ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Faith of the Liora

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 มาดามโอลิเวีย : Chapter 3 Madam Olivia

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 56


    บทที่ 3 มาดามโอลิเวีย : Chapter 3 Madam Olivia         


              “ซู้ดดด
    ” เอมิลี่กำลังซดซุปครีมเห็ดของมิสวิลโลวในชามจนเกลี้ยง “อืม อร่อยจัง ถ้าเราต้องรัดเข็มขัด จะมีอาหารอร่อยแบบนี้ไหมนะ”

    เธอพึ่งได้พักกลางวันหลังจากต้องคอยดูแลเด็กๆ รับประทานอาหารให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้น เธออาจจะต้องทำความสะอาดซุปบนเพดานก็เป็นได้ เด็กๆมักจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดเสมอๆ

    “ซุปครีมเห็ดดูน่ากินดีนะ” เสียงคุ้นหูดังมาจากบนหัวเอมิลี่ เป็นเสียงของแมวสีขาวตัวเดิม ซึ่งกำลังลอยอยู่

    “แกอีกแล้วหรือ” เอมิลี่ไม่สบอารมณ์ เธอรู้สึกว่าเห็นภาพหลอนอีกแล้ว

    “แหม จริงๆฉันว่าเธอควรจะใช้สรรพนาม “เธอ” กับฉันหน่อยนะ เรียกแกมันไม่ให้เกียรติกันเลย” เจ้าแมวแนะนำ

    “อ่า แก เอ๊ย เธอเป็นภาพหลอนของฉันหรือ” เอมิลี่ถามด้วยความสงสัย

    “ตายและ ฉันก็มีตัวตนนะยะ” มันตอบ “ฉันมีชื่อว่าวินเทอร์ เป็นแมว เธอดูก็รู้นี่ ใช่ไหม แต่ฉันไม่ใช่แมวธรรมดา ฉันเป็นแมวที่ พิเศษ เอด เอด เอด”

    “เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือ” เอมิลี่เข้าเรื่อง

    “เอมิลี่ เอมิลี่ เอมิลี่ เธอรู้ตัวไหมว่าเธอเป็นคนที่พิเศษ”

    “พิเศษตรงไหน ฉันบินไม่ได้นี่ ใช่ไหม”

    “การบินได้ไม่ใช่เรื่องพิเศษของเธอสักหน่อย”

    “แล้วไอ้เรื่องที่พิเศษน่ะ มันคืออะไรล่ะ” เอมิลี่ถาม

    “มันก็ออกจะอธิบายยากหน่อยนะ ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่หางฉันมันมาบอกว่าเธอใช่” มันอธิบาย

    “อ่าว ซะงั้น พวกต้มตุ๋นหรือเปล่าเนี่ย”

    “โถ่เอ๊ย ฉันรู้ว่าเธอน่าจะมีข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว หางฉันมันฟ้อง” วินเทอร์เล่า “แล้วฉันก็ไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎด้วย”

    “ฉันจะเชื่อได้เหรอ” เอมิลี่รู้สึกไม่เชื่อ

    “ไว้เธอจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างเอง ตามฉันมาสิ”

    “ไปไหนหรือ” เอมิลี่ถาม

    “ไปช่วยฉันจัดการเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้อง” วินเทอร์ตอบ ด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาก จนดูน่ากลัว

    “โว่ว โว่ว โว่ เดี๋ยว ทำไมต้องเป็นฉัน” เอมิลี่ถามคล้ายจะปฏิเสธ

    “ก็ ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าเธอเป็นคนพิเศษ เอด เอด เอด” เวลาที่วินเทอร์พูดคำว่า คนพิเศษ จะมีเสียงเอคโค่ดูตลกดี

    “แต่ไม่มีคนอื่นแล้วหรือ”

    “มีแค่เธอ เธอคนเดียวเอมิลี่ ที่จะทำให้เรื่องมันเข้าที่เข้าทาง”

    “แต่ฉันมีงานต้องทำนี่” เอมิลี่ต่อรอง เอต้องเล่านิทานตอนบ่าย และดูแลเด็กๆอีก

    “ฉันรู้ๆ ฉันจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว เธอสบายใจได้” วินเทอร์พูดให้เอมิลี่สบายใจ

    “หาเธอทำอย่างไรน่ะ”

    “เดี๋ยวค่อยบอกก็แล้วกัน (ถ้าไม่ลืม) ตาฉันมาก่อน” วินเทอร์พูดสีหน้าจริงจัง

    “ก็ได้แต่เธอต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังก่อน”

    “เฮ่อจับหางฉันไว้” วินเทอร์ยื่นหางให้เอมิลี่

    “จับทำ” เอมิลี่ถาม และจับหางของวินเทอร์ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ทุกอย่างก็หลอมเหลวเหมือนน้ำแข็งละลาย ตัวเอมิลี่หมุนวนในอากาศ ทำให้รู้สึกน่าเวียนหัว เธอหลับตาปี๋

    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!” เอมิลี่ตะโกนคล้ายจะโวยวาย “ฉันกินชามากไปแน่ๆเลย เทพเจ้าชาคะ อย่าลงโทษฉันเลยนะ”

    “ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงของวินเทอร์ก้องในหัว “เธอแค่กำลังเดินทางเข้าไปในความทรงจำของฉัน”

    “ไม่มีทางที่ราบรื่นกว่านี้แล้วหรอ ทางปกติๆน่ะ” เอมิลี่ร้องเสียงหลง

    “เอาน่า ลืมตาได้แล้ว เธอถึงแล้ว”

    เอมิลี่ค่อยๆลืมตาขึ้น เธอพบว่ายืนอยู่ในบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง เธอมองไปรอบๆ มันเป็นบ้านที่ข้าวของส่วนใหญ่มีแต่สีขาว  ผนังบ้านดูเหมือนท้องฟ้ายามราตรี มีแสงสว่างจากเชิงเทียนที่ดูเก่าแก่ บนผนัง กลางห้องมีโต๊ะและเก้าอี้สี่ตัว ซึ่งมีคนสองคนกำลังนั่งอยู่ ที่นี่ดูเหมือนวิมานเมฆเลย

    “ข้าขอฟังข่าวดีก่อนละกัน”

    “ข้าเจอกระดิ่งนั่นแล้ว”

    คนสองคนนั้นกำลังคุยกัน เอมิลี่รู้สึกคุ้นกับบทสนทนานี้ เธอจำได้ว่าเคยฝันถึงมัน แต่จำรายละเอียดไม่ได้เท่าไหร่ ปกติคนเรามักจะลืมฝันเมื่อตื่นเป็นธรรมดา

    “แล้วข่าวร้ายล่ะ”

    “น้องเจ้าก็รู้แล้วเช่นกัน

    “อืมนั่นแย่มากนางอาจทำให้ใครบาดเจ็บอีก”

    “ยังไม่หมดแค่นี้ซานทาน่านางกำลังจะเสกวิญญาณห้วงน้ำ”

    ตอนนี้เอมิลี่รู้บทสนทนาที่ค้างไว้เมื่อตอนที่เธอฝัน

    “วิญญาณห้วงน้ำ!  เจ้าพวกนี้เลือดเย็นเกินไป พวกมันเป็นอันตรายมากเลยนะ”

    “จริงๆ มันเป็นคำสั่งของเสด็จพ่อ” ลูน่าพูดอย่างรู้สึกผิด

    เอมิลี่สังเกตที่ร่างของลูน่า เธอจำชื่อนั้นได้จากฝัน ลูน่าเป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณยี่สิบ ผมสีบลอนด์ออกเหลืองเป็นประกาย ถูกปล่อยตรงยาวจนถึงหลัง หน้าของเธอขาวนวลดูอ่อนหวาน ดวงตาสีน้ำตาลเฉียบคมดูหยิ่งยโส ปากสีชมพูอ่อนออกซีด ชุดของเธอเป็นชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนเอวคอดกิ่วคล้ายพวกเคาน์เทสชั้นสูง และมีผ้าคลุมไหล่สีขาวระยิบระยับ รอบตัวมีแสงออร่าสีเหลืองอ่อนราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์  ส่วนอีกคนคงเป็นโจเซลีน หญิงสาวอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับลูน่า แม้หน้าตาอาจไม่สวยเท่า แต่ดูอ่อนโยน และอบอุ่น ผมสีดำเงาอยู่ภายใต้หมวกสามเหลี่ยมมีขาวทรงสูง เธอคงจะเป็นแม่มดแน่ๆ หมวกมันฟ้อง เธอใส่ชุดกระโปรงคล้ายๆลูน่า แต่ไม่บานเท่า ชุดเป็นสีขาว มีสีฟ้าและสีทองแซม รอบตัวเธอเป็นกระกายระยิบระยับเหมือนละอองโทแพซสีฟ้า

    “แย่แน่ๆ พระองค์ทรงทำเกินไปแล้ว น้องข้าอาจตายได้” โจเซลีนกังวล

    “มีทางเดียวคือ เราต้องนำกระดิ่งมาให้ทันเวลา” ลูน่าเสนอ

    เอมิลี่งุนงงกับบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ไม่ทันที่เธอจะคิดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกดูดเข้าไปในดวงดาวดวงหนึ่งบนผนัง เอมิลี่กระพริบตาเพียงหนึ่งครั้ง เธอก็พบว่ากลับมาอยู่ที่หน้าแมววินเทอร์ในห้องรับประทานอาหารอีกครั้ง

    “ขอโทษทีนะ เส้นทางการเดินทางในความทรงจำฉันมันอออกจะน่าหวาดเสียวไปหน่อย” วินเทอร์พูด

    “คราวหน้าเธอเล่าให้ฉันฟังแทนดีกว่านะ” เอมิลี่เสนอความคิด “แล้วเมื่อกี้ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

    “พอดีเวลามันมีจำกัดน่ะ แต่ก็พอรู้แล้วใช่ไหม ว่าเราต้องนำกระดิ่งมาให้ทันเวลา” วินเทอร์ตัดบท

    “ไม่เลย พวกคนในนั้นใส่ชุดดูเก่าแก่ แสดงว่าเรื่องมันต้องเกิดมานานแล้วละสิ” เอมิลี่แย้ง “แล้วจะทำให้ทันเวลาอย่างไรกัน”

    “ใช่ ใช่ ใช่ เอมิลี่ เธอฉลาดมาก” วินเทอร์ตอบ “เราจึงต้องย้อนกลับไปแก้ไขมันไง”

    “แล้วเราจะทำอย่างไรละ เธอมีไทม์แมชชีนหรือ”

    “ไม่ ไม่ ไม่ เอมิลี่ ฉันไม่มีไทม์แมชชีน หรืออะไรทั้งนั้น”

    “อ้าว แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรละ” เอมิลี่ถามเหมือนผิดหวัง

    “เดี๋ยวเธอก็รู้ ฉันอยากเซอร์ไพรซ์เธอ” พูดจบ วินเทอร์ก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปที่ประตูหน้า

    “นี่มันเป็นฝัน หรือรายการอำกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย ประหลาดแบบนี้ไม่เคยเจอมาก่อน” เอมิลี่คิดในใจแล้วเดินตามวินเทอร์ออกไป

    วินเทอร์และเอมิลี่เดินออกจากสถานเลี้ยงเด็ก เดินเลียบถนนไปทางฝั่งตะวันตกของเมือง พวกเขาเดินผ่านโบสถ์เซนต์แมรี่ และสวนสาธารณะ เลี้ยวไปตามแยกต่างๆ จนมาหยุดที่หน้าตึกหลังหนึ่ง มันเป็นตึกเดี่ยวทำด้วยอิฐ ดูเก่าแก่กว่าสถานเลี้ยงเด็กเสียอีก ด้านหน้าตึกมีป้ายแขวนไว้ เขียนว่า “มาดามโอลิเวีย” สวนกุหลาบสีแดงสดด้านหน้าตึกดูสดชื่น และสวยงาม ราวกับถูกดูแลเป็นอย่างดี

    “กริ๊ง” วินเทอร์ดันประตูเข้าไป ทำให้กระดิ่งที่ติดไว้บนประตูสั่น เอมิลี่เดินตามเข้าไปติดๆ

    มันเป็นร้านขนม ด้านซ้ายของประตูเป็นเคาน์เตอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน ด้านข้างเป็นตู้แช่ เค้ก เอแคลร์ บานอฟฟี่  มาการูน บลูเบอร์รี่ชีสพาย และอื่นๆอีกมากมาย ด้านหลังเคาน์เตอร์เป็นตู้ลอยสำหรับเก็บจาน ชาม และแก้วน้ำ ส่วนด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อน มีเครื่องปั่น กระติกน้ำร้อน กระปุกกาแฟ ชา น้ำตาล ขวดน้ำหวานหลากสีสัน และท้ายสุดเป็นอ่างล้างจาน ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ ติดกับกระจก เป็นชั้นวางเบเกอรี่หอมกรุ่น ทั้งมัฟฟินช็อคโกแล็ตชิพ คุ้กกี้อัลมอนด์ชังก์ ซินนามอนบัน ฯลฯ ด้านขวาของประตูมีโต๊ะสีขาวเล็กๆ เหมือนโต๊ะในสวนสามโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีเก้าอี้สีขาวสองตัว บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้เล็กๆสีเขียว มีดอกกุหลาบสีแดงปักอยู่ ถ้าเอมิลี่ไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันมาแล้วเธอคงจะนั่งกิน บราวน์นี่ กับน้ำชายามบ่ายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเธอก็ตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อจะสั่งชาอยู่ดี

    “สวัสดีค่ะ” เอมิลี่เรียกหาพนักงาน แต่ก็ไม่มีใครขานรับ “สวัสดีค่ะ” เธอเรียกอีกรอบ

    “จ้า” เสียงหนึ่งตอบรับ ดังมาจากใต้เคาน์เตอร์ ซักพักก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา หน้าตาของเธอมีริ้วรอยเล็กน้อยตามวัย ผมสีน้ำตาลถูกมวยขึ้นด้านหลังและเก็บไว้ในตาข่ายสีดำ ชุดคล้ายแม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง

    “จะรับอะไรดีคะ”

    “เอา ชานมเย็นค่ะ” เอมิลี่ตอบหลังจากดูรายการเครื่องดื่มเสร็จแล้ว

    “จ๊ะ รอสักครู่นะ” เธอหันหลังไปชงชาให้เอมิลี่

    “สวัสดี โอลิเวีย” วินเทอร์พูดขึ้น หญิงคนนั้นหันกลับมามองแวบหนึ่ง

    “อ้าว ว่าไงวินเทอร์” โอลิเวียทักกลับ ทำให้เอมิลี่งุนงง “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

    “คุณรุ้จักแมวตัวนี้ ด้วยหรือคะ” เธอถามด้วยความสงสัยอย่างสุดซึ้ง

    “แหม เราออกจะซี้กัน ใช่ไหมวินท์” โอลิเวียตอบ ขณะตักน้ำตาลใส่แก้ว

    “ใช่แล้ว เอมิลี่ นี่โอลิเวีย โอลิเวีย นี่เอมิลี่” วินเทอร์แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน

    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เอมิลี่ยิ้ม

    “เช่นกันจ๊ะ” โอลิเวียยิ้มตอบ พลางยื่นแก้วชานมเย็นสีครีมให้เอมิลี่ “ฟรีจ๊ะ ของขวัญวันเข้าวงการรรรรรรรรร” เธอลากเสียงสูงแบบนักร้องโอเปร่าเสียงแหบ

    “ขอบคุณค่ะ แต่ว่า วงการอะไรหรือคะ” เอมิลี่รับแก้วชามาอย่างนอบน้อม

    “ก็วงการมายาไงล่ะ สาวน้อยเอมิลี่” โอลิเวียตอบ “จะมีสักกี่คนที่แมวอย่างวินเทอร์ยอมพูดด้วย”

    “มายา” เอมิลี่พึมพำ

    “ขอขัดจังหวะหน่อยนะ โอลิเวีย ฉันขอใช้สายด่วนกาลเวลาหน่อยสิ” วินเทอร์พูดตัดบท

    “สายด่วนถึงเวลาแล้วหรือวินเทอร์” โอลิเวียถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าดูแปลกใจ

    “ใช่ เอมิลี่คือผู้ถูกเลือก”

    “อืม งั้นตามฉันมา” โอลิเวียเดินเข้าไปทางหลังร้าน วินเทอร์กับเอมิลี่ที่กำลังดื่มชานมเดินตามเข้าไป

    โอลิเวียหยิบเชิงเทียนข้างผนังมาถือไว้ แสงสว่างลางๆจากเทียนทำให้พอมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว เอมิลี่สังเกตไปรอบๆ นี่คงเป็นห้องห้องหนึ่ง มีชั้นวางของมากมายเป็นแถวๆคล้ายห้างสรรพสินค้า พวกเขาเดินผ่านช่องตรงกลาง เอมิลี่มองที่ด้านข้าง มันคือกระปุกชานั่นเอง กระปุกชามากมายหลากหลายชนิด วางเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบบนชั้น มีทั้งกระปุกใหญ่เท่าถังน้ำ จนไปถึงกระปุกเล็กเท่าแก้วชาของเธอ ทั้งชาอู่หลง ชาดำ ชาสมุนไพร ชาแดง ฯลฯ

    พวกเขาเดินมาจนสุดห้องอีกฝั่ง มันเป็นผนังที่ว่างเปล่า เอมิลี่สังเกตเห็นชั้นวางของด้านซ้ายมือว่ามีกระปุกชามินต์วางอยู่ เป็นยี่ห้อเดียวกับที่เห็นในห้องทำงานของคุณเมอร์ซิดัส

    โอลิเวียส่องไฟกับผนังห้อง เปลวเทียวเปล่งแสงสว่างมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เหมือนแสงหลอดไฟ เธอวนเชิงเทียนไปมาจนพบจุดที่สว่างที่สุด จากนั้นก็เอียงเชิงเทียน ให้น้ำตาเทียนไหลหยดลงบนผนังนั้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังครืน พื้นเริ่มสั่นไหว บนผนังตรงหน้ากลายเป็นประตูไม้เก่าๆ ลูกบิดสีทองเริ่มหลุดออกจากตัวประตู

    “ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว เลยเก่าน่ะ” โอลิเวียพูดขึ้นเมื่อทุกอย่างหยุดนิ่งแล้ว

    “ยินดีค้อนรับสู่สายด่วนกาลเวลาค่ะ จะอดีต หรือ อนาคตก็ไปได้ ขอให้เดินทางปลอดภัย อาจจะรู้สึกปวดเมื่อเล็กน้อยขณะเดินทาง เป็นผลข้างเคียงน่ะ”

    “ไปกันเถอะ” วินเทอร์พูด

    “ว้าว นวัตกรรมจัง เทคโนโลยีขั้นไหนกันเนี่ย สุดยอดจริงๆ” เอมิลี่ตื่นเต้นมาก เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

    “แค่นึก ก็ถึงเลย” โอลิเวียพูดดูเหมือนจะเป็นสโลแกนของเอ พร้อมเปิดประตูให้ ข้างในมืด จนมองไม่เห็นอะไรเลย

    “มันมืดจัง จะปลอดภัยหรือ” เอมิลี่เริ่มกังวล

    “เข้าไปเถอะน่า” วินเทอร์ดุ “เวลาที่ย้อน สิบห้าปีก่อน”

    เอมิลี่ก้าวขาเข้าไปในประตู ตามด้วยวินเทอร์ ทันที่ข้ามพ้นขอบประตู ก็รู้สึกได้ว่าไม่มีพื้นให้เหยียบ เธอตกลงไปข้างล่างอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “กรี๊ดดดดด”

    “ใจเย็นๆน่า ทำตัวตามสบาย เธอไม่ตายหรอก” เสียงวินเทอร์ดังมาจากด้านบน เอมิลี่ค่อยๆลืมตาขึ้น ยืดขาและแขนออกเพื่อผ่อนคลาย แล้วมองไปรอบๆ เธอกำลังลอยอยู่ในอวกาศ ดวงดาวรอบๆตัวระยิบระยับมากมาย ดาวหางดวงหนึ่งวิ่งผ่านตัวเธอ หางของมันสะท้อนแสงเป็นประกายทางยาว มีหลุมดำกำลังดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป และระเบิดออกเป็นซุปเปอร์โนวา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น แล้วก็ดับลงตลอดเวลา เอมิลี่รู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก สักพัก ความเร็วก็ลดลง ลงดเรื่อยๆ จนกระทั่งเท้าของเอมิลี่แตะที่พื้น รอบๆตัวเธอมืดมาก มีประตูอีกบานหนึ่งที่คล้ายกับบานเมื่อกี้ตั้งอยู่ตรงหน้า เธอมองขึ้นด้านบนวินเทอร์ตกลงมาแอ้กใส่ที่พื้นด้านหน้า เสียงกระดิ่งที่หางดังกรุ๊งกริ๊ง

    “โอยยย เจ็บจังเลย” วินเทอร์ดันตัวลุกขึ้นมา

    “เราต้องเข้าไปในประตูนี้ใช่ไหม” เอมิลี่ถาม

    “ใช่ๆ แล้วราก็จะถึงจุดหมายของเรา” วินเทอร์ตอบ

    เอมิลี่บิดลูกบิดประตูแล้วเปิดมันออก เอเดินเข้าไปแล้วพบว่าตัวเองยืนอยู่ที่

    “หน้าผานี่!” เธอชะงัก ตรงหน้าเอเป็นเหวลึก ห่างไปเพียงแค่สามก้าว

    “ไหน” วินเทอร์เดินมาข้างๆเอมิลี่เพื่อดูสิ่งแวดล้อมตรงหน้า เอมิลี่มองไปรอบๆตัวเอง ประตูที่เธอพึ่งเปิดออกมาได้หายไปแล้ว ด้านหลังเป็นป่าสนทึบ ส่วนด้านหน้าก็เป็นเหว เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกธรรมชาติ

    “สงสัยว่าจะโผล่มาผิดที่” วินเทอร์พูดขึ้น “คงต้องซ่อมบำรุงสายด่วนกาลเวลาบ้างแล้ว”

    “ที่นี่มันที่ไหนกัน” เอมิลี่ถาม

    “อืม ฉันว่ามันคงเป็นผาเดียวดาย” วินเทอร์ตอบ

    เอมิลี่ก็ยังไม่หายสงสัย “ผาเดียวดาย มันอยู่ตรงไหนของโลก ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”

    “ผาเดียวดาย อยู่ห่างจากเมืองอามันยาไม่มาก เราสามารถเดินไปได้”

    “เมืองอามันยา ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” เอมิลี่พึมพำ

    “แน่นอนว่าเธอคงไม่รู้จัก เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและป่าสนทึบ” วินเทอร์ตอบคำถามเพื่อให้เอมิลี่กระจ่าง

    “ทางเดียวที่จะเข้าเมืองจากภายนอกต้องนั่งเรือผ่านแม่น้ำเฮเลนตรงนั้น” วินเทอร์ชี้หางไปทางแม่น้ำ ที่มองเห็นได้จากบนผา “เห็นไหม” เอมิลี่มองตาม มันเป็นแม่น้ำสายไม่ใหญ่มาก เธอเห็นเรือลำเล็กๆ วิ่งไปทางด้านว้ายมือเธอ

    “เรือนั่นกำลังจะเข้าเมือง” วินเทอร์บอก “เราก็ต้องไปเหมือนกัน”

    “ไปทางไหนล่ะ” เอมิลี่ถาม เธอมองไม่เห็นทางที่จะไปได้

    “ตามมาทางนี้” วินเทอร์นำทางไปทางด้านซ้าย มันเป็นทางเดินดินเล็กๆลาดลงเลียบหมู่ต้นสน ที่เธอไม่ทันได้สังเกตตอนแรก

     พวกเขาเดินลงมาเรื่อยๆ ทางดินเล็กๆนี้คดเคี้ยวไปตามแนวผาและป่าสน เอมิลี่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เธอสะดุดก้อนหินเล็กๆตามทางแล้วล้มกลิ้งไป ดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เสียงนกการ้องดังมาจากต้นไม้ทำให้เธอรู้สึกกลัว

    “นี่วินเทอร์ เราบินไปไม่ได้หรือ” เอมิลี่ถามขึ้นหลังจากเดินมาได้ประมาณยี่สิบนาที

    “ฉันน่ะ ทำได้ แต่เธอไม่” วินเทอร์ตอบ “นี่ยังดีที่ฉันเดินเป็นเพื่อนเธอนะ”

    “เธอเสกให้ฉันบินได้ ไม่ได้หรือ” เอมิลี่ถาม

    “เอมิลี่ เอมิลี่ เอมิลี่ ฉันบินได้ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ใครบินได้นะ”

    “อ่าวหรือ”เอมิลี่รู้สึกผิดหวัง

    ทั้งคู่เดินมาจนถึงเชิงเขา ระยะทางก็น่าจะประมาณหนึ่งไมล์ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าสีดำมืดมิด ข้างหน้ายังมีทางเดินต่อเพียงแต่มันเริ่มเป็นถนน ตัวเมืองอามันยาอยู่อีกไม่ไกล ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นสุสาน และโบสถ์เล็กๆ มันช่างวังเวลายิ่งนักตอนกลางคืนแบบนี้ เอมิลี่ได้ยินเสียงนกฮูกส่งเสียงร้องมาจากด้านหลังดัง ฮูก ฮูก เธอหวังว่าจะไม่เจอผีนะ เดินต่อมาอีกแปดสิบหลา ก็เริ่มมีแสงไฟจากตามบ้านเรือนเรียงรายตามถนน ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามแยก ซ้ายที ขวาที จากบ้านเตี้ยๆกลายเป็นตึกที่สูงขึ้น จนมาถึงถนนเส้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นถนนสายหลัก มีทางรถรางยาวไปจนสุดสายตา

    “เราต้องรอรถรางไปทางหมู่บ้านเกษตร” วินเทอร์พูดขึ้น

    เอมิลี่นั่งรออยู่ที่ขอบฟุตบาท เธอรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะที่นี่ดูเหมือนหัวค่ำแล้ว เธอนึกว่าเธอยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็น ทั้งๆที่เธอพึ่งจะกินซุปครีมเห็ดมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

    “รู้ไหม ขนมปังไส้แฮมพริกไทยดำที่โอลิเวียทำ อร่อยมากเลยนะ” วินเทอร์พูดขึ้นคล้ายจะยั่วเอมิลี่

    “จริงสิ น่าจะกินกับชานมของเธอด้วย รสชาติมันยอดเยี่ยมมากเลย” เอมิลี่พูดน้ำลายสอ แล้วทำให้เธอนึกถึงเรื่องสายด่วนกาลเวลาของโอลิเวียได้

    “นี่วินเทอร์” เอมิลี่เรียก “โอลิเวียเป็นใครกันหรือ”

    “เพื่อนเก่าฉันเองน่ะ ตั้งแต่สมัยเรียนไฮ สคูล” วินเทอร์ตอบ ไม่ยักรู้ว่าแมวเรียนไฮ สคูลด้วย

    “โอลิเวียเป็นผู้ดูแลสายด่วนกาลเวลาหรือ”

    “ใช่ ก็ทำนองนั้นแหละ โอลิเวียเป็นหนึ่งในผู้ดูแลสายด่วน” วินเทอร์ตอบ “เราเรียกพวกนี้ว่า “ไทม์ คีปเปอร์” คนเหล่านี้แฝงตัวอยู่ทั่วทุกกาลเวลา ทุกยุค ทุกสมัย”

    “แบบนี้ก็เหมือนเป็นนักท่องกาลเวลานะสิ”

    “โชคร้ายที่ ไทม์ คีปเปอร์ จะใช้สายด่วนกาลเวลาไม่ได้ถ้าไม่จำเป็น มันผิดกฎสภาสูงสุด”

    “สภาสูงสุดหรือ” เอมิลี่สงสัย

    “เรื่องนั้นช่างมันก่อน รถรางมาแล้ว” วินเทอร์หยุดบทสนทนาไว้

    เอมิลี่มองไปทางขวามือ เธอเห็นรถรางสีน้ำตาลวิ่งมาใกล้ขึ้น ไฟหน้าสองดวงส่องสว่างตัดผ่านความมืด เสียงล้อรถดังครืดๆ และเสียงตีระฆังดังก๊องแก๊งดังกระทบโสตประสาทของเธอ มันมาหยุดที่หน้าเธอพอดี วินเทอร์เดินนำขึ้นไป

    บนรถรางแทบจะไม่มีคน ที่แถวสองขวามือมีหญิงชราคนหนึ่งกับเด็กผู้ชายดูเหมือนจะเป็นหลานของเธอ แถวที่สี่ซ้ายมือมีผู้หญิงวัยกลางคนนั่งถือตะกร้าผลแอปเปิ้ลกำลังนั่งหลับอยู่ ส่วนแถวหลังสุดมีวัยรุ่นชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างและ อ่านหนังสือท่ามกลางแสงไฟอันน้อยนิด “ช่างมีความพยายามดีนะ” เอมิลี่คิด

    เอมิลี่เลือกนั่งแถวที่สามด้านขวา แสงสลัวๆทำให้เธอรู้สึกง่วงนอน วินเทอร์กระโจนขึ้นที่นั่งด้านข้าง มันยืดตัวบิดขี้เกียจ แล้วขดตัวนอนข้างตัวเอมิลี่ ส่งเสียงครางอย่างลืมตัว เอมิลี่ลูบที่หลังของมันด้วยความเอ็นดู เธอรู้สึกถูกชะตากับแมวประหลาดพูดได้ตัวนี้ วินเทอร์ส่ายหางดังกรุ๊งกริ๊งแสดงถึงความพอใจ

    รถรางเคลื่อนตัวออกแล้ว สายลมกระทบถูกที่แก้มของเอมิลี่ เธอมองไปบนท้องฟ้าสีนิล เห็นดวงดาวดวงหนึ่งเปล่งประกายสุกใสมากกว่าดวงอื่นๆ เป็นดวงเดียวกับที่เธอเคยเห็นในห้องนอนตัวเอง เงียบสงบ และเจิดจรัสยามราตรี ที่ยังอีกยาวไกล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×