ตอนที่ 3 : ตกงาน
Author กัลฐิดา
ตอนที่ 1 ตกงาน !!!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันนี้ก็เป็นเช้าที่สดใสเช้าหนึ่งที่ผู้คนในเมืองออกมาเดินเล่นตามสวนสาธารณะ
ในเมืองเซเวนมีสวนสาธารณะมากมายเอาไว้ให้นักศึกษาไว้พักผ่อนหย่อนใจ
ในบรรดาสวนสาธารณะที่มีมากมายนั้น สวนสาธารณะที่อยู่หน้าหอสมุดวิลเลี่ยมดูจะเป็น
ที่ที่นักศึกษาชอบมาเดินมากที่สุด เพราะว่าเมื่อพักเสร็จ นักศึกษาก็จะเข้าไปอ่านหนังสือต่อได้เลย
หอสมุดวิลเลี่ยมเป็นหอสมุดขนาดกลางที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเซเวน
เป็นอาคารสีขาวสูง 4 ชั้น ภายในมีหนังสือถึง 167,842 เล่มแยกเป็นไปตามหมวดหมู่
หลังจากที่ทางหอสมุดกลางเรียกหนังสือจากหอสมุดทุกหอภายในเมืองไปเก็บ
หอสมุดก็ได้ปิดตัวลงเพื่อซ่อมบำรุง ทำให้บริเวณสวนสาธารณะที่เคยมีนักศึกษาพลุกพล่าน
ก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
ประตูหอสมุดที่ติดป้าย \"Close\" เอาไว้มาหลายเดือน ถูกผลักออกอย่างแรง
จากเด็กสาวที่มีดวงตาสีดำขลับ ตัดกับผมที่ทำ highlight สีแดงประกายที่สะท้อน
กับแสงแดดแล้วเหมือนมีกองไฟย่อมๆ อยู่บนหัว
สีหน้าบูดบึ้งเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคนที่โชคร้ายเดินผ่านมาแถวนี้ ยิ่งส่งให้เธอเหมือน
นางพญาไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งให้วอดวายไปเลยจริงๆ
เธอกำมือแน่น หลับตาปี๋ พร้อมกับตะโกนออกมาดังๆ ว่า
\"โอ๊ย ซวยอะไรอย่างงี้นะ เฟมีล แล้วที่นี้แกจะอยู่ยังไงกัน~~~\"
สาวน้อยที่ตะโกนอยู่คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เฟมีลล่า ไดเอนแพนไทร์
บรรณารักษ์ของหอสมุดวิลเลี่ยม แต่เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ มันไม่มีหนังสือแล้วนี่นา ????
เสียงตะโกนยังไม่ทันสิ้นเสียงดี เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น
เฟมีลรีบกดรับโดยที่ยังไม่ลืมตาดูหมายเลขเรียกเข้า
\"เฟมีลล่า พูดค่ะ\"
\"คุณเฟมีลล่า ไดเอนแพนไทร์ ขณะนี้คุณได้ค้างการชำระค่าโทรศัพท์มาเป็นเวลา
2 เดือนแล้ว เป็นเงินทั้งหมด 450 ดอลล่า ถ้าในอีก 24 ชั่วโมงคุณยังไม่ไปชำระ
ทางเราจะตัดสัญญาณความถี่จากบ้านเลขที่.......\"
เฟมีลไม่รอให้ไอ้เสียงจากคอมพิวเตอร์ซังกะบ๊วยของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานทดแทน พูดต่อ
เพราะเธอฟังมัน มาเป็นร้อยครั้งแล้วใน 2 เดือนที่ผ่านมานี้ 
เธอกำลังตกงานเนื่องจากในห้องสมุดไม่มีหนังสือให้เธอดูแลอีกแล้ว
ความจริงเฟมีลเพิ่งจะอายุ 15 ปีเท่านั้น แต่เธอเป็นเด็กพิเศษมีความสามารถ
ทางด้านยิมนาสติกและดนตรีทุดชนิดโดยเฉพาะเปียโน
เธอจบจากมหาวิทยาลัยดนตรีอันดับหนึ่งของเซเวน เมื่อเธอเรียนจบ
เธอควรจะได้รับการบรรจุเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยดนตรีทันที
ถ้าไม่เป็นเพราะพวกอาจารย์คร่ำครึที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ยอมให้เธอเข้าบรรจุ
ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีตำแหน่ง แล้วเธอจะทำอะไรได้ ก็ต้องไปสมัครงานที่อื่น
เมื่อเห็นที่ห้องสมุดวิลเลี่ยมต้องการบรรณารักษ์แล้วเธอก็เรียนวิชาบรรณารักษ์
เป็นวิชาโทจึงสมัครและได้ทำงานที่นี่มาปีกว่า จนถูกไล่ออกเมื่อกี้นี้เอง
ความจริงคุณกาเร็ต วิลเลี่ยม เป็นเจ้านายที่ดีเสมอมา แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมือของเจ้าของ
หอสมุดเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ทำให้เฟมีลลำบากขึ้น
เงินเดือนถูกลด สวัสดิการไม่มีเนื่องจากเจ้านายใหม่อ้างว่าปริมาณคนเข้าห้องสมุด
ลดน้อยลงทางหอสมุดต้องลดค่าใช้จ่าย
ยิ่งเมื่อมีการเรียกหนังสือจากหอสมุดทุกเล่มกลับเข้าหอสมุดกลางด้วยแล้ว
ทำให้เจ้าของใหม่ตัดสินใจเปลี่ยนหอสุดวิลเลี่ยมไปเป็นศูนย์ IT ที่จะมีการให้บริการ
ครบครันที่สุดในแถบนี้
มันคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าเธอจะเป็นผู้จัดการของศูนย์นี้ต่อ
แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิ...
เช้านี้เธอมาทำงานตามปกติเมื่อมาถึงโต๊ะทำงานของเธอก็พบ E - mail สีขาว
อยู่ในช่องจดหมายเข้าเมื่อเปิดออกอ่าน ให้ตายเถอะ เธอถูกไล่ออก!!!!
ด้วยเหตุผลที่ห่วยแตกที่สุด
คุณไม่ได้จบมาในสาขาที่ทางเราต้องการ 
มีหรือเฟมีลจะยอมเพียงแค่อ่านจดหมาย เธอตรงเข้าไปคุยกับเจ้านายทันที
\"คุณแคธี คะ ดิฉันอยากได้เหตุผลที่ดีกว่านี้ในการให้ดิฉันออกจากงานค่ะ\"
เจ้านายใหม่ของเธอเป็นผู้หญิงร่างท้วม ขี้เหนียว ใจแคบ เห็นแก่ตัว และไร้มารยาทที่สุด
เท่าที่เฟมีลได้เจอมา ตั้งแต่วันแรกที่ แคธี วิลเลี่ยม รับเป็นเจ้าของหอสมุด
ต่อจากคุณปู่ของเธอ
เธอก็มีความเห็นว่าเฟมีลเป็นเด็ก เด็กควรจะอยู่ที่โรงเรียนเวลานี้ไม่ใช่มานั่งทำงาน
แต่พอเฟมีลตอบบอกกับเธอว่า
ดิฉันเรียนจบแล้วค่ะ คุณแคธี  
เธอก็ยังทำท่าไม่เชื่ออยู่ดี ไม่ว่าเฟมีลจะทำอะไรเจ้านายใหม่คนนี้จะคอยจับผิดเสมอ
ตอนหลังนี่เฟมีลมารู้ว่า ยัยเจ้านายใหม่คนนี้เกลียดพวกเด็กพิเศษอย่างกับอะไรดี
เพราะตอนแกเรียนมหวิทยาลัยแกโดนพวกลุ่มเด็กพิเศษแกล้งจนต้องขอย้าย
มหาวิทยาลัยเลยที่เดียว เฟมีลเข้าใจว่าเด็กพิเศษบางกลุ่มมีอิทธิพลมาก
เพราะเป็นเด็กที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยเสมอ จึงมักจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่า
นักศึกษาหรือเด็กปกติ เฟมีลก็เป็นเด็กพิเศษเหมือนกันแต่เธอไม่เคยได้ใช้สิทธิพิเศษจำพวกนั้น
เนื่องจากเธอได้รับการช่วยเหลือทางด้านการเงินมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือเธอเป็นเด็ก
ที่ใช้ทุนของรัฐเรียนนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิได้รับสิทธิอย่างอื่นอีก
แต่เธอว่า เธอรู้แล้วว่าทำไมยัยเจ้านายใหม่ถึงได้ถูกแกล้ง
ก็ดูพี่แกแสนจะน่ารังเกียจขนาดนี้คงไปสะกิดต่อมหมันไส้ใครเขาสักคน
เลยโดนแกล้งเอาซะอ่วม
\"ดิฉันคงให้เหตุผลเพิ่มเติมอะไรมากไปกว่าที่แจ้งคุณไปทางจดหมายหรอกค่ะ\"
แคธี วิลเลี่ยมตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมองเฟมีลที่ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะ
เฟมีลพยายามสะกดอารมณ์โกรธอย่างสุดขีด
ยัยนี่มันจงใจจะไล่ช้าน~~~
\"แต่คุณแคธี ถ้าคุณจะไล่ดิฉันออกคุณก็ควรแจ้งฉันก่อน 3 เดือนไม่ใช่เหรอคะ\"
\"ดิฉันจะได้หางานใหม่ทัน\"
เฟมีลถามกลับไป ส่งผลให้คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เงยขึ้นมองเธออย่างเหยียดๆ
\"ขอโทษนะคะ คุณเฟมีลล่า\"
\"ทางเราคิดว่าคุณจะเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สัญญาจ้างงานคุณที่คุณปู่ท่านทำไว้นั้น
ระบุว่าทางเราจ้างคุณมาเป็นบรรณารักษ์หอสมุดแห่งนี้ เมื่อไม่มีหนังสือแม้แต่เล่มเดียว
อยู่ในหอสมุดอย่างนี้แล้ว\"
\"ดิฉันก็เลยคิดว่า คุณที่เป็นเด็กพิเศษน่าจะรู้นะคะว่า สัญญาจ้างงานมันเป็นโมฆะไปแล้ว
เพราะงั้นทางเราเลยไม่ได้แจ้งไปบอกคุณ แต่เมื่อเห็นว่า 2 เดือนที่ผ่านมาคุณมาทำงาน
ทุกวัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากคอยรบกวนงานของช่างที่มาติดตั้งอุปกรณ์\"
\"ดิฉันก็เลยเห็นควรว่า ต้องแจ้งให้คุณทราบสักทีเพื่อตัดปัญหาที่กำลังเกิด
ขึ้นในขณะนี้ไงคะ\"
เฟมีลรู้สึกเหมือนอยากจะฆ่าผู้หญิงตรงหน้าเหลือเกิน เมื่อ 2 เดือนก่อนเธอเป็นคน
จัดการเช็ครายชื่อหนังสือทั้งหมดเพื่อจะส่งให้ทางหอสมุดกลาง
งานทั้งหมดเธอทำคนเดียว เพราะยัยอ้วนนี่ไล่คนงานออกหมดเหลือไว้แต่เธอเท่านั้น
รายชื่อและหนังสือพึ่งจะเสร็จและจัดส่งหนังสือล๊อตสุดท้ายไปเมื่อวานนี้เอง
ตลอด 2 เดือนเธอไม่ได้รับเงินเดือน พอถามเลขาหน้าห้องของแคธี เธอก็ตอบว่าไม่รู้
จะหาตัวเจ้านายตัวแสบก็ไม่เจอ ไปติดต่องานบ้าที่ไหนก็ไม่รู้
เธอต้องใช้เงินเก็บที่แสนจะน้อยนิดมาจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค้างชำระค่าไฟ 2 เดือน
ค่าน้ำ 1 เดือน ตอนนี้เธอมีเงินเหลือประมาณ 100 ดอลล่าเท่านั้น
เธอหวังว่าวันนี้เธอจะได้รับเงินเดือน 2 เดือนที่ค้างไว้ และหน้าที่ใหม่ที่เธอจะได้แต่
นี่มันอะไรก้าน~~
\"โอเคค่ะ สรุปว่าคุณไล่ดิฉันออก ไม่เป็นไรค่ะ งั้นดิฉันขอรับเงินเดือน 2 เดือน
ที่ค้างเอาไว้และเงินเดือนชดเชย 3 เดือนค่ะ รวมเป็นเงินทั้งหมด 4000 ดอลล่าถ้วน
ดิฉันอยากได้เป็นเงินสดเท่านั้นนะคะ\"
\"ขอโทษอีกครั้งนะคะคุณเฟมีลล่า ทางเราคงจ่ายเงินให้คุณได้เพียง 1600 ดอลล่า
ที่ค้างอยู่ให้เท่านั้น เนื่องจากค่าชดเชยอีก 3 เดือนนั้นไม่อยู่ในสัญญาว่าจ้างชั่วคราวของเราค่ะ\"
\"สัญญาว่าจ้างชั่วคราวอะไรคะ ?\" เฟมีลทำหน้างงๆ ๆ
\"ก็ตั้งแต่วันแรกที่มีการเรียกหนังสือกลับ ดิฉันก็ถือว่าหน้าที่บรรณารักษ์ของคุณ
ได้จบลงแล้วเหลือไว้แต่เพียง คุณต้องปัดกวาดเซ็ดถูทุกอย่างให้เรียบบร้อยเท่านั้น\"
\"สัญญาว่าจ้างของคุณจึงเปลี่ยนมาเป็นสัญญาว่าจ้างชั่วคราวทันทีตามข้อตกลงของ
กระทรวงแรงงานฉบับที่ 569 ไงคะ\"
\"อ้อ ตายจริงหรือว่ายังมีเรื่องที่เด็กอัจฉริยะอย่างคุณยังไม่รู้อีกคะ\"
แคธีทำท่าตกใจเอามือทาบหน้าอก เป็นท่าทางที่น่าตบมากในความคิดของเฟมีล
\"โอเคค่ะ 1600 ดอลล่า ดิฉันจะไปเอาจากฝ่ายการเงินได้เลยใช่ไหมคะ\"
   
\"โอ๊ะ ไม่ต้องค่ะ ดิฉันได้โอนเข้าไปในบัญชีคุณแล้ว\"
   
\"อะไรนะคะ โอนไปแล้ว\"
ยัยอ้วนเอ๋ย ยังงี้เงินเดือนก็ต้องถูกหักออกเพราะค่าไฟค่าน้ำนะสิ
1600 - 560 -310 = 830
830 + 100 ที่อยู่ในกระเป๋า ชีวิตนี้ทั้งชีวิตฉันเหลือเงินแค่ 930 ดอลล่า !!!
   
\"ค่ะ งั้นก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ งั้นดิฉันขอลาเลยแล้วกัน\" เฟมีลกัดฟันพูด
   
\"บ๊ายบาย ค่ะ หวังว่าดิฉันคงไม่ทำให้คุณลำบากจนเกินไป\"
เฟมีลรีบเดินออกมาจากห้องนั้น จ้ำเท้าไปที่โต๊ะทำงาน กวาดของทุกอย่างเข้าไป
ในแคปซูลเก็บของ
( เป็นกระเป๋ารูปแบบใหม่ที่ช่วยลดภาระในการหอบหิ้ว สามารถเก็บของหนักได้ถึง
50 กิโลแต่ผู้พกพาจะรู้สึกเหมือนหิ้วของน้ำหนักประมาณ 500 กรัม )
แล้วโยนแคปซูลใส่กระเป๋าถือ รีบเดินออกมานี่แหละ...
หลังจากปิดโทรศัพท์ลงเฟมีลก็รู้สึกดีขึ้น
อย่างน้อยเงิน 930 ดอลล่าก็ยังไม่โดนหักไปเป็นค่าโทรศัพท์ ดีนะเนี่ยที่เธอไม่เข้าร่วม
การใช้บริการจ่ายค่าโทรศัพท์โดยการตัดจากบัญชีธนาคาร
คิดได้ดังนั้นเฟมีลจึงออกเดินจนมาถึงตลาดที่อยู่ถัดมาจากสวนสาธารณะวิลเลี่ยม
\"วันนี้จะกินอะไรดี กินสปาเกตตี้ล้างซวยดีกว่า\"
\"วันเกิดเราแท้ๆ ทั้งตกงานทั้งอารมณ์เสียแต่เช้าเลย \"
ขณะที่เฟมีลกำลังซื้อมะเขือเทศอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นลุงแก่ๆ คนหนึ่งยืนเหมือนรอใครอยู่
พอสบสายตากัน ลุงคนนั้นก็เดินมาหาเฟมีลแล้วเอ่ยว่า
   
\"แม่หนู อยากได้หนังสือไว้อ่านเล่นซักเล่มไหม\"
คิ้วของเฟมีลขมวดเข้าหากันทันที
หนังสือเหรอ ยังมีหนังสือที่หลงเหลืออยู่ในเมืองนี้อีกรึ คิดว่าหอสมุดวิลเลี่ยม
เป็นหอสมุดสุดท้ายเสียอีกที่มีการเรียกคืน แต่ช่างหัวมันสิ
   
\"หนังสืออะไรคะคุณลุง\"
ชายกลางคนล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วดึงเอาหนังสือเล่มหนา ที่ขนาดของมันไม่น่าที่จะ
อยู่ในกระเป๋าที่อกเสื้อได้ เมื่อสังเกตก็เห็นว่า
หนังสือเล่มนี้ดูๆไป ก็เหมือนจะเป็นหนังสือนิยายธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ
ที่หน้าปกมีชื่อหนังสือเป็นสีทองเขียนไว้ว่า SAVENA
สงสัยจะเป็นนิยายแนวแฟนตาซีละมั้ง
\"ลุงให้หนูฟรีๆ เลย เพราะลุงคงไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว\"
   
\"หนังสือเล่มนี้เป็นของคุณลุงเหรอคะ\"
   
\"มันเคยเป็นของภรรยาลุง แต่ตอนนี้ภรรยาลุงเขาไม่ต้องการมันแล้ว
ตอนนี้ถ้าหนูอยากได้ หนูก็รับไปเถอะ\"
ลุงพูดเสร็จก็ยื่นหนังสือใส่มือเฟมีล แล้วหันหลังเดินหายเข้าไปในตลาด
เฟมีลได้แต่งงกับอาการของลุง เมื่อมองมาที่หนังสือ เธอก็รู้สึกเหมือนผูกพันกับมัน
มานาน ในใจลึกๆ เหมือนได้รับของที่เป็นของๆ เธอที่ทำหายแล้วได้กลับคืนมาอย่างไง
ชอบกล
แต่เฟมีลก็เลิกสนใจแทบจะทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นมะเขือเทศที่กำลังลดราคา
จึงรีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋า แล้วตรงดิ่งไปที่ตะกร้ามะเขือเทศทันที
โดยไม่ได้สนใจเสียงกระซิบที่เหมือนลอยมากับสายลมว่า 
\"สุขสันต์วันเกิด เฟมีลล่า\"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คฤหาสน์ตระกูลไดเอนแพนไทร์
   
ทุกคนที่ผ่านมาหน้าคฤหาสน์หลังนี้คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่าเจ้าของคฤหาสน์ที่เหลือเพียง
คนเดียวมีเงินอยู่ไม่ถึง 1000 ดอลล่า เพราะอะไรน่ะเหรอ
ก็เพราะในเซเวนนี้ไม่มีคฤหาสน์ไหนใหญ่และมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่เท่าคฤหาสน์หลังนี้อีกแล้ว
พื้นที่ใช้สอยของคฤหาสน์ไม่ค่อยใหญ่เท่าไรหรอกแค่มี 50 ห้องนอน 50 ห้องน้ำ
ห้องครัว 2 ห้อง หอคอย ห้องนั่งเล่น ห้องบอลลูน ห้องสมุด ห้องดนตรี
โดยเฉพาะเครื่องดนตรีที่คฤหาสน์หลังนี้มีแกรนเปียโนถึง 2 ตัว สีขาวตัวหนึ่ง
สีดำตัวหนึ่งเหมือนเป็นแสงและเงา
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เจ้าของคฤหาสน์มีเงินในกระเป๋าแค่นั้น ???
คำตอบก็คือ เฟมีลล่า ไดเอนแพนไทร์ เป็นทายาทที่ไม่มีเงินสักแดงเป็นมรดก
มีแค่บ้านหลังนี้เท่านั้น และเธอก็เพียรพยายามที่จะรักษามันไว้ เธอพยายามรักษาบ้าน
ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของเธออย่างเต็มกำลัง ยอมแม้กระทั้งอดข้าวมื้อเช้าและเย็นตลอดปี
เพื่อที่จะมีเงินจ่ายค่าภาษีที่ดินละภาษีตัวบ้าน
ไม่ยอมนำสิ่งของแม้เพียงซักชิ้นที่อยู่ในบ้านเอาไปขายทั้งๆ ที่ถ้าเธอทำอย่างนั้นเธออาจจะ
กลายเป็นเศรษฐีได้อย่างสบายๆ
คนที่เดินผ่านไปมาได้แต่มองถึงความสวยงามของคฤหาสน์โดยไม่เคยรู้เลยว่า
การที่จะทำให้คฤหาสน์หลังนี้สวยงามออกมาอย่างที่เห็น ต้องใช้ความพยายามที่เลือดตาแทบกระเด็น !!!
คฤหาสน์หลังนี้เป็นความภาคภูมิใจของเฟมีล ที่เธอสามารถดูแลและรักษามันให้สวยงาม
เหมือนดังภาพวาดขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ที่เธอเห็นมันติดโชว์อยู่ที่บันไดทางขึ้น
ชั้นสองได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ต้องรักษาคฤหาสน์หลังนี้ไว้อย่างสุดชีวิต
เธอรู้แต่เพียงว่า เธอมีหน้าที่ต้องทำอย่างนั้น
นับตั้งแต่วันที่ คุณลุงจากไปตั้งแต่เธออายุได้ 6 ขวบ เธอจำไม่ได้ว่าคุณลุงเป็นใคร
หน้าเป็นอย่างไรแต่เธอจำเพียงคำพูดเดียวที่คุณลุงพูดกับเธอว่า
เฟมีลล่าหลานรัก ลุงจะไปไม่นาน อีกซักพักเราจะได้เจอกัน
เฟมีลไม่เข้าใจคำพูดของคุณลุงมากนัก คุณลุงบอกว่า \'จากกันซักพัก\'
แต่คงเป็นพักที่นานไปหน่อยเพราะถ้ารวมวันนี้ คุณลุงหายไป 9 ปีเต็มแล้ว
เฟมีลยังไม่เห็นวี่แววว่าคุณลุงจะกลับมา
แต่เธอทำได้เพียงรักษาบ้านหลังนี้ไว้ให้คุณลุงเท่านั้น ถ้าเธอยังอยู่ที่บ้านหลังนี้
เธอจะต้องได้พบกับคุณลุงแน่ เธอเชื่ออย่างนั้น จึงปฏิญาณตนว่าต่อให้อดตายยังไง
เธอก็จะไม่ขายมันเด็ดขาด !!!
เฟมีลมาถึงคฤหาสน์ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เนื่องจากเธอได้ไปสมัครงานที่ศูนย์รับสมัครงาน
ก่อนที่จะกลับบ้าน ต่อจากนี้ก็แค่รอ รอ และรอ เมื่อเข้ามาในบ้าน
(ขอใช้คำว่าบ้านนะเพราะสำหรับเฟมีลที่นี่คือบ้านของเธอ)
เธอก็ตรงไปที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นออกเอาของสดเข้าเก็บ แล้วจึงเดินขึ้นไป
ชั้นสองของบ้าน เดินผ่านระเบียงที่เรียงรายไปด้วยภาพบรรพบุรุษ
จนมาถึงภาพสุดท้ายที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นคุณลุงของเธอ จึงเอ่ยเบาๆ เหมือนที่ทำทุกวันว่า
\"คุณลุงคะ เฟมีลล่ากลับมาแล้วค่ะ วันนี้คุณลุงก็สบายดีนะคะ\"
พูดเสร็จเธอก็ยิ้มให้ภาพนั้นเหมือนว่าคนในภาพตอบรับการกลับบ้านของเธอ
เมื่อยิ้มอยู่สักพักเฟมีลก็หันกายเดินหายเข้าไปยังห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน
เคล้ง เคล้ง เสียงจานกระทบกันในห้องครัวบ่งบอกว่าในห้องคงมีคนกำลัง
ประกอบอาหารอยู่
เสียงเงียบหายไปซักพักก็เห็นร่างของเด็กสาวใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน
เดินออกมา ในมือข้างขวามีจานสปาเก็ตตี้จานโตส่วนข้างซ้ายมีแก้วไวน์แดง
เฟมีลเดินผ่านห้องนั่งเล่นเลยไปที่ห้องดนตรี พอเดินไปถึงหน้าประตู
ก็เหมือนประตูมันจะรู้ว่ามีคนอยากเข้าไปข้างในก็เปิดออกทันที
กลไกการเปิดของประตูนี้เฟมีลก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเหมือนกัน
เพราะประตูที่บ้านหลังนี้ไม่มีลูกบิดซักกะอัน แต่มันเปิดตัวมันเอง เฟมีลเลยคิดว่าคง
เป็นระบบที่บรรพบุรุษติดตั้งไว้มั้ง เดินมาถึงเปียโนสีขาวก็วางจานสปาเก็ตตี้และแก้วไวน์
ลงบนเปียโน นั่งลงที่เก้าอี้ หลับตาเพื่อรวบรวมสมาธิเล็กน้อยแล้วจึงพรมนิ้วลงบนเปียโน
เพลงที่ดังออกมาเป็นเพลง Happy Birth Day ดังติดต่อกัน 2 รอบแล้วจึงหยุดลง
มือเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ ลิ้มรสน้ำผลไม้ที่ผสมแอลกอฮอล์ 5 % แล้วเอ่ยกับตัวเองว่า
\"Happy birth day to me สุขสันต์สันเกิดเฟมีลล่า ไดเอนแพนไทร์ เธออายุครบ 15 แล้วนะ\"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณที่ยังเก็บไว้ในเด็กดีนะ เรายังสะสมตังซื้อบ๊อกเซ็ตเธอไม่ได้เลย
สงสารเฟมีลล่าง่ะ T^T