นิยายเรื่อง ปฏิบัติการแค้นตามแผนการรัก
สวัสดีครับ ผมมัธทิว อัครมหาเสรี พึ่งสมัครสมาชิก ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านนิยายของผมไม่รู้ว่าจะสนุกหรือเปล่า
ผู้เข้าชมรวม
60
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ปัง! ปัง!! ปัง!!!
“มอบตัวซะเถอะ ผู้กองศุภชัย ถึงผู้กองจะทำแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ผู้กองหมดหนทางที่จะหนีแล้ว”
“เหอะ...เหอะ มอบตัวอย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันมอบตัว ก็เท่ากับว่าฉันก็โง่สิวะ! ฉันไม่ยอมติดคุกง่ายๆหรอก”ศุภชัยค่อยๆหันกระบอกปืนไปที่ตัวเองอย่างช้าๆ
“ศุภชัยนายอย่าทำอย่างนี้ ฉันขอเถอะ”ผมพูด
“ขอ...ขออย่างนั้นหรอ ก็ได้ ฉันขอ...ให้แกไปตายซะใอ้เพื่อนทรยศ!!”ศุภชัยรีบหันกระบอกปืนมาหาผมทันที ตอนนี้เหมือนกับว่าศุภชัยกลายเป็นคนขาดสติไปแล้ว
“พวกแก...แก แล้วก็แก ถ้าตามฉันมา พวกแกอย่าหวังเลยว่าจะได้เรียกชื่อฉัน”ศุภชัยพูดพร้อมกับใช้ปืนชี้ไปที่ตำรวจแต่ละนายพร้อมกับชี้มาที่ผมด้วยก่อนจะค่อยๆเดินถอยห่างออกจากตำรวจแล้วก็ผม
“ศุภชัย นายอย่าทำอย่างนี้นะ”
“ไม่!! ลาก่อน...”
“ศุภชัยนายอย่า...อย่า...อย่า!!!”
ปัง!!!
ศุภชัยหันกระบอกปืนไปที่ศรีษะของตัวเองพร้อมกับเหนี่ยวไกปืนไปเต็มแรง ทำให้ศุภชัยได้ตกลงไปจากตึก ภาพมันฉายชัดเข้ามาในสายตาของผม ผมเห็นศุภชัยยิงตัวเอง ผมเห็นศุภชัยตกจากตึก มันเป็นภาพที่ติดตาผมและเป็นภาพของศุภชัยเมื่อ 3 เดือนก่อน
ศุภชัยเป็นเพื่อนสนิทของผม มันเป็นความผิดของผมเอง มันเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมไม่สามารถย้อนเวลาให้มันกลับคืนมาได้ใช่ไหม! ศุภชัย...ฉันขอโทษนายนะ แต่มันคงสายไปแล้ว ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเปลี่ยนไปและเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายฆ่าตัวเอง ฉันขอโทษ... แต่ก่อนที่ผมจะต้องมาเสียเพื่อนสนิทของผมไปนั้น มันมีปมบางอย่างที่อยากจะเล่าให้ผู้อ่านได้ฟัง ก่อนที่ศุภชัยจะกลายเป็นคนไม่ดีนั้นเขาเคยเป็นคนยังไง และนอกจากผมแล้วมันยังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ศุภชัยเปลี่ยนไป ย้อนเวลากลับไป...
ตอนที่ 1
“หวัดดีครับ ผู้กอง”มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ข้างหลังผม”ผมจึงหันกลับไปมอง
“อ้าว!จ่าแต้ว มาแต่เช้าเลยนะ”
“ครับ ผู้กอง วันนี้เป็นเวรของผมน่ะครับ เอ่อ...แล้วผู้กองศุภชัยยังไม่มาหรอครับ”จ่าแต้วพูดพร้อมกับมองรอบๆห้องว่ามีศุภชัยมั้ย
“อ๋อ...ผู้กองศุภชัยติดธุระน่ะครับ”
“ติดธุระ...แล้วธุระอะไรหรือครับผู้กองรู้หรือเปล่า”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้นะ ผู้กองศุภชัยไม่บอก”
“อ้าว...เป็นเพื่อนสนิทกันยังไงครับเนี่ยถึงไม่รู้น่ะครับ”
“เรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องบอกกันก็ได้นี่ครับจ่าแต้ว”
“55+ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ”จ่าแต้วพูดพร้อมกับหัวเราะ
“55+ครับ”
“เอ่อ...ผู้กองครับ”ผมซึ่งกำลังจะเดินจากจ่าแต้วไปแต่...จ้าแต้วเรียกผมก่อนผมจึงหันกลับไปหาจ่าแต้ว
“อะไรหรอครับ...จ่าแต้ว”
“เอ่อ...เมื่อวานนี้ตอนที่ผู้กองแล้วก็ผู้กองศุภชัยกลับไปน่ะครับมีผู้ชายคนหนึ่งอยากเจอผู้กองมากเลยครับ ผมเลยลองไปถามผู้ชายคนนั้นดูว่ามาหาใคร ผู้ชายคนนั้นบอกว่ามาหาผู้กองมีธุระจะคุยด้วย เห็นว่าชื่อเอกยุทธ์น่ะครับ”
“เอกยุทธ์...อ๋อ...พี่ชายของผมเองน่ะ”
“แล้วทำไมคุณเอกยุทธ์เขาถึงไม่บอกผมล่ะครับว่าเป็นพี่ชายของผู้กองน่ะ”
“พี่ชายของผมน่ะ เขาเย็นชามาก จะไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้าน่ะครับ”
“อ๋อ...ผมเข้าใจแล้วครับ เอ่อ...แล้วพี่ชายของผู้กองไม่โทรมาหาผู้กองหรอครับ”คำพูดของจ่าแต้วนั้นทำให้ผมหัวเราะขึ้นมาทันที ส่วนจ่าแต้วนั้นมีสีหน้าที่งงมาก
“55+จ่าแต้วไม่รู้อะไร พี่ชายของผมน่ะไม่มีโทรศัพท์หรอกครับ”คำพูดของผมยิ่งทำให้จ่าแต้วมีสีหน้าที่งงมากขึ้นกว่าเดิม
“5555 จ่าแต้วน่ะหยุดสงสัยเถอะครับ ผมบอกให้ก็ได้ พี่ชายของผมน่ะเป็นคนที่ไม่ชอบโทรศัพท์เวลาที่มีธุระและสำคัญมากกับใครจะไปหาคนนั้นเลยครับ แต่ถ้าพี่เขาขี้เกียจไปก็จะใช้โทรศัพท์บ้านโทรเองน่ะครับ”
“อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว แล้วก็เข้าใจมากด้วยเป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ครับ...”
ครืด~ครืดดดดดด~
เสียงโทรศัพท์ของผมนั้นสั่น ผมจึงล้วงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ‘คุณอาดนัย’ ตัวหนังสือปรากฏอยู่หน้าจอของผม คุณอาดนัยโทรมาซึ่งคุณอาดนัยนั้นเป็นเพื่อนของคุณพ่อผมเอง
“ผมขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะจ่าแต้ว”
“อ๋อ...เชิญครับ”ผมจึงรีบเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองทันที พร้อมกับกดรับสายคุณอาดนัย
“สวัสดีครับ คุณอา”
[อืม...สวัสดี หลานรัก สบายดีไหมเอ่ย] เสียงของคุณอาดนัยดูสดใสมาก
“สบายดีครับคุณอา แล้วคุณอาสบายดีหรือเปล่าครับ ไม่ได้พูดคุยกันนานเลย นึกว่าคุณอาลืมผมซะแล้ว”
[อาไม่ลืมหลานหรอก อาอยู่ที่บ้านสบายดีมาก แล้วก็มากด้วย] คุณอาดนัยเน้นที่คำว่า ‘มาก’ นั่นทำให้ผมสงสัย
“เอ่อ...ครับคุณอา”
[หลานคงสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมอาถึงเน้นคำว่ามาก] คุณอารู้ได้ยังไงเนี่ยว่าเรากำลังสงสัยอยู่
“ครับ คุณอา”
[นี่แหล่ะ ที่อาโทรมาหาหลานก็เพราะว่า...]
“...” ผมไม่ตอบและฟังคุณอาพูดอย่างตั้งใจ
“เพราะว่า...พรุ่งนี้ตอนเช้าลูกสาวของอาจะกลับมาแต่เมืองนอก!! ]
“จริงๆหรอครับ! คุณอา ผมดีใจด้วยนะครับ ลูกสาวของคุณอาคงจะเรียนจบแล้ว”
[ 55+ ใช่แล้ว หลานคงรู้นะว่าลูกสาวของอาคือใคร]
“ใช่...เกศแก้วหรือเปล่าครับ” เอ่อ...ผมลืมบอกไปว่าคุณอาดนัยนั้นมีลูกอยู่สามคน คนแรกเป็นผู้ชายชื่อ...ภูวดล แต่งงานแล้ว ส่วนคนที่สองเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าผมอยู่ 1 ปีชื่อว่า...วิไล แต่งงานแล้ว และคนสุดท้ายเป็นลูกคนสุดท้องของภรรยาของคุณอาดนัยได้ยินอยู่หยกๆว่าเธออายุประมาณ 25 ปีหรือประมาณ 26 ปี ผมมีอายุมากกว่าเธอประมาณ 3-4 ปีนี่แหล่ะ ชื่อว่า...เกศแก้ว ผมเคยเห็นเธออยู่นะแต่ว่าจำไม่ได้ เธอไปเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็กแล้ว
[ใช่แล้ว ทำไมหลานของอาเก่งจัง แล้วก็พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเกศแก้วซึ่งตรงกับวันที่เกศแก้วกลับมาจากฝรั่งเศส อาก็เลยอยากให้หลานไปรับเกศแก้วที่สนามบินกลับอาด้วย แล้วก็ตอนเย็นอาอยากให้หลานมางานวันเกิดของลูกสาวของอาพอจะว่างหรือเปล่า]
“เอ่อ...ผมขอคิดดูก่อนนะครับ ถ้าผมว่างผมจะไปนะครับ”
[อืม...อย่าลืมนะ ถ้าหลานว่างอย่าลืมชวนศุภชัยมาด้วยล่ะ]
“55+ครับ”
[งั้น...อาไม่รบกวนหลานล่ะ แค่นี้นะ]
“ครับคุณอา”
วันต่อมา ~
เฮ้อ...นี่มันก็กินเวลามาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะทำไมเครื่องบินยังไม่ลงอีก!! ผู้อ่านคงรู้นะครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ใช่ครับผมอยู่ที่สนามบิน -_-^ ขาผมชาไปหมดแล้ว ต้องมายืนรอเกศแก้วอยู่กับศุภชัยกัน 2 คน แล้วที่สำคัญนะ ทำไม ทำไมกัน คุณอาดนัยจะต้องมาทิ้งผมกับศุภชัยไว้ที่นี่!! โอ๊ย!! อยากจะบ้าตาย...
“เฮ้ย!นี่มันก็นานตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะเนี่ย”ศุภชัยพูดด้วยอาการเบื่อๆ ผมก็คิดอย่างนั้นแหล่ะ
“ใช่ ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะชัย ขาของฉันชามากเลยตอนนี้”
“งั้น...ตอนนี้เรา 2 คนกลับก่อนมั้ย”
“จะกลับไปทำไม เดี๋ยวคุณอาก็ด่าเรา 2 คนหรอก ว่าไม่รอรับเกศแก้วกลับบ้านไปด้วย”
“เฮ้อ...ฉันจะไม่ตายก่อนได้เลื่อนยศหรอวะ”
ครืด~ครืดดดดดด~
เสียงโทรศัพท์ของผมมันสั่นทำให้ผมสะดุ้ง ผมจึงล้วงเอาโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า
“โอ๊ะ! คุณอาดนัยโทรมาพอดีเลย”
“รับเลย รับเลย”ศุภชัยคะยั้นคะยอให้ผมรับ ผมจึงรีบกดรับสายคุณอาดนัยทันที
“คุณอาครับ...นี่มันก็นานแล้วนะครับเนี่ย เครื่องบินยังไม่ลงเลยครับ”
[เอ่อ...ตอนนี้เกศแก้วอยู่ที่บ้านของอาแล้ว]
“อะ...อะไรนะครับ! เกศแก้วอยู่ที่บ้านของคุณอาแล้ว!!”
[ใช่ เกศแก้วลงจากเครื่องบินก่อนที่เราจะไปถึงสนามบิน เธอไม่เห็นพวกเราไปรับก็เลยนั่งรถแท็กซี่มาน่ะ]
“จริงหรอครับคุณอา”
[ใช่ อาต้องขอโทษด้วยนะ]
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ”
[55+ ตกลงว่าเย็นนี้หลานอย่าลืมมางานวันเกิดของลูกของอานะ แล้วก็อย่าลืมบอกปรีชากับอนงค์แล้วก็เอกยุทธ์มางานวันเกิดของลูกของอาด้วยล่ะพร้อมกับศุภชัยด้วยนะ]
“อ๋อ...ได้ครับคุณอา”
[งั้นแค่นี้นะ]
“ครับ”
ตู๊ด...ตู๊ด...
“เป็นยังไง คุณอาดนัยว่าอย่างไร”ศุภชัยถามผมและรอฟังคำตอบ
“คุณอาพูดว่าเกศแก้วกลับไปถึงบ้านตั้งนานแล้ว”
“อ้าว...แปลว่าเราก็มาเสียเที่ยวนี่”
“ใช่ คุณอาฝากบอกให้ฉันชวนนายไปด้วยนะ”คำพูดของผมนั้นทำให้ศุภชัยนั้นมองผมด้วยความสงสัย
“ชวน แล้วชวนอะไร”
ตอนที่ 2
...เวลาผ่านไป...ผู้คนในงานเริ่มทยอยมากันเยอะแล้ว คงรู้นะครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมอยู่บ้านของคุณอาดนัยแล้วคุณพ่อ คุณแม่แล้วก็พี่ชายของผมก็มาแล้วส่วนศุภชัยก็มาพร้อมกับผมตอนนี้เรา 2 คนอยู่ในงานแล้ว
“อ่ะนี่ น้ำส้มสำหรับตำรวจผู้บริสุทธิ์อย่างเรา 2 คน”ศุภชัยยื่นแก้วที่มีน้ำส้มให้กับผม
“ขอบใจนะ”ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้ศุภชัยอย่างเป็นมิตร พร้อมกับจิบน้ำส้มอย่างช้าๆ
“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกัน ^_^”ศุภชัยยิ้มกลับมาให้ผมทันที แล้วเราทั้ง 2 คนก็จิบน้ำส้มไปอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ น่าหลงใหล มันเหมาะมากที่คู่รักจะมาเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน มันทำให้ผมอยากจะเต้นตามเลยล่ะ
“อ่ะ เค้ก”ศุภชัยตักเค้กเข้าปากพร้อมกับมีสีหน้าที่บอกว่ามันอร่อยยังไงก็ไม่รู้ ก่อนจะยื่นจานเค้กมาให้ผม ดูสีสันของมันสดใสน่ากินมาก แต่...
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบกินเค้ก”ผมพูดพร้อมกับยื่นจานเค้กกลับไปให้ศุภชัยเหมือนเดิม
“เออน่า ลองชิมดูก่อน อร่อยนะ อร่อยมากด้วย มากเกินกว่าที่ฉันจะบรรยาย”ศุภชัยยื่นจานเค้กกลับมาให้ผม
“เออ!ก็ได้วะ”ศุภชัยยิ้มให้ผม แต่ผม...ไม่ ตอนนี้ผมซีเรียส ซีเรียส! แล้วก็ซีเรียส!! ผมมองจานเค้กด้วยสีหน้าที่เบื่อๆก่อนจะตักเค้กพอดีคำเข้าปาก
“ต้องอย่างนี้สิค่อยเป็นเพื่อนรักของฉันหน่อย ”
“อืม...อร่อยจริงๆด้วย”ผมจึงตักเค้กเข้าปากไปอีกที
“เห็นไหมล่ะขนาดคนไม่ชอบเค้กอย่างนายยังบอกว่าอร่อยเลย ฉันอยากรู้จังว่าใครเป็นคนทำเค้กนี้”ศุภชัยพูดพร้อมกับมองจานเค้กอย่างไม่ละสายตาเหมือนว่ากำลังจับผิดสิ่งบกพร่องที่อยู่ในจานเค้กอย่างนั้นแหล่ะ
“นายก็ลองถามเด็กเสิร์ฟอาหารดูสิ เผื่อเขาอาจจะรู้ว่าใครเป็นคนทำเค้กจานนี้”ผมบอกศุภชัย ศุภชัยจึงละสายตาจากเค้กแล้วรีบมองผมทันที
“เออ!ใช่ น้องๆมานี่หน่อยสิ”ศุภชัยเรียกให้เด็กเสิร์ฟผู้ชายอายุประมาณ 18-19 ปีนี่แหล่ะมา
“ต้องการเอาอะไรดีครับ”เด็กเสิร์ฟพูดพร้อมกับยื่นจานเสิร์ฟที่มีน้ำส้มหรือน้ำดื่มต่างๆมาให้เรา 2 คน พร้อมกับมีจานเค้กอยู่ด้วย
“เอ่อ...พวกพี่ไม่อยากได้อะไรหรอกแค่อยากรู้น่ะว่าใครเป็นคนทำเค้กนี้”ศุภชัยพูดพร้อมกับชี้ไปที่จานเค้กที่วางอยู่ในจานเสีร์ฟของเด็กคนนั้น
“อ๋อ...คนที่ทำเค้กนี้คือคุณเกศแก้วลูกสาวของคุณดนัยครับ”เด็กเสิร์ฟคนนั้นพูด
“ที่แท้ก็เป็นเกศแก้วนี่เองที่เป็นคนทำเค้กนี้ เอ่อ...น้องขอบคุณนะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...เงินไม่ได้หรอครับ”เด็กเสิร์ฟคนนั้นพูด นั่นทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ดูสิตอนนี้ศุภชัยทำหน้าตาเหมือนถูกค้อนทุบเลยแฮะ 55+ คนสมัยนี้อะไรอะไรก็เป็นเงินไปหมด บ้านเมืองช่างเจริญจริงๆ
“อ่ะ...ก็ได้”ศุภชัยยื่นเงินให้เด็กเสิร์ฟด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะให้สักเท่าไร เด็กเสิร์ฟรีบรับเอาเงินจากศุภชัยทันที
“นี่มัน...แค่ 20 บาทเองนะพี่”เด็กเสิร์ฟคลี่แบงค์ 20 ให้ศุภชัยดู ผู้อ่านรู้ไหมครับว่าศุภชัยน่ะงกมากแล้วก็...ขี้เหนียวด้วย ผมพูดแล้วนะก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลยล่ะ 55+
“นี่น้องจะเอาหรือไม่เอาเงินตั้ง 20 บาทเยอะจะตาย”
“นี่หรอครับเยอะ -_-^”
“นี่น้องพี่อุตส่าห์เอาให้แล้วนะถ้าไม่เอาพี่ขอคืน”ศุภชัยกำลังจะหยิบเอาเงินจากมือของเด็กเสิร์ฟ แต่ด็กเสิร์ฟรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที
“เอา...เอาครับพี่”
“งั้นแค่นี้ล่ะ พี่ไม่รบกวนน้องแล้ว(เดี๋ยวเสียตังค์ ^_^;)”
“ครับ ^^”เด็กเสิร์ฟจึงเดินจากไป ปล่อยให้ศุภชัยทำหน้าเบื่อๆ
“55+น่าตลกชะมัด”
“พอเถอะพอ พอเลย”ศุภชัยพูดด้วยอาการที่เบื่อ
“55+พอก็ได้วะ”ผมหัวเราะพร้อมกับจิบน้ำส้ม
“เฮ้ย!!เกศแก้วลูกสาวของคุณดนัยมาแล้ว”เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆผมกับศุภชัยที่บอกว่าเกศแก้วมาแล้ว ผมกับศุภชัยจึงมองไปตามนิ้วชี้ของชายคนนั้นโดยผมไม่ค่อยสนใจมากนัก
OoO >> ศุภชัย
O_o >> O_O >> OoO >> ผม
“สวย...ขาว...ใส...นางฟ้าชัดๆ”ศุภชัยพูดด้วยอาการที่เคลิ้ม ผมก็ว่าเหมือนกันแต่ว่า...เธอเดินมาทางนี้แล้ว ดูเธอยิ่งเดินเข้ามาใกล้ยิ่งสวยจริงๆนะผมพูดจริงๆเธอทำให้ทุกคนในงานมองเธออย่างตะลึง ไม่นึกว่าเธอจะสวยขนาดนี้ ไม่นึกเลย น่ารักด้วย
“ชนะ...”
“ชนะ!”
“ชนะ!!”
“ชนะ...เฮ้!!!”คุณอาดนัยเขย่าตัวผม ผมจึงสะดุ้ง
นี่คือนิยายที่ผมแต่ง รออ่านนะครับ พึ่งได้ตอนที่ 2 เอง
ผลงานอื่นๆ ของ mattiw-tantai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ mattiw-tantai
ความคิดเห็น