ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไพรรีมรณะ

    ลำดับตอนที่ #4 : ไพรีมรณะ บทที่ 4 "แดนปักษา"

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 49


    แดดในยามรุ่งอรุณ ส่องสว่างขึ้นในดงดิบ กลุ่มค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ ยังคงหลับไม่ตื่น ก็เพราะว่าพวกเขา พึ่งจะหนีเอาตัวรอดจากกองทัพผีดิบในหมู่บ้านโป่งมัจจุราชมาได้ไม่กี่ชั่วโมง ไพร ได้ลุกขึ้น และเดินไปยังน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆแคมป์ แล้วล้างหน้าล้างตาให้ กระปี้กระเป่า และได้พุ่งฉมวกลงไปในน้ำ เพื่อหาอาหารเช้า และกลับไปยังที่แคมป์เมื่อเสร็จงาน
    “พวกเรา เช้าแล้วนะ ตื่นเถอะ” ไพรเอ่ยขึ้น เพื่อปลุกทุกคนให้ตื่นจากการนอน ทุกคนในทีม ลืมตาขึ้นจากการหลับตามน้ำเสียงในยามเช้าของไพร
    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ....คุณไพร”
    “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเจน” ไพรกล่าวทักทายตอบ แล้วปักไม้ที่เสียบปลาตะดุกใหญ่จำนวน 4-5 ตัวไว้ใกล้ๆกองไฟ ลงกับดิน
    “เอ๋.....ปลาดุกนี่” เจนเอ่ยขึ้น
    “ครับ....ผมไปเจอน้ำตกใกล้ๆแถวนี้.....ใช้อาบน้ำได้เลยนะครับ” ไพรกล่าว
    “แต่...ถ้าเกิด”
    “ไม่ต้องห่วงครับ...ไม่มีไอ้เข้หรอก.....น้ำตกนั่นค่อนข้างเชี่ยว จระเข้มันไม่ชอบอยู่ในน้ำเชี่ยวหรอกครับ อาบได้สบายเลย” ไพรกล่าวด้วยรอยยิ้ม
    “แต่ถ้า.......ถ้าเกิดมีใครมาแอบดูล่ะคะ” ไพรเอามือกุมหัว เขาทำหน้าเซ็งเมื่อได้ยินเจนพูดเช่นนี้
    “โธ่....คุณเจน เห็นผมเป็นพวกถ้ำมอง หรือพวกชีกอหรือไงกันครับ.....คนเป็นพรานน่ะ เขาไม่ทำอะไรทุเรศอย่างที่คุณเจนคิดกันหรอกครับ” ไพรหัวเราะ
    “งั้น.....ชั้นจะไปปลุกลิซ่าให้ไปอาบด้วยกันนะคะ” เจนเดินไปปลุกลิซ่า ที่นอนห่มผ้ากอดเจ้าวายุอยู่ ใกล้ๆ ทั้ง 2 สาว ได้ถือผ้าเช็ดตัว เดินไปยังน้ำตกที่ไม่ไกลจากแคมป์เท่าไร

    ไพร ได้ทำการย่างปลาดุกที่เขาจับมาได้ เพื่อเป็นอาหารในเช้าวันนี้ ทุกๆคนที่เหลือ ต่างลุกขึ้นมา และดึงปลาดุกออกไปแบ่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อย เริ่มมีกำลังวังชาในการทำงานต่อไป
    “คุณไพร...แล้วลิซ่า กับ เจนล่ะ?” โชติถามถึง 2 สาวที่ไปอาบน้ำที่น้ำตก
    “ทั้งสองคนนั่น ไปอาบน้ำที่น้ำตกใกล้ๆที่นี่น่ะครับ”
    “ดีเลย.....พอสองคนนั่นกลับมา เราไปอาบน้ำที่น้ำตกกันดีกว่า” ยุทธนาเอ่ยขึ้น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
    “เห็นด้วย....เหนียวตัวมาหลายวันแล้วนะเนี่ย...ตั้งแต่เข้าป่ามานี่ ไม่ได้อาบน้ำกันเลย พอจะอาบน้ำในแม่น้ำก็ดันเจอไอ้เข้” เทียนกล่าว

    หลังจากที่สองสาวกลับมา ทั้งสองคนมีหน้าตาเบ่งบานและสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้อาบน้ำ ทั้งสองคนมากินย่างที่เหลือ ส่วนไพรและที่เหลือ ต่างพากันไปอาบน้ำที่น้ำตกกัน วันได้พาเจ้าพลายใหญ่ ไปอาบน้ำด้วยเช่นกัน
    “ลุย!!” ทั้ง 6 คนถอดเสื้อผ้าออกจนหมด กระทั่งชุดชั้นใน กระโจนลงน้ำอย่างเมามันส์ รวมทั้งเจ้าพลาย ทั้ง 6 คนสาดน้ำใส่กันอย่างเฮฮา รวมทั้งเจ้าพลาย ที่พ่นน้ำใส่พวกไพรอย่างเมามันส์ในภาษาช้างป่า

    เมื่อเล่นน้ำกันจนพอใจแล้ว ทั้ง 6 คนก็ขึ้นจากน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เตรียมมาก่อนลงน้ำ เป็นชุดเดินป่า และเดดินไปสมทบกับพวกลิซ่า กับ เจนที่แคมป์ ทั้งหมด เก็บข้าวของ และนำขึ้นไปวางบนอานหลังช้าง เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อ
    “พวกเรา...ไปกันเถอะ!!” กลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ เดินทางต่อ โดยเดินลึกเข้าไปในไปในป่าดิบอีก ทางทิศเหนือขึ้นไป

    “พวกเรา เจออะไรเข้าแล้ว”
    เขตค่ายขนาดใหญ่ พอๆกับให้ทหารทั้งกองร้อยพักได้ ตั้งอยู่เบื้องหน้าพวกไพร และเป็นดังว่า ลักษณะของค่ายนั้น จากสิ่งของที่ทิ้งไว้ระบุไว้ว่า แคมป์นี้เป็นแคมป์ของทหารที่เข้ามาปฏิบัติการในป่าแห่งนี้
    “กองพันที่สอง หน่วยสิบ สังกัดหน่วยปฏิบัติการภาคสนามเขตเหนือ” ไพรอ่านประโยคที่พิมพ์ติดอยู่บนตัวเต็นท์
    “หน่วยของพี่พันภพนี่นา!!” ลิซ่าร้องออกมา เธออุ้มเจ้าวายุ วิ่งเข้าไปสำรวจภายในบริเวณแคมป์ทหาร เพื่อจะหาร่องรอย หรือบางสิ่งที่ร้อยเอกพันภพ พี่ชายของเธอทิ้งไว้บ้าง
    “ไม่มีใคร อยู่เลย” ยุทธนากล่าวหลังจากสำรวจจนทั่ว
    “มีร่องรอยการใช้อาวุธ....แสดงว่า มีสัตว์ป่าเข้ามาในบริเวณแคมป์” นรินทร์ หยิบปลอกกระสุนที่ร่วงอยู่ตามพื้นขึ้นมา
    “ทหารที่อยู่ในแคมป์นี้....คงจะล่วงหน้าออกไปหลายวันแล้ว...เรารีบตามไปกันเถอะ เรามาถูกทางแล้ว”

    ไพรนำทีม เดินทางออกจากแคมป์มุ่งหน้าไปตามทางที่คิดว่า กองพันของร้อยเอกพันภพ น่าจะไป โดยสังเกตจาก รอยเท้าที่ย่ำไปตามพื้น แม้จะลางๆ รอยจากการฟันกิ่งไม้ที่ขวางทางอยู่เพื่อเปิดทางไป และ รอยฟันตามต้นไม้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า เคยผ่านทางนี้มาแล้ว
    “เสียงอะไรน่ะ” เสียงเหมือนอะไรกำลังไหลไป ซึ่งเสียงเหมือนน้ำ
    “แม่น้ำนี่นา” ไพรนำทีม เดินต่อไปอีก ตามเส้นทางของร้อยเอกพันภพ ก็พบว่า มีแม่น้ำใหญ่กั้นอยู่ ซึ่งฝั่งตรงข้ามนั้น เป็นป่าใหญ่อีก ไพรคาดเดาว่า นั่นเอ็นเขตแดนอาถรรพ์ ที่พญาอัคคี ปกครองอยู่
    “เอาไงดี” กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว แต่ก็ไม่มีสัตว์ร้ายใดๆ อยู่ในน้ำเลย ไพรเริ่มคิดแผนที่จะข้ามแม่น้ำแห่งนี้ไป
    “ขึ้นหลังเจ้าพลายไป คงจะไปได้ไม่หมดแน่” วันกล่าว
    “ไม่รู้พวกพี่พันภพเขาข้ามไปได้ยังไงกัน”
    ไพร กับ โชติ ดึงมีดพร้าออกจากซอง และเดินไปที่ดงต้นไผ่ ฟันฉับลงไปหลายสิบต้น แล้วช่วยกันขนมาที่ริมแม่น้ำ
    “เราจะทำแพข้ามไปกัน พวกเรามาช่วยกันหน่อย” ทั้ง 8 คนช่วยกันประกอบแพเพื่อที่จะข้ามแม่น้ำไปกัน กินเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง แพใหญ่ก็ประกอบเสร็จ ไพรและวัน ช่วยกันลากแพลงน้ำ และให้พวกลิซ่า เจน เจ้าวายุ นรินทร์ โชติและเทียนขึ้นไปอยู่บนแพ ส่วนไพร ยุทธนา และวันจะอยู่บนหลังเจ้าพลาย คอยคุ้มกันจากด้านหลัง
    “พายไปเรื่อยๆนะ” คราวนี้ไม่มีอุปสรรคเหมือนครั้งก่อนที่มีฝูงจระเข้มาทำร้าย แต่พวกเขาต้องสู้กับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก จนแพเกือบล่ม
    “บังคับแพให้ดีนะ” นรินทร์ กับ เทียนพายไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก จนมาถึงฝั่งได้ ตามด้วยเจ้าพลายใหญ่ที่ไพร ยุทธนา และวันโดยสารมา
    “เฮ้อ.....ถึงสักที”

    ทีมค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ พักกินอาหารกลางวันกันที่ริมแม่น้ำอีกฝั่งหนึ่ง ไพรเดินตรวจตรดูใกล้ๆ ก็พบรอยเท้าของคนที่เดินผ่านเข้าไปในป่า ประมาณหลายสิบคน
    “ผมเจอรอยเท้าอีกแล้ว........ท่าทางจะเป็นพวกพี่ชายคุณลิซ่าแน่ๆ” ไพรกล่าว
    “ดีเลย....พอกินข้าวเสร็จ เราจะเดินทางต่อทันที”

    หลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จ กลุ่มค้นหาตัวร้อยเอกพันภพก็ เดินทางรอยเท้าของกองพันทหาร เข้าไปในป่าดิบฝั่งใหม่ แต่ป่านี้กลับเงียบ ไม่ค่อยได้ยินเสียงนกหรืออะไรเลย ไพรรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวที่รอพวกเขาอยู่ด้านหน้า
    ทุ่งกว้างใหญ่ อยู่ด้านหน้าของพวกไพรเมื่ออกมาจากป่าได้แล้ว แต่ปลายทุ่ง ก็มีป่าใหญ่ล้อมรอบแทบไม่มีที่สิ้นสุด แต่แล้ว กลิ่นเหม็นบางอย่างก็ลอยเข้ามาเตะจมูกพวกไพร
    “ซากศพ!!” กลิ่นเหม็นคาว ของศพ ซึ่งเป็นศพทั้งคนธรรมดา และทหารนับไม่ถ้วนที่นอนกองอยู่เบื้องหน้าพวกไพร ตามจุดต่างๆก็ทุ่งกลางดงดิบ ตามร่างกาย มีรอยแหวกตรงท้อง และมีไส้ไหลออกมา บางคนในทีม ถึงกับอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง
    “ตัวอะไรกันนะ ที่ทำแบบนี้” ยุทธนา พูดเสร็จก็อ้วกอีก
    “พี่พันภพ จะเป็นอะไรไหมนี่”
    ไพรเองก็เช่นกัน เขาหยิบปืนกลเล็ก ที่ตกอยู่ใกล้ๆศพ ขึ้นมาและเก็บกระสุนที่อยู่ในกระเป๋าของศพนั่นมาเก็บไว้ เพื่อเป็นอาวุธสำรอง และพาทีมเดินทางต่อ
    ตามทุ่งหญ้าที่พวกไพรเดินไป มีศพเต็มไปหมด และลักษณะการตาย เป็นอย่างเดียวกันหมดทุกศพ ไพรพิจารณาว่า สัตว์ร้ายที่ทำกับศพพวกนี้ น่าจะเป็นสัตว์ใหญ่ที่ไม่เคยพบมาก่อนอย่างแน่นอน

    ไพร หยิบเอา .475 ดับเบิลไรเฟิล “อัศนีเทพ” ออกมาและส่ายปากกระบอกปืนไปรอบๆ เพื่อป้องกันตัวและทีม
    “เกิดอะไรขึ้นคุณไพร!?”
    “ทุกคน...หมอบลง อย่ายืนนะ!!” ไพรสั่งและหมอบลง
    “ทำไม?”
    “ผมรู้สึกว่า สิ่งที่ทำกับศพคนที่นี่ น่าจะมาจากท้องฟ้า” ที่เหลือ หมอบลงตามที่ไพรสั่ง
    เป็นดังว่า เสียงร้อย แควกๆ ดังก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า ไพรค่อยเงยหน้าขึ้นมาดูขณะที่ยังหมอบอยู่ ฝูงสัตว์ปีกขนาดมหึมา พอๆกับเครื่องบินใบพัด กระพือปีก บินร่อนไปทั่วบริเวณนั้น เพื่อหาเหยื่อเป็นอาหาร
    “ที่แท้....พวกมันก็เป็นฝูงอินทรียักษ์ ที่คุมแดนแถบนี้อยู่นั่นเอง”
    ฝูงอินทรียักษ์ บินร่อนไปทั่วท้องฟ้า ส่งเสียงร้องดังกังวาน พวกมันเห็นพวกไพรที่กำลังหมอบอยู่ มันรอเวลา ที่มันจะหาจังหวะ บินลงมาโฉบพวกไพรไปเป็นอาหารของพวกมัน
    “ดีนะที่หมอบอยู่” วันเอ่ยขึ้น
    “คุณนรินทร์ คุณยุทธนา ผมมีแผน แต่เราต้องทำให้พร้อมกันนะ” ไพรกล่าว
    “แผนอะไรล่ะ?”
    “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วให้คุณนรินทร์ กับยุทธนาและผม พลิกตัวขึ้นมา แต่ห้ามยืน ให้เรานอนหงายยิงใส่พวกมัน ส่วนวัน ให้พาพวกที่เหลือหนีไปให้เร็วที่สุด พยายามเกาะกลุ่มกันไว้ด้วย ไม่ยังงั้น ถ้าเราหนีกระจายกันไป เราเสร็จแน่” ไพรสั่งการ
    “โอเคไพร!!”
    ไพรนับ 1 – 3 แล้วนริทร์ ยุทธนาและไพรก็หงายหน้าขึ้นมา และบรรจงปืนประจำกายยิงใส่ฝูงพญาปักษาเหล่านั้นอย่างรวดร็ว วันลุกขึ้น และจูงพลายใหญ่ และพวกที่เหลือ วิ่งหนีออกจากตัวทุ่งนี้ เข้าไปยังป่าดิบอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อให้ปลอดภัยจากฝูงอินทรียักษ์เหล่านั้น
    “เร็ว!! ทุกคน” ยุทธนาตะโกนออกไปเพื่อเร่งพวกวัน
    “ยิงคนละตัวดีไหม?” นรินทร์ถาม
    “ไม่ไหว.....เปลืองกระสุนมาก...เอางี้ ผมกับคุณยุทธนา จะยิงปีกของพวกมัน ส่วนคุณนรินทร์ ยิงที่หน้าอกของมันนะ เอาตรงจุดที่ตั้งของหัวใจพวกมัน” ไพรคิดแผนการออกมา
    “ตกลง.....เอาไงเอากัน”

    ฝูงอินทรียักษ์ 4 – 5 ตัวถลาลงมา ไพร และ ยุทธนา กระชากลูกเลือนส่งกระสุนนัดใหม่ในรังเพลิง แล้วยิงเข้าที่ปีกของพญาปักษาตัวหนึ่งก่อนจนปีกของมัน ถูกกระสุนเจาะทะลุจนหัก
    “แควก!!” ปีกของมันถูกกระสุนปืนเจาะทะลุทั้ง 2 ข้างจนหัก ตามด้วยกระสุนเพชฌฆาตของนรินทร์ ที่ยิงใส่ส่วนอกของมันอย่างแม่นยำ จนมันร่วงตกลงมากระแทกพื้นตายคาที่ เสียงกระแทกพื้นดังสนั่นหวั่นไหว
    “ตัวที่หนึ่ง!!” ไพรเติมกระสุน และใช้แผนเดิมยิงใส่พวกมัน จนตัวแล้วตัวเล่า แต่ก็ยังมีพวกมันที่เหลือ บินถลาเข้ามาอีก
    “ไม่หมดซักทีแฮะ!?”
    “หนีเถอะ....หนีไปยิงสกัดพวกมันไปด้วยนะ”
    ทั้ง 3 คนวิ่งหนีไปยังป่าดิบอีกฝั่งหนึ่ง และต้องคอยิงสกัดพวกมันเป็นระยะ จนกระทั่งถึงป่าดิบอีกฝั่งหนึ่ง ปลอดภัยจากฝูงพญาอินทรี ไพร ยุทธนา และ นรินทร์นั่งลงกับพื้น พิงหลังกันและกัน ต่างหายใจแผ่วๆด้วยความเหนื่อย หลังจากวิ่งหนีพวกอินทรียักษ์เป็นระยะทางหลายร้อยเมตร
    “วิ่งได้ขนาดนี้ พวกเราติดทีมชาติได้เลยนะนี่” นรินทร์ แม้เหนื่อยขนาดไหน แต่ก้ยังพูดตลกออกมาได้
    “ถึงตอนนั้น เราคงจะทำไม่ได้ขนาดนี้หรอก....โอยเหนื่อย” ยุทธนากล่าว
    “พวกเรา....ไป....ไปกันเถอะ” ไพรค่อยๆยันตัวเองขึ้น และพากันเดินทางต่อไป เพื่อตามไปสมทบกับพวกวันที่ล่วงหน้าไปก่อน

    ทางด้านของพวกวัน ซึ่งล่วงหน้าไปก่อน ได้ออกมายังชายป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจุดที่มาถึง ไม่ใช่ชายป่า แต่เป็นจุดพื้นที่ว่าง ที่ยังมีป่าดิบล้อมรอบอยู่ เป็นแอ่งหินลงไป
    “ปลอดภัยแล้วสินะนี่” วันเอ่ยขึ้น
    “พวกคุณไพรจะเป็นยังไงกันบ้างนะนี่”
    ภายในป่าอีกด้านหนึ่ง เปลวไฟได้ลุกขึ้นมาเป็นทางยาว เข้ามายังใกล้ๆ บริเวณที่พวกวันอยู่ เปลวไฟนั้น ได้พุ่งเข้ามาเป็นแนวตรง เข้ามายังตรงกลาง พื้นที่ว่างตรงที่วันยืนอยู่

    ร่างของงูขนาดมหึมา ปรากฏกายขึ้น ตามลำตัวของมัน มีไฟลุกขึ้นเต็มไปหมดไม่หยุด ซึ่งเป็นลายเฉพาะตามผิวหนังของมัน งูตัวนั้นใหญ่มาก ประมาณ 50 ฟุตได้ และที่สำคัญ มันยังมีแผลเป็นที่ตาข้างขวาอย่างเห็นได้ชัดเจน
    “งูนั่น......ไม่ผิดแน่” วันร้องขึ้นอย่างขนลุก มันคือตำนานที่เล่าขานมาแต่โบราณ แต่ในตอนนี้ มันได้เกิดขึ้นต่อหน้าของวันและพวกลิซ่าแล้ว
    “ปัง ปัง ปัง” กระสุนปืน .475 ดับเบิลไรเฟิล ยิงใส่ร่างของงูยักษ์ผิวเพลิง อย่างแม่นยำ ผู้ที่ใช้กระสุนปืนชนิดนี้ มีอยู่เพียงคนเดียว
    “ไพร!?”

    ไพร นรินทร์ และยุทธนา ตามมาสมทบทีหลัง ไพรบรรจงยิงใส่งูยักษ์ผิวเพลิงโดยไม่รอช้า จากเนินดินอีกด้านหนึ่งของป่ารอบๆแอ่งหินกลางป่านั่น
    “ขอบใจมากนะวัน......ที่พาชั้นมาพบมัน” ไพรกล่าวอย่างเยือกเย็น และเล็งปืนไปยังงูยักษ์ผิวเพลิง ที่อยู่ห่างจากตัวเขาไม่กี่เมตร งูยักษ์ผิวเพลิง แสยะเขี้ยว ส่งเสียงคำรามในลำคออย่างน่ากลัว และมองไปทางไพร
    “ในที่สุดก็เจอกันจนได้นะ.......พญาอัคคี..........ราชันย์แห่งอสรพิษ ที่ฆ่าพ่อของชั้น”
    งูหลามไฟ “พญาอัคคี” ค่อยเลื้อยไปทางพวกไพร
    “กูตามล่ามึงมาหลายปี........ของขวัญของกู ที่ตาขวาของมึงยังเจ็บแสบอยู่รึเปล่า?”
    งุหลามไฟ ปราดเข้าหาไพร แล้วทีนี้ พวกไพรจะทำยังไงกันต่อไป..................
    (To be continue)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×