คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 แมวขาว : Chapter 2 White cat
บทที่ 2 แมวขาว : Chapter 2 White cat
“ตึงๆๆ…โจเซลีน…ตึงๆๆ” มีคนบางคนกำลังเคาะประตู
“หา…ใครมาหาข้าตั้งแต่ตีสองเนี่ย” อีกเสียงตอบกลับมา
“นี่ข้าเอง”
“ข้าเองน่ะ ใครล่ะ”
“ลูน่าไง…เปิดประตูให้ข้าหน่อย”
“อ้าว ลูน่า” เจ้าของบ้านเปิดประตู “มีอะไรมาหาข้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่”
“มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายน่ะโจเซลีน” ลูน่าเปิดบทสนทนา เมื่อเดินเข้ามาแล้ว
“ข้าขอฟังข่าวดีก่อนละกัน” โจเซลีนตอบ
“ข้าเจอกระดิ่งนั่นแล้ว”
“แล้วข่าวร้ายล่ะ”
“น้องเจ้าก็รู้แล้วเช่นกัน…”
“อืม…นั่นแย่มาก…นางอาจทำให้ใครบาดเจ็บอีก”
“ยังไม่หมดแค่นี้…ซานทาน่า…นางกำลังจะ…”
ตึง!!
เอมิลี่สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน
“เฮือก…ฝันอะไรประหลาดจัง” เธอคิดในใจพลางเหลือบไปมองนาฬิกา ซึ่งบอกเวลาตีห้าครึ่ง ท้องฟ้ายังมืดอยู่ แต่เริ่มมีแสงไฟจากตามบ้านและตึกบ้างแล้ว
เอมิลี่เก็บที่นอนให้เรียบร้อย เดินไปล้างหน้าล้างตา แล้วเดินไปที่ห้องครัวเพื่อที่จะชงชายามเช้า เธอเปิดกระปุกชาของเธอแล้วพบกับความว่างเปล่า
“อืม…ชาหมดตอนไหนเนี่ย” เอมิลี่ชงชาดื่มมากจนมันหมดโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“ต้องไปซื้อซะแล้ว” เธอจัดแจงใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋าสตางค์ ล็อคกุญแจห้องเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปที่ร้านขายใบชาและผงชา ร้านประจำที่เธอเคยซื้อ มันอยู่ถัดจากห้องพักเพียงไม่กี่ก้าว ซึ่งเธอก็มาถึงได้อย่างรวดเร็ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณคาร์สัน” เอมิลี่ทักทายเจ้าของร้าน
“อ้อ สวัสดีจ๊ะเอมิลี่” คุณคาร์สันยิ้ม “วันนี้มาแต่เช้ามืดเลย”
“พอดีชาหมดแล้วค่ะ มันหมดแบบไม่ทันตั้งตัวทุกทีเลย ฮ่าๆ” เอมิลี่หัวเราะ
“ฮ่าๆ วันนี้จะรับชาอะไรล่ะ หรือชาเขียวเหมือนเดิม”
“อืม…ชาเขียวนั่นแหละค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบลองของใหม่”
“โอเค เดี๋ยวนะ” คุณคาร์สันก้มตัวลงไปใต้เคาน์เตอร์ แล้วหยิบกระปุกชาเขียวขึ้นมา “นี่จ้ะ ราคาเดิม”
“ขอบคุณค่ะ” เอมิลี่จ่ายเงิน แล้วถือกระปุกชาออกมาจากร้าน กำลังจะเดินกลับไปที่ห้องของเธอ แต่แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นแมวตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเดิมที่เธอเห็นตรงระเบียงก่อนนอน มันจ้องตาเธอไม่กะพริบ
“ว่าไงแมวน้อย” เอมิลี่ทักทาย “เมื่อคืนแกหลับฝันดีมั้ยล่ะ” เจ้าแมวเอียงคอ “แต่ฉันฝันประหลาดมากเลยล่ะ นึกแล้วก็ปวดสมอง”
เอมิลี่มองดูเจ้าแมว คราวนี้เธอเห็นมันชัดเจนมากกว่าเมื่อคืน ขนของมันเป็นสีขาวทั้งตัว ดูสะอาดตา มันดูเหมือนแมวพันธุ์เทอร์คิชแองโกรา ทั่วๆไป ทว่าหางของมันมีกระดิ่งสีทอง ผูกด้วยโบว์สีแดงติดไว้ ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง เอมิลี่คิดว่า เจ้าของแมวตัวนี้คงทำไว้เพื่อบ่งบอกความเป็นเจ้าของ
เอมิลี่เดินผ่านแมวตัวนั้นกลับไปที่ห้องของเธอ จัดการชงชารับอรุณกับแสงอาทิตย์ยามเช้า อากาศเริ่มเย็นขึ้น อีกไม่นานก็จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว เธอนึกถึงวันคริสต์มาสปีที่แล้ว ที่สถานเด็กกำพร้า คุณเมอร์ซิดัสได้ให้ ชุดน้ำชาเก่าแก่ เป็นของขวัญให้กับเอมิลี่ ชุดน้ำชามีกาน้ำชาสีขาวใบเล็กๆ มีลายดอกไม้สีชมพูเหลืองแต่งแต้มบนกา ส่วนแก้วชามีสี่แก้วเป็นสีขาว ใบจิ๋วน่ารัก เอมิลี่ชอบใจของขวัญชิ้นนี้มาก แต่เธอไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจาก เธอไม่ค่อยมีเวลานั่งจิบชุดน้ำชายามบ่ายเหมือนพวกผู้ดีชาวอังกฤษ และอีกเห็นผลหนึ่งก็คือ แก้วน้ำชาใบเล็กเกินกว่าปริมาณชาที่เอมิลี่ดื่มมาก (เธอขี้เกียจรินบ่อยๆ) พวกมันจึงถูกตั้งโชว์ไว้ ที่ชั้นเก็บของหลังโต๊ะทำงานของเธอ ส่วนพวกเด็กๆร่วมกันทำการ์ดเมอร์รี่คริสต์มาสให้กับเธอ ถึงแม้มันจะเล็กน้อย แต่เธอก็ซาบซึ้งใจมาก วันนั้น มิสวิลโลวยังอบไก่งวงสูตรลับ เฉพาะตระกูลเธอให้กินซึ่งนับว่าเป็นเกียรติมาก นอกจากไก่งวงแล้วยังมี พุดดิ้งข้าว เค้กขอนไม้ และคุ้กกี้ซานต้า ที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆเหลือเกิน
เอมิลี่หวนถึงความหลังจนกระทั่งจิบชาจนหมด จากนั้นเธอก็จัดการธุระส่วนตัว สวมเสื้อคลุม สะพายย่าม ล้อคห้องเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ดวงอาทิตย์ขึ้นมาจนสว่างแล้ว ลมหนาวพัดผ่านเอมิลี่ทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบที่ใบหน้า ผิวขาวอมชมพูของเธอดูแห้งเล็กน้อยเนื่องจากความหนาว ท้องของเธอเริ่มร้อง บ่งบอกถึงเวลาเจ็ดโมง ซึ่งเป็นเวลาอาหารเช้าของเธอ
เอมลี่แวะเข้าคาเฟ่ระหว่างทางก่อนถึงสถานเลี้ยงเด็ก เป็นคาเฟ่เล็กๆที่ขายอาหาร เบเกอรี่เล็กน้อย และเครื่องดื่ม วันนี้คนยังไม่มาก อาจเป็นเพราะผู้คนต่างขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาอยู่บนที่นอน อากาศน่านอนอย่างนี้ใครอยากจะตื่นกันเล่า เอเลือกที่นั่งติดกระจก สั่งชุดอาหารเช้า และแน่นอนว่าต้องสั่งชาด้วย
“อืม อากาศเย็นๆแบบนี้ดื่มชาร้อนดีกว่า” เธอกวาดสายตาดูที่เมนูเครื่องดื่ม “ชาเขียวร้อนเหรอ ฉันชงกินเองก็ได้ อืม งั้นลองชาอู่หลงก็แล้วกัน”
หลังจากที่สั่งพนักงานไปเรียบร้อยแล้ว เอมิลี่ก็นึกถึงฝันเมื่อคืน ใครคือโจเซลีน กับ ลูน่า เธอจำไม่ได้ว่าเคยอ่านนิทานเรื่องไหนให้เด็กๆฟังแล้วมีตัวละครที่ชื่อนี้ และก็ยังไม่ใช่คนที่เธอรู้จักอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีตอนจบที่ค้างคาใจ
“ซานทาน่า…นางกำลังจะ…จะอะไรนะ อยู่ดีๆก็จบ เซ็งจังเลย”เธอบ่น
ชุดอาหารเช้าได้มาเสิร์ฟแล้ว มันมีไข่ดาวที่ไข่แดงยังไม่ค่อยสุกหนึ่งฟอง ไส้กรอกเวียนนาหมูสองชิ้น เบคอนสองชิ้น และขนมปังเฟรนช์โทสต์อีกหนึ่งแผ่น หลังจากที่เอมิลี่ลงมือตัดไส้กรอกให้เป็นชิ้นพอดีคำ ชาอู่หลงก็ตามมา เอมิลี่ใช้เวลาในการรับประทานอาหารเช้าไม่นาน เธอดื่มชาอู่หลงไปครึ่งแก้วแล้วก็เลิก
“กลิ่นมันแรงไปหน่อย” เธอคิด “แต่รสชาติก็ไม่เลวเลยทีเดียว” เสร็จสิ้นภารกิจอาหารเช้าแล้ว เอมิลี่เดินต่อไปจนถึงสถานเลี้ยงเด็ก แวะสำรวจตู้จดหมาย และหยิบหนังสือพิมพ์หน้าประตู เช้าไปในอาคาร
เอมิลี่เดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน นั่งที่โต๊ะของเธอ และอ่านหนังสือพิมพ์ ข่าวหน้าหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจของทุกคนในวันนี้คือ การเปิดตัวบ้านใหม่ของมิสเตอร์ฮอล์ฟ เศรษฐีระดับร้อยล้าน บ้านใหม่ของเขาตั้งอยู่บนเนินเขาทางทิศเหนือของเมือง รูปบนหน้าหนังสือพิมพ์ แสดงให้เห็นถึงความมีอันจะกิน เธออ่านตัวหนังสือที่อยู่ด้านขวาของรูป ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ของมิสเตอร์ฮอล์ฟ
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีคนให้ความสนใจกับบ้านใหม่ของผม”
“สวนหน้าบ้าน เป็นสวนดอกทิวลิปสไตล์เนเธอร์แลนด์
“ตัวบ้านเป็นแบบโมเดิร์น ห้องนั่งเล่น มีกระจกรอบๆเพื่อจะได้ดูความสวยงามของดอกทิวลิป บลาๆๆๆ” เอมิลี่ล้อเลียนด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เธอรู้สึกเบื่อหน่ายมิสเตอร์ฮอล์ฟ และชีวิตแห่งความฟุ่มเฟือยของเขา
“พวกคนรวยๆมักไม่ค่อยนึกถึงความลำบากของคนอื่นหรอก” เธอบ่น “น่าสงสารพวกเด็กๆกำพร้าจัง”เวลาเดียวที่มิสเตอร์ฮอล์ฟ เหลียวแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ก็ตอนที่เขาต้องการรับรางวัลของยูนิเซฟ รางวัลอุทิศตนสำหรับเด็ก
อีกสาเหตุที่เอมิลี่ไม่ชอบมิสเตอร์ฮอล์ฟก็คือ เขาเป็นนายทุนและผู้ให้เช่าอาคารระยะยาว ซึ่งเก็บค่าดอกเบี้ยได้โหดมาก เขาร่ำรวยก็เพราะอย่างนี้แหละ พวกพ่อค้าหน้าเลือด แสร้งทำเป็นใจบุญ ช่างอุทิศตนเหลือเกิน
นาฬิกาตีบอกเวลาแปดนาฬิกา พวกเด็กๆลงจากที่นอนกันหมดแล้ว มิสวิลโลวเตรียมอาหารเช้าเป็นแพนเค้กกองโต มีทั้งเนยละลาย เมเปิลไซรัป และแยมสตรอเบอร์รี่ ให้เด็กๆเลือกทาส่วนเครื่องดื่มเป็นนมสดกับน้ำส้ม อาหารการกินที่นี่มีคติว่า คัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ มิสวิลโลวเป็นคนตั้งขึ้น เพราะเธออยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า
เอมิลี่จัดการพับผ้าห่ม จัดหมอนให้เรียบร้อย ทำความสะอาดห้องนอนของเด็กๆอย่างขะมักเขม้น เธอสำรวจใต้เตียงของเด็กๆ บางเตียงก็สะอาด ไม่มีสิ่งของเลย บางเตียงมีของเล่นที่มีฝุ่นจับ บางเตียงมีขยะ และเศษกระดาษมากมาย เธอจัดการเก็บของเล่นเหล่านั้นออกมา และจัดการกวาดเศษขยะใต้เตียงจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จากนั้นก็นำของเล่นไปเช็ดทำความสะอาดหรือปัดฝุ่น แล้วนำมาเก็บที่กล่องเก็บของเล่น เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจทำความสะอาดห้องนอนเด็กแล้ว เธอจึงไปจัดการทำความสะอาดห้องน้ำ และห้องนั่งเล่นต่อ เหลือเพียงแค่ห้องทำงานของคุณเมอร์ซิดัส
มิสวิลโลวเคยพูดไว้ตอนที่เอมิลี่ทำงานใหม่ๆ เกี่ยวกับกฎของสถานเลี้ยงเด็กนี้
“ห้ามให้เด็กๆกินขนมจนกว่าจะถึงเวลาพัก”
“ห้ามเปิดตู้เก็บของในห้องโถงเล่น”
“หลังสามทุ่มห้ามขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคา”
“และกฎเหล็กข้อสุดท้ายคือ ห้ามเข้าห้องของคุณเมอร์ซิดัสโดยไม่ได้รับอนุญาต”
นั่นคือเหตุผลที่เอมิลี่ไม่เคยได้เข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานของเขาเลย
เอมิลี่เดินออกมาตรงทางเดินชั้นสอง มองดูนาฬิกาบนผนังเป็นเวลาสิบโมง เธอจึงเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะเล่านิทานให้เด็กๆฟัง
“เอมิลี่” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเธอ ขณะก้าวขาลงบันได เธอหันหลังกลับไปมอง คุณเมอร์ซิดัสยืนอยู่ที่หัวบันได
“คะ คุณเมอร์ซิดัส” เอมิลี่ขานด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอหน่อยน่ะ ตามมาที่ห้องสิ”
เอมิลี่เดินกลับขึ้นบันได ตามหลังคุณเมอร์ซิดัสไปที่ห้องของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าห้องของคุณเมอร์ซิดัส ห้องมีขนาดไม่ใหญ่ แต่การจัดวางเครื่องเรือนอย่างถูกต้อง และสมดุล ทำให้ห้องดูโล่งกว้าง พื้นห้องมีพรมสีเลือดหมู โต๊ะทำงานอยู่ตรงกลางค่อนไปทางด้านหลังห้อง ซึ่งใกล้กับหน้าต่าง มีเก้าอี้รับแขกสีครีมสองตัวหันหน้าเข้าโต๊ะทำงาน โดยมีโต๊ะตัวเล็กสีน้ำตาลเข้มวางคั่น ด้านว้ายมีชั้นหนังสือและชั้นวางของ (รวมทั้งถ้วยรางวัลต่างๆ เช่น รางวัลชนะเลิศการแข่งขันคริกเก็ต ฯลฯ) ด้านขวามีนาฬิกาเรือนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้น ผนังด้านหลังนาฬิกามีรูปภาพลูกแมวสองตัว ตัวหนึ่งสีขาว ส่วนอีกตัวสีดำ กำลังนอนเล่นอยู่บนพื้น น่าแปลกที่คุณเมอร์ซิดัสไม่ค่อยได้อยู่ และคนอื่นก็ห้ามเข้าห้อง แต่กลับไม่มีฝุ่นบนเครื่องเรือนแม้แต่น้อย
“ฉันพึ่งทำความสะอาดห้องไปเมื่อเช้าน่ะ” คุรเมอร์ซิดัสพูดขึ้นราวกับรู้ว่าเอมิลี่กำลังคิดอะไรอยู่ “นั่งลงสิ ทำตัวตามสบายนะ ชาสักถ้วยไหม” เขาถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นครั้งแรกที่เอมิลี่ปฏิเสธการดื่มชา
“อืมงั้นรึ” คุณเมอร์ซิดัส หยิบกระปุกชาที่อยู่บนชั้นวางของ “นี่ชามินต์ที่อร่อยมากที่สุดในโลกเลยนะ” เขาตักผงชาใส่แก้วน้ำสีเหลือง เติมน้ำร้อนจากในกาที่ดูเหมือนพึ่งต้มไว้ “เติมน้ำตาลหน่อย จะได้หวานชื่นใจ” กลิ่นหอมของชามินต์ทำให้เอมิลี่รู้สึกผ่อนคลาย คุณเมอร์ซิดัสนั่งลงที่โต๊ะ จิบชาสองสามอึกแล้ววางแก้วลง
“เธออ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ เป็นข่าวเปิดตัวบ้านใหม่ของมิสเตอร์ฮอล์ฟ”
“อืม แล้วเธอได้อ่านรายละเอียดที่หน้าสามหรือเปล่า”
“เอ่อ ไม่ค่ะ ฉันอ่านผ่านๆแค่หน้าแรก”
“ลองอ่านดูสิ” คุณเมอร์ซิดัสยื่นหนังสือพิมพ์ให้กับเอมิลี่
“แผนการลงทุนของมิสเตอร์ฮอล์ฟ” เธออ่านที่หัวข้อ “ปรับปรุงตึกเก่าของเมืองฝั่งตะวันออก ให้กลายเป็นย่านการค้าที่ทันสมัย!”
“รายชื่ออาคารที่ต้องย้ายออก” เธอไล่รายชื่อ “…สี่ สถานเลี้ยงเด็กด้อยโอกาสของคุณเมอร์ซิดัส!”
“ใช่แล้วล่ะ” คุณเมอร์ซิดัสพูด
“นี่มัน ไม่จริงใช่ไหมคะ” เอมิลี่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ฉันเกรงว่ามันจะเป็นความจริงแล้วล่ะ” คุณเมอร์ซิดัสดูเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
“แล้ว…แล้วเราจะทำอย่างไรดีละคะ”
“เราคงต้องย้ายสถานเลี้ยงเด็กไปตั้งที่ฝั่งใต้ของเมืองแทน”
“แต่เราจะมีเงินพอที่จะสร้างสถานเลี้ยงเด็กแห่งใหม่หรือคะ”
“นั่นแหละปัญหา” คุณเมอร์ซิดัสกุมมือ “เงินชดเชยที่มิสเตอร์ฮอล์ฟให้เรา ไม่เพียงพอต่อการสร้าง”
“มิสเตอร์ฮอล์ฟนี่แย่จริงๆ” เอมิลี่โมโห “ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“เฮ่อ…ฉันคิดๆแล้ว เราคงต้องรัดเข็มขัดกันแล้วล่ะ” เขาถอนหายใจ “ตอนแรก ฉันคิดว่าจะปลดเธอออก…แต่เราก็จะไม่มีพนักงานทำงานที่นี่น่ะ…ฉันจึงขอติดค่าจ้างเธอไว้ก่อน จนกว่าเราจะมีเงิน ฉันขอร้องเธอได้ไหม”
“อืม ก็ได้ค่ะ…ฉันก็ไม่อยากออกจากที่นี่ มันเปรียบเหมือนบ้านของฉัน ฉันรักมัน”
“ขอบคุณเธอมากนะ เอมิลี่ ฉันซาบซึ้งมาก ระหว่างนี้เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอจะมาอยู่ประจำที่นี่เลยก็ได้นะ”
“เล็กน้อยค่ะ คุณเมอร์ซิดัส เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่คะ” เธอยิ้ม
เอมิลี่เดินออกมาจากห้อง เดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะอ่านนิทานให้เด็กๆฟัง แต่ในหัวของเธอ ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องมิสเตอร์ฮอล์ฟ รู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทำไมคนรวยถึงทำอะไรตามใจตนเองโดยที่ไม่นึกถึงคนอื่น
“พวกคนรวยก็แบบนี้แหละ” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเธอ เอมิลี่หันกลับไปแต่ก็ไม่มีใครอยู่
“สงสัยหูจะแว่ว…” เธอบ่นกับตัวเอง
“หูเธอไม่ได้แว่วหรอก”
“หา ใครพูดน่ะ” เอมิลี่มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบใคร
“เธอมองไม่เห็นฉันเหรอ”
“ถ้ามองเห็นฉันคงจะถามหรอก” เอมิลี่เริ่มอารมณ์เสีย
“โหย ฉันแค่แกล้งเล่นนิดเดียวเอง”
“ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอกนะ เธออยู่ไหน”
“ก็ได้ๆ ฉันอยู่บนนี้ไง”
เอมิลี่มองขึ้นด้านบนตามเสียง แล้วก็ต้องตะลึง สิ่งที่เอเห็นคือ แมวสีขาวตัวหนึ่ง ตัวที่เธอเคยเจอเมื่อคืนและเมื่อเช้า มันกำลังลอยอยู่
“แปลกใจหรือ ฮิๆ” เจ้าแมวลอยตัวลงมาที่พื้นห้อง เอมิลี่ยังจ้องตาไม่กะพริบ
“เลิกจ้องฉันได้แล้วน่า” มันพูด
“กะ…กะ…แกลอยได้”
“จริงๆน่าจะเรียกว่าบินดีกว่านะ ถึงฉันจะไม่มีปีกก็ตาม ลอยมันรู้สึกแปลกๆ” เจ้าแมวพูดหน้าทะเล้น
“และก็ยังพูดได้ด้วย” เอมิลี่ยังอึ้งไม่หาย
“แหมเดี๋ยวก็ชินเองแหละ” มันพูดแล้วสั่นกระดิ่งที่หางดังกรุ๊งกริ๊ง เอมิลี่ยืนนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด
“เอมิลี่” เสียงมิสวิลโลวดังมาจากข้างหลังทำให้เอตื่นจากภวังค์ “ทำอะไรอยู่น่ะ ได้เวลาเล่านิทานให้เด็กๆฟังแล้วนะ”
“ค่ะๆ” เธอหันกลับไปตอบมิสวิลโลว ที่กำลังถือถุงกระดาษที่มีเห็ด แครอท และซาลารี่อยู่ด้านใน
“รีบๆหน่อย มื้อกลางวันมีซุปครีมเห็ดนะ” มิสวิลโลวดุ
“ขอโทษทีค่ะ พอดีฉันกำลังคุยกับ…” เอมิลี่หันกลับไปหาเจ้าแมว แต่ทว่ามันหายไปแล้ว “เมื่อกี้ยังอยู่นี่…หายไปไหนแล้ว”
“กับใครรึ” มิสวิลโลวถาม
“เอ่อ…ไม่มีอะไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เอมิลี่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เพื่อที่จะเล่านิทาน แต่ในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องแมวประหลาด (ซึ่งมาแทนที่เรื่องมิสเตอร์ฮอล์ฟอย่างรวดเร็ว)
“ไม่ๆ มันต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆเลย” เธอพึมพำกับตัวเอง
“ภาพหลอนอะไรหรือคะ พี่เอมิลี่” ลิซซี่ถามอย่างสนใจ
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกจ้า” เอมิลี่ตอบ
“พี่เอมิลี่ วันนี้เล่านิทานเรื่องฮันเซลกับเกรเทลได้ไหมครับ” เลียมของร้องตาแป๋ว
“ได้สิจ๊ะ มานั่งนี่เถอะ” เอมิลี่เดินนำไปที่หน้าเตาผิง เธอนั่งบนเก้าอี้โยก ส่วนเด็กๆนั่งที่พื้น
“เอาละนะ” เอมิลี่กระแอ้มสองที “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องสองคนชื่อฮันเซล กับเกรเทล…” จินตนาการอันยิ่งใหญ่ของเด็กๆก็เริ่มต้นขึ้น
ความคิดเห็น