ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 5.32 นาฬิกา
“ตูม” เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในย่านตอนใต้ของเมืองเมโทรส เขตปกครองพิเศษด้านการท่องเที่ยวและเมืองท่าเศรฐกิจ ท่าเรือที่มีเรือสินค้าเข้าออกหลายหมื่นลำต่อปีทำกำไรให้กับประเทศอย่างมหาศาลพร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างเขตป่าดงดิบสงวนที่ดึงดูด นักพจญภัย จากทั่วสารทิศ จนทำให้เมืองเล็กๆอย่างเมโทรสถูกสังคายนาเป็นเขตปกครองพิเศษ แต่ตอนนี้ความเงียบสงบยามค่ำคืนของเมืองได้ถูกทำลายลงด้วยเหตุการณ์ปั๊มน้ามันระเบิดทำให้ทางตอนใต้ของเมืองต้องตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย และเสียงแห่งความโกลาหลนี้ได้ปลุกเด็กหนุ่มคนหนึ่งในซอยเล็กๆบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุให้ตื่นขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยทำไมถึงเสียงดังอย่างนี้” เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นพร้อมทั้งอุทานออกมา
“วันนี้เราตื่นขึ้นมาที่โซฟาในห้องรับแขกเหรอเนี่ย” เขาพูดพลางสำรวจรอบตัว
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราละเมอมาไกลขนาดนี้เลยนะเนี่ย” เขาให้ความสนใจเรื่องการนอนละเมอจนลืมเสียงระเบิดเมื่อครู่ไปเลยสิ้นเชิง
“วันนี้เราตื่นขึ้นมาที่โซฟาในห้องรับแขกเหรอเนี่ย” เขาพูดพลางสำรวจรอบตัว
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราละเมอมาไกลขนาดนี้เลยนะเนี่ย” เขาให้ความสนใจเรื่องการนอนละเมอจนลืมเสียงระเบิดเมื่อครู่ไปเลยสิ้นเชิง
“เพล้ง” เสียงกระจกแตกดังขึ้นในห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องรับแขกเด็กหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาทันทีแล้วตรงไปคว้าแจกันดอกไม้ที่วางประดับไว้บนโต๊ะหน้าบันไดทางขึ้นชั้นสองที่อยู่ไม่ไกลนัก เด็กหนุ่มพยายามทำตัวกลมกลืนกับความเงียบมากที่สุด เขาหมอบตัวลงแล้วจับแจกันไว้มั่นเพื่อรอดูสถานการณ์ ไม่นานนักประตูห้องครัวก็เปิดออกอย่างช้าๆ เขาเห็นร่างชายลึกลับเดินออกมาจากห้องครัว เค้าตัดสินใจวิ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเงื้อแจกันอย่างสุดมือเพื่อจัดการเป้าหมายแต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เด็กหนุ่มคาดหวังไว้ เมื่อเค้าเหวี่ยงแจกันเข้าใส่ศรีษะของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แจกันกลับหลุดจากมือแล้วลอยขึ้นบนอากาศกลับไปวางอยู่ที่เดิมเหมือนมันไม่เคยถูกหยิบออกมา
“ไลแอน ตาเจ้าช่างเหมือนแม่” ชายลึกลับกล่าวพร้อมทรุดตัวล้มลงกับพื้น
“คุณเป็นใครแล้วรู้ได้ยังไงว่าตาผมเหมือนแม่” เด็กหนุ่มถาม
“ไลแอน ตาเจ้าช่างเหมือนแม่” ชายลึกลับกล่าวพร้อมทรุดตัวล้มลงกับพื้น
“คุณเป็นใครแล้วรู้ได้ยังไงว่าตาผมเหมือนแม่” เด็กหนุ่มถาม
“นี่ปีอะไรแล้วนะ 2012 เหรอ เจ้าคงอายุ 15 แล้วสินะ ดีหละได้เวลาที่เจ้าจะได้ออกเดินทางซะที” ชายคนนั้นกล่าวกับเด็กหนุ่ม
“เดินทางอะไร ผมถามว่าคุณเป็นใครแล้วแจกันนั่นมันลอยไปได้ยังไง” เด็กหนุ่มทำท่าทางสับสน
“เอากุญแจนี่ไป ไลแอน แล้วถามแม่เจ้านางจะเล่าทุกอย่าง” เขาดันตัวขึ้นนั่งพิงผนังล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมยาวของเค้าแล้วโยนกุญแจหนึ่งดอกให้เด็กหนุ่ม
“แม่ตายไปหลายปีแล้ว คุณเป็นอะไรอาการคุณไม่ค่อยดี ตกลงผมควรจะไว้ใจคุณดีหรือไม่” เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีสงบขึ้น
“ทริชจากไปแล้วเหรอ ข้ามาไม่ทันสินะ ข้าไม่เคยอยู่ถูกที่ถูกเวลาเลย” เขาลำพัน
“อาการคุณเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวผมจะไปหยิบกล่องพยาบาลก่อน คุณอดทนหน่อยก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มหันกลับเตรียมวิ่งไปที่ห้องใต้บันได
“ไม่ต้องหรอกไลแอน ข้ากำลังจะตามแม่เจ้าไปแล้ว ฟังข้าให้ดีข้ามีเวลาไม่มาก” เขาบอกเด็กหนุ่มด้วยเสียงแผ่วเบา
“กุญแจดอกนี้เจ้าจงนำไปไขในสมุดบันทึกของแม่เจ้า เมื่อมันเปิดออกเจ้าจงอ่านสมุดเล่มสีเหลืองบทที่ 4 อั๊ก! ” เขาพูดและสำลักเลือดออกมา
“คุณเป็นใครทำไมรู้เรื่องสมุดเล่มนั้น ผมจะโทรไปเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มพูดอย่างสับสน
“เราเคยเจอกันเมื่อเจ้ายังคลานไม่ได้ เจ้าคือสิ่งเดียวที่ข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ ลูกพ่อ ลาก่อน” พูดจบชายคนนั้นก็สิ้นลมและร่างกายของเค้าก็สลายไปในอากาศ
เด็กหนุ่มตกอยู่ในภวังค์ของเหตุการณ์ที่รวดเร็วและแปลกประหลาดจนเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้สติของเค้ากลับมา เสียงนาฬิกาปลุกเรือนใหญ่ดังขึ้นด้านบนในห้องนอนของเด็กหนุ่มบ่งบอกเวลา 5.32 นาฬิกา เวลาจริงที่เด็กหนุ่มที่ชื่อ ไลแอน คนนี้ควรจะตื่นขึ้น ไลแอน ตั้งสติแล้วทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ตรงหน้าเค้าไม่มีร่างชายคนที่พังกระจกเข้ามาในบ้านเหลือแต่เศษกระจกที่แตกในห้องครัว รอยเลือดที่ซึมอยู่บนพื้นพรม กับกุญแจอีก 1 ดอก ไลแอนตั้งสติขึ้นอีกครั้งเค้าม้วนพรมที่เปื้อนเลือดผืนนั้นเอาผ้ามาห่อเศษกระจกและกุญแจทุกชิ้นแล้วขึ้นไปเก็บไว้บนห้องใต้หลังคารวมทั้งสมุดบันทึกของแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเมื่อยามที่แม่จากไปสมุดเล่มนั้นมีรูกุญแจอยู่จริงและมันไม่เคยเปิดอ่านได้เลยเพราะไม่มีกุญแจดอกไหนในบ้านที่เค้าพยายามหาแล้วสามารถเปิดสมุดเล่มนี้ได้ แต่เช้านี้เป็นเวลาของธุระสำคัญเรื่องหนึ่งที่เค้าต้องไปทำเสียก่อนนั้นคือการออกไปฟังผลสอบต่างเมืองที่จัดเป็นสถานที่แสดงผลสอบการเข้าเรียน มัธยมปลายของเด็กทุกคนในประเทศ เค้าจึงต้องตั้งนาฬิกาปลุก ไว้ที่ 5.32 นาฬิกา ซึ่งทดถอยหลัง 3 นาทีไว้จากเวลาจริง 5.35 นาฬิกาเนื่องจากเค้ารู้ตัวว่าต้องละเมอตื่นที่ไหนซักแห่งหน้าห้องนอนของเค้า“เดินทางอะไร ผมถามว่าคุณเป็นใครแล้วแจกันนั่นมันลอยไปได้ยังไง” เด็กหนุ่มทำท่าทางสับสน
“เอากุญแจนี่ไป ไลแอน แล้วถามแม่เจ้านางจะเล่าทุกอย่าง” เขาดันตัวขึ้นนั่งพิงผนังล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมยาวของเค้าแล้วโยนกุญแจหนึ่งดอกให้เด็กหนุ่ม
“แม่ตายไปหลายปีแล้ว คุณเป็นอะไรอาการคุณไม่ค่อยดี ตกลงผมควรจะไว้ใจคุณดีหรือไม่” เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีสงบขึ้น
“ทริชจากไปแล้วเหรอ ข้ามาไม่ทันสินะ ข้าไม่เคยอยู่ถูกที่ถูกเวลาเลย” เขาลำพัน
“อาการคุณเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวผมจะไปหยิบกล่องพยาบาลก่อน คุณอดทนหน่อยก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มหันกลับเตรียมวิ่งไปที่ห้องใต้บันได
“ไม่ต้องหรอกไลแอน ข้ากำลังจะตามแม่เจ้าไปแล้ว ฟังข้าให้ดีข้ามีเวลาไม่มาก” เขาบอกเด็กหนุ่มด้วยเสียงแผ่วเบา
“กุญแจดอกนี้เจ้าจงนำไปไขในสมุดบันทึกของแม่เจ้า เมื่อมันเปิดออกเจ้าจงอ่านสมุดเล่มสีเหลืองบทที่ 4 อั๊ก! ” เขาพูดและสำลักเลือดออกมา
“คุณเป็นใครทำไมรู้เรื่องสมุดเล่มนั้น ผมจะโทรไปเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มพูดอย่างสับสน
“เราเคยเจอกันเมื่อเจ้ายังคลานไม่ได้ เจ้าคือสิ่งเดียวที่ข้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ ลูกพ่อ ลาก่อน” พูดจบชายคนนั้นก็สิ้นลมและร่างกายของเค้าก็สลายไปในอากาศ
ไลแอน รีบแต่งกายชุดนักเรียนโดยไม่ยอมอาบน้าพร้อมสะพายกระเป๋านักเรียนที่เต็มไปด้วยเอกสารสำคัญทางการเรียน เขาเดินลงบันไดอย่างรวดเร็วและหยุดที่โต๊ะหน้ากระไดแล้วหยิบแจกันดอกไม้ขึ้น
“ชั้นจะต้องรู้ไห้ได้ว่าแกลอยขึ้นมาได้ยังไง” ไลแอนวางแจกันลงออกจากบ้านและออกเดินทางไปต่างเมืองด้วยรถประจำทางสาย 357 รถเมล์ที่มุ่งตรงไปยังสถานที่แสดงผลสอบ
รถประจำทางเคลื่อนตัวอย่างเชื่อช้าเนื่องจากมีสัญญาณแสดงอุบัติเหตุอยู่เบื้องหน้าทำให้การจราจรติดขัดเมื่อรถขยับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ปรากฏเปลวควันขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้ารถดับเพลิงระดมฉีดสารเคมีเข้าใส่ปั๊มน้ามันที่บัดนี้ไม่ปรากฏร่องรอยของเปลวเพลิงมีแต่ก็เพียงแต่ควันเท่านั้น รถฉุกเฉินที่วิ่งเข้าออกที่เกิดเหตุจากหลายโรงพยาบาลลำเรียงผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกันอย่างอลหม่าน วันนี้มีคนขึ้นรถประจำทางกันมากเป็นพิเศษเพราะไม่มีใครอยากอยู่ในที่พักเพื่อสูดดมควันที่เต็มไปด้วยสารเคมี ไม่นานนักการจราจรก็คล่องตัวขึ้นรถมุ่งตรงสู่เมืองราฟาเอล ไลแอนลงรถแล้วเดินเท้าต่อไปยังมหาหาวิทยาลัยประจำเมืองเพื่อฟังผลสอบ เค้าเดินเข้ามาหาวิทยาลัยทางประตูทิศตะวันตกแล้วตรงเข้าไปที่โต๊ะธุรการ เขาเปิดกระเป๋าออกแล้วนำเอกสารมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ เวลาขณะนั้นก็ล่วงเข้าไป 8.14 นาฬิกา
“เอ่อคุณนิโคลัส ไลแอน กรุณารอซักครู่ค่ะ ระบบกำลังเชื่อมต่อข้อมูลเข้าส่วนกลาง ดิชั้นไม่นึกว่าจะมีใครมาเร็วขนาดนี้ เช้านี้คุณเป็นคนที่ 4 แล้วที่ดิชั้นต้องพูดประโยคนี้” เจ้าหน้าที่กล่าว
“ขอบคุณครับ จริงๆคุณควรเจอผมเป็นคนแรก แต่เผอิญผมติดธุระนิดหน่อย” เขาบอกกับเธอแล้วหันไปมองระเบียงด้านข้างปรากฏเด็กหนุ่ม 3 คนที่มาก่อนเขา คนหนึ่งผมสีน้าตาลใส่แว่นตานั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้านั่งอย่างเงียบเชียบ ส่วนอีกสองคนท่าทางจะมาจากที่เดียวกันเพราะแต่งกายด้วยชุดเดียวกันจะต่างกันก็ตรงแถบสีตรงปกเสื้อเท่านั้น
“เคโกะ ถ้าแกไม่ห้ามให้ชั้นเอารถมาป่านนี้เราคงถึงก่อนไอ้หมอนี่แล้ว นี่ชั้นเสียความรู้สึกจริงๆนะเว๊ยพวก” ชายคนหนึ่งในสองคนพูด
“นี่แกรู้เรื่องมั่งมั๊ยว่าอายุ 18 ถึงจะสามารขับรถยนต์ได้” ชายอีกคนเอ่ยพร้อมทำหน้ารำคาญชายอีกคน
“แกก็รู้ว่าชั้นสามารถขับมันได้สบายๆ แกไม่ได้เจ๋งคนเดียวหรอกนะ เค” ชายคนแรกชักสีหน้าใส่
“เลิกทำตัวเป็นจุดเด่นซะที เรนจิ แกก็รู้ว่าทำไมชั้นถึงห้ามแก เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่เหรอ” เขาหันมองเพื่อนด้วยสายตามุ่งมั่น
“เค แกนี่มัน............ ดีจริงๆที่ชั้นได้แกเป็นเพื่อน ชั้นขอโทษจากใจ มาเอดาโนะ เรนจิ คนนี้เลย” เขาบอกพลางเอามือเกาะไหล่เพื่อน
“อืม ช่างมันเถอะ นั่นไงหมายเลข 4 มาแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้เห็นคนมาหลังเรา คงทำให้แกใจเย็นลงได้” เค้าพูดพร้อมพยักหน้าชี้มาทางไลแอน
ทั้งคู่เดินตรงเข้ามาทักทายไลแอนอย่างเป็นมิตร “ที่นี่มันไกลปืนเที่ยงน่ะเพื่อน ระบบสื่อสารมันก็ช้ากันบ้าง” เรนจิเอ่ย
“สวัสดี ผม นิโคลัส ไลแอน” ไลแอนแนะนำตัว
“ชั้น มาเอดาโนะ เรนจิ ส่วนนี่ อามาจิ เคโกะ มาจากทางเหนือน่ะ” เรนจิแนะนำตัวกลับอย่างเป็นมิตร
“นายคงมาจากเมโทรสสินะ” เคโกะ เอ่ยถามไลแอน
“ใช่ ผมมาจากเมโทรสที่นั่นรถติดนิดหน่อยผมถึงได้มาสาย” ไลแอนอธิบาย
“คงเป็นอย่างนั้นชั้นได้กลิ่นเขม่าควันจากเสื้อผ้านาย” เค้าพูดพลางเอามือเช็ดจมูกตัวเอง
“ไลแอน อย่าไปสนใจหมอนี่เลย เป็นนิสัยส่วนตัวน่ะ การอ่านบุคลิกบุคคลรอบข้างคืออาหารแสนอร่อยของหมอนี่” เรนจิอธิบาย
“หมอนี่น่ะเหมาะจะเป็นคู่หูชั้นที่สุดแล้ว เห็นแถบสีฟ้าที่ปกเสื้อหมอนี่มั๊ยมันเป็นสีแสดงสัญลักษณ์ของหน่วยวางแผน ส่วนของชั้นสีแดงหมายถึงหน่วยจู่โจม ปะฉะดะ อะไรประเภทนั้น พวกเราปักกันเองเพื่อแสดงถึงหน้าที่และบทบาทของตัวเอง” เรนจิเริ่มสาธยายยาวขึ้น
“เราจะนำคะแนนสอบไปเข้าโรงเรียนตำรวจน่ะ” เคโกะพูดตัดบทเรนจิพลางผลักหัวเพื่อน
“ตำรวจเหรอน่าสนใจดี ชั้นจะสอบเข้าคณะฟิสิกส์น่ะแต่ไม่เจาะจงหรอกนะว่าจะเป็นที่ไหน” ไลแอนบอก
“อะไรที่ทำให้นายอยากเรียนฟิสิกส์” เคโกะพูดพลางเอานิ้วขยี้จมูก
“ตอนแรกชั้นกะว่าจะเข้าวิศวะแล้วหละ แต่พอนึกว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้แจกันลอยไปมาบนอากาศได้ชั้นก็เลยตั้งใจแล้วว่าอยากจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับการทดสอบสมมุติฐานน่ะ” ไลแอนพูดพร้อมกับแหงนหน้ามองเพดานแล้วสูดหายใจเข้า
“แจกันลอยได้เหรอนี่น่าสนใจกว่าโรงเรียนตำรวจอีกนะ” เคโกะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“นี่ขอร้องหละพวกนายจะซักไซ้ไล่เรียงกันทำไม ผลสอบออกเราก็แยกย้ายไม่เจอกันอีกแล้วจะพิธี รีตรองให้มันมากมายทำไม” เรนจิตัดบท
“ไม่หรอกไม่แน่เราอาจจะเจอกันอีกก็ได้ใช่มั๊ยคุณตำรวจ” ไลแอนหันไปถามเคโกะ
“แน่นอน” เคโกะตอบ
“แล้วหมอนั่นหละนายได้คุยกับเค้ารึยัง” ไลแอนมองข้ามไหล่เรนจิไปมองชายอีกคน
“เจ้าหมายเลข 1 นั่นน่ะเหรอดูจากแว่นตาแสนแพงที่ใส่แล้วน่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูน่ะ ชั้นวิเคราะห์เค้ามา 30 นาทีแล้ว ไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิดพวกหนอนหนังสือ” เคโกะบอกกับไลแอนทำให้ไลแอนหมดความสนใจในชายคนนั้นทันที
“ขอโทษค่ะคะแนนของคุณทั้ง 4 ออกแล้วค่ะ เนื่องจากคนยังน้อยอยู่ดิชั้นขอแจ้งแบบไม่เรียงลำดับนะคะ คุณมาเอดาโนะ เรนจิ คะแนน 82.42 เปอร์เซนค่ะ คุณอามาจิ เคโกะ 93.45 เปอร์เซน คุณนิโคลัส ไลแอน 91.40 เปอร์เซนค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกผลสอบของคนทั้งสามทำให้เรนจิกระโดดพร้อมตะโกนขึ้นว่า “ชั้น ได้รู้คะแนนคนแรกชั้นคือหมายเลข 1”
“และก็คุณมาริลีน เจคอป 99.99 % ค่ะ” พนักงานเอ่ยขึ้นตามหลังด้วยน้าเสียงแปลกใจ “สูงมากเป็นประวัติการณ์คุณทำได้ยังไงคะ” เธอลุกขึ้นตะโกนถาม
“สุดยอด” ไลแอนและเรนจิอุทานขึ้นพร้อมกัน
“เสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับขอบคุณมาก” ชายคนที่ทำคะแนนสูงสุดปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินผ่านทั้งสามเพื่อกลับบ้าน
“นายพลาดข้อไหนหละ” เคโกะถามขณะที่เค้าเดินผ่าน
“ไม่ได้กาน่ะ ชั้นไม่สามารถกาคำตอบข้อนั้นได้” เจคอปตอบโดยไม่หยุดเดินไม่แม้แต่จะมองคนทั้งสาม ไม่เพียงแต่เจคอปจะไม่เป็นที่สนใจของทั้งสามแล้ว คนทั้งสามก็ไม่เป็นที่สนใจของเขาเหมือนกัน
“พวกมีปมชีวิตน่ะ” เคโกะบอกเมื่อเจคอปเดินจากไปแล้ว “ชั้นกับเรนจิขอไปเข้าห้องน้าก่อนแล้วก็ขอตัวแยกย้ายเลย” เคโกะบอกเค้าพร้อมเดินออกไปทันที
“ไปก่อนนะพวก ลาก่อน” เรนจิทำความเคารพแบบตำรวจให้กับไลแอน
“อืม ลาก่อน” ไลแอนโบกมือให้แล้วเรนจิก็เดินตามเพื่อนไปที่ห้องน้า ส่วนไลแอนหลังจากทั้งสองไปแล้วเค้าก็เดินออกมานอกอาคาร แล้วออกประตูทางทิศตะวันตกย้อนกลับทางเดินแต่ก่อนจะออกจากประตูเค้าก็ได้พบกับเคโกะอีกครั้ง
“กลิ่นเขม่าควันที่เสื้อนายไม่มีความหมายสำหรับชั้น แต่รอยเลือดที่มือนายมันกลิ่นตุๆ หลังจากชั้นเรียนตำรวจจบแล้วนายจะเป็น 1 ในคดีที่ชั้นทำ เราจะต้องเจอกันอีก นิโคลัส ไลแอน” เคโกะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถึงตอนนั้นแล้วชั้นจะบอกว่าแจกันลอยบนอากาศได้ยังไง ลาก่อน อามาจิ เคโกะ” ไลแอนพูดแล้วเดินออกประตูขึ้นรถประจำทางสาย 537 กลับไปที่บ้านของเค้า เค้าตรงไปที่ห้องใต้หลังคาหยิบสมุดบันทึกของแม่ขึ้นมาวางลงกับเตียงอย่างปรานีต แล้วนำกุญแจดอกสำคัญปักลงไปแล้วบิดตามเข็มนาฬิกา “แกร๊ก”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น