คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
ซ้าย ทางสะดวก ฟั่บ ขวา ทางสะดวก เอาล่ะ เวลานี้แหละเหมาะสุดแล้ว นับหนึ่งสอง สาม แล้ววิ่งสุดตัวเลยนะสกาย วัน ทู ทรี เลทโก้ว!!! ฉันก้าวขาฉับๆอย่างรวดเร็วด้วยความโล่งใจเป็นอย่างมาก เฮ้อ! ว่าแต่ทำไมความรู้สึกเหมือนยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ก้าวเลยสักนิด ตึก ตัก ตึก ตัก หัวใจกลับมาเต้นอย่างกังวลอีกครั้งหนึ่ง
“เธอจะไปไหน”เสียงผู้ชายดังมาจากเบื้องหลัง เขาเป็นคนๆเดียวกับที่ดึงเสื้อฮู้ดฉันไว้ ลุง รปภ. เหรอเนี่ย แต่เสียงฟังดูไม่ได้แก่เลยสักนิด ใครกันๆ ฉันไม่กล้าหันไป หรือว่าโจร ฉันกำลังโดนจี้อยู่ใช่ไหม ดีๆๆ จี้ฉันเลย ถ้าหันไปแล้วเป็นโจรฉันจะดีใจแต่กลัวว่าเขาจะเป็นเจ้าของรถคันนั้นนะสิ เอ่อ ปอร์เช่นะ ไม่อยากจะเอ่ย ชื่อ รถคันนี้เลย อ๊ายยยย เอาเหอะ ฉันถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปหาผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
กรี๊ดๆ กร๊าดๆ หล่อโฮก หล่อฮาก หล่อมาก หล่อมาย หล่อเกินบรรยาย หล่อลาก ถ้าให้บรรยายมันคงเยอะเป็นแน่แท้ แววตาที่ดูยังไงๆก็เป็นกังวลของฉันโดนจ้องมองด้วยสายตาที่คมดั่งพญาเหยี่ยวที่ใครได้จ้องเหมือนต้องมนต์สะกดเลยล่ะ ใบหน้าที่หล่อคมรับกับเรียวปากสีชมพูธรรมชาติที่ผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ถ้าเกิดว่าหน้าเขาหวานฉันก็จะคิดว่าเขาต้องเป็นตุ๊ดหรือไม่ก็เก้งกวางอะไรทำนองนั้น แต่นี้หน้าที่หล่อคม จมูกที่โด่งเป็นสัน คิ้วที่คมและเข้ม ทรงผมที่สไลต์ถูกเซ็ตเป็นทรงเท่ๆ การแต่งตัวที่มองเผินๆก็แค่เสื้อยืดธรรมดา กางเกงยีนส์ที่ดูขาดๆที่เหมือนของไม่มีราคา แต่เมื่อเขาสวมใส่กลับดูดีมีออร่า แหง้ล่ะ มียี้ห้อทั้งนั้นเลย เอ๊ะ นี่หมอนี้ปล้นจนสามารถซื้อของแพงๆมียี่ห้อแบบนี้ใส่เลยเหรอ
“นี้! เธอ” หมอนั้นกะตุกฮู้ดจนฉันต้องสะดุ้งจากความคิดที่ผ่านๆมานั้นแหละ เห็นไหม แค่วูบเดียวฉันยังอึ้งขนาดนี้เลย หล่อได้ใจจริงๆเลย เอาเลย พร้อมให้ปล้นแล้วแหละ I’m ready !!!
“นายจะเอาอะไร เอาไปเลย อ่ะ”ฉันพูดกับเขาก่อนจะยื่นกระเป๋าให้เขาแล้วก้มหน้า ฉันคิดไว้ว่า พอเข้ารับกระเป๋าปุ๊บ ฉันก็จะวิ่งปั๊บเลย เดี๋ยวเจ้าของรถคันนั้นเขาจะมา แต่หมอนั้นกลับหัวเราะเฉย เป็นงั้นไป ฉัน งง นะเฟ้ย
“นายขำอะไร เอาไปเซ่ เร็วๆ”ฉันเงยหน้ามาตะคอกใส่เขา ก่อนจะยื่นกระเป๋าให้เป็นรอบที่สอง
“ฉันไม่ต้องการ!”เขาเน้นพูดเสียงจนฉันสะดุ้งโหยงในใจ อะไร นี่เขาจะไม่ปล้นแต่จะข่มขื่นฉันใช่ไหม ม่ายยยยย แบบนี้ไม่เอานะ
“แล้วนายจะเอาอะไรล่ะ”ฉันก้มหน้าตะคอกใส่เขา เพราะไม่กล้ามองหน้าถ้าเกิดว่าเขาจะตอบมาเป็นตัวฉัน ไม่ๆ เขิน อาย เฮ้ย! ไม่ใช่ ฉันกลัวจริงๆนะ ใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้วนะ เงียบไปแป๊บหนึ่งเขาก็หัวเราะในลำคอ ยิ่งทำให้ฉันกลัวเข้าไปใหญ่
“ไม่นะ อย่าทำอะไรฉันนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วยจริงๆด้วย”ฉันเงยหน้ามาจ้องตาเขาแล้วพูดใส่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“ก็เอาสิ ถ้าเธอคิดว่ามันดีสำหรับเธอ หึหึ”คำพูดเขาทำใจฉันหล่นไปอยู่ส้นเท้าแล้วล่ะ หมายความว่าไงอ่ะ
“นายหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”
“เธอต้องไปกับฉัน”พูดจบเขาก็ดึงฮู้ดทำให้ฉันโดนลากไปโดยปริยาย
“เฮ้ย ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน ไม่นะ ปล่อย ฉันจะตะโกนจริงๆนะ”ฉันพยายามดิ้นสุดแรง ปากก็พูดไม่หยุด แง้ๆเขาจะพาฉันไปขมขื่นใช่ไหม ไม่นะ ม่ายยยยยยย
“เข้าไปดีๆ อย่าให้ฉันต้องอุ้มล่ะ”เขาหยุดกะทันหันทำให้ฉันไปชนแผ่นหลังข้างเขาโดยไม่ตั้งใจ รถสีน้ำเงิน ใช่แล้ว ปอร์เช่ด้วย อย่าบอกนะว่า ขะ ข่ะ เขา เป็นเจ้าของรถคันนี้อ่ะ ไม่จรี้งงงงง!!!
“หรือจะให้อุ้ม”เขาพูดแล้วทำท่าทางจะชอนตัวฉันไปในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่ดูมีเลสนัย ทำให้ฉันปฏิเสธแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถอย่างอัตโนมัติ ว้าว ในที่สุดฉันก็มีบุญมีวาสนาที่ได้นั่งปอร์เช่กะคนอื่นเขาเหมือนกันแหะ กรี๊ดๆๆๆ แบะนุ่มเป็นบ้า นั่งแล้วดูไฮโซขึ้นเลย แต่เดี๋ยวก่อน หมอนั่น อย่านะ ไม่จริงใช่ไหม เขาเป็นเจ้าของรถงั้นสิ T^T’
“เออ คือ เรื่องนั้นฉันอธิบายนะ คือ เออ”ฉันหันไปหาเขาด้านคนขับแล้วพูดตะกุกตะกัก แต่เขากลับไม่สนใจ
“ว่าไง”เขารับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในขณะที่รถแล่นออกมาจากห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
“เออ แล้วเจอกัน”เขาวางสายแล้วหันมามองหน้าฉันก่อนจะเอ่ยปากพูด
“เมื้อกี้เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ฟัง” กรี๊ด เจ็บปวด ฉันเกลียดที่สุดคือการพูดแล้วไม่มีคนฟัง ให้ตายสิ
“คือ เรื่องรถนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ยังไงซะเธอก็ผิดอยู่ดี”
“นายจะให้ฉันรับผิดชอบชดใช้ยังไงล่ะ”ฉันส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาเผื่อเขาจะเห็นใจ
“ชดใช้งั้นเหรอ เธอรู้ไหมปอร์เช่เคาะสีใหม่ทีหนึ่งหมดกี่แสน นี่มันปอร์เช่นะ ไม่ใช่รถขนผักขนผลไม้” เป็นแสน ฉันจะเป็นลมค้า รถที่บ้านฉันที่ไว้ใช้ขนสตรอเบอร์รี่เคาะสีที่หนึ่งไม่เกินสามพันบาทล่ะ นี่เป็นแสน ลมจับเลยทีเดียว
“ครับแม่”อีกครั้งที่เขารับโทรศัพท์ ฉันจะไม่พูดอะไรไปเด็ดขาด เพราะเขาคงจะไม่ฟัง
“ครับ สวัสดีครับ”เมื่อเขาวางสายเสร็จเขาก็หันมาจ้องหน้าฉันก่อนจะหันไปขับรถต่อ
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”
“แจ้งความ”
“ไม่นะ ไม่เอา ให้ฉันเป็นเบ้นายก็ได้นะ อย่าแจ้งความเลยนะ”ฉันเขย่าแขนเขาเป็นพัลวัน ลืมไปเลยว่าเขากำลังขับรถอยู่
“เอางี้ไหมล่ะ”คำพูดของเขาทำให้หยุดแล้วจ้องหน้าเขาด้วยความงุนงง
“อะไร”ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เพราะฉันรู้สึกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฉันแน่ๆ
“ไปทานข้าวกันก่อนดีกว่า ฉันหิว”พูดจบเขาก็เร่งความเร็วรถขึ้นจนฉันกรี๊ดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ความคิดเห็น