ตอนที่ 20 : หาวัตถุดิบปรุงยา (2) 100%
“ แล้วของพวกนี้อ่ะ เอามาไม ” คำถามจากองค์ชายหนุ่มของโลนิคพลางหันไปมองของรอบๆ ตัวที่ดูน่าสงสัยทั้งนั้น ขวดแก้ว ขวดเหล้า แก้วเหล้า น้ำผลไม้ มีด ขวดยา และขวดแก้วขนาดเล็กที่ใส่น้ำสีต่างๆ อีกมากมาย
“ ของใช้น่ะ เดี๋ยวคอยดูแล้วกัน ” คำตอบที่ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจอะไรมากขึ้นจากองครักษ์หนุ่มผมฟ้าทำให้ปราชญ์หนุ่มต้องขมวดคิ้ว
เอเรียสทีกำลังนั่งจิบ Absin เข้าไป 3 ขวด ไม่ทราบคอพี่แกทำด้วยอะไรหลังจากนั้นก็ต่อ Hapsburg ไปอีก 2 ขวดและถ้าเขาไม่ห้าม สงสัยว่าจะมีต่อไป
“ น่าจะได้แล้วมั้ง ” เสียงบอกจากเด็กหนุ่มที่นั่งจิบเหล้าราวกับน้ำเปล่ามาเกือบ 2 ชั่วโมงหลังจากที่กินมาข้างล่างอีกก็มากทำให้เพื่อนรวมโต๊ะอยากเอาขวดตีหัวตัวเองตาย
‘ ไอ้บ้าเอ้ย แกจะดื่มอะไรนักหนา ขนาดนี้มันเกินพอเว้ยไม่ใช้พอได้ ’ เสียงบ่นจากกาโอที่ดูจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับน้ำหวาน ( เนอะ ) ที่ดื่มเข้าไปเลย
ร่างที่เลิกดื่มน้ำเมาเปลี่ยนมาหยิบมีดแทนก่อนจะตวัดผ่านข้อมือซ้ายของตนทำให้เลือดไหลออกมามากเสียจนน่ากลัว
“ เฮ้ยๆ ต้องขนาดนั้นเชียวหรอ ” เสียงโวยอย่างตกใจจากกาโอที่หันมองคนบ้า( หรือป่าว ) ที่กำลังมองเลือดตัวเองไหลอย่างใจเย็นก่อนจะนำขวดแก้วมารองเอาไว้
“ ทำไมเลือดนายถึง….. " กาโอเอ่ยถามอีกทั้งยังตาเบิกขึ้นจ้องเขม็งไปทางขวดใสที่บัดนี้มีน้ำสีทองอยู่เกือบครึ่งขวด! เอ๋ทองหรอ!!! ทำไมถึงทองหล่ะ
“ นี่ไงเลือดบริสุทธ์ที่เราต้องการ เลือดที่ว่านี้ต้องผ่านการดึงเอาพลังออกมาโดยใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวหน่วงพลังให้อยู่ในเลือดเสียก่อน ” เสียงอธิบายจากเทพหนุ่มที่มองเลือดสีทองของตนไหลออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่ตอนนี้เริ่มมีอาการซีดเพราะเสียเลือดมากทั้งที่เลือดเพิ่งออกไปได้ไม่มากเท่าไหร่
“ หน้านาย…ทำไมซีดล่ะ เพิ่งเสียเลือดไปนิดเดียวเอง หรือว่านายกลัวเลือด ” กาโอถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากเอเรียสที่ตอนนี้รองเลือดมาได้เกือบค่อนขวดแล้ว
“ การสกัดเลือดบริสุทธิ์ออกมาทำให้เสียพลังมากกว่าใช้เวททั่วไป มันก็เลยไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ ” เสียงอธิบายจากเอเรียสที่หน้าดูซีดหนักขึ้นแถมเสียงที่อธิบายก็ค่อยๆ เบาลงจนกาโอชักเริ่มใจเสีย
“ นายไหวแน่นะ ” องค์ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ก็ได้คำตอบแค่ส่ายหน้าเฉยๆ
“ เอาล่ะพอแล้ว ” คำบอกจากองค์รักษ์ผมฟ้าที่บอกพลางหยิบฝาไปปิดขวดที่มีน้ำสีทองวาวอยู่เกือบเต็มขวด
แล้วเอเรียสก็เอื้อมมือไปหยิบน้ำผลไม้มาก่อนจะเทน้ำสีต่างๆ มากมายลงไปแล้วกระดกทีเดียวหมดแก้ว
“ น้ำผลไม้ผสมน้ำสมุนไพรนิดหน่อย ช่วยทำให้พลังบริสุทธ์ฟื้นมาเร็วขึ้น ” เสียงอธิบายจากเอเรียสหลังจากที่ดื่มน้ำผลไม้สูตรพิเศษเสร็จแล้วพร้อมกับถอดแหวนมรกตที่นิ้วกลางข้างขวาออก ทำให้ใบหน้าที่เคยซีดกลับมามีสีได้อีกครั้ง
“ กลับกันเถอะ เราได้ของที่ต้องการแล้ว ” ว่าแล้วร่างนั้นก็ลุกขึ้นอย่างกระทันหัน! ทำให้เกิดอาการเซเล็กน้อยทำให้กาโอต้องเข้ามาประคอง
“ อย่าฝืนเลยพักสักคืนให้ดีขึ้นก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวค่อยกลับพรุ่งนี้ก็ได้ ใกล้แค่นี้ 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ” กาโอว่าพลางพยุงร่างที่ดูไร้เรี่ยวแรงไปที่เตียงก่อนจะปล่อยให้นั่ง ก่อนจะลงไปหาอะไรกินพร้อมทั้งซื้อขึ้นมาเผื่อให้กับคนที่พักอยู่ที่ห้องด้วย
“ ฮะ!! นายว่าไงนะ! ” เสียงตะโกนจากสาวน้อยผมชมพูที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาได้ไม่นานถามหนุ่มน้อยผมแดงข้างๆ
“ ก็อย่างที่เพื่อนเจ้าบอกนั่นแหละ เจ้าก็รู้กฏอยู่แล้งใครที่จะเอาเพอริดอตไปได้จะต้องประลองกับยมทูตคนปัจจุบันก่อน แต่ในกรณีนี้เจ้าเป็นคนมาเอาเพราะฉะนั้นพวกเจ้าต้องประลองกับข้า! ” ชายแก่ข้างๆ ตอบทำให้สาวน้อยหันมาเถียงแทบไม่ทัน
“ แต่ว่า ใครจะสู้ท่านได้ในเมื่อท่านเป็น...... ”
“ ฉันจะเป็นคนสู้เอง ” คำตอบจากชายหนุ่มข้างๆ ทำให้สาวน้อยตาเบิกขึ้น
“ นายจะบ้าหรอซาเวียร์ เขาเป็นถึงเทพแห่งความตายเชียวนะ แล้วที่นี่ก็เป็นทางเข้าสู่ยมโลก นายคิดว่าจะสู้กับเขาหน้าบ้านเขาเนี่ยนะ ” คำด่าจากสาวน้อยข้างๆ ทำให้ซาเวียร์เบนสายตาไปทางชายแก่ข้างๆ ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย
ซาเวียร์ที่แยกตัวออกมานั่งเล่นอยู่ที่สวนเพื่อทำสมาธิกับสิ่งที่กำลังจะเจอ
‘ เฮ้อออออออ ไม่น่าไปหาเรื่องเลย จะเอาไรไปสู้เนี่ย ’ แล้วเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือกพอดีกับที่มีแขกมา
“ ว่าไงมานั่งอยู่นี่เอง นั่งด้วยคนนะ ” อาเรียเข้ามาทางด้านหลังพร้อมรอยยิ้มสดใสเอ่ยก่อนจะนั่งลงไปโดยไม่รอคำตอบสักคำ แต่ตอนนี้ซาเวียร์เองก็ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ๊แกค่อยๆ หายไป
“ กังวลอยู่หรอ ” เสียงถามที่แฝงความเป็นห่วงจากซาเวียร์ทำให้อาเรียต้องหันมามอง
“ อืม ฉันว่าเราลองคุยกับเขาดีๆ ก่อนดีกว่า ” อาเรียเสนอแนะ แต่ก็ถูกปฏิเสธจากชายหนุ่มตรงหน้า
“ ฉันลองคุยแล้วตอนที่เธอหลับอยู่ ฉันคุยกับเขาหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน เขายื่นคำขาดว่าถ้าไม่ประลองก็อด ไม่ต้องห่วงหรอกฉันเอาอยู่น่า ” คำอธิบายจากซาเวียร์ที่แถมท้ายมาแซวเล็กน้อยทำให้ร่างบางข้างๆ หน้าขึ้นสีเล็กน้อย
“ ใครห่วงนาย ฉันแค่คิดว่าอย่างนายเอาชนะท่านฮอเลโซ่ไม่ได้หรอก ” อาเรียที่พยายามทำหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นก่อนเดินจากไป
“ ฮึๆ ” เสียงหัวเราะน้อยๆ ของซาเวียร์เกิดขึ้นแทบทันที ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้เดินจากไปแล้วอาจไม่ได้ยินมันก็เถอะ แต่กลับทำให้คนหัวเราะมีกำลังใจขึ้นมาอีกเป็นกอง
ดวงตาสีแดงเพลิงหลับลงช้าๆ เพื่อพยายามซึมซับช่วงเวลาตอนนี้ไว้พลางนึกย้อนไปถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้นก่อนเธอคนนั้นจะตื่น
กลับไปตอนที่อาเรียยังหลับอยู่
“ ก็ที่ข้าเป็นทั้งผีและไม่ใช่ผีเพราะว่าข้าเป็นเทพแห่งความตายไง ” คำตอบจากชายชราทำให้ซาเวียร์ช็อคสนิท
“ ลุง..เอ่อ ท่าน ขออภัยที่เสียมารยาท ” คำขอโทษของซาเวียร์ที่มาพร้อมกับการคุกเข่าลงไปทำให้ เทพแห่งความตายผู้นี้พยุงขึ้นมาแทบไม่ทัน
“ เอาเถอะๆ เรียกฮอซก็ได้นะ แล้วพวกเจ้ามาที่นี่ทำไมหรอ ” คำถามจากชายชรา เอ้ย เทพชรา ( กำ ข้าไม่อยากเป็นเทพชราเว้ย เทพเฉยๆ ก็พอ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ : เทพชรา เอ้ย ไม่ใช่ เทพเฉยๆ ) ทำให้ซาเวียร์งง
“ อ้าว ยัยนั่นยังไม่ได้บอกท่านหรอคับแย่จัง ” ซาเวียร์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ พวกเราจะมาขอเพอริดอตของที่นี่ไปรักษาเพื่อนน่ะคับ ” คำตอบที่ดูธรรมดามากของซาเวียร์กลับทำให้เทพผู้นี้ดูแปลกใจ
“ เจ้ารู้หรือปล่าวว่าเพอริดอตจากที่นี่ต่างจากที่อื่นอย่างไร ” ฮอซหันมาถามน้องหัวแดงด้วยใบหน้าจริงจัง
“ ก็เอ่อ....ไม่รู้สิฮะ งั้นบอกผมหน่อยสิ ” คำตอบกับรอยยิ้มที่ดูซื่อ ( บื้อ ) ของเจ้าชายจากสกาไลต์ทำให้ท่านฮอซผู้นี้อยากตบหัวมันให้สมองแบะ
“ เพอริดอตของที่นี่ได้รับไอเวทจากแดนแห่งความตายเพราะฉะนั้นมันจะมีความสามารถในการต้านพิษที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมนุษย์ ” เสียงอธิบายของท่านเทพ ( ชรา ) ที่เดินไปหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมาจากพื้นก้อนจะบีบมันอย่างแรงทำให้ก้อนหินนั้นค่อยๆ ปริแตกจนเผยให้เห็นก้อนอัญมณีสีเขียวขุ่นขนาดเล็กที่อยู่ภายใน!
นัยต์ตาสีแดงเบิกขึ้นอย่างตกใจก่อนจะยื่นมือออกไปหมายจะคว้าไว้เสียแต่ว่าก่อนที่มือนั้นจะไปถึงเพียงนิดเดียว อัญมณีนั้นก็ถูกบีบอีกครั้งคราวนี้กลายเป็นผงสีเขียวใสวาวก่อนจะปลิวไปตามกระแสลมที่ไม่รู้มีได้ไงในเมื่ออยู่ในถ้ำลึกขนาดนี้
“ แต่การจะได้มันไปปกติต้องผ่านการทดสอบจากยมทูตคนปัจจุบันเสียก่อน ” ฮอซหันมากล่าวกับซาเวียร์ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้โซฟาที่อาเรียนอนอยู่
“ แต่อดันเรียเป็นยมทูตอยู่ไม่ใช่หรอคับ ” คำถามของเจ้าชายหนุ่มทำให้เทพผู้นี้ตวัดตาคมมาทำให้ตนถามสะดุ้งเฉือก
“ ก็ใช่ ในเมื่อนางที่เป็นผู้ที่คอยดูแลอัญมณีเป็นคนมาเอาเอง ข้าก็จะเป็นคนทดสอบให้เอง ” คำตอบจากชายแก่ทำให้ซาเวียร์เหนื่อยใจ
‘ แล้วจะไปสู้ไงฟะ อาเรียยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะนางก็เอาพลังมาจากคนๆ นี้ คนคิดแม่งโคตรเอาเปรียบเลย ’ ( พูดดีๆ ไอเจ้าชายบ้า คิดหน่อยดิใครเป็นคนคิดเดี๋ยวปั๊ด เปลี่ยนบทเลย! : ฮุๆ writerเองขอรับ ) เสียงบ่นในใจของซาเวียร์ทำให้เทพหนุ่มเหลือน้อยหน้าหงิก
“ ข้ายุติธรรมพอที่จะไม่ไปสะกดพลังของนางหรอกน่า ” เสียงบ่นปนงอนๆ จากฮอซทำให้ซาเวียร์อยากเข้าไปถีบกระบาลให้ลงไปนอนวัดพื้น
“ ข้ายังไม่ง่วงยังไม่ต้องมาถีบข้าลงไปนอน ” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เทพผู้นี้บอกออกมาโดยไม่มีคนถาม
“ ท่านอ่านใจคนได้! ” คำตอบปนแววตาตื่นๆ ขององค์ชายหัวแดงเรียกรอยยิ้มน้อยๆ จากคนที่อ่านใจได้
ฮอซที่กำลังจะออกไปจากห้องก็โดนชายหนุ่มในห้องขัดเสียก่อน
“ ท่านจะไปไหนน่ะ ”
“ ข้าว่าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เดี๋ยวนางก็ฟื้นแล้วข้าไม่อยากเป็นกขคใครบางคน ” คำตอบของผู้อาวุโสทำให้เจ้าชายจากสกาไลต์ไม่ใช่แค่ผมหรือดวงตาเท่านั้นที่แดง
“ หยุด!!! พวกเจ้าเป็นใคร มาจากไหน แล้วมาทำอะไรที่นี่ ” เสียงเข้มจากชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงินในมือถือหอก 3 ง่ามยาว 2 เมตรกว่าเห็นจะได้ แต่ดันมีหางปลา!!
ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายในชุดคลุมมีฮู๊ดปิดเกือบสนิทเผยให้เห็นใบหน้าเท่านั้นแต่ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นผู้ชายแน่นอนแถมดูท่าจะเป็นเด็กเสียด้วย
“ อ่า ข้าชื่อซานัส ข้ามาจากเทียร่ามาเยี่ยมเพื่อนน่ะ ส่วนข้างหลังนี่เพื่อนข้าเองชื่อฟรอนเทียร์ ” เด็กหนุ่มคนหน้ากล่าวก่อนจะหันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าทหารยามคนนี้ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จึงล้วงสร้อยคอออกมาทำให้ทหารคนนั้นพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้เดินไป
สร้อยเส้นนี้คือหยาดโลหิตแห่งภูตเป็นเส้นสร้อยทำด้วยเส้นไหมสีเงิน ประกอบด้วยไข่มุกสีขาวนวล 2 เม็ดตรงกลายเป็นอความารีนรูปหยดน้ำน้ำงาม สร้อยเส้นนี้เป็นเครื่องประดับที่จะมอบให้แก่ทารกผู้มีสายเลือดของภูตน้ำทุกคน เป็นเหมือนเครื่องหมายของภูตน้ำก็ว่าได้ แต่จริงๆ แล้วใช้เป็นเครื่องรางของพวกเขาเหล่าภูตน้ำเฉยๆ
“ อืม งั้นหรอ เดี๋ยวอีก 2 - 3 วันจะมีงานเทศกาลอย่าลืมอยู่เที่ยวล่ะ ” เสียงที่ฟังดูเป็นมิตรมากขึ้นมากๆ กล่าวก่อนจะปล่อยให้เดินเข้าไป ยังมิวายหันมาชวนไปเที่ยวอีกแน่ะ
“ ขอบคุณสำหรับคำชวนคับ แต่พวกเราอยู่นานไม่ได้เพราะเรามีธุระต้องไปทำต่อ ไม่น่าเกิน 2 วันก็ว่าจะกลับแล้ว ” เสียงตอบที่แฝงรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรทำให้ยามคนนั้นไม่ได้ติดใจอะไรปล่อยให้ 2 หนุ่มเข้าไปตามปกติ
“ เอาล่ะ เข้ามาได้แล้ว เอาไงต่ออะ ” ฟรอนเทียร์หันมาถามพลางมองไปรอบๆ เมืองที่ดูจากภายนอกไม่ใหญ่มากนักแต่ภายในกลับคึกคักมาก ดูๆ แล้วที่นี่หน้าจะเป็นตลาดขายของหลายอย่างอยู่ แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นพวกผักซะมากกว่า
“ เราก็ต้องไปหาที่พักกันก่อน แล้วจึงไปหาข้อมูลกับเส้นทางกัน แล้วกลับมาวางแผนกันคืนนี้ พรุ่งนี้เราจะลงมือ! ” ซานัสกล่าวก่อนจะเดินนำเข้าหาฝูงชนไปเพื่อให้ไม่เป็นที่สังเกตมากนัก
“ ว่าแต่มนตร์นี้ทำไงวะสอนมั่งดิ ” ฟรอนเทียร์หันมาถามอย่างสนใจ เพราะไอ้มนตร์บทนี้แท้ๆ ทำให้เขาไม่ต้องใช้ฟองอากาศนั่นแล้ว แถมยังคุยได้ด้วย
“ ความลับทางสายเลือดบอกไม่ได้หรอก ” คำตอบของคู่หูข้างๆ ทำให้ผู้ใฝ่รู้ได้แต่ถอนหายใจแต่ก็เลิกเซ้าซี้ไป
“ คาเรโอะจ้า คาเรโอะสดๆ เพิ่งมาเมื่อเช้าเอง " " น้ำตาวิหคถูกๆ จ้า ” “ อาวุธราคาถูกมาแล้วครับ สนใจแวะเข้ามาดูก่อนได้ ” และเสียงอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดจากพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายตะโกนเรียกลูกค้ากันไปทั่ว
“ โอ๋ๆ อันนี้น่ากินวะ เห้ย อันนู้นก็น่ากินนะเว้ย แม้แต่อันนู้นก็น่ากิ.. ” ซานัสที่ทำตัวเหมือนเด็ก 5 ขวบมาเดินตลาดกับพ่อแม่ชักทำให้คุณพ่อจำเป็นเริ่มหัวเสีย จึงต้องให้มือคนอารมณ์ไม่ดีไปรองท้องก่อน
“ ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะเอาส้นตีนเนี่ยแหละให้กิน ” คุณพ่อดุ๊ดุทำเอาเด็กน้อยเงียบเดินหงอเป็นลูกหมาอดกระดูก
“ ขอโทษนะคับไม่ทราบว่าที่นี่มีที่พักเหลือบ้างไหมคับ ” ซานัสหันไปถามหญิงแก่ที่น่าจะเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ซึ่งคำตอบก็ทำให้เจ้าตัวเริ่มเบื่อเพราะต้องได้ยินมาเกือบ 20 รอบแล้ว
“ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ห้องพักเต็มหมดแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวจะมีงานเทศกาลทำให้คนมาพักมีเยอะมากเลยล่ะ ” หญิงชราที่กล่าวด้วยใบหน้าดูเสียดายเล็กน้อยที่ต้องอดลูกค้าไปแต่ก็คงไม่เป็นไรเพราะลูกค้ามันเต็มนิ
“ ไม่เป็นไรฮะ ขอบคุณมากนะฮะ ” แล้วเจ้าตัวก็ได้แต่เดินออกจากโรงแรมไปเพื่อไปหาที่ต่อไป
เวลา 2 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนเป็นนิยาย ( ก็เป็นนิยายไม่ใช่หรอ ) 2 หนุ่มที่เดินหาที่พักกันมานานก็ยังไม่อาจหาที่พักได้ แต่ก็ยังคงต้องหากันต่อไปเพราะไม่งั้นคงไม่รู้จะนอนที่ไหน
“ กรี๊ดดดดด ปล่อยนะ ” เสียงแหลมชวนแสบแก้วหูเรียกความสนใจจาก 2 หนุ่มที่บังเอิญอยู่ใกล้ๆ ให้ตามเสียงนั้นเข้าไป รอบๆ ก็ว่างเปล่าเพราะเดินแยกออกมาค่อนข้างไกลจากตลาดกลางแล้วคนจึงน้อยลงตามด้วย
ภายในตรอกมืดๆ ตรงหน้าปรากฏร่างของชายร่างโต 2 คนกับสาวน้อยในชุดน้อยชิ้นที่กำลังโดนล็อคคอแถมยังโดนโลมเลียทางสายตาอยู่
“ บอกแล้วไงว่าถ้าทำงานดีๆ ก็ไม่ต้องลำบากแบบนี้ อยากหาเรื่องก็ต้องได้เรื่อง ” เสียงแปร่งๆจากบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาใหม่ทำให้อีก 2 หนุ่มแทบลมจับ
ร่างของผู้มาใหม่เป็นคน เอ้ย ครึ่งคนครึ่งปลา แต่ขนาดตัวนี่สงสัยจะมีปัญหา ด้วยความสูงเกือบ 140 เห็นจะได้ทำให้ความน่ากลัว ( ว่าจะไม่โต ) พุ่งทะลุปรอท
“ ฮึ ฉันไม่ทำหรอก ว้ายยยยยย ทำอะไรน่ะ ” ร่างบางที่พยายามดิ้นขัดขืนเต็มกำลัง ปากก็พร่ำบ่นด่าตลอดไม่หยุด
“ เห้ย ไอ้เตี้ย ปล่อยผู้หญิงไปซะดีกว่า ” ซานัสว่าก่อนที่จะวิ่งเข้าไปถีบชายคนที่ล็อคคอสาวน้อยอยู่ออกไป ส่วนฟรอนเทียร์ก็ซัดอีกคนลงไปนอนนับดาวเล่นสักพัก
“ เฮ้ย ไอ้หนู พวกแกเป็นใครวะ ไม่ใช่คนแถวนี้ด้วย อย่ามาสะเออะดีกว่า ” ไอ้เตี้ยคนนี้ว่าก่อนที่จะเรียกลูกน้องออกมาอีก 2 คนรวมกับที่โดนซานัสถีบไปรวมเป็น 3 ส่วนที่โดนฟรอนเทียร์ซัดก็ยังนอนนับดาวอยู่
“ แล้วแกทำไรอยู่ล่ะ ไอ้เตี้ย ” ฟรอนเทียร์ที่ย่างเข้ามาหาทีละน้อยพูเขึ้น ทำให้ความสนใจจากทั้ง 4 เหไปนั้นทันที
“ มันก็เรื่องของข้ามันไปเกี่ยวกับเจ้าตรงไหน ” คนถูกถามตอบได้ตรงประเด็นสุดๆ ทำให้คนมาช่วย ( แกล้ง ) ทำหน้าตาตกใจสุดฤทธ์
“ พอดีมันมาเกี่ยวกับปลายเท้าข้าน่ะ แล้วมันไปเกี่ยวกับแกตรงไหนวะไอ้ฟรอน ” ซานัสตอบไปอย่างกวนๆ แถมยังหันไปถามคนข้างหลังอีก
“ ก็พอดีมีขยะขี้ฝุ่นมาเกี่ยวปลายลูกตาข้าว่ะ แล้วแกมีปัญหาตรงไหนวะไอ้เตี้ย ” คู่หูที่มาด้วยกันรับได้อย่างเหมาะเจาะทำให้น้องเตี้ยหน้าแดง
“ พวกแกจะอะไรนักหนาวะ ข้าเตี้ยแล้วมันไปหนักสมองส่วนไหนของพวกแกไม่ทราบ ” คนที่ถูกว่าเตี้ยชักเริ่มเดือดตวาดกลับไป ทำให้ซานัสเผยอรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ ก็หนักซีรีบรัมพวกข้าไงไอ้พวกโง่ ” คู่หูด้านหลังตอบกลับไปอย่างรู้ใจคนข้างหน้า
“ ฮึ้ยยยยย พวกแก จัดการมัน ” สิ้นคำสั่งคนตัวเตี้ย ชายร่างโต 3 คนก็เข้าจัดการทันที
แต่ก่อนที่ทั้ง 3 จะถึงตัว ร่างที่กำลังพุ่งเข้ามาก็หยุดนิ่งราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาล็อคเอาไว้
“ ฮึๆ พวกแกคิดจะทำอะไรพวกเรางั้นหรอ ” คำถามที่แฝงความน่ากลัวเอาไว้ของฟรอนเทียร์ทำให้ทั้ง 3 เริ่มใจเสีย แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสืออยู่
“ คิดว่าแค่นี้จะเอาพวกเราอยู่หรอ ” เสียงถามจาก 1 ใน 3 บุคคลที่ยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะสำเร็จทำให้ซานัสหัวเราะ
“ งั้นพวกนายก็เลิกดิ้นเป็นปลาขาดน้ำได้แล้ว จากนั้นก็มาจัดการฉันซักทีเซ่ ” พ่อลูกครึ่งท้าทายอย่างชัดเจน นั่นยิ่งทำให้ทั้ง 3 ดิ้นกันหนักขึ้น ( สงสัยจะอยู่ในผับ ) แต่ความพยายามก็ไม่เป็นผลเพราะดิ้นยังไงมันก็ไม่หลุดออกเสียที
“ ได้ ในเมื่อพวกนายไม่เข้ามาฉันจะเป็นไปหาเอง!!! ” คำพูดที่แสนน่ากลัวกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงร้องที่ฟังดูโหยหวนไม่ต่ำกว่า 5 เสียงที่ทำให้หัวใจคนฟังหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
กลับมาแล้วคับสำหรับผมคนเดิม วันนี้มาตามสัญญาที่ให้ไว้คับ 100% แล้ว อัดแน่นความสนุกมามอบให้ reader ทุกคนด้วย อย่าลืมมาติดตามกันนะคับ ติชมกะไร writer ก็ยินดีคับ แต่อยากให้บอกกันบ้างอะไรไม่ดี writer จะได้แก้ไขให้ดีขึ้นนะคับ ขอบคุณล่วงหน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อัพต่อไวๆๆๆๆ>_<
เข้าใจอารมณ์เหมือนอยุ่ตลาดเลยแฮะ 5555
แล้วมาอัพต่อไวๆนะคะ
พยายามเข้าค่ะ
สู้ๆเข้าน่ะ