ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 5 แผนการณ์
~ 5 ~
" เอ~ สร้อยเส้นนี้มันเป็นของหายากได้ยังไงกันนะ "
ริเซ่จ้องมองไปที่สร้อยรูปนาฬิกาทรายธรรมดาๆที่น้องชายซื้อมาฝากเธอ ทั้งๆที่มันก็เป็นรูปทรงธรรมดาแต่จะต่างออกไปก็คงจะมีเพียงทรายที่อยู่ทางด้านบนและไม่มีทีท่าส่างจะไหลลงมาเหมือนกับมีอะไรมากั้นขวางอยู่
" พี่ริเซ่ !! ท่านแม่เรียกหาน่ะ "
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความพิเศษของสร้อยเส้นนั้น ไม่นานก็มีเสียงเรียก เป็นเสียงที่เธอคุ้นหูดีนั่นคืดเสียงของโฮเซ่นั่นเอง
" จ้าาา จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ "
เธอขานรับก่อนที่จะเก็บสร้อยกลับเข้าไปภายในเสื้อและตามน้องชายไปในทันที
ภายในห้องของพระราชา
" ตอนนี้ท่านพี่เองก็อายุมากแล้ว ฉันว่ามันถึงเวลาที่พี่จะสละราชบัลลังค์ได้แล้วล่ะนะ " ลูเซียสเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบชาแบบสบายอารมณ์
" ทำไมจู่ เจ้าถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ "
" ฉันก็พูดไปตามที่เห็น น่ะ "
" อืม จะว่าไปฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นนะ " พระราชากล่าวออกไปพลางทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย
" ท่านพี่จะมอบบัลลังค์ให้กับโฮเซ่รึ "
พระราชาทำสีหน้าสงสัยส่งกลับมายังน้องชาย
" ท่านพี่ไม่กลัวว่าริเซ่จะมีความริษยาบ้างเลยรึไง "
" นางจะอิจฉาได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนที่จะได้ขึ้นครองบัลลังค์ ต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้วนี่ "
" แต่ยังไงนางก็เป็นลูกท่านเหมือนกันนะ นางอาจจะคิดว่านางเป็นลูก ยังไงนางก็ต้องมีสิทเหมือนกัน " ลูเซียสยังอธิบายต่อ ซึ่งตอนนี้สีหน้าของพระราชาเองก็ดูแปลกไปดูเหมือนกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
(เป็นแบบนี้ก็ดีล่ะ จะได้เข้าทางเรา) ลูเซียสนึกเพียงในใจพร้อมกับเผยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ออกมา ไม่นานลูเซียสจึงถอนตัวออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ ในขณะที่ลูเซียสกำลังเดินออกไปจากห้องนั้น พระราชาได้เหลือบตาไปมองก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ (ลูเซียสจะต้องมีแผนชั่วแน่ๆ แต่จะมาไม้ไหนกันนะ)
.................................
อีกด้านนึงของป่าใหญ่ กลุ่มคนทั้งสี่คนกำลังเดินทาง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ และดูจากสภาพของทั้งสี่คนแล้วก็คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมามาก
" นี่ๆ เราจะไม่พักกันเลยหรอ ฉันเหนื่อยแล้วนะ " เป็นอีทเทอร์ที่บ่นขึ้นมาในขณะที่เดินรั้งท้ายอยู่
" แล้วใครใช้ให้เธอแบกข้าวของมามากมายขนาดนั้นล่ะ " เลโอพูดขึ้นโดยที่ไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ
" มาพี่อีทเทอร์ เดี๋ยวผมช่วยแบกนะ " เป็นหนุ่มน้อยที่อาสาช่วยอีทเทอร์แบกกระเป๋าอันใหญ่โตของเธอ
" จริงๆหรอก ขอบใจนะน้องชายยยย " เธอพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ไม่นานเดซี่ก็รับกระเป็าจากเธอมา ปล่อยอีทเทอร์ที่ตอนนี้เดินแบบสบายอารมณ์สุดๆหลังจากที่ยกกระเป๋าใบใหญ่ให้เป็นภาระของเดซี่แทน
" เอากระเป๋าของท่านพี่มาสิ เดี๋ยวหญิงถือให้ " เดซี่ที่ดูเหมือนจะงุนงงกับลักษณะการพูดของยูริ ที่ถึงแม้จะได้ยินมาสักพักนึงแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้เสียที ไม่นานเขาก็ส่งกระเป๋าใบเล็กของเขาให้กับเธอไป ยูริรับสิ่งนั้นมาอย่างว่าง่ายก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปโดนที่ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ
" เอ่อคุณยูริครับ " เวลาผ่านไปไม่นาน เป็นชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นก่อนในระหว่างทาง ที่ดูเหมือนจะเงียบชวนให้รู้สึกอึดอัดเสียจริงๆ ยูริขานรับพร้อมกันหันมามองเพื่อรอฟังคนเรียก
" ช่วยเลิกเรียกผมว่า ท่านพี่สักทีได้มั้ยครับ คือมันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆน่ะ " เดซี่พูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขากลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจ
" ถ้าไม่ให้เรียกว่าท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่ายังไงล่ะคะ " ที่จริงแล้วเขาเองก็รู้สึกดีกับยูริ และยิ่งมารู้ว่ามาในอดีตเขาเคยเป็นคนรักของยูริมาก่อน เขาเองก็ยิ่งดีใจมากขึ้น แต่บางครั้งเขากลับรู้สึกว่ายูริ ยึดติดกับอดีตมากเกินไป ซึ่งตอนนี้เขาเองก็มาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนนึงไปแล้ว เขาจึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนบังคับให้เป็นใครที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน ยูริสะกิดเบาๆ เพราะดูเหมือนเดซี่จะเงียบนานเกินไป
" คือตอนนี้ผมมาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนไปแล้วน่ะครับ สามีคุณในอดีตซึ่งก็คือผมนั่นแหละ คือผมจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนผมเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนใหม่แล้ว ผมให้อยากให้เราเริ่มกันใหม่ ผมไม่อยากให้คุณยึดติดอยู่กับผมในอดีต ซึ่งบ้างครั้งผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ตัวของตัวเอง ถ้าคุณจะรัก ผมก็อยากให้คุณรักผมที่เป็นผมในชาตินี้มากกว่าน่ะครับ "
" ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด " หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่คลอ เธอเองก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอเองเช่นกัน แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอดีใจที่ได้เจอเขามากเกินไป จนทำให้สิ่งที่เธอแสดงออกมานั่นต้องทำให้เขาลำบากใจ
" อย่าร้องเลยครับ ผมไม่ได้โกรธคุณนะ " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือประคองหน้าของเธอไว้และค่อยๆบรรจงเอานิ้วเรียวของเขาเช็ดน้ำตาให้เธอ ทั้งคู่หยุดเดินจนทำให้ทิ้งระยะห่างออกจากเลโอและอีทเทอร์มากอยู่พอสมควร เมื่ออีทเทอร์ที่เดินตามหลังเลโออยู่นั้นรู้สึกเหมือนว่าไม่มีเสียงทั่งคู่เดินตามมา จึงเอะใจหันไปดู แล้วก็เป็นดังคาด เธอหันกลับไปแต่เห็นทั้งคู่ยืนอยู่ไกลมาก ด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจึงรีบวิ่งกลับไปหาพวกเขา
" เกิดอะไรขึ้น " ทันทีที่เธอมาถึงเธอจึงรีบถามออกไป ทำให้ทั้งคู่นั้นรีบผละตัวออกจากัน
" ป่าวน่ะ เราแค่คุยกันนิดหน่อยเอง " เดซี่ตอบคำถามก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า แต่นั่นยังไม่คลายความสงสัยแก่อีทเทอร์ได้
" ถ้าคุยกันทำไม คุณยูริจะต้องร้องไห้ด้วยล่ะ " เธอยังคงสงสัยไม่เลิก
" พอดีเมื่อกี๊ เหมือนจะมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ ฉันก็เลยให้เขาช่วยดูให้ " พูดจบยูริก็เดินตามหลังเดซี่ไปเช่นกัน แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้อีทเทอร์หายสงสัยอยู่ดี เห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งไปที่น้องชายทันที พร้อมกับกระซิบบอกเขา
" พวกนายนี่ความลับเยอะนะ เดี๊่ยวนี้กล้ามีความลับกับฉันหรอ หึหึ อย่าให้รู้ละกัน " เธอเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มแบบพวกโรคจิตๆ
" เธอบอกอะไรคุณหรอ " ยูริที่เดิมตามหลังมา รีบถามชายหนุ่มทันที
" อ๋อ เธอบอกว่า พวกเรามีความลับต่อเธอน่ะ เธอบอกว่ามีได้ แต่ให้จับได้ก็แล้วกัน " เดซี่อธิบายพร้อมกับเลียนแบบรอยยิ้มของอีทเทอร์ให้ยูริดู ถึงต้นฉบับจะดูโรคจิตแต่ที่เดซี่ทำนั้นมันกลับดูตลกเสียมากกว่าจึงเรียกเสียงหัวเราะของยูริออกมาได้ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนตอนนี้เองก็ไกล้จะค่ำแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนเดินทางมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งคาดว่าตรงนี้น่าจะเป็นช่วงกลางป่าแล้ว
" เอาล่ะ ฉันว่าเราควรจะพักกันที่นี่นะ เพราะตอนนี้ก็ไกล้จะมืดแล้วด้วย เดินทางกลางคืนในป่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ "
เลโอขึ้นพร้อมกับเดินวนไปรอบๆสถานที่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
" เย้ๆ เราจะได้พักกันแล้ว " เป็นอีทเทอร์ที่กระโดดโลดเต้นส่งเสียงดีใจออกมา " เงียบๆน่ายัยบ๊อง เธอจะแหกปากเรียกพวกสัตว์ป่าออกมารึไง " เป็นเลโอที่เหวใส่ขึ้นมา ทำให้อีทเทอร์หยุดการกระทำเหล่านั้นแต่ก็ไม่วายแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนใส่เขาจากข้างหลัง
" แล้วเราจะนอนกันยังไงล่ะคะ " หญิงสาวอีกคนเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางด้วยความสงสัยเกี่ยวกับสถานที่พัก
" ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเต๊นท์เวทมนต์อยู่ " พูดจบ เลโอทำปากมุบมิบๆร่ายมนต์ พร้อมกับสะบัดมือออกไป ทั้งสี่ด้านเป็นกรอบสีเหลี่ยม ไม่นานก็กำแพงน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาจากพื้นกลายเป็นกำแพงสี่ด้าน ทำให้ทุกคนดูจะตะลึงกันยกใหญ่
" นั่นนาย ทำได้ยังไงกันน่ะ โคตรเจ๋งเลย " อีทเทอร์เอ่ยชม พร้อมกับชูนิ้วโป้งให้กับเลโอ แต่เลโอกลับไม่ได้สนใจอีทเทอร์เลยสักนิด ไม่นานเขาก็ล้วงเขาไปกระเป๋าสพายข้างพร้อมกับควานหาของบางสิ่ง หลังจากควานหาอยู่สักพัก เขาก็หยิบเจ้าสิ่งนั้นออกมาพร้อมกับปาลงบนพื้น
ปุ๊งงงง ~
จุดที่เขาปาสิ่งของลงไประเบิดออกกลายเป็นกลุ่มควันสีขาว ไม่นานหลังจากที่ควันจางหายไปจึงเผยให้เห็นเต๊นท์เล็กๆหนึ่งหลัง
" นี่ เต๊นท์เล็กแค่นี้จะนอนยังหมด " ทันทีที่เห็นขนาดของเต๊นท์อีทเทอร์เองก็เปิดฉากว่าเลโอก่อนเลย ได้ยินดังนั้น เลโอที่มีอาการหวุดหงิดอีทเทอร์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงเอามือไปปิดปากเธอพร้อมลากเธอเข้าไปในเต๊นท์เล็กนั้น เมื่อเข้ามาถึงภายใน เลโอจึงพลักเธอลงบนเตียงนอนนุ่มๆที่ตั้งอยู่ทางริมขวาทันที
" นี่ที่นอนเธอ แล้วก็ช่วยหุบปากเสียที น่ารำคาน " พูดจบเขาก็หันหลังเดินไปยังเตียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที สิ่งที่อีทเทอร์เห็นอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอตะลึงมาก เพราะภายนอกมันเป็นแค่เต๊นท์หลังเล็กๆ แต่ภายในกลับกว้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ กว้างถึงขนาดเป็นเป็นได้หลังนึงเลยทีเดียว
" โห้ววว ทำไมมันถึงกว้างแบบนี้หละ " เป็นเดซี่ที่ส่งเสียงตกตะลึงออกมาบ้าง ในทันทีที่เขาเดินเข้ามา ภายในเต๊นท์นั้นกว้างมากและดูสะดวกสบาย มีทั้งเตียงนอนแบบ2ชั้นอยู่3เตียงและยังมีแบบเตียงธรรมดาแต่อีก3และเตียงใหญ่สำหรับนอนได้2คนอีก1เตียง แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีก 2ห้อง ห้องครัว แล้วพิ้นที่ที่เหลือตรงกลางจัดเป็นโต๊ะรับแขกและเอาไว้สำหรับทานอาหาร ทุกอย่างถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบเข้าที่เข้ากับสัดส่วนพื้นที่ได้อย่างลงตัว
" เดี๋ยวฉันกับอีทเทอร์จะเป็นคนทำอาหารเองนะคะ " ทันทีที่ยูริเห็นห้องครัวเธอจึงอาสาที่จะเป็นแม่ครัวเองทันทีพร้อมกับพาอีทเทอร์ไปช่วยด้วย
" อื้ม ฝากด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรบอกได้เลยนะ " ยูริรับคำเสร็จก็รีบเดินเข้าครัวไปทันที อีทเทอร์ที่กำลังมองหาวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารอยู่นั้นก็ไปสะดุดกับบางสิ่งเข้า
" อื้อหือ นี่มีแม้กระทั่งที่เก็บเนื้อเลยหรอ ว่าแต่เอาความเย็นมาจากไหนกันนะ " เธออุทานขึ้นมา แต่ก็ต้องเลิกสงสัยก่อนเพราะต้องรีบไปทำอาหาร ในขณะที่สองสาวกำลังขมักเขม่นอยู่กับการทำอาหาร ไม่นาน อาหารก็เสร็จ ตอนนี้ทั้งสี่กำลังนั่งล้อมวงทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย
" เป็นอย่างไรบ้างคะ อร่อยมั้ย " ยูริถามความเห็น
" ครับ อร่อยทุกอย่างเลย " ยูริยิ้มรับทันทีที่ได้ยินคำตอบ
" ซุปเนื้อนี่อร่อยนะ " เป็นเลโอที่เอ่ยชมขึ้นมา
" อ๋อนั่นเป็นฝีมือของอีทเทอร์น่ะค่ะ " ได้ยินดังนั้นเลโอถึงกับสำลักน้ำซุปเลยทีเดียว
" ทำไม พอเป็นฝีมือฉันแล้วไม่อร่อยขึ้นมาเลยรึไง " ทันที่เห็นอาการของเลโอ อีทเือร์ก็เปิดฉากด่าใส่ทันที
" ป่าวหรอก ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วย " พูดจบเลโอก็จ้วงซุปนั่นต่อ ปล่อยให้อีทเทอร์ที่ตอนนี้นั่งหน้าขึ้นสีอยู่นิดๆ เธอเองก็รู้สึกแปลกๆที่เลโอชมอยู่ แต่บางครั้งเขาเองก็ปากหมานนนเกินจนทำให้เธอโมโหอยู่บ้าง แต่ก็นะ คราวนี้จะลองให้อภัยดูสักครั้ง
" ที่นี่สบายมากเลยนะครับ ทุกให้พร้อมทุกอย่างเลย " เดซี่เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ
" นี่คือไอเท็มเวทมนต์ของปู่ฉันน่ะ ท่านเอาไว้ใช้เวลาที่ออกเดินทาง ยังมีไอเท็มเวทมนต์หลายชิ้นนะที่ท่านสร้างไว้ "
" ว่าแต่ ไอถังเก็บเนื้อน่ะ นายทำได้ยังไงหรอ แล้วเอาความเย็นมาจากไหนอ่ะ " เป็นอีทเทอร์ที่ถามขึ้น เลโอไม่ตอบแต่ยืนมือที่กำไว้ไปตรงหน้าอีทเทอร์ พร้อมกับแบมือออก เผยให้เห็นผลึกน้ำแข็งที่ส่งความเย็นออกมา อีทเทอร์จ้องมองสิ่งนั้นสลับกับใบหน้าของเลโอพร้อมกับสีหน่าสงสัย
" ฉันก็ใช้เวทน้ำแข็งรักษาอุณภูมิไว้ยังไงล่ะ " เห็นสีหน้านั้นเลโอจึงเฉลยออกมาทันที
" อ้อ แหม่ เป็นพ่อมดนี่มันเจ๋งแบบนี้นี่เองนะ "
" พี่เลโอ " เจ้าของชื่อกันไปที่ต้นเสียงทันที พร้อมกับเลิกคิ้วหาคำถาม เห็นดังนั้นเดซี่จึงเอ่ยปากถามทันที
" นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ " เลโอทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก
" ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน "
" อ้าว !! " คำตอบนั้นถึงกับทำให้ทั้งสามคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
" แล้วพี่เล่นเดินทางไปโดยไม่รู้จุดหมาย แล้วแบบนี้เราจะสิ้นสุดกันที่ตรงไหนละครับ "
" ไม่รู้สิ ฉันก็แค่ออกเดินทางไปเรื่อยๆ "
" นี่อย่านะว่า ตลอด20กว่าปีมานี่ พี่เดินทางแบบไม่มีจุดหมายมาตลอด จนเมื่อมาเจอผมเมื่อวานเนี่ยนะ "
เลโอพยักหน้าแทนคำตอบ
" โอ้ว แล้วแบบนี้กว่าพี่จะตามหาครบทั้ง6คนจะใช้เวลาเท่าไหร่กันละเนี่ย " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือกุมขมับทันที
..................................
ชายวัยกลางคนที่ตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง ในขณะเดียวกัน มุมมืดในห้องที่แสงสว่างสอดส่องมาไม่ถึงก็เผยให้เห็นร่างของชายอีกคนที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น
" ท่าทางจะสบายอารมณ์มากเลยนะครับคุณลูเซียส " ไม่นานร่างที่อยู่ในเงามืดนั้นก็เอ่ยทักทายชายที่นั่งอยู่บนโซฟา
" นี่นายเข้ามาได้ยังไงกัน " ผู้ถูกทักถึงกับถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะนี่เป็นถึงปราสาทของกษัตริย์ ย่อมต้องมีการป้องที่แน่นหนามาก แต่นี่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ชายผู้มาเยือนได้ยินดังนั้น จึงไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่ระ
" ไม่ต้องแปลกใจหรอก ครับ ไม่มีที่ไหนที่คนอย่างผมจะไปไม่ได้ " ได้ยินดังนั้นลูเซียสถึงกับเบ้หน้าใส่เล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้ารับรู้ว่าเขาไม่ค่อยจะชอบในความทะนงตัวของชายตรงหน้านัก
" ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แต่คุณต้องทำใจหน่อยนะ เพราะเรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน " ได้ยินดังนั้นจึงทำให้ลูเซียสโมโหขึ้นมากกว่าเดิมอีก
" แกรีบบอกธุระของแกมาดีกว่า ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน " ลูเซียสรีบเข้าประเด็นทันทีเพราะตัวเขาเองก็เริ่มจะคุมตัวเองไว้ไม่ได้เเล้วเช่นกัน
" ใจเย็นๆสิครับ แหม่ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ " เขายังคงพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะไปด้วย ราวกับจะยั่วโมโหชายที่อายุมากกว่าตรงหน้า และดูเหมือนลูเซียสเองก็ตามจะโมโหไปตามเกมของชายตรงหน้าเองเหมือนกัน
" ห่ะๆ เอาล่ะ โอเคๆ ผมเข้าเรื่องละกัน " เมื่อเห็นว่าลูเซียสเดือดขึ้นมาก และเขาเองก็ยียวนมาพอสมควรแล้ว เขาเปลี่ยนมาเข้าเรื่องทันทีเพราะถ้าขืนยังลีลาไปมากกว่านี้ อาจจะทำให้ผิดจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้
" ท่านราชา สั่งให้ผมมาบอกคุณ ว่า ให้เริ่มแผนการณ์ได้แล้ว และผมก็เห็นด้วยกับท่านเช่นกัน " เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังทันที เมื่อได้ยินดังนั้นลูเซียสกลับเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิด
" แล้วคุณมีแผนยังไงเหรอครับ "
" คืนพรุ่งนี้ พระราชาจะจัดเลี้ยงครั้งใหญ่ และจะประกาศสละบัลลัง ฉันจะใช้โอกาศตอนนั้นล่ะ โยนความผิดให้กับรัชทายาทซะ " ลูเซียสอธิบายถึงแผนการณ์ของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับการวางแผนฆ่าคนมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
" มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ " เขายังคงถามด้วยความสงสัย
" ฉันมีแผนของฉันก็แล้วกัน ขอแค่นายอย่าเข้ามายุ่งก็พอนะ ฮอปบี้ "
" คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมก็มีหน้าที่ของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับแผนการณ์สกปกของคุณหรอก " ฮอปบี้ยังไม่วายที่จะพูดจาจิกกัดลูเซียสิีกครั้ง
" งั้นผมขอตัวก่อนละกันนะครับ ขอให้แผนของคุณสำเร็จไปได้ด้วยดี " พูดจบเขาก็หายกลับเข้าไปในเงามืดเหมือนเดิม ปล่อยให้ลูเซียสกำหมัดแน่นด้วยโทสะ ที่เขาโดนเจ้าฮอปบี้เเขวะเข้า
" รอให้พวกแกหมดประโยชน์ก่อนเถอะ ฉันสาบานเลยว่าจะฆ่าแกเป็นคนแรก ไอ้ฮอปบี้ "
ลูเซียสถึงกับกัดฟันพูดออกมาด้วยความโมโห
ริเซ่จ้องมองไปที่สร้อยรูปนาฬิกาทรายธรรมดาๆที่น้องชายซื้อมาฝากเธอ ทั้งๆที่มันก็เป็นรูปทรงธรรมดาแต่จะต่างออกไปก็คงจะมีเพียงทรายที่อยู่ทางด้านบนและไม่มีทีท่าส่างจะไหลลงมาเหมือนกับมีอะไรมากั้นขวางอยู่
" พี่ริเซ่ !! ท่านแม่เรียกหาน่ะ "
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับความพิเศษของสร้อยเส้นนั้น ไม่นานก็มีเสียงเรียก เป็นเสียงที่เธอคุ้นหูดีนั่นคืดเสียงของโฮเซ่นั่นเอง
" จ้าาา จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ "
เธอขานรับก่อนที่จะเก็บสร้อยกลับเข้าไปภายในเสื้อและตามน้องชายไปในทันที
ภายในห้องของพระราชา
" ตอนนี้ท่านพี่เองก็อายุมากแล้ว ฉันว่ามันถึงเวลาที่พี่จะสละราชบัลลังค์ได้แล้วล่ะนะ " ลูเซียสเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบชาแบบสบายอารมณ์
" ทำไมจู่ เจ้าถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ "
" ฉันก็พูดไปตามที่เห็น น่ะ "
" อืม จะว่าไปฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นนะ " พระราชากล่าวออกไปพลางทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย
" ท่านพี่จะมอบบัลลังค์ให้กับโฮเซ่รึ "
พระราชาทำสีหน้าสงสัยส่งกลับมายังน้องชาย
" ท่านพี่ไม่กลัวว่าริเซ่จะมีความริษยาบ้างเลยรึไง "
" นางจะอิจฉาได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคนที่จะได้ขึ้นครองบัลลังค์ ต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้วนี่ "
" แต่ยังไงนางก็เป็นลูกท่านเหมือนกันนะ นางอาจจะคิดว่านางเป็นลูก ยังไงนางก็ต้องมีสิทเหมือนกัน " ลูเซียสยังอธิบายต่อ ซึ่งตอนนี้สีหน้าของพระราชาเองก็ดูแปลกไปดูเหมือนกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
(เป็นแบบนี้ก็ดีล่ะ จะได้เข้าทางเรา) ลูเซียสนึกเพียงในใจพร้อมกับเผยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ออกมา ไม่นานลูเซียสจึงถอนตัวออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ ในขณะที่ลูเซียสกำลังเดินออกไปจากห้องนั้น พระราชาได้เหลือบตาไปมองก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ (ลูเซียสจะต้องมีแผนชั่วแน่ๆ แต่จะมาไม้ไหนกันนะ)
.................................
อีกด้านนึงของป่าใหญ่ กลุ่มคนทั้งสี่คนกำลังเดินทาง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ และดูจากสภาพของทั้งสี่คนแล้วก็คงจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมามาก
" นี่ๆ เราจะไม่พักกันเลยหรอ ฉันเหนื่อยแล้วนะ " เป็นอีทเทอร์ที่บ่นขึ้นมาในขณะที่เดินรั้งท้ายอยู่
" แล้วใครใช้ให้เธอแบกข้าวของมามากมายขนาดนั้นล่ะ " เลโอพูดขึ้นโดยที่ไม่หันมามองเธอด้วยซ้ำ
" มาพี่อีทเทอร์ เดี๋ยวผมช่วยแบกนะ " เป็นหนุ่มน้อยที่อาสาช่วยอีทเทอร์แบกกระเป๋าอันใหญ่โตของเธอ
" จริงๆหรอก ขอบใจนะน้องชายยยย " เธอพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ไม่นานเดซี่ก็รับกระเป็าจากเธอมา ปล่อยอีทเทอร์ที่ตอนนี้เดินแบบสบายอารมณ์สุดๆหลังจากที่ยกกระเป๋าใบใหญ่ให้เป็นภาระของเดซี่แทน
" เอากระเป๋าของท่านพี่มาสิ เดี๋ยวหญิงถือให้ " เดซี่ที่ดูเหมือนจะงุนงงกับลักษณะการพูดของยูริ ที่ถึงแม้จะได้ยินมาสักพักนึงแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้เสียที ไม่นานเขาก็ส่งกระเป๋าใบเล็กของเขาให้กับเธอไป ยูริรับสิ่งนั้นมาอย่างว่าง่ายก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปโดนที่ไม่มีคำพูดใดๆเล็ดลอดออกมาเลยสักคำ
" เอ่อคุณยูริครับ " เวลาผ่านไปไม่นาน เป็นชายหนุ่มที่เอ่ยขึ้นก่อนในระหว่างทาง ที่ดูเหมือนจะเงียบชวนให้รู้สึกอึดอัดเสียจริงๆ ยูริขานรับพร้อมกันหันมามองเพื่อรอฟังคนเรียก
" ช่วยเลิกเรียกผมว่า ท่านพี่สักทีได้มั้ยครับ คือมันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆน่ะ " เดซี่พูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขากลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจ
" ถ้าไม่ให้เรียกว่าท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่ายังไงล่ะคะ " ที่จริงแล้วเขาเองก็รู้สึกดีกับยูริ และยิ่งมารู้ว่ามาในอดีตเขาเคยเป็นคนรักของยูริมาก่อน เขาเองก็ยิ่งดีใจมากขึ้น แต่บางครั้งเขากลับรู้สึกว่ายูริ ยึดติดกับอดีตมากเกินไป ซึ่งตอนนี้เขาเองก็มาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนนึงไปแล้ว เขาจึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนบังคับให้เป็นใครที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน ยูริสะกิดเบาๆ เพราะดูเหมือนเดซี่จะเงียบนานเกินไป
" คือตอนนี้ผมมาเกิดใหม่กลายเป็นอีกคนไปแล้วน่ะครับ สามีคุณในอดีตซึ่งก็คือผมนั่นแหละ คือผมจำไม่ได้ว่าเมื่อก่อนผมเป็นยังไง แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนใหม่แล้ว ผมให้อยากให้เราเริ่มกันใหม่ ผมไม่อยากให้คุณยึดติดอยู่กับผมในอดีต ซึ่งบ้างครั้งผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ตัวของตัวเอง ถ้าคุณจะรัก ผมก็อยากให้คุณรักผมที่เป็นผมในชาตินี้มากกว่าน่ะครับ "
" ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด " หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่คลอ เธอเองก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอเองเช่นกัน แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอดีใจที่ได้เจอเขามากเกินไป จนทำให้สิ่งที่เธอแสดงออกมานั่นต้องทำให้เขาลำบากใจ
" อย่าร้องเลยครับ ผมไม่ได้โกรธคุณนะ " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือประคองหน้าของเธอไว้และค่อยๆบรรจงเอานิ้วเรียวของเขาเช็ดน้ำตาให้เธอ ทั้งคู่หยุดเดินจนทำให้ทิ้งระยะห่างออกจากเลโอและอีทเทอร์มากอยู่พอสมควร เมื่ออีทเทอร์ที่เดินตามหลังเลโออยู่นั้นรู้สึกเหมือนว่าไม่มีเสียงทั่งคู่เดินตามมา จึงเอะใจหันไปดู แล้วก็เป็นดังคาด เธอหันกลับไปแต่เห็นทั้งคู่ยืนอยู่ไกลมาก ด้วยความเป็นห่วงเพราะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจึงรีบวิ่งกลับไปหาพวกเขา
" เกิดอะไรขึ้น " ทันทีที่เธอมาถึงเธอจึงรีบถามออกไป ทำให้ทั้งคู่นั้นรีบผละตัวออกจากัน
" ป่าวน่ะ เราแค่คุยกันนิดหน่อยเอง " เดซี่ตอบคำถามก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า แต่นั่นยังไม่คลายความสงสัยแก่อีทเทอร์ได้
" ถ้าคุยกันทำไม คุณยูริจะต้องร้องไห้ด้วยล่ะ " เธอยังคงสงสัยไม่เลิก
" พอดีเมื่อกี๊ เหมือนจะมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ ฉันก็เลยให้เขาช่วยดูให้ " พูดจบยูริก็เดินตามหลังเดซี่ไปเช่นกัน แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้อีทเทอร์หายสงสัยอยู่ดี เห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งไปที่น้องชายทันที พร้อมกับกระซิบบอกเขา
" พวกนายนี่ความลับเยอะนะ เดี๊่ยวนี้กล้ามีความลับกับฉันหรอ หึหึ อย่าให้รู้ละกัน " เธอเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มแบบพวกโรคจิตๆ
" เธอบอกอะไรคุณหรอ " ยูริที่เดิมตามหลังมา รีบถามชายหนุ่มทันที
" อ๋อ เธอบอกว่า พวกเรามีความลับต่อเธอน่ะ เธอบอกว่ามีได้ แต่ให้จับได้ก็แล้วกัน " เดซี่อธิบายพร้อมกับเลียนแบบรอยยิ้มของอีทเทอร์ให้ยูริดู ถึงต้นฉบับจะดูโรคจิตแต่ที่เดซี่ทำนั้นมันกลับดูตลกเสียมากกว่าจึงเรียกเสียงหัวเราะของยูริออกมาได้ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนตอนนี้เองก็ไกล้จะค่ำแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนเดินทางมาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งคาดว่าตรงนี้น่าจะเป็นช่วงกลางป่าแล้ว
" เอาล่ะ ฉันว่าเราควรจะพักกันที่นี่นะ เพราะตอนนี้ก็ไกล้จะมืดแล้วด้วย เดินทางกลางคืนในป่ามันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ "
เลโอขึ้นพร้อมกับเดินวนไปรอบๆสถานที่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น ราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
" เย้ๆ เราจะได้พักกันแล้ว " เป็นอีทเทอร์ที่กระโดดโลดเต้นส่งเสียงดีใจออกมา " เงียบๆน่ายัยบ๊อง เธอจะแหกปากเรียกพวกสัตว์ป่าออกมารึไง " เป็นเลโอที่เหวใส่ขึ้นมา ทำให้อีทเทอร์หยุดการกระทำเหล่านั้นแต่ก็ไม่วายแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนใส่เขาจากข้างหลัง
" แล้วเราจะนอนกันยังไงล่ะคะ " หญิงสาวอีกคนเอ่ยถามผู้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางด้วยความสงสัยเกี่ยวกับสถานที่พัก
" ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเต๊นท์เวทมนต์อยู่ " พูดจบ เลโอทำปากมุบมิบๆร่ายมนต์ พร้อมกับสะบัดมือออกไป ทั้งสี่ด้านเป็นกรอบสีเหลี่ยม ไม่นานก็กำแพงน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาจากพื้นกลายเป็นกำแพงสี่ด้าน ทำให้ทุกคนดูจะตะลึงกันยกใหญ่
" นั่นนาย ทำได้ยังไงกันน่ะ โคตรเจ๋งเลย " อีทเทอร์เอ่ยชม พร้อมกับชูนิ้วโป้งให้กับเลโอ แต่เลโอกลับไม่ได้สนใจอีทเทอร์เลยสักนิด ไม่นานเขาก็ล้วงเขาไปกระเป๋าสพายข้างพร้อมกับควานหาของบางสิ่ง หลังจากควานหาอยู่สักพัก เขาก็หยิบเจ้าสิ่งนั้นออกมาพร้อมกับปาลงบนพื้น
ปุ๊งงงง ~
จุดที่เขาปาสิ่งของลงไประเบิดออกกลายเป็นกลุ่มควันสีขาว ไม่นานหลังจากที่ควันจางหายไปจึงเผยให้เห็นเต๊นท์เล็กๆหนึ่งหลัง
" นี่ เต๊นท์เล็กแค่นี้จะนอนยังหมด " ทันทีที่เห็นขนาดของเต๊นท์อีทเทอร์เองก็เปิดฉากว่าเลโอก่อนเลย ได้ยินดังนั้น เลโอที่มีอาการหวุดหงิดอีทเทอร์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงเอามือไปปิดปากเธอพร้อมลากเธอเข้าไปในเต๊นท์เล็กนั้น เมื่อเข้ามาถึงภายใน เลโอจึงพลักเธอลงบนเตียงนอนนุ่มๆที่ตั้งอยู่ทางริมขวาทันที
" นี่ที่นอนเธอ แล้วก็ช่วยหุบปากเสียที น่ารำคาน " พูดจบเขาก็หันหลังเดินไปยังเตียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที สิ่งที่อีทเทอร์เห็นอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอตะลึงมาก เพราะภายนอกมันเป็นแค่เต๊นท์หลังเล็กๆ แต่ภายในกลับกว้างได้อย่างไม่น่าเชื่อ กว้างถึงขนาดเป็นเป็นได้หลังนึงเลยทีเดียว
" โห้ววว ทำไมมันถึงกว้างแบบนี้หละ " เป็นเดซี่ที่ส่งเสียงตกตะลึงออกมาบ้าง ในทันทีที่เขาเดินเข้ามา ภายในเต๊นท์นั้นกว้างมากและดูสะดวกสบาย มีทั้งเตียงนอนแบบ2ชั้นอยู่3เตียงและยังมีแบบเตียงธรรมดาแต่อีก3และเตียงใหญ่สำหรับนอนได้2คนอีก1เตียง แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีก 2ห้อง ห้องครัว แล้วพิ้นที่ที่เหลือตรงกลางจัดเป็นโต๊ะรับแขกและเอาไว้สำหรับทานอาหาร ทุกอย่างถูกจัดวางไว้เป็นระเบียบเข้าที่เข้ากับสัดส่วนพื้นที่ได้อย่างลงตัว
" เดี๋ยวฉันกับอีทเทอร์จะเป็นคนทำอาหารเองนะคะ " ทันทีที่ยูริเห็นห้องครัวเธอจึงอาสาที่จะเป็นแม่ครัวเองทันทีพร้อมกับพาอีทเทอร์ไปช่วยด้วย
" อื้ม ฝากด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรบอกได้เลยนะ " ยูริรับคำเสร็จก็รีบเดินเข้าครัวไปทันที อีทเทอร์ที่กำลังมองหาวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหารอยู่นั้นก็ไปสะดุดกับบางสิ่งเข้า
" อื้อหือ นี่มีแม้กระทั่งที่เก็บเนื้อเลยหรอ ว่าแต่เอาความเย็นมาจากไหนกันนะ " เธออุทานขึ้นมา แต่ก็ต้องเลิกสงสัยก่อนเพราะต้องรีบไปทำอาหาร ในขณะที่สองสาวกำลังขมักเขม่นอยู่กับการทำอาหาร ไม่นาน อาหารก็เสร็จ ตอนนี้ทั้งสี่กำลังนั่งล้อมวงทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย
" เป็นอย่างไรบ้างคะ อร่อยมั้ย " ยูริถามความเห็น
" ครับ อร่อยทุกอย่างเลย " ยูริยิ้มรับทันทีที่ได้ยินคำตอบ
" ซุปเนื้อนี่อร่อยนะ " เป็นเลโอที่เอ่ยชมขึ้นมา
" อ๋อนั่นเป็นฝีมือของอีทเทอร์น่ะค่ะ " ได้ยินดังนั้นเลโอถึงกับสำลักน้ำซุปเลยทีเดียว
" ทำไม พอเป็นฝีมือฉันแล้วไม่อร่อยขึ้นมาเลยรึไง " ทันที่เห็นอาการของเลโอ อีทเือร์ก็เปิดฉากด่าใส่ทันที
" ป่าวหรอก ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วย " พูดจบเลโอก็จ้วงซุปนั่นต่อ ปล่อยให้อีทเทอร์ที่ตอนนี้นั่งหน้าขึ้นสีอยู่นิดๆ เธอเองก็รู้สึกแปลกๆที่เลโอชมอยู่ แต่บางครั้งเขาเองก็ปากหมานนนเกินจนทำให้เธอโมโหอยู่บ้าง แต่ก็นะ คราวนี้จะลองให้อภัยดูสักครั้ง
" ที่นี่สบายมากเลยนะครับ ทุกให้พร้อมทุกอย่างเลย " เดซี่เอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆ
" นี่คือไอเท็มเวทมนต์ของปู่ฉันน่ะ ท่านเอาไว้ใช้เวลาที่ออกเดินทาง ยังมีไอเท็มเวทมนต์หลายชิ้นนะที่ท่านสร้างไว้ "
" ว่าแต่ ไอถังเก็บเนื้อน่ะ นายทำได้ยังไงหรอ แล้วเอาความเย็นมาจากไหนอ่ะ " เป็นอีทเทอร์ที่ถามขึ้น เลโอไม่ตอบแต่ยืนมือที่กำไว้ไปตรงหน้าอีทเทอร์ พร้อมกับแบมือออก เผยให้เห็นผลึกน้ำแข็งที่ส่งความเย็นออกมา อีทเทอร์จ้องมองสิ่งนั้นสลับกับใบหน้าของเลโอพร้อมกับสีหน่าสงสัย
" ฉันก็ใช้เวทน้ำแข็งรักษาอุณภูมิไว้ยังไงล่ะ " เห็นสีหน้านั้นเลโอจึงเฉลยออกมาทันที
" อ้อ แหม่ เป็นพ่อมดนี่มันเจ๋งแบบนี้นี่เองนะ "
" พี่เลโอ " เจ้าของชื่อกันไปที่ต้นเสียงทันที พร้อมกับเลิกคิ้วหาคำถาม เห็นดังนั้นเดซี่จึงเอ่ยปากถามทันที
" นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ " เลโอทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก
" ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน "
" อ้าว !! " คำตอบนั้นถึงกับทำให้ทั้งสามคนอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
" แล้วพี่เล่นเดินทางไปโดยไม่รู้จุดหมาย แล้วแบบนี้เราจะสิ้นสุดกันที่ตรงไหนละครับ "
" ไม่รู้สิ ฉันก็แค่ออกเดินทางไปเรื่อยๆ "
" นี่อย่านะว่า ตลอด20กว่าปีมานี่ พี่เดินทางแบบไม่มีจุดหมายมาตลอด จนเมื่อมาเจอผมเมื่อวานเนี่ยนะ "
เลโอพยักหน้าแทนคำตอบ
" โอ้ว แล้วแบบนี้กว่าพี่จะตามหาครบทั้ง6คนจะใช้เวลาเท่าไหร่กันละเนี่ย " เดซี่พูดพร้อมกับเอามือกุมขมับทันที
..................................
ชายวัยกลางคนที่ตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง ในขณะเดียวกัน มุมมืดในห้องที่แสงสว่างสอดส่องมาไม่ถึงก็เผยให้เห็นร่างของชายอีกคนที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น
" ท่าทางจะสบายอารมณ์มากเลยนะครับคุณลูเซียส " ไม่นานร่างที่อยู่ในเงามืดนั้นก็เอ่ยทักทายชายที่นั่งอยู่บนโซฟา
" นี่นายเข้ามาได้ยังไงกัน " ผู้ถูกทักถึงกับถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะนี่เป็นถึงปราสาทของกษัตริย์ ย่อมต้องมีการป้องที่แน่นหนามาก แต่นี่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ชายผู้มาเยือนได้ยินดังนั้น จึงไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่ยี่ระ
" ไม่ต้องแปลกใจหรอก ครับ ไม่มีที่ไหนที่คนอย่างผมจะไปไม่ได้ " ได้ยินดังนั้นลูเซียสถึงกับเบ้หน้าใส่เล็กน้อยเพื่อให้คนตรงหน้ารับรู้ว่าเขาไม่ค่อยจะชอบในความทะนงตัวของชายตรงหน้านัก
" ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แต่คุณต้องทำใจหน่อยนะ เพราะเรายังต้องร่วมงานกันอีกนาน " ได้ยินดังนั้นจึงทำให้ลูเซียสโมโหขึ้นมากกว่าเดิมอีก
" แกรีบบอกธุระของแกมาดีกว่า ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน " ลูเซียสรีบเข้าประเด็นทันทีเพราะตัวเขาเองก็เริ่มจะคุมตัวเองไว้ไม่ได้เเล้วเช่นกัน
" ใจเย็นๆสิครับ แหม่ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ " เขายังคงพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะไปด้วย ราวกับจะยั่วโมโหชายที่อายุมากกว่าตรงหน้า และดูเหมือนลูเซียสเองก็ตามจะโมโหไปตามเกมของชายตรงหน้าเองเหมือนกัน
" ห่ะๆ เอาล่ะ โอเคๆ ผมเข้าเรื่องละกัน " เมื่อเห็นว่าลูเซียสเดือดขึ้นมาก และเขาเองก็ยียวนมาพอสมควรแล้ว เขาเปลี่ยนมาเข้าเรื่องทันทีเพราะถ้าขืนยังลีลาไปมากกว่านี้ อาจจะทำให้ผิดจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้
" ท่านราชา สั่งให้ผมมาบอกคุณ ว่า ให้เริ่มแผนการณ์ได้แล้ว และผมก็เห็นด้วยกับท่านเช่นกัน " เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังทันที เมื่อได้ยินดังนั้นลูเซียสกลับเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิด
" แล้วคุณมีแผนยังไงเหรอครับ "
" คืนพรุ่งนี้ พระราชาจะจัดเลี้ยงครั้งใหญ่ และจะประกาศสละบัลลัง ฉันจะใช้โอกาศตอนนั้นล่ะ โยนความผิดให้กับรัชทายาทซะ " ลูเซียสอธิบายถึงแผนการณ์ของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับการวางแผนฆ่าคนมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
" มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ " เขายังคงถามด้วยความสงสัย
" ฉันมีแผนของฉันก็แล้วกัน ขอแค่นายอย่าเข้ามายุ่งก็พอนะ ฮอปบี้ "
" คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมก็มีหน้าที่ของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับแผนการณ์สกปกของคุณหรอก " ฮอปบี้ยังไม่วายที่จะพูดจาจิกกัดลูเซียสิีกครั้ง
" งั้นผมขอตัวก่อนละกันนะครับ ขอให้แผนของคุณสำเร็จไปได้ด้วยดี " พูดจบเขาก็หายกลับเข้าไปในเงามืดเหมือนเดิม ปล่อยให้ลูเซียสกำหมัดแน่นด้วยโทสะ ที่เขาโดนเจ้าฮอปบี้เเขวะเข้า
" รอให้พวกแกหมดประโยชน์ก่อนเถอะ ฉันสาบานเลยว่าจะฆ่าแกเป็นคนแรก ไอ้ฮอปบี้ "
ลูเซียสถึงกับกัดฟันพูดออกมาด้วยความโมโห
~...........................................~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น