คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Match 1 เหล่าเจ้าชายลูกสักหลาด กับเหตุการณ์ประหลาด ณ สนามชมรม
Match 1
เหล่าเจ้าชายลูกสักหลาด
กับเหตุการณ์ประหลาด ณ สนามชมรม
“สามหาวเกินไปแล้วนะ ขงเบ้ง!!”
“เจ้ามันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่คอยรับใช้ไอ้เชื้อพระวงศ์จอมปลอมนั้นเท่านั้น!!”
“นี้เหรอคนที่พวกเราควรลดตัวลงลงไปจับมือร่วมเป็นพันธมิตรด้วย!!”
“พวกท่านต่างว่าข้าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลองมองย้อนกลับมาดูตัวท่านเองบ้างสิ! พวกท่านมีทั้งกำลังพล! มียุทโธปกรณ์ครบครัน! มีทั้งทรัพยากรที่เพียบพร้อม! มิหนำซ้ำ! พวกท่านยังมีขอได้เปรียบเรื่องสมรภูมิรบ! แต่พวกท่านกลับเสนอให้นายของตนเองยอมก้มหัวให้กับไอ้โจรกังฉิน! แล้วยังมีหน้ามาอ้าปากเอ่ยดูถูกท่านเล่าปี่นายข้าอีกงั้นเหรอ!! คนอย่างพวกท่านควรถอดชุดขุนนางอันสง่างามคืนราชสำนักแล้วไปใส่กระโปรงซะ!!!”
แสงสว่างจ้าสีขาววาบผ่านทำให้ภาพคนๆ หนึ่ง ผู้ซึ่งกำลังโบกสะบัดพัดในมืออย่างเกรี้ยวกราดชี้หน้าต่อว่ากลุ่มคนที่รายรอบตนอยู่ค่อยๆ หายวับไป ก่อนปรากฏภาพชายคนหนึ่งยืนคุยกับชายอีกคนด้วยท่าทางกลัดกลุ้มเหมือนกำลังปรึกษาบางอย่าง
“พวกขุนนางขอให้ข้ายอมสยบแก่โจโฉเพื่อประชาราชจะได้อยู่กันอย่างสงบสุขแต่ตัวข้า... เฮ้~อ...ท่านพี่จิวยี่ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“ซุนกวน... ก่อนที่ท่านจะถามข้าขอให้ท่านถามตัวเองก่อนซิว่า ใจท่านกำลังต้องการอะไร…”
“ข้าต้องการรบ...”
“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว... ได้เวลาเปิดศึกผาแดงกันแล้ว…”
แสงจ้าวาบกลับมาอีกครั้งพร้อมกับภาพสมรภูมิรบกลางน้ำที่เต็มไปด้วยเรือรบโบราณรบแสนกำลังพุ่งเข้าหากันพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนบนพื้นน้ำสุดลูกหูลูกตา
“เล่าปี่! ซุนกวน! จิวยี่!! ไอ้ขงเบ้ง!! ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า…!!!”
ปึก~!
“หื~ม...” เด็กหนุ่มผู้อยู่ในห้วงนิทราหลุดออกมาจากโลกแห่งความฝันด้วยแรงกระทบของหนังสือเล่มเล็กๆ ในมือขอครูที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะที่เจ้าตัวฟุบหลับ
“เอาอีกแล้วนะเอจิเซน ถ้าคราวนี้ตอบคำถามครูไม่ได้ล่ะก็เตรียมไปยืนนอกห้องเลยนะ” ครูสาวกอดอกขณะมองดูลูกศิษย์ขี้เซาค่อยขยี้ตาพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ
“ยังไม่หมดชั่วโมงอีกเหรอฮะ...” เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาคมสวยสีเดียวกับเส้นผม ตัวไม่สูงนัก หน้าตากวนๆ ท่าทางเงียบๆ ไม่ค่อยพูด เอ่ยถามครูหน้าตาเฉย
“ยังมีหน้ามาถามอีก! เดี๋ย~วเหอะ!”
“ฮ~ะๆ... ถามอะไรก็ถามมาฮ~ะ…” เด็กหนุ่มพูดกวนๆ
“ก็ได้…” ถึงกับน๊อตหลุด “คำถามแรก!”
“ซวยแล้วเอจิเซน พูดขึ้นมาอย่างงี้ อาจารย์เตรียมกราดคำถามใส่นายแหงมๆ” เด็กหนุ่มผมทรงลานบินสีน้ำตาลหน้าตาดูติ๊งต๊องนิดๆ กระซิบบอกตัวต้นเรื่อง
“กุนซืออัจฉริยะแห่งแคว้นจ๊กก๊ก เจ้าของฉายามังกรหลับ ผู้เป็นหนึ่งในสุดยอดจอมปราชญ์แห่งแผ่นดินจีนมีนามว่าอะไร!”
“เออ...” เด็กหนุ่มผู้ถูกมีนามว่าเอจิเซนขึ้นต้นด้วยคำสุดคลาสสิคของสากลโลกที่คนส่วนใหญ่จะเอ่ยขึ้นเวลาคิดอะไรไม่ออก
“จะไหวมั้ยนะ เรียวมะคุง?” เด็กหนุ่มผมทรงกะลา (หรือที่เขาเรียก ทรงหัวเห็ด) ผู้นั่งอยู่ตรงโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลนักกระซิบถามเพื่อนข้างๆ
“ไม่น่าจะไหว ขนาดพวกเราตั้งใจนั่งฟังครูพูดตลอดยังไม่รู้เรื่องเลย” เด็กหนุ่มผมสกินเฮดข้างๆ กระซิบตอบ
‘ก็เห็นๆ อยู่ว่าหลับ แล้วจะให้ไปตอบได้ไง...’ เอจิเซนคิดขณะทำท่าเหมือนจะยอมรับชะตากรรมบอกว่าไม่รู้ แต่ทันใดนั้น วา~บ แสงจ้าสีขาวที่เห็นในฝันเมื่อกี้ปรากฎขึ้นในหัว ‘เจ้าจะสามหาวเกินไปแล้วนะ ขงเบ้ง!!’
“ว่าไง” ครูสาวเอ่ยเร่ง “ตอบไม่ได้สินะ งั้นออกไปยืน”
“ขงเบ้ง...” เอจิเซนตอบหน้าตายเหมือนกับไม่ได้คิดอะไรแต่คำตอบนั้นกลับทำให้อาจารย์เจ้าของคำถามถึงกับยืนอึ้งไปในทันใด”ถูกมั้ยฮะ?”
“ถ. ถูก... อ. เอาล่ะ ข้อต่อไป” ครูสาวได้สติกลับมาถามต่อ
‘เมื่อกี้มันอะไร...?’ เอจิเซนคิด
“ขุนพลแห่งง่อก๊กผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพในศึกกลางน่านแยงซีน้ำครั้งนี้มีนามว่าอะไร”
วา~บ!
‘ท่านพี่จิวยี่ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?’
“เออ... “แสงจ้ากลับมาอีกครั้งทันทีที่เอจิเซนทำท่าจะตอบ “จิวยี่ มั้งฮะ?”
“ถ. ถูกต้อง คำถามสุดท้าย... ศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกว่าเป็นการรบที่กำลังพลนับล้านต้องมาพ่ายให้กับการร่วมกันวางแผนของ 2 ในสุดยอดนักปราชญ์แห่งแผ่นดินจีนครั้งนี้มีนามว่าอะไร”
วา~บ!
‘ได้เวลาเปิดศึกผาแดงกันแล้ว…’
“ผ่าแดง... ใช่รึมั้ยฮะ...?” และอีกครั้งแสงจ้าดวงเดิมปรากฎขึ้นในหัวเด็กหนุ่มพร้อมกับคำพูดที่มีคำตอบแฝงอยู่ข้างใน
“ถ.ถ.ถ. ถูกต้อง...” ครูสาวมองนักเรียนจอมขี้เซาของตัวเองอย่างไม่เชื่อหูว่าคนที่หลับเกือบทั้งคาบกลับรู้กลับคำตอบในจุดที่เธอยังไม่ได้กล่าวถึง “เก่งมากเอจิเซน แสดงศึกษามาก่อนสินะ ดีมาก แต่คราวหน้าถึงจะรู้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็ต้องตั้งใจฟังครูสอนนะ เกรงใจเพื่อนๆ ที่เขายังไม่รู้บ้าง“
“ฮ~ะ...” เอจิเซนรับคำ
“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันต่อ กลยุทธ์ที่จิวยี่ใช้ในการ...”
“นายเคยอ่านเรื่องสามก๊กด้วยเหรอ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลยเด็กหนุ่มหน้าตาติ๊งต๊องข้างๆ ว่า
“อ๋อ~งั้นเหรอ...” เอจิเซนตอบปัดๆ ขณะคิดในใจ ‘เมื่อกี้มันอะไรน้า...?’
กิ๊~ง..!. กอ~ง...! กา~ง...! ก่อ~ง...!
“โอเค ทุกคนเก็บกระเป๋าได้ พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันที่กลยุทธ์การหลอกเอาธนูแสนดอกจากโจโฉของขงเบ้ง เลิกเรียนได้” ทันทีที่พูดจบครูสาวก็เดินออกจากห้องพร้อมกับเสียงฮือฮาของเล่านักเรียนที่ดังขึ้นตามปกติในเวลาหมดคาบเรียนสุดท้ายขอวัน
“ไปชมรมกันเหอะ” เด็กหนุ่มหน้าติ๊งต๊องเรียกเพื่อนที่ยังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะ
“อืม...” เอจิเซนขานรับขณะคิดในใจ ‘ฝันอะไรก็ไม่รู้...’
ชมรมเทนนิส เซงาคุ
“ขอโทษค่ะรุ่นพี่อิโนอุเอะ ในเมืองรถติดมากเลยมาช้าไปหน่อย” สาวหญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาชายอีกคนหนึ่งที่ยืนรออยู่หน้าลูกกรงกั้นคอร์ดเทนนิสอย่างรีบร้อน
“เฮ้~อ... เธอนี้จริงๆ น้า...” ชายผู้รอค่อยกุมขมับ “ช่างเถอะ ไหนล่ะเด็กฝึกงานที่ว่าน่ะ?”
“คุณชิบะ รอผมด้วยสิคร๊~าบ...” ชายหนุ่มใส่แว่นท่าทางเงอะๆ งะๆ วิ่งตามหญิงสาวมาอย่างรีบเร่งไม่แพ้กัน
‘ชิบะก็คนหนึ่งแล้ว ยังมีมาเพิ่มอีกเหรอเนี่ย เฮ้~อ...’ ชายผู้รอคอยมองชายหนุ่มที่วิ่งมาหยุดยืนหอบอยู่ตรงหน้าตนอย่างเหนื่อยใจ “ฉันคงยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ สวัสดี ฉันอิโนอุเอะ มาโมรุต่อไปนี้ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงของเธอ ยินดีได้รู้จักนะ”
“อาเคชิ มาซารุ ยินดีได้รู้จักครับคุณอิโนอุเอะ ของฝากตัวด้วยนะครับ” หนุ่มแว่นแนะนำตัว
“เอาล่ะ อาเคชิคุง สำหรับวันแรกของเธอ ฉันจะพามารู้จักกับสมาชิกชมรมของที่นี้ก่อนเพื่อเป็นการฝึกเก็บข้อมูลเบื้องต้นของเธอเข้าใจมั้ย?”
“ครับผม” ชายหนุ่มขยับแว่นก่อนตอบรับอย่างขึงขัง
“ดีมาก เริ่มกันเลย ลองมองที่คอร์ดตรงนั้นซิอาเคชิคุง” อิโนอุเอะชี้มือไปยังคอร์ดทางซ้ายสุด “เห็นสองคนกำลังซ้อมกันอยู่มั้ย?”
“เอาละนะเอจิ!” ชายหนุ่มผมสกินเฮดพร้อมหางเต่าสองเส้นกลางหน้าผากเอ่ยขณะโยนลูกบอลขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ ก่อนเสิร์ฟไปแดนตรงข้ามอย่างสวยงาม
“มาเลยโออิชิ!” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงแสกกลางหัวขานรับก่อน กระโดดพุ่งตัวไปรับลูก ก่อนม้วนตัวกลับยืน แล้ววิ่งไปอีกฝั่งของคอร์ดเพื่อเตรียมรับลูกที่กำลังจะถูกฝาดกลับมา
“ว้า~ว...” อาเคชิอุทาน
“คนที่เป็นเจ้าของเกมเสิร์ฟในตอนนี้คือรองกัปตัน โออิชิ ชูอิจิโร่ ส่วนอีกคนคือนักเทนนิสนิสกายากรรม คิคุมารุ เอจิ” อิโนอุเอะเริ่มแนะนำสมาชิกในทีม
“สองคนนั้นคือคู่แร็กเก็ตทองแห่งเซงาคุใช่มั้ยครับ” อาเคชิถาม
“ถูกต้อง ต่อไป” อิโนอุเอะเลื่อนมือไปคอร์ดต่อไป “ส่วนนั้นก็อีกคู่หนึ่ง”
“เบรินนิ่~ง...!!” เด็กหนุ่มผมทรงลานบินสีน้ำตาลร้องตะโกนขณะฟาดใช้แร็กเก็ตตีแบ็คแฮนด์ส่งลูกลูกที่ลอยมากลับไปอย่างเต็มแรง
“อัตราการโต้กลับด้วยลูกแบ็คแฮนด์มาที่มุมซ้าย 90%” เด็กหนุ่มผมดำยุ่งๆ ผู้ซ่อนดวงตาไว้ภายใต้แว่นตากรอบเหลี่ยมเลนส์อย่างหนา บ่นพึมพำก่อนวิ่งไปรับลูกได้อย่างง่ายดาย
“คนที่กำลังตีลูกอย่างบ้าระห่ำตรงนั้นคือจอมพลังคาวามูระ ทาคาชิ ส่วนคนที่ใส่แว่นคนนั้นคือดาต้าเทนนิส อินูอิ ซานดะฮารุ”
“ทาคาชิ กับ อินูอิ ครับต่อไปใครครับ” อาเคชิเอ่ยขณะตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ข้อมูลลงไปยังเครื่องพีซีแบบพกพาของตนอย่างจดจ่อ
“โห~ ไฮเทคเหมือนกันนะเนี่ย” ชิบะชะโงกหน้าเข้ามาดู
“ต้องให้ได้นี้สิ เธอควรเอาอย่างอาเคชิบ้างนะชิบะ” อุโนอุเอะว่า
“ค่~า...” ชิบะว่าปัดๆ
“ต่อล่ะนะ ส่วนคนที่กำลังซ้อมแข่งกันอยู่ตรงนั้น”
“ย๊า~ก...!!/ชู่ว์...!!”
“หยั่งงั้นเรียกว่าซ้อมได้เหรอครับ~!?” อาเคชิถามขณะมองไปยังคอร์ดถัดมาที่มีเด็กหนุ่มสองคนกำลังโต้ลูกกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“แน่จริงโต้กลับมาให้ได้เซ่เจ้าอสรพิษ...!!” เด็กหนุ่มผมตั้งสีดำแหกปากตะโกนหลังตบลูกกลับไปเต็มแรง
“กระจอกน่า…!! ชู่…!!” เด็กหนุ่มผมดำโผกด้วยผ้าคาดหัวสีเขียวโต้กลับก่อนแหกปากตะโกนกลับพร้อมเป่าปากทำเหมือนเสียงงู
“เออ... เอาเป็นว่ากำลังแข่งกันอยู่แล้วกัน” อิโนอุเอะยิ้มแหย่ๆ ก่อนหันหน้ามาดูปฏิกิริยาของเด็กฝึกงานคนใหม่ที่ยืนเหงื่อตกขณะยังมองการซ้อมแข่งสุดดุเดือดอย่างไม่ละสายตา “คนผมดำตรงนั้นคือจอมฉวยโอกาส โมโมชิโระ ทาเคชิ ส่วนคนที่โผกผ้าโผกหัวนั่นคืออสรพิษ ไคโด คาโอรุ”
“เจ้าของท่าดังค์สแมช และ ท่าสเนคชอทใช่มั้ยครับ?”
“ใช่แล้ว” อิโนอุเอะพยักหน้าให้เด็กฝึกงานคนใหม่ที่ดูจะมีดีกว่าที่คิด
“แต่โหวกเหวกซะขนาดนั้น พวกเขาไปโกรธอะไรกันมาคะ?” ชิบะถาม
“2 คนนั้นดันไปเปลี่ยนชุดพร้อมกัน พอไปเจอกันหน้าห้องก็แย่งกันเข้าล๊อคเกอร์จนคนอื่นไม่เป็นอันได้ทำอะไร เทะสึกะเลยทำโทษให้วิ่งรอบสนามคนละ 20 รอบ 2 คนนั่นเลยต้องเอามาทะเลาะกันต่อบนคอร์ดเนี่ยแหละครับ” เด็กหนุ่มตาหยี่ ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่ากับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะหุบ ท่าทางเป็นมิตรลงผู้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เอ่ยขึ้นมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“อ้าวฟูจิคุง พอดีเลย อาเคจิคุงนี้”
“นักเทนนิสอัจฉริยะฟูจิ ชูสึเกะ ผู้ไม่เคยแพ้ในการเล่นเดี่ยว ถูกมั้ยครับ”
“ถูกต้อง” อิโนอุเอะว่าก่อนหันมาหาฟูจิ “ฟูจิคุงฉันขอแนะนำนะ นี้อาเคชิคุงเด็กฝึกงานคนใหม่ของบริษัทฉัน”
“อาเคชิ มาซารุ ยินดีได้รู้จักครับ” อาเคชิยื่นมือมาให้ฟูจิอย่างเป็นกันเอง
“ฟูจิ ชูสึเกะ ยินดีได้รู้จักเช่นกันครับ” ฟูจิยื่นมือมาจับกับอาเคชิ
“เออ ฟูจิคุง แล้วเทะสึกะคุงกับเรียวมะคุงล่ะ?” อิโนอุเอะถาม
“อ๋~อ... เทะสึกะอยู่ในล๊อคเกอร์น่ะครับ พวกปีสองว่ากันว่ากับกัปตันกำลังถูกใจรูปปั้นใหม่ที่อาจารย์ริวซากิเอามาไว้ในห้อง เห็นเอาแต่ยืนจ้องรูปปั้นนั้นตั้งนานแล้วก็ยังไม่ขยับตัวเลย” ฟูจิว่า
“รูปปั้นงั้นเหรอ~?” อิโนอุเอะเอามือจับข้างทำท่าครุ่นคิด
“ครับ รูปปั้นรูปชายหนุ่มผู้กล้าในชุดนักรบชั้นสูงถือดาบน่ะครับ” ฟูจิอธิบาย
“เอ๋~? เทะซึกะคุงมีรสนิยมอย่างนี้เหรอเนี่ย?” ชิบะว่า
“เธอเนี่ยน้า...” อิโนอุเอะส่ายหน้า
“...” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหยักศก ดวงตาคมกริบภายใต้แว่นใส ใบหน้าคมเข้ม ร่างสูงโปร่ง ผู้กำลังยืนมองรูปปั้นประหลาดที่ทำให้เขาได้เห็นภาพบางอย่างที่ทำให้เขาหยุดนิ่งเหมือนกับต้องมนต์สะกดอย่างใจจดใจจ่อ
“รูปปั้นนั้นมีอะไรงั้นเหรอฮะรุ่นพี่เทะสึกะ...?” เสียงผู้มาเยือนจากหน้าประตูห้องเรียกเอาความสนใจของหนุ่มแว่นให้หันไปหาต้นเสียง
“เอจิเซน... นายมาสายนะวันนี้...” เทะสึกะกล่าวทักให้เอจิเซนเด็กหนุ่มผมดำตาคมกริบท่าทางไม่ค่อยพูดจอมขี้เซาที่เพิ่งลงมาจากชั้นเรียนเพื่อเปลี่ยนชุดทั้งๆ ที่เพื่อนคนอื่นเปลี่ยนชุดเข้าชมรมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ถูกอาจารย์เรียกใช้นิดหน่อยฮะ... ว่าแต่ว่ารูปปั้นนั้นมีอะไรพิเศษเหรอฮะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกว่ารุ่นพี่จะให้ความสนใจมันเป็นพิเศษเลยนะฮะ” เอจิเซนเอ่ย
“เอจิเซน... เข้ามานี่ซิ...” เทะสึกะเรียกเอจิเซนให้เดินเข้ามาหาตน
“...” เด็กหนุ่มมองรุ่นพี่อย่างงๆ แต่ก็ทำตามโดยไม่โต้แย้งอะไร “มีอะไรฮะ?”
“นายลองมองรูปปั้นนี้ดีๆ ซิ...” เทะสึกะบอก
“...” เอจิเซนเบือนหน้าจากเทะสึกะหันมามองรูปปั้นอย่างที่ได้รับคำสั่งขณะที่ภายในหัวยังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เห็นแสงจ้าโผล่เข้ามาในความคิดหลังจากที่มองมัน และ แสงจ้าที่โผล่เข้ามาในฝันบ่อยๆ จนหน้าประหลาด สายตาของเด็กหนุ่มที่กำลังมองอยู่ที่ปลายดาบของรูปปั้นหนุ่มผู้กล้าที่ถือดาบปักลงกับพื้นค่อยๆ ขยับขึ้นมองไปยังขา สะโพก ลำตัว หน้าอก ไปจนถึงหน้าโดยพิจารณาอย่างระเอียดยิบ เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทันทีที่สบเข้าที่ตาของรูปปั้น
“เฮอะ!” แสงสีขาวสว่างจ้าดวงเดียวกับที่เห็นในฝันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับภาพประหลาดที่ตนเองควรจะเห็นตั้งแต่ตอนแรกที่มองมาที่มันหากไม่ถูกหนุ่มแว่นเรียกให้คืนสติซะก่อนปรากฏขึ้นในหัวของเอจิเซน
“เทพแห่งสายลม โปรดเมตตานายข้า บรรดาทหาร และ เหล่าราษฎรด้วยเถิด บัดนี้กองทัพของพวกเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ หลังจากที่ทัพของเราเอาชนะทัพของแม่ทัพแฮหัวตุ้นที่โจรกบฏโจโฉส่งมาเพื่อทำลายล้างเราได้สำเร็จ แต่เจ้าโจรกังฉินมันก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจกลับมาราวีพวกเราอีกครั้งด้วยกองทัพที่มากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว”
“ห๊~ะ...!” เอจิเซนพยายามดึงสติกลับคืนมา
“ฟังต่อไปเอจิเซน” เทะสึกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายออกคำสั่งทำให้เด็กหนุ่มต้องกลับสู่ห้วงมนต์สะกดอีกครั้ง
“นายข้าเล่าปี่เกรงว่าราษฎรจะได้รับความเดือนร้อนเลยจะพาเหล่าทหารของตนอพยพหนี แต่เหล่าประชาชนผู้ภักดีก็ได้ตัดสิ้นใจเก็บข้าวของหมายจะตามท่านไป ทำให้การอพยพล่าช้ามิหน่ำซ้ำขบวนอพยพยังกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของศัตรูอีก ลำพังเพียงทหารของเราไม่สามารถต้านทานทัพของศัตรูได้ แม้พวกข้าจะมีสุดยอดขุนพลทั้ง 3 อยู่ด้วย แต่เพียงแค่นั้นก็มิอาจจะต้านทานพละกำลังจากพลทหารจำนวนนับล้านของโจโฉได้ ข้าในตอนนี้มีหน้าที่ที่ต้องไปเจรจานำทัพมาช่วยท่านเล่าปี่ให้หลบหนีจากการตามล่าของโจโฉได้อย่างปลอดภัย แต่ระหว่างที่ข้าไม่อยู่นี้ข้าเป็นกังวลทัพของเราว่าเพลี่ยงพล้ำก่อนที่ข้าจะได้กลับมาช่วยได้ทัน จึงขอท่านเทพแห่งสายลมทั้งปวงโปรดเมตตาด้วย...”
ทันทีที่สิ้นเสียงอ้อนวอนเทพเจ้าที่ดังก้องอยู่ในหัวของเด็กหนุ่ม แสงจ้าก็วาบหายไปทิ้งไว้แต่ภาพห้องล๊อคเกอร์ชมรมเทนนิส และ รูปปั้นที่ยังคงวางไว้อยู่จุดเดิม
“เมื่อกี้... มัน... อะไรฮะ...?” เด็กหนุ่มถามด้วยหน้าตาตึงเครียด พร้อมกับเหงื่อที่แตกพล่านไปทั่วร่างกาย
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน...” เทะสึกะตอบ
“หา~?” เอจิเซนมองหน้าหนุ่มแว่นงงๆ
“ตอนแรกที่อาจารย์ริวซากิให้คนเอารูปปั้นมาวาง ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอมองดูรูปปั้นนี่ จู่ๆ ฉันก็เห็นแสงวาบเข้ามาในหัวฉันพร้อมกับเสียงนั้น” เทะสึกะเริ่มต้นเล่าให้เอจิเซนฟัง “เอา... เหงือแตกเต็มตัวแล้วน่ะรีบเปลี่ยนชุดซะ”
“ฮ~ะ...” เอจิเซนว่าขณะเดินไปหยิบชุดวอร์มออกมาจากล๊อคเกอร์ของตน ก่อนลงมือเปลี่ยนทันที “แล้ว...เป็นไงต่อฮะ?”
“ทีแรกฉันก็ยังฟังไมรู้เรื่องว่าเสียงนั้นกำลังพูดอะไรอยู่ แถมในตอนนั้นนายก็เข้ามาเรียกทำให้ฉันได้สติคืนมาก่อนพอดี ต่อมาฉันยังติดใจอยู่กับแสงเห็นฉันเลยลองกลับมามองดูรูปปั้นนี้อีกครั้ง ตอนแรกๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอจ้องเข้าที่ตาของรูปปั้น แสงนั่นก็กลับอีกครั้งมาพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังอ้วนวอนเทพพระเจ้าสายลมอะไรซักอย่างให้เมตตาช่วยเหลือในการทำสงคราม พอสิ้นเสียงสุดท้ายแสงนั่นก็วาบออกไปจากหัวฉัน หลังจากนั้นไม่ว่าจะมองรูปปั้นนี่ยังไงฉันก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย แต่ที่ต้องแปลกใจก็คือ เวลาที่ฉันหลับหรือทุกๆ ครั้งที่เหม่อลอย แสงนั่นก็จะวาบเข้ามาในหัวพร้อมกับภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เหมือนจะเกิดขึ้นมานานแล้ว"
"เอ๋~? รุ่นพี่ก็เหม่อลอยเป็นกับเขาด้วยเหรอเนี่ย" เอจิเซนเอ่ยกวนๆ ก่อนกลับมาว่าต่ออย่างจริงจัง "ผมก็เหมือนกัน ช่วงนี้พอหลับไปได้สักพักแสงนั้นก็โผล่มาเข้ามา ตื่นขึ้นมาแสงนั้นก็หายไป ตอนแรกๆ ผมนึกว่าผมเก็บเอาวรรณคดีที่ครูสอนเอามาฝัน แต่นับวันแส่งนั่นมันก็ยิ่งปรากพร้อมกับภาพเหตุการณ์เหล่านั้นที่มากขึ้น และ เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนผมคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ"
"แสดงว่านายก็คิดเหมือนกันฉันสินะ..."
"คิดเหมือน...?" เอจิเซนเงยหน้าขึ้นสบตาเทะสึกะ
"ภาพที่เราเห็น... มาจากวรรณคดี..."
"สามก๊ก..." ทั้ง 2 เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
คอร์ดเทนนิส เซงาคุ
"อาจารย์น้~าอาจารย์! ทำไมต้องเรียกใช่พวกเราด้วย! คนอื่นๆ ก็มีเยอะแยะ! เห็นมะ! ทำให้มาดูกัปตันเทซึกะฝึกให้ท่านเรียวมะช้าไปตั้งเยอะ!" เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มมัดเป้นจุก 2 ข้างเดินบ่น กระบอดกระแปดมาตามทางเข้าบริเวณชมรม"เธอว่ามซากุโนะ!?"
"โทโมะจั~ง" เด็กสาวหน้าหวาน ผมสีน้ำตาลแดงถักเป็นเปีย 2 ข้าง หน้าตาน่ารัก ท่าทางดูจะเป็นคนขี้อาย เรียกชื่อเพื่อนอย่างละอา
"โอซาคาดะ...! ริวซากิ...! ทางนี้...!" หน้าตาติ๊งต๊องเพื่อนเอจิเซนโบกมือเรียก 2 สาวพร้อมกับเด็กหนุ่มผมสกินเฮด และ เด็กหนุ่มหัวเห็ดที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน
"โฮริโอะคุง...! คาสึโอะคุง...! คาจิโร่คุง...!" ซากุโนะสาวเปียหน้าหวานซากุโนะโบกมือกลับ
"ไงพวกนาย!" โทโมเอะ สาว 2 จุกเอ่ยทั้งเด็กหนุ่มทั้ง 2 ก่อนหันหน้าไปหาคอร์ดเทนนิสพลางใช้สายตาสอดส่องหา 2 บุรุษขวัญจนของตนที่น่าจะอยู่แถนๆ นั่น "เอ๋~! ล.ล. แล้ว กัปตันเทสึกะกับท่านเรียวมะอยุ่ไหนล่ะ"
"อ๋อ~! กัปตันกับเรียวมะคุงอยู่ในล็อคเกอร์น่ะครับ" คาจิโร่หนุ่มหัวเห็ดบอก
"เห็นพวกรุ่นพี่ปี 2 ว่าต่อๆ กันมาว่ากัปตันเรียกเรียวมะคุงไปคุยอะไรซักอย่างเป็นการส่วนตัว" คาสึกโอะเด็กหนุ่มสกินเฮดเสริม
"เจ้าเอจิเซนคงจะไปก่อเรื่องที่ไหนมา กัปตันเลยเรียกเข้าไปดุล่ะสิท่า" โฮริโอะเด็กหนุ่มหน้าติ๊งต๊องว่าว่าต่อท้ายพลางเชิดหน้าทำท่ากอดอก
"หน่อ~ย! อย่ามาว่าท่านเรียวมะของฉันน~ะ! ท่านเรียวมะเขาไม่เหมือนกับนายที่มีแต่สร้างปัญหาเหรอกน~ะ!" โทโมเอะขึ้นเสียงว่าโฮริโอะ
"ใครว่าฉันมีสร้างแต่ปัญหา! ฉันน่ะมีประสบการณ์เทนนิส 2 ปีเชียวนะ" โฮริโอะเถียงกลับ
"ไม่เอาน่า โทโมะจั~ง โฮริโอะคุ~ง" ซากุโนะพยายามห้ามทั้ง 2ไว้
"อ้า~ว พวกปีหนึ่งนี่นา" อิโนอุเอะเอ่ยทักขณะเดินมาหาพร้อมกับฟูจิ และ ลูกมืออีก 2 คน
"คุณอิโนอุเอะสวัสดีครับ/ค่ะ" ทั้ง 5 โค้งให้ตามมารยาท
"เออ จะว่าไปรุ่นพี่ฟูจิครับ กัปตันเทะสึกะกับเรียวมะคุงทำอะไรกันอยู่ในล็อคเกอร์เหรอครับ?" คาสึโอะถาม
"2 คนนั้นเหรอ เห็นว่าชมรูปปั้นอยู่น่ะ" ฟูจิตอบ
"หา~?" ทั้ง 5 ทำหน้างงขณะอุทานออกมาพร้อมกัน
"หึๆๆ..." ฟูจิหัวเราะ
"ตาฉันเสิร์ฟล่ะน้~าโออิชิ!" คิคุมารุร้องบอกด้วนน้ำเสียงทะเล้น
"มาเลยเอจิ! อะ..."
พัวะ! ซึบ...!
"อ้า~ว!? เป็นไรอะโออิชิ!?" คิคุมารุร้องถามด้วยท่าทีสงสัยว่าทำไมคู่หูที่ซ้อมกันอยู่ไม่ยอมรับลูกได้แต่ยืนนิ่งมองอะไรอยู่ก็ไม่รู้
"นั่นมันอะไรอะ?" โออิชิว่าขณะชี้มือไปด้านหลังคิคุมารุ
"โฮ~?"
"คุณทากะ ดูนั่น..." อินุอิที่กำลังยืนเช็ดเหงื่ออยู่เรียกให้คาวามูระที่นั่งพักดื่มน้ำอยู่ข้างๆ มองขึ้นไปบนฟ้าจุดดียวกับที่โออิชิชี้มือ
"หา~? อะไรน่ะ?" คาวามุระถึงกับทำกระบอกน้ำหล่น
"ชู่ว์..." ไคโดมองฟ้าอย่างไม่เชื่อสายตาแต่ก็ยังไม่วายเลิกทำเสียงงู
"ยูเอฟโอเหรอ?" โมโมะพูดขึ้นลอยๆ \\\"นายว่าเป็นอะไรอะเจ้าอสรพิษ\"
"ชู่ว์..."
"คุณอิโนอุเอะ รุ่นพี่ชิบะ ดูนั้นสิครับ!\" อาเคชิเรียกรู่นพี่ทั้ง 2 ของตนให้มองตามสิ่งที่ตนเห็น
"หือ~!? โห~!? หา~!?" อิโนอุเอะ และ ปีหนึ่งทั้ง 5 ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
"รุ่นพี่คะ นั้นมันอะไร?" ชิบะถาม
ล๊อคเกอร์ชมรม (อีกครั้ง)
"ผมว่ายังไงมันก็แปลกอยู่ดี..." เอจิเซนว่า
"อันนี้ฉันเห็นด้วย..." เทะสึกะสมทบ
"ผมว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราเร็วๆ นี้แน่..." เอจิเซนออกความเห็น
"นายคิดว่ามันจะเป็นอะไร?" เทะสึกะถามความเห็นอีกที
ตึกๆๆๆ!
"หือ~?" ทั้ง 2 หันไปมองหน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอย่างรีบร้อน
"กัปตันครับ!!" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนาวประบ่าคาดผ้าคาดหัวสีเขียวเปิดประตูเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน
"รุ่นพี่อาราอิ/อาราอิ มีอะไร" ทั้ง 2 ถามพร้อมกัน
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!! มีอะไรก็ไม่รู้ลอยอยู่บนฟ้าเหนือชมรมเรา!! รีบออกมาดูเถอะครับ!!"
"..." ทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนวิ่งตามอาราอิออกไปข้างนอก
"นั้นไงครับ!!" อาราอิวิ่งมาหยุดอยูที่หน้าทางเข้าคอร์ดก่อนชี้มือไปบนฟ้า
"เห~อ...!" 2 หนุ่มผู้ตามหลังมาถึงกับตะลึงเมื่อมองขึ้นเป็นเห็นสิ่งประหลาดที่ไม่น่าจะมีใครเคยพบเห็นมาก่อน
มีอะไรบางคล้ายกลุ่มเมฆแต่มีสีดำปนเขียวหมุนวนเป็นรูปวงกลมพร้อมสายฟ้าสีเหลืองพาดสลับสีฟ้าไหลวนอยู่ๆ รอบ กลุ่มเมฆปริศนานั้นลอยอยู่เหนือคอร์ดเทนนิสพอดี
ทันใดนั้น 2 สองหนุ่มผู้มาทีหลังก็แถบจะหยุดหายใจเมื่อจู่ๆ แสงที่พวกเขาเคยได้ให้ก็วาบ ออกมาจากลุ่มเมฆนั้นเหมือนฟ้าแล๊บ ก่อนเสียงที่มาพร้อมกันทุกครั้งจะดังก้องไปมาในหัวพวกเขา
"ขอท่านเทพแห่งสายลมทั้งปวงโปรดเมตตาด้วย... เทพแห่งสายลมทั้งปวงโปรดเมตตาด้วย...
เทพแห่งสายลมโปรดเมตตาด้วย... โปรดเมตตาด้วย... เมตตาด้วย..." ทั้งสองเอามือจับหัวราวกับว่าเสียงที่ดังสะท้อนอยู่ในหัวกดประสาททำให้เกิดเป็นเสียงหลอน จากเสียงเข้มราวชายหนุ่มก็แหลมเป็นโทนสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเสียงนั่นจะหายไป พร้อมกับเสียงอันยิ่งใหญ่ และ เปี่ยมไปด้วยอำนาจจากผู้มาเยือนใหม่ที่พวกเข้าไม่เคยได้ยินดังแทรกขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าเป็นคนขอ ข้าก็ขอตอบรับคำวิงวอนนั่้นให้!!" พลันฟ้ารอบๆ ก็มืดลงพร้อมกับสายลมที่พัดโหมกระหน่ำมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำเอาสิ่งของที่วางไว้ตามที่ต่างๆ ลอยละล่องไปตามลม สายฟ้าทั้ง 2 สีฟาดลงมาตามบริเวณชมรมอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มเมฆที่หมุนวนอยู่เบื้องบนก็เริ่มกระจายตัวขยายใหญ่ออกมาเรื่อยๆ ก่อนเสียงอันทรงพลังจะเอ่ยคำลาสุดท้าย "เจ้าทั้ง 2 จงรับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้จากข้า 2 ผู้กล้าแห่งเซงาคุ พวกเจ้ากับคนของพวกเจ้าจงเดินทางไปยังที่ที่ผู้ที่อ้อนวอนต่อข้าร้องขอความช่วยเหลือ และ จงนำพาพวกเข้าสู่ชัยชนะต่อการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง!! จงไปเถิด สิ่งที่รอพวกเจ้าอยู่คือวีรกรรมที่พวกเจ้าจะต้องฝ่าฝันร่วมกันเพื่อเป็นวีรชน!!"
สิ้นเสียงจากคำพูดสุดท้ายสายลมโหมกระหน่ำเข้ามาก็เพิ่มกำลังขึ้นจนกลายเป้นพายุขนาดใหญ่พัดเอาทุกอย่างที่อยู่ขวางหน้าให้กระเด้นออกไป
"โออิชิ...!!!"
"เอจิ...!!!"
สองหนุ่มคู่หูแร็กเก็ตทองพยยามดึงกันไว้แต่แรงที่มีก็ไม่สามารถต้านทานความแรงของลมพายุนี้ได้
"เหว~อ!!"
"อินูอิ...!!!"
คาวามูระมองตามอินูอิที่ถูกสายลมหอบเอาทั้งร่างลอยขึ้นไปบนฟ้าอย่างตื่นตระหนกแต่ทันใดนั้นเอง
หมับ!
มือเจ้ากรรมที่กำลังคว้าหาที่ยึดเหนี่ยวดันไปตะปปเอาไม้เทนนิสของเจ้าตัวที่วางไว้ตรงม้านั่งขึ้นมาถือไว้พร้อมกับ
"เบรินนิ่~ง...!!! Come ON...!!! มาเลยๆๆ!!! เจ้าพายุจอมบ้าคลั่ง!!! แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก...!!! Let Roll Baby...!!! Burnin~g...!!!" หลังแหกปากเสร็จคาวามูระในโหมดดับเครื่องชนก็กระโดดเหินฟ้าต้านลมตามอินูอิไป
"ว๊า~ก...!!!" โมโมะที่ถูกซัดปลิวมาตามลมร้องลั่นไปตามทางที่ลอยมา ทันใดนั้น
พลั่ก!
"โอ๊ย...! เจ็บ...!!" ทันทีที่ได้สติมือทั้ง 2 ก็คว้าเอาเสาสปอตไลท์ที่ตนลอยมากระแทกมากอดไว้ทันที "เฮ้~อ... รอดแล้วเรา"
"เหว~อ...!!! ชู่ว์...!!!"
หมับ!
"โอ้~ไม่นะ... ว๊า~ก...!!!" โมโมะถูกไคโดที่ลอยตามมาคว้าเอาคอเสื้อไว้ทำให้เจ้าตัวมือหลุดจากเสาไฟทัน "แกนะแก...!!! ไอ้อสรพิษ...!!!"
"ชู่~ว์...!!!"
"กรี๊~ด...!!!/อ๊~า...!!!/แง้...!!!/ช่วยด้วย...!!!" เหล่าปี 1 ทั้ง 5 แหกปากร้องขอความช่วยเหลือสุดชีวิต
"จับกันไว้แน่นๆ นะ...!!!" ฟูจิร่อนถลามารวบตัวเหล่าปี 1 ไว้ด้วยกัน พลางมองรอบๆ หาทางรอดจากพายุปีศาจลูกนี้
"ครับ/ค่ะ" ทั้งขานรับอย่างหวาดกลัวแต่ก็เกาะกันไว้แน่นภายใต้อ้อมแขนของฟุจิ
สุดท้ายสองหนุ่มที่ยังคงกุมขมับขณะมองดูเหล่าสมาชิดชมรมที่ถูกแรงลมพาไปไหนต่อไหนทีละคนทีคน ในขณะที่ตนยังทรงตัวยืนอยู่กับพื้นได้โดยไม่ปลิวไปไหน แต่สายลมอันบ้าคลั่งที่ยิ่งพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้คนตัวเล็กเริ่มเสียสมดุล จน
"เหว~อ...!" เอจิเซนเสียหลักถูกลมพัดให้ลอยขึ้นฟ้า
หมับ!
"เอจิเซน/รุ่นพี่...!!" เทะสึกะความมือเอจิเซนไว้ขณะพยายามดึงตัวลงกับพื้นอย่างสุดแรงเพื่อไม่ให้ตัวเอง และ รุ่นน้องต้องถูกซัดไปกับสายลมที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
"นายเอาขาลงมายึดกับพื้นได้มั้ย...!?" เทะสึกะถาม
"ไม่ไหวฮะรุ่นพี่...!! ลมมันแรงเกินไป...!!" เอจิเซนตอบ
"อะ...! ฉันจะฉุดไว้ไม่อยู่แล้ว...!"
"ผมก็จะจับไม่ไหวแล้วฮะ...!! ทำไงดีฮะรุ่นพี่...!!"
"..." เทะสึกะหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นมองเอจิเซน "เอาก็เอา..."
"หา~!!?" เอจิเซนเบิกตากว้างเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่กำัลังรั้งตนไว้กำลังจะทำอะไรซักอย่างที่เหมือนเขาจะดูออก
"ไปล่ะนะ...!!" เทะสึกะกระเอาร่างรับลมทะยานฟ้าไปพร้อมๆ กับเอจิเซนลอยตามคนอื่นๆ ขึ้นไปสู่ใจกลางเมฆปริศนา
"เหว~อ...!! เอจิเซนร้องเสียงหลง
ทันทีที่เหล่าตัวจริงทั้ง 9 คน (จริงๆ แล้ว 8 คน อีกคนเป็นอดีตเคยตัวจริงก่อนทีเรียมะจะมา) และ ตัวประกอบอีก5 คนลอยผ่านเข้าไป ณ จุดศุนย์กลางของเมฆประหลาดนั้นแสงจ้าสีขาวที่เคยปรากฎขึ้นในหัวเสาหลักของเซงาคุทั้ง 2 คนก็สองแสงวาบออกมาจากกลุ่มเมฆนั่้น ทำให้ทุกอย่างพล่ามัวไปหมด พอแสงเลือนหายไป ลมพายุก็สงบลง ท้องฟ้าก็กลับมาเป็นอย่างเดิม บรรยากาศโดยรอบกลับมาสู่ภาวะปกติ ที่ดูผิดไปก็มีแต่สิ่งของต่างๆ ที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นกับบรรดาผุ้ประสบภัยที่ยังปรับตัวตามไม่ทัน
"เออ..." อาเคชิลูบคอตัวเอง ขณะค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นที่ตนใช้เป็นที่ยึด ก่อนมองหารุ่นพี่ทั้ง 2 ของคน "คุณอิโนอุเอะ! รุ่นพี่ชิบะ!"
"หึ~บ อ่า..." อิโนอุเอะค่อยๆ พยุงชิบะลุกขึ้น "ฉันไม่เป้นไร สถานการณืเป็นไงบ้าง\"
แล้วทั้ง 3 ก็มองดูรอบๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่พายุลูกเมื่อกี้เหลือไว้ให้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจไม่ใช่สภาพโดยรอบที่ยัยเยินจนดูไม่ได้ แต่เป้นเหล่าสามาชิกชมรมที่ยังค้างอยู่ในอาการกิริยาบทต่างๆ บางคนอ้าปากค้าง บางคนช๊อคนิ่งไม่ขยับเขยื่อน บางคนเข่าอ่อนทรดลงไมกับพื้น บางคนถึงกับเป้นลมหมดสติไปเลยก็มี
"อาราอิคุง เป็นอะไรรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?" อิโนอุเอะเิอ่ยถามคนที่อยุ่ใกล้ที่สุด
"กัปตัน พวกตัวจริง แล้วก็ กลุ่มปี 1 ห้าคนนั้นหายไปกับเมฆนั้นแล้ว..." อาราอิตอบทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
"ห~า...!!!" นักข่าวทั้ง 3 อุทานเป้นเสียงเดียวกัน
"นี้มันอะไรกันเนี่ย...!!!" อาเคชิร้องลั่น
ความคิดเห็น