ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไพรมรณะ บทที่ 1
เช้าวันอาทิตย์อันสดใส ที่ชายป่าดงดิบ จังหวัด เชียงใหม่ วัดศรีอราม กำลังจัดเตรียมพิธีทำบุญครบรอบวันตายของ ชายผู้หนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์บางอย่างเมื่อ 10 ปีก่อน ชาวบ้านในหมู่บ้านแถบนั้น ต่างมาร่วมงานกับคับคั่ง มีทั้งนายพราน ที่เป็นสหายของผู้ตาย และญาติมิตรคนอื่นๆด้วย
ไพร สุริยะ ชายหนุ่มผู้เป็นพรานป่าคนหนึ่งในหมู่บ้าน เป็นเจ้าภาพในงานทำบุญครบรอบวันตายของ พนาวัน พรานป่าผู้ยิ่งใหญ่และยังเป็นบิดาของตนเอง เขาประนมมือรับพรจากพระสงฆ์จำนวน 9 รูปพร้อมๆกับ วัน พรานคู่ใจอีกคนหนึ่ง
“พ่อ......จนแล้วจนรอด ผมก็ยังตามหามันไม่พบ.....แต่พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ...ผม จะต้องถลกหนังของมันออกมาเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อให้ได้.......” ไพรพูดในใจ พร้อมทั้งฟังพระให้พรไปด้วย ในหัวของตัวเขา มีแต่ความคิดที่จะแก้แค้นให้กับบิดาของเขา
หลังจากพระสวดเสร็จ ไพรลุกขึ้น ไปตักอาหารที่ ครอบครัวของเขาเป็นผู้จัดตั้งสำรับไว้ หลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสวัดนั้น ก็ได้เดินเข้ามาหาไพรอย่างช้าๆ พร้อมทั้ง ขอให้ไพร ได้ฟังเรื่องที่ท่านกำลังจะพูด
“โยมไพร......อาตมารู้ว่า โยมน่ะ ต้องการจะแก้แค้นให้กับพ่อของโยม แต่อย่าลืมว่า สิ่งที่ฆ่าพ่อของโยมน่ะ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของโยมนะ”
ไพรนั่งคุกเข่าลง และพนมมือ เริ่มสนทนากับหลวงพ่อสง่า ด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น
“หลวงพ่อครับ......ผมแกะรอยตามล่ามันมากว่าสิบปีแล้ว......ตั้งแต่ผมอายุเพียงแค่ สิบห้าปี และตอนนี้ ผมอายุ ยี่สิบห้าปีแล้ว....ผมยังหาร่องรอยของ เพชฌฆาตที่ฆ่าพ่อของผมไม่เจอเลย”
“ความอาฆาตแค้นของโยมน่ะ.....ถ้าโยมยังไม่ละทิ้งซะ.....มันก็จะเป็นเวรกรรมติดตัวโยมไปตลอด ไม่จบสิ้นนะโยม”
“หลวงพ่อครับ.......บ้านของผมต้องขาดเสาหลักไปก็เพราะมัน.........ผมอยากเป็นนายพรานแบบพ่อ.....แต่พ่อกลับมาตายไปก่อนแบบนี้ เพียงเพราะมันตัวเดียว......ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด”
ไพร กราบลาหลวงพ่อสง่า และลงบันไดจากโบสถ์วัด ไปตักข้าวราดแกงที่แม่ของเขา ทำมาแจกชาวบ้านที่มาร่วมงานในวันนี้ ไพร ตักข้าวแกงเสร็จแล้ว จึงไปนั่งที่เก้าอี้กับ วัน พรานสหายรักของเขา ซึ่งมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ไพร....เอ็งจะเข้าป่าอีกวันไหนหรือ?”
“ข้าเองก็ยังไม่รู้......แต่อาจจะเร็วๆนี้ล่ะ....ตราบใดที่ข้ายัง สังหารมันไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมเลิกราจากการเป็นพรานป่าแน่นอน” ไพรตักข้าวแกง 1 ช้อนใส่ปาก หลังจากที่โต้ตอบกับ วัน เสร็จแล้ว
“ดูท่าทางเอ็งจะเกลียดชังมันมากเลยนะ....” วัน มองหน้าไพรอย่างสงสารและ เคี้ยวข้าวต่อ
ไพรลุกขึ้น และเดินนำจานข้าวราดแกงที่ยังเหลืออยู่ ไปเททิ้ง ในตอนนี้ตัวเขา กินอะไรไม่ลงเลย.. ไพรมีความคิดอยู่อย่างเดียวคือ ตามล่า “อสรพิษ” ที่สังหารบิดาของเขาให้สำเร็จให้จงได้
“ไพร....เอ็งยังกินไม่หมดเลยนะ ทำไมวะ. แค่ข้าพูดแค่นี้ ถึงกับกินไม่ลงเลยหรือ?” วันลุกขึ้นถามไพรที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาไม่กี่ก้าว ไพรตอบกลับไปว่า
“ข้ากินไม่ได้ นอนไม่หลับก็เพราะมันน่ะแหละ.....จนกว่าข้าจะฆ่ามันได้สำเร็จ ข้าถึงจะกินข้าวให้มากกว่านี้” ไพรเดินกลับบ้านไป บ้านของไพร เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ใกล้ๆกับชายป่า ติดกับหมู่บ้าน ไพรหยิบเอา .475 ไรเฟิล คู่กายของไพร ออกมาขัดให้ดูมันวาวเหมือนของใหม่ และทำการ เล็งไปที่ เป้ากระดาษที่เขาเขียน และ ติดไว้กับ ต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้าน
“ปัง”
กระสุน .475 ไรเฟิลของไพร เจาะเข้าที่กลางเป้ากระดาษพอดี ความสามารถในการบรรจงปืนยาวของไพรนั้น ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เหมือนกับ ในสมัยที่บิดาของเขายังมีชีวิตอยู่
ช่วงสายของวันนั้น สถิต ชาวบ้านในหมู่บ้านได้วิ่งเข้ามาหยุดที่หน้าชานบ้านของไพร และตะโกนเรียกหาไพรเสียงดังลั่น
“ไพร...ไพรโว้ย.....ไพร!!” ไพรเดินออกมาจากประตูบ้าน และพบกับ สถิต ที่ยืนตะโกนเรียกอยู่ ไพรเดินลงจากชานบ้าน เข้าไปหาสถิต
“มีอะไร....ส่งเสียงเอ็ดตะโรอยู่ได้”
“มีคนจากในตัวเมือง มาขอพบตัวเอ็งน่ะไพร”
ไพรเดินไปที่ศาลาการเปรียญ ซึ่งอยู่ในเขตวัดศรีอราม ชายหญิง 5-6 คน นั่งอยู่บนแคร่ รอเวลาที่จะได้พบกับ ไพร สุริยะ นายพรานฝีมือดีในหมู่บ้านแห่งนี้ และในบัดนี้ ไพร สุริยะ ก็ได้มาถึงศาลาการเปรียญแล้ว ไพรไม่รอช้า เดินปรี่เข้าไปถามทันทีว่า พวกเขาใช่ไหมที่ต้องการพบ
“นายพราน ไพร สุริยะสินะครับ?” ยุทธนา ชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี รุ่นราวคราวเดียวกับไพร ถามก่อนทันทีเมื่อเห็น ไพรเดินเข้ามาหา
“ใช่แล้ว....ว่าแต่ พวกคุณมีธุระอะไรกับผม?”
“พวกผมมาจากกรุงเทพฯครับ ผมอยากให้คุณพราน ไพร ช่วยนำทางพวกเรา เข้าไปในป่าแห่งนี้หน่อยครับ” ยุทธนา อธิบายความต้องการของพวกเขาให้ไพรได้รับรู้
“ทำไมถึงต้องเข้าป่านี่ล่ะครับ?”
“พี่ชายของเธอคนนั้น....หายตัวไปในป่าแห่งนี้ครับ”
ยุทธนา ชี้ไปทางหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ในกลุ่มของเขา หญิงสาวซึ่งมีหน้าตาสะสวย ผอม ผมยาวหน้าตาออกลูกครึ่ง
“ลิซ่า ลูกครึ่งอังกฤษ กับ ไทย เป็นน้องสาวของร้อยเอกพันภพ หัวหน้ากองปฏิบัติการทางชายแดนไทย กับ พม่า เขาได้หายตัวไปในป่าแห่งนี้ได้ 10 วันแล้วครับ หลังจากเข้าไปตามจับพวกลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน ลิซ่าเป็นห่วงจึงอยากจะเข้าไปตามหา”
“คุณอยากให้ผมนำทางเข้าไปในป่าแห่งนี้ ซึ่งได้ชื่อว่า ดงพญาไฟ งั้นใช่ไหมครับ?” ไพรถามคำถามเพื่อสรุปเรื่อง
“ครับ....คุณไพรพอจะช่วยเราได้ไหมครับ?”
ไพร หยิบปืนยาวคู่ใจของเขาขึ้นมา และลูบคลำปากกระบอกปืนอย่างทะนุถนอม
“เวลาที่ผมเข้าไปในป่านั่น....พร้อมกับปืนกระบอกนี้ ปืนกระบอกนี้ เป็นของดูต่างหน้าของพ่อผม.....พ่อของผม สิ้นชีวิตในป่านี้ แต่ก็ยังทิ้งปืนกระบอกนี้ไว้ให้กับผม เพื่อไว้ใช้ตามล่ามัน ผมเอาตัวรอดจาดมันได้ ก็เพราะปืนกระบอกนี้........ผมถึงตั้งชื่อปืนกระบอกนี้ว่า อัสนีเทพ เพราะว่ามันทำให้อสูรกายที่ฆ่าพ่อของผม เป็นแผลฉกรรจ์ แม้ว่าจะไม่ถึงกับตาย”
“คุณไพร.....คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”
“พญาอัคคี ....เจ้าแห่งตำนานอสรพิษซึ่งอยู่ในป่าแห่งนี้ มันฆ่าพ่อของผมต่อหน้าต่อตาผม และสิ่งสุดท้ายที่พ่อผมทิ้งไว้ให้ก่อนตายก็คือ ปืนกระบอกนี้ ผมใช้มัน ยิงใส่ลูกตาของมันข้างหนึ่งจนมันตาบอด และตั้งแต่นั้นมา เป็นเวลาเกือบสิบปี ผมแกะรอยตามล่ามันเข้าไปในป่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบเจอมันอีกเลย”
“พญาอัคคี!?” ยุทธนาเอ่ยชื่อของอสรพิษ ที่สังหาร พนาวัน พ่อของไพรอย่างหวั่นๆ
“ผมเชื่อว่า พญาอัคคียังคงซ่อนตัวอยู่ในป่าแห่งนี้ ผมกำลังรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าไปล่ามันอีกครั้ง และคราวนี้ ผมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้”
“แล้วตกลง คุณไพรจะช่วยพวกเราไหมครับ?” ยุทธนาถามต่อเพี่อไม่ให้เสียเวลา
“ครับ ผมพร้อมเสมอ ขอแค่พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อม และเสบียงอาวุธ และที่สำคัญ กำลังใจ กำลังกายที่จะอยู่ในป่าแห่งนี้ พวกคุณจะต้องมีให้พร้อม ป่านี้เป็นป่าดิบลึกมาก เข้าไปถึงชายแดนพม่า และอีกอย่างหนึ่ง ป่าแห่งนี้เป็นที่ซ่อนตัวของพญาอัคคี ขอให้ทุกคนที่จะไป ระวังตัวให้มากด้วย ผมเชื่อว่า ไม่ได้มีแค่พญาอัคคีแน่นอน ทั้งเสือ สัตว์ร้ายทุกชนิดที่อยู่ในป่า ขอให้ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ”
เย็นของวันนั้น ไพรคว้าเอา .475 ไรเฟิลคู่กายที่ไพรตั้งชื่อว่าอัสนีเทพ ทำการซ้อมยิงเป้าระยะไกล โดยตั้งขวด 5 ขวด ไว้เบื้องหน้าของเขา ห่างประมาณ 20 เมตร และทำการบรรจงลูกปืนใส่อย่างแม่นยำ ขวดแตกทั้ง 5 ขวดโดยที่ไพร ยิงไม่พลาดเป้าเลย
“พญาอัคคี คราวนี้แหละ มึงต้องถูกกูถลกหนังออกแน่” แต่แล้ว วัน พรานสหายรักของไพร ก็วิ่งแจ้นเข้ามาพร้อมกับปืนลูกซองคู่กายของเขา ด้วยหน้าตาแตกตื่น
“ไอ้ไพร เร็วเข้า!!”
“มีอะไรวัน.......เกิดอะไรขึ้น” ไพรวางปืนยาวลงแนบลำตัว
“มีเสือโคร่งใหญ่จากป่า เข้ามาในหมู่บ้านเราแล้ว!!”
“เสือโคร่ง?”
ไพรรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน หมู่บ้านนั้น เงียบกริบ ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากัน หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพื่อรอเวลาให้เสือร้ายนั้น ออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ให้พ้น ไพร กับ วันส่ายปากกระบอกปืนไปทั่วทุกทิศ เพื่อค้นหาเสือโคร่งนั่นแล้วจัดการยิงมันให้สิ้นชีพ จนกระทั่ง ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย มาจากอีกด้านหนึ่งของหัวมุมบ้านหลังหนึ่ง
“ช่วยด้วย!!”
“ไอ้วัน.....เสียงคนร้องนี่” ไพรวิ่งไปทางที่มีเสียงร้องลั่นออกมา ไพรกับวัน วิ่งเลี้ยวตรงหัวมุม และประทับปืนไปเบื้องหน้า หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง กำลังวิ่งหนีเสือโคร่งใหญ่ที่วิ่งตามหลังหมายขย้ำกินเป็นอาหารอย่างกระชั้นชิด
“ช่วยด้วย....ใครก็ได้ ช่วยด้วย”
“คุณลิซ่า!!”
ลิซ่า หญิงสาวซึ่งมากับทีมค้นหาตัวตัวร้อยเอกพันภพ ที่หายสาบสูญไปในป่าแห่งนี้ วิ่งอย่างหืดจับเพื่อหนีให้พ้นคมเขี้ยวของเสือร้ายที่ตามมาข้างหลัง ไพรวิ่งเข้าหาลิซ่า และกอดตัวเธอไว้เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า เธอปลอดภัยแล้ว
“คุณไพร?”
“คุณลิซ่า....ถอยไปอยู่ด้านหลังผมนะ”
พยัคฆ์ร้าย อยู่เบื้องหน้าของไพรแล้ว เสือโคร่งแยกเขี้ยว ส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น ไพรกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนปืนใหม่ในรังเพลิง และตั้งประทับไว้ เล็งไปยังเสือโคร่งซึ่งอยู่เบื้องหน้า
“โฮก” เสือโคร่งถีบตัวอย่างเร็ว พุ่งเข้าหาไพรหมายฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ไพร จับปากกระบอกปืน แล้วใช้บั้นท้ายปืน ฟาดเข้าที่ใบหน้าของพยัคฆ์ร้ายอย่างแรง พยัคฆ์ร้าย หน้าหันข้าง มันต้องถอยออกห่างจากตัวของไพร ไพรไม่รอช้า ลั่นไกส่งกระสุนปืน .475 ไรเฟิล พุ่งออกจากปากกระบอกปืน เข้าหาเสือโคร่งอย่างแม่นยำ
กระสุนปืน .475 ไรเฟิล เจาะทะลุหัวของเสือโคร่ง โดยที่ไม่มีโอกาสตั้งตัว เสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของพยัคฆ์ร้าย กึกก้อง มันดิ้นพรวดพราดอยู่กับพื้น ก่อนที่ชีวิตจ้าวป่าของมันจะจบสิ้นลง
“การทดสอบ เสร็จสมบูรณ์......ชั้นเชื่อมั่นแล้วว่า ชั้นกับอัสนีเทพ จะต้องถลกหนังของพญาอัคคีได้แน่”
“เก่งจังเลย....คุณไพร....” ลิซ่า เดินเข้าไปหาไพร ไพรวางปืนยาวลงแนบลำตัวหลังจากที่ควันกระสุนจากปากกระบอกปืน ที่พวยพุ่งออกมาหลังจาก ลั่นกระสุนออกไปจางลง
“ปลอดภัยแล้วครับ....คราวหน้า อย่าไปไหนคนเดียวอีกนะครับ หมู่บ้านนี้ มักจะมีสัตว์ร้ายลงจากป่า มาเพ่นพ่านอยู่บ่อยๆ” ไพรกล่าว
“ค่ะ...ต่อไปนี้ดิฉันจะระวังตัว”
“จนกว่าจะถึงวันเดินทาง ขอให้คุณดูแลตัวเองให้ดี”
กลุ่มค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ ได้ไปพักกันที่บ้านของไพร ไพรให้ “ชมพู่” น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา จัดตั้งสำรับ และเตรียมที่นอนให้กับกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ
“พี่ไพร จะเข้าป่าอีกแล้วเหรอคะ?”
“อืม พี่จะไม่มีวันล้มเลิกเด็ดขาด จนกว่าพี่จะล่าพญาอัคคี ฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเรา”
“แต่ว่า หนูน่ะ ไม่อยากให้พี่ไปเลย”
“ทำไม?”
“หนูกลัวว่า หนูจะเสียพี่ไปอีกคนน่ะสิ เราเสียพ่อกับแม่ไปแล้วนะ หนูไม่อยากเสียพี่ไป” ชมพู่น้ำตาซึม ไพรดึงชมพู่เข้ามากอดไว้ และหอมหน้าผาก และห่วงใยในตัวน้องสาว
“พี่ไม่ตายหรอก พี่ยังต้องอยู่ดูแลเธอต่อไป”
ในช่วงดึกของคืนนั้น ไพรกับยุทธนา ได้นั่งกินเหล้าและเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่จะเดินทางเข้าป่าที่อยู่หลังหมู่บ้านแห่งนี้ จนกระทั่งไปถึงเรื่องของ พญาอัคคี
“คุณไพรครับ ....ทำไม สิ่งที่ฆ่าพ่อคุณ ทำไมถึงชื่อว่าพญาอัคคีล่ะครับ?”
“พญาอัคคี เป็นงูหลามตัวมหึมา มันใหญ่ยิงกว่า ต้นมะพร้าวที่โตเต็มที่อีกครับ ที่ทั้งผม และเพื่อนๆพรานเรียกว่าพญาอัคคีก็เพราะ ตามลำตัวของพญาอัคคี มีเปลวไฟ ลุกอยู่ทั่วตัวเต็มไปหมด เวลาที่มันเคลื่อนผ่านที่ไหน ตรงนั้น จะมีเพลิงลุกไหม้ตลอดครับ เพราะฉะนั้น เวลาที่มีไฟป่า ชาวบ้านจะคิดว่า พญาอัคคี กำลังเคลื่อนตัวผ่านตรงนั้น”
“แล้วพญาอัคคีนี่ เคยลงมาถึงหมู่บ้านนี้ไหมครับ?”
“ไม่รู้สิครับ แต่ว่า เคยได้ฟังจากปู่ของผมว่า ในช่วงที่ปู่ยังเด็ก เคยเห็นงูยักษ์ที่มีไฟลุกตามตัว เลื้อยลงมาที่หมู่บ้านนี้ และทำลายหมู่บ้านจนพินาศ เป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะเลื้อยกลับขึ้นไปบนเขา”
“แสดงว่า พญาอัคคีนี่ จะต้องมีอายุมากกว่าร้อยปีสินะครับ”
“ครับ ...เป็นไปได้ และยังมีตำนานอีกว่า ในป่าแห่งนี้ มีเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งลือกันว่า เป็นเมืองของงู ซึ่งเป็นไปได้อีกอย่างว่า พญาอัคคี เป็นผู้ที่เฝ้าและปกครองอยู่ ..ผมจะเล่าให้คุณยุทธนาฟังว่า ในตอนที่ผมได้เจอกับพญาอัคคีเป็นครั้งแรก มันเป็นยังไง”
ไพรรินเหล้าให้ยุทธนา และให้ตัวเอง ก่อนที่จะชนแก้วกันแล้วดื่มสัก 2 3 อึก ไพรเริ่มเล่าถึงความทรงจำอันแสนเศร้าของเขาในวัยเด็ก
“เมื่อสิบปีก่อน ผม กับชมพู่น้องสาวผม และพ่อ เข้าไปตามหาชาวบ้านคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปในป่า และก็ได้พบกับคนที่หายสาบสูญไป หลงอยู่ทางโป่งราชสีห์ พ่อผมเข้าไปช่วยแต่แล้ว งูยักษ์ขนาดมหึมาตัวหนึ่ง ก็ได้โผล่ออกมาจากป่าใหญ่ พุ่งเข้ารัดร่างของพ่อผมไว้ ผมเห็นชัดเลยว่า งูนั่นมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ตามตัวตลอดเวลา ดวงตาแดงกล่ำของมัน จ้องมาที่ตัวผม พ่อของผมที่ถูกมันรัดอยู่ ตะโกนให้ผมหนีไป” ไพรกล่าวด้วยเสียงเศร้าๆ
“แล้วคุณไพรไม่หนีใช่ไหมครับ?” ยุทธนาถามต่อ
“พ่อของผม โยนเอาปืน .475 ไรเฟิลกระบอกนี้ให้ผม ก่อนที่พ่อของผมจะถูกมันรัดจนกระดูกหักทั้งร่าง และโดนเปลวไฟตามตัวมัน เผาทั้งเป็น เมื่อมันคลายตัวออก พ่อของผมก็เหลือแค่กระดูกแล้ว ผมตะโกนลั่นออกมา และกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนใหม่ เล็งไปที่ตาข้างขวา ของมัน ตอนนั้น ผมไม่เคยได้ยิงปืนของจริง และตอนนั้น ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้จับปืนของพ่อ เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าในตอนนั้น ดังลั่นพร้อมกับเสีนงปืนกระบอกนี้ที่แผดก้องใส่ดวงตาของพญาอัคคี พญาอัคคีเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง และเลื้อยหนีไป ผมวิ่งตามไป โดยปล่อยให้ชมพู่ น้องสาวของผม คอยดูแลชาวบ้านที่หายสาบสูญไป แต่ว่า ก็ไม่ทัน พญาอัคคีหายตัวไป .หลังจากนั้นมา .ตั้งแต่เด็ก ผมได้เฝ้าศึกษาตำราของพ่อที่ตกทอดมาถึงผม และมุ่งมั่นที่จะเป็นนายพรานฝีมือฉกาจแบบพ่อ ผมจึงได้แกะรอยตามล่ามันมาตลอดสิบปีตั้งแต่เด็กยันโต แต่ก็ไม่พบ เจอก็แต่ร่องรอยที่มันทิ้งไว้”
หลังจากนั้นมา 2 วันกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ และไพร วัน ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าป่าเพื่อตามหาร้อยเอกพันภพและ ตามล่าพญาอัคคี ไพรเตรียมอาวุธปืนพร้อมหมด และเสบียงอาหาร เข้าไปในป่าแห่งนี้ แมกไม้ปลิว ขยับส่ายไปมาตามลม ภายใต้การนำทางของไพร สุริยะ และวัน ทำให้กลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพพออุ่นใจได้บ้าง ถ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่อาจจะออกมาจากป่าได้ตลอดเวลา ตะวันขึ้นทางด้านทิศตะวันตก บ่งบอกถึงเวลาบ่าย ไพรให้กลุ่มค้นหาพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
“วัน ...เอ็งคอยดูแลพวกคุณยุทธนาให้ดีนะ...ข้าจะไปหาผลไม้ป่ามา” ไพรถือมีดสนามเล่มใหญ่ เข้าไปในดง ทิ้งไว้แต่วัน และกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ วันถือปืนยาว เดินตรวจตรารอบๆ จนกระทั่งเสียงอันไม่พึงประสงค์ ดังแซ่กๆออกมาจากพุ่มไม้
“อะไรน่ะ!?” วันหันปากกระบอกปืนไปทางเสียงแปลกๆในพุ่มไม้ ลูกเสือโคร่งตัวหนึ่งเดินออกมาเพียงตัวเดียว ลูกเสือโคร่งซึ่งพึ่งจะเกิดออกมาดูโลกได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ เดินเข้าไปหากลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ
“ลูกเสือโคร่งนี่นา น่ารักจัง” ลิซ่าอุ้มลูกเสือโคร่งขึ้นมา ลูกเสือโคร่งตัวเล็กๆ ร้องออกมาด้วยบาดแผลจากการถูก กิ่งไม้มีหนาม บาดตามตัวจนเลือดไหลรินๆออกมา ลิซ่าจึงรีบทำการปฐมพยาบาลให้ทันที
“ลิซ่า...เธอไม่กลัวมันกัดเหรอ?” เจน เพื่อนสาวในกลุ่มถามอย่างหวั่นๆ
“ไม่หอรก เจ้านี่ยังเล็กอยู่เลย อีกอย่าง มันก็น่ารักด้วย แต่ดูสิ บาดแผลเต็มตัวเลย” ลิซ่ากล่าวพร้อมใส่ยาตามแผลบนตัวของลูกเสือโคร่ง
“งั้น ถ้าเกิดว่า แม่ของมันตามมาเอาคืนล่ะ จะทำยังไง?” เจนถามต่อ
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ ชั้นทำได้แค่ ช่วยเจ้าตัวเล็กนี่ก่อนก็เท่านั้น”
จนกระทั่งไพรกลับมาพร้อมลูกไม้ป่าเต็มไปหมด ไพรตรวจสอบดูแล้วว่า ผลไหนมีพิษไม่มีพิษ แต่ว่า แม้จะไพรจะเป็นพรานป่าที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นลูกของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะทำร้ายพวกเขาได้ตลอดเวลา มาอยู่ในแคมป์ ไพรก็รู้สึกเกรงๆอยู่เหมือนกัน
“ผมกังวลอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเกิดแม่มันมาเอาคืนล่ะก็ คงไม่เกิดผลดีกับพวกเราแน่นอน” ไพรกล่าว
“ฉันเองก็คิดค่ะ แต่ฉันรู้สึกสงสารมัน มันมีบาดแผลตามตัวเต็มไปหมด” ลิซ่าป้อนนมให้ลูกเสือโคร่งอย่างเอ็นดู
“อืม....งั้นก็ระวังตัวไว้ด้วยละกันนะครับ”
ช่วงกลางคืน ไพรกับวัน สับเปลี่ยนเวรยามกัน ไพรสุมกองไฟขึ้นมาเพื่อกันสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้แคมป์ แต่ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะทนความง่วงของตนได้ ไพรและวันเผลอหลับไป กองไฟค่อยๆมอดลงเพราะไม่มีคนคอยเติมเชื้อ ในที่สุดก็ดับสนิท
“สวบ” เสียงของอะไรบางอย่าง เดินเข้ามาใกล้บริเวณแคมป์ พร้อมเสียงคำรามอย่างน่ากลัว ในเต๊นท์ ลูกเสือโคร่งส่งเสียงร้องออกมาเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง จนทำให้ลิซ่าและคนในเต๊นท์ต้องตื่นกันหมด
“ร้องอะไรของมันน่ะ?” ยุทธนาถาม
“ไม่รู้สิ......มันร้องแบบนี้รู้สึกแปลกๆนะ” ลิซ่ากล่าว
“เงียบก่อนพวกเรา ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้” ไพรซึ่งได้ยินลูกเสือโคร่งร้องออกมา จึงตื่นและรู้ตัวว่า ตังเองกับวัน เผลอหลับไป วันรีบสุมกองไฟใหม่ทันที ส่วนไพรตั้งปืน .375 ไรเฟิลคู่ใจของเขา ขึ้นมาและเล็งไปเบื้องหน้า ณ จุดที่เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
เสือลายพลาดกลอนตัวหนึ่ง เดินเข้ามาถึงบริเวณแคมป์ มันส่งเสียงคำรามลั่น ลูกเสือโคร่งในอ้อมกอดของลิซ่าก็ส่งเสียงตอยรับราวกับรู้ว่า มันมารับตัวกลับแล้ว
“แม่ของมันมารับตัวกลับแล้ว” วันกล่าว
“คุณลิซ่า รีบส่งตัวมันให้แม่มันไปเร็ว” ไพรรีบสั่งให้ลิซ่า คืนลูกเสือโคร่งให้กับแม่มันไปตามเดิม ลิซ่าไม่ยอมคืน เพราะเธอเองรู้สึกรักและเอ็นดูมันมาก แต่ว่า เวลาไม่เคยคอยใคร และแม่เสือโคร่งนั่นก็ไม่รอเวลาที่จะให้ลิซ่าคืนลูกมันกลับมา มันโผกระโดดข้ามกองไฟอย่างไม่น่าเชื่อ ข้ามมายังอีกฟากหนึ่งของกองไฟซึ่งเป็นจุดที่พวกไพร ยืนรออยู่
ไพรและวัน ยืนประทับปืนรอเวลาที่พยัคฆ์ร้ายจะเข้ามาติดกับ เสือโคร่งกระโจนเข้าหาไพรโดยไม่รอช้าหมายฉีกกินเป็นอาหารและพาลูกน้อยของมันกลับคืนไป .475 ดับเบิลไรเฟิลอันทรงอานุภาพของไพร จึงพ่นพิษออกไปโดยไม่ต้องรีรอเช่นกัน
กระสุนปืนดับเบิลไรเฟิล .475 ของไพร พุ่งเข้าใส่ส่วนทรวงอกของเสือโคร่งอย่างแรง จนมันกระเด็นร่วงลงพื้น มันยังไม่ยอมตาย ลุกขึ้นมาและวิ่งเข้าหาไพร วันจึงจัดการใช้ ลูกซองประจำตัวยิงใส่ส่วนขาหน้าทั้ง 2 ข้างเพื่อให้มันเสียการทรงตัว และตามด้วยไพรที่ไม่รอช้า กระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ในรังเพลิง และยิงใส่ส่วนหัวของเสือโคร่งโดยไม่รั้งรอ
พยัคฆ์ร้ายตัวนี้ตายสนิท แผลฉกรรจ์ทั้ง 4 จุดปล่อยให้เลือดไหลออกมาท่วมบริเวณนั้นเต็มไปหมด ลูกเสือโคร่งได้แต่ดูวินาทีที่แม่แท้ๆของมันถูกสังหารต่อหน้าต่อตา กลิ่นคาวฟุ้งออกมาจากซากเสือที่ตายแล้ว ไพรและวันจึงรีบทำการเผาซากเสือนั่นทันที เพื่อไม่ให้สัตว์อื่นที่กินซาก เข้ามาชุมนุมกันที่หน้าแคมป์แห่งนี้
“เป็นหน้าที่ของคุณแล้วนะคุณลิซ่า....ที่คุณจะต้องดูแลลูกเสือโคร่งตัวนี้ต่อไป ผมบอกแล้วว่า แม่ของมันจะต้องตามมาเอาคืนแน่” ไพรกล่าวอย่างเยือกเย็น ลิซ่าเอามือลูบหัวลูกเสือโคร่งอย่างทะนุถนอม ค่ำคืนแรกผ่านพ้นไปด้วยการมาเยือนของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่
ในเช้าวันต่อมา ไพรนำทางกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพต่อไปอีก ในทางทิศตะวันตกเพื่อไปตามเส้นทางเขตป่ายดิบติดชายแดนไทย พม่า
“พี่พันภพ หายตัวไปในเขตชายแดนไทย พม่าค่ะ คุณไพรคิดว่าจะทำยังไง?” ลิว่าถาม
“เอาไงดีครับคุณไพร จะต่อแพล่องไปตามแม่น้ำนี้ดีไหม?” ยุทธนาถามไพรต่อ
“มีแม่น้ำกั้นไว้ เราต้องต่อแพ ล่องไปตามแม่น้ำนี้” ไพรกล่าวพร้อมดึงมีดพร้าออกมาจากฝัก
“คุณยุทธนา คุณขจร ไอ้วัน มาช่วยกันตัดต้นไผ่ตรงนี้หน่อย เราจะทำแพล่องไปตามแม่น้ำกัน”
กินเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงในการตัดต้นไผ่ 20 ต้นออกมาทำแพ และอีก 1 ชั่วโมงสำหรับการประกอบ แพใหญ่สำหรับล่องไปตามน้ำก็เสร็จสมบูรณ์ พอสำหรับนั่งไปได้ 7-8 คน
“เข้ากับบรรยากาศการสำรวจจริงๆเลยค่ะ” ไพรกับวัน ช่วยกันลำเลียงของขึ้นแพ หลังจากนั้น ทั้ง 8 คนก็ขึ้นแพจนครบ ไพร กับ วัน ใช้ท่อนไม้ไผ่คนละท่อน ผลักตัวแพออก แล้วใช้เป็นพาย ล่องไปตามแม่น้ำ ผ่านกระแสน้ำนิ่งเข้าไปยังดงดิบ
“อีกนานไหมกว่าจะเข้าถึงเขตชายแดน?” ขจรถาม
“อีกไม่นานหรอกครับ ถ้าเราพายด้วยความเร็วประมาณนี้” ไพรตอบกลับ
“เออนี่พวกเรา.....รู้อะไรไหม?” เจนเริ่มเปิดเรื่องคุยกันบนแพ
“อะไรล่ะเจน”
“เคยดูสารคดีนะ เขาว่า ถ้าเราล่องไปตามแม่น้ำหรือบึงใหญ่ที่สงบนิ่ง เขาบอกว่ามันเป็นที่อยู่ของพวกจระเข้ล่ะ”
“ว่ายังไงนะ”
ลิซ่ามองลงไปในน้ำอันสงบนิ่ง เงาดำขนาดมหึมาจำนวนหลายแห่ง เคลื่อนตัวเข้ามาบริเวณแพและล้อมไว้ ลูกเสือโคร่งที่ลิซ่าเลี้ยงไว้ ส่งเสียงร้องอย่างผิดนิสัยราวกับเตือนถึงภัยอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้น้ำ ไพรกับวันหยุดพาย และวางต้นไผ่ไว้บนแพ หันไปหยิบปืนประจำตัวออกมา เช่นเดียวกับยุทธนาที่หยิบปืนสั้นคู่ใจออกมา พร้อมทั้งเล็งลงไปในน้ำ
“ทุกคน อยู่เกาะกลุ่มตรงกลางแพไว้นะ” แพสั่นกึกๆ ปรากฏร่างของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำใกล้ๆกับแพ
“ไอ้เข้!?”
จระเข้ไม่ต่ำกว่า 7 ตัว ว่ายเข้ามาใกล้แพ หมายจะคว่ำแพให้สิ้นเพื่อที่จะกินเหยื่อที่อยู่บนแพ ซึ่งก็คือพวกไพร
“ซูม” จระเข้ตัวหนึ่ง โผงับไผ่สำหรับพายหายลงไปในน้ำ ท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนบนแพ
“วัน ใช้ไผ่อีกท่อน พายไปเร็ว!!”
ไพรใช้ .475 ดับเบิลไรเฟิล ยิงใส่ฝูงจระเข้ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แพ แพเคลื่อนตัวตีโค้งออกไปเพราะขาดความสมดุลในการพาย ไพรและยุทธนา ช่วยกันยิงใส่ฝูงจระเข้ บางตัวหงายท้องตะแคงตายคาที่ บางตัวยังว่ายตรงเข้ามาหาแพอย่างไม่ลดละ
และแล้ว จระเข้ตัวหนึ่งก็ยกหางอันใหญ่โตขึ้นจากน้ำ ฟาดใส่ อุบล หนึ่งในทีมค้นหาร้อยเอกพันภพ ตกลงไปในน้ำ โดยที่ไพร และยุทธนาไม่มีโอกาสช่วย ฝูงจระเข้ กรูกันเข้ารุมฉีกร่างของอุบลออกเป็นชิ้นๆ
“อุบล!?”
“วัน พายแพเข้าฝั่งซ้าย!!” ไพรสั่งการพร้อมทั้งกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ และยิงใส่ฝูงจระเข้ในน้ำอย่างเร่งร้อน วัน พายบังคับแพให้เลี้ยวขวาเข้าหาฝั่งเพื่อหลบหลีกการปะทะกับฝูงจระเข้ที่ครอบครองลำน้ำแห่งนี้อยู่ ไพรรีบให้คนบนแพรีบวิ่งขึ้นฝั่งโดยเร็ว ฝูงจระเข้พุ่งเข้างับกระชากแพจนพังหมดสภาพ
“เฮ้อ...ปลอดภัยแล้ว”
“ปลอดภัยบ้าอะไรเล่า เราเสียคนในกลุ่มไปคนหนึ่งแล้วนะ คราวนี้จะทำยังไง?” ขจรกล่าวอย่างหัวเสีย
“จะไปทางน้ำก็มีจระเข้ สงสัยพวกเราคงต้องเดินทางไปทางบก คราวนี้ อาจจะต้องเข้าไปในเขต ป่าอสรสัตว์ซะแล้วล่ะ” วันกล่าวอย่างวิตก
“ป่าอสรสัตว์!?”
To be Continued
ไพร สุริยะ ชายหนุ่มผู้เป็นพรานป่าคนหนึ่งในหมู่บ้าน เป็นเจ้าภาพในงานทำบุญครบรอบวันตายของ พนาวัน พรานป่าผู้ยิ่งใหญ่และยังเป็นบิดาของตนเอง เขาประนมมือรับพรจากพระสงฆ์จำนวน 9 รูปพร้อมๆกับ วัน พรานคู่ใจอีกคนหนึ่ง
“พ่อ......จนแล้วจนรอด ผมก็ยังตามหามันไม่พบ.....แต่พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ...ผม จะต้องถลกหนังของมันออกมาเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อให้ได้.......” ไพรพูดในใจ พร้อมทั้งฟังพระให้พรไปด้วย ในหัวของตัวเขา มีแต่ความคิดที่จะแก้แค้นให้กับบิดาของเขา
หลังจากพระสวดเสร็จ ไพรลุกขึ้น ไปตักอาหารที่ ครอบครัวของเขาเป็นผู้จัดตั้งสำรับไว้ หลวงพ่อสง่า เจ้าอาวาสวัดนั้น ก็ได้เดินเข้ามาหาไพรอย่างช้าๆ พร้อมทั้ง ขอให้ไพร ได้ฟังเรื่องที่ท่านกำลังจะพูด
“โยมไพร......อาตมารู้ว่า โยมน่ะ ต้องการจะแก้แค้นให้กับพ่อของโยม แต่อย่าลืมว่า สิ่งที่ฆ่าพ่อของโยมน่ะ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของโยมนะ”
ไพรนั่งคุกเข่าลง และพนมมือ เริ่มสนทนากับหลวงพ่อสง่า ด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น
“หลวงพ่อครับ......ผมแกะรอยตามล่ามันมากว่าสิบปีแล้ว......ตั้งแต่ผมอายุเพียงแค่ สิบห้าปี และตอนนี้ ผมอายุ ยี่สิบห้าปีแล้ว....ผมยังหาร่องรอยของ เพชฌฆาตที่ฆ่าพ่อของผมไม่เจอเลย”
“ความอาฆาตแค้นของโยมน่ะ.....ถ้าโยมยังไม่ละทิ้งซะ.....มันก็จะเป็นเวรกรรมติดตัวโยมไปตลอด ไม่จบสิ้นนะโยม”
“หลวงพ่อครับ.......บ้านของผมต้องขาดเสาหลักไปก็เพราะมัน.........ผมอยากเป็นนายพรานแบบพ่อ.....แต่พ่อกลับมาตายไปก่อนแบบนี้ เพียงเพราะมันตัวเดียว......ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด”
ไพร กราบลาหลวงพ่อสง่า และลงบันไดจากโบสถ์วัด ไปตักข้าวราดแกงที่แม่ของเขา ทำมาแจกชาวบ้านที่มาร่วมงานในวันนี้ ไพร ตักข้าวแกงเสร็จแล้ว จึงไปนั่งที่เก้าอี้กับ วัน พรานสหายรักของเขา ซึ่งมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ไพร....เอ็งจะเข้าป่าอีกวันไหนหรือ?”
“ข้าเองก็ยังไม่รู้......แต่อาจจะเร็วๆนี้ล่ะ....ตราบใดที่ข้ายัง สังหารมันไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมเลิกราจากการเป็นพรานป่าแน่นอน” ไพรตักข้าวแกง 1 ช้อนใส่ปาก หลังจากที่โต้ตอบกับ วัน เสร็จแล้ว
“ดูท่าทางเอ็งจะเกลียดชังมันมากเลยนะ....” วัน มองหน้าไพรอย่างสงสารและ เคี้ยวข้าวต่อ
ไพรลุกขึ้น และเดินนำจานข้าวราดแกงที่ยังเหลืออยู่ ไปเททิ้ง ในตอนนี้ตัวเขา กินอะไรไม่ลงเลย.. ไพรมีความคิดอยู่อย่างเดียวคือ ตามล่า “อสรพิษ” ที่สังหารบิดาของเขาให้สำเร็จให้จงได้
“ไพร....เอ็งยังกินไม่หมดเลยนะ ทำไมวะ. แค่ข้าพูดแค่นี้ ถึงกับกินไม่ลงเลยหรือ?” วันลุกขึ้นถามไพรที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาไม่กี่ก้าว ไพรตอบกลับไปว่า
“ข้ากินไม่ได้ นอนไม่หลับก็เพราะมันน่ะแหละ.....จนกว่าข้าจะฆ่ามันได้สำเร็จ ข้าถึงจะกินข้าวให้มากกว่านี้” ไพรเดินกลับบ้านไป บ้านของไพร เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ใกล้ๆกับชายป่า ติดกับหมู่บ้าน ไพรหยิบเอา .475 ไรเฟิล คู่กายของไพร ออกมาขัดให้ดูมันวาวเหมือนของใหม่ และทำการ เล็งไปที่ เป้ากระดาษที่เขาเขียน และ ติดไว้กับ ต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้าน
“ปัง”
กระสุน .475 ไรเฟิลของไพร เจาะเข้าที่กลางเป้ากระดาษพอดี ความสามารถในการบรรจงปืนยาวของไพรนั้น ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เหมือนกับ ในสมัยที่บิดาของเขายังมีชีวิตอยู่
ช่วงสายของวันนั้น สถิต ชาวบ้านในหมู่บ้านได้วิ่งเข้ามาหยุดที่หน้าชานบ้านของไพร และตะโกนเรียกหาไพรเสียงดังลั่น
“ไพร...ไพรโว้ย.....ไพร!!” ไพรเดินออกมาจากประตูบ้าน และพบกับ สถิต ที่ยืนตะโกนเรียกอยู่ ไพรเดินลงจากชานบ้าน เข้าไปหาสถิต
“มีอะไร....ส่งเสียงเอ็ดตะโรอยู่ได้”
“มีคนจากในตัวเมือง มาขอพบตัวเอ็งน่ะไพร”
ไพรเดินไปที่ศาลาการเปรียญ ซึ่งอยู่ในเขตวัดศรีอราม ชายหญิง 5-6 คน นั่งอยู่บนแคร่ รอเวลาที่จะได้พบกับ ไพร สุริยะ นายพรานฝีมือดีในหมู่บ้านแห่งนี้ และในบัดนี้ ไพร สุริยะ ก็ได้มาถึงศาลาการเปรียญแล้ว ไพรไม่รอช้า เดินปรี่เข้าไปถามทันทีว่า พวกเขาใช่ไหมที่ต้องการพบ
“นายพราน ไพร สุริยะสินะครับ?” ยุทธนา ชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี รุ่นราวคราวเดียวกับไพร ถามก่อนทันทีเมื่อเห็น ไพรเดินเข้ามาหา
“ใช่แล้ว....ว่าแต่ พวกคุณมีธุระอะไรกับผม?”
“พวกผมมาจากกรุงเทพฯครับ ผมอยากให้คุณพราน ไพร ช่วยนำทางพวกเรา เข้าไปในป่าแห่งนี้หน่อยครับ” ยุทธนา อธิบายความต้องการของพวกเขาให้ไพรได้รับรู้
“ทำไมถึงต้องเข้าป่านี่ล่ะครับ?”
“พี่ชายของเธอคนนั้น....หายตัวไปในป่าแห่งนี้ครับ”
ยุทธนา ชี้ไปทางหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ในกลุ่มของเขา หญิงสาวซึ่งมีหน้าตาสะสวย ผอม ผมยาวหน้าตาออกลูกครึ่ง
“ลิซ่า ลูกครึ่งอังกฤษ กับ ไทย เป็นน้องสาวของร้อยเอกพันภพ หัวหน้ากองปฏิบัติการทางชายแดนไทย กับ พม่า เขาได้หายตัวไปในป่าแห่งนี้ได้ 10 วันแล้วครับ หลังจากเข้าไปตามจับพวกลำเลียงยาเสพติดจากชายแดน ลิซ่าเป็นห่วงจึงอยากจะเข้าไปตามหา”
“คุณอยากให้ผมนำทางเข้าไปในป่าแห่งนี้ ซึ่งได้ชื่อว่า ดงพญาไฟ งั้นใช่ไหมครับ?” ไพรถามคำถามเพื่อสรุปเรื่อง
“ครับ....คุณไพรพอจะช่วยเราได้ไหมครับ?”
ไพร หยิบปืนยาวคู่ใจของเขาขึ้นมา และลูบคลำปากกระบอกปืนอย่างทะนุถนอม
“เวลาที่ผมเข้าไปในป่านั่น....พร้อมกับปืนกระบอกนี้ ปืนกระบอกนี้ เป็นของดูต่างหน้าของพ่อผม.....พ่อของผม สิ้นชีวิตในป่านี้ แต่ก็ยังทิ้งปืนกระบอกนี้ไว้ให้กับผม เพื่อไว้ใช้ตามล่ามัน ผมเอาตัวรอดจาดมันได้ ก็เพราะปืนกระบอกนี้........ผมถึงตั้งชื่อปืนกระบอกนี้ว่า อัสนีเทพ เพราะว่ามันทำให้อสูรกายที่ฆ่าพ่อของผม เป็นแผลฉกรรจ์ แม้ว่าจะไม่ถึงกับตาย”
“คุณไพร.....คุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”
“พญาอัคคี ....เจ้าแห่งตำนานอสรพิษซึ่งอยู่ในป่าแห่งนี้ มันฆ่าพ่อของผมต่อหน้าต่อตาผม และสิ่งสุดท้ายที่พ่อผมทิ้งไว้ให้ก่อนตายก็คือ ปืนกระบอกนี้ ผมใช้มัน ยิงใส่ลูกตาของมันข้างหนึ่งจนมันตาบอด และตั้งแต่นั้นมา เป็นเวลาเกือบสิบปี ผมแกะรอยตามล่ามันเข้าไปในป่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบเจอมันอีกเลย”
“พญาอัคคี!?” ยุทธนาเอ่ยชื่อของอสรพิษ ที่สังหาร พนาวัน พ่อของไพรอย่างหวั่นๆ
“ผมเชื่อว่า พญาอัคคียังคงซ่อนตัวอยู่ในป่าแห่งนี้ ผมกำลังรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าไปล่ามันอีกครั้ง และคราวนี้ ผมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้”
“แล้วตกลง คุณไพรจะช่วยพวกเราไหมครับ?” ยุทธนาถามต่อเพี่อไม่ให้เสียเวลา
“ครับ ผมพร้อมเสมอ ขอแค่พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อม และเสบียงอาวุธ และที่สำคัญ กำลังใจ กำลังกายที่จะอยู่ในป่าแห่งนี้ พวกคุณจะต้องมีให้พร้อม ป่านี้เป็นป่าดิบลึกมาก เข้าไปถึงชายแดนพม่า และอีกอย่างหนึ่ง ป่าแห่งนี้เป็นที่ซ่อนตัวของพญาอัคคี ขอให้ทุกคนที่จะไป ระวังตัวให้มากด้วย ผมเชื่อว่า ไม่ได้มีแค่พญาอัคคีแน่นอน ทั้งเสือ สัตว์ร้ายทุกชนิดที่อยู่ในป่า ขอให้ทุกคนระวังตัวด้วยนะครับ”
เย็นของวันนั้น ไพรคว้าเอา .475 ไรเฟิลคู่กายที่ไพรตั้งชื่อว่าอัสนีเทพ ทำการซ้อมยิงเป้าระยะไกล โดยตั้งขวด 5 ขวด ไว้เบื้องหน้าของเขา ห่างประมาณ 20 เมตร และทำการบรรจงลูกปืนใส่อย่างแม่นยำ ขวดแตกทั้ง 5 ขวดโดยที่ไพร ยิงไม่พลาดเป้าเลย
“พญาอัคคี คราวนี้แหละ มึงต้องถูกกูถลกหนังออกแน่” แต่แล้ว วัน พรานสหายรักของไพร ก็วิ่งแจ้นเข้ามาพร้อมกับปืนลูกซองคู่กายของเขา ด้วยหน้าตาแตกตื่น
“ไอ้ไพร เร็วเข้า!!”
“มีอะไรวัน.......เกิดอะไรขึ้น” ไพรวางปืนยาวลงแนบลำตัว
“มีเสือโคร่งใหญ่จากป่า เข้ามาในหมู่บ้านเราแล้ว!!”
“เสือโคร่ง?”
ไพรรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน หมู่บ้านนั้น เงียบกริบ ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากัน หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพื่อรอเวลาให้เสือร้ายนั้น ออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ให้พ้น ไพร กับ วันส่ายปากกระบอกปืนไปทั่วทุกทิศ เพื่อค้นหาเสือโคร่งนั่นแล้วจัดการยิงมันให้สิ้นชีพ จนกระทั่ง ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย มาจากอีกด้านหนึ่งของหัวมุมบ้านหลังหนึ่ง
“ช่วยด้วย!!”
“ไอ้วัน.....เสียงคนร้องนี่” ไพรวิ่งไปทางที่มีเสียงร้องลั่นออกมา ไพรกับวัน วิ่งเลี้ยวตรงหัวมุม และประทับปืนไปเบื้องหน้า หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง กำลังวิ่งหนีเสือโคร่งใหญ่ที่วิ่งตามหลังหมายขย้ำกินเป็นอาหารอย่างกระชั้นชิด
“ช่วยด้วย....ใครก็ได้ ช่วยด้วย”
“คุณลิซ่า!!”
ลิซ่า หญิงสาวซึ่งมากับทีมค้นหาตัวตัวร้อยเอกพันภพ ที่หายสาบสูญไปในป่าแห่งนี้ วิ่งอย่างหืดจับเพื่อหนีให้พ้นคมเขี้ยวของเสือร้ายที่ตามมาข้างหลัง ไพรวิ่งเข้าหาลิซ่า และกอดตัวเธอไว้เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า เธอปลอดภัยแล้ว
“คุณไพร?”
“คุณลิซ่า....ถอยไปอยู่ด้านหลังผมนะ”
พยัคฆ์ร้าย อยู่เบื้องหน้าของไพรแล้ว เสือโคร่งแยกเขี้ยว ส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น ไพรกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนปืนใหม่ในรังเพลิง และตั้งประทับไว้ เล็งไปยังเสือโคร่งซึ่งอยู่เบื้องหน้า
“โฮก” เสือโคร่งถีบตัวอย่างเร็ว พุ่งเข้าหาไพรหมายฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ไพร จับปากกระบอกปืน แล้วใช้บั้นท้ายปืน ฟาดเข้าที่ใบหน้าของพยัคฆ์ร้ายอย่างแรง พยัคฆ์ร้าย หน้าหันข้าง มันต้องถอยออกห่างจากตัวของไพร ไพรไม่รอช้า ลั่นไกส่งกระสุนปืน .475 ไรเฟิล พุ่งออกจากปากกระบอกปืน เข้าหาเสือโคร่งอย่างแม่นยำ
กระสุนปืน .475 ไรเฟิล เจาะทะลุหัวของเสือโคร่ง โดยที่ไม่มีโอกาสตั้งตัว เสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของพยัคฆ์ร้าย กึกก้อง มันดิ้นพรวดพราดอยู่กับพื้น ก่อนที่ชีวิตจ้าวป่าของมันจะจบสิ้นลง
“การทดสอบ เสร็จสมบูรณ์......ชั้นเชื่อมั่นแล้วว่า ชั้นกับอัสนีเทพ จะต้องถลกหนังของพญาอัคคีได้แน่”
“เก่งจังเลย....คุณไพร....” ลิซ่า เดินเข้าไปหาไพร ไพรวางปืนยาวลงแนบลำตัวหลังจากที่ควันกระสุนจากปากกระบอกปืน ที่พวยพุ่งออกมาหลังจาก ลั่นกระสุนออกไปจางลง
“ปลอดภัยแล้วครับ....คราวหน้า อย่าไปไหนคนเดียวอีกนะครับ หมู่บ้านนี้ มักจะมีสัตว์ร้ายลงจากป่า มาเพ่นพ่านอยู่บ่อยๆ” ไพรกล่าว
“ค่ะ...ต่อไปนี้ดิฉันจะระวังตัว”
“จนกว่าจะถึงวันเดินทาง ขอให้คุณดูแลตัวเองให้ดี”
กลุ่มค้นหาตัวร้อยเอกพันภพ ได้ไปพักกันที่บ้านของไพร ไพรให้ “ชมพู่” น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา จัดตั้งสำรับ และเตรียมที่นอนให้กับกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ
“พี่ไพร จะเข้าป่าอีกแล้วเหรอคะ?”
“อืม พี่จะไม่มีวันล้มเลิกเด็ดขาด จนกว่าพี่จะล่าพญาอัคคี ฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเรา”
“แต่ว่า หนูน่ะ ไม่อยากให้พี่ไปเลย”
“ทำไม?”
“หนูกลัวว่า หนูจะเสียพี่ไปอีกคนน่ะสิ เราเสียพ่อกับแม่ไปแล้วนะ หนูไม่อยากเสียพี่ไป” ชมพู่น้ำตาซึม ไพรดึงชมพู่เข้ามากอดไว้ และหอมหน้าผาก และห่วงใยในตัวน้องสาว
“พี่ไม่ตายหรอก พี่ยังต้องอยู่ดูแลเธอต่อไป”
ในช่วงดึกของคืนนั้น ไพรกับยุทธนา ได้นั่งกินเหล้าและเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่จะเดินทางเข้าป่าที่อยู่หลังหมู่บ้านแห่งนี้ จนกระทั่งไปถึงเรื่องของ พญาอัคคี
“คุณไพรครับ ....ทำไม สิ่งที่ฆ่าพ่อคุณ ทำไมถึงชื่อว่าพญาอัคคีล่ะครับ?”
“พญาอัคคี เป็นงูหลามตัวมหึมา มันใหญ่ยิงกว่า ต้นมะพร้าวที่โตเต็มที่อีกครับ ที่ทั้งผม และเพื่อนๆพรานเรียกว่าพญาอัคคีก็เพราะ ตามลำตัวของพญาอัคคี มีเปลวไฟ ลุกอยู่ทั่วตัวเต็มไปหมด เวลาที่มันเคลื่อนผ่านที่ไหน ตรงนั้น จะมีเพลิงลุกไหม้ตลอดครับ เพราะฉะนั้น เวลาที่มีไฟป่า ชาวบ้านจะคิดว่า พญาอัคคี กำลังเคลื่อนตัวผ่านตรงนั้น”
“แล้วพญาอัคคีนี่ เคยลงมาถึงหมู่บ้านนี้ไหมครับ?”
“ไม่รู้สิครับ แต่ว่า เคยได้ฟังจากปู่ของผมว่า ในช่วงที่ปู่ยังเด็ก เคยเห็นงูยักษ์ที่มีไฟลุกตามตัว เลื้อยลงมาที่หมู่บ้านนี้ และทำลายหมู่บ้านจนพินาศ เป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะเลื้อยกลับขึ้นไปบนเขา”
“แสดงว่า พญาอัคคีนี่ จะต้องมีอายุมากกว่าร้อยปีสินะครับ”
“ครับ ...เป็นไปได้ และยังมีตำนานอีกว่า ในป่าแห่งนี้ มีเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ซึ่งลือกันว่า เป็นเมืองของงู ซึ่งเป็นไปได้อีกอย่างว่า พญาอัคคี เป็นผู้ที่เฝ้าและปกครองอยู่ ..ผมจะเล่าให้คุณยุทธนาฟังว่า ในตอนที่ผมได้เจอกับพญาอัคคีเป็นครั้งแรก มันเป็นยังไง”
ไพรรินเหล้าให้ยุทธนา และให้ตัวเอง ก่อนที่จะชนแก้วกันแล้วดื่มสัก 2 3 อึก ไพรเริ่มเล่าถึงความทรงจำอันแสนเศร้าของเขาในวัยเด็ก
“เมื่อสิบปีก่อน ผม กับชมพู่น้องสาวผม และพ่อ เข้าไปตามหาชาวบ้านคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปในป่า และก็ได้พบกับคนที่หายสาบสูญไป หลงอยู่ทางโป่งราชสีห์ พ่อผมเข้าไปช่วยแต่แล้ว งูยักษ์ขนาดมหึมาตัวหนึ่ง ก็ได้โผล่ออกมาจากป่าใหญ่ พุ่งเข้ารัดร่างของพ่อผมไว้ ผมเห็นชัดเลยว่า งูนั่นมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ตามตัวตลอดเวลา ดวงตาแดงกล่ำของมัน จ้องมาที่ตัวผม พ่อของผมที่ถูกมันรัดอยู่ ตะโกนให้ผมหนีไป” ไพรกล่าวด้วยเสียงเศร้าๆ
“แล้วคุณไพรไม่หนีใช่ไหมครับ?” ยุทธนาถามต่อ
“พ่อของผม โยนเอาปืน .475 ไรเฟิลกระบอกนี้ให้ผม ก่อนที่พ่อของผมจะถูกมันรัดจนกระดูกหักทั้งร่าง และโดนเปลวไฟตามตัวมัน เผาทั้งเป็น เมื่อมันคลายตัวออก พ่อของผมก็เหลือแค่กระดูกแล้ว ผมตะโกนลั่นออกมา และกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนใหม่ เล็งไปที่ตาข้างขวา ของมัน ตอนนั้น ผมไม่เคยได้ยิงปืนของจริง และตอนนั้น ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้จับปืนของพ่อ เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าในตอนนั้น ดังลั่นพร้อมกับเสีนงปืนกระบอกนี้ที่แผดก้องใส่ดวงตาของพญาอัคคี พญาอัคคีเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง และเลื้อยหนีไป ผมวิ่งตามไป โดยปล่อยให้ชมพู่ น้องสาวของผม คอยดูแลชาวบ้านที่หายสาบสูญไป แต่ว่า ก็ไม่ทัน พญาอัคคีหายตัวไป .หลังจากนั้นมา .ตั้งแต่เด็ก ผมได้เฝ้าศึกษาตำราของพ่อที่ตกทอดมาถึงผม และมุ่งมั่นที่จะเป็นนายพรานฝีมือฉกาจแบบพ่อ ผมจึงได้แกะรอยตามล่ามันมาตลอดสิบปีตั้งแต่เด็กยันโต แต่ก็ไม่พบ เจอก็แต่ร่องรอยที่มันทิ้งไว้”
หลังจากนั้นมา 2 วันกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ และไพร วัน ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าป่าเพื่อตามหาร้อยเอกพันภพและ ตามล่าพญาอัคคี ไพรเตรียมอาวุธปืนพร้อมหมด และเสบียงอาหาร เข้าไปในป่าแห่งนี้ แมกไม้ปลิว ขยับส่ายไปมาตามลม ภายใต้การนำทางของไพร สุริยะ และวัน ทำให้กลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพพออุ่นใจได้บ้าง ถ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่อาจจะออกมาจากป่าได้ตลอดเวลา ตะวันขึ้นทางด้านทิศตะวันตก บ่งบอกถึงเวลาบ่าย ไพรให้กลุ่มค้นหาพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
“วัน ...เอ็งคอยดูแลพวกคุณยุทธนาให้ดีนะ...ข้าจะไปหาผลไม้ป่ามา” ไพรถือมีดสนามเล่มใหญ่ เข้าไปในดง ทิ้งไว้แต่วัน และกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ วันถือปืนยาว เดินตรวจตรารอบๆ จนกระทั่งเสียงอันไม่พึงประสงค์ ดังแซ่กๆออกมาจากพุ่มไม้
“อะไรน่ะ!?” วันหันปากกระบอกปืนไปทางเสียงแปลกๆในพุ่มไม้ ลูกเสือโคร่งตัวหนึ่งเดินออกมาเพียงตัวเดียว ลูกเสือโคร่งซึ่งพึ่งจะเกิดออกมาดูโลกได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ เดินเข้าไปหากลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพ
“ลูกเสือโคร่งนี่นา น่ารักจัง” ลิซ่าอุ้มลูกเสือโคร่งขึ้นมา ลูกเสือโคร่งตัวเล็กๆ ร้องออกมาด้วยบาดแผลจากการถูก กิ่งไม้มีหนาม บาดตามตัวจนเลือดไหลรินๆออกมา ลิซ่าจึงรีบทำการปฐมพยาบาลให้ทันที
“ลิซ่า...เธอไม่กลัวมันกัดเหรอ?” เจน เพื่อนสาวในกลุ่มถามอย่างหวั่นๆ
“ไม่หอรก เจ้านี่ยังเล็กอยู่เลย อีกอย่าง มันก็น่ารักด้วย แต่ดูสิ บาดแผลเต็มตัวเลย” ลิซ่ากล่าวพร้อมใส่ยาตามแผลบนตัวของลูกเสือโคร่ง
“งั้น ถ้าเกิดว่า แม่ของมันตามมาเอาคืนล่ะ จะทำยังไง?” เจนถามต่อ
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ ชั้นทำได้แค่ ช่วยเจ้าตัวเล็กนี่ก่อนก็เท่านั้น”
จนกระทั่งไพรกลับมาพร้อมลูกไม้ป่าเต็มไปหมด ไพรตรวจสอบดูแล้วว่า ผลไหนมีพิษไม่มีพิษ แต่ว่า แม้จะไพรจะเป็นพรานป่าที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นลูกของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะทำร้ายพวกเขาได้ตลอดเวลา มาอยู่ในแคมป์ ไพรก็รู้สึกเกรงๆอยู่เหมือนกัน
“ผมกังวลอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเกิดแม่มันมาเอาคืนล่ะก็ คงไม่เกิดผลดีกับพวกเราแน่นอน” ไพรกล่าว
“ฉันเองก็คิดค่ะ แต่ฉันรู้สึกสงสารมัน มันมีบาดแผลตามตัวเต็มไปหมด” ลิซ่าป้อนนมให้ลูกเสือโคร่งอย่างเอ็นดู
“อืม....งั้นก็ระวังตัวไว้ด้วยละกันนะครับ”
ช่วงกลางคืน ไพรกับวัน สับเปลี่ยนเวรยามกัน ไพรสุมกองไฟขึ้นมาเพื่อกันสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้แคมป์ แต่ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะทนความง่วงของตนได้ ไพรและวันเผลอหลับไป กองไฟค่อยๆมอดลงเพราะไม่มีคนคอยเติมเชื้อ ในที่สุดก็ดับสนิท
“สวบ” เสียงของอะไรบางอย่าง เดินเข้ามาใกล้บริเวณแคมป์ พร้อมเสียงคำรามอย่างน่ากลัว ในเต๊นท์ ลูกเสือโคร่งส่งเสียงร้องออกมาเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง จนทำให้ลิซ่าและคนในเต๊นท์ต้องตื่นกันหมด
“ร้องอะไรของมันน่ะ?” ยุทธนาถาม
“ไม่รู้สิ......มันร้องแบบนี้รู้สึกแปลกๆนะ” ลิซ่ากล่าว
“เงียบก่อนพวกเรา ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้” ไพรซึ่งได้ยินลูกเสือโคร่งร้องออกมา จึงตื่นและรู้ตัวว่า ตังเองกับวัน เผลอหลับไป วันรีบสุมกองไฟใหม่ทันที ส่วนไพรตั้งปืน .375 ไรเฟิลคู่ใจของเขา ขึ้นมาและเล็งไปเบื้องหน้า ณ จุดที่เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
เสือลายพลาดกลอนตัวหนึ่ง เดินเข้ามาถึงบริเวณแคมป์ มันส่งเสียงคำรามลั่น ลูกเสือโคร่งในอ้อมกอดของลิซ่าก็ส่งเสียงตอยรับราวกับรู้ว่า มันมารับตัวกลับแล้ว
“แม่ของมันมารับตัวกลับแล้ว” วันกล่าว
“คุณลิซ่า รีบส่งตัวมันให้แม่มันไปเร็ว” ไพรรีบสั่งให้ลิซ่า คืนลูกเสือโคร่งให้กับแม่มันไปตามเดิม ลิซ่าไม่ยอมคืน เพราะเธอเองรู้สึกรักและเอ็นดูมันมาก แต่ว่า เวลาไม่เคยคอยใคร และแม่เสือโคร่งนั่นก็ไม่รอเวลาที่จะให้ลิซ่าคืนลูกมันกลับมา มันโผกระโดดข้ามกองไฟอย่างไม่น่าเชื่อ ข้ามมายังอีกฟากหนึ่งของกองไฟซึ่งเป็นจุดที่พวกไพร ยืนรออยู่
ไพรและวัน ยืนประทับปืนรอเวลาที่พยัคฆ์ร้ายจะเข้ามาติดกับ เสือโคร่งกระโจนเข้าหาไพรโดยไม่รอช้าหมายฉีกกินเป็นอาหารและพาลูกน้อยของมันกลับคืนไป .475 ดับเบิลไรเฟิลอันทรงอานุภาพของไพร จึงพ่นพิษออกไปโดยไม่ต้องรีรอเช่นกัน
กระสุนปืนดับเบิลไรเฟิล .475 ของไพร พุ่งเข้าใส่ส่วนทรวงอกของเสือโคร่งอย่างแรง จนมันกระเด็นร่วงลงพื้น มันยังไม่ยอมตาย ลุกขึ้นมาและวิ่งเข้าหาไพร วันจึงจัดการใช้ ลูกซองประจำตัวยิงใส่ส่วนขาหน้าทั้ง 2 ข้างเพื่อให้มันเสียการทรงตัว และตามด้วยไพรที่ไม่รอช้า กระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ในรังเพลิง และยิงใส่ส่วนหัวของเสือโคร่งโดยไม่รั้งรอ
พยัคฆ์ร้ายตัวนี้ตายสนิท แผลฉกรรจ์ทั้ง 4 จุดปล่อยให้เลือดไหลออกมาท่วมบริเวณนั้นเต็มไปหมด ลูกเสือโคร่งได้แต่ดูวินาทีที่แม่แท้ๆของมันถูกสังหารต่อหน้าต่อตา กลิ่นคาวฟุ้งออกมาจากซากเสือที่ตายแล้ว ไพรและวันจึงรีบทำการเผาซากเสือนั่นทันที เพื่อไม่ให้สัตว์อื่นที่กินซาก เข้ามาชุมนุมกันที่หน้าแคมป์แห่งนี้
“เป็นหน้าที่ของคุณแล้วนะคุณลิซ่า....ที่คุณจะต้องดูแลลูกเสือโคร่งตัวนี้ต่อไป ผมบอกแล้วว่า แม่ของมันจะต้องตามมาเอาคืนแน่” ไพรกล่าวอย่างเยือกเย็น ลิซ่าเอามือลูบหัวลูกเสือโคร่งอย่างทะนุถนอม ค่ำคืนแรกผ่านพ้นไปด้วยการมาเยือนของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่
ในเช้าวันต่อมา ไพรนำทางกลุ่มค้นหาร้อยเอกพันภพต่อไปอีก ในทางทิศตะวันตกเพื่อไปตามเส้นทางเขตป่ายดิบติดชายแดนไทย พม่า
“พี่พันภพ หายตัวไปในเขตชายแดนไทย พม่าค่ะ คุณไพรคิดว่าจะทำยังไง?” ลิว่าถาม
“เอาไงดีครับคุณไพร จะต่อแพล่องไปตามแม่น้ำนี้ดีไหม?” ยุทธนาถามไพรต่อ
“มีแม่น้ำกั้นไว้ เราต้องต่อแพ ล่องไปตามแม่น้ำนี้” ไพรกล่าวพร้อมดึงมีดพร้าออกมาจากฝัก
“คุณยุทธนา คุณขจร ไอ้วัน มาช่วยกันตัดต้นไผ่ตรงนี้หน่อย เราจะทำแพล่องไปตามแม่น้ำกัน”
กินเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงในการตัดต้นไผ่ 20 ต้นออกมาทำแพ และอีก 1 ชั่วโมงสำหรับการประกอบ แพใหญ่สำหรับล่องไปตามน้ำก็เสร็จสมบูรณ์ พอสำหรับนั่งไปได้ 7-8 คน
“เข้ากับบรรยากาศการสำรวจจริงๆเลยค่ะ” ไพรกับวัน ช่วยกันลำเลียงของขึ้นแพ หลังจากนั้น ทั้ง 8 คนก็ขึ้นแพจนครบ ไพร กับ วัน ใช้ท่อนไม้ไผ่คนละท่อน ผลักตัวแพออก แล้วใช้เป็นพาย ล่องไปตามแม่น้ำ ผ่านกระแสน้ำนิ่งเข้าไปยังดงดิบ
“อีกนานไหมกว่าจะเข้าถึงเขตชายแดน?” ขจรถาม
“อีกไม่นานหรอกครับ ถ้าเราพายด้วยความเร็วประมาณนี้” ไพรตอบกลับ
“เออนี่พวกเรา.....รู้อะไรไหม?” เจนเริ่มเปิดเรื่องคุยกันบนแพ
“อะไรล่ะเจน”
“เคยดูสารคดีนะ เขาว่า ถ้าเราล่องไปตามแม่น้ำหรือบึงใหญ่ที่สงบนิ่ง เขาบอกว่ามันเป็นที่อยู่ของพวกจระเข้ล่ะ”
“ว่ายังไงนะ”
ลิซ่ามองลงไปในน้ำอันสงบนิ่ง เงาดำขนาดมหึมาจำนวนหลายแห่ง เคลื่อนตัวเข้ามาบริเวณแพและล้อมไว้ ลูกเสือโคร่งที่ลิซ่าเลี้ยงไว้ ส่งเสียงร้องอย่างผิดนิสัยราวกับเตือนถึงภัยอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้น้ำ ไพรกับวันหยุดพาย และวางต้นไผ่ไว้บนแพ หันไปหยิบปืนประจำตัวออกมา เช่นเดียวกับยุทธนาที่หยิบปืนสั้นคู่ใจออกมา พร้อมทั้งเล็งลงไปในน้ำ
“ทุกคน อยู่เกาะกลุ่มตรงกลางแพไว้นะ” แพสั่นกึกๆ ปรากฏร่างของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำใกล้ๆกับแพ
“ไอ้เข้!?”
จระเข้ไม่ต่ำกว่า 7 ตัว ว่ายเข้ามาใกล้แพ หมายจะคว่ำแพให้สิ้นเพื่อที่จะกินเหยื่อที่อยู่บนแพ ซึ่งก็คือพวกไพร
“ซูม” จระเข้ตัวหนึ่ง โผงับไผ่สำหรับพายหายลงไปในน้ำ ท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนบนแพ
“วัน ใช้ไผ่อีกท่อน พายไปเร็ว!!”
ไพรใช้ .475 ดับเบิลไรเฟิล ยิงใส่ฝูงจระเข้ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แพ แพเคลื่อนตัวตีโค้งออกไปเพราะขาดความสมดุลในการพาย ไพรและยุทธนา ช่วยกันยิงใส่ฝูงจระเข้ บางตัวหงายท้องตะแคงตายคาที่ บางตัวยังว่ายตรงเข้ามาหาแพอย่างไม่ลดละ
และแล้ว จระเข้ตัวหนึ่งก็ยกหางอันใหญ่โตขึ้นจากน้ำ ฟาดใส่ อุบล หนึ่งในทีมค้นหาร้อยเอกพันภพ ตกลงไปในน้ำ โดยที่ไพร และยุทธนาไม่มีโอกาสช่วย ฝูงจระเข้ กรูกันเข้ารุมฉีกร่างของอุบลออกเป็นชิ้นๆ
“อุบล!?”
“วัน พายแพเข้าฝั่งซ้าย!!” ไพรสั่งการพร้อมทั้งกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดใหม่ และยิงใส่ฝูงจระเข้ในน้ำอย่างเร่งร้อน วัน พายบังคับแพให้เลี้ยวขวาเข้าหาฝั่งเพื่อหลบหลีกการปะทะกับฝูงจระเข้ที่ครอบครองลำน้ำแห่งนี้อยู่ ไพรรีบให้คนบนแพรีบวิ่งขึ้นฝั่งโดยเร็ว ฝูงจระเข้พุ่งเข้างับกระชากแพจนพังหมดสภาพ
“เฮ้อ...ปลอดภัยแล้ว”
“ปลอดภัยบ้าอะไรเล่า เราเสียคนในกลุ่มไปคนหนึ่งแล้วนะ คราวนี้จะทำยังไง?” ขจรกล่าวอย่างหัวเสีย
“จะไปทางน้ำก็มีจระเข้ สงสัยพวกเราคงต้องเดินทางไปทางบก คราวนี้ อาจจะต้องเข้าไปในเขต ป่าอสรสัตว์ซะแล้วล่ะ” วันกล่าวอย่างวิตก
“ป่าอสรสัตว์!?”
To be Continued
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น