ตอนที่ 75 : "*^o^*"...พลอยจันทร์พันดาว ..."*^o^*" - ตอนที่ 6 (100% จ้า)
ดีจ้า ทุกๆ คน
เพราะวันนี้วีได้กลับบ้าน ดีใจก็เลยเอาตอนใหม่มาให้คนอ่านเร็ว
อยากให้คนอ่านดีใจกับวีด้วย 5555
XOXO
veerandah ^0^V
Facebook: Veerandah Suksasunee
Twitter: @veerandah
Line: veerandah
Web: tswriter.com (ทุกคนสามารถตามอ่านนิยาย (แบบเต็มๆ) ของวีได้ที่นี่ค่ะ)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำชี้แจง
ชื่อตัวละคร สถานที่ เมืองและประเทศ หรือเรื่องราวที่ที่พาดพิงถึงในนิยายเรื่องนี้ อาจมีความเหมือนและ / หรือ คล้ายคลึงกับความเป็นจริง ขอยืนยันว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น และผู้แต่งไม่ได้ประสงค์ให้เกิดการเข้าใจผิดจึงขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ตอนที่ 6
ดวงตาเรียวเล็กของปาจรีย์เพ่งมองผ่านแว่นวงกลมเล็กๆ ที่เธอมักจะหยิบขึ้นมาใส่เสมอเมื่อต้องทำงานที่มีความละเอียดสูง
“เธอคิดว่ายังไง ยายพลอยหุง” ปาจรีย์ถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้ามโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
สร้อยคอทองคำขาวประดับมุกมากกว่ายี่สิบเม็ด ยังไม่นับทับทิมน้ำงามเนื้อบริสุทธิ์ที่แซมไว้อีกไม่ต่ำกว่าสามสิบเม็ด แม้ทับทิมบางเม็ดจะหลุดออกไปบ้าง แต่สร้อยลักษณะที่เธอเห็นอยู่นี้ไม่ใช่สร้อยไข่มุกล้อมทับทิมธรรมดาแน่ๆ
“ศิลปะตัวเรือนเป็นแบบที่นิยมช่วงปลายศตวรรษที่ 17 แถมประดับด้วยไข่มุกสีเทารูปหยดน้ำ กับทับทิมเนื้อบริสุทธิ์เป็นจำนวนมากขนาดนี้ ฉันเคยเห็นสร้อยแบบนี้แค่เส้นเดียว” พลอยจันทร์ตอบก่อนจะเว้นวรรคสบตากับปาจรีย์ที่เงยหน้าขึ้นมาจากสร้อยที่อยู่ตรงหน้า
“สร้อยพระศอของพระนางมารี อองตัวเนต” สองสาวนักอัญมณีศาสตร์เอ่ยขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะมองไปที่เจ้าของสร้อยเส้นที่นำพวกเธอมาที่นี่
แลมเบิร์ต ฟรังซัวส์ เศรษฐีฝรั่งเศสลูกครึ่งอเมริกาอันดับต้นๆ ของปารีสที่ขึ้นชื่อเรื่องชอบสะสมของเก่าตั้งแต่จานเก่าๆ ไปจนถึงคฤหาสน์เก่าแก่หลังงามที่มีอยู่ทั่วยุโรป
“คิดว่าเป็นยังไงครับ คุณผู้หญิงทั้งสอง” แลมเบิร์ตถามด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ก้องอยู่ในคอ เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนที่สถาบันอัญมณีที่เก่าแก่ที่สุดการันตีว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดมองมาที่เขา
“เราคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สร้อยเส้นนี้จะเป็นสร้อยพระศอของพระนางมารี อองตัวเนต ค่ะ”
พลอยจันทร์ตอบด้วยภาษาฝรั่งเศสได้คล่องราวกับเป็นเจ้าของภาษา ส่วนปาจรีย์แม้จะฟังไม่ออก แต่ก็พอเดาได้ว่าเพื่อนสาวกำลังอธิบายบางอย่างกับเจ้าของสร้อย
“จากรายงานผลการตรวจสอบอายุของไข่มุกที่ประดับบนเรือนสร้อย พิสูจน์แล้วว่ามีอายุอยู่ในราวปีค.ศ. 1780 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันพอดี”
ดวงตาของแลมเบิร์ตโตขึ้น และรำพึงอย่างภูมิใจที่ได้ของมีค่าไว้ในมือ
“เป็นความจริงหรือนี่”
“แต่น่าเสียดายที่ทับทิมบางส่วนหลุดหายไป” ปาจรีย์เสริมเป็นภาษาอังกฤษ แต่แลมเบิร์ตก็ฟังเข้าใจจึงหันไปมองหน้าพลอยจันทร์อีกครั้ง
“เรื่องนั้นผมรู้ และหาทางแก้ไขไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องต่อจากนั้นต่างหากที่เป็นสาเหตุที่คุณต้องมาอยู่ที่นี่” แลมเบิร์ตตอบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสที่แม้จะฟังยากไปบ้าง แต่ในความคิดของปาจรีย์ก็ถือว่ายังดีที่พอสื่อสารกันได้
ดวงตาเรียวเล็กของปาจรีย์มองหน้าเจ้าของสร้อยอย่างสงสัย ก่อนจะเหลือบไปสบตากับพลอยจันทร์
หลายวันก่อน พลอยจันทร์ส่งรูปสร้อยเส้นนี้ไปให้เธอที่ลอนดอนทางไปรษนีย์ด่วนที่สุด เริ่มแรกเธอก็คิดค่อนไปว่า ทำไมไม่ส่งทางอีเมลแต่กลับส่งทางไปรษณีย์ แต่พอเปิดดูก็พบว่าพลอยจันทร์ต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับ ถ้าส่งทางอินเทอร์เน็ตภาพสร้อยเส้นนี้อาจถูกเผยแพร่ออกไป
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ได้รับการติดต่อจากท่านกงสุลไทยประจำกรุงลอนดอน ขอร้องให้เดินทางมาปารีสเพื่อช่วยเหลือเพื่อนสนิทของท่าน ปาจรีย์ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของท่านที่ว่าจะเป็นมิสเตอร์แลมเบิร์ต ฟรังซัวส์ คนนี้หรอก แต่คิดว่าเป็นคุณชมจันทร์ ปักษาธร คุณยายของพลอยจันทร์ต่างหาก
“เธอวางแผนอะไรอยู่ ยายพลอยหุง” ปาจรีย์ถามเป็นภาษาไทยเบาๆ เพราะพลอยจันทร์มองหน้าเธอแล้วพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
“ฉันเปล่า แต่มิสเตอร์ฟรังซัวส์ เขาอยากทำให้สร้อยเส้นนี้สมบูรณ์ที่สุด ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญการซ่อมแซมตัวเรือนเหมือนเธอนี่นา” พลอยจันทร์ตอบเบาๆ เช่นกัน
“จะซ่อมแซมอะไรได้ พลอยมันหายไปตั้งหลายเม็ด ยกเว้นจะไปหาพลอยคุณภาพที่เท่ากันมาใส่แทนเท่านั้น ซึ่งพลอยคุณภาพเกรดเอหลายตัวแบบนี้ ไม่ได้หาซื้อได้ง่ายๆ เธอจะไปหาซื้อในตลาดมืดได้หรือไง...อย่าบอกนะว่า...” ปาจรีย์อ้าปากค้าง ก่อนจะหุบปากฉับเมื่อพลอยจันทร์ไขข้อข้องใจของเธอแทรกขึ้นมา
“ใช่ คืนนี้ฉันกับมิสเตอร์ฟรังซัวส์จะไปเอาพลอยที่ว่ามาให้ได้ จากนั้นเธอก็ช่วยซ่อมมันให้หน่อย ได้ไหมล่ะ ปาจรีย์”
“เอาตัวเข้าไปเสี่ยงขนาดนั้นทำไมกันหา ยายพลอยหุง” เสียงคัดค้านของปาจรีย์แหวขึ้นทันทีที่ประตูอพาร์ตเมนต์ของพลอยจันทร์ปิดลง
“เธอนี่อดทนเก่งนะ ฉันนึกว่าเธอจะตวาดฉันตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านคุณแลมเบิร์ตซะอีก” พลอยจันทร์กระเซ้ายิ้มๆ แบบไม่สนใจนัก ขณะที่หมุนมวยผมแล้วใช้ปิ่นไม้ปักยึดไว้หลวมๆ
“ฉันไม่ได้อดทนเก่ง แต่มีมารยาทยะ” ปาจรีย์โต้กลับพร้อมกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องพลางกวาดสายตามองไปตามผนังรอบห้อง
พลอยจันทร์เป็นคนสะอาดสะอ้านและเจ้าระเบียบพอตัว แต่ทำไมห้องพักของคนรักสวยรักงามคนนี้ถึงได้มีแต่รูปสเก็ตซ์แบบเสื้อผ้าติดแปะไว้เต็มผนังไปหมดล่ะ
“นี่เธอทำอะไรอยู่เนี่ย จะเปลี่ยนอาชีพเป็นดีไซเนอร์หรือไง” ปาจรีย์ถามอย่างสงสัย
“เธอนี่เปลี่ยนเรื่องเร็วดีนะ ยายปลาทอง ความจำสั้นสมชื่อจริงๆ” พลอยจันทร์พูดไปหัวเราะไป ขณะเดินไปเก็บแผ่นภาพที่ติดแปะอยู่เต็มผนัง
“ยายพลอยหุง ถ้าด่าฉันอีกครั้งนะ ฉันจะนั่งรถไฟกลับลอนดอนเดี๋ยวนี้เลย” ปาจรีย์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดคาดโทษเพื่อนสาวทันที จึงเรียกเสียงหัวเราะจากพลอยจันทร์ได้เป็นอย่างดี
ปาจรีย์เป็นเพื่อนที่ช่วยคลายเหงาได้มากทีเดียว เพราะมีปลาทองตัวนี้ พลอยจันทร์จึงได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองมากขึ้น ปาจรีย์ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ แต่มีความมุ่งมั่นสูง ทุกอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเธอพยายามทำ
แรกๆ ที่ได้รู้จักเธอพลอยจันทร์ก็อดอิจฉาไม่ได้ เพราะไม่ว่าอะไรพลอยจันทร์ก็ทำได้ดีอย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่เพราะมีคนอย่างปาจรีย์อยู่ข้างตัว เธอจึงต้องบังคับให้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจะไม่ขี้เกียจ หรือดูถูกคนที่ทำงานช้ากว่าเธอ ปาจรีย์เป็นตัวอย่างสอนให้เธอรู้ว่ากระต่ายแพ้เต่าเพราะอะไร และเพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่เคยหยุดวิ่งไปข้างหน้า
แต่เมื่ออายุมากขึ้น พลอยจันทร์ก็รู้ว่าแม้แต่อัจฉริยะก็มีบางอย่างที่ทำไม่ได้ อัจฉริยะก็ต้องมีสักเรื่องล่ะที่ต้องพึ่งพาผู้ที่อ่อนด้อยกว่า โลกเราไม่ได้สมบูรณ์พร้อมมันเป็นแบบนั้นเสมอ มันต้องมีช่วงเวลาที่หนูจะช่วยราชสีห์ได้ ในขณะที่มดก็ล้มช้างได้เท่าๆ กัน
“ฉันได้เป็นนักออกแบบเครื่องประดับในทีมของห้องเสื้อที่นี่น่ะ เครื่องประดับที่ฉันออกแบบจะได้ขึ้นโชว์ในปารีสแฟชั่นวีคของปีนี้ เจ๋งไหมล่ะ” พลอยจันทร์พูดอวดอย่างภูมิใจ
“นี่สินะเหตุผลที่เธอมาที่นี่แทนที่จะไปลอนดอนน่ะ” ปาจรีย์พูดขึ้น แต่ก็อดดีใจไปกับเพื่อนไม่ได้ มีนักออกแบบเครื่องประดับไม่กี่คนหรอกที่จะได้มาอยู่ตรงนี้ แต่เธอยังไม่ได้คำตอบของคำถามแรกเลยนี่นา
“ยายพลอยหุง ตอบคำถามแรกฉันมาเลยนะ”
พลอยจันทร์หัวเราะร่วน “นึกว่าเธอลืมไปแล้วน่ะสิ”
“ยายพลอยหุง!” ปาจรีย์ท้วงเสียงสูง พลอยจันทร์จึงต้องรีบกลั้นหัวเราะ ไม่อย่างนั้นยายปลาทองคงรีบคว้ากระเป๋าแจ้นไปขึ้นรถไฟกลับบ้านแน่นอน
“ฉันไม่ได้อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงหรอกนะ แต่ถ้าฉันไม่ไปด้วย ใครจะรับรองได้ล่ะว่าพลอยในงานประมูลนั้นเป็นพลอยชนิดที่เราต้องการจริงๆ” พลอยจันทร์ให้เหตุผล
“แล้วชื่อเสียงเธอล่ะ ถ้าใครรู้ว่าเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการประมูลใต้ดินแบบนั้น” ปาจรีย์พูดถึงสิ่งที่กังวล
พลอยจันทร์เอนหลังพิงพนักโซฟา แล้วพูดเสียงเนิบว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก”
“หมายความว่ายังไง” ปาจรีย์ยังสงสัยไม่หาย
“ฉันไม่ได้เข้าไปในฐานะ พลอยจันทร์ คงอยู่สถาพร ซะหน่อย...” พลอยจันทร์หยุดเว้นจังหวะการพูดไว้ราวกับอยากให้ปาจรีย์สงสัยมากขึ้น ก่อนจะพูดต่อว่า
“แต่เข้าไปในฐานะ มิสลูน่าร์ พี คู่ควงคนล่าสุดของมิสเตอร์ฟรังซัวส์ต่างหาก”
+++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++
+++++++++
+++
+
ลุคจ้องมองร่างบางในชุดราตรีสั้นเกาะอกสีครีมที่กำลังเดินเข้าสู่ห้องประมูลพร้อมกับผู้ชายที่เขาเคยพบปะมาบ้าง เนื่องจากแลมเบิร์ต ฟรังซัวส์ เป็นพวกชอบสะสมของเก่า และไม่เกี่ยงที่มาว่าจะมาจากไหน ดังนั้นทุกสามถึงสี่เดือน เขาจึงมักจะเจอผู้ชายคนนี้ แถมในแต่ละครั้งที่มาก็ควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเสียด้วย
ลุคไม่ใช่คนชอบสอดรู้หรือสนใจคนอื่น เพียงแต่สมองของเขาไวต่อการรับข้อมูลและจดจำไว้ได้รวดเร็วและแม่นยำ ง่ายพอๆ กับการหายใจเข้าออกนั่นแหละ ไม่รู้ว่านั่นเป็นความโชคดีหรือร้ายกันแน่
“ดูเหมือนเธอจะน่าสนใจกว่าของที่นำมาประมูลนะลุค” เสียงซัลวาโทรีน่าดังขึ้นราวกับกำลังหัวเราะเขาอยู่ ลุคจึงละสายตาจากหญิงสาวร่างบางซึ่งอยู่คนละฟากห้องกับเขา
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ลูน่าร์ พี” ลุคพูดขึ้นเหมือนได้ประมวลผลบางอย่างแล้ว ไม่มีวี่แววจะรับมุกของซัลวาโทรีน่าสักนิด
“จริงๆ เลย ลุค เธอนี่มันคอมพิวเตอร์เดินได้หรือไงนะ” ซัลวาโทรีน่าบ่นงึมงำพลางหันไปสบตากับฟรานเชสโก้ซึ่งกำลังขำท่าทางหงุดหงิดของเธอ
“คู่หูของนายนี่มันจริงๆ เลย ฟราน ฉันไปหาอะไรรองท้องก่อนนะ ไปด้วยกันไหมล่ะ ส่วนพ่อคอมพิวเตอร์เดินได้นี่คงไม่หิวหรอก คงอยากได้ที่เงียบๆ เพื่อประมวลผลข้อมูลซะมากกว่า”
ซัลวาโทรีน่าไม่รอให้ลุคตอบ เธอคว้าแขนฟรานเชสโก้พาเดินไปยังซุ้มอาหารที่งานประมูลเตรียมไว้ให้ ส่วนลุคยังยืนอยู่ที่เดิมและพิจารณาข้อมูลในหัวเขาต่อไป
“ไม่เคยเห็นลุคเป็นแบบนี้เลยนะ” ฟรานเชสโก้พูด ขณะหยิบคอกเทลจากถาดของบริกรที่เดินผ่านมา
“คงจะติดใจมิสลูน่าร์ พี คนนั้นเอามากๆ เลยน่ะสิ” ซัลวาโทรีน่าพูดขณะเลือกแซนด์วิชชิ้นพอคำส่งเข้าปาก ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเพดานเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้
“นี่ฟราน นายบอกว่าไม่เคยเห็นลุคเป็นแบบนี้งั้นเหรอ”
“ใช่” ฟรานเชสโก้ตอบพลางสังหรณ์ใจประหลาดๆ ขึ้นมาทันทีเมื่อสบดวงตาสีทองของซัลวาโทรีน่า
ยายรีน่า คิดอะไรแผลงๆ อีกแล้วงั้นสิ
“ขอบคุณมากๆ รูบี้ เพราะคุณ ทำให้ได้พลอยพวกนี้มา” แลมเบิร์ตพูดขึ้นขณะเดินออกจากห้องประมูลสินค้า
“เงินคุณนะคะ มาขอบคุณฉันทำไม แต่ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ ก็คงต้องไปขอบคุณปาจรีย์เพื่อนของฉันมากกว่า เขาคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้สร้อยเส้นนั้นสมบูรณ์เหมือนเดิมได้” พลอยจันทร์พูดอย่างอารมณ์ดี
ทำไมจะไม่อารมณ์ดีล่ะ ในเมื่อวันนี้เธอได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะแยะเลยนี่นา เคยได้ยินแต่เขาเล่าลือกัน วันนี้ได้มาเห็นกับตา โห! สนุกจริงๆ
“แล้วอีกอย่างคุณยายของฉันก็ขอร้องให้ฉันช่วยเหลือคุณซึ่งเป็นคู่ค้าคนสำคัญของท่านด้วย ฉันเลยต้องมาที่นี่”
รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นที่มุมปากของแลมเบิร์ต โดยที่พลอยจันทร์ไม่ทันสังเกต แต่แค่แป๊บเดียวแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“คุณรอตรงนี้สักครู่ ผมขอตัวไปรับของเดี๋ยวเดียว”
“เชิญตามสบายค่ะ เราออกจากห้องประมูลแล้วนี่คะ ที่นี่ก็แค่ล็อบบี้โรงแรมธรรมดาๆ” พลอยจันทร์พูดติดตลก แลมเบิร์ตก็หัวเราะรับมุกของเธอ ก่อนจะเดินห่างออกไป
พลอยจันทร์เดินมองไปตามผนังโรงแรมซึ่งติดภาพวาดของเหล่าศิลปินชื่อดังก้องโลกเอาไว้ เธอชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ได้ขอให้ได้วาดรูปสวยๆ เธอก็มีความสุขแล้ว และเธอก็ชอบดูงานศิลปะในทุกที่ที่เธอไป ดังนั้นเธอจึงชอบออกแบบเครื่องประดับ เพราะมันทำให้ศิลปะของเธอเคลื่อนที่ไปในที่ต่างๆ ได้
พลอยจันทร์มัวแต่คิดจนเพลินเลยไม่ได้ระวังตัวว่ามีคนเข้ามาทางด้านหลัง และเมื่อถูกจู่โจมสติของเธอดับวูบไป
สิ่งแรกที่พลอยจันทร์รับรู้เมื่อลืมตาขึ้นคือความมืด ต่อมาก็เห็นเงาของผ้าม่านกับโครงหลังคาที่เป็นไม้ซึ่งผ้าม่านนั้นพาดอยู่ พอเอาสองอย่างนั้นมารวมกับความนุ่มของสิ่งที่เธอนอนทับอยู่ ก็เดาได้เลยว่านี่คือเตียงนอนสี่เสา แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ
หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วก็ต้องใจหายเพราะรู้สึกถึงความหลวมของเสื้อผ้าเพราะชุดที่เธอสวมใส่ถูกรูดซิปลงไปจนถึงเอว มือบางรีบจับคอเสื้อไว้ไม่ให้เลื่อนหล่นลงไปจนเปิดเผยเรือนร่างท่อนบนของเธอ
“คุณตื่นแล้ว” เสียงทุ้มถามเป็นภาษาอังกฤษ พลอยจันทร์เลยใจสั่นมากยิ่งขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ และเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
พลอยจันทร์พยายามเพ่งสายตาไปยังต้นกำเนิดเสียง สายตาเธอเริ่มชินกับความมืดแล้วจึงพอจะมองเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ที่มุมห้องได้รางๆ
“คุณเป็นใครกัน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่” พลอยจันทร์ถามสั้นๆ ใจจริงอยากถามมากกว่านี้ เพราะในหัวเธอมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่คู่สนทนาเธอพูดสวนขึ้นมาเสียก่อน
“เลือกมาสักคำถามก่อนดีไหม เพราะผมคงตอบได้ทีละคำถามเหมือนกัน” เขายังตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบ แต่เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังยั่วโมโหเธออยู่
“โอเค งั้นคุณเป็นใคร” พลอยจันทร์ถามใหม่ หลังจากหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์แล้ว
“เป็นคำถามที่ดี ก่อนจะคุยเรื่องอื่นเราควรแนะนำตัวกันก่อน” ชายหนุ่มคนนั้นตอบด้วยเสียงโทนเดิม
พลอยจันทร์กำมือแน่นจนเล็บที่เธอเลี้ยงไว้ได้ยาวพอควรกดลึกเข้าไปในอุ้งมือ
ใจเย็นไว้พลอย พี่พิมพ์สอนว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นเบี้ยล่าง เราต้องใจเย็น อย่าเริ่มสู้ก่อน เราควรเป็นฝ่ายตั้งรับ เพื่อหาช่องโหว่และโอกาสในการลงมือ ชัยชนะก็จะอยู่ในกำมือเรา
พลอยจันทร์คิดอย่างนั้น เธอจึงรอให้อีกฝ่ายแนะนำตัวขึ้นก่อน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่พูดสักที แถมยังนั่งเป็นปูนปั้นไม่ขยับตัวสักนิดเลยด้วย ทุกอย่างสงบเงียบจนพลอยจันทร์แทบไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาด้วยซ้ำ
“ฉัน ลูน่าร์ พี คุณล่ะ”
เมื่อทนรอไม่ไหวพลอยจันทร์จึงชิงแนะนำตัวขึ้นก่อน และเพราะรู้สึกถึงความล่อแหลมของตัวเอง เธอจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปรูดซิปชุดของเธอที่ด้านหลังขึ้น แม้จะทุลักทุเลไปบ้าง แต่สุดท้ายเธอก็ทำสำเร็จ แต่จนแล้วจนรอดชายหนุ่มก็ยังไม่เปิดปากพูด
“นี่คุณ พูดเองไม่ใช่เหรอ ก่อนจะคุยกันควรแนะนำตัวกันก่อนน่ะ ฉันแนะนำตัวฉันไปแล้ว ถึงตาคุณบ้าง” พลอยจันทร์แหวขึ้นอย่างไม่พอใจ
พลอยจันทร์ได้ยินเสียงถอนหายใจจากชายหนุ่มที่นั่งห่างออกไป นั่นทำให้อารมณ์กรุ่นๆ ของเธอเหมือนมีคนมาสุมฟืนเพิ่มจนไฟลุกพรึ่บๆ เลย
“คุณไม่ใช่ ลูน่าร์ พี” เขาตอบกลับมาก่อนที่พลอยจันทร์จะหมดความอดทนไปมากกว่านี้ นั่นทำให้พลอยจันทร์ชะงัก
ทำไมเขารู้
“ถึงแม้วิทยาการการแพทย์และศัลยกรรมความงามจะก้าวหน้าไปมาก แต่ไม่มีทางทำให้หญิงชรากลายเป็นหญิงสาวอายุไม่ถึงสามสิบได้หรอก” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยประโยคยาวๆ เป็นครั้งแรก
พลอยจันทร์ไม่ได้พอใจกับประโยคยาวๆ ของเขาหรอกแต่กลับตกใจมากกว่า หญิงสาวกำผ้าห่มที่คลุมกายเธอไว้แน่น ในขณะที่สมองพยายามคิดหาทางออกกับปัญหาตรงหน้า
ห้ามหลบตาคู่ต่อสู้นะพลอย ถ้าเราไม่มอง เราจะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน หรือเราหาทางถอยได้ยังไง
เสียงพี่สาวคนรองดังก้องในหัวพลอยจันทร์ นั่นทำให้นักออกแบบเครื่องประดับสาวฮึดสู้อีกครั้ง
“ฉันชื่อพลอยจันทร์...พลอยจันทร์ คงอยู่สถาพร แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร”
พลอยจันทร์เห็นผู้ชายตรงหน้าขยับตัวเป็นครั้งแรก เขาเอื้อมมือไปกดสวิตช์โคมไฟที่อยู่ใกล้ตัว แสงสว่างปรากฏขึ้น พลอยจันทร์จึงได้เห็นใบหน้าของคู่สนทนาของเธอ
“ผมชื่อ ลุค” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าก่อนจะพูดต่อว่า
“ลุค เฟรดเดอริโก้ มาฟิโอโซ่ พิช”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ค้างกันไหมคะ อิอิ โทษฐานกดดันให้วีโพส 555
วีเนี่ยนิสัยไม่ดีสุดๆ เลยเน๊าะ ^____^V
งดสปอยค้า เพราะคิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาสปอย 555
กงสุลไทย ณ กรุงลอนดอน
อันเนื่องจาก ณ กรุงลอนดอน มีสถานเอกอัครราชทูตไทย ตั้งอยู่ ผู้ที่ประจำอยู่ที่นั่นจึงควรเป็น เอกอััครราชทูต มากกว่าไหมคะ
เเหมเจอหน้าครั้งเเรกก็เอาซะตกใจกันเลยทีเดียว ><
งานนี้ได้สนุกกันแน่
หนูรู้ว่าพี่วีเป็นคนดีมากๆ เพราะงั้นอัพตอนต่อไปเร็วๆเถอะ
แค่ใช้ชื่อปลอมเข้ามามันจะมีอะไรแปลกนักหนา
ถึงกับต้องลักพาตัวมาเนี่ย เราว่ามันเว่อร์ไปอ่ะ
แล้วอยู่ดีๆก็มาแนะนำตัวกันง่ายๆไปหน่อย
คหสต. แต่โดยรวมแล้วก็สนุกดีค่ะ
มาต่อเร็วๆนะคะพี่วี ><
เดี๋ยวจะมีศึกชิงพลอย(อัญมณี)มั้ยเนี่ย