ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Endless’s Wars : the last story

    ลำดับตอนที่ #3 : สี่ศาสตรา !!? อาวุธครองพิภพ

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 49


    Part 3 : สี่ศาสตรา !!?  อาวุธครองพิภพ 1-1

          หลังจากที่มนุษย์กุมอำนาจบนผืนพิภพไว้ทั้งหมดแล้วนั้น  องค์ราชาได้ทรงสั่งให้ช่างตีอาวุธทำศาสตราวุธขึ้นมาสี่ชิ้น  ซึ่งนายช่างหลวงทั้งหมดของราชอาณาจักรเวนาลร์ได้ระดมกำลังและความสามารถทั้งหมดที่พวกเขามีทีเดียว  อาวุธชิ้นแรกที่พวกเขาทำขึ้นมาได้สำเร็จคือ  ดาบเทพกษัตริย์ <King of sword>  นั่นเอง  ซึ่งดาบเล่มนี้ได้ใช้เวลายาวนานถึงสิบสี่ปี  มีคำกล่าวว่าดาบเทพกษัตริย์นั้นได้รับพรจากมหาเทพบิดร  ซึ่งทำให้ดาบเล่มนี้มีความแข็งกล้ากว่าดาบทุกเล่มบนผืนแผ่นดิน  ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามบนโลกแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดที่ดาบจะตัดไม่ขาด  รวมถึงพรแด่สายเลือดแห่งจอมกษัตริย์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ดาบเล่มนี้ได้  มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์ราชันย์ในกาลต่อมา 

          ส่วนอาวุธชิ้นที่สองที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาสำเร็จคือธนูคันใหญ่เล่มหนึ่งหลังจากตีดาบเสร็จอีกสี่ปีต่อมา  กลุ่มนายช่างหลวงเรียกธนูคันนั้นว่า  ธนูดับแสงสุริยัน  <Bow of  killer Sunshine>  ส่วนธนูคันนี้นั้นได้รับพรจากองค์เทพีสงคราม  มูนาเอลล์ <Munaelle>  บุตรีคนโตของมหาเทพบิดร และ มหาเทพมารดร  ซึ่งนางประสูติหลังจากที่องค์มหาเทพได้ขับไล่บุตรชายออกมาจากสวนสวรรค์แล้ว  นางได้กล่าวพรไว้ว่า  ธนูคันนี้จะยิงเข้าเป้าเสมอ  และยิงศรด้วยสายลม  และสามารถยิงไปได้ไกลนับ 100 ควอเนล  ซึ่งองค์ราชาได้ส่งทูตสันตวไมตรีไปเชื่อมความสัมพันธ์กับราชาแห่งเผ่าพันธุ์เอลฟ์พร้อมกับนำธนูคันนี้ไปมอบแด่ราชาเอลฟ์เพื่อเป็นของเชื่อมไมตรีแก่สองเผ่าพันธุ์  ราชาเอลฟ์ผู้นั้นได้ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับของกำนัลชิ้นนี้  ก่อนที่จะขอพรจากองค์มหาเทพมารดรต่อว่า  ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใดก็ตามที่แตะต้องธนูคันนี้  หากไม่มีสายเลือดแห่งเอลฟ์ที่เข้มข้น  ขอให้มันผู้นั้นได้รับแต่หายนะตลอดกาล  และธนูคันนั้นจึงกลายเป็นศาสตราวุธประจำเผ่าพันธุ์เอลฟ์ทันที

          ชิ้นที่สามที่สร้างสำเร็จคือพลองทองคำที่แกะสลักรูปมังกรทองพันรอบทั้งตัวอย่างสวยสดงดงาม  ถูกหลอมสำเร็จขึ้นหลังจากธนูเพียงหนึ่งปี  แต่สิ่งที่ทำให้ช่างหลวงทุกนายต้องหวาดกลัวศาสตราชิ้นนี้นั้นเพราะว่า  วันที่สร้างขึ้นมาสำเร็จได้สังเวยชีวิตช่างหลวงไปถึงสามสิบคน  อาวุธชิ้นนี้จึงกลายเป็นอาวุธต้องสาปชิ้นแรก  และจอมราชันย์ได้เรียกมันว่า  เครเวียร์นาร์  <Crevearnar>  หรืออีกชื่อว่า จันทราเสี้ยวสังหาร  <Half moon Murder>  เครเวียร์นาร์ได้ถูกกลุ่มหัวขโมยลักลอบออกไป  จนกลายเป็นเพียงยอดศาสตราที่สาบสูญเท่านั้น

          เครเวียร์นาร์  มีอำนาจลึกลับมากมายมหาศาล  รวมทั้งความสามารถแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ซึ่งขัดกับความเป็นจริงอย่างมาก  รวมถึงน้ำหนักที่มากถึง 160 โมนาเรล  <1 โมนาเรล = 4.3 กิโลกรัม>  จนกล่าวได้ว่าไม่มีมนุษย์ตนใดสามารถใช้ได้แม้แต่น้อย  แต่ทว่ามีนักปราชญ์ผู้หนึ่งได้กล่าวไว้ว่า  วันใดที่ราชอาณาจักรล่มสลาย  จันทราเสี้ยวจะปรากฏพร้อมกับผู้ครอบครองมันหลังจากนั้นอีก 130 ปี  อำนาจจะแปรเปลี่ยนตามผู้ครอบครอง  และคนผู้นั้นจะกลายเป็นขุนศึกผู้เคียงข้างจอมราชันย์แห่งอาณาจักรใหม่ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าเดิมทีเดียว  เพียงคำพูดของนักปราชญ์ผู้นี้ที่คุยกับลูกศิษย์นั้นกลับแพร่กระจายไปทั่วในเวลาชั่วข้ามคืน  ทำให้จอมราชันย์ในยุคนั้น  รูนเฟเรียร์ หรือ เครย์มอร์ที่ 3  ถึงกับกริ้วหนัก  จึงสั่งให้ทำการประหารนักปราชญ์ผู้นี้เสยทันที  และคำกล่าวนั้นได้กลายเป็นคำทำนายครั้งแรกของโลกไปทันที

          ศาสตราวุธคู่สุดท้ายนั้น  จอมราชันย์ได้สั่งให้นายช่างหลวงหล่อหลอมขึ้นมาเพื่อหักล้างอำนาจของจันทราเสี้ยว  บรรดานายช่างทั้งหลายจึงระดมกำลังกันเพื่อสรรค์สร้างขึ้นมา  ศาสตราวุธคู่สุดท้ายถูกหลอมขึ้นมาเป็นมีดสั้นคู่หนึ่ง  เล่มหนึ่งนั้นมีด้ามจับเป็นสีเขียวนิล  ใบมีดสีเงินถูกแกะสลักด้วยคำว่า  โครเนียร์  <Cronear> ส่วนอีกเล่มนั้นมีด้ามจับสีแดงฉานดุจสีเลือด  ใบมีดสีดำหม่น  ถูกแกะสลักว่า  โครนอส  <Cronos>  โครเนียร์มีอำนาจมากมายสุดหยั่ง  มันสามารถสั่งลมฟ้าฝนได้ตามใจผู้ครอบครอง  ส่วนโครนอสนั้นกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง  อำนาจของมันนั้นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้  แต่สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นคือหากโครเนียร์และโครนอสถูกแยกกันครอบครองแล้ว  โครนอสจะสลายอำนาจของโครเนียร์จนสิ้น  แต่อำนาจอื่น ๆ ของมันยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้  มีผู้คนคาดเดาว่า  เมื่อโครเนียร์ควบคุมธรรมชาติได้  กระนั้นโครนอสคงสามารถควบคุมสรรพสัตว์ได้กระมัง  แต่มันก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้นเอง  จอมราชันย์จึงสั่งให้สร้างปลอกเก็บมีดคู่นี้ไว้ด้วยกัน  แล้วเรียกมันว่า  มีดคู่ราชันย์   <Emperror  Duel Dagger> 

    ศาสตราวุธทั้งสี่นั้นได้สูญหายไปหนึ่ง  จึงคงเหลือเพียงสามเท่านั้น  ผู้คนจึงเรียกจันทราเสี้ยวว่า  เทพศาสตรามายา  และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันหายไปอยู่ที่ใด  และใครเป็นผู้ขโมยมันออกไป...

    ศาสตราวุธทั้งสี่นั้นได้สูญหายไปหนึ่ง  จึงคงเหลือเพียงสามเท่านั้น  ผู้คนจึงเรียกจันทราเสี้ยวว่า  เทพศาสตรามายา  และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันหายไปอยู่ที่ใด  และใครเป็นผู้ขโมยมันออกไป...

    ศาสตราวุธทั้งสี่นั้นได้สูญหายไปหนึ่ง  จึงคงเหลือเพียงสามเท่านั้น  ผู้คนจึงเรียกจันทราเสี้ยวว่า  เทพศาสตรามายา  และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันหายไปอยู่ที่ใด  และใครเป็นผู้ขโมยมันออกไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×