ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกลับฉบับเดซี่

    ลำดับตอนที่ #2 : บันทึกลับฉบับเดซี่ - 2 พ่อ - แม่

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 57


    บันทึกหน้าที่ 2 พ่อ - แม่ 

     

         เดซี่ หรือ ชิน เฮยวอน เด็กหนุ่มอายุ 22 ปี รูปร่างสมส่วน ด้วยความสูงประมาณ 177 ซม. 
    ผมยาวปะบ่า ใบหน้าหวานบวกกับทรงผมที่ยาว จึงให้ใบทำหน้าของเขานั้นค่อนข้างโอนเอียง
    ไปทางผู้หญิงเสียมากกว่า เดซี่มีพี่สาวอยู่ 1 คน 
    ชื่อว่า อีทเทอร์ หรือ ชิน เฮยมี เธอเป็นผู้หญิงที่มี่ร่างเล็ก ด้วยความสูงเพียง 155 ซม. ใบหน้า
    ของเธอเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนที่ได้เห็นจะต้องยอมรับและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า " น่ารัก "
    (สำหรับผู้ชายที่ยังไม่ได้เห็นความมหัศจรรย์ของปากเธอน่ะนะ แต่ก็จะมีผู้ชายจำพวกที่แบบว่า
    ถึงปากจะร้าย แต่ยังไงก็ยังน่ารักอยู่ดี มีพวกแบบนี้ให้เห็นอยู่บ่อยๆ)และด้วยรูปร่างที่เล็ก
    จึงทำให้ใครหลายๆคนคิดว่าจริงๆแล้วเธออาจจะเป็นเพียงแค่เด็ก ม.ปลายก็ได้  ส่วนอายุของเธอ 
    ก็ปล่อยให้เป็นความลับของเธอไปเหอะ 555

    เมื่อตอนที่ฮเยวอนอายุได้เพียง 10 ปี พ่อแม่ของเด็กทั้งสอง เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
    ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ... เวลาผ่านไปประมาณ1เดือน นาย ชิน จูวอน และนาง ชิน มีคยอง
    ครอบครัวคนเกาหลีที่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ได้รับเด็กทั้งสอง มาเป็นลูกบุญธรรม
    แบบถูกต้องตามกฏหมาย ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย แต่พวกเขาทั้งก็รักและดูแล
    เด็กทั้งสองคนเป็นอย่างดี ......

    จนมาถึงเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ....

    " ฮัลโหลลล เฮยวอน สัปดาห์นี้ พ่อกับแม่ไม่กลับไทยนะลูก พอดีที่บริษัทของพ่อเค้ามีปัญหา
    นิดหน่อยน่ะจ้ะ "

    ชิน มีคยองโทรศัพท์ จากเกาหลีเพื่อบอกลูกชายของเขา ว่าสัปดาห์นี้ิพวกเขาคงกลับไปหาไม่ได้

    " ครับแม่ .... แล้วพี่เฮยมีล่ะครับ "

    " พี่เค้าก็คงจะไม่ได้กลับ เพราะช่วงนี้มันเป็นช่วงสุดท้ายของการฝึกงานของพี่เค้าแล้วน่ะจ้ะ "

    ผู้เป็นแม่ตอบคำถามแทนลูกสาว 

    " โห งั้นแบบนี้ผมก็ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วล่ะสิครับ " ลูกชายตัวดีบ่นอุบอิบเพื่อให้แม่รู้ว่าเขาน้อยใจ

    " เอาน่ะๆ เดี๋ยวเอาไว้แม่จะซื้อเค้กที่ลูกชอบ ไปฝากนะจ๊ะ คนดีของแม่ "

    " ครับๆ แต่สัปดาห์หน้า พ่อกับแม่ต้องกลับมาให้ได้นะ "

    " จ้าๆ นี่ตกลงคิดถึงแม่หรือคิดถึงเค้กกันแน่น้าา ?? " 
    ผู้เป็นแม่ ไม่วายที่แซวลูกชายตัวดีของเธอ 

    " ผมก็ต้องคิดถึงแม่อยู่แล้วแหละ ก็ ผมรักแม่หนิครับ " 

    " แหม่ ปากหวานเชียวน้า .... จ้ะๆ แม่ต้องวางสายละ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะจ้ะ แม่รักลูกมากนะ "

    " ผมก็รักแม่มากเหมือนกันครับบ บ๊ายบาย "

    หลังจากที่ร่ำลากันเสร็จ สายก็ตัดไป แต่ทั้งคู่หารู้ไม่ ว่านั้นจะเป็นการ ร่ำลากันเป็นครั้ง "สุดท้าย"

    3 วันต่อมา .....

    ครืดดดดด ..... ครืดดดดดด......

    " โอยยย ใครโทรมาตั้งแต่เช้าเลยเนี่ยยย " 

    เฮยวอน งัวเงียด้วยความง่วง บ่นกับตัวเอง จากนั้นเขาจึงเอามือควานหาโทรศัพท์ที่สั่นอยู่
    บนหัวเตียง 

    หลังคว้าโทรศัพท์ติดมือมาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นนั้งเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมาจากความง่วง
    และเพ่งมองไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามา ราวกับมีลางสังหรณ์ บอกเหตุ

    " เอ ~ เจ๊มันโทรมาทำไมตั้งแต่เช้าเลย มีอะไรหรือป่าวนะ ... (กดรับโทรศัพท์).... ฮัลโหล เจ๊ "

    " ฮึกกกๆๆ ฮืออออออออ~ ฮะฮะเย  วอนนนน ฮืออออออออ "
    ปลายสายร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดจับใจความไม่ได้ 

    " เจ๊ ใจเย็นๆ เป็นอะไร ค่อยๆพูด หยุดร้องก่อนๆ "

    ผู้เป็นพี่ยังคงร้องไห้ เขาจึงไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา

    " เจ๊ หยุดร้องก่อนได้มั้ย  ถ้าไม่หยุดร้อง ฉันก็จะฟังไม่รู้เรื่องนะ "

    " .......... " ปลายสายเงียบไปสักครู่

    " ฮึกกกๆ ฮะ เย วอนนน อึกกๆ กะ กะ แก ตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ  ฮึกกๆ พ่อแม่ของเรา เสียแล้ว "

    หลังจากได้คำตอบจากพี่สาว เฮยวอน ถึงกับมือไม้สั่น หน้าชา ไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั้งจะทรงตัว
    ก็ยังทำไม่ได้ หัวใจของเขาเต้นเร็วกว่ารัวกลองเป็น100เท่า เหมือนหัวใจของเขาจะระเบิด
    ออกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่สามารถที่จะคุมสติตัวเองเอาไว้ได้ น้ำตาที่พรั่งพลูออกมาอาบแก้มทั้ง
    สองข้าง เสื้อตัวโปรดที่เขาใส่นอนเป็นประจำเปียกปอนไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาราวกับ
    ก๊อกแตก 
    " ไม่จริง ไม่จริงใช้มั๊ย " เฮยวอนตะโกนออกมาราวกับคนบ้า 

    ตอนนี้ทุกอย่างมืดไปหมด สติของเขาเริ่มเลือนลาง ภาพบรรยายกาศในห้องค่อยๆจางหายไป 

    ฟรุ่บบบบบ ~ เฮยวอน หมดสติ ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นห้อง

    ............................

    เฮยวอน ค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ  ภาพที่เขาเห็นมันช่างเลือนลางยิ่งนัก แต่หลังจากที่ตาเขาเริ่ม
    ปรับแสงได้ดีขึ้นแล้ว ภาพที่เขาเห็นก็คือ ..... แม่ !! ใช่ ชิน มีคยอง กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว 
    และมีเด็ก ชายหญิง2คนคอยหยิบจับสิ่งต่างๆ ราวกับเป็นลูกมือของเชฟใหญ่ โดยที่มีพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์
    เพื่อรอเวลาทานอาหาร มันเป็นภาพที่ดูเหมือนจะวุ่นวาย แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ... " ครอบครัว " 
    นี่สินะครอบครัวของฉัน จากนั้นภาพเก่าก็หายไป กลายเป็น ภาพของผู้คนมากมาย ที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่
    กับการช่วยผู้บาดเจ็บออกจากรถที่ประสบอุบัติเหตุ  เฮยวอนมองซ้ายมองขวาเพื่อหาบางสิ่ง แล้วเขา
    ก็หยุดสอดส่ายสายตา เพราะเขาเจอสิ่งที่เขาตามหาแล้ว  

    " พ่อ  ......  แม่ " เขาตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง แต่ดูเหมือนคนที่ถูกเรียกจะไม่ได้ยินเอาเสียเลย
    เพราะแท้จริงแล้วเสียงของเขานั้นช่างเบาเหลือเกิน  เขายังคงตะโกนเรียกอยู่แบบนั้น  
    เวลาผ่านไปไม่นาน สิ่งที่เฮยวอนพยายามทำก็เกิดผล จูวอนและมีคยอง หันมามองหน้าลูกชาย และ
    เดินตรงเข้ามาหาเขา  

    " พ่อ .... แม่ อย่าทิ้งผมกับพี่ไปเลยนะ ได้โปรด " เฮยวอนพูดไปสะอึกสะอื้นไป เหมือนคนที่กำลังจะ
    ขาดใจตายยังไงยังงั้น

    " พ่อกับแม่ ไม่ได้ไปไหนนะลูก  พ่อกับแม่แค่จะไปเที่ยวพักร้อนกันสักระยะหนึ่งเอง "

    เป็นจูวอน ที่กอดลูกชายไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น 

    " พ่อกับแม่จะอยู่ข้างๆลูกๆตลอดไป ไม่ร้องนะจ๊ะคนดีของแม่ "

    ผู้เป็นแม่ยิ้ม  มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุด และคงจะเป็นรอยยิ้มสุดท้าย ที่เขาจะได้เห็น 

    เฮยวอนรู้ดี ว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่พ่อและแม่จะสั่งเสีย และนั่นก็คงเป็นรอยยิ้มสุดท้าย 
    ซึ่งเขาจะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว 

    " ขอให้ลูกรู้ไว้ ว่าพ่อกับแม่จะอยู่ใน (พร้อมทั้งเอามือทาบไปที่อกซ้ายของลูก) นี้เสมอ นะจ๊ะ "

    หลังจากพูดจบ ร่างขอทั้ง2คนก็ค่อยๆจางหายไปกลายเป็นผงระยิบระยับรอยขึ้นไปบนฟ้า

    เฮยวอน สะดุ้งลุกขึ้นมาจากเตียงคนไข้ สมองของเขาตื้อเบลอไปหมด ตอนนี้เขาสับสนจน
    ไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง

    " เห้ย !! เดซี่ เป็นไงบ้างวะ มึงรู้มั้ยมึงหลับไป 2 วันเลยนะเว้ย กูนะ งงเลย ทำอะไรก็ไม่ถูก ตอนแรก
    เห็นมึงไม่มาเรียน กูเลยไปดูที่บ้าน เรียกก็ไม่เปิดประตู กูเลยตัดสินใจปีนบ้านเข้าไป เห็นมึงสลบ
    อยู่  ดีนะ ที่กูมีสติ เรียกรถพยาบาลมาอ่ะ มึงถึงได้นอนอยู่นี่ไง "
    คำบอกเล่าจากปากเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆของเฮยวอน นั่นก็คือ โน๊ต เด็กหนุ่มหน้าตาดี 
    ใบหน้าเรียวยาว ตาคม ผมตั้ง จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ปากเรียวสวยหุ่นนายแบบ ผิวสีแทนๆ
    ด้วยรูปร่างที่สูง ประมาณ 184 ซม. จึงทำให้มักจะมีแมวมองมาทาบทามให้ไปเป็นนายแบบ
    บ้างก็ชักชวนให้เป็นดารา  แต่ด้วยความที่เจ้าตัวไม่ชอบที่จะสุงสิงกับใครจึงปล่อยให้โอกาศ
    หลุดลอยไปอย่างหน้าตาเฉย โน๊ตจะคุยแค่กับคนที่สนิทเท่านั้น แต่นอกจากเฮยวอนกับเฮยมีแล้ว
    โน๊ตก็ไม่ค่อยพูดกับใครเลย 

    " โน๊ต เจ๊ล่ะ "

    ชายหนุ่มไม่ตอบ ได้แต่เพียงยืนน้ำตาคลอทำหน้าเศร้าๆใส่เพื่อนสนิท 

    โน๊ต !! " มึงตอบกู "  ตะคอกใส่เพื่อ ให้เพื่อนตอบคำถามที่ตนอยากรู้

    .....ชายหนุ่มเงียบ ....ก่อนที่จะค่อยๆอ้าปากพูดปลอบโยนสนิท

    " เดซี่ มึงทำใจดีๆไว้นะเว้ย แล้วฟังที่กูพูด .... เดซี่ ต่อให้ชีวิตมึงไม่เหลือใคร แต่มึงต้องไม่ลืมนะเว้ย
    ว่ามึงยังมีกูเป็นเพื่อนอยู่ " 

    ชายหนุ่มพูดทั้งน้ำตา ใจนึงก็สงสารเพื่อน อีกใจนึงก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    " ลุงจูวอนกับป้ามีคยอง เขาไปสบายแล้ว สิ่งที่มึงควรห่วงมากที่สุด คือตัวมึงเอง แล้วก็พี่อีทเทอร์นะเว้ย "

    เฮยวอน ก้มหน้าร้องไห้ เขาเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูด แต่ใจของเขามันกลับตรงกันข้าม เขาไม่สามารถที่จะ
    รับกับเรื่องนี้ได้ ........

    หน้าหลุมศพ ........

    หลังจากเสร็จพิธี แขกทุกคนก็ทยอยกลับกันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่ญาติสนิท เพื่อน และ2พี่น้อง
    ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงกับสิ่งรอบตัว พวกเขาทั้ง2เอาแต่ มองหลุมศพ ราวกับจะอ้อนวอนต่อพระเจ้า
    ให้คืนพ่อแม่ของเขากลับมาแม้ในความเป็นจริง มันจะไม่มีทางทำได้ก็ตาม 

    เป็นโน๊ตที่เดินมาสะกิด และบอกกับเพื่อนสนิทของตน 

    " ไปกันเถอะ ทุกคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องใช้ชีวิตเผื่อในส่วนที่เหลือของคนที่จากไปนั่นแหละ "

    พูดเสร็จก็เอามือ ไปตบที่ไหลเฮยวอนเบาๆเพื่อปลอบใจ

    " เฮ้ออ ~ " เฮยมีถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดประโยคสุดท้าย ต่อหน้า เค้าทั้งคู่

    " สงครามที่แท้จริง น่ะ ไม่ใช่การรบในสนามหรอก ..... แต่มันคือการใช้ชีวิตที่เหลือบนโลกนี้ต่างหาก "

    ชิน เฮยมี พูด  ก่อนที่จะวางดอกไม้ช่อโตช่อสุดท้ายที่ถืออยู่ในมือไว้หน้าหลุมศพ ของ  " พ่อ - แม่ "

    .............................

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×