ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    7 King - 7ราชามหาเวท

    ลำดับตอนที่ #5 : 5 แผนการณ์

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 57


    ~ 5 ~



     
    " เอ~ สร้อยเส้นนี้มันเป็นของหายากได้ยังไงกันนะ " 

    ริเซ่จ้องมองไปที่สร้อยรูปนาฬิกาทรายธรรมดาๆที่น้องชายซื้อมาฝากเธอ ทั้งๆที่มันก็เป็นรูปทรงธรรมดาแต่จะต่างออกไปก็คงจะมีเพียงทรายที่อยู่ทางด้านบนและไม่มีทีท่าส่างจะไหลลงมาเหมือนกับมีอะไรมากั้นขวางอยู่ 

    " พี่ริเซ่ !! ท่านแม่เรียกหาน่ะ " 

    ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความพิเศษของสร้อยเส้นนั้น ไม่นานก็มีเสียงเรียก เป็นเสียงที่เธอคุ้นหูดีนั่นคืดเสียงของโฮเซ่นั่นเอง 

    " จ้าาา จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ " 

    เธอขานรับก่อนที่จะเก็บสร้อยกลับเข้าไปภายในเสื้อและตามน้องชายไปในทันที

    ภายในห้องของพระราชา

    " ตอนนี้ท่านพี่เองก็อายุมากแล้ว ฉันว่ามันถึงเวลาที่พี่จะสละราชบัลลังค์ได้แล้วล่ะนะ "  ลูเซียสเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบชาแบบสบายอารมณ์

    " ทำไมจู่ เจ้าถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ " 

    " ฉันก็พูดไปตามที่เห็น น่ะ " 

    " อืม จะว่าไปฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นนะ " พระราชากล่าวออกไปพลางทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย

    " ท่านพี่จะมอบบัลลังค์ให้กับโฮเซ่รึ " 

    พระราชาทำสีหน้าสงสัยส่งกลับมายังน้องชาย

    " ท่านพี่ไม่กลัวว่าริเซ่จะมีความริษยาบ้างเลยรึไง " 

    " นางจะอิจฉาได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนที่จะได้ขึ้นครองบัลลังค์ ต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้วนี่ " 

    " แต่ยังไงนางก็เป็นลูกท่านเหมือนกันนะ นางอาจจะคิดว่านางเป็นลูก ยังไงนางก็ต้องมีสิทเหมือนกัน " ลูเซียสยังอธิบายต่อ ซึ่งตอนนี้สีหน้าของพระราชาเองก็ดูแปลกไปดูเหมือนกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่

    (เป็นแบบนี้ก็ดีล่ะ จะได้เข้าทางเรา) ลูเซียสนึกเพียงในใจพร้อมกับเผยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ออกมา ไม่นานลูเซียสจึงถอนตัวออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ  ในขณะที่ลูเซียสกำลังเดินออกไปจากห้องนั้น พระราชาได้เหลือบตาไปมองก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ (ลูเซียสจะต้องมีแผนชั่วแน่ๆ แต่จะมาไม้ไหนกันนะ)

    .................................

    อีกด้านนึงของป่าใหญ่ กลุ่มคนทั้งสี่คนกำลังเดินทาง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ และดูจากสภาพของทั้งสี่คนแล้วก็คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมามาก 

    " นี่ๆ เราจะไม่พักกันเลยหรอ ฉันเหนื่อยแล้วนะ " เป็นอีทเทอร์ที่บ่นขึ้นมาในขณะที่เดินรั้งท้ายอยู่

    " แล้วใครใช้ให้เธอแบกข้าวของมามากมายขนาดนั้นล่ะ " เลโอพูดขึ้นโดยที่ไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ 

    " มาพี่อีทเทอร์ เดี๋ยวผมช่วยแบกนะ " เป็นหนุ่มน้อยที่อาสาช่วยอีทเทอร์แบกกระเป๋าอันใหญ่โตของเธอ 

    " จริงๆหรอก ขอบใจนะน้องชายยยย " เธอพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ไม่นานเดซี่ก็รับกระเป็าจากเธอมา ปล่อยอีทเทอร์ที่ตอนนี้เดินแบบสบายอารมณ์สุดๆหลังจากที่ยกกระเป๋าใบใหญ่ให้เป็นภาระของเดซี่แทน 

    " เอากระเป๋าของท่านพี่มาสิ เดี๋ยวหญิงถือให้ "  เดซี่ที่ดูเหมือนจะงุนงงกับลักษณะการพูดของยูริ ที่ถึงแม้จะได้ยินมาสักพักนึงแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้เสียที ไม่นานเขาก็ส่งกระเป๋าใบเล็กของเขาให้กับเธอไป ยูริรับสิ่งนั้นมาอย่างว่าง่ายก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปโดนที่ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ 

    " เอ่อคุณยูริครับ " เวลาผ่านไปไม่นาน เป็นชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นก่อนในระหว่างทาง ที่ดูเหมือนจะเงียบชวนให้รู้สึกอึดอัดเสียจริงๆ ยูริขานรับพร้อมกันหันมามองเพื่อรอฟังคนเรียก

    " ช่วยเลิกเรียกผมว่า ท่านพี่สักทีได้มั้ยครับ คือมันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆน่ะ " เดซี่พูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขากลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจ

    " ถ้าไม่ให้เรียกว่าท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่ายังไงล่ะคะ "  ที่จริงแล้วเขาเองก็รู้สึกดีกับยูริ และยิ่งมารู้ว่ามาในอดีตเขาเคยเป็นคนรักของยูริมาก่อน เขาเองก็ยิ่งดีใจมากขึ้น แต่บางครั้งเขากลับรู้สึกว่ายูริ ยึดติดกับอดีตมากเกินไป ซึ่งตอนนี้เขาเองก็มาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนนึงไปแล้ว เขาจึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนบังคับให้เป็นใครที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน  ยูริสะกิดเบาๆ เพราะดูเหมือนเดซี่จะเงียบนานเกินไป

    " คือตอนนี้ผมมาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนไปแล้วน่ะครับ สามีคุณในอดีตซึ่งก็คือผมนั่นแหละ คือผมจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนผมเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนใหม่แล้ว ผมให้อยากให้เราเริ่มกันใหม่  ผมไม่อยากให้คุณยึดติดอยู่กับผมในอดีต ซึ่งบ้างครั้งผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ตัวของตัวเอง ถ้าคุณจะรัก ผมก็อยากให้คุณรักผมที่เป็นผมในชาตินี้มากกว่าน่ะครับ " 

    " ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด " หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่คลอ เธอเองก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอเองเช่นกัน แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอดีใจที่ได้เจอเขามากเกินไป จนทำให้สิ่งที่เธอแสดงออกมานั่นต้องทำให้เขาลำบากใจ 

    " อย่าร้องเลยครับ ผมไม่ได้โกรธคุณนะ " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือประคองหน้าของเธอไว้และค่อยๆบรรจงเอานิ้วเรียวของเขาเช็ดน้ำตาให้เธอ ทั้งคู่หยุดเดินจนทำให้ทิ้งระยะห่างออกจากเลโอและอีทเทอร์มากอยู่พอสมควร เมื่ออีทเทอร์ที่เดินตามหลังเลโออยู่นั้นรู้สึกเหมือนว่าไม่มีเสียงทั่งคู่เดินตามมา จึงเอะใจหันไปดู แล้วก็เป็นดังคาด เธอหันกลับไปแต่เห็นทั้งคู่ยืนอยู่ไกลมาก ด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจึงรีบวิ่งกลับไปหาพวกเขา 

    " เกิดอะไรขึ้น " ทันทีที่เธอมาถึงเธอจึงรีบถามออกไป ทำให้ทั้งคู่นั้นรีบผละตัวออกจากัน 

    " ป่าวน่ะ เราแค่คุยกันนิดหน่อยเอง " เดซี่ตอบคำถามก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า แต่นั่นยังไม่คลายความสงสัยแก่อีทเทอร์ได้ 

    " ถ้าคุยกันทำไม คุณยูริจะต้องร้องไห้ด้วยล่ะ " เธอยังคงสงสัยไม่เลิก 

    " พอดีเมื่อกี๊ เหมือนจะมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ ฉันก็เลยให้เขาช่วยดูให้ " พูดจบยูริก็เดินตามหลังเดซี่ไปเช่นกัน  แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้อีทเทอร์หายสงสัยอยู่ดี เห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งไปที่น้องชายทันที พร้อมกับกระซิบบอกเขา

    " พวกนายนี่ความลับเยอะนะ เดี๊่ยวนี้กล้ามีความลับกับฉันหรอ หึหึ อย่าให้รู้ละกัน " เธอเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มแบบพวกโรคจิตๆ

    " เธอบอกอะไรคุณหรอ " ยูริที่เดิมตามหลังมา รีบถามชายหนุ่มทันที

    " อ๋อ เธอบอกว่า พวกเรามีความลับต่อเธอน่ะ เธอบอกว่ามีได้ แต่ให้จับได้ก็แล้วกัน " เดซี่อธิบายพร้อมกับเลียนแบบรอยยิ้มของอีทเทอร์ให้ยูริดู ถึงต้นฉบับจะดูโรคจิตแต่ที่เดซี่ทำนั้นมันกลับดูตลกเสียมากกว่าจึงเรียกเสียงหัวเราะของยูริออกมาได้  เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนตอนนี้เองก็ไกล้จะค่ำแล้ว  ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนเดินทางมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งคาดว่าตรงนี้น่าจะเป็นช่วงกลางป่าแล้ว

    " เอาล่ะ ฉันว่าเราควรจะพักกันที่นี่นะ  เพราะตอนนี้ก็ไกล้จะมืดแล้วด้วย เดินทางกลางคืนในป่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ " 

    เลโอขึ้นพร้อมกับเดินวนไปรอบๆสถานที่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง

    " เย้ๆ เราจะได้พักกันแล้ว " เป็นอีทเทอร์ที่กระโดดโลดเต้นส่งเสียงดีใจออกมา " เงียบๆน่ายัยบ๊อง เธอจะแหกปากเรียกพวกสัตว์ป่าออกมารึไง " เป็นเลโอที่เหวใส่ขึ้นมา ทำให้อีทเทอร์หยุดการกระทำเหล่านั้นแต่ก็ไม่วายแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนใส่เขาจากข้างหลัง

    " แล้วเราจะนอนกันยังไงล่ะคะ " หญิงสาวอีกคนเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางด้วยความสงสัยเกี่ยวกับสถานที่พัก 

    " ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเต๊นท์เวทมนต์อยู่ " พูดจบ เลโอทำปากมุบมิบๆร่ายมนต์ พร้อมกับสะบัดมือออกไป ทั้งสี่ด้านเป็นกรอบสีเหลี่ยม ไม่นานก็กำแพงน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาจากพื้นกลายเป็นกำแพงสี่ด้าน ทำให้ทุกคนดูจะตะลึงกันยกใหญ่ 

    " นั่นนาย ทำได้ยังไงกันน่ะ โคตรเจ๋งเลย " อีทเทอร์เอ่ยชม พร้อมกับชูนิ้วโป้งให้กับเลโอ แต่เลโอกลับไม่ได้สนใจอีทเทอร์เลยสักนิด ไม่นานเขาก็ล้วงเขาไปกระเป๋าสพายข้างพร้อมกับควานหาของบางสิ่ง หลังจากควานหาอยู่สักพัก เขาก็หยิบเจ้าสิ่งนั้นออกมาพร้อมกับปาลงบนพื้น 

    ปุ๊งงงง ~ 

    จุดที่เขาปาสิ่งของลงไประเบิดออกกลายเป็นกลุ่มควันสีขาว ไม่นานหลังจากที่ควันจางหายไปจึงเผยให้เห็นเต๊นท์เล็กๆหนึ่งหลัง

    " นี่ เต๊นท์เล็กแค่นี้จะนอนยังหมด " ทันทีที่เห็นขนาดของเต๊นท์อีทเทอร์เองก็เปิดฉากว่าเลโอก่อนเลย  ได้ยินดังนั้น เลโอที่มีอาการหวุดหงิดอีทเทอร์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงเอามือไปปิดปากเธอพร้อมลากเธอเข้าไปในเต๊นท์เล็กนั้น เมื่อเข้ามาถึงภายใน เลโอจึงพลักเธอลงบนเตียงนอนนุ่มๆที่ตั้งอยู่ทางริมขวาทันที 

    " นี่ที่นอนเธอ แล้วก็ช่วยหุบปากเสียที น่ารำคาน " พูดจบเขาก็หันหลังเดินไปยังเตียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที สิ่งที่อีทเทอร์เห็นอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอตะลึงมาก เพราะภายนอกมันเป็นแค่เต๊นท์หลังเล็กๆ แต่ภายในกลับกว้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ กว้างถึงขนาดเป็นเป็นได้หลังนึงเลยทีเดียว 

    " โห้ววว ทำไมมันถึงกว้างแบบนี้หละ " เป็นเดซี่ที่ส่งเสียงตกตะลึงออกมาบ้าง ในทันทีที่เขาเดินเข้ามา ภายในเต๊นท์นั้นกว้างมากและดูสะดวกสบาย มีทั้งเตียงนอนแบบ2ชั้นอยู่3เตียงและยังมีแบบเตียงธรรมดาแต่อีก3และเตียงใหญ่สำหรับนอนได้2คนอีก1เตียง แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีก 2ห้อง ห้องครัว แล้วพิ้นที่ที่เหลือตรงกลางจัดเป็นโต๊ะรับแขกและเอาไว้สำหรับทานอาหาร ทุกอย่างถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบเข้าที่เข้ากับสัดส่วนพื้นที่ได้อย่างลงตัว 

    " เดี๋ยวฉันกับอีทเทอร์จะเป็นคนทำอาหารเองนะคะ "  ทันทีที่ยูริเห็นห้องครัวเธอจึงอาสาที่จะเป็นแม่ครัวเองทันทีพร้อมกับพาอีทเทอร์ไปช่วยด้วย

    " อื้ม ฝากด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรบอกได้เลยนะ " ยูริรับคำเสร็จก็รีบเดินเข้าครัวไปทันที   อีทเทอร์ที่กำลังมองหาวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารอยู่นั้นก็ไปสะดุดกับบางสิ่งเข้า 

    " อื้อหือ นี่มีแม้กระทั่งที่เก็บเนื้อเลยหรอ ว่าแต่เอาความเย็นมาจากไหนกันนะ " เธออุทานขึ้นมา แต่ก็ต้องเลิกสงสัยก่อนเพราะต้องรีบไปทำอาหาร ในขณะที่สองสาวกำลังขมักเขม่นอยู่กับการทำอาหาร ไม่นาน อาหารก็เสร็จ ตอนนี้ทั้งสี่กำลังนั่งล้อมวงทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย 

    " เป็นอย่างไรบ้างคะ อร่อยมั้ย " ยูริถามความเห็น 

    " ครับ อร่อยทุกอย่างเลย " ยูริยิ้มรับทันทีที่ได้ยินคำตอบ 

    " ซุปเนื้อนี่อร่อยนะ " เป็นเลโอที่เอ่ยชมขึ้นมา 

    " อ๋อนั่นเป็นฝีมือของอีทเทอร์น่ะค่ะ "  ได้ยินดังนั้นเลโอถึงกับสำลักน้ำซุปเลยทีเดียว

    " ทำไม พอเป็นฝีมือฉันแล้วไม่อร่อยขึ้นมาเลยรึไง " ทันที่เห็นอาการของเลโอ อีทเือร์ก็เปิดฉากด่าใส่ทันที 

    " ป่าวหรอก ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วย "  พูดจบเลโอก็จ้วงซุปนั่นต่อ ปล่อยให้อีทเทอร์ที่ตอนนี้นั่งหน้าขึ้นสีอยู่นิดๆ เธอเองก็รู้สึกแปลกๆที่เลโอชมอยู่ แต่บางครั้งเขาเองก็ปากหมานนนเกินจนทำให้เธอโมโหอยู่บ้าง แต่ก็นะ คราวนี้จะลองให้อภัยดูสักครั้ง

    " ที่นี่สบายมากเลยนะครับ ทุกให้พร้อมทุกอย่างเลย " เดซี่เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ 

    " นี่คือไอเท็มเวทมนต์ของปู่ฉันน่ะ ท่านเอาไว้ใช้เวลาที่ออกเดินทาง ยังมีไอเท็มเวทมนต์หลายชิ้นนะที่ท่านสร้างไว้ " 

    " ว่าแต่ ไอถังเก็บเนื้อน่ะ นายทำได้ยังไงหรอ แล้วเอาความเย็นมาจากไหนอ่ะ " เป็นอีทเทอร์ที่ถามขึ้น เลโอไม่ตอบแต่ยืนมือที่กำไว้ไปตรงหน้าอีทเทอร์ พร้อมกับแบมือออก เผยให้เห็นผลึกน้ำแข็งที่ส่งความเย็นออกมา อีทเทอร์จ้องมองสิ่งนั้นสลับกับใบหน้าของเลโอพร้อมกับสีหน่าสงสัย

    " ฉันก็ใช้เวทน้ำแข็งรักษาอุณภูมิไว้ยังไงล่ะ " เห็นสีหน้านั้นเลโอจึงเฉลยออกมาทันที 

    " อ้อ แหม่ เป็นพ่อมดนี่มันเจ๋งแบบนี้นี่เองนะ " 

    " พี่เลโอ " เจ้าของชื่อกันไปที่ต้นเสียงทันที พร้อมกับเลิกคิ้วหาคำถาม เห็นดังนั้นเดซี่จึงเอ่ยปากถามทันที 

    " นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ "  เลโอทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก 

    " ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน "

    " อ้าว !! " คำตอบนั้นถึงกับทำให้ทั้งสามคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน 

    " แล้วพี่เล่นเดินทางไปโดยไม่รู้จุดหมาย แล้วแบบนี้เราจะสิ้นสุดกันที่ตรงไหนละครับ " 

    " ไม่รู้สิ ฉันก็แค่ออกเดินทางไปเรื่อยๆ "  

    " นี่อย่านะว่า ตลอด20กว่าปีมานี่ พี่เดินทางแบบไม่มีจุดหมายมาตลอด จนเมื่อมาเจอผมเมื่อวานเนี่ยนะ " 

    เลโอพยักหน้าแทนคำตอบ 

    " โอ้ว แล้วแบบนี้กว่าพี่จะตามหาครบทั้ง6คนจะใช้เวลาเท่าไหร่กันละเนี่ย " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือกุมขมับทันที

    ..................................

    ชายวัยกลางคนที่ตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง  ในขณะเดียวกัน มุมมืดในห้องที่แสงสว่างสอดส่องมาไม่ถึงก็เผยให้เห็นร่างของชายอีกคนที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น 

    " ท่าทางจะสบายอารมณ์มากเลยนะครับคุณลูเซียส "  ไม่นานร่างที่อยู่ในเงามืดนั้นก็เอ่ยทักทายชายที่นั่งอยู่บนโซฟา

    " นี่นายเข้ามาได้ยังไงกัน " ผู้ถูกทักถึงกับถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะนี่เป็นถึงปราสาทของกษัตริย์ ย่อมต้องมีการป้องที่แน่นหนามาก แต่นี่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย  ทันทีที่ชายผู้มาเยือนได้ยินดังนั้น จึงไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่ระ 

    " ไม่ต้องแปลกใจหรอก ครับ ไม่มีที่ไหนที่คนอย่างผมจะไปไม่ได้ "  ได้ยินดังนั้นลูเซียสถึงกับเบ้หน้าใส่เล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้ารับรู้ว่าเขาไม่ค่อยจะชอบในความทะนงตัวของชายตรงหน้านัก

    " ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แต่คุณต้องทำใจหน่อยนะ เพราะเรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน " ได้ยินดังนั้นจึงทำให้ลูเซียสโมโหขึ้นมากกว่าเดิมอีก 

    " แกรีบบอกธุระของแกมาดีกว่า ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน " ลูเซียสรีบเข้าประเด็นทันทีเพราะตัวเขาเองก็เริ่มจะคุมตัวเองไว้ไม่ได้เเล้วเช่นกัน

    " ใจเย็นๆสิครับ แหม่ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ " เขายังคงพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะไปด้วย ราวกับจะยั่วโมโหชายที่อายุมากกว่าตรงหน้า และดูเหมือนลูเซียสเองก็ตามจะโมโหไปตามเกมของชายตรงหน้าเองเหมือนกัน

    " ห่ะๆ เอาล่ะ โอเคๆ ผมเข้าเรื่องละกัน " เมื่อเห็นว่าลูเซียสเดือดขึ้นมาก และเขาเองก็ยียวนมาพอสมควรแล้ว เขาเปลี่ยนมาเข้าเรื่องทันทีเพราะถ้าขืนยังลีลาไปมากกว่านี้ อาจจะทำให้ผิดจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้

    " ท่านราชา สั่งให้ผมมาบอกคุณ ว่า ให้เริ่มแผนการณ์ได้แล้ว และผมก็เห็นด้วยกับท่านเช่นกัน " เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังทันที เมื่อได้ยินดังนั้นลูเซียสกลับเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิด 

    " แล้วคุณมีแผนยังไงเหรอครับ " 

    " คืนพรุ่งนี้ พระราชาจะจัดเลี้ยงครั้งใหญ่ และจะประกาศสละบัลลัง ฉันจะใช้โอกาศตอนนั้นล่ะ โยนความผิดให้กับรัชทายาทซะ " ลูเซียสอธิบายถึงแผนการณ์ของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับการวางแผนฆ่าคนมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา

    " มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ " เขายังคงถามด้วยความสงสัย 

    " ฉันมีแผนของฉันก็แล้วกัน ขอแค่นายอย่าเข้ามายุ่งก็พอนะ ฮอปบี้ " 

    " คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมก็มีหน้าที่ของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับแผนการณ์สกปกของคุณหรอก " ฮอปบี้ยังไม่วายที่จะพูดจาจิกกัดลูเซียสิีกครั้ง 

    " งั้นผมขอตัวก่อนละกันนะครับ ขอให้แผนของคุณสำเร็จไปได้ด้วยดี " พูดจบเขาก็หายกลับเข้าไปในเงามืดเหมือนเดิม ปล่อยให้ลูเซียสกำหมัดแน่นด้วยโทสะ ที่เขาโดนเจ้าฮอปบี้เเขวะเข้า 

    " รอให้พวกแกหมดประโยชน์ก่อนเถอะ ฉันสาบานเลยว่าจะฆ่าแกเป็นคนแรก ไอ้ฮอปบี้ " 

    ลูเซียสถึงกับกัดฟันพูดออกมาด้วยความโมโห

     
    ~...........................................~
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×