นิยายเรื่อง ปฏิบัติการแค้นตามแผนการรัก - นิยาย นิยายเรื่อง ปฏิบัติการแค้นตามแผนการรัก : Dek-D.com - Writer
×

    นิยายเรื่อง ปฏิบัติการแค้นตามแผนการรัก

    สวัสดีครับ ผมมัธทิว อัครมหาเสรี พึ่งสมัครสมาชิก ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านนิยายของผมไม่รู้ว่าจะสนุกหรือเปล่า

    ผู้เข้าชมรวม

    60

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    60

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.ย. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    นิยายเรื่อง ปฏิบัติการแค้นตามแผนการรัก

    บทนำ

    ปัง! ปัง!! ปัง!!!

    “มอบตัวซะเถอะ ผู้กองศุภชัย ถึงผู้กองจะทำแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ผู้กองหมดหนทางที่จะหนีแล้ว”

    “เหอะ...เหอะ มอบตัวอย่างนั้นเหรอ ถ้าฉันมอบตัว ก็เท่ากับว่าฉันก็โง่สิวะ! ฉันไม่ยอมติดคุกง่ายๆหรอก”ศุภชัยค่อยๆหันกระบอกปืนไปที่ตัวเองอย่างช้าๆ

    “ศุภชัยนายอย่าทำอย่างนี้ ฉันขอเถอะ”ผมพูด

    “ขอ...ขออย่างนั้นหรอ ก็ได้ ฉันขอ...ให้แกไปตายซะใอ้เพื่อนทรยศ!!”ศุภชัยรีบหันกระบอกปืนมาหาผมทันที ตอนนี้เหมือนกับว่าศุภชัยกลายเป็นคนขาดสติไปแล้ว

    “พวกแก...แก แล้วก็แก ถ้าตามฉันมา พวกแกอย่าหวังเลยว่าจะได้เรียกชื่อฉัน”ศุภชัยพูดพร้อมกับใช้ปืนชี้ไปที่ตำรวจแต่ละนายพร้อมกับชี้มาที่ผมด้วยก่อนจะค่อยๆเดินถอยห่างออกจากตำรวจแล้วก็ผม

    “ศุภชัย นายอย่าทำอย่างนี้นะ”

    “ไม่!! ลาก่อน...”

    “ศุภชัยนายอย่า...อย่า...อย่า!!!”

    ปัง!!!

    ศุภชัยหันกระบอกปืนไปที่ศรีษะของตัวเองพร้อมกับเหนี่ยวไกปืนไปเต็มแรง ทำให้ศุภชัยได้ตกลงไปจากตึก ภาพมันฉายชัดเข้ามาในสายตาของผม ผมเห็นศุภชัยยิงตัวเอง ผมเห็นศุภชัยตกจากตึก มันเป็นภาพที่ติดตาผมและเป็นภาพของศุภชัยเมื่อ 3 เดือนก่อน  

    ศุภชัยเป็นเพื่อนสนิทของผม มันเป็นความผิดของผมเอง มันเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมไม่สามารถย้อนเวลาให้มันกลับคืนมาได้ใช่ไหม! ศุภชัย...ฉันขอโทษนายนะ แต่มันคงสายไปแล้ว ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเปลี่ยนไปและเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายฆ่าตัวเอง ฉันขอโทษ... แต่ก่อนที่ผมจะต้องมาเสียเพื่อนสนิทของผมไปนั้น มันมีปมบางอย่างที่อยากจะเล่าให้ผู้อ่านได้ฟัง ก่อนที่ศุภชัยจะกลายเป็นคนไม่ดีนั้นเขาเคยเป็นคนยังไง และนอกจากผมแล้วมันยังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ศุภชัยเปลี่ยนไป ย้อนเวลากลับไป...

    ตอนที่ 1

    “หวัดดีครับ ผู้กอง”มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอยู่ข้างหลังผม”ผมจึงหันกลับไปมอง

    “อ้าว!จ่าแต้ว มาแต่เช้าเลยนะ”

    “ครับ ผู้กอง วันนี้เป็นเวรของผมน่ะครับ เอ่อ...แล้วผู้กองศุภชัยยังไม่มาหรอครับ”จ่าแต้วพูดพร้อมกับมองรอบๆห้องว่ามีศุภชัยมั้ย

    “อ๋อ...ผู้กองศุภชัยติดธุระน่ะครับ”

    “ติดธุระ...แล้วธุระอะไรหรือครับผู้กองรู้หรือเปล่า”

    “เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้นะ ผู้กองศุภชัยไม่บอก”

    “อ้าว...เป็นเพื่อนสนิทกันยังไงครับเนี่ยถึงไม่รู้น่ะครับ”

    “เรื่องบางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องบอกกันก็ได้นี่ครับจ่าแต้ว”

    “55+ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ”จ่าแต้วพูดพร้อมกับหัวเราะ

    “55+ครับ”

    “เอ่อ...ผู้กองครับ”ผมซึ่งกำลังจะเดินจากจ่าแต้วไปแต่...จ้าแต้วเรียกผมก่อนผมจึงหันกลับไปหาจ่าแต้ว

    “อะไรหรอครับ...จ่าแต้ว”

    “เอ่อ...เมื่อวานนี้ตอนที่ผู้กองแล้วก็ผู้กองศุภชัยกลับไปน่ะครับมีผู้ชายคนหนึ่งอยากเจอผู้กองมากเลยครับ ผมเลยลองไปถามผู้ชายคนนั้นดูว่ามาหาใคร ผู้ชายคนนั้นบอกว่ามาหาผู้กองมีธุระจะคุยด้วย เห็นว่าชื่อเอกยุทธ์น่ะครับ”

    “เอกยุทธ์...อ๋อ...พี่ชายของผมเองน่ะ”

    “แล้วทำไมคุณเอกยุทธ์เขาถึงไม่บอกผมล่ะครับว่าเป็นพี่ชายของผู้กองน่ะ”

    “พี่ชายของผมน่ะ เขาเย็นชามาก จะไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้าน่ะครับ”

    “อ๋อ...ผมเข้าใจแล้วครับ เอ่อ...แล้วพี่ชายของผู้กองไม่โทรมาหาผู้กองหรอครับ”คำพูดของจ่าแต้วนั้นทำให้ผมหัวเราะขึ้นมาทันที ส่วนจ่าแต้วนั้นมีสีหน้าที่งงมาก

    “55+จ่าแต้วไม่รู้อะไร พี่ชายของผมน่ะไม่มีโทรศัพท์หรอกครับ”คำพูดของผมยิ่งทำให้จ่าแต้วมีสีหน้าที่งงมากขึ้นกว่าเดิม

    “5555 จ่าแต้วน่ะหยุดสงสัยเถอะครับ ผมบอกให้ก็ได้ พี่ชายของผมน่ะเป็นคนที่ไม่ชอบโทรศัพท์เวลาที่มีธุระและสำคัญมากกับใครจะไปหาคนนั้นเลยครับ แต่ถ้าพี่เขาขี้เกียจไปก็จะใช้โทรศัพท์บ้านโทรเองน่ะครับ”

    “อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว แล้วก็เข้าใจมากด้วยเป็นอย่างนี้นี่เอง”

    “ครับ...”

    ครืด~ครืดดดดดด~

    เสียงโทรศัพท์ของผมนั้นสั่น ผมจึงล้วงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู ‘คุณอาดนัย’ ตัวหนังสือปรากฏอยู่หน้าจอของผม คุณอาดนัยโทรมาซึ่งคุณอาดนัยนั้นเป็นเพื่อนของคุณพ่อผมเอง

    “ผมขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะจ่าแต้ว”

    “อ๋อ...เชิญครับ”ผมจึงรีบเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองทันที พร้อมกับกดรับสายคุณอาดนัย

    “สวัสดีครับ คุณอา”

    [อืม...สวัสดี หลานรัก สบายดีไหมเอ่ย] เสียงของคุณอาดนัยดูสดใสมาก

    “สบายดีครับคุณอา แล้วคุณอาสบายดีหรือเปล่าครับ ไม่ได้พูดคุยกันนานเลย นึกว่าคุณอาลืมผมซะแล้ว”

    [อาไม่ลืมหลานหรอก อาอยู่ที่บ้านสบายดีมาก แล้วก็มากด้วย] คุณอาดนัยเน้นที่คำว่า ‘มาก’ นั่นทำให้ผมสงสัย

    “เอ่อ...ครับคุณอา”

    [หลานคงสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมอาถึงเน้นคำว่ามาก] คุณอารู้ได้ยังไงเนี่ยว่าเรากำลังสงสัยอยู่

    “ครับ คุณอา”

    [นี่แหล่ะ ที่อาโทรมาหาหลานก็เพราะว่า...]

    “...” ผมไม่ตอบและฟังคุณอาพูดอย่างตั้งใจ

    “เพราะว่า...พรุ่งนี้ตอนเช้าลูกสาวของอาจะกลับมาแต่เมืองนอก!! ]

    “จริงๆหรอครับ! คุณอา ผมดีใจด้วยนะครับ ลูกสาวของคุณอาคงจะเรียนจบแล้ว”

    [ 55+ ใช่แล้ว หลานคงรู้นะว่าลูกสาวของอาคือใคร]

    “ใช่...เกศแก้วหรือเปล่าครับ” เอ่อ...ผมลืมบอกไปว่าคุณอาดนัยนั้นมีลูกอยู่สามคน คนแรกเป็นผู้ชายชื่อ...ภูวดล แต่งงานแล้ว ส่วนคนที่สองเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าผมอยู่ 1 ปีชื่อว่า...วิไล แต่งงานแล้ว และคนสุดท้ายเป็นลูกคนสุดท้องของภรรยาของคุณอาดนัยได้ยินอยู่หยกๆว่าเธออายุประมาณ 25 ปีหรือประมาณ 26 ปี ผมมีอายุมากกว่าเธอประมาณ 3-4 ปีนี่แหล่ะ ชื่อว่า...เกศแก้ว ผมเคยเห็นเธออยู่นะแต่ว่าจำไม่ได้ เธอไปเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็กแล้ว

    [ใช่แล้ว ทำไมหลานของอาเก่งจัง แล้วก็พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเกศแก้วซึ่งตรงกับวันที่เกศแก้วกลับมาจากฝรั่งเศส อาก็เลยอยากให้หลานไปรับเกศแก้วที่สนามบินกลับอาด้วย แล้วก็ตอนเย็นอาอยากให้หลานมางานวันเกิดของลูกสาวของอาพอจะว่างหรือเปล่า]

    “เอ่อ...ผมขอคิดดูก่อนนะครับ ถ้าผมว่างผมจะไปนะครับ”

    [อืม...อย่าลืมนะ ถ้าหลานว่างอย่าลืมชวนศุภชัยมาด้วยล่ะ]

    “55+ครับ”

    [งั้น...อาไม่รบกวนหลานล่ะ แค่นี้นะ]

    “ครับคุณอา”

    วันต่อมา ~

    เฮ้อ...นี่มันก็กินเวลามาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะทำไมเครื่องบินยังไม่ลงอีก!! ผู้อ่านคงรู้นะครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ใช่ครับผมอยู่ที่สนามบิน -_-^ ขาผมชาไปหมดแล้ว ต้องมายืนรอเกศแก้วอยู่กับศุภชัยกัน 2 คน แล้วที่สำคัญนะ ทำไม ทำไมกัน คุณอาดนัยจะต้องมาทิ้งผมกับศุภชัยไว้ที่นี่!! โอ๊ย!! อยากจะบ้าตาย...

    “เฮ้ย!นี่มันก็นานตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะเนี่ย”ศุภชัยพูดด้วยอาการเบื่อๆ ผมก็คิดอย่างนั้นแหล่ะ

    “ใช่ ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะชัย ขาของฉันชามากเลยตอนนี้”

    “งั้น...ตอนนี้เรา 2 คนกลับก่อนมั้ย”

    “จะกลับไปทำไม เดี๋ยวคุณอาก็ด่าเรา 2 คนหรอก ว่าไม่รอรับเกศแก้วกลับบ้านไปด้วย”

    “เฮ้อ...ฉันจะไม่ตายก่อนได้เลื่อนยศหรอวะ”

    ครืด~ครืดดดดดด~

    เสียงโทรศัพท์ของผมมันสั่นทำให้ผมสะดุ้ง ผมจึงล้วงเอาโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า

    “โอ๊ะ! คุณอาดนัยโทรมาพอดีเลย”

    “รับเลย รับเลย”ศุภชัยคะยั้นคะยอให้ผมรับ ผมจึงรีบกดรับสายคุณอาดนัยทันที

    “คุณอาครับ...นี่มันก็นานแล้วนะครับเนี่ย เครื่องบินยังไม่ลงเลยครับ”

    [เอ่อ...ตอนนี้เกศแก้วอยู่ที่บ้านของอาแล้ว]

    “อะ...อะไรนะครับ! เกศแก้วอยู่ที่บ้านของคุณอาแล้ว!!”

    [ใช่ เกศแก้วลงจากเครื่องบินก่อนที่เราจะไปถึงสนามบิน เธอไม่เห็นพวกเราไปรับก็เลยนั่งรถแท็กซี่มาน่ะ]

    “จริงหรอครับคุณอา”

    [ใช่ อาต้องขอโทษด้วยนะ]

    “เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ”

    [55+ ตกลงว่าเย็นนี้หลานอย่าลืมมางานวันเกิดของลูกของอานะ แล้วก็อย่าลืมบอกปรีชากับอนงค์แล้วก็เอกยุทธ์มางานวันเกิดของลูกของอาด้วยล่ะพร้อมกับศุภชัยด้วยนะ]

    “อ๋อ...ได้ครับคุณอา”

    [งั้นแค่นี้นะ]

    “ครับ”

    ตู๊ด...ตู๊ด...

    “เป็นยังไง คุณอาดนัยว่าอย่างไร”ศุภชัยถามผมและรอฟังคำตอบ

    “คุณอาพูดว่าเกศแก้วกลับไปถึงบ้านตั้งนานแล้ว”

    “อ้าว...แปลว่าเราก็มาเสียเที่ยวนี่”

    “ใช่ คุณอาฝากบอกให้ฉันชวนนายไปด้วยนะ”คำพูดของผมนั้นทำให้ศุภชัยนั้นมองผมด้วยความสงสัย

    “ชวน แล้วชวนอะไร”

    ตอนที่ 2

    ...เวลาผ่านไป...ผู้คนในงานเริ่มทยอยมากันเยอะแล้ว คงรู้นะครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมอยู่บ้านของคุณอาดนัยแล้วคุณพ่อ คุณแม่แล้วก็พี่ชายของผมก็มาแล้วส่วนศุภชัยก็มาพร้อมกับผมตอนนี้เรา 2 คนอยู่ในงานแล้ว

    “อ่ะนี่ น้ำส้มสำหรับตำรวจผู้บริสุทธิ์อย่างเรา 2 คน”ศุภชัยยื่นแก้วที่มีน้ำส้มให้กับผม

    “ขอบใจนะ”ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้ศุภชัยอย่างเป็นมิตร พร้อมกับจิบน้ำส้มอย่างช้าๆ

    “ไม่เป็นไร เราเพื่อนกัน ^_^”ศุภชัยยิ้มกลับมาให้ผมทันที แล้วเราทั้ง 2 คนก็จิบน้ำส้มไปอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงดนตรีที่ไพเราะ น่าหลงใหล มันเหมาะมากที่คู่รักจะมาเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน มันทำให้ผมอยากจะเต้นตามเลยล่ะ

    “อ่ะ เค้ก”ศุภชัยตักเค้กเข้าปากพร้อมกับมีสีหน้าที่บอกว่ามันอร่อยยังไงก็ไม่รู้ ก่อนจะยื่นจานเค้กมาให้ผม ดูสีสันของมันสดใสน่ากินมาก แต่...

    “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบกินเค้ก”ผมพูดพร้อมกับยื่นจานเค้กกลับไปให้ศุภชัยเหมือนเดิม

    “เออน่า ลองชิมดูก่อน อร่อยนะ อร่อยมากด้วย มากเกินกว่าที่ฉันจะบรรยาย”ศุภชัยยื่นจานเค้กกลับมาให้ผม

    “เออ!ก็ได้วะ”ศุภชัยยิ้มให้ผม แต่ผม...ไม่ ตอนนี้ผมซีเรียส ซีเรียส! แล้วก็ซีเรียส!! ผมมองจานเค้กด้วยสีหน้าที่เบื่อๆก่อนจะตักเค้กพอดีคำเข้าปาก

    “ต้องอย่างนี้สิค่อยเป็นเพื่อนรักของฉันหน่อย ”

    “อืม...อร่อยจริงๆด้วย”ผมจึงตักเค้กเข้าปากไปอีกที

    “เห็นไหมล่ะขนาดคนไม่ชอบเค้กอย่างนายยังบอกว่าอร่อยเลย ฉันอยากรู้จังว่าใครเป็นคนทำเค้กนี้”ศุภชัยพูดพร้อมกับมองจานเค้กอย่างไม่ละสายตาเหมือนว่ากำลังจับผิดสิ่งบกพร่องที่อยู่ในจานเค้กอย่างนั้นแหล่ะ

    “นายก็ลองถามเด็กเสิร์ฟอาหารดูสิ เผื่อเขาอาจจะรู้ว่าใครเป็นคนทำเค้กจานนี้”ผมบอกศุภชัย ศุภชัยจึงละสายตาจากเค้กแล้วรีบมองผมทันที

    “เออ!ใช่ น้องๆมานี่หน่อยสิ”ศุภชัยเรียกให้เด็กเสิร์ฟผู้ชายอายุประมาณ 18-19 ปีนี่แหล่ะมา

    “ต้องการเอาอะไรดีครับ”เด็กเสิร์ฟพูดพร้อมกับยื่นจานเสิร์ฟที่มีน้ำส้มหรือน้ำดื่มต่างๆมาให้เรา 2 คน พร้อมกับมีจานเค้กอยู่ด้วย

    “เอ่อ...พวกพี่ไม่อยากได้อะไรหรอกแค่อยากรู้น่ะว่าใครเป็นคนทำเค้กนี้”ศุภชัยพูดพร้อมกับชี้ไปที่จานเค้กที่วางอยู่ในจานเสีร์ฟของเด็กคนนั้น

    “อ๋อ...คนที่ทำเค้กนี้คือคุณเกศแก้วลูกสาวของคุณดนัยครับ”เด็กเสิร์ฟคนนั้นพูด

    “ที่แท้ก็เป็นเกศแก้วนี่เองที่เป็นคนทำเค้กนี้ เอ่อ...น้องขอบคุณนะ”

    “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...เงินไม่ได้หรอครับ”เด็กเสิร์ฟคนนั้นพูด นั่นทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ ดูสิตอนนี้ศุภชัยทำหน้าตาเหมือนถูกค้อนทุบเลยแฮะ 55+ คนสมัยนี้อะไรอะไรก็เป็นเงินไปหมด บ้านเมืองช่างเจริญจริงๆ

    “อ่ะ...ก็ได้”ศุภชัยยื่นเงินให้เด็กเสิร์ฟด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะให้สักเท่าไร เด็กเสิร์ฟรีบรับเอาเงินจากศุภชัยทันที

    “นี่มัน...แค่ 20 บาทเองนะพี่”เด็กเสิร์ฟคลี่แบงค์ 20 ให้ศุภชัยดู ผู้อ่านรู้ไหมครับว่าศุภชัยน่ะงกมากแล้วก็...ขี้เหนียวด้วย ผมพูดแล้วนะก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลยล่ะ 55+

    “นี่น้องจะเอาหรือไม่เอาเงินตั้ง 20 บาทเยอะจะตาย”

    “นี่หรอครับเยอะ -_-^”

    “นี่น้องพี่อุตส่าห์เอาให้แล้วนะถ้าไม่เอาพี่ขอคืน”ศุภชัยกำลังจะหยิบเอาเงินจากมือของเด็กเสิร์ฟ แต่ด็กเสิร์ฟรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที

    “เอา...เอาครับพี่”

    “งั้นแค่นี้ล่ะ พี่ไม่รบกวนน้องแล้ว(เดี๋ยวเสียตังค์ ^_^;)”

    “ครับ ^^”เด็กเสิร์ฟจึงเดินจากไป ปล่อยให้ศุภชัยทำหน้าเบื่อๆ

    “55+น่าตลกชะมัด”

    “พอเถอะพอ พอเลย”ศุภชัยพูดด้วยอาการที่เบื่อ

    “55+พอก็ได้วะ”ผมหัวเราะพร้อมกับจิบน้ำส้ม

    “เฮ้ย!!เกศแก้วลูกสาวของคุณดนัยมาแล้ว”เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆผมกับศุภชัยที่บอกว่าเกศแก้วมาแล้ว ผมกับศุภชัยจึงมองไปตามนิ้วชี้ของชายคนนั้นโดยผมไม่ค่อยสนใจมากนัก

    OoO >> ศุภชัย

    O_o >> O_O >> OoO >> ผม

    “สวย...ขาว...ใส...นางฟ้าชัดๆ”ศุภชัยพูดด้วยอาการที่เคลิ้ม ผมก็ว่าเหมือนกันแต่ว่า...เธอเดินมาทางนี้แล้ว ดูเธอยิ่งเดินเข้ามาใกล้ยิ่งสวยจริงๆนะผมพูดจริงๆเธอทำให้ทุกคนในงานมองเธออย่างตะลึง ไม่นึกว่าเธอจะสวยขนาดนี้ ไม่นึกเลย น่ารักด้วย

    “ชนะ...”

    “ชนะ!”

    “ชนะ!!”

    “ชนะ...เฮ้!!!”คุณอาดนัยเขย่าตัวผม ผมจึงสะดุ้ง

     

    นี่คือนิยายที่ผมแต่ง รออ่านนะครับ พึ่งได้ตอนที่ 2 เอง

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น