คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ชาและแก้ว : Chapter 1 Tea and cup
บทที่ 1 ชาและแก้ว : Chapter 1 Tea and cup
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีแม่มดอยู่สองตน คือแม่มดขาว และแม่มดดำ แม่มดขาวผู้แสนดี นางชอบช่วยเหลือผู้คนที่ลำบาก เสกสภาพแวดล้อมให้สวยสดใส เก็บกวาดขยะให้สะอาด เสกให้ท้องฟ้าแจ่มใส มีรุ้งกินน้ำ ทุกคนต่างก็รักแม่มดขาว นางมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจเป็นแมวสีขาว ส่วนแม่มดดำผู้ชั่วร้าย นางชอบกลั่นแกล้งผู้คน ชอบเสกคาถาทำให้ฝนตก ฟ้าผ่า เสกคาถาทำให้ผู้คนหลงลืม เสกคาถาแมลงสาบ และอะไรก็ตามที่ทำให้ผู้คนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว มันเป็นความสุขของนางน่ะ เพราะเหตุนี้ ทุกคนต่างรังเกียจ และกลัวแม่มดดำ นางมีสัตว์เลี้ยงคู่ใจเป็นแมวสีดำ วันหนึ่ง แม่มดดำได้จับตัวเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรจันทราซึ่งทำให้ราชาจันทราโกรธมาก พระองค์จึงสั่งให้ทหารไปจับตัวแม่มดดำ แต่แม่มดดำมีอิทธิฤทธิ์มาก จึงไม่มีใครสามารถจับนางได้ และทหารส่วนใหญ่ก็กลายเป็นไก่ไปเสียหมด (ถูกแม่มดสาป) ราชาจันทราจึงขอความช่วยเหลือจากแม่มดขาว แม่มดขาวรู้จุดอ่อนของแม่มดดำ ว่างนางไม่ถูกกับน้ำ แม่มดขาวจึงแนะนำให้ราชาจันทราไปของความช่วยเหลือจากนางฟ้าแห่งน้ำ นางฟ้าทำให้น้ำท่วมบ้านแม่มดดำขณะที่นางกำลังหลับ ทำให้นางมดฤทธิ์ และเจ้าหญิงจันทราก็เป็นอิสระ ทุกคนต่างดีใจที่สามารถจัดการกับแม่มดดำได้ และอยู่อย่างมีความสุขตลอดไป…….” หญิงสาวปิดหนังสือลง “นิทานจบแล้วจ๊ะ” เด็กๆนั่งมองตาแป๋วอย่างไร้เดียงสา
“เอ….พี่เอมิลี่คะ แล้วแม่มดดำตายหรือเปล่าคะ” เด็กผู้หญิงผมทองคนหนึ่งถาม
“ไม่รู้สิจ๊ะ ในนิทานไม่ได้กล่าวไว้ แต่พี่ว่านางอาจจะโดนพระราชาจับขังไว้ก็เป็นได้” เอมิลี่ตอบ
“คนนิสัยไม่ดีอย่างแม่มดดำ สมควรโดนจับขังตลอดชีวิตเลย” เด็กผู้ชายมทองคนที่นั่งข้างๆเด็กผู้หญิงผมทองพูดขึ้น เด็กๆเริ่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน
“เอาล่ะจ๊ะ ได้เวลาพักกินขนมตอนบ่ายแล้ว” เอมิลี่ตัดบทสนทนาของเด็กๆ
เธอพาเด็กๆไปที่ห้องรับประทานอาหาร จากนั้นจึงเดินถือหนังสือนิทานเล่มที่เธอพึ่งอ่านกลับขึ้นห้องทำงาน เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานสีน้ำตาลโอ๊ค วางหนังสือไว้ข้างบน ข้างหน้ามีชื่อ “เอมิลี่ เชอร์เรนด์” บนโต๊ะมีหนังสือนิทานมากมาย และสมุดรายงานหนึ่งเล่ม เอมิลี่เป็นหญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดปี ผมของเธอมีสีแดง มันถูกรวบมัดไว้เป็นทรงหางม้าเพื่อความสะดวก ตาของเธอมีฟ้าดูมีเสน่ห์ แก้มของเธอมีสีขาวอมชมพูแต่มีกระเล็กน้อยเนื่องจากโดนแดดมากเกินไป เธอมักจะสวมเสื้อสเวตเตอร์สีส้มตัวโปรด
เอมิลี่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ชื่อว่า “สถานเลี้ยงเด็กด้อยโอกาสของคุณเมอร์ซิดัส” หน้าที่ของเธอส่วนใหญ่มักจะเป็นการเล่นกับเด็กๆ หรือเล่านิทานให้พวกเขาฟัง ส่วนการทำอาหาร และการพาเด็กๆเข้านอนมักจะเป็นหน้าที่ของมิสวิลโลว หญิงชราใจดีที่ทำงานที่นี่มานาน นานมากกว่าอายุของเอมิลี่เสียอีก ฝีมือการทำอาหารของมิสวิลโลวนั้น ไม่ได้หรูเริดราวกับภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสที่ชื่อดังอย่าง “เฌอ บียง” แต่ก็เป็นอาหารที่อร่อยในแบบเรียบง่ายเหมือนกัน เช่น จานที่เธอทำประจำก็คือ ซุปฟักทอง (เด็กๆทุกคนติดใจจานนี้มาก) และนานๆทีถึงจะมีพอร์คชอพ (หมูมันแพงน่ะ)
เอมิลี่เป็นคนที่ไม่เลือกอาหาร เธอกินได้ทุกอย่างที่มิสวิลโลวทำ แต่กลับพิถีพิถันในเรื่องเครื่องดื่มมาก เธอชอบดื่มชา ไม่ว่าจะเป็นชาอะไรเธอก็ชอบ ขอเพียงมันคือชา เธอดื่มมันบ่อย เหมือนดื่มแทนน้ำเปล่า และเป็นของที่เธอพกติดตัวไปทุกที่ เนื่องจากเธอเคยอ่านนิตยาสารสุขภาพ และฉบับนั้นคอลัมน์ ชีวจิตได้กล่าวถึงประโยชน์ของชา “ดื่มแล้วสุขภาพดี อายุยืน ผิวเปล่งปลั่ง และยังลดความอ้วนได้อีกด้วย” ชาโปรดของเอมิลี่คือ ชาเขียว ใส่น้ำผึ้งสามช้อนชา ความหอมหวานของน้ำผึ้งเข้ากันดีกับชาเขียว บางครั้งเวลาบ่ายเธอจะดื่มชาเขียวน้ำผึ้ง กับอิงลิชบิสกิตทาแยมสตรอเบอร์รี่ ไม่แปลกใจว่าทำไมบนโต๊ะทำงานของเธอจึงมีกระปุกชาเขียว และแก้วน้ำสีขาวใบโปรด
เด็กที่สนิทกับเอมิลี่มากที่สุดคือ ฝาแฝดชายหญิงผมทอง “เลียม กับ ลิซซี่” ลิซซี่ตัวสูงกว่าเลียมเล็กน้อย ทั้งคู่อายุหกขวบ เลียมเป็นเด็กกล้าแสดงออก และร่าเริง เขาจึงมีเพื่อนมากมาย ส่วนลิซซี่เป็นเด็กขี้สงสัย และขี้อาย เธอมักจะพก “มิสเตอร์บิ๊ก” ตุ๊กตาหมีสุดรักสุดหวงของเธอ เด็กทั้งสองคนชอบเล่นกับเอมิลี่ จึงทำให้สนิทกับเธอมากที่สุด โดยเฉพาะลิซซี่ ที่เธอขี้สงสัยเหมือนกับเอมิลี่
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาบ่ายสองโมง ถึงเวลานอนกลางวันของพวกเด็กๆ เป็นเวลาว่างของเอมิลี่ เพราะ มิสวิลโลวจะจัดการพาเด็กเข้านอนเอง ส่วนเด็กโตที่ไม่นอนกลางวันแล้ว ก็จะรวมกลุ่มกันวาดรูป ทำงานอดิเรก หรือไม่ก็ออกมาเล่นที่สนามด้านหลัง เอมิลี่เดินลงจากห้องทำงานที่อยู่ชั้นสองของตึกลงมาที่สวนผักด้านข้าง มิสวิลโลวปลูกผักไว้หลายอย่างซึ่งสามารถเก็บมาทำอาหารได้โดยไม่ต้องไปซื้อ
เอมิลี่เดินสำรวจแปลงผัก จัดการถอนวัชพืชที่ขึ้นประปราย แล้วจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ข้างแปลงผัก ซึ่งถูกมิสวิลโลวตั้งชื่อว่า “พระที่นั่งสวนผัก” เอมิลี่นึกแล้วก็อดขำในความน่ารักของมิสวิลโลวไม่ได้ เธอนั่ง “พระที่นั่งสวนผัก” พลางมองดูแปลงผักที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ผักที่ปลูกดูสดและเขียวชอุ่ม อิฐบล็อกสีน้ำตาลแดงวางกั้นมันกับทางเดินดูเป็นที่เป็นทาง เอมิลี่นึกถึงดอกไม้ที่ที่เธอเคยปลูก มันเป็นดอกคาร์เนชั่นสีขาว เธอปลูกมันเมื่อเดือนก่อนตรงข้างประตูหน้า เสียดายที่ถูกหนอนกินไปแล้ว
“อืม….ถ้ามีต้นชาก็ดีสินะ จะได้ไม่ต้องซื้อ” เธอฝันกลางวัน
“พี่เอมิลี่” เสียงลิซซี่ทำให้เอมิลี่ตื่นจากจินตนาการ “หืม…”
“กำลังคิดอะไรอยู่คะ”
“เอ่อ…เปล่าหรอก พี่แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วหนูไม่ไปนอนกลางวันหรือจ๊ะ”
“หนูไม่อยากนอนเลยค่ะ” ลิซซี่ตอบ ในมือถือมิสเตอร์บิ๊ก
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” เอมิลี่ถามอย่างห่วงใย
“หนูสงสัยเรื่องแม่มดดำค่ะ…” เธอตอบ “…หนูอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ถูกกับน้ำ”
“อืม บางทีนางอาจจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้าก้ได้”
“ฮ่าๆ แต่หนูว่านางคงว่ายน้ำไม่เป็น…” ลิซซี่หัวเราะคิกคัก “…พี่เอมิลี่รู้นิทานเรื่องนี้มาจากไหนคะ”
“พี่อ่านจากหนังสือที่พี่เจอน่ะ” เอมิลี่ตอบ “ไปนอนกันดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ก็ได้ค่ะ” ลิซซี่ยิ้ม ราวกับปัญหาที่เธอกลุ้มใจได้มลายหายสิ้นไปหมดแล้ว
เอมิลี่จูงมือลิซซี่ไปที่ห้องนอน จูบลาแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เธอเดินสวนกับมิสวิลโลวที่กำลังถือตะกร้ามันฝรั่ง
“ไงเอมิลี่ วันนี้จะอยู่กินมื้อค่ำไหม มีมันฝรั่งบดกับ ซุปมันฝรั่งนะ” มิสวิลโลวถาม
“อ่า…ไม่ดีกว่าค่ะ เย็นนี้ฉันกะจะกลับห้องพักค่ะ” เอมิลี่ตอบ เธอไม่ชอบมันฝรั่งบดเท่าไหร่ “ไขมันสูงจะตาย น่าจะทำมันอบนะ” เอคิดในใจแต่ก็ไม่ได้เสนอ เพราะส่วนใหญ่เด็กๆมักจะชอบมันบดมากกว่ามันอบ
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมง เอมิลี่จัดแจงเก็บที่นอน หมอนและผ้าห่มหลังจากเด็กๆนอนกลางวันกันเสร็จแล้ว เธอชอบทำงานที่นี่เพราะได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ เธอรักเด็กมาก เมื่อเก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว เอมิลี่เดินกลับไปที่ห้องทำงานอีกรอบเพื่อชงชา
“อืม…” เธอสูดกลิ่นหอมของใบชาแห้งในกระปุก บรรจงตักมันลงในถุงชงชา แล้วใส่มันไว้ในแก้วใบโปรด เติมน้ำร้อน จากนั้นก็ใส่น้ำผึ้งสามช้อนชา สูตรประจำของเธอ “…ชุ่มคอดีจริงๆ”
เอมิลี่ถือแก้วชาเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่นสำหรับเด็กๆ เธอต้องคอยดูแลพวกเขาจนถึงเวลาอาหารค่ำ เธอนั่งลงที่เก้าอี้นวม วางแก้วชาที่เหลืออยู่น้ำชาอยู่ครึ่งแก้วไว้บนโต๊ะด้านข้าง แล้วเผลองีบไป
.
.
“ไม่ๆ ข้าไม่ได้ถูกจับตัวมา ท่านอย่าเข้าใจผิด”
“เจ้าเสียสติไปแล้ว”
“กรุ๊งกริ๊ง”
“กรี๊ดดดดดดดดด”
“เจ้าต้องตามกระดิ่งนั้นมา”
.
.
เอมิลี่สะดุ้งตื่น เธอฝันประหลาดมาก
“กระดิ่ง…” เธอพึมพำ เหลือบไปมองนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงครึ่ง “…ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนี่”
เอมิลี่พาเด็กๆไปที่ห้องรับประทานอาหาร ที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจานมันฝรั่งของมิสวิลโลว กลิ่นของซุปมันฝรั่งหอมฉุย ชวนน้ำลายสอ เมื่อจัดการเด็กๆทุกคนให้นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เอมิลี่ก็เดินไปที่ห้องของคุณเมอร์ซิดัส เพื่อที่จะลากลับบ้าน ปกติคุณเมอร์ซิดัสไม่ค่อยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กนี้ ดังนั้นการบริหารจัดการส่วนใหญ่จึกตกเป็นหน้าที่ของมิสวิลโลว
มิสวิลโวเคยเล่าให้เอมิลี่ฟังว่า “คนก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กนี้ก็คือ พ่อของคุณเมอร์ซิดัส และฉันก็ทำงานที่นี่ตั้งแต่คุณเมอร์ซิดัสยังเด็กๆ…” เธอว่า “…เมอร์ซิดัสน่ะ คือนามสกุลของพวกเขา…ฉันยังไม่รู้ชื่อจริงของเขาเลย แค่เคยได้ยินพ่อของเขาเรียกเขาว่า เจมส์”
เอมิลี่เดินคิดมาจนถึงหน้าห้องของคุณเมอร์ซิดัส ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นสามฝั่งตะวันออกของตึก สถานเลี้ยงเด็กนี้มีทั้งหมดสี่ชั้น เป็นตึกแถวทำด้วยอิฐ ซึ่งตอนนี้เก่ามากแล้ว เมื่อเข้ามาทางประตูหน้าชั้นหนึ่งจะเป็นห้องโถง มีเก้าอี้สำหรับรับแขกสองตัว โต๊ะกาแฟ และชั้นหนังสือ บนผนังมีรูปภาพเก่าๆของสถานเลี้ยงเด็กนี้ ทิศตะวันออกเป็นห้องนั่งเล่น และทางตะวันตกเป็นห้องรับประทานอาหาร ซึ่งมีทางเชื่อมไปที่ห้องครัว ชั้นสองเกือบทั้งหมดเป็นห้องนอนของเด็กๆ มีห้องน้ำสามห้อง และห้องทำงานของเอมิลี่ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ ชั้นสามเป็นห้องทำงานของคุณเมอร์ซิดัส และห้องนอนของเอมิลี่กับมิสวิลโลว โดยปกติแล้วเอมิลี่จะนอนค้างที่นี่ แต่บางคืนเธอก็กลับไปนอนที่ห้องพักของเธอที่อยู่ถัดไปห้าช่วงตึก ส่วนชั้นสี่เป็นชั้นใต้หลังคาสำหรับเก็บของ
เอมิลี่อยู่ที่หน้าประตูของของคุณเมอร์ซิดัสแล้ว เธอเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ น้อยครั้งนักที่ที่เธอเคยสนทนากับเขา เธอแทบจะจำหน้าเขาไม่ได้เลยถ้าไม่มีรูปภาพของเขาที่ทางเดินชั้นสาม มันเป็นภาพถ่ายครึ่งตัว คุณเมอร์ซิดัสเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบ แต่ยังดูมีเรี่ยวแรงและกระฉับกระเฉง หน้าตาของเขาดูอ่อนโยนและใจดี แต่แววตาของเขาดูเจ้าเล่ห์เล็กๆ
เมื่อไรซึ่งเสียงตอบรับของคุณเมอร์ซิดัสแล้ว เอมิลี่คิดว่าเขาคงไม่อยู่อีกเช่นเคย จึงเดินกลับมามาที่ห้องทำงานของเธอ เก็บสมุดรายงานและหนังสือนิทานเล่มสีน้ำตาลเข้มลงกระเป๋าย่ามของเธอ
“อ้า…เกือบลืมไป” เธอพูดขึ้นแล้วคว้ากระปุกชาเขียวบนโต๊ะลงย่าม “ถ้าขาดชานี้คงแย่”
เอมิลี่เดินลงมาที่ห้องโถง มองผ่านห้องรับประทานอาหาร เห็นเด็กๆกำลังซดซุปมันฝรั่งและตักมันบดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย มิสวิลโลวกำลังตักซุปมันฝรั่งใส่ถ้วยให้กับเด็กชายอ้วนคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นชามที่สามแล้ว เธอเดินผ่านห้องโถงมาที่ประตูหน้าออกมาทางหน้าอาคารสถานเลี้ยงเด็ก
เธอเดินไปตามถนนเรื่อยๆ จนถึงที่ห้องพักของเธอซึ่งเป็นตึกแถวสีส้ม
“เฮ่อ…วันนี้เพลียจริง” เธอบ่นขณะไขกุญแจเข้าห้อง วันหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กผ่านไปอย่างรวดเร็ว “ดื่มชาก่อนนอนสักหน่อยจะได้นอนหลับฝันดี”
เอมิลี่เดินไปที่ห้องครัว ต้มน้ำร้อนบนเตาที่ยังใช้งานได้ดี แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ ระหว่างที่รอน้ำเดือด เธอก็ควานหาแก้วกาแฟบนชั้นเก็บของข้างโต๊ะอาหาร
“อื้อหือ…ในนี้ฝุ่นเยอะจัง สงสัยต้องทำความสะอาดบ้างเสียแล้ว” เธอคิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำในตอนนี้ คงต้องรออีกสักสองสามวันถึงจะทำ ตามสไตล์เอมิลี่
ไม่นานเธอก็เจอแก้วกาแฟสีเขียวเข้มใบหนึ่ง มีลายวาดสีขาวเป็นรูปใบไม้ ดูเป็นศิลปะแบบฉบับ “ปิแอร์” ผู้หลงใหลในศิลปะจากธรรมชาติ เธอจำได้ว่าซื้อมันมาจากร้านขายจานในเมือง มันดูสวยสง่ามีราศี แต่ก็สู้แก้วใบโปรดของเธอไม่ได้
น้ำเดือดแล้ว เธอจัดการชงชาสูตรของเธอแต่ครั้งนี้ใส่น้ำผึ้งเพียงสองช้อนเพราะเธออยากลด ความหวาน ก่อนนอน “เดี๋ยวนอนไม่หลับน่ะ” เธอคิด
เอมลี่เดินถือแก้วใส่น้ำชามานั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียง มองดูท้องฟ้ายามเย็น ดวงอาทิตย์ลับหายขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงสีส้มแดงหลังตึก ท้องฟ้าอีกด้านเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมืด ดวงดาวเริ่มปรากฏให้เห็น เอมิลี่เดินเข้าไปในห้อง แล้วกลับมาพร้อมขนมปังครึ่งแถว ที่มิสวิลโลวอบเมื่อเช้า เธอแบ่งกลับมาเพื่อเป็นมื้อค่ำ
“แค่มีชา อาหารทุกอย่างก็อร่อยแล้ว” เธอพึมพำ ฉีกขนมปังเข้าปากจนอิ่ม นั่งจิบชาเรื่อยๆจนถึงสามทุ่ม
เอมิลี่มองดูดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้าสีดำ มันส่องสว่างมากกว่าดาวดวงอื่นๆ ทำให้ครุ่นคิดถึงความฝันของเธอตอนกลางวัน แต่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว เธอเดินกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูระเบียง ล้างแก้วชาเรียบร้อย แล้วจึงเดินไปที่ห้องนอน
เธอเปิดหน้าต่างที่ติดเตียงด้านซ้าย เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลมเย็นๆโชยมาแตะที่แก้ม ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่าที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงขอบรั้วระเบียง หลังจากพินิจพิเคราะห์สักพัก เธอก็รูว่ามันคือแมวตัวหนึ่ง
“โถ่เอ๊ย…ทำให้ฉันตกใจหมด” เธอพูด เจ้าแมวตัวนั้นจ้องหน้าเธอ
“เจ้าแมวน้อย…แกง่วงไหม” เอมิลี่ถามเสียงค่อย มันคราง เมี้ยว หนึ่งครั้งเหมือนตอบว่าใช่
“ฉันก็เหมือนกัน ฮ้าววว” เธอหาวแล้วฟุบหน้าลงหมอน ปากมุบมิบ คล้ายว่าจะพูดว่า ฝันดีนะ ก่อนที่จะผล็อยหลับไป
ความคิดเห็น