ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ประกาศสงคราม
เซ็นซิตี้ นครแห่งภูผาสูง เมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศที่นี่เป็นที่ตั้งของแนวภูเขาใหญ่หลายภูเขา ที่นี่เป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างชีวิตชนบทและชีวิตเมืองใหญ่อย่างเข้ากัน และมันยังเป็นที่ตั้งของกรมตำรวจแห่งชาติอีกด้วย ที่นี่เป็นทั้งศูนย์บัญชาการใหญ่และยังเป็นที่ฝึกเหล่านักเรียนนายร้อยตำรวจหลายต่อหลายรุ่นอย่างยาวนาน
รถประจำทางสาย 377 เข้าจอดที่สถานีเดินรถนับเป็นการสิ้นสุดการเดินทางอันแสนยาวนาน เคโกะและเรนจิแบกสัมภาระลงจากรถเพื่อต่อรถประจำทางเล็กที่จะนำเค้ากลับเข้าสู่หมู่บ้านที่จากมาซึ่งสถานที่ต่อรถก็อยู่เยื้องกับกรมตำรวจแห่งชาติพอดี ขณะที่รอรถเคโกะก็สังเกตเห็นกลุ่มชายหลายคนยืนอยู่หน้ากรมตำรวจ เขาสังเกตุเห็นชายคนหนึ่งในนั้นปาโทรศัพท์ลงพื้น
“เค ขึ้นรถกันเถอะ” เรนจิดึงแขนเพื่อน
“อืม” เคโกะเดินตามเรนจิไปขึ้นรถ รถเมล์เล็กวิ่งเลี่ยงเมืองออกไปทางทิศเหนือถึงหมู่บ้านที่พวกเขาทั้งสองเติบโตมา เมื่อถึงหมู่บ้านพวกเค้าแบกสัมภาระเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยใบไม้จนถึงทางแยก
“อืม” เคโกะเดินตามเรนจิไปขึ้นรถ รถเมล์เล็กวิ่งเลี่ยงเมืองออกไปทางทิศเหนือถึงหมู่บ้านที่พวกเขาทั้งสองเติบโตมา เมื่อถึงหมู่บ้านพวกเค้าแบกสัมภาระเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยใบไม้จนถึงทางแยก
“แล้วเจอกันนะ เค” เรนจิพูด ทั้งสองแยกทางกันกลับบ้านของตน เรนจิเดินทำหน้าเศร้าตลอดทางจนถึงหน้าบ้าน
“แอ๊ดดดดด” ประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมผู้คนมากมายภายในบ้าน ทุกคนนิ่งเงียบเมื่อเห็นเรนจิทำหน้าเศร้าไม่มีใครกล้าพูดนอกจากชายคนหนึ่งซึ่งยืนขึ้นแล้วตะโกนใส่เรนจิ
“ชั้นบอกแกแล้วว่าให้แกอ่านหนังสือสอบมากๆ ” พูดจบเค้าเดินไปทางเรนจิด้วยท่าทางโมโห ระหว่างเดินเค้าสังเกตเห็นเรนจิขยับปากพูดเบาๆ
“แกบ่นอะไรของแก พูดดังๆสิวะ !” เค้าเดินเข้าไปขณะที่เรนจิเริ่มน้าตาคลอ
“ผมสอบผ่านแล้วพ่อ” เสียงเรนจิตะโกนดังชายคนนั้นหยุดนิ่งไปพักนึงจากนั้นเมื่อเขาได้สติก็วิ่งไปกอดลูกชาย
“แกทำสำเร็จไม่เสียแรงที่แกเรียนสูงที่สุดในบ้าน พ่อว่าแล้วว่าแกต้องทำได้ ลูกชั้นสอบติดแล้วทุกคน” เค้าหันไปบอกหมู่ญาติที่บัดนี้ก็แสดงอาการดีใจไม่แพ้เค้าและลูกชาย
“ไปเอาไอ้นั่นมาที” พ่อของเรนจิตะโกน ไม่ช้าผู้เป็นอาของเรนจิก็ถือดาบญี่ปุ่นเล่มยาวมาให้
“นี่คือดาบคาตานะพ่อให้แกนี่เป็นของสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แกสมควรได้รับมัน แต่อย่าพกไปเดินกวัดแกว่งเล่นที่ไหนนะ ไม่งั้นพวกตำรวจคงได้มายึดมันไปจากแกแน่” พูดจบเค้ายื่นมันให้กับเรนจิ
“จะยึดได้ไงพ่อ ผมนี่แหละตำรวจถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่ว่าที่ก็ตามนะ” เรนจิมองดาบด้วยแววตาเปนประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ “ต้องเอาไปอวด เค ซักหน่อยแล้ว” เค้าบ่นกับตัวเอง
“แอ๊ดดดดด” ประตูบานใหญ่เปิดออกพร้อมผู้คนมากมายภายในบ้าน ทุกคนนิ่งเงียบเมื่อเห็นเรนจิทำหน้าเศร้าไม่มีใครกล้าพูดนอกจากชายคนหนึ่งซึ่งยืนขึ้นแล้วตะโกนใส่เรนจิ
“ชั้นบอกแกแล้วว่าให้แกอ่านหนังสือสอบมากๆ ” พูดจบเค้าเดินไปทางเรนจิด้วยท่าทางโมโห ระหว่างเดินเค้าสังเกตเห็นเรนจิขยับปากพูดเบาๆ
“แกบ่นอะไรของแก พูดดังๆสิวะ !” เค้าเดินเข้าไปขณะที่เรนจิเริ่มน้าตาคลอ
“ผมสอบผ่านแล้วพ่อ” เสียงเรนจิตะโกนดังชายคนนั้นหยุดนิ่งไปพักนึงจากนั้นเมื่อเขาได้สติก็วิ่งไปกอดลูกชาย
“แกทำสำเร็จไม่เสียแรงที่แกเรียนสูงที่สุดในบ้าน พ่อว่าแล้วว่าแกต้องทำได้ ลูกชั้นสอบติดแล้วทุกคน” เค้าหันไปบอกหมู่ญาติที่บัดนี้ก็แสดงอาการดีใจไม่แพ้เค้าและลูกชาย
“ไปเอาไอ้นั่นมาที” พ่อของเรนจิตะโกน ไม่ช้าผู้เป็นอาของเรนจิก็ถือดาบญี่ปุ่นเล่มยาวมาให้
“นี่คือดาบคาตานะพ่อให้แกนี่เป็นของสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แกสมควรได้รับมัน แต่อย่าพกไปเดินกวัดแกว่งเล่นที่ไหนนะ ไม่งั้นพวกตำรวจคงได้มายึดมันไปจากแกแน่” พูดจบเค้ายื่นมันให้กับเรนจิ
“จะยึดได้ไงพ่อ ผมนี่แหละตำรวจถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่ว่าที่ก็ตามนะ” เรนจิมองดาบด้วยแววตาเปนประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ “ต้องเอาไปอวด เค ซักหน่อยแล้ว” เค้าบ่นกับตัวเอง
“ยังก่อนดีกว่าไอ้หลานตัวแสบ ช่วงนี้มีตำรวจอยู่เต็มเมืองของเราเลยพรุ่งนี้จะมีงานอำลาตำแหน่งของ ผบ.ตร คนเก่า” ผู้เป็นอาพูดกับหลาน
“คู่หูแกก็คงจะรู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกันเพราะเค้าดูฉลาดกว่าแกมาก” เขาบอกเรนจิ
หลังจากเรนจิได้บอกถึงข่าวดีกับทุกคนในบ้านแล้วที่บ้านได้จัดงานต้อนรับเรนจิขึ้นอย่างสนุกสนานครอบครัวของเรนจิทุกคนทำอาชีพเกษตรกรรมในครอบครัวปลูกข้าว ผัก เลี้ยงปลา ถึงจะเป็นบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นที่อยู่ของคนยากจนแต่ก็พูดได้ว่าครอบครัวเรนจิเป็นผู้ที่มีอาณาเขตที่ดินที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา และทำการเกสรกรรมเลี้ยงชีพมานานแสนนาน
เรนจิเข้าไปในห้องชั้นบนพร้อมกับผู้เป็นพ่อ “แม่ครับผมทำได้แล้ว” เขาบอกกับรูปแม่ที่ตั้งอยู่บนหิ้งบูชา แม่ของเรนจิเสียไปตอนที่เรนจิอายุได้ 5 ขวบด้วยอาการป่วยเฉียบพลันจนทุกคนไม่ทันตังตัว ตอนนั้นทุกคนเศร้ากันมากการสอบติดของเด็กหนุ่มจึงเป็นเรื่องที่วิเศษสุดสำหรับทุกคน ค่ำนั้นทุกคนกินอาหารแล้วเข้านอนกันอย่างมีความสุข
รุ่งเช้าที่กรมตำรวจ นายตำรวจหลายระดับชั้นเดินทางถึงเมืองนี้และเข่าร่วมพิธีกันอย่างครับครั่งด้านหน้าของงานมีกลุ่มนายตำรวจผมสีขาวอยู่จำนวนหนึ่งพวกเค้าคือนายตำรวจรุ่นเดียวกับ ผบ.ตร ที่จะได้กระกเษียรอายุราชการและไปพักผ่อนอยู่บ้านกับลูกหลานหลังจากทำหน้าที่รับใช้ประเทศมาอย่างยาวนาน พิธีอำลาตำแหน่งถูกจัดขึ้นในช่วงเช้าและถ่ายทอดสดทางโทรทัศและวิทยุไปทั่วเมือง เมื่อช่วงเวลาไกล้จบพิธีเป็นเวลาที่ ผบ.ตร ขึ้นกล่าวคำอำลาต่อหน้านายตำรวจทั้งหลาย
เรนจิเข้าไปในห้องชั้นบนพร้อมกับผู้เป็นพ่อ “แม่ครับผมทำได้แล้ว” เขาบอกกับรูปแม่ที่ตั้งอยู่บนหิ้งบูชา แม่ของเรนจิเสียไปตอนที่เรนจิอายุได้ 5 ขวบด้วยอาการป่วยเฉียบพลันจนทุกคนไม่ทันตังตัว ตอนนั้นทุกคนเศร้ากันมากการสอบติดของเด็กหนุ่มจึงเป็นเรื่องที่วิเศษสุดสำหรับทุกคน ค่ำนั้นทุกคนกินอาหารแล้วเข้านอนกันอย่างมีความสุข
รุ่งเช้าที่กรมตำรวจ นายตำรวจหลายระดับชั้นเดินทางถึงเมืองนี้และเข่าร่วมพิธีกันอย่างครับครั่งด้านหน้าของงานมีกลุ่มนายตำรวจผมสีขาวอยู่จำนวนหนึ่งพวกเค้าคือนายตำรวจรุ่นเดียวกับ ผบ.ตร ที่จะได้กระกเษียรอายุราชการและไปพักผ่อนอยู่บ้านกับลูกหลานหลังจากทำหน้าที่รับใช้ประเทศมาอย่างยาวนาน พิธีอำลาตำแหน่งถูกจัดขึ้นในช่วงเช้าและถ่ายทอดสดทางโทรทัศและวิทยุไปทั่วเมือง เมื่อช่วงเวลาไกล้จบพิธีเป็นเวลาที่ ผบ.ตร ขึ้นกล่าวคำอำลาต่อหน้านายตำรวจทั้งหลาย
“ขอโทษครับขณะนี้เราไม่อนุญาติให้บุคคลภายนอกเข้าครับ” นายตำรวจคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูบอกกับชายสองคนที่เดินตรงเข้ามาทางประตูเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงปรบมือดังขึ้นเนื่องจากจบการกล่าวคำอำลาของ ผบ.ตร คนเก่า
“ก็ไม่ได้จะขอ” ชายคนหนึ่งต่อยเข้าที่ท้องของนายตำรวจผู้รักษาประตูด้านหน้าจนทำให้ท้องของเขาระเบิดออกนายตำรวจหนุ่มเสียชีวิตในทันที
“เปิดงานได้สวย แจ๊ค” ชายอีกคนกล่าวชม ในขณะที่ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์เริ่มส่งเสียงเตือนทำให้เกิดความชุลมุนขึ้นในงาน ตำรวจหลายคนที่อนุญาตให้พกอาวุธชักปืนพกข้างเอวขึ้นมา
“เปิดงานได้สวย แจ๊ค” ชายอีกคนกล่าวชม ในขณะที่ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์เริ่มส่งเสียงเตือนทำให้เกิดความชุลมุนขึ้นในงาน ตำรวจหลายคนที่อนุญาตให้พกอาวุธชักปืนพกข้างเอวขึ้นมา
“จงแยกออก” ชายอีกคนเริ่มแสดงฝีมือของเขาให้อีกคนเห็น หลังจากที่เค้าพูดปืนของตำรวจที่เล็งเข้าหาเค้าก็แยกชิ้นส่วนออกเป็นชิ้นๆ สร้างความงุนงงให้กับผู้ที่ถืออาวุธเหล่านั้น
“เยี่ยมมาก โคเม เดี๋ยวชั้นจะเก็บกวาดด้านหน้าให้” ชายคนที่ชื่อแจ๊คเข็ญรถตำรวจที่จดอยู่บริเวณด้านหน้ารถที่ถูกเข็ญพุ่งเข้าใส่ตำรวจอย่างรวดเร็วขณะที่เครื่องยังไม่ได้ถูกสตาร์ทด้วยซ้ำ รถ 4 ถึง 5 คันถูกทำในลักษณะเดียวกันทำให้เหล่าตำรวจตั้งตัวไม่ทันบ้างถูกชนบ้างถูกทับ เสียงสัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้น
“โคเม โทรบอกให้พวกนั้นจัดการได้เลย” แจ๊คสั่งคู่หูซึ่งมีโทรศัพท์อยู่ในมือ
“เริ่มได้เลยพวก” โคเมโทรบอกผู้สมรู้ร่วมคิดในสายในขณะเดียวกันมีกระสุนปืนจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าใส่คนทั้งสองจากการยิ่งของตำรวจที่ซุ่มอยู่บนตึก ก่อนที่กระสุนปืนจะถึงเป้าหมายมันได้ชาและหยุดลง กระสุนนับร้อยนัดเริ่มล่งสู่พื้นเมื่อหยุดสนิท
“เปล่าประโยชน์” แจ๊คตะโกนบอกตำรวจที่บัดนี้เริ่มหลบเข้าไปอยู่ในอาคารใหญ่เพื่อเตรียมทำการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น
“เยี่ยมมาก โคเม เดี๋ยวชั้นจะเก็บกวาดด้านหน้าให้” ชายคนที่ชื่อแจ๊คเข็ญรถตำรวจที่จดอยู่บริเวณด้านหน้ารถที่ถูกเข็ญพุ่งเข้าใส่ตำรวจอย่างรวดเร็วขณะที่เครื่องยังไม่ได้ถูกสตาร์ทด้วยซ้ำ รถ 4 ถึง 5 คันถูกทำในลักษณะเดียวกันทำให้เหล่าตำรวจตั้งตัวไม่ทันบ้างถูกชนบ้างถูกทับ เสียงสัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้น
“โคเม โทรบอกให้พวกนั้นจัดการได้เลย” แจ๊คสั่งคู่หูซึ่งมีโทรศัพท์อยู่ในมือ
“เริ่มได้เลยพวก” โคเมโทรบอกผู้สมรู้ร่วมคิดในสายในขณะเดียวกันมีกระสุนปืนจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าใส่คนทั้งสองจากการยิ่งของตำรวจที่ซุ่มอยู่บนตึก ก่อนที่กระสุนปืนจะถึงเป้าหมายมันได้ชาและหยุดลง กระสุนนับร้อยนัดเริ่มล่งสู่พื้นเมื่อหยุดสนิท
“เปล่าประโยชน์” แจ๊คตะโกนบอกตำรวจที่บัดนี้เริ่มหลบเข้าไปอยู่ในอาคารใหญ่เพื่อเตรียมทำการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น
“พวกแกต้องการอะไร” เสียง ผบ.ตร พูดผ่านเครื่องขยายเสียงดังมาจากตัวอาคาร
“แกไง ไอ้แก่ชีวิตของแกจะเป็นผลงานชิ้นแรกขององค์กรเรา” โคเมตะโกนบอก
“ฆ่าหัวหน้าตำรวจโดยมีลูกน้องนับพันห้อมล้อมอยู่ในกรมตำรวจแห่งนี้ ในบ้านของพวกแกเอง” แจ๊คกล่าวเสริม
“แกไม่มีทางได้ตัวท่านหรอกพวกแกไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้” เสียงนายตำรวจอีกคนพูดออกมา
“แกไง ไอ้แก่ชีวิตของแกจะเป็นผลงานชิ้นแรกขององค์กรเรา” โคเมตะโกนบอก
“ฆ่าหัวหน้าตำรวจโดยมีลูกน้องนับพันห้อมล้อมอยู่ในกรมตำรวจแห่งนี้ ในบ้านของพวกแกเอง” แจ๊คกล่าวเสริม
“แกไม่มีทางได้ตัวท่านหรอกพวกแกไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้” เสียงนายตำรวจอีกคนพูดออกมา
แจ๊คมองหน้าโคเมแล้วยิ้มให้ “นอกจากว่าพวกเราจะอยู่ในนั้นอยู่แล้ว” แจ๊คบอกโคเมเบาๆ หลังจากนั้นทั้งสองเดินไปปิดประตูและล๊อกกุญแจ พวกเค้ายืนเฟ้าไม่ให้ใครผ่านเข้ามาและออกไปได้
“มันต้องการตัวผม ผมควรสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนไม่ต้องเดือดร้อน” ผบ.ตร บอกกับทุกคน
“ไม่ได้ครับ เราจะให้มันได้ตัวท่านไม่ได้ เพราะนอกจากชีวิตท่านแล้วมันจะเป็นการเสียเกียรติ์ของกรมตำรวจเราด้วย ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเรา” นายตำรวจคนหนึ่งกล่าว
“คุณว่าเราควรจะทำยังไง ราฟฟี่” ผบ.ตร ถามเขา
“หน่วยจู่โจมพิเศษที่ 666” ราฟฟี่ นายตำรวจผู้ติดยศ พันตำรวจเอกเสนอ
“เรามีหน่วยจู่โจมพิเศษแต่ 43 หน่วยไม่ใช่เหรอครับแล้วหน่วยนี้มาจากไหน” ผู้หมวดหนุ่มคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“คุณไม่ต้องสนใจหรอก ตอนนี้คุณพาท่านไปอยู่ในห้องด้านในพร้อมจัดเวรยามป้องกันท่านด้วย” ราฟฟี่สั่งตำรวจหนุ่ม ขณะเดียวกันตำรวจจากภายนอกเริ่มตรึงกำลังลัอมกรมตำรวจไว้แต่ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากประตูหน้ารถตำรวจที่พยายามขับชนประตูเข้าไปได้หลุดเป็นชิ้นๆ จนนำ้มันที่อยู่ในถังมาเจอประกายไฟและความร้อนระเบิดไปหลายคันทางด้านหลังมีชายอีกคนเฝ้าอยู่สภาพรถตำรวจแถวประตูหลังนั้นสภาพไม่แตกต่างจากด้านหน้านักจะแตกต่างก็เพียงแต่รถเหล่านี้ถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่ออกมาจากแขนของชายที่เฝ้าปะตูหลังตำรวจส่วนมากจึงได้แต่ตรึงกำลังรอดูสถานการณ์โดยทิ้งระยะพอประมาณเพื่อความปลอดภัย
“พวกมันเป็นใครกัน ไอ้ไฟนั้น มันเล่นกลรึยังไง “ นายตำรวจผู้ที่มียศใหญ่ที่สุดทางด้านประตูหลังถามลูกน้องอย่างงุนงง
“ไม่รู้ครับท่าน ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ผมว่าเราเฝ้าดูเหตุการณ์ก่อนดีกว่านะครับท่าน” ลูกน้องเสนอเจ้านายด้วยเสียงสั่น
“มันต้องการตัวผม ผมควรสละตัวเองเพื่อให้ทุกคนไม่ต้องเดือดร้อน” ผบ.ตร บอกกับทุกคน
“ไม่ได้ครับ เราจะให้มันได้ตัวท่านไม่ได้ เพราะนอกจากชีวิตท่านแล้วมันจะเป็นการเสียเกียรติ์ของกรมตำรวจเราด้วย ประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นในตัวเรา” นายตำรวจคนหนึ่งกล่าว
“คุณว่าเราควรจะทำยังไง ราฟฟี่” ผบ.ตร ถามเขา
“หน่วยจู่โจมพิเศษที่ 666” ราฟฟี่ นายตำรวจผู้ติดยศ พันตำรวจเอกเสนอ
“เรามีหน่วยจู่โจมพิเศษแต่ 43 หน่วยไม่ใช่เหรอครับแล้วหน่วยนี้มาจากไหน” ผู้หมวดหนุ่มคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“คุณไม่ต้องสนใจหรอก ตอนนี้คุณพาท่านไปอยู่ในห้องด้านในพร้อมจัดเวรยามป้องกันท่านด้วย” ราฟฟี่สั่งตำรวจหนุ่ม ขณะเดียวกันตำรวจจากภายนอกเริ่มตรึงกำลังลัอมกรมตำรวจไว้แต่ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากประตูหน้ารถตำรวจที่พยายามขับชนประตูเข้าไปได้หลุดเป็นชิ้นๆ จนนำ้มันที่อยู่ในถังมาเจอประกายไฟและความร้อนระเบิดไปหลายคันทางด้านหลังมีชายอีกคนเฝ้าอยู่สภาพรถตำรวจแถวประตูหลังนั้นสภาพไม่แตกต่างจากด้านหน้านักจะแตกต่างก็เพียงแต่รถเหล่านี้ถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่ออกมาจากแขนของชายที่เฝ้าปะตูหลังตำรวจส่วนมากจึงได้แต่ตรึงกำลังรอดูสถานการณ์โดยทิ้งระยะพอประมาณเพื่อความปลอดภัย
“พวกมันเป็นใครกัน ไอ้ไฟนั้น มันเล่นกลรึยังไง “ นายตำรวจผู้ที่มียศใหญ่ที่สุดทางด้านประตูหลังถามลูกน้องอย่างงุนงง
“ไม่รู้ครับท่าน ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ผมว่าเราเฝ้าดูเหตุการณ์ก่อนดีกว่านะครับท่าน” ลูกน้องเสนอเจ้านายด้วยเสียงสั่น
“ผมว่ารุ่นพี่ควรจะทำตามที่เด็กๆมันบอกดีกว่านะครับ” ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เดินมาทางด้านข้างพูดขึ้น
“เอเรส แกมาอยู่ที่นี่ได้ไงนายตำรวจยศพันตรีในที่นี้มีชั้นคนเดียว ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา” เขาตะคอกใส่รุ่นน้อง
“ไม่รู้สิครับแต่พี่ราฟฟี่บอกว่าให้ผมมาเคลียประตูหลังเพื่อที่จะพาท่าน ผบ.ตร ออกไปจากที่นี่” เอเรสบอกพร้อมทั้งดึงแขนลูกน้องที่ตามมาด้วยเพื่อแนะนำตัว
“นี่อีธานครับ เพิ่งพาออกงานครั้งแรก” เขาแนะนำ
“สวัสดีครับ ผม ร้อยตำรวจตรีอีธาน ดีเรส สังกัดหน่วยจู่โจมครับท่าน ท่านคงจะเป็นพันตรี ฟอร์ด โรเดอร์ผู้ที่โด่งดังในกรมตำรวจสินะครับ” ร้อยตรีหนุ่มทำความเคารพในแบบตำรวจ
“แกนี่ก็ตาถึง ไม่เหมือนลูกพี่แกเป็นรุ่นน้องชั้น 2 ปี แต่พอติดยศเท่าชั้นหน่อยมันก็ตีตัวเสมอแล้ว” พันตรี ฟอร์ด พูดทำเสียงประชด
“รุ่นพี่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ยังไงผมก็เคารพรุ่นพี่อยู่นะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับผมต้องไปเคลียประตูหลังก่อน” พูดจบเอเรสก็เดินไปทางประตูหลังพร้อมผู้หมวดหนุ่มซึ่งในมือมีร่มอยู่ 1 คัน
“ประตูหลังมีกี่คนอีธาน” เขากอดคอแล้วกระซิบถามลูกน้อง
“1 คนครับ ในบริเวณนี้มีผู้ที่มีความสามารถแค่ 3 คนคือท่านกับผมแล้วก็หมอนั่นครับ เอ่อยังไงผมขอกางร่มก่อนเลยนะครับท่าน” อีธานพูดพร้อมกางร่มขึ้น
“รุ่นพี่เอาร่มมารึเปล่าครับ” เอเรสหันหลังแล้วตระโกนบอก
“เอเรส แกมาอยู่ที่นี่ได้ไงนายตำรวจยศพันตรีในที่นี้มีชั้นคนเดียว ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มา” เขาตะคอกใส่รุ่นน้อง
“ไม่รู้สิครับแต่พี่ราฟฟี่บอกว่าให้ผมมาเคลียประตูหลังเพื่อที่จะพาท่าน ผบ.ตร ออกไปจากที่นี่” เอเรสบอกพร้อมทั้งดึงแขนลูกน้องที่ตามมาด้วยเพื่อแนะนำตัว
“นี่อีธานครับ เพิ่งพาออกงานครั้งแรก” เขาแนะนำ
“สวัสดีครับ ผม ร้อยตำรวจตรีอีธาน ดีเรส สังกัดหน่วยจู่โจมครับท่าน ท่านคงจะเป็นพันตรี ฟอร์ด โรเดอร์ผู้ที่โด่งดังในกรมตำรวจสินะครับ” ร้อยตรีหนุ่มทำความเคารพในแบบตำรวจ
“แกนี่ก็ตาถึง ไม่เหมือนลูกพี่แกเป็นรุ่นน้องชั้น 2 ปี แต่พอติดยศเท่าชั้นหน่อยมันก็ตีตัวเสมอแล้ว” พันตรี ฟอร์ด พูดทำเสียงประชด
“รุ่นพี่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ยังไงผมก็เคารพรุ่นพี่อยู่นะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับผมต้องไปเคลียประตูหลังก่อน” พูดจบเอเรสก็เดินไปทางประตูหลังพร้อมผู้หมวดหนุ่มซึ่งในมือมีร่มอยู่ 1 คัน
“ประตูหลังมีกี่คนอีธาน” เขากอดคอแล้วกระซิบถามลูกน้อง
“1 คนครับ ในบริเวณนี้มีผู้ที่มีความสามารถแค่ 3 คนคือท่านกับผมแล้วก็หมอนั่นครับ เอ่อยังไงผมขอกางร่มก่อนเลยนะครับท่าน” อีธานพูดพร้อมกางร่มขึ้น
“รุ่นพี่เอาร่มมารึเปล่าครับ” เอเรสหันหลังแล้วตระโกนบอก
“สนใจลูกน้องแกก่อนเถอะ แดดออกมากขนาดนี้แต่กลับกลางร่มใสขนาดนั้นคงจะบังแดดได้หรอกนะ” ฟอร์ดตะโกนบอก
“ร่มกันฝนน่ะครับรุ่นพี่” เอเรสตะโกนบอกหลังจากนั้นเค้าก็เดินเข้าไปในวากรถที่มีไฟลุกท่วมเหมือนเดินเข้าทะเลเพลิงเข้าไปยืนประจัญหน้ากับชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่
“พวกแกจะมารนหาที่ตายกันทำไม แกไม่เห็นสภาพรถพวกนี้เหรอ” เขาบอกตำรวจที่ตอนนี้ยืนเหงื่อตกและกำลังปลดกระดุมออกเพื่อคลายร้อน
“ที่นี่มันร้อนชิบเป๋งเลยแกว่ามั๊ย เออแกชื่ออะไรนะ” เอเรสถาม
“เรเน่ รู้ไปก็เท่านั้นแหละมอดใหม้เป็นผุยผงซะแก” เขาบอกเอเรสพร้อมพ่นไฟจากปากใส่เอเรส
“ตูม” สายน้ำขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ตัวเรเน่จอมเผาจนกระเด็นไปกระแทกรั้วอย่างจัง ประตูล้มลงเนื่องจากแรงดันน้ำมหาศาลที่มาจากท่อระบายน้ำโดยรอบ เพลิงที่อยู่โดยรอบเริ่มดับลง ละอองน้ำลอยแผ่กระจายทั่วบริเวณแม้แต่ตำรวจที่อยู่ห่างออกไปราว 30 เมตรเปียกปอนไปตามๆกัน
“อ๋าผู้พันครับ แถวนี้ก็มีท่อปะปาตั้งเยอะทำไมถึงเลือกใช้น้าจากท่อระบายน้าล่ะครับนี่ร่มก็กันตัวผมไม่อยู่ด้วยเหม็นไปหมดเลยครับ” อีธานพูดพร้อมมองไปที่เสื้อผ้าตัวเอง
“ขอโทษที เจออะไรก่อนก็เอาอันนั้นแหละ มาชั้นจะเอาน้าออกจากตัวแกให้ก็แล้วกัน” เขาเอามือจับที่ไหล่อีธานน้าจากเสื้อผ้าเริ่มไหลออกจากเสื้อผ้าลงไปทางพื้นจนแห้ง
“ขอบคุณครับ แหมเป็นผู้ใช้นำ้นี่มันก็ดีอย่างนี้เองนะครับ” อีธานกล่าว
“เรเน่ ไฟของแกสำหรับชั้นก็แค่สะเก็ดเพลิงเล็กๆเท่านั้นชั้นเคยเจอเปลวเพิงของจริงมาแล้ว” เอเรสหันไปบอกเรเน่ซึ่งตอนนี้นอนหมดสภาพอยู่กับพื้น“พวกแกจะมารนหาที่ตายกันทำไม แกไม่เห็นสภาพรถพวกนี้เหรอ” เขาบอกตำรวจที่ตอนนี้ยืนเหงื่อตกและกำลังปลดกระดุมออกเพื่อคลายร้อน
“ที่นี่มันร้อนชิบเป๋งเลยแกว่ามั๊ย เออแกชื่ออะไรนะ” เอเรสถาม
“เรเน่ รู้ไปก็เท่านั้นแหละมอดใหม้เป็นผุยผงซะแก” เขาบอกเอเรสพร้อมพ่นไฟจากปากใส่เอเรส
“ตูม” สายน้ำขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ตัวเรเน่จอมเผาจนกระเด็นไปกระแทกรั้วอย่างจัง ประตูล้มลงเนื่องจากแรงดันน้ำมหาศาลที่มาจากท่อระบายน้ำโดยรอบ เพลิงที่อยู่โดยรอบเริ่มดับลง ละอองน้ำลอยแผ่กระจายทั่วบริเวณแม้แต่ตำรวจที่อยู่ห่างออกไปราว 30 เมตรเปียกปอนไปตามๆกัน
“อ๋าผู้พันครับ แถวนี้ก็มีท่อปะปาตั้งเยอะทำไมถึงเลือกใช้น้าจากท่อระบายน้าล่ะครับนี่ร่มก็กันตัวผมไม่อยู่ด้วยเหม็นไปหมดเลยครับ” อีธานพูดพร้อมมองไปที่เสื้อผ้าตัวเอง
“ขอโทษที เจออะไรก่อนก็เอาอันนั้นแหละ มาชั้นจะเอาน้าออกจากตัวแกให้ก็แล้วกัน” เขาเอามือจับที่ไหล่อีธานน้าจากเสื้อผ้าเริ่มไหลออกจากเสื้อผ้าลงไปทางพื้นจนแห้ง
“ขอบคุณครับ แหมเป็นผู้ใช้นำ้นี่มันก็ดีอย่างนี้เองนะครับ” อีธานกล่าว
“ไปเถอะ อาคารใหญ่อยู่อีกไม่ไกลนัก” เอเรสเดินนำอีธานเข้าไปข้างในขณะเดียวกันที่ด้านประตูหน้าโคเม และ แจ๊คเห็นควันไฟที่ลอยจากด้านหลังเริ่มลดน้อยลงอย่างผิดสังเกตุ
“ไฟไม่น่าจะดับเร็วขนาดนี้มีบางอย่างผิดปกติ” แจ๊คพูดกับคู่หูถึงสิ่งที่ผิดปกติ
“จบแล้วหละ ผบ.ตร ตายแล้ว ไซเซน โทรมาบอกชั้นแล้วว่างานสำเร็จแล้ว” โคเมวางโทรศัพท์แล้วบอกข่าวที่น่ายินดีนี้แก่แจ๊ค
“ดีงั้นเราถอนตัวกันได้เลย เอาคันนั้นก็แล้วกัน” แจ๊คชี้รถสปอร์ทคันงามที่จอดอยู่ไม่ไกลจากนั้นเค้าเดินไปที่รถแล้วชกกระจกจนแตก แจ๊คต่อสายไฟสตาร์ทรถแล้วขับเค้ามารับโคเมซึ่งบัดนี้ถอดกุญแจและบานประตูหน้าออกจากกันเป็นชิ้นๆทั้งสอง ขับออกไปเลี้ยวผ่านหน้าตำรวจที่ตรึงกำลังอยู่ รถตำรวจหลุดเป็นชิ้นๆ ลูกกระสุนปืนก็ล่วงลงสู้พื้นหลายต่อหลายนัดแจ๊คขับผ่านเศษ ชิ้นส่วนรถยนต์ตำรวจออกไปมีตำรวจบางคนพยายามกระโดดเกาะรถแต่รถกลับเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างกระทันหันจนผู้ที่กระโดดได้แต่คว้าลมเท่านั้น
“ผู้ควบคุมแรงเร่ง ฉายานี้คงจะเหมาะกับแก แจ๊ค” โคเมพูดขณะที่หลังของเค้าติดเบาะเนื่องจากความเร็วของรถขณะนี้เทียบชั้นกับเครื่องบินเจตเลยทีเดียว
“ผู้ถอดชิ้นส่วน ก็น่าจะเหมาะสำหรับแกนะเพื่อนเจ้านายจะต้องภูมิใจในตัวเรา” แจ๊คพูดอย่างอารมดีพร้อมกับลดความเร็วของรถลง ทั้งสองมุ่งหน้าเตรียมออกจากเมืองแต่แล้วก็มีมอเตอร์ไซวิ่งเลี้ยวมาตามถนนด้านหน้า
“เดี๋ยวแกขับชนมันไปเลยนะคิดซะว่า เบรกไม่ทันก็แล้วกัน” โคเมบอกแจ๊คซึ่งเร่งเครื่องขึ้นไปอย่างคะนองเมื่อรถพุ่งเข้าหาจะถึงมอเตอร์ไซแจ๊คมองเห็นคนขับตวัดมือขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนั้นรถของทั้งสองก็ลอยขึ้นไปตกลงมากระแทกพื้นถนนอย่างแรงทำให้รถพลิกหลายตลบ “ตูม !” รถหยุดเมื่อกระแทกกับเข้าต้นไม้ขนาดใหญ่ข้างทาง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น