ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ห้องสมุดที่ถูกซ่อน
“ควรจะเรียกว่า ปรสิต สินะ” ไลแอนพูดแล้วปิดสมุดเล่มสีเหลืองที่อยู่ในมือลงวางกับโต๊ะไม้ บนโต๊ะไม้นั้นมีสมุดบันทึกของแม่ที่มีลูกกุญแจปักคาอยู่ ตอนนี้ไลแอนไม่ได้อยู่ในห้องใต้หลังคาอีกแล้วรอบกายเค้าเป็นห้องกว้างพอๆกับสนามฟุตบอล 4 สนามนำมาต่อกัน ตรงกลางที่ไลแอนนั่งอยู่เป็นพื้นที่ว่างพอสมควรแก่การอ่านหนังสือและเดินทบทวนอะไรบางอย่าง มีโต๊ะและเก้าอี้ไม้อย่างละ 1 ตัว และมีชั้นหนังสือเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านข้าง นอกนั้นในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยชั้นหนังสืออันสูงใหญ่ตั้งตระง่านอยู่รอบทิศ บางชั้นมีหนังสืออยู่เต็มชั้น บางชั้นก็มีไม่เต็มและบางชั้นก็ไม่มีเลย โชคดีของไลแอนที่หนังสือเล่มสีเหลืองนั้นวางอยู่ในชั้นหนังสือข้างโต๊ะพอดี และเป็นเล่มที่มีสีเหลืองเล่มเดียวที่ไลแอนกวาดสายตามองเห็นได้
“พ่อต้องการจะบอกอะไรเกี่ยวกับบทที่ 4 ในสมุดเล่มนี้กันนะ” พูดจบไลแอนก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมา
“แค่บิดลูกกุณแจกลับสินะ” เด็กหนุ่มไขกุญแจทวนเข็มนาฬิกา
“แกร๊ก” พื้นที่อันกว้างใหญ่เริ่มยุบตัวเข้าหาไลแอนอย่างรวดเร็วแล้วเปลี่ยนสภาพกับไปเป็นห้องใต้หลังคาเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ไลแอนมองดูรอบตัวและเดินไปหาฝาผนังห้องแล้ววาดมือไปมาตามพื้นผนัง
“นี่กี่โมงแล้วนะ” ไลแอนมองดูที่นาฬิกาจากเวลาที่เค้าเปิดสมุดจนเข้าไปอยู่ในพื้นที่กว้างนั้นอ่านหนังสือหลายเล่มแล้วกลับออกมาเวลาผ่านไปถึง 5 ชั่วโมงทำให้เค้ารู้ว่าเค้าได้ใช้เวลาขนาดนั้นไปกับการอ่านหนังสืออ่านในเรื่องที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนแต่มันก็คุ้มค่าเค้าได้อ่านสมุดบันทึกที่ปิดตายมาหลายปีได้อ่านเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์จากหนังสือเล่มอื่นๆ ที่สำคัญเค้าเพิ่งเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพ่อของเค้าถึงหายไปจากชีวิตตั้งแต่เด็ก ทำไมแม่ถึงมอบสมุดเล่มนี้ให้กับเค้า ทำไมเค้าถึงเจอกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อเช้านี้
“คงต้องหาอะไรใส่ท้องหน่อยแล้วหละ ผ่านไปตั้ง 4 ชั่วโมงแล้วนี่นะ” ไลแอนหันกลับแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อกลับลงไปหาของกินในห้องครัวที่ตอนนี้หน้าต่างนั้นยังคงไม่ได้รับการซ่อมแซมแต่อย่างใด เมื่อไลแอนถึงห้องครัวเค้ารีบกินอาหารมื้อค่า จากนั้นอาบน้าแล้วเข้านอนอย่างรวดเร็ว วันนี้ไลแอนได้เจอกับเรื่องราวอันแสนประหลาดมากมาย ขณะเดียวกันการที่ไลแอนตองรับกับสถานการณ์ทั้งหลายแต่เค้ากลับแบกรับมันไว้เหมือนกับว่านี่คือชะตาชีวิตของเค้า สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากบางสิ่งบางอย่างที่ถูกสืบทอดมาทางสายเลือด สิ่งที่เป็นเหมือนสัญชาติญาณดิบ เป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายและจิตใจของไลแอนมาช้านานและมันถูกปลดปล่อยออกมาในช่วงไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ตอนเช้าของอีกวันมาถึงนี่เป็นครั้งแรกที่ไลแอนตื่นขึ้นมาบนเตียงของเค้าเป็นครั้งแรกที่เค้ายังนอนอยู่ที่เดิมเค้าลุกขึ้นบิดขี้เกลียดพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด “มันควบคุมได้จริงๆด้วย ขอบคุณครับพ่อ” ไลแอนพูดพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งบัดนี้ลมแห่งความสดชื่นยามเช้าพัดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย วันนี้เป็นวันหยุดอีกวันของไลแอนก่อนที่เค้าจะต้องเลือกสถานที่เรียนจากคะแนนที่เค้าทำได้ในการสอบ ไลแอนตั้งใจว่าวันนี้เค้าจะใช้เวลาทั้งวันไปกับหนังสือหลายเล่มและอ่านส่วนที่เหลือของสมุดบันทึกที่จะอธิบายความลับบางอย่างในชีวิตของเค้าให้กระจ่างยิ่งกว่าเดิม
สายของวันเดียวกัน ณ สถานที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวานในขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายหน่อยงานกำลังระดมสรรพกำลังเพื่อจัดการเก็บกวาดและหาสาเหตุของการระเบิดครั้งรุนแรงนี้อย่างขมักเขม้นเด็กหนุ่มต่างถิ่นสองคนจากตอนเหนือของประเทศยืนถือน้าอัดลมแล้วสนธนากันอยู่
“ชั้นว่าไอ้น้านี่มันก็ไม่เลวนะเค เราซื้อไปฝากเพื่อนๆเราดีมั๊ย เราน่าจะพอมีเงินเหลืออยู่บ้างนะ”เรนจิพูดพร้อมอ่านรายละเอียดข้างกระป๋องน้าอัดลมไปด้วย
“ขอโทษนะชั้นไม่ว่างจะคุยเรื่องไร้สาระกับนาย ที่นี่มีอะไรน่าสนใจกว่าน้าอัดลมมากมายนัก” เคโกะพูดด้วยอารมสงบนิ่งเพราะใช้ความคิดอยู่
“เค แกอยากจะโดนเพื่อนๆหาว่าแล้งน้าใจหรือไง เถอะน่าเพื่อน” เรนจิเซ้าซี้เพื่อนรักให้เห็นตามความคิดของเค้า
“เราเหลือ 348 เหรียญ ถ้าหักค่ารถขากลับคนละ152 เหรียญ เราจะเหลือเงิน 44 เหรียญ น้าอัดลมกระป๋องละ 12 เหรียญ ซื้อได้ 3 กระป๋อง น้าอัดลม 3 กระป๋องเดินทางกลับบ้านพร้อมกับจอมเขมือบอย่างแก 14 ชั่วโมง คงไม่เหลือกลับไปให้ใครได้ดื่มกินซักหยด” เคโกะอธิบายในสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้เรนจิฟัง
“อา ดีเหลือเกินที่มีแกเป็นเพื่อน ขอบใจมากที่เรียกสติชั้นกลับคืนมาจากน้าอัดลมแสนอร่อย” เรนจิพูดโดยมองกระป๋องน้าอัดลมอย่างอาลัยจากนั้นเค้าก็โยนมันไปด้านหลังทางถนนใหญ่ทำทีเหมือนไม่อยากมองให้คิดมาก
“มันมีอะไรทะแม่งๆอยู่ ดูจากที่เกิดเหตุ ที่พื้นมีการระเบิดเป็นวงเล็กอยู่หลายจุดซึ่งหน้าจะเกิดก่อนการระเบิดครั้งใหญ่ แถมที่นี่เป็นปั๊มน้ามันมาตรฐานการที่ประกายไฟจากเครื่องยนต์หรือบุหรี่จะทำให้เกิดการระเบิดมีต่ามาก เกิดอะไรขึ้นกันนะ” คิดในใจในขณะที่เรนจิมีสมาธิกับการตัดใจจากระป๋องน้าอัดลม
“เอาน่าอย่างน้องชั้นขอเก็บกระป๋องไว้ดูต่างหน้าก็แล้วกัน ถือว่าเป็นเครื่องหมายของการมาเยือนเมืองนี้” เรนจิพูดจบก็หันหลังกลับไปเพื่อที่จะไปเก็บของที่ระลึก
“แกร๊บ !” เสียงล้อรถเหยียบกระป๋องน้าอัดลมดังพอที่จะทำให้หัวใจของเรนจิสลายในพริบตา รถราคาแพงวิ่งผ่านหน้าเรนจิไปอย่างไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น “แกไอ้รถเฮงซวย !” เรนจิยืนนิ่งอยู่กับที่โดยมองที่กระป๋อง “อย่าเรนจิ !” เคโกะรีบวิ่งมาหาเรนจิ
“ตึงๆ เอี๊ยดดดดดดดดดดดด ! ” รถราคาแพงที่พึ่งผ่านไปกระเด้งขึ้นเหนืออากาศเล็กน้อยแล้วตกลงมาทำให้คนขับต้องทำการเบรกอย่างเฉียบพลับเพื่อความปลอดภัย
“เรนจิแกทำแบบนี้ไม่ได้ เราต้องควบคุมมัน” เคโกะกระชากคอเสื้อเรนจิแล้วเขย่าเพื่อเรียกสติเพื่อนรัก
“กระป๋องน้าอัดลมของชั้น” เรนจิพูดแบบหลบสายตา
“ไม่เป็นไรเพื่อน เราจะซื้อมันกลับอีก 3 กระป๋อง แต่แกต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก” เคโกะปล่อยคอเสื้อของเรนจิแล้วพับกลับรูปให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
“จริงๆนะ เค” เรนจิมองเพื่อนน้าตาคลอ “ขอบใจ” นั่นเป็นคำที่สั้นที่สุดในรอบสองวันที่ผ่านมาของเรนจิ เคโกะถอนหายใจแล้วหันไปมองรถคันนั้นปรากฏว่ารถคันนั้นได้ขับหายไปบนถนนใหญ่แล้ว
รถคาราแพงที่พึ่งเกือบประสบอุบัติเหตุเมื่อครู่มุ่งหน้าไปทางป่าดงดิบ ป่าที่มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาผู้รักการผจญภัยแวะเวียนเข้ามาหาชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ในรถคั้นนี้มีชายสูงอายุเป็นคนขับแล้วยังมีเด็กอีกคนนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง รถเลี้ยวไปตามถนนเล็กๆมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าดงดิบอันมีชื่อเสียง
“คุณหนูคิดอะไรอยู่เหรอครับ” ชายแก่ถามพร้อมมองทางอย่างมีสมาธิสลับกับมองกระจกหลังดูชายหนุ่ม
“ข้อสอบน่ะ มีข้อนึงที่ผมไม่ได้กา” เด็กหนุ่มมองดูทิวทัศน์นอกกระจกพร้อมกับพูดความในใจของเค้า
“คำถามมันถามว่าอะไรล่ะครับ” ชายแก่ถาม
“ครอบครัวที่ดีควรจะมีลักษณะอย่างไร ?” เด็กหนุ่มตอบ
“โธ่ คุณหนูยังคิดมากเรื่องคุณผู้ชายอีกหรือครับ การที่คุณหนูเป็นลูกนอกสมรสของท่าน ไม่ได้แปลว่าคุณหนูไม่ใช่ลูกของคุณผู้ชายนะครับเพียงแต่ว่า......” ชายแก่อธิบายแบบไม่กล้ามองกระจกหลัง
“การมีตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่ควรทำผิดทำนองครองธรรมสินะ” เด็กหนุ่มตอบแทนขณะที่เสียงชายแก่ไม่กล้าเอ่ยประโยคต่อไป
“ตั้งแต่แม่ตายผมก็แทบจะเรียกได้ว่าอยู่คนเดียว จะมีก็แต่คุณเท่านั้นที่ผมพอจะคุยด้วยได้ พ่อไม่ต้องการให้ผมพบปะสังคมเพราะเกรงว่าฐานะของผมจะเปิดเผย เพื่อนซักคนผมก็ไม่มี เมื่อวานผมอยู่กับคนสามคนผมอยากจะแนะนำตัวแต่ก็ไม่กล้า” เด็กหนุ่มสาธยายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“ชีวิตคนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละครับคุณหนู เรามักจะเลือกไม่ได้เหมือนข้อสอบที่เราก็เพียงแค่กาตามใจเรา” เขาพูดปลอบอย่างให้แง่คิด
“ผมแค่อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นเท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดด้วยอารมณ์รุนแรงในขณะที่ตอนนี้ทิวทัศน์ข้างทางเริ่มเป็นป่าทึบ
“เราเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่าครับคุณหนู ผมแปลกใจจริงๆ ทำไมคุณท่านถึงต้องนักเราในเขตป่าสงวนด้วย เอ่อแล้วผมต้องขอโทษคุณหนูด้วยเรื่องเบรกกะทันหันเมื่อกี้ ผมไม่รู้ว่ารถสะดุดเนินอะไรเข้าถึงได้กระโดดขึ้น ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ มันไม่เคยมีเนินอะไรที่ช่วงนั้นเลย” ชายแก่เปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ของเด็กหนุ่มผู้ไม่เข้าใจโลก
“พ่อต้องการจะบอกอะไรเกี่ยวกับบทที่ 4 ในสมุดเล่มนี้กันนะ” พูดจบไลแอนก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมา
“แค่บิดลูกกุณแจกลับสินะ” เด็กหนุ่มไขกุญแจทวนเข็มนาฬิกา
“แกร๊ก” พื้นที่อันกว้างใหญ่เริ่มยุบตัวเข้าหาไลแอนอย่างรวดเร็วแล้วเปลี่ยนสภาพกับไปเป็นห้องใต้หลังคาเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ไลแอนมองดูรอบตัวและเดินไปหาฝาผนังห้องแล้ววาดมือไปมาตามพื้นผนัง
“นี่กี่โมงแล้วนะ” ไลแอนมองดูที่นาฬิกาจากเวลาที่เค้าเปิดสมุดจนเข้าไปอยู่ในพื้นที่กว้างนั้นอ่านหนังสือหลายเล่มแล้วกลับออกมาเวลาผ่านไปถึง 5 ชั่วโมงทำให้เค้ารู้ว่าเค้าได้ใช้เวลาขนาดนั้นไปกับการอ่านหนังสืออ่านในเรื่องที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนแต่มันก็คุ้มค่าเค้าได้อ่านสมุดบันทึกที่ปิดตายมาหลายปีได้อ่านเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์จากหนังสือเล่มอื่นๆ ที่สำคัญเค้าเพิ่งเข้าใจเหตุผลว่าทำไมพ่อของเค้าถึงหายไปจากชีวิตตั้งแต่เด็ก ทำไมแม่ถึงมอบสมุดเล่มนี้ให้กับเค้า ทำไมเค้าถึงเจอกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อเช้านี้
“คงต้องหาอะไรใส่ท้องหน่อยแล้วหละ ผ่านไปตั้ง 4 ชั่วโมงแล้วนี่นะ” ไลแอนหันกลับแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อกลับลงไปหาของกินในห้องครัวที่ตอนนี้หน้าต่างนั้นยังคงไม่ได้รับการซ่อมแซมแต่อย่างใด เมื่อไลแอนถึงห้องครัวเค้ารีบกินอาหารมื้อค่า จากนั้นอาบน้าแล้วเข้านอนอย่างรวดเร็ว วันนี้ไลแอนได้เจอกับเรื่องราวอันแสนประหลาดมากมาย ขณะเดียวกันการที่ไลแอนตองรับกับสถานการณ์ทั้งหลายแต่เค้ากลับแบกรับมันไว้เหมือนกับว่านี่คือชะตาชีวิตของเค้า สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากบางสิ่งบางอย่างที่ถูกสืบทอดมาทางสายเลือด สิ่งที่เป็นเหมือนสัญชาติญาณดิบ เป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายและจิตใจของไลแอนมาช้านานและมันถูกปลดปล่อยออกมาในช่วงไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ตอนเช้าของอีกวันมาถึงนี่เป็นครั้งแรกที่ไลแอนตื่นขึ้นมาบนเตียงของเค้าเป็นครั้งแรกที่เค้ายังนอนอยู่ที่เดิมเค้าลุกขึ้นบิดขี้เกลียดพร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด “มันควบคุมได้จริงๆด้วย ขอบคุณครับพ่อ” ไลแอนพูดพร้อมมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งบัดนี้ลมแห่งความสดชื่นยามเช้าพัดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย วันนี้เป็นวันหยุดอีกวันของไลแอนก่อนที่เค้าจะต้องเลือกสถานที่เรียนจากคะแนนที่เค้าทำได้ในการสอบ ไลแอนตั้งใจว่าวันนี้เค้าจะใช้เวลาทั้งวันไปกับหนังสือหลายเล่มและอ่านส่วนที่เหลือของสมุดบันทึกที่จะอธิบายความลับบางอย่างในชีวิตของเค้าให้กระจ่างยิ่งกว่าเดิม
สายของวันเดียวกัน ณ สถานที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวานในขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายหน่อยงานกำลังระดมสรรพกำลังเพื่อจัดการเก็บกวาดและหาสาเหตุของการระเบิดครั้งรุนแรงนี้อย่างขมักเขม้นเด็กหนุ่มต่างถิ่นสองคนจากตอนเหนือของประเทศยืนถือน้าอัดลมแล้วสนธนากันอยู่
“ชั้นว่าไอ้น้านี่มันก็ไม่เลวนะเค เราซื้อไปฝากเพื่อนๆเราดีมั๊ย เราน่าจะพอมีเงินเหลืออยู่บ้างนะ”เรนจิพูดพร้อมอ่านรายละเอียดข้างกระป๋องน้าอัดลมไปด้วย
“ขอโทษนะชั้นไม่ว่างจะคุยเรื่องไร้สาระกับนาย ที่นี่มีอะไรน่าสนใจกว่าน้าอัดลมมากมายนัก” เคโกะพูดด้วยอารมสงบนิ่งเพราะใช้ความคิดอยู่
“เค แกอยากจะโดนเพื่อนๆหาว่าแล้งน้าใจหรือไง เถอะน่าเพื่อน” เรนจิเซ้าซี้เพื่อนรักให้เห็นตามความคิดของเค้า
“เราเหลือ 348 เหรียญ ถ้าหักค่ารถขากลับคนละ152 เหรียญ เราจะเหลือเงิน 44 เหรียญ น้าอัดลมกระป๋องละ 12 เหรียญ ซื้อได้ 3 กระป๋อง น้าอัดลม 3 กระป๋องเดินทางกลับบ้านพร้อมกับจอมเขมือบอย่างแก 14 ชั่วโมง คงไม่เหลือกลับไปให้ใครได้ดื่มกินซักหยด” เคโกะอธิบายในสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้เรนจิฟัง
“อา ดีเหลือเกินที่มีแกเป็นเพื่อน ขอบใจมากที่เรียกสติชั้นกลับคืนมาจากน้าอัดลมแสนอร่อย” เรนจิพูดโดยมองกระป๋องน้าอัดลมอย่างอาลัยจากนั้นเค้าก็โยนมันไปด้านหลังทางถนนใหญ่ทำทีเหมือนไม่อยากมองให้คิดมาก
“มันมีอะไรทะแม่งๆอยู่ ดูจากที่เกิดเหตุ ที่พื้นมีการระเบิดเป็นวงเล็กอยู่หลายจุดซึ่งหน้าจะเกิดก่อนการระเบิดครั้งใหญ่ แถมที่นี่เป็นปั๊มน้ามันมาตรฐานการที่ประกายไฟจากเครื่องยนต์หรือบุหรี่จะทำให้เกิดการระเบิดมีต่ามาก เกิดอะไรขึ้นกันนะ” คิดในใจในขณะที่เรนจิมีสมาธิกับการตัดใจจากระป๋องน้าอัดลม
“เอาน่าอย่างน้องชั้นขอเก็บกระป๋องไว้ดูต่างหน้าก็แล้วกัน ถือว่าเป็นเครื่องหมายของการมาเยือนเมืองนี้” เรนจิพูดจบก็หันหลังกลับไปเพื่อที่จะไปเก็บของที่ระลึก
“แกร๊บ !” เสียงล้อรถเหยียบกระป๋องน้าอัดลมดังพอที่จะทำให้หัวใจของเรนจิสลายในพริบตา รถราคาแพงวิ่งผ่านหน้าเรนจิไปอย่างไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น “แกไอ้รถเฮงซวย !” เรนจิยืนนิ่งอยู่กับที่โดยมองที่กระป๋อง “อย่าเรนจิ !” เคโกะรีบวิ่งมาหาเรนจิ
“ตึงๆ เอี๊ยดดดดดดดดดดดด ! ” รถราคาแพงที่พึ่งผ่านไปกระเด้งขึ้นเหนืออากาศเล็กน้อยแล้วตกลงมาทำให้คนขับต้องทำการเบรกอย่างเฉียบพลับเพื่อความปลอดภัย
“เรนจิแกทำแบบนี้ไม่ได้ เราต้องควบคุมมัน” เคโกะกระชากคอเสื้อเรนจิแล้วเขย่าเพื่อเรียกสติเพื่อนรัก
“กระป๋องน้าอัดลมของชั้น” เรนจิพูดแบบหลบสายตา
“ไม่เป็นไรเพื่อน เราจะซื้อมันกลับอีก 3 กระป๋อง แต่แกต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก” เคโกะปล่อยคอเสื้อของเรนจิแล้วพับกลับรูปให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
“จริงๆนะ เค” เรนจิมองเพื่อนน้าตาคลอ “ขอบใจ” นั่นเป็นคำที่สั้นที่สุดในรอบสองวันที่ผ่านมาของเรนจิ เคโกะถอนหายใจแล้วหันไปมองรถคันนั้นปรากฏว่ารถคันนั้นได้ขับหายไปบนถนนใหญ่แล้ว
รถคาราแพงที่พึ่งเกือบประสบอุบัติเหตุเมื่อครู่มุ่งหน้าไปทางป่าดงดิบ ป่าที่มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาผู้รักการผจญภัยแวะเวียนเข้ามาหาชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ในรถคั้นนี้มีชายสูงอายุเป็นคนขับแล้วยังมีเด็กอีกคนนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง รถเลี้ยวไปตามถนนเล็กๆมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าดงดิบอันมีชื่อเสียง
“คุณหนูคิดอะไรอยู่เหรอครับ” ชายแก่ถามพร้อมมองทางอย่างมีสมาธิสลับกับมองกระจกหลังดูชายหนุ่ม
“ข้อสอบน่ะ มีข้อนึงที่ผมไม่ได้กา” เด็กหนุ่มมองดูทิวทัศน์นอกกระจกพร้อมกับพูดความในใจของเค้า
“คำถามมันถามว่าอะไรล่ะครับ” ชายแก่ถาม
“ครอบครัวที่ดีควรจะมีลักษณะอย่างไร ?” เด็กหนุ่มตอบ
“โธ่ คุณหนูยังคิดมากเรื่องคุณผู้ชายอีกหรือครับ การที่คุณหนูเป็นลูกนอกสมรสของท่าน ไม่ได้แปลว่าคุณหนูไม่ใช่ลูกของคุณผู้ชายนะครับเพียงแต่ว่า......” ชายแก่อธิบายแบบไม่กล้ามองกระจกหลัง
“การมีตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่ควรทำผิดทำนองครองธรรมสินะ” เด็กหนุ่มตอบแทนขณะที่เสียงชายแก่ไม่กล้าเอ่ยประโยคต่อไป
“ตั้งแต่แม่ตายผมก็แทบจะเรียกได้ว่าอยู่คนเดียว จะมีก็แต่คุณเท่านั้นที่ผมพอจะคุยด้วยได้ พ่อไม่ต้องการให้ผมพบปะสังคมเพราะเกรงว่าฐานะของผมจะเปิดเผย เพื่อนซักคนผมก็ไม่มี เมื่อวานผมอยู่กับคนสามคนผมอยากจะแนะนำตัวแต่ก็ไม่กล้า” เด็กหนุ่มสาธยายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ
“ชีวิตคนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละครับคุณหนู เรามักจะเลือกไม่ได้เหมือนข้อสอบที่เราก็เพียงแค่กาตามใจเรา” เขาพูดปลอบอย่างให้แง่คิด
“ผมแค่อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นเท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดด้วยอารมณ์รุนแรงในขณะที่ตอนนี้ทิวทัศน์ข้างทางเริ่มเป็นป่าทึบ
“เราเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่าครับคุณหนู ผมแปลกใจจริงๆ ทำไมคุณท่านถึงต้องนักเราในเขตป่าสงวนด้วย เอ่อแล้วผมต้องขอโทษคุณหนูด้วยเรื่องเบรกกะทันหันเมื่อกี้ ผมไม่รู้ว่ารถสะดุดเนินอะไรเข้าถึงได้กระโดดขึ้น ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ มันไม่เคยมีเนินอะไรที่ช่วงนั้นเลย” ชายแก่เปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ของเด็กหนุ่มผู้ไม่เข้าใจโลก
“เรื่องเหตุการณ์ที่ถนนใหญ่เมื่อครู่ผมไม่ได้ติดใจอะไรนัก แต่ผมคิดว่าการที่พ่อนัดมาในที่แบบนี้คงไม่ต้องการให้ใครเห็น” เด็กหนุ่มพูดด้วยอารมณ์ที่เย็นลง
“จวนจะถึงที่นัดหมายแล้วครับคุณหนู” ชายแก่บอกด้วยอารมที่แจ่มใสขึ้น
“ผมต้องใช้นามสกุลแม่ แล้วนี่ยังต้องมานัดเจอกันในที่ลับสายตาคนอีก พ่อยังคิดว่าผมเป็นลูกอยู่รึเปล่า ถ้าผมตายไปผมอยากรู้จริงๆว่าพ่อจะรู้สึกยังไง” เขาบอกชายแก่แล้วถอนหายใจ
“พ่อแกต้องดีใจแน่ที่แกตายชั้นรับรอง แต่ต้องหลังจากไอ้แก่นี่ก่อนนะ” เสียงบุคคลที่สามพูดออกมาจากด้านบนพร้อมกับหลังคาที่ยุบตัวลง “เพล้ง !” มืออันเต็มไปด้วยมัดกล้ามกระแทกกระจกฝั่งคนขับเข้ามากระชากหัวของชายแก่กระเด็นไปชนกระจกอีกฝั่งร้าว จากนั้นมือที่ชุ่มเลือดก็จับพวงมาลัยหมุนไปทางขวาอย่างรวดเร็ว รถเปลี่ยนทิศอย่างลวดเร็วสู่ไหล่ทางและตกลงมาตามทางชันลงสู่พื่นที่ด้านล่าง “ตึง ! โครม” หน้ารถกระแทกพื้นด้านล่างทำให้รถพลิกหงายท้องอยู่ข้างบ่อนํ้าสีดำที่อยู่กลางต้นไม้รูปร่างประหลาดหลากหลายชนิด
“จวนจะถึงที่นัดหมายแล้วครับคุณหนู” ชายแก่บอกด้วยอารมที่แจ่มใสขึ้น
“ผมต้องใช้นามสกุลแม่ แล้วนี่ยังต้องมานัดเจอกันในที่ลับสายตาคนอีก พ่อยังคิดว่าผมเป็นลูกอยู่รึเปล่า ถ้าผมตายไปผมอยากรู้จริงๆว่าพ่อจะรู้สึกยังไง” เขาบอกชายแก่แล้วถอนหายใจ
“พ่อแกต้องดีใจแน่ที่แกตายชั้นรับรอง แต่ต้องหลังจากไอ้แก่นี่ก่อนนะ” เสียงบุคคลที่สามพูดออกมาจากด้านบนพร้อมกับหลังคาที่ยุบตัวลง “เพล้ง !” มืออันเต็มไปด้วยมัดกล้ามกระแทกกระจกฝั่งคนขับเข้ามากระชากหัวของชายแก่กระเด็นไปชนกระจกอีกฝั่งร้าว จากนั้นมือที่ชุ่มเลือดก็จับพวงมาลัยหมุนไปทางขวาอย่างรวดเร็ว รถเปลี่ยนทิศอย่างลวดเร็วสู่ไหล่ทางและตกลงมาตามทางชันลงสู่พื่นที่ด้านล่าง “ตึง ! โครม” หน้ารถกระแทกพื้นด้านล่างทำให้รถพลิกหงายท้องอยู่ข้างบ่อนํ้าสีดำที่อยู่กลางต้นไม้รูปร่างประหลาดหลากหลายชนิด
“โอย” เสียงเด็กหนุ้มร้องอย่างเจ็บปวดเค้าเอามือกระแทกกระจกแล้วคลายออกมาจากรถที่บัดนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นแค่เพียงเศษเหล็ก “ช่วยด้วยๆ” เด็กหนุ่มตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
“เปล่าประโยชน์ ไอ้ลูกคุณหนู” เสียงคนดังมาจากหลังรถที่หงายท้องอยู่
“ตึง ตูม” เสียงรถลอยกระเด็นตกน้าพร้อมเผยร่างชายกำยำล่าสันเคราดกดำ
“เกะกะจริง ไอ้เศษเหล็กนี่ เกะกะชะมัด ใช่มั๊ยล่ะ มาริลีน เจคอบ” ชายแปลกหน้าพูด
“สตรองเกอร์ คือฉายาของข้า จริงๆข้าก็ไม่อยากสังหารเด็กน้อยหรอกนะแต่สถานการณ์มันบังคับน่ะ” เขาแนะนำตัวพร้อมทั้งบอกเป้าหมาย
“ทำไมคุณถึงต้องฆ่า เจฟ และผมด้วย” เจคอบถาม
“เจฟเหรอ เปล่าแกต่างหากที่เป็นเป้าหมาย ไอ้คนขับรถน่ะมันก็แค่สิ่งกรีดขวางที่ต้องกำจัดซะก่อนเท่านั้นเอง อย่าให้มากความเลยไอ้หนู ตามรถคันสวยและเจฟไปซะ ข้าจะได้กลับซะที” เขาเดินเข้ามาหาเจคอบแล้วใช้ขาข้างขวาที่ถนัดเตะเข้าไปที่ช่วงท้องของเด็กหนุ่ม ร่างเจคอบลอยตกไปในใจกลางบ่อน้า “หมูชะมัดงานนี้” ฆาตกรบอกกับตัวเอง
“ช่วยผมด้วยผมไม่อยากตาย” เด็กน้อยพูดขณะที่สติเลือนรางและกำลังจมน้า
“ช่วยตัวเองสิไอ้หนู ฆ่ามัน” เสียงดังชัดเจนจากใครอีกคนที่อยู่ในน้าจากนั้นเจคอบก็หมดสติไป
เวลา 17.30 นาฬิกา ไลแอนกลับมาสู่ห้องใต้หลังคาอีกครั้งเค้านั่งประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดและเรื่องราวที่เค้าได้อ่านเพิ่มเติมมาจึงรู้ว่าพ่อของเค้ามีชื่อว่า เซบาสเตียน เนล ชื่อของเค้าเองก็มาจากการที่เอาชื่อของพ่อมาเขียนกลับหลัง พ่อของเค้ามาที่เมืองนี้ด้วยเหตุผมหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการตามหาเพื่อนของพ่อคนหนึ่งชื่อว่า มัลลีน เบล ที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อนานแสนนาน และพ่อได้สร้างห้องสมุดลึกลับนี้ขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน 4 คนในอดีต การที่พ่อต้องจากแม่และเค้าไปเนื่องจากพ่อมีความสามารถที่ควบคุมไม่ได้ทำให้พ่อของเค้าต้องจากไปโดยที่ไม่ได้เจตนาและเป็นสาเหตุเดียวกันที่เค้าได้พบกับพ่ออย่างบังเอิญ พ่อได้จากขอบครัวไปขณะที่พ่อออกตามหาร่องรอยของ เพื่อนที่ป่าดงดิบของเมือง จากข้อความสุดท้ายที่พ่อบันทึกในสมุดเล่มนี้“เปล่าประโยชน์ ไอ้ลูกคุณหนู” เสียงคนดังมาจากหลังรถที่หงายท้องอยู่
“ตึง ตูม” เสียงรถลอยกระเด็นตกน้าพร้อมเผยร่างชายกำยำล่าสันเคราดกดำ
“เกะกะจริง ไอ้เศษเหล็กนี่ เกะกะชะมัด ใช่มั๊ยล่ะ มาริลีน เจคอบ” ชายแปลกหน้าพูด
“สตรองเกอร์ คือฉายาของข้า จริงๆข้าก็ไม่อยากสังหารเด็กน้อยหรอกนะแต่สถานการณ์มันบังคับน่ะ” เขาแนะนำตัวพร้อมทั้งบอกเป้าหมาย
“ทำไมคุณถึงต้องฆ่า เจฟ และผมด้วย” เจคอบถาม
“เจฟเหรอ เปล่าแกต่างหากที่เป็นเป้าหมาย ไอ้คนขับรถน่ะมันก็แค่สิ่งกรีดขวางที่ต้องกำจัดซะก่อนเท่านั้นเอง อย่าให้มากความเลยไอ้หนู ตามรถคันสวยและเจฟไปซะ ข้าจะได้กลับซะที” เขาเดินเข้ามาหาเจคอบแล้วใช้ขาข้างขวาที่ถนัดเตะเข้าไปที่ช่วงท้องของเด็กหนุ่ม ร่างเจคอบลอยตกไปในใจกลางบ่อน้า “หมูชะมัดงานนี้” ฆาตกรบอกกับตัวเอง
“ช่วยผมด้วยผมไม่อยากตาย” เด็กน้อยพูดขณะที่สติเลือนรางและกำลังจมน้า
“ช่วยตัวเองสิไอ้หนู ฆ่ามัน” เสียงดังชัดเจนจากใครอีกคนที่อยู่ในน้าจากนั้นเจคอบก็หมดสติไป
“ข้าจะตามหาเจ้าให้ได้ เพื่อนข้า น้องข้าและลูกศิษย์ข้า มัลลีน เบล ครานี้หากไม่เจอกัน เราคงต้องจากกันตลอดกาล หลังจากนี้ข้าจะอุทิศชีวิตให้กับครอบครัวข้า ทริสและไลแอนลูกรักข้าจะทิ้งสมุดเล่มนี้ไว้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันในการกลับมาของข้า แม้เลือดท่วมกายข้าก็จะกลับคืนสู่ครอบครัว เซบัสเตียน เนล” นั่นเป็นข้อความสุดท้ายในสมุดเล่มนี้
ไลแอนจัดแจงเก็บสมุดเล่มสำคัญไว้ในช่องลับใต้เตียงแล้วนำกุณแจพกติดตัวไว้โดยการหาสายคล้องคอมาผูกกับดอกกุญแจไว้เพื่อความสะดวก จากนั้นไลแอนเดินลงมาที่ห้องรับแขกแล้วเปิดโทรทัศน์ดูเพื่อนจะได้รู้สถานการณ์ที่เค้าพลาดไปในขณะที่เค้าหมกมุ่นกับการอ่านหนังสืออยู่
“จากเหตุการณ์เพลิงไหม้บ้านท่านสมาชิกสภาเขต มีการยืนยันแล้วว่า ท่านสมาชิกสภาเขตได้เสียชีวิตลงในกองเพลิงพร้อมกับลูกชายวัย 17 นี่นับเป็นเหตุร้ายติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ของเมืองเมโทรส นายกเทศมนตรีได้ขอร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบและอย่าได้ย่อท้อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันจะเป็นเพียงฝันร้ายที่จะผ่านไป จบข่าวต้นชั่วโมง” ไลแอน เปลี่ยนช่องทีวีอีกช่องเพื่อดูอย่างอื่น
“ข่าวด่วน รถยนต์ประสบอุบัติเหตุเสียหลักตกลงไปในเขตป่าสงวน รถได้ไถลลงแอ่งน้าทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 คน คนแรกชายแก่วัย 65 ปี สภาพศพถูกระแทกอย่างแรงจนศรีษะหลุดออกมาในตัวรถ คนที่สองกระเด็กจากตัวรถก่อนตกลงในบ่อน้าร่างฉีกกระจายไปหลายทิศทาง ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 35 ปี ไม่ทราบชื่อ หากมีอะไรเพิ่มเติมเราจะรายงานท่านทันที จบ ข่าวต้นชั่วโมง ” ไลแอนดูข่าวอย่างแปลกใจ “ทำไมพักนี้มีแต่อุบัติเหตุนะ แปลกจริงๆ มันต้องมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นในเมืองนี้แน่” ไลแอนปิดทีวีแล้วออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ พอดีกับรถเมล์สาย 377 กำลังวิ่งผ่านหน้าบ้านพอดี
“นั่นไง พระเอกของเรา” เคโกะซึ่งนั่งอยู่บนรถชี้ให้เรนจิดูไลแอนซึ่งไม่ได้สังเกตรถที่ผ่านหน้าบ้าน
“ชั้นว่าแล้วที่เราต้องเสียค่ารถถึงคนละ 152 เหรียญนี่ก็เพราะแกจะนั่งอ้อมมาดูธุระของแกนี่แหละ” เรนจิพูดพลางเอามือกุมขมับ
“เหลือกี่กระป๋องแล้ว” เคโกะพูดในขณะที่เขามองไลแอนจนสุดสายตา
“กระป๋องเดียวชั้นกะว่าจะเอาไว้กินตอนก่อนถึงบ้านน่ะ แกคงไม่แย่งชั้นใช่มั๊ย
เพราะว่าชั้นเสียสละค่ารถให้แกไปแล้วนะ” เรนจิบอกอย่างจริงจัง
“ว่าแล้วแกมันจอบเขมือบ” เคโกะพลักหัวเพื่อนเบาๆ
รถเมล์สาย 377 วิ่งออกทางตอนเหนือของเมืองมุ่งหน้าสู่ เซ็นซิตี้ นครแห่งภูผาสูง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น