ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไพรรีมรณะ

    ลำดับตอนที่ #3 : ไพรีมรณะ บทที่ 3 "โป่งมัจจุราช"

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 49


    วันกับยุทธนา ซึ่งได้คิดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ไพรจึงรีบให้ทั้ง 2 คน ช่วยกันทำห้างยิงสัตว์บนต้นไม้ขึ้นมาทันที เพื่อใช้เป็นจุดสังเกตการณ์โขลงช้างป่าที่ใกล้เข้ามา การต่อห้าง กินเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษสำหรับห้างยิงสัตว์ 2 จุด แต่ด้วยความร่วมใจของคนทั้งหมด ห้างยิงสัตว์ที่แข็งแรงทั้ง 2 จุดก็สำเร็จจนได้
    “ใช้ได้มั้ยไพร.....ทำแบบชั่วคราวไว้น่ะนะ......อย่างน้อย ห้างตัวนึง ก็พอที่จะรับรับน้ำหนักคนประมาณ 3 คนได้ล่ะนะ” วันกล่าว แล้วถอนหายใจยาว
    “โอเค...เราจะใช้ห้างสองตัวนี้ เป็นหอสังเกตการณ์โขลงนางแปรก.....และยังใช้เป็นหอยิงเพื่อที่จะทำให้โขลงนางแปรกที่ใกล้เข้ามาหยุดชะงัก ไม่สามารถเข้ามาตรงนี้ไม่ได้” ไพรสรุปแผนการ
    “เราไม่ฆ่าพวกมันไม่ได้หรือคะ?” เจนถาม
    “ในป่าเรา....ทุกชีวิตที่อยู่ในป่า ต่างก็ต้องการเอาตัวรอด....พวกเราก็เช่นกัน พวกเราต้องเข้มแข็ง ในป่านี้ ทุกอย่าง ต่างต้องใช้กำลังเพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป มันไม่เหมือนในโลกของคุณ ที่ใช้คำพูดบางคำ และ สมองในการเอาตัวรอดนะครับ!!” ไพรกล่าวด้วยเสียงดุดัน ทำเอาเจนผวา
    “ซีเรียสไปได้น่าไพร.....แล้วคุณเจน กับ คุณลิซ่าล่ะ จะเอาไง” วันถาม
    “คุณเจน กับ คุณลิซ่า ให้ขึ้นไปอยู่บนห้างตัวนึงละกัน แล้วก็ให้วัน ขึ้นไปทำหน้าที่คอยคุ้มกันด้านบนนั่นกับคุณลิซ่าด้วย” ไพรสั่ง

    ยุทธนา นรินทร์ และเทียน หยิบปืนคนละกระบอกจากในเต็นท์ และปีนขึ้นไปบนห้างยิงสัตว์ ยุทธนาใช้กล้องส่องทางไกล ส่องดูในระยะไกล ตรวจตราและเสาะหาว่า โขลงนางแปรกนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหนในบริเวณป่าดิบแห่งนี้ ส่วนไพร กับโชติ ได้ทำการประจำที่ ณ พื้นเบื้องล่าง
    “ยุทธนา....มีอะไรผิดปกติบ้างไหม?” โชติ ตะโกนถามยุทธนาที่อยู่บนห้างยิงสัตว์บนต้นไม้
    “ยังเลยว่ะ.....ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ยุทธนาตอบกลับลงไป
    “คุณไพร..... เอาไงต่อ?” โชติ หันมาถามไพร
    “ยังวางใจไม่ได้ เราคงต้องคอยดูต่อไปล่ะนะครับ”

    บนห้างยิงสัตว์อีกตัวหนึ่ง วันถือปืนลูกซองสเปซ ยืนเล็งส่ายไปมาตลอดเวลา แต่แล้ว “วายุ” ลูกเสือโคร่งที่ลิซ่าเลี้ยงไว้ ก็ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาราวกับว่า......มันเห็นอะไรบางอย่าง กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
    “วายุ....เป็นอะไรไป?”
    ยุทธนา ใช้กล้องส่องทางไกล ส่องไปดูทางทิศตะวันตก เขาเห็นภาพที่ต้นไม้ใหญ่น้อย สั่นไหว ส่ายไปมาตามแรงเคลื่อนไหวของสัตว์ขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5 ตัว และที่สำคัญ มันกำลังมุ่งตรงมาทางที่พวกไพร ประจำตำแหน่งอยู่

    “แปร๋น...” เสียงร้องของมันดังขึ้นๆ เมื่อมันใกล้เข้ามา
    “มาแล้วสินะ!!” ไพรกับโชติ กระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ ลงไปบรรจุในรังเพลิงเตรียพร้อม ปลดปล่อยมันออกไปทำลายเป้าหมายตลอดเวลา และหันปากกระบอกปืนไปทางที่เสียงร้องของพวกมัน ดังออกมา
    งวงอันยาวและใหญ่ของมัน แหวกดงไม้อันหน้าทึบออกมาก่อน โขลงพญาคชสารหลายเชือก ปรากฏกายออกมา พร้อมด้วยเสียงร้องอันดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า ยุทธนา นรินทร์ เทียน และวัน ต่างฝ่ายต่างกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุน เตรียมพร้อมยิง
    “นี่เหรอ โขลงนางแปรก?”
    “คุณโชติ ยิงมันที่ส่วนขาหน้านะ เอาตรงข้อต่อกระดูกของมันเลย!!” ไพรสั่งการ
    “เข้าใจแล้วน่า....รับรองไม่พลาดแน่!!”

    โขลงช้างป่าใกล้เข้ามา ก่อนที่จะถึงตัวพวกไพรไม่กี่เมตร ไพรและโชติ บรรจงส่งกระสุนมัจจุราช ใส่ตรงบริเวณส่วนข้อต่อกระดูกขาของพญาคชสารตัวหน้าสุด และตัวหลังๆที่ตามมาทีละตัว และจบด้วยการสังหารสุดตายของ วัน สหายของไพร นรินทร์ ยุทธนา และเทียน ซึ่งประทับปืนอยู่บนห้างยิงสัตว์ทั้ง 2 ตัว แต่ว่า ช้างพลายตัวหนึ่ง กับดาหน้า พุ่งเข้าหาพวกไพรอย่างเร็วราวกับ รถถังเหล็ก
    “เฮ้ย!!” ไพรเลื่อนเป้ามาที่ส่วนหัวของมัน และลั่นปืนใส่มันอย่างแรงถึง 3 นัดซ้อน จบชีวิตของพญาคชสารที่ครอบครองป่าเขตนี้
    “เฮ้อ...เกือบตาย”

    เหลือช้างอีกเชือกหนึ่ง ที่ยังคงยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกไพร มันยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของพวกมันเพียงตัวเดียว ช้างพลายนั่น ส่งเสียงร้องโอ๊กๆ ดังกังวานไปทั่ว วันค่อยไต่ลงมาจากห้างยิงสัตว์ พร้อมด้วยถือหน้าไม้มาคันหนึ่ง
    “จะทำอะไรน่ะ วัน?” ไพรถาม
    “ฉึก” วันยิงลูกดอกอาบยาสลบใส่ช้างพลายที่เหลือรอดอยู่เพียงตัวเดียว มันส่งเสียงร้องดังกังวาน และแล้ว ฤทธิ์ยาสลบก็เริ่มออกฤทธิ์ กระจายไปทั่วร่างของมัน ประสาทของมันเกิดชา และช้างพลายที่ร่างกายใหญ่โตดั่งขุนเขา ก็ล้มลงกองกับพื้น ตาเริ่มปิด หลับใหลไป...........
    “ทำไมไม่เอาให้ตายเลยล่ะ?”
    “ไม่ล่ะ......เจ้านี่ยังมีประโยชน์นะ...พวกนายคอยดูสิ” วันเดินไปดึงเอาลูกดอกอาบยาสลบ ออกจากร่างของช้างพลาย
    “คุณยุทธนา ช่วยเอาโซ่กองนั้นมาให้ผมทีสิ” วันขอให้ยุทธนา ช่วยไปเอาโซ่ตรวนที่อยู่ที่หน้าเต็นท์ มาให้เขา
    “จะเอามาทำอะไรล่ะ?” ยุทธนาหยิบโซ่มาให้วัน วันนำโซ่ มาล่ามขาของช้างพลายที่ยังสลบอยู่ และนำปลายโซ่อีกด้านหนึ่ง ไปผูกล่ามกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใกล้ๆกับที่มันสลบอยู่

    ในช่วงกลางคืน วันทำหน้าที่เวรยามตอนกลางคืน เขานั่งสุมไฟอยู่ที่หน้าแคมป์กับไพร และเทียน รวมทั้งยังคอยดูช้างพลายที่ยังคงสลบไม่ฟื้นด้วย
    “ไพร...คุณเทียน ไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวผมคอยเวรยามต่อให้เอง ไปนอนเถอะ” วันเอ่ยขึ้น
    “จะดีเหรอวัน?” ไพรถามด้วยความเกรงใจ
    “นั่นสิครับ....ให้คุณวันเฝ้าคนเดียว แล้วให้พวกผมไปนอน ดูมันเอาเปรียบกันเกินไปนะครับ” เทียนเห็นด้วยกับไพร
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ....ผมยังมีงานที่จะต้องทำต่ออีกครับ ไปนอนเถอะ” วัน ยังคงยืนยัน
    “งั้น ฝากด้วยนะวัน”
    ไพร และ เทียน เข้าไปนอนในเต็นท์ ช้างพลายค่อยๆลืมตาและขึ้น และยันตัวขึ้น ลุกขึ้นมา แต่มันได้ถูกล่ามโซ่ไว้ ทำให้ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวไปทางไหนได้ มันได้แต่ส่งเสียงร้องดังสนั่นไปทั่วป่า
    “เฮ้....เงียบหน่อยสิ”
    วันเดินดุ่มๆ เข้าไปหาช้างพลาย มันจ้องมองวันด้วยสายตาที่น่ากลัว และประสงค์ร้าย
    “แปร๋น!!” มันยกขาหน้าขึ้นหมายจะเหยียบร่างของวัน ให้ตายคาเท้าของมัน แต่วันถอยหลังออกไป 2 – 3 ก้าว ทำให้มันไม่สามารถฆ่าวันได้ และยังลงเท้าพลาดอีก
    “เมื่อเย็น.....ชั้นจำป็นจริงๆ ที่ต้องทำแบบนั้น ก็เพื่อที่จะเอาชีวิตให้รอด กฎของป่ามันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอไง” วันพูดกับช้างพลาย ช้างพลายนั่น ไม่แสดงอาการจะทำร้ายวัน แต่ได้ทรงตัวนิ่ง ราวกับว่า มันกำลังฟังวันพูดอยู่ หูของมันขยับไปมาตลอดเวลาเพื่อที่ว่า จะรอคอยเหตุผลที่วันเดินเข้ามาหามัน

    “กินหน่อยสิ” วันยื่นกล้วยน้ำว้า หวีหนึ่ง ยื่นไปยังด้านหน้าของพญาคชสาร มันสลบไปนานเพราะฤทธิ์ของลูกดอกยาสลบ และยังไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายชั่วโมง
    “กินหน่อยสิ.....ถ้าแกเข้าใจที่ชั้นพูด เราทุกคนต่างก็ต้องการที่จะมีชีวิตรอดกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น แกจงกินเข้าไปซะสิ”
    ช้างพลาย ยื่นเอางวงอันยาวใหญ่ มาเกี่ยวรัดเอากล้วยน้ำว้าทั้งหวี ไปจากมือของวัน มันตวัดเข้าปากของมันกินเป้นอาหารอย่างหิวกระหาย เมื่อมันกินเสร็จ มันก็ยื่นงวงอันยาวใหญ่ของมัน เข้ามาลูบไล้ตามใบหน้าของวัน ราวกับยอมรับว่า วันเป็นมิตรของมัน
    “ขอบใจนะ......”

    ในเช้าวันต่อมา ทีมค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ ได้เตรียมเก็บเต็นท์ เก้บสัมภาระ เตรียมพร้อมที่จะเดินทางกันต่อไปอีก วันได้ให้ไพร และนรินทร์ และยุทธนา ช่วยกันขนของ ขนเสบียงไปไว้บนหลังช้างพลายที่วันยิงยาสลบใส่เมื่อวาน ซึ่งวัน ทำที่นั่ง และที่วางของไว้ให้บนหลังช้างพลายแล้ว
    “ไม่น่าเชื่อนะว่า เอ็งจะทำให้ช้างพลายดุๆ จากในโขลงนางแปรกนี่ เชื่องแบบนี้ได้” ไพรกล่าวชมวัน สหายรัก
    “โธ่เพื่อนเอ๋ย......ขนาดคุณลิซ่า ยังทำให้เจ้าวายุเชื่องได้ กะอีแค่ช้างพลายเชือกเดียวนี่น่ะนะ บ่ยั่น!!”
    วันให้ลิซ่า เจน ขึ้นไปนั่งบนหลังช้าง และคอยคุมเสบียงและของทั้งหมด ส่วนวัน ทำหน้าที่คอยคุม และควบคุมช้างพลาย ให้เดินทางไปตามเส้นทางที่พวกไพร เดินนำไป
    แดดในยามเช้า สาดส่องลงมา พร้อมด้วยเสียงนกอันไพเราะ ซึ่งเปรียบเสมือน เสียงดนตรีของป่า ทำให้การเดินป่าของพวกไพร ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ในการตามหาตัวร้อยเอกพันภพ และตามล่า พญาอัคคี ราชันย์แห่งอสรพิษ
    เดินทางมาได้ ระยะหนึ่งแล้ว ไพรได้ให้ลูกทีมของตน ได้พักเหนื่อยกันก่อนสักห้านาที ที่ใกล้ๆลำธารใสๆเล็กๆแห่งหนึ่ง วันช่วยดึงตัวลิซ่า กับ เจนลงมาจากพลายใหญ่ วันทำหน้าที่จูงพาช้างพลายใหญ่ไปกินน้ำที่ลำธาร ไพรและยุทธนา ซดน้ำอึกใหญ่ด้วยความกระหาย และล้างหน้าแก้ง่วง
    “คุณไพร....จากนี้ไป เราจะไปกันทางไหนล่ะ?” ยุทธนาถาม
    “อืม....” ไพรกางแผนที่ดู เส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่อยู่ในแผนที่ที่ไพร เลือกไว้ก็คือ........
    “เราจะต้อง ผ่านเข้าไปในเขตโป่งมัจจุราชนะครับ” ไพรกล่าว
    “โป่งมัจจุราช!?”
    “เป็นตำนานที่เล่าลือกันมาน่ะครับว่า ภายในหมู่บ้านโป่งมัจจุราชที่อยู่ข้างหน้านี้ไม่กี่กิโลเมตร มีสิ่งที่น่ากลัวซ่อนเร้นอยู่ในนั้น....แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่านะครับ” ไพรหัวเราะ แล้วม้วนแผนที่เก็บตามเดิม แต่ยุทธนาก็รู้สึกหวั่นๆ แค่ได้ยินชื่อนี้ ก็กลัวแล้ว............

    ตะวันเริ่มตกดิน ทีมของไพร เดินทางมาถึงทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านร้าง ไม่มีคนอยู่มานานแรมปี ไม่มีแม้แต่เงาของสัตว์สักตัว ภายในหมู่บ้าน เงียบกริบราวกับนครแห่งความตาย
    “สงสัยเราคงต้องพักกันที่นี่แล้วล่ะ...ดูสิ พระอาทิตย์ตกแล้ว” โชติเอ่ยขึ้น
    “คุณโชติ....เดี๋ยวไปช่วยกันหาบ้านที่น่าจะอยู่ได้กันทั้งหมดหน่อยนะครับ ผมไม่อยากให้อยู่กระจายกัน”
    “ได้เลย”
    ไพร และ โชติ เจอบ้านหลังหนึ่ง ที่มีสภาพพอที่จะอยู่ได้ทั้งหมด 8 คน วันพาช้างพลาย ไปผูกโซ่ไว้ข้างๆบ้าน และให้อาหารมันตามเวลาปกติ เช่นเดียวกับลิซ่า ที่ต้องให้อาหารและนมกับเจ้าวายุ ลูกเสือโคร่งตัวน้อยเป็นเวลา
    ทีมค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ ได้มารวมกันที่ห้องโถงใหญ่หน้าประตูทางเข้าบ้าน เพื่อกินอาหารเย็น และ นอนพัก ส่วนไพร และ วัน ได้ไปยืนเวรยามที่ด้านนอกหลังจากที่ทุกคนนอนกันหมดแล้ว
    “ไอ้ไพร.....เอ็งจะไปนอนก็ได้นะ...เอ็งเวรยามกลางคืนติดต่อกันมาหลายคืนแล้ว” วันกล่าวด้วยความเป็นห่วง
    “ไม่เป็นไร.....ชั้นเคยไม่นอนทั้งคืนด้วยซ้ำ” ไพรกล่าวด้วยรอยยิ้ม
    “ไม่ใช่อะไรหรอก มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพน่ะ”
    “ไม่เป็นไรน่า....แต่ว่า วัน เอ็งคิดบ้างไหมว่าที่นี่มันเงียบวังเวงชอบกล” ไพรพูดขึ้น ทำเอาวันขนลุก
    “นั่นสินะ...ชั้นรู้สึกว่า เรากำลังอยู่ในวงล้อมของอะไรบางอย่างด้วย”

    กลุ่มเมฆอันหนาทึบในยามค่ำคืน ค่อยๆ เคลื่อนที่คลายตัวออกจากกัน เผยให้แสงจากดวงจันทร์ สาดส่องลงมายังเบื้องล่าง และในตอนนี้ พระจันทร์ได้ เต็มดวงแล้ว
    “ไพร.....วันนี้คืนเดือนเพ็ญเหรอ?” วันถาม
    “ใช่.....พระจันทร์เต็มดวงแบบนี้”
    แต่แล้ว เสียงเหมือนของหนักๆ กระแทกกับประตูก็ดังขึ้นมาจาก ประตูหน้าบ้านของบ้านฝั่งตรงข้ามของบ้านที่พวกไพรใช้พักอยู่ ไพรและวัน รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงคว้าปืนประจำตัวและ หันปากกระบอกปืนไปทางประตูบ้านฝั่งตรงข้ามทันที
    “ใครน่ะ !? ใครอยู่ในนั้น?” ไพรตะโกนข่มขวัญเสียงดังลั่น ทีมค้นหาตัวร้อยเอกพันภพถึงกับตื่นออกมาดูทันที พร้อมด้วยอาวุธครบมือสำหรับเตรียมพร้อมในทุกสถานการณ์
    “เกิดอะไรขึ้น.....คุณไพร?”
    “มีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น” วันตอบกลับ
    ประตูหน้าบ้านของบ้านฝั่งตรงข้ามหลุดออกมา ศพผู้ชายคนหนึ่งที่เน่าอืดมาหลายอาทิตย์ ล้มตามประตูลงมา สร้างความขนลุกขนพองแก่พวกไพรเป็นอย่างมาก
    “ศพนี่!?”
    ไพรคอยๆเดินเข้าไปดู พร้อมถือ .475 ดับเบิลไรเฟิล นาม “อัศนีเทพ” เข้าไปด้วย แต่แล้ว ศพนั้นก็ลืมตาขึ้น และลุกขึ้นมาพร้อมทั้งส่งเสียงประหลาดไปทั่ว
    “เฮ้ย!? ศพลุกได้!?” ไพรถอยทันที แต่แล้ว บ้านหลังอื่นๆในแถบนั้น เหล่าศพคนตายที่อยู่ในบ้านหลังต่างๆ กพังประตูหน้าต่างออกมา แล้วล้อมพวกไพรไว้
    “ผีดิบนี่นา!?” ยุทธนาเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
    “เข้าใจแล้ว....ว่าทำไมที่นี่ถึงเรียกว่าโป่งมัจจุราช ท่แท้มันก็เป็นเมืองผีดิบนี่เอง” ไพรกล่าวพร้อมกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ ลงไปในรังเพลิง แล้วเหนี่ยวไกยิงผีดิบที่ดาหน้าเข้ามาทันทีโดยไม่ต้องจับล็อกเป้ายิง
    นรินทร์ และโชติ ใช้ปืนสั้นประจำตัว ยิงใส่พวกมัน แต่พวกมันก็ยังลุกขึ้นมาได้อีก ด้วยความเป็นอมตะของพวกมัน นรินทร์ และ โชติจึงเปลี่ยนอาวุธเป็นมีดพร้า แล้วใช้ฟันคอเหล่าผีดิบขาดกระเด็นไปหลายตัว ยุทธนา และ เทียน ได้ใช้มือเปล่านั้น หักคอเหล่าผีดิบที่เข้ามาใกล้ จนพวกมันไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก ส่วนวัน ได้วิ่งไปปลดโซ่ที่ล่ามเจ้าพลายใหญ่ไว้
    “ช่วยหน่อยนะ..เจ้าพลาย”
    “แปร๋น”
    ไพร กับ เทียน ใช้ปืนยิงใส่พวกมัน เพื่อคุ้มกันลิซ่า กับเจนและเจ้าวายุ แต่พวกมันก็ยังลุกขึ้นมาได้อีก
    “อาถรรพ์....อาถรรพ์พระจันทร์เต็มดวงนี่เอง ที่ทำให้พวกมันฟื้นขึ้นมา” เทียนกล่าว
    “แบบนี้ ยิงเท่าไร ก็ไม่หมดหรอก”
    วัน ควบคุมช้างพลายใหญ่ ฝ่าวงล้อมของกองทัพผีดิบเข้าไปช่วยพวกไพร วันสั่งให้ไพร และทุกๆคน โยนสัมภาระที่จำเป็นขึ้นมาบนหลังเจ้าพลาย และให้ปีนขึ้นมาอยู่บนหลังเจ้าพลายให้หมดทุกคน
    “ไปเลย!!” วันบังคับช้างพลายใหญ่ ให้วิ่งออกไปยังด้านหลังของหมู่บ้าน แต่ทว่า ผีดิบตัวหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ก็โผล่พรวดขึ้นมา ขวางหน้าพวกไพรไว้
    “ไอ้วัน!! ผีดิบดักหน้าเราอยู่!?” ไพรตะโกนลั่น
    “เอาเลย!!”
    “แปร๋น!!” ช้างพลายใหญ่ ยกขาหน้าขึ้น และใส่น้ำหนักไว้ที่เท้าทั้ง 2 ข้างเหยียบลงไปที่ร่างของผีดิบเต็มที่ ร่างของผีดิบเละคาเท้าของเจ้าพลาย มันไม่สามารถลุกขึ้นมาตามพวกไพรได้อีกแล้ว แต่ว่ากองทัพผีดิบที่อยู่ด้านหลัง ยังคงตามมาไม่หยุด วันบังคับให้เจ้าพลาย มุ่งหน้าต่อไป ให้ห่างจากหมู่บ้านนี้ให้มากที่สุด เพื่อให้รอดพ้นจากฝูงผีดิบพวกนี้

    To be Continue…….
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×