ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Real World : โลกที่แท้จริง

    ลำดับตอนที่ #1 : 5.32 นาฬิกา

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 55


             ตูม เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในย่านตอนใต้ของเมืองเมโทรส เขตปกครองพิเศษด้านการท่องเที่ยวและเมืองท่าเศรฐกิจ ท่าเรือที่มีเรือสินค้าเข้าออกหลายหมื่นลำต่อปีทำกำไรให้กับประเทศอย่างมหาศาลพร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างเขตป่าดงดิบสงวนที่ดึงดูด นักพจญภัย จากทั่วสารทิศ จนทำให้เมืองเล็กๆอย่างเมโทรสถูกสังคายนาเป็นเขตปกครองพิเศษ แต่ตอนนี้ความเงียบสงบยามค่ำคืนของเมืองได้ถูกทำลายลงด้วยเหตุการณ์ปั๊มน้ามันระเบิดทำให้ทางตอนใต้ของเมืองต้องตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย และเสียงแห่งความโกลาหลนี้ได้ปลุกเด็กหนุ่มคนหนึ่งในซอยเล็กๆบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุให้ตื่นขึ้น
              เกิดอะไรขึ้นเนี่ยทำไมถึงเสียงดังอย่างนี้ เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นพร้อมทั้งอุทานออกมา
                    “วันนี้เราตื่นขึ้นมาที่โซฟาในห้องรับแขกเหรอเนี่ย เขาพูดพลางสำรวจรอบตัว
             
    นี่เป็นครั้งแรกที่เราละเมอมาไกลขนาดนี้เลยนะเนี่ย เขาให้ความสนใจเรื่องการนอนละเมอจนลืมเสียงระเบิดเมื่อครู่ไปเลยสิ้นเชิง
              เพล้ง เสียงกระจกแตกดังขึ้นในห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องรับแขกเด็กหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาทันทีแล้วตรงไปคว้าแจกันดอกไม้ที่วางประดับไว้บนโต๊ะหน้าบันไดทางขึ้นชั้นสองที่อยู่ไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มพยายามทำตัวกลมกลืนกับความเงียบมากที่สุด เขาหมอบตัวลงแล้วจับแจกันไว้มั่นเพื่อรอดูสถานการณ์ ไม่นานนักประตูห้องครัวก็เปิดออกอย่างช้าๆ เขาเห็นร่างชายลึกลับเดินออกมาจากห้องครัว เค้าตัดสินใจวิ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเงื้อแจกันอย่างสุดมือเพื่อจัดการเป้าหมายแต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เด็กหนุ่มคาดหวังไว้ เมื่อเค้าเหวี่ยงแจกันเข้าใส่ศรีษะของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แจกันกลับหลุดจากมือแล้วลอยขึ้นบนอากาศกลับไปวางอยู่ที่เดิมเหมือนมันไม่เคยถูกหยิบออกมา

                   
    ไลแอน  ตาเจ้าช่างเหมือนแม่ ชายลึกลับกล่าวพร้อมทรุดตัวล้มลงกับพื้น

                   
    คุณเป็นใครแล้วรู้ได้ยังไงว่าตาผมเหมือนแม่เด็กหนุ่มถาม
                    นี่ปีอะไรแล้วนะ 2012 เหรอ เจ้าคงอายุ 15 แล้วสินะ ดีหละได้เวลาที่เจ้าจะได้ออกเดินทางซะที ชายคนนั้นกล่าวกับเด็กหนุ่ม

                   
    เดินทางอะไร ผมถามว่าคุณเป็นใครแล้วแจกันนั่นมันลอยไปได้ยังไง เด็กหนุ่มทำท่าทางสับสน

                   
    เอากุญแจนี่ไป ไลแอน แล้วถามแม่เจ้านางจะเล่าทุกอย่าง เขาดันตัวขึ้นนั่งพิงผนังล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมยาวของเค้าแล้วโยนกุญแจหนึ่งดอกให้เด็กหนุ่ม

                   
    แม่ตายไปหลายปีแล้ว คุณเป็นอะไรอาการคุณไม่ค่อยดี ตกลงผมควรจะไว้ใจคุณดีหรือไม่ เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีสงบขึ้น

                               “ทริชจากไปแล้วเหรอ ข้ามาไม่ทันสินะ ข้าไม่เคยอยู่ถูกที่ถูกเวลาเลย เขาลำพัน

                               “อาการคุณเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวผมจะไปหยิบกล่องพยาบาลก่อน คุณอดทนหน่อยก็แล้วกัน เด็กหนุ่มหันกลับเตรียมวิ่งไปที่ห้องใต้บันได

                              “ไม่ต้องหรอกไลแอน ข้ากำลังจะตามแม่เจ้าไปแล้ว ฟังข้าให้ดีข้ามีเวลาไม่มาก เขาบอกเด็กหนุ่มด้วยเสียงแผ่วเบา

                              “กุญแจดอกนี้เจ้าจงนำไปไขในสมุดบันทึกของแม่เจ้า เมื่อมันเปิดออกเจ้าจงอ่านสมุดเล่มสีเหลืองบทที่ 4  อั๊ก! เขาพูดและสำลักเลือดออกมา

                              “คุณเป็นใครทำไมรู้เรื่องสมุดเล่มนั้น ผมจะโทรไปเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้ เด็กหนุ่มพูดอย่างสับสน

                             “เราเคยเจอกันเมื่อเจ้ายังคลานไม่ได้ เจ้าคือสิ่งเดียวที่ข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ ลูกพ่อ ลาก่อน พูดจบชายคนนั้นก็สิ้นลมและร่างกายของเค้าก็สลายไปในอากาศ

                   เด็กหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ของเหตุการณ์ที่รวดเร็วและแปลกประหลาดจนเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้สติของเค้ากลับมา เสียงนาฬิกาปลุกเรือนใหญ่ดังขึ้นด้านบนในห้องนอนของเด็กหนุ่มบ่งบอกเวลา 5.32 นาฬิกา เวลาจริงที่เด็กหนุ่มที่ชื่อ ไลแอน คนนี้ควรจะตื่นขึ้น ไลแอน ตั้งสติแล้วทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ตรงหน้าเค้าไม่มีร่างชายคนที่พังกระจกเข้ามาในบ้านเหลือแต่เศษกระจกที่แตกในห้องครัว รอยเลือดที่ซึมอยู่บนพื้นพรม กับกุญแจอีก 1 ดอก ไลแอนตั้งสติขึ้นอีกครั้งเค้าม้วนพรมที่เปื้อนเลือดผืนนั้นเอาผ้ามาห่อเศษกระจกและกุญแจทุกชิ้นแล้วขึ้นไปเก็บไว้บนห้องใต้หลังคารวมทั้งสมุดบันทึกของแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเมื่อยามที่แม่จากไปสมุดเล่มนั้นมีรูกุญแจอยู่จริงและมันไม่เคยเปิดอ่านได้เลยเพราะไม่มีกุญแจดอกไหนในบ้านที่เค้าพยายามหาแล้วสามารถเปิดสมุดเล่มนี้ได้ แต่เช้านี้เป็นเวลาของธุระสำคัญเรื่องหนึ่งที่เค้าต้องไปทำเสียก่อนนั้นคือการออกไปฟังผลสอบต่างเมืองที่จัดเป็นสถานที่แสดงผลสอบการเข้าเรียน มัธยมปลายของเด็กทุกคนในประเทศ เค้าจึงต้องตั้งนาฬิกาปลุก ไว้ที่ 5.32 นาฬิกา ซึ่งทดถอยหลัง 3 นาทีไว้จากเวลาจริง 5.35 นาฬิกาเนื่องจากเค้ารู้ตัวว่าต้องละเมอตื่นที่ไหนซักแห่งหน้าห้องนอนของเค้า

                    ไลแอน รีบแต่งกายชุดนักเรียนโดยไม่ยอมอาบน้าพร้อมสะพายกระเป๋านักเรียนที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญทางการเรียน เขาเดินลงบันไดอย่างรวดเร็วและหยุดที่โต๊ะหน้ากระไดแล้วหยิบแจกันดอกไม้ขึ้น

                   
    ชั้นจะต้องรู้ไห้ได้ว่าแกลอยขึ้นมาได้ยังไง ไลแอนวางแจกันลงออกจากบ้านและออกเดินทางไปต่างเมืองด้วยรถประจำทางสาย 357 รถเมล์ที่มุ่งตรงไปยังสถานที่แสดงผลสอบ

                    รถประจำทางเคลื่อนตัวอย่างเชื่อช้าเนื่องจากมีสัญญาณแสดงอุบัติเหตุอยู่เบื้องหน้าทำให้การจราจรติดขัดเมื่อรถขยับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ปรากฏเปลวควันขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้ารถดับเพลิงระดมฉีดสารเคมีเข้าใส่ปั๊มน้ามันที่บัดนี้ไม่ปรากฏร่องรอยของเปลวเพลิงมีแต่ก็เพียงแต่ควันเท่านั้น รถฉุกเฉินที่วิ่งเข้าออกที่เกิดเหตุจากหลายโรงพยาบาลลำเรียงผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกันอย่างอลหม่าน วันนี้มีคนขึ้นรถประจำทางกันมากเป็นพิเศษเพราะไม่มีใครอยากอยู่ในที่พักเพื่อสูดดมควันที่เต็มไปด้วยสารเคมี ไม่นานนักการจราจรก็คล่องตัวขึ้นรถมุ่งตรงสู่เมืองราฟาเอล ไลแอนลงรถแล้วเดินเท้าต่อไปยังมหาหาวิทยาลัยประจำเมืองเพื่อฟังผลสอบ เค้าเดินเข้ามาหาวิทยาลัยทางประตูทิศตะวันตกแล้วตรงเข้าไปที่โต๊ะธุรการ เขาเปิดกระเป๋าออกแล้วนำเอกสารมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เวลาขณะนั้นก็ล่วงเข้าไป 8.14 นาฬิกา

                   
    เอ่อคุณนิโคลัส ไลแอน กรุณารอซักครู่ค่ะ ระบบกำลังเชื่อมต่อข้อมูลเข้าส่วนกลาง ดิชั้นไม่นึกว่าจะมีใครมาเร็วขนาดนี้ เช้านี้คุณเป็นคนที่ 4 แล้วที่ดิชั้นต้องพูดประโยคนี้ เจ้าหน้าที่กล่าว

                   
    ขอบคุณครับ จริงๆคุณควรเจอผมเป็นคนแรก แต่เผอิญผมติดธุระนิดหน่อย เขาบอกกับเธอแล้วหันไปมองระเบียงด้านข้างปรากฏเด็กหนุ่ม 3 คนที่มาก่อนเขา คนหนึ่งผมสีน้าตาลใส่แว่นตานั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้านั่งอย่างเงียบเชียบ ส่วนอีกสองคนท่าทางจะมาจากที่เดียวกันเพราะแต่งกายด้วยชุดเดียวกันจะต่างกันก็ตรงแถบสีตรงปกเสื้อเท่านั้น

                   
    เคโกะ ถ้าแกไม่ห้ามให้ชั้นเอารถมาป่านนี้เราคงถึงก่อนไอ้หมอนี่แล้ว นี่ชั้นเสียความรู้สึกจริงๆนะเว๊ยพวก ชายคนหนึ่งในสองคนพูด

                   
    นี่แกรู้เรื่องมั่งมั๊ยว่าอายุ 18 ถึงจะสามารขับรถยนต์ได้ ชายอีกคนเอ่ยพร้อมทำหน้ารำคาญชายอีกคน

                   
    แกก็รู้ว่าชั้นสามารถขับมันได้สบายๆ แกไม่ได้เจ๋งคนเดียวหรอกนะ เค ชายคนแรกชักสีหน้าใส่

                   
    เลิกทำตัวเป็นจุดเด่นซะที เรนจิ แกก็รู้ว่าทำไมชั้นถึงห้ามแก เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่เหรอ เขาหันมองเพื่อนด้วยสายตามุ่งมั่น

                   
    เค แกนี่มัน............ ดีจริงๆที่ชั้นได้แกเป็นเพื่อน ชั้นขอโทษจากใจ มาเอดาโนะ เรนจิ คนนี้เลย เขาบอกพลางเอามือเกาะไหล่เพื่อน

                   
    อืม ช่างมันเถอะ นั่นไงหมายเลข 4 มาแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้เห็นคนมาหลังเรา คงทำให้แกใจเย็นลงได้ เค้าพูดพร้อมพยักหน้าชี้มาทางไลแอน

                    ทั้งคู่เดินตรงเข้ามาทักทายไลแอนอย่างเป็นมิตร
    ที่นี่มันไกลปืนเที่ยงน่ะเพื่อน ระบบสื่อสารมันก็ช้ากันบ้าง เรนจิเอ่ย

                   
    สวัสดี ผม นิโคลัส ไลแอน ไลแอนแนะนำตัว

                   
    ชั้น มาเอดาโนะ เรนจิ ส่วนนี่ อามาจิ เคโกะ มาจากทางเหนือน่ะ เรนจิแนะนำตัวกลับอย่างเป็นมิตร

                   
    นายคงมาจากเมโทรสสินะ เคโกะ เอ่ยถามไลแอน

                   
    ใช่ ผมมาจากเมโทรสที่นั่นรถติดนิดหน่อยผมถึงได้มาสาย ไลแอนอธิบาย

                   
    คงเป็นอย่างนั้นชั้นได้กลิ่นเขม่าควันจากเสื้อผ้านาย เค้าพูดพลางเอามือเช็ดจมูกตัวเอง

                   
    ไลแอน อย่าไปสนใจหมอนี่เลย เป็นนิสัยส่วนตัวน่ะ การอ่านบุคลิกบุคคลรอบข้างคืออาหารแสนอร่อยของหมอนี่ เรนจิอธิบาย
                        “หมอนี่น่ะเหมาะจะเป็นคู่หูชั้นที่สุดแล้ว เห็นแถบสีฟ้าที่ปกเสื้อหมอนี่มั๊ยมันเป็นสีแสดงสัญลักษณ์ของหน่วยวางแผน ส่วนของชั้นสีแดงหมายถึงหน่วยจู่โจม ปะฉะดะ อะไรประเภทนั้น พวกเราปักกันเองเพื่อแสดงถึงหน้าที่และบทบาทของตัวเอง เรนจิเริ่มสาธยายยาวขึ้น

                   
    เราจะนำคะแนนสอบไปเข้าโรงเรียนตำรวจน่ะ เคโกะพูดตัดบทเรนจิพลางผลักหัวเพื่อน

                   
    ตำรวจเหรอน่าสนใจดี ชั้นจะสอบเข้าคณะฟิสิกส์น่ะแต่ไม่เจาะจงหรอกนะว่าจะเป็นที่ไหน ไลแอนบอก

                   
    อะไรที่ทำให้นายอยากเรียนฟิสิกส์ เคโกะพูดพลางเอานิ้วขยี้จมูก

                   
    ตอนแรกชั้นกะว่าจะเข้าวิศวะแล้วหละ แต่พอนึกว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้แจกันลอยไปมาบนอากาศได้ชั้นก็เลยตั้งใจแล้วว่าอยากจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับการทดสอบสมมุติฐานน่ะ ไลแอนพูดพร้อมกับแหงนหน้ามองเพดานแล้วสูดหายใจเข้า

                   
    แจกันลอยได้เหรอนี่น่าสนใจกว่าโรงเรียนตำรวจอีกนะ เคโกะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

                   
    นี่ขอร้องหละพวกนายจะซักไซ้ไล่เรียงกันทำไม ผลสอบออกเราก็แยกย้ายไม่เจอกันอีกแล้วจะพิธี รีตรองให้มันมากมายทำไม เรนจิตัดบท

                   
    ไม่หรอกไม่แน่เราอาจจะเจอกันอีกก็ได้ใช่มั๊ยคุณตำรวจ ไลแอนหันไปถามเคโกะ

                   
    แน่นอน เคโกะตอบ

                   
    แล้วหมอนั่นหละนายได้คุยกับเค้ารึยัง ไลแอนมองข้ามไหล่เรนจิไปมองชายอีกคน

                   
    เจ้าหมายเลข 1 นั่นน่ะเหรอดูจากแว่นตาแสนแพงที่ใส่แล้วน่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูน่ะ ชั้นวิเคราะห์เค้ามา 30 นาทีแล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิดพวกหนอนหนังสือ เคโกะบอกกับไลแอนทำให้ไลแอนหมดความสนใจในชายคนนั้นทันที

                   
    ขอโทษค่ะคะแนนของคุณทั้ง 4 ออกแล้วค่ะ เนื่องจากคนยังน้อยอยู่ดิชั้นขอแจ้งแบบไม่เรียงลำดับนะคะ คุณมาเอดาโนะ เรนจิ คะแนน 82.42 เปอร์เซนค่ะ คุณอามาจิ เคโกะ 93.45 เปอร์เซน คุณนิโคลัส ไลแอน 91.40 เปอร์เซนค่ะ เจ้าหน้าที่บอกผลสอบของคนทั้งสามทำให้เรนจิกระโดดพร้อมตะโกนขึ้นว่า ชั้น ได้รู้คะแนนคนแรกชั้นคือหมายเลข 1

                   
    และก็คุณมาริลีน เจคอป 99.99 % ค่ะ พนักงานเอ่ยขึ้นตามหลังด้วยน้าเสียงแปลกใจ สูงมากเป็นประวัติการณ์คุณทำได้ยังไงคะ เธอลุกขึ้นตะโกนถาม

                   
    สุดยอด ไลแอนและเรนจิอุทานขึ้นพร้อมกัน

                   
    เสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับขอบคุณมาก ชายคนที่ทำคะแนนสูงสุดปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินผ่านทั้งสามเพื่อกลับบ้าน

                   
    นายพลาดข้อไหนหละ เคโกะถามขณะที่เค้าเดินผ่าน

                   
    ไม่ได้กาน่ะ ชั้นไม่สามารถกาคำตอบข้อนั้นได้ เจคอปตอบโดยไม่หยุดเดินไม่แม้แต่จะมองคนทั้งสาม ไม่เพียงแต่เจคอปจะไม่เป็นที่สนใจของทั้งสามแล้ว คนทั้งสามก็ไม่เป็นที่สนใจของเขาเหมือนกัน

                   
    พวกมีปมชีวิตน่ะ เคโกะบอกเมื่อเจคอปเดินจากไปแล้ว ชั้นกับเรนจิขอไปเข้าห้องน้าก่อนแล้วก็ขอตัวแยกย้ายเลย เคโกะบอกเค้าพร้อมเดินออกไปทันที

                   
    ไปก่อนนะพวก ลาก่อน เรนจิทำความเคารพแบบตำรวจให้กับไลแอน

                   
    อืม ลาก่อน ไลแอนโบกมือให้แล้วเรนจิก็เดินตามเพื่อนไปที่ห้องน้า ส่วนไลแอนหลังจากทั้งสองไปแล้วเค้าก็เดินออกมานอกอาคาร แล้วออกประตูทางทิศตะวันตกย้อนกลับทางเดินแต่ก่อนจะออกจากประตูเค้าก็ได้พบกับเคโกะอีกครั้ง

                   
    กลิ่นเขม่าควันที่เสื้อนายไม่มีความหมายสำหรับชั้น แต่รอยเลือดที่มือนายมันกลิ่นตุๆ หลังจากชั้นเรียนตำรวจจบแล้วนายจะเป็น 1 ในคดีที่ชั้นทำ เราจะต้องเจอกันอีก นิโคลัส ไลแอน เคโกะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

                   
    ถึงตอนนั้นแล้วชั้นจะบอกว่าแจกันลอยบนอากาศได้ยังไง ลาก่อน อามาจิ เคโกะ ไลแอนพูดแล้วเดินออกประตูขึ้นรถประจำทางสาย 537 กลับไปที่บ้านของเค้า เค้าตรงไปที่ห้องใต้หลังคาหยิบสมุดบันทึกของแม่ขึ้นมาวางลงกับเตียงอย่างปรานีต แล้วนำกุญแจดอกสำคัญปักลงไปแล้วบิดตามเข็มนาฬิกา แกร๊ก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×