ้นมาคุกเข่า ทำตาคมกริบหน้าตาซีเรียสเหมือนนักสู้ที่เพิ่งพ่ายการต่อสู้
“ฝากไว้ก่อนนะบาก...!” ทั้ง 2 พูดพร้อมกัน ขณะกำหมัดข้างขวาไว้ระดับศีรษะยื่นออกมาข้าง ทำท่าเหมือนแค้นเคือง
“ทั้งบัทส์ และ ซีดานจะเอาคืนสคอลล์ได้ไหม? โปรดติดตามเย็นนี้!” โคศกพากย์
“ฮ่าๆๆ...!!” ว่าจบทุกคนที่เล่นอยู่ด้วยกันก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ฮะๆ เล่นอะไรกันเนี่ย?” น้องหอมว่ายิ้มๆ “เอาล่ะ ไปจัดการเรื่องนั่นต่อดีกว่า..."
ปี 2 ห้อง A
“เฮ้ย! น้องคนนั่นน่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ เข้าไปทักกันเหอะ” ปี 2 คนหนึ่งในห้องว่า
“ไหนๆ?” ทันทีที่ได้ยินเพื่อนต้นเสียงพูดขึ้น ทุกคนที่นั่งกินข้าวกันเป็นกลุ่มก็หันไปมองเป็นตาเดียวกัน “โห~! น่ารักเว้~ย...!”
“เดี๋ยวก่อน! นั่นมันทีน่า ปี 1 ห้อง A เด็กของสไตรฟไม่ใช่เหรอ?” หนึ่งในกลุ่มว่า
“เฮ้ย! จริงด้วย!” อีกคนสมทบ
“คนนี้เหรอน่ะ?” เจ้าของเสียงคนแรกเอ่ยถาม
“ใช่! คนนี้แหละ ไม่แปลกเลยที่สไตรฟจะสน สวยขนาดนี้ไม่ชอบก็บ้าแล้ว” คนที่เอะใจได้คนแรกบอก
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ... ขืนไปเกาะแกะเด็กของสไตรฟ มีหวังโดนหมอนั่นเจื๋อนเอาแน่ๆ เลย” คนสุดท้ายของกลุ่มว่า พร้อมกับทุกคนที่พยักหน้าตอบรับ
‘เอ... เหมือนจะไม่อยู่...’ ทีน่าที่เดินข้ามตึกมาตึกปี 2 ส่ายหน้าบอกตัวเอง หลังมองเข้าไปไม่เห็นคนที่ตนตั้งใจมาหาอยู่ในห้อง ‘สงสัยขึ้นไปบนดาดฟ้าล่ะมั้ง...’
“หาใครอยู่...?” ไม่ทันไร เสียงคนที่เธอตามหาอยู่ก็โผล่มาข้างหลังพอดี
“รุ่นพี่คลาวด์!” ทีน่าที่หันมาหาคลาวด์ด้วยความตกใจ เมื่อรุ่นพี่หนุ่มที่ถือถุงใส่ขนมปัง 4 ห่อ และ เครื่องดื่ม 4 กล่องในมือ จู่ๆ ก็โผล่มาข้างหลังเธอ “ตกใจหมดเลย...”
“โทษที... ว่าแต่มีธุระอะไรที่นี่เหรอ?” คลาวด์ถามซ้ำ
“มาหารุ่นพี่นั่นแหละคะ... เออ... คือ... ว่า....” ทีน่าที่กล่าวเริ่มต้นบทสนทนา ทำท่าเหมือนจะบอกอะไรบางคลาวด์ แต่เหมือนไม่กล้าพูดออกมา เธอหยุดนิ่งลงครู่หนึ่ง สูดหายเข้าลึกๆ ก่อน ก้มหัวลงเอ่ยขอโทษ “ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ฉันทำผ้าเช็ดหน้าของรุ่นพี่หายไปไหนก็ไม่รู้คะ...”
“...” คลาวด์ไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มมองที่หน้าที่ก้มหัวอยู่ข้างหน้าด้วยหน้าตานิ่งๆ พลางล่วงมือข้างที่ว่างอยู่ลงไปในกระเป๋ากางเกง ในขณะที่ทีน่าหลับตาปี๋รอฟังคำติที่เธอคิดว่าคลาวดะว่าเธอ แต่แล้ว “อะนี่...”
แหมะ... กริ๊~งๆ...!
“เอ๋~?” ทีน่าที่เงยหน้าขึ้นมองบางอย่างที่คลาวด์ยื่นมาแปะหัวเธอเบาๆ ก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วยิ้มถามคลาวด์ด้วยความดีใจ “ปุกปุย!”
‘ปุกปุย?’ คลาวด์ตีคิ้วน้อยๆ (และเช่นเคย น๊อ~เดียว) รับไม่ได้กับชื่อพวงกญแจ
“ปุกปุย กับ ผ้าเช็ดหน้า รุ่นพี่ไปเจอที่ไหนคะ?” ทีน่าเอ่ยถาม เมื่อพวงกุญแจสุดรักสุดหวงที่เธออกตาหามาตั้งแต่เช้า และ ผ้าเช็ดหน้าซึ่งตนขอยืมมาเพื่อเอาไปความสะอาด ที่ควรจะหายไป กลับมาอยู่กับคลาวด์
“เพื่อนฉันไปเจอมันหล่นอยู่ด้วยกันเลยเก็บมาให้...” คลาวด์ตอบเรียบๆ (อันที่จริง แอบจิ๊กมาตอนเอามือไปคล้ำโต๊ะไลท์)
“เออ... ขอโทษนะคะ” ทีน่าก้มหัวขอโทษอีกครั้ง “ฉันผิดเองค่ะ ทั้งๆ ที่บอกว่าจะรับผิดชอบเอาไปซักให้แต่กลับทำหาย ฉันนี่แย่จริงๆ...”
“เอาเถอะ... ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร...” คลาวด์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ดูสิ ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนฝุ่นหมดเลย...” ทีน่ามองดูผ้าเช็ดหน้าในมือคลาวด์ที่สกปรกจนดูไม่ได้ “ฉันขอเอาไปซักให้นะคะ... คราวนี้ฉันสัญญาค่ะว่าจะดูแลให้ดีค่ะ”
“ก็เอาสิ... อะนี่…” คลาวด์ยื่นผ้าเช็ดหน้า และ พวงกุญแจในมือให้ทีน่า “พวงกุญแจนี่ก็รักษาดีๆ ด้วย...”
“ค่ะ” ทีน่ารับของทั้ง 2 มาด้วยรอยยิ้ม ‘รุ่นพี่ใจดีจัง...’
“ฉันถามอะไรได้ไหม?” คลาวด์ว่า
“อะไรเหรอคะ?” ทีน่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เธอ...” คลาวด์ยื่นหน้าลงมากระซิบถามทีน่า ทำเอาเด็กสาวหัวใจเต้นหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันไรหน้าแดงๆ แสนสวยของเธอถูกแทนที่ด้วยหน้าที่ซีดลงพร้อมกับตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ “เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ที่ห้องของเธอถูกถล่มจนเละเมื่อวานนี้...?”
“เออ... คือ...” ทีน่าที่ถูกถามเรื่องที่ตนถูกสั่งห้ามว่าไม่ให้ใครรู้ ก้มหน้าหลับตาคลาวด์อย่างลุกลี้ลุกลน ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง ด้วยนิสัยซื่อที่โกหกใครไม่เป็นของเธอ ทำให้เธอแก้ปัญหาด้วยวิธีสุดท้ายที่ได้รับการสอนไว้... วิ่ง! “ขอโทษนะคะ...”
หมับ!
“อะ…” ทีน่าหยุดลงเนื่องจากคลาวด์มือที่เอื้อมมาคว้าแขนหยุดเธอไว้ หันมามองคลาวด์ด้วยท่าทีลำบากใจ แต่แล้ว
“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก... ฉันไม่ได้คาดคั้นเธอ...” คลาวด์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ “แต่ถ้าอยากได้คำปรึกษาอีกล่ะก็ มาฉันได้นะ...”
“…” ทีน่าหยุดลงมองคลาวด์อึ้งๆ ก่อนพบยิ้มด้วยความตื้นตันใจ นอกจากครอบครัวของเธอแล้วไม่มีใครดีกับเธออย่างงี้มาก่อน ทีน่าไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจของรุ่นพี่ผู้แสนดีคนนี้ยังไง ตอนนี้เธอทำได้แต่ “ขอบคุณนะคะ... ขอโทษที่ฉันบอกไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไร...” คลาวด์ว่าพร้อมยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย (อย่างที่รู้กัน น๊อ~ยเดียว) ทำเอาคนในห้องที่เห็นเหตุการเบิกตากว้างมองตาค้าง ก่อนพากันเอามืออุดปากไม่ให้หลุดอุทาน ‘เฮ้ย...! คลาวด์ สไตรฟยิ้ม…!’ ออกไปทำลายบรรยากาศความซึ้ง
“ขอโทษค่ะ...” ทีน่าก้มหัวขอโทษเป็นครั้งสุดท้ายก่อน เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี
‘ทำไม... ฉันถึงสนใจเด็กคนนี้นักนะ...?’ คลาวด์คิดในใจ ‘เพราะเหตุการณ์ที่เจอกันในวันแรกงั้นเหรอ...? หรือเพราะภาพหลอนเมื่อวานนี้...?’
‘ทำไมเธอต้องแบกมันไว้คนเดียวล่ะ!?/ปลดปล่อยมันออกมา แล้วมันจะดีเอง...’
คำพูดของเพื่อนรัก และ คนที่ปรากฏตัวทับภาพของทีน่าดังก้องอยู่ในหัวของเขา
‘อาจเป็นเพราะ... เธอ... ดูเหมือน... กับตัวฉันเองก็ได้...’ คลาวด์ยืนนิ่งคิดในใจขณะหันมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างที่อยู่ตรงทางเดินระหว่างห้องเรียน
“ชายหนุ่มหัวโบะบอก ‘นี่ของที่หาย ฉันหามาให้แล้ว’ ทันที่เด็กสาวน่ารักเห็นของทั้งสองอย่างก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วตอบกลับไปว่า ‘ขอบคุณค่ะ’ ชายหนุ่มก็เอ่ยต่อว่า ‘ฉันหาของให้เธอแล้ว ฉันขออะไรเธอได้เปล่า?’ เด็กสาวถามขึ้น ‘อะไรเหรอคะ?’ ชายหนุ่มกระซิบบอกเบาๆ ‘ฉันชอบเธอ ขอคบกับเธอได้ไหม?’ เด็กสาวตกใจทำตัวไม่ถูก ด้วยความใสซื่อไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยทำท่าจะวิ่งจากไปด้วยความสับสน แต่ถูกชายหนุ่มคว้าแขนไว้แล้วบอกว่า ‘ไม่ต้องรีบก็ได้ พร้อมเมื่ไหร่ค่อยบอกคำตอบ’ เด็กสาวหันกลับมาก้มหัวลงกล่าวขอโทษ ‘ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ต้องตอบยังไง ขอคิดดูก่อนนะคะ’ เด็กหนุ่มหน้าตายกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยทำเอาคนรอบๆ ช็อคไปตามๆ กัน ก่อนเอ่ยบอก ‘แล้วจะรอนะ’ เด็กสาวกล่าวขอโทษอีกทีหนึ่งแล้วเดินจากไป ทิ้งให้ใช้หนุ่มยืนมองฟ้าคิดในใจว่าเธอจะตอบเขาว่ายังไงน้~า...” เสียงพากย์กวนๆ ปนทะเล้นดังมาจากหนุ่มขี้เล่นตรงบันไดทางขึ้นดาดฟ้า “ต้องเป็นอย่างงี้แน่เลย…! ใช่มะ!?”
“ต้องใช่แน่ๆ เลย!” เสียงตอบรับแสดงความเห็นด้วยที่นุ่มลื่นหูจากหนุ่มหน้าหวานใกล้ๆ ดังตามา “คลาวด์ของพวกเราเข้าสู่ชีวิตรักวัยรุ่นแล้~ว”
“ฉันว่า... ไม่ใช่มั้~ง...?” เสียงค้านขัดๆ ของหนุ่มเวอร์จิ้นผู้รักดอกไม้ดังปิดท้าย
3 สหายของคลาวด์ที่นั่งซุ่มโผล่หัวออกมาดูเหตุการณ์อยู่ที่บันได ซุบซิบนินทาเพื่อนหัวตั้งของของตนอย่างออกรส
“ถ้าไม่ใช่แบบนี้ แล้วเป็นยังไงล่ะ?” ทีดัสเอ่ยถาม
“นั่นสิฟี่เรี่ยน?” เซซิลสมทบ
“ก็... ประมาณว่า... ฉันเก็บของที่เธอทำตกได้ แล้วก็บอกว่าอย่าทำหายอีก ทีน่านึกว่าคลาวด์โกรธ ก็เลยพูดขอโทษแล้ววิ่งหนีไปอย่างอายๆ แต่คลาวด์ก็ดึงไว้บอกว่าไม่ได้โกรธ แค่เตือนเฉยๆ ทีน่าเลยขอบคุณ แล้วก็แยกกัน แบบนี้มากกว่า...” ฟี่เรียนว่า
“...” เซซิล และ ทีดัส หรี่ตามองฟี่เรี่ยนด้วยสายตาไม่เห็นด้วย ก่อนถอนใจทำท่าเหมือนกำลังสมเพชเพื่อนหนุ่มผู้รักดอกไม้อยู่ยังไงยังงั้น
“อ้า~ว!? ทำไมล่ะ!?” ฟีเรี่ยนถามอย่างร้อนตัว
“ฟี่เรี่ยน...” ทั้ง 2 ก้มหน้าจับไหล่เพื่อนคนล่ะข้าง ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตาหนุ่มเวอร์จิ้น “นายมันไร้ความโรแมนติค (สมฉายาหนุ่มเวอร์จิ้น) จริงๆ...”
“อา...” ฟีเรี่ยนทำหน้าเหวออ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก ขณะที่อก 2 หน่อพากันหันกลับมาซุบซิบกันอีกครั้ง
“คลาวด์! ฉันเชียร์นายเต็มที่! ใช่มั้ยเซซิล!?” ทีดัสว่า
“คลาวด์! ฉันพร้อมช่วยนายเสมอ! ใช่มั้ยทีดัส!?” เซซิลว่า
“ใช่แล้ว เซซิล/ทีดัส…!” ทั้ง 2 เอาแขนคล้องกันก่อนว่าขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “เพื่อโบะของเรา พวกเราจะรอดูความก้าวหน้า และ พร้อมเป็นกำลังใจนาย คลาวด์!”
“เออ... เฮ้~อ... เอาเหอะ...” ฟี่เรียนทำท่าจะเอ่ยขัด แต่ก็ตัดใจปล่อยให้ทั้ง 2 คิดจิตนาการเป็น นิยายรักแฟนตาซีขอพวกเขาต่อไป
“พวกนายเล่นอะไรกัน...?”
“เหวอ! มาเมื่อไหร่น่ะคลาวด์!?” ที่สะดุ้งร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นคลาวด์มาปรากฏตรงหน้า
“เมื่อกี้...” คลาวด์ตอบ ก่อนเดินถือถึงอาหารเที่ยงที่ทุกคนฝากซื้อเดินตรงขึ้นไปบนดาดฟ้า พร้อมกับประกาศเตือนเรียบๆ “ขนมปังใส่เดรกเหลือแค่ 3 อัน ใครช้าอด...”
“เฮ้ย! รอด้วย!” ทั้ง 3 รีบวิ่งตามเพื่อนหนุ่มหัวโชโคโบะขึ้นไปทันที
เลิกเรียน
“อากริอัส ไปซื้อของทำรายงานด้วยกันมั๊ย?”
“อืม... ก็ได้ ฉันพาโอลิเวียร์ไปด้วยนะ มัสทาดิโอ”
“เฮ้! ฉันไปด้วยสิ! นายไปด้วยมั้ยมิวท์?”
“เออ... ฝากซื้อได้ปะ วันนี้ไม่ว่างน่ะ มาร์ช”
“สคอลล์!” สคอลล์ที่ได้ยินเสียง2 ลิงจอมป่วน ลุกจากโตะเขยิบออกข้างตัวทันที
แป๊~ก!
“ฮ่าๆ! พวกเราไม่ติดกับมุขเดิมๆ ของนายหรอก” บัทส์ และ ซีดานหัวเราะขณะยืนเท้าเอวยืนโชว์ชุดเกราะที่ตนเอางัดเอาโต๊ะตัวเองมาประกอบเข้ากับตัว ลดแรงกระแทกจากโต๊ะที่สคอลล์เดินหลีกให้พวกเขาพุ่งไปชน
“เป็นไงล่ะ! นายหมดวิธีมาหยุดพวกเราแล้ว” ซีดานว่า
“ยอมรับความผ่ายแพ้มาซะดีๆ” บัทส์สมทบ
“อะไรก็ช่าง...” ว่าจบ สคอลล์ก็เอากระเป๋าพาดบ่า แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะเหลี่ยวแลทั้ง 2 ลิงที่งัดโต๊ะมาทำเป็นชุดเกราะโชว์
“เดี๋ย~ว! พวกเรากลับด้วย! เหว~อ!”
โครม!
“อู~ย... เจ็บ!” คำพูดประโยคเดิมดังขึ้นมาจากปากของ 2 จอมซนอีกครั้งหลังส่วนหนึ่งชุดเกราะโต๊ะของพวกเขายื่นไปขัดขากันเอง จนล้มหน้าขะมำ
“หัวหน้าทัพสคอลล์ถอยทัพหนีเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันโดยไม่จำเป็น แม้จะเป็นชัยชนะของพันธมิตรทั้ง 2 แต่อาวุธของพวกเขากลับย้อนมาทำลายพวกเขาเอง เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นยังไง โปรดติดตามวันพรุ่งนี้” โคศกเอ่ยพากย์อยู่ตรงกลางเหล่าพลสวมหมวกทหารถือปืน และ ธงรบยืนเป็นแบ็กกลาวด์ (คราวนี้มาแนวสงครามแฮะ)
“ซีดาน... ในที่สุด... เราจะชนะแล้ว!” บัทส์พูดขณะทำท่าซาบซึ้ง
“ใช่บัทส์... เราชนะ... แต่เรายังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ” ซีดานทำเช่นเดียวกัน
“อื้ม!” ทั้ง 2 คนพยักหน้าให้กันก่อนถอดชุดเกราะโต๊ะมาประกอบเขาเหมือนเดิมด้วยความเร็วแสง หยิบกระเป๋าขึ้น และ “รอด้วยสคอลล์...!”
“เฮ้~อ... ฮ่าๆๆ...” เหล่าโคศกและผู้ประกอบฉากถอนใจยิ้มๆ ก่อนพากันหัวเราะอย่างอดไม่ได้กับแก๊ง 3 ช่าของพวกเขา (จริงๆ แล้ว 2 ช่า กับอีกคนหนึ่งที่ถูกตามตื้อ)
หลังที่เก็บพาหนะโรงเรียน
“ออนเนี่ยน เธอจะพาฉันไปไหน?” ทีน่าที่ถูกออนเนี่ยนพาวิ่งมาที่หลังโรงเก็บรถเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พามาดูที่สัญญาไว้ไง!” ออนเนี่ยนว่า ก่อนลากทีน่ามาหยุดลงตรงหน้ากำแพงข้างโรงเก็บรถที่เธอเคยมาจ๊ะเอ๋กับเหล่าเด็กเกเรดวงซวยกลุ่มนั่น
“ดูนี่นะ” ออนเนี่ยนว่าก่อนเตะเข้าไปที่มุมกำแพงเป็นจังหวะ 9 ทีเหมือนเซฟ
วืด!
“ห~า?” ทีน่ามองถาพเบื้องหน้าอย่างตื่นตา เมื่อกำแพงหน้าตนแหวกออกให้เห็นประตูเหล็กที่ซ่อนอยู่หลังมัน
“เข้ามาดูสิ!” ออนเนี่ยนว่าพลางเปิดประตูเข้าไป เห็นเป็นห้องเล็กๆ ที่มีผนัง พื้น และ เพดานเป็นเหล็ก ตามมุมห้องมีไม้ และ ลังไม้เก่าวางไว้เต็มไปหมด “นี่เป็นห้องลับอีกห้องหนึ่งของโรงเรียน”
“เธอหาห้องนี้เจอได้ไง?” ทีน่าเอ่ยถาม
“ว่ากันส่าโรงเรียนนี้สืบทอดกันมานานหลายชั่วอายุคน ฉันเข้าไปค้นประวัติในห้องสมุดดู เขาบอกว่า เคยมีห้องเก็บเสบียงลับที่ทหารมาจิเทคเคยสร้างไว้ตอนโรงเรียนถูกพวกจักรวรรดิยึดเอาเป็นที่มั่นสู้กับกลุ่มต่อต้านอยู่แถวๆ นี้ พอมาลองเตะเป็นจังหวะแบบครูเซฟดูรอบๆ ก็เจอที่ห้องเนี่ย” ออนเนี่ยนบอก
“เก่งจังเลย” ทีน่าเอ่ยชม
“แหะๆ ฉันฉลาดไม่เบาเลยนะจะบอกให้” ออนเนี่ยนเอ่ยชมตัวเอง “แค่ห้องลับแบบนี้ หาได้ง่ายๆ สบาย (อันที่จริงออกตามหามาตั้งหลายที่ ทั้งบนหลังคา ตามซอกมุม ในห้องต่างๆ แต่ก็ไม่เจอซักที่ ดันฟลุ๊คเจอตอนเดินมาเตะกำแพงระบายอารมณ์)”
“แล้ว... มันจะช่วยฉันได้ยังไงเหรอ?” ทีน่าถามย่างไม่เข้าใจ
“ก็เมื่อไหร่ที่เธอรู้สึกว่าจะกลายร่างที่โรงเรียนล่ะก็ ฉันจะพาเธอมาหลบที่นี่ ในนี้เป็นห้องเหล็กของทหารสมัยก่อน คงพอต้านทานพลังของเธอได้ พออาลางวาทเต็มที่ จนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ฉันก็จะพาเธอออกมาไง” ออนเนี่ยนอธิบาย
“เธอ... จะพาฉันมาไหวเหรอ?” ทีน่าก้มลงมองออนเนี่ยนที่ตัวเล็กว่า พร้อมปรากฎไกด์ไลน์เส้นประวัดระดับความสูงของเขา และ เธอ ทำให้เธอยิ้มออกมาแห้งๆ ขณะคิดในใจ ‘คงไม่ได้หรอกมั้ง...’
“ได้สิ! เห็นตัวเล็กๆ อย่างงี้ แต่ฉันแข็งแรง และ เร็วกว่าที่เห็นนะ” ออนเนี่ยนบอก “แค่อุ้มเธอมานี่น่ะ สบาย! ต่อให้จากชั้นบนสุดของอาคารใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ”
“จริงเหรอ?” ทีน่าถามอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“มันคงไม่ยุติธรรมถ้าเธอให้ฉันรู้ความลับของเธอฝ่าย ฉันบอกความลับของฉันด้วยแล้วกัน” ออนเนี่ยนขณะเอามือเกาหัว “เธออาจจะไม่เชื่อนะ... คือ... ฉันเป็นนินจา”
“หื~อ” ทีน่ากระพริบตาปริบๆ หน้าตาที่โกหกไม่เป็นสื่ออกมาได้ชัดเลยว่าไม่เชื่อสักเท่าไหร ทำให้น้อยหอมกุมขมับอย่างอายๆ
“ไม่เชื่อดูนี่ ฮึบ!” ว่าจบออนเนี่ยนก็กระโดดโชว์ที่น่าขึ้นไปยืนมองเธอบนหลังคาโรงเก็บรถ ก่อนกระโดดลงมายืนอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึงของเด็กสาว
“ว้า~ว...” ทีน่าพูดออกมาได้คำเดียว
“เป็นไง? เชื่อใจฉันรึยัง?” ออนเนี่ยนถาม
“อื้ม!” ทีน่าพยักหน้ายิ้ม ก่อนยกนิ้วก้อนขึ้นมาโชว์ “ก็เราสัญญากันไว้แล้วนี่นา”
“ฮะๆ อื้ม!” น้องหอมยิ้มตอบก่อนยกนิ้วก้อยขึ้นมาโชว์บ้างแล้วหัวเราะไปด้วยกัน
“ฮะๆ เฮือ~ก!”
ตึกตัก!
ช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเขาช่างน้อยนิด เมื่ออาการก่อนการกลายร่างของทีน่าปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
“ออนเนี่ยน...” ทีน่าพูด้วยเสียงอ่อยๆ
“ทีน่า!?” ออนเนี่ยนที่เห็นทีน่าที่มีอาการแปลกๆ เอ่ยเรียก ก่อนจะรู้สึกตัว “หรือว่า!? จะกลายร่างงั้นเหรอ?”
“...” ทีน่าพยักหน้าตอบเบาๆ ขณะสายตาเริ่มเรือนราง
“รีบเข้าไปในห้องเร็ว! ฉันจะคอยดูต้นทางให้!” ออนเนี่ยนว่าเตรียมพร้อมยืนประจำการที่หน้าประตู
“อะ... อืม...” ทีน่าที่แทบจะไม่เหลือสติอยู่กับตัวยิ้มให้ออนเนี่ยนก่อนรีบเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับน้องหอมที่ปิดประตูลงกลอนล๊อคจากด้านนอกไว้
‘ขออย่าให้เป็นไรเลยนะ’ น้อยหอมคิดวิตกในใจขณะมองดูประตูห้องที่ทีน่าเดินเข้าไปด้วยความเป็นห่วง
ทีน่าที่เดินเข้ามาในห้อง ใช่แรงเฮือกสุดท้าย มองรอบๆ ว่า ไม่มีใครหรือตัวอะไรที่จะพร้อมโดนลูกหลงจากการระเบิดพลังของเธอ
เมื่อมองดูจนแน่ใจแล้วจริง เอ่ยขอบคุณออนเนี่ยนอยู่ในใจ ขณะค่อยๆ หลับตาลงปล่อยให้พลังที่กำลังเอ่อล้นออกมายึดเอาร่างเธอไปอีกครั้ง ระหว่างนั่น เธอก็นึกดีใจที่ได้มาเรียนที่ดิสสิเดียแห่งนี้ นอกจากมีเพื่อนที่เข้าใจและคอยให้ความช่วยเหลือเธอแล้ว ยังมีรุ่นพี่ใจดีผู้แสนอบอุ่นที่คอยแนะนำเรื่องต่างๆ ด้วย เธอยิ้มออกมาอย่างสงบใจพร้อมปล่อยตัวให้สินสติไป แต่แล้ว!
“นี่มันอะไรเนี่ย...?”
ไม่รู้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนอะไรที่ทำให้เธอต่อคอยเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อย ทีนาที่ได้ยินเสียงเหมือนมีคนนอกเดินเข้ามาในห้องเบิกตากว้างหันไปมองที่ประตูห้องที่ออนเนี่ยนเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่พบใคร จึงหันกลับมาอีกทาง และต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบประตูที่ปรากฏขึ้นอีกทางหนึ่งที่น่าจะเป็นข้างในโรงรถ แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจแถบหลุดออกมาจากอกไม่ใช่ประตูที่โผล่มาอีกทางอย่างคาดไม่ถึง แต่เป็นผู้มาเยือน ที่เข้าห้องมาโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งเขาคนนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก
“ระ... รุ่นพี่... คลาวด์....” สิ้นเสียงเรียกชื่อแขกไม่ได้รับเชิญด้วยแรงเฮือกสุดท้ายอันน้อยนิดของเธอ พลังเอสเปอร์ก็เข้าควบคุมร่างของเธอโดยสมบูรณ์
ความคิดเห็น