ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Faith of the Liora

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (แก้ไขใหม่) : Preface (rewrite)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 56


     

    บทนำ (แก้ไขใหม่) : Preface (Rewrite)


    “โชคชะตา”

    ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสิ่งพิเศษที่เรียกว่า โชคชะตา

    สิ่งที่ลิขิตชีวิตของเราให้เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ

    แน่ล่ะ แต่ละคนย่อมมี โชคชะตาที่แตกต่างกัน

    บางคนย่อมหามันพบได้ตั้งแต่วัยเยาว์ แต่หน้าเศร้าที่บางคนกลับหามันไม่พบ

    เมื่อคุณพบมัน จงเปิดอ้ารับกับโชคชะตา

    แล้วปล่อยให้มันนำทาง

     

    หิมะที่ตกโปรยปรายในเวลาหัวค่ำ ทำให้หลังคาของหมู่บ้านบนเนินเขาเมืองฟรองซาลัวร์ ถูกหิมะปกคลุม เห็นเป็นสีขาวปุกปุยตัดกับสีแดงอิฐของปล่องไฟที่กำลังปล่อยควันออกมาพรั่งพรู

     บนพื้นก็เช่นกัน หิมะจับจองพื้นที่จนบดบังสนามหญ้าสีเขียวเหลืองจนหมด อากาศหนาวเย็นลงอีกสองถึงสามองศา เวลานี้ชาวบ้านต่างกอดกันกลมเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ดื่มโกโก้ในแก้วสีสันสดใส ห่มผ้าห่มและเล่าเรื่องราวของตนที่หน้าเตาผิง เด็กผู้หญิงบางคนอาจมีตุ๊กตาหมีเทดดี้ขนปุกปุยเป็นเพื่อนให้กอด เป็นครอบครัวที่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน

                    ภายนอกบ้านตามถนนช่างสงบเงียบ ไร้การสัญจรของผู้คน มีแสงสว่างเล็กน้อยจากโคมไฟข้างทาง และแสงไฟจากในบ้านที่ลอดผ่านหน้าต่าง ต้นไม้ซึ่งตอนนี้ไร้ซึ่งใบไม้เรียงรายอยู่อย่างไม่สม่ำเสมอ กิ่งของมันพริ้วไหวไปตามสายลมหนาวที่ส่งเสียงดังวืด

                    แสงไฟประดับตามต้นไม้ หลังคาบ้าน รวมไปถึงเสา และป้ายบอกทางต่างๆ ส่งแสงสีแดง ส้ม เขียว ฟ้า ระยิบระยับแข่งกับหมู่ดาวสุกไสวบนท้องฟ้า บ่งบอกถึงช่วงเทสกาลคริสมาสต์ได้อย่างดี

                    วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ เด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เตาผิงในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ข้างๆแม่ของเธอ พวกเขาสองคนกอดกันกลมใต้ผ้าห่มกำมะหยี่สีเขียวเข้ม พิงไฟที่หน้าเตาผิงซึ่งถูกปรับด้วยถุงเถ้าหลากสี และพวงตกแต่งรูปซานตาคลอส เพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น ภายในบ้านมีต้นคริสต์มาสสีเขียวต้นใหญ่สูงเจ็ดฟุตครึ่ง ตกแต่งด้วยเครื่องประดับนานาชนิด ทั้งกระดิ่ง ระฆังทองอันเล็กๆ กล่องของขวัญจิ๋ว สายรุ้งหลากสี และมีดวงดาวสีทองอยู่บนยอดสูงสุด

                    “เอมิลี่จ๊ะ” หญิงสาววัยเกือบสามสิบ ผมแดงเพลิง กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ

                    “คะ แม่” เด็กหญิงผมแดงวัยหกปี ตอบเสียงใส ตาของเธอปรือเล็กน้อย มันเลยเวลานอนของเธอมาแล้ว แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ ดังนั้นเธอจึงได้รับอนุญาตให้นอนดึกได้ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจเล็กๆของเด็ก

                    “ท่าทางจะง่วงแล้วนะ อยากนอนหรือยังเอ่ย” แม่ถามอย่างใจดี

                    “ยังค่ะแม่ หนูยังไม่ง่วง” เอมิลี่ตอบ แต่เธอกลับหาวตามมาอีกหนึ่งฟอด

                    “แน่ะ นี่หรือไม่ง่วง” แม่หัวเราะ

                    “ไม่ค่ะ” เธอยิ้ม “หนูจะรอจนกว่าคุณลุงซานตาคลอสจะมาให้ของขวัญ”

                    หญิงผู้นั้นยิ้มน้อยๆแล้วหอมที่แก้มเอมิลี่หนึ่งที ทำเอาเธอหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้

    “คอยดูให้ดีนะ  อย่าร้องไห้ อย่าหน้างอ จะบอกให้ว่าทำไม ก็ซานตาคลอสกำลังจะมาเมืองเราน่ะซิ” แม่ร้องเพลงซานต้าคลอสอิสคัมมิ่งทูทาวน์ขึ้น เสียงของเธอทำให้เด็กน้อยเคลิบเคลิ้ม

    “ซานต้ากำลังทำรายการ ตรวจทานถ้วนถี่ คราวนี้ซานต้าจะรู้ว่าเด็กคนไหนเกเร คนไหนเป็นเด็กดี ซานตาคลอสกำลังจะมาเมืองเรา”

    หนังตาของเอมิลี่เริ่มหนักขึ้น แม่ของเธอยังคงร้องเพลงกล่อมเธอต่อไป

    “ซานต้าเห็นเธอเมื่อยามเธอหลับ ซานต้ารู้ เวลาเธอตื่นขึ้นมา ซานต้ารู้ว่าเธอเคยทำดีหรือไม่ดี ดังนั้น ทำตัวดีๆล่ะ”

                    “แม่คะ” เอมิลี่ขัดขึ้น เสียงของเธอฟังดูอู้อี้ “คิดว่าหนูจะได้อะไรจากลุงซานต้าคะ”

                    “ไม่รู้สิจ๊ะ ลูกคิดว่าอะไรล่ะ”

                    “หนูอยากได้นิทานสักเล่มหนึ่ง หนูชอบ….หาวอ่านนิทาน”

                    “หนูเป็นเด็กดีแบบนี้ แล้วซานต้าจะไม่ให้ได้ยังไงล่ะจ๊ะ”

                    “ค่ะ” เธอผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของแม่ รู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าเตาผิงใดๆบนโลกนี้

                    .

                    .

                    .

                    เหนือขึ้นไปจากบ้านของเอมิลี่ เหนือสายหิมะที่ตกหนักขึ้น เหนือขึ้นไปบนเมฆขาวท่ามกลางราตรี ไม่มีใครรู้ว่า เหนือขึ้นไปแค่ไหน แต่รู้แค่ว่า มันไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ธรรมดาจะคาดถึงแน่

                    บนสรวงสวรรค์ที่แสนงดงาม เข้าไปในวิหารสีขาวใหญ่โตของเหล่าเทพ และเทพี ที่ส่งแสงเรืองรองอร่ามตา เด่นเป็นสง่าท่ามกลางท้องฟ้าสีนิล ส่องสว่างยิ่งกว่าแสงไฟประดับวันคริสต์มาสเป็นล้านๆดวง อากาศบนนี้สงบ และเงียบเชียบ ไม่มีวี่แววของหิมะ หรือลมแม้แต่น้อย

                    ลอยเข้าไปในวิหาร เทพีสามพระองค์ กำลังนั่งกลัดกลุ้มกันอยู่ ชุดของนางทั้งสามคล้ายๆกัน มันเป็นผ้าคลุมสีขาวเนื้อนุ่มละมุน ถูกจัดแต่งให้กลายเป็นผ้าคลุมตัวอย่างดี รอบตัวของนางทั้งสามมีประกายสีทองเรืองรอง

                    “แย่แน่ๆ เลย” เทพีองค์หนึ่งกล่าวขึ้น น้ำเสียงของนางก้อง แต่สั่นเครือ นั่นคือเทพีเฮรานั่นเอง นางดูกังวลมาก สีหน้าดูซีดอย่างหน้ากลัว

                    “ใจเย็นก่อน เฮรา ถึงท่านกังวลไปแบบนี้ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้” เทพีอโฟรไดท์ตอบ สีหน้าของนางต่างจากเฮราถนัด

                    “แต่ เราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ”

                    “ข้าเข้าใจ” เทพีอีกองค์ ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่ง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ท่านก็รู้ เฮรา เทพ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของธรรมชาติได้”

                    “ถึงเราจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งหมด แต่สำหรับเรื่องนี้มันร้ายแรงมากเลยนะ อะธีนา” นางตอบ

                    “ท่านน่าจะปล่อยวางมันนะ เหมือนกับตอนพันห้าร้อยปีก่อน” อโฟรไดท์เดินไปที่พิณสีทอง ที่ตั้งอยู่ริมห้อง แล้วบรรจงเล่นด้วยทำนองไม่ช้า และไม่เร็ว

                    “แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวท่านโดยเฉพาะเลยนะ อโฟรไดท์ ท่านไม่คิดกังวลบ้างหรือ” เฮรากุมมือทั้งสองข้างแน่น มองไปที่อโฟรไดท์ซึ่งกำลังเล่นพิณอย่างสงบนิ่ง นางไม่ตอบอะไร เพียงแต่บรรเลงเพลงไปเรื่อยๆ

                    “ท่านนี่ใจเย็นจริงๆนะ” อะธีนาพูดขึ้น “ช่วงฤดูใบไม้ผลิเพลาๆหน่อยละกัน พวกนางฟ้าน่ะเกิดเยอะเกินที่สภาสูงจะรับไหวแล้ว พวกเขาร้องเรียนมา”

                    “เฮ่อ” อโฟรไดท์หยุดเล่น วิหารเงียบลงอีกครั้ง “สภาสูงอีกแล้วเรอะ”

                    “ใช่ ข้าล่ะกลุ้มใจ”

                    “พวกท่าน ช่วยสนเรื่องนี้ก่อนได้ไหม” เฮราแย้งขึ้น “ข้าเคยเสียเศษหนึ่งส่วนสามของทั้งหมดให้กับชาวกรีกไปแล้วนะ ท่านจะยอมเสียอีกส่วนไปด้วยหรือ”

                    “ชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว เฮรา” อโฟรไดท์ทวนคำพูดของนางซ้ำ

                    “แต่” เฮราดูเหมือนจะอ้อนวอน

                    “แบบนี้ก็ได้ เฮรา” อะธีนาเสนอความคิดขึ้น “เราเปลี่ยนแปลงชะตาไม่ได้ แต่เราสามารถใช้ชะตาอื่นเข้าช่วยได้”

                    “อย่างไรล่ะ” อโฟรไดท์ถาม

                    “เมื่อมีผู้ทำลาย ก็ย่อมมีผู้บูรณะ” อะธีนาเดินมาหาเฮรา นางหยิบลูกแก้วสีเงินออกมาจากชุดขาว “ชะตาใหม่ของผู้บูรณะจะถูกกำหนดขึ้น ผู้ที่มีคุณสมบัติ จะได้รับเลือก ไม่ว่าอ่อนหรือแก่”

                    “หมายความว่า ท่านจะให้ใครสักคน เป็นผู้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือ” เฮราถาม สีหน้าเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย

                    “ถูกต้องแล้ว” อะธีนาโบกมือผ่านลูกแก้วนั้นอย่างช้าๆ มันเปล่งประกายสีขาววาบ แสงสว่างเริ่มส่องออกมา ภาพบนลูกแก้วเริ่มปรากฏเป็นร่างร่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงผมแดง ที่กำลังนอนกอดแม่อย่างอบอุ่น เอมิลี่นั่นเอง

                    “แต่เธอเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งนะ” อโฟรไดท์แย้ง

                    “แน่นอน แต่ลูกแก้วแห่งโอลิมปัสไม่เคยโกหก” นางตอบ “เมื่อถึงเวลาอีกสิบห้าปี เด็กน้อยคนนี้จะเป็นผู้แก้ไขทุกอย่างเอง”

                    “ถ้ารอถึงตอนนั้นอาณาจักรจันทราคงล่มสลายไปนานแล้วล่ะ” เฮรานั่งลง ถอนหายใจดังเฮือก

                    “ชะตาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ข้าบอกท่านแล้ว” อะธีนาพูด

                    “ก็ยังดีกว่า ใช่ไหม” อะโฟรไดท์เสริม

                    “ถ้างั้น ตามทูตสวรรค์มา เราจะต้องส่งเครื่องหมายไปให้เธอ” เฮรากล่าว

                    .

                    .

                               .

                    “ท่านช่วยจัดการส่งนี่ให้ถึงที่ของเธอนะ” เฮรากล่าวกับทูตสวรรค์ กำชับนักหนาว่าสำคัญ

                    “ขอรับ ไม่ต้องห่วง” เขาตอบด้วยความนอบน้อมก่อนที่จะบินหายไปลับตา

                    “ข้าเชื่อว่า เด็กคนนั้นจะต้องแก้ไขทุกอย่างได้ ประวัติศาสตร์แห่งสามอาณาจักรจะต้องถูกจารึกใหม่” อะธีนาพูด

                    “ข้าขอให้เป็นอย่างที่ท่านว่า” เฮรากุมมืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เบาลงกว่า

                    หนูน้อยเอมิลี่หลับปุ๋ย เธอไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นกลายเป็น คนที่สำคัญมากที่สุดคนหนึ่งเพียงข้ามคืน เธอเพียงนอนหลับฝันอย่างมีความสุขในห้องนอน และไม่มีทางรู้เลยว่าตื่นเช้ามาพบกับหนังสือนิทานเล่มเก่าสีน้ำตาล วางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสในบ้านของเธอ มันเปลี่ยนแปลงเธอ ไปตลอดกาล


    Writer talk : อย่าหยุดอ่านแค่บทนำล่ะครับทุกคน อ่านบทต่อไปด้วยนะ :D

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×