ตอนที่ 183 : Side story 9 - ถุงหอมของมอรีล
Author กัลฐิดา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีคุณวันจันทร์ค่ะ
วันนี้ก็มาโพสได้อย่างเฉียดฉิวอีกเช่นเคย กัลยังคงรักษาสัญญาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ตอนนี้เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเก็บงานในคลินิกแล้วค่ะ กัลก็ยังไม่เสร็จอีกเช่นเคย
แต่กัลก็รอวันที่จะได้ไปงานมหกรรมหนังสือเพื่อจะได้เจอเพื่อนๆ อีกครั้งนะคะ
วันนี้ไม่พูดมากอีกเช่นเคย อ่านกันเลยนะคะ
กัลฐิดา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 9 ถุงหอมของมอรีล
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินของอาคารที่พักดังก้องแสดงให้รู้ว่าเจ้าของเสียงนั่นเร่งรีบเพียงใด
ร่างสูงวิ่งตรงไปยังห้องพยาบาลของหอพักอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะให้จอมเวทยาประจำหอดูแลร่างบางที่หมดสติในอ้อมแขนเขา แต่น่าเสียดายวันนี้เป็นวันหยุดของทุกคนในห้องจึงว่างเปล่าปราศจากผู้คน
โอ๊ย แย่จริง แล้วยังงี้จะทำไง ชายหนุ่มพูดพลางวางร่างบางลงบนเตียงพยาบาลแล้วหันซ้ายหันขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก ดวงตาเขียวเรืองตวัดมองร่างบางที่กำลังกระสับกระส่ายเพราะอะไรบางอย่างที่เขามองไม่เห็นอย่างชั่งใจ
สุดท้ายร่างสูงก็นั่งลงที่โต๊ะทำงานเพียงตัวเดียวในห้องนั้น เอื้อมหยิบกระดาษสีฟ้าใสออกมาจากกล่องไม้แกะสลักก่อนจะเขียนข้อความบางอย่างอย่างเร่งด่วน
...สายลมจงพัดผ่าน
ฟิ้ว!! สายลมแผ่วเบาพัดผ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้วกระดาษที่บรรจุข้อความขอความช่วยเหลือก็หายไป ร่างสูงลุกจากโต๊ะไปที่เตียงมือหนาเอื้อมมาดึงมือที่กำลังกำแน่นและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอกำลังเห็นอะไร...ชาร์เพรย์
ไกลออกไปในห้วงคำนึงของเชรี เธอกำลังถูกรัดด้วยเถาวัลย์ดอกไม้มากมาย ร่างบางบิดไปมาเพื่อให้พ้นจากพันธนาการแต่ดูเหมือนยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไร แรงที่รัดอยู่รอบๆ กลับแรงขึ้นจนทำให้แม้แต่การหายใจยังทำได้ลำบาก
....ชาร์เพรย์... เสียงนุ่มหวานของใครบางคนทำให้เชรีหยุดดิ้น ใครเรียกเธอนะ ไม่ใช่ เสียงนั่นไม่ได้เรียกเธอแต่เรียกชายคนนั้นต่างหาก!!
ชายคนนั้น ชายเจ้าของเรือนผมสีเงินยวง ดวงตาสีเงินของเขาอ่อนโยนลงอย่างประหลาดยามหันกลับมามองนางรำเจ้าของเสียงแต่เชรีมองไม่เห็นใบหน้าของเธอเพราะเธอคนนั้นกำลังหันหลัง
ให้เธออยู่ แต่กลิ่นหอมจากร่างกายเธอคนนั้นทำให้เชรีรู้สึกผ่อนคลาย แรงบีบรัดจากเถาวัลย์นั้น
ดูเบาบางลง
การร่ายรำของข้าเป็นไง ถึงแม้จะเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเพียงอย่างคำตอบเดียวแต่เชรีก็ต้องแปลกใจที่ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่ตอบออกมา
เขาเพียงแต่ยิ้ม ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วค่อยๆ โน้มตัวลงจนใบหน้าของชายคนนั้นซ้อนทับกับศีรษะของนางรำ เมื่อรู้ว่าคนทั้งสองกำลังทำอะไรเชรีก็รีบเบนหน้าแดงระเรื่อไปอีกทางทันที
บ้าจังเหมือนเรากำลังแอบดูเขาอยู่เลย
แล้วเจอกันในที่ประชุม เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นก่อนะที่ทุกอย่างจะเงียบหายไป
เชรีไม่รู้หรอกว่าหญิงสาวคนนั้นมีอาการตอบสนองต่อการกระทำนั้นอย่างไร เพราะเมื่อเธอหันกลับมาคนทั้งคู่ก็หายไปแล้ว พื้นหญ้ากว้างเบื้องล่างก็ปราศจากไร้ผู้คน จะทำยังไงดีล่ะเรา ลองตะโกนจะมีคนกลับมาไหมนะ ยังไงก็ต้องลองดู
ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!! ไม่ว่าเชรีจะพยายามตะโกนเท่าไรคนข้างล่างก็ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมา
มอง เสียงตะโกนเบาลงเรื่อยๆ ต่างจากแรงรัดของเถาวัลย์ที่รัดแน่นขึ้นทุกที นอกจากเถาวัลย์
จะรัดแน่นขึ้นแล้วสิ่งผิดปกติอีกอย่างก็กำลังดำเนินไปเช่นกัน
สิ่งผิดปกตินั้นคือตามสายเถาวัลย์มีกิ่งสีเขียวเล็กๆ ค่อยๆ งอกออกมาแล้วมันก็ไม่มีทีท่าจะหยุดงอกด้วย แถมจากก้านเรียวเหมือนกิ่งธรรมดาก็บวมขึ้นเป็นกระเปาะ
มันบวมขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสุดท้ายก็....
เปาะ เปาะ เปาะ เสียงกระเปาะแตกออกกลายเป็นดอกไม้บานสะพรั่ง เกสรมากมายกระจายออกรอบๆ ตัวดอกเป็นเกล็ดประกาย แต่เพราะกระเปาะมีมากมายเกินไป เมื่อมันแตกพร้อมกัน เกล็ดเหล่านั้นจึงฟุ้งกระจายอยู่ทั่วรอบๆ ตัวเชรี
กลิ่นหอมของมันคล้ายกับถุงหอมที่พี่มอรีลให้เธอไว้ แต่น่าแปลกที่เมื่อเธอสูดกลิ่นพวกนี้เข้าไป เธอกลับไม่ได้รู้สึกปลอดโปร่งเหมือนทุกที อาการเก่าๆ ที่พักนี้เกิดขึ้นบ่อยก็กำเริบขึ้น
ภาพเบื้องหน้าซ้อนทับกันไปมาจนน่าเวียนหัว ตามมือและเท้าก็หมดแรงเอาดื้อๆ
แถมเถาวัลย์ก็รัดแน่นจนสติขแงหญิงสาวเริ่มจะลางเลือน ความคิดสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่
ในจิตสำนึกก็คือ...เธอมาทำอะไรที่นี่?? กับเสียงเคร่งเครียดของใครบางคนที่ลอยเข้ามาในหัว
สงสัยต้องลดตัวยาลงละมั้ง...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กของมอรีลปรากฏขึ้น ร่างสูงของไมล์ยืนขึ้นจากขอบ
เตียงอย่างร้อนใจ
มอรีล ชาร์...น้องเชรีสลบไปชั่วโมงกว่าแล้ว จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า น้ำเสียงร้อนรนของ
ชายหนุ่มทำให้มอรีลอดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะสีหน้าเป็นกังวลของหนุ่มคนนี้มีไม่ได้บ่อยนักน่ะสิ
ใจเย็นๆ ไมล์ น้องเชรีไม่เป็นอะไรหรอก ไมล์ชะงักสีหน้าร้อนรนนั้นไว้แล้วปรับสีหน้า
และน้ำเสียงให้ปกติทันที
เซอร์รัสล่ะ รออยู่ข้างนอกหรือเปล่า
มอรีลพยักหน้ารับก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างบางของเชรี มือเรียวยกขึ้นเหนือใบหน้าซีดขาวแล้วแสงสีเขียวเรืองก็ปรากฏขึ้น โดยรัศมีของแสงค่อยๆ แผ่จากจมูก ดวงตา จนครอบคลุมใบหน้าทั้งหมดของหญิงสาว
ฉันออกไปรอข้างนอกนะ
จ้ะ มอรีลตอบโดยไม่หันมามองเพื่อนสนิท ไมล์มองใบหน้าที่ปกคลุมด้วยแสงสีเขียวนวล
อย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินออกไป เมื่อเสียงเปิดและปิดประตูเงียบไป มอรีลจึงเพ่งมองใบหน้า
คนใข้ของเธออย่างพิจารณา
ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป เดอ กราฟ ก็ยังเป็นที่รักสินะ แต่ชาร์เพรย์คนนี้จะรับรู้เมื่อไรเท่านั้น
สีหน้าอ่อนโยนของมอรีลแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันทีเมื่อร่างของคนใข้เริ่มสั่นกระตุก
แสงสีเขียวเรืองขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมร่างของเชรีจนหมด ถุงหอมที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของลอยออกมาจนพ้นอาณาเขตสีเขียว มืออีกข้างของมอรีลจึงคว้าเจ้าสิ่งนั้นเอาไว้
สงสัยจะต้องลดตัวยาลงละมั้ง...
ถึงภายในห้องพยาบาลจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปริศนาแต่ภายนอกกลับอบอวลไป
ด้วยความผ่อนคลาย แสงคบเพลิงสว่างนวลตรงเป็นทางสู่สวนที่ห่างไปไม่ไกลนัก ร่างสูงของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ อยู่ในนั้น ร่างสูงของไมล์ตรงดิ่งไปที่ชายว่าที่เจ้าของปรากการวินด์เซอร์นีอย่างไม่รีรอ แต่ท่าทางร้อนรนนั้นไม่ได้ทำให้แปลกใจแม้แต่น้อย
ว้าว วันนี้เกิดอะไรขึ้นจนทำให้ชายหนุ่มผู้ใจเย็นที่สุดในจักรวาลร้อนใจได้ หรือว่า...
ฉันเปล่าร้อนใจเชอร์รัส ถ้านายสงสัย เซอร์รัสหยักไหล่อย่างไม่สนใจคำแก้ตัวของเพื่อน
แล้วนายเดินมาหาฉันด้วยสีหน้าประมาณโลกจะแตกนี่ทำไม ไมล์ส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ไมล์จึงตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เซอร์รัส ดวงตาสีเขียวใสมองด้านหลังเพื่อนสนิทซึ่งกำลังก้มลงมองช่อดอกใม้อย่างอารมณ์ดี
นายว่างจริงนะ เซอร์รัสหันกลับมามองหน้าไมล์อย่างอารมณดี
ตอนนี้มันเทศกาลโรเซร่า เพื่อนรักฉันมันคนมีคู่
เปล่า ฉันหมายถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญของเราต่างหาก เห็นลีโอบอกว่าเป้าหมายของพวกนั้น
อยู่ที่ปราการของนายไม่ใช่เหรอ ดวงตาสีเงินของเซอร์รัสเปล่งประกายอย่างที่ไมล์ เดาไม่ออกว่าหัวหน้าของตระกุลเอนเซลคนนี้กำลังคิดอะไรกันอยู่
แค่ลอบสังเกตการนะ วันก่อนเราพบการล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตรอบนอกของปราการ แต่ก็ออกไป ความจริงดูเหมือนพวกอยากลองของธรรมดา แต่สิ่งที่แปลกคือพวกนั้นระวังตัวเกินไป เกินกว่านักลักลอบธรรมดา
จนตอนนี้เราก็ยังไม่รู้รูปพรรณสัญฐานของคนกลุ่มนี้ แต่ถ้าอีกฝ่ายลงมือเมื่อไร รับรองต่อให้อยากหนีก็หนีไม่ได้ กลัวแต่ว่าจะไม่ลงมือเท่านั้น ไมล์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ทำไมเพื่อนของเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าลงมือ
เซอร์รัส นายหมายความว่าไง เซอร์รัสมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวใสแล้วตอบว่า
ไมล์ ถึงเซกันจะมีแต่พลังเวทด้อยกว่าพวกเราซึ่งมีพลังธาตุแต่กำเนิดรวมอยู่ในตัว
แต่สิ่งที่เซกันมีแต่เราไม่มีคือวิทยาการเวท ซึ่งแน่นอนเจ้าสิ่งนี้ของคนพวกนั้นล้ำหน้ากว่าเรามากพอที่จะทดแทนพลังเธาตุที่เขาไม่มี
จากที่เรารู้ในคนกลุ่มนั้นมีคนประเภทที่เซกันเรียกว่า ซีเนร่า ที่เก่งที่สุดอยู่ แล้วคนประเภทนั้นก็ไม่น่าจะใช่คนที่มาที่นี่โดยไม่มีข้อมูล อย่างน้อยเขาน่าจะได้เบาะแสบางอย่างก็ได้ เบาแสที่เราคาดไม่ถึง
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเข้าถึงเราได้อยู่แล้ว ไมล์เถียงแต่เซอรรัสกลับโต้กลับว่า
เราคิดว่าเขาไม่น่าจะเข้าถึงต่างหาก ไมล์นายน่าจะกลับบ้านอีกรอบนะ ไมล์นิ่งเงียบไปจนมอรีลก้าวข้ามาในสวนนั่นแหละชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วถามว่า
น้องเขาเป็นยังไงบ้าง มอรีลยิ้มรับรอยยิ้มขอเซอร์รัสแล้วหันไปตอบไมล์ว่า
ดีแล้วล่ะ แต่ก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน อาการของน้องเขาจะเป็นๆ หายๆ เออ...ไมล์ ฝากถุงหอมนี่ให้น้องเขาด้วยบอกว่าฉันเปลี่ยนตัวยาใหม่ให้ ไมล์รับถุงหอมสีเขียวไว้ ส่วนเซอร์รัสก็กุมมือของมอรีลรั้งร่างเล็กให้มาอยู่ข้างๆ
เราไปเดินเที่ยวต่อกันดีกว่า ไปนะไมล์ ขอให้สนุกกับเทศกาลโรเซร่า มอรีลโบกมือลาไมล์
ก่อนจะเดินไปกับเซอร์รัส ไมล์มองภาพเพื่อนทั้งสองอย่างอ่อนโยนภาพของลีโอกับเฟมีลเ
มื่อตอนเช้าก็ไม่ต่างกัน
เฮ้อ ก็นี่มันเทศกาลโรเซร่านี่นะ แต่สีหน้าอ่อนโยนนั้นอยู่ได้ไม่ได้นานเมื่อคำแนะนำสุดท้าย
ของเซอร์รัสยังก้องอยู่ในหัว
...ฉันว่านายควรจะกลับบ้านอีกซักรอบนะ...
..กลับบ้านเหรอ... ร่างสูงพูดพึมพำอย่างครุ่นคิด
เขาคิดพลางเดินหายเข้าไปในห้องพยาบาล ร่างบางนอนนิ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอของ
หญิงสาวทำให้ไมล์โล่งอก อย่างน้อยเธอก็ไม่มีอาการน่าเป็นห่วงอีก
ไมล์ทรุดตัวนั่งลงข้างแล้วกะจะสอดถุงหอมเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อของเชรี แต่กลิ่นหอมอ่อน
ที่ลอยออกมาจากถุงหอมนั้นทำให้เขาชะงัก มือหนายกถุงหอมนั้นขึ้นดมอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
นี่มัน! ทำไมมอิรีลถึงให้ยานี่กับชาร์เพรย์?? มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
ระหว่างที่ไมล์มองถุงหอมในมือร่างบางก็เริ่มขยับ ไมล์จึงตัดสินใจสอดถุงหอมเ
ข้ากระเป๋าของเขาเอง
...ชาร์เพรย์ ชาร์เพรย์ เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นแล้วหลับลงเหมือนยังไม่สามารถปรับภาพ
ในดวงตาได้ มือบางยกขึ้นคลำขมับเบาๆ เพื่อนบรรเทาอาการปวดหัวตุบๆ ที่ดูท่าจะไม่หายง่ายๆ
ชาร์เพรย์! เสียงเข้มของใครบางคนทำให้เชรีขมวดคิ้ว ใครมาโวยวายอไรข้างๆ หูเธอนะ
แต่พอดวงตาสีม่วงอ่อนลืมขึ้นเต็มที่สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของไมล์ก็ทำให้เธอชะงัก
ชาร์เพรย์ ปวดหัวมากเหรอ อยากได้ยาแก้ปวดไหม เชรีส่ายหน้าเบาๆ
ไม่ค่ะ ดีขึ้นแล้ว ที่นี่ที่ไหนคะ ไมล์ยืดตัวขึ้นแล้วตอบว่า
ห้องพยายาบาลน่ะ น้องเป็นลมไป แต่ก็ไม่เชิงหรอก ไม่เชิงเป็นลมเหมือนช็อกก็อะไรมากกว่า ประโยคสุดท้านั้นไมล์จงใจพูดกับตัวเองมากกว่าเชรีเองก็ปวดหัวจนไม่ได้ซักไซร้อะไรเพิ่มเติม
กี่โมงแล้วคะ ไมล์เงยหน้มองนาฬิกาก่อนจะตอบว่า
ทุ่มกว่าแล้ว หิวไหม จะหาอะไรให้กิน เชรีส่ายหน้าแล้วหลับตาลง ทั้งห้องเงียบไปซักพัก
เงียบจนเธอนึกว่าเขาไมได้อยู่ในห้องนี้แล้ว หญิงสาวจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่สิ่งที่พบกลับ
ไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นดวงตาเขียวหม่นดูกังวลคู่หนึ่ง
พี่ไมล์ไม่หิวเหรอคะ ไมล์ส่ายหน้ามือหนาล้วงเอาถุงหอมออกมาแล้วยื่นให้เชรี
มอรีลฝากมาให้แล้วบอกด้วยว่าเธอเปลี่ยนตัวยาให้ใหม่ เชรีรับมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณเบาๆ กลิ่นหอมของมันทำให้อาการปวดหัวเบาลงมาก แต่สีหน้าของไมล์ยิ่งเครียดมากขึ้นมาเห็นหญิงสาวติดถุงหอมนั่นมากว่าที่คิด
ชาร์เพรย์ ได้ถุงหอมนี่มานานแล้วเหรอ เชรีไม่ได้ตอบทันทีเธอมองชายหนุ่มรุ่นพี่อย่าง
สงสัยแต่เมื่อสบดวงตาจริงจังของอีกฝ่ายจึงตอบว่า
ก็สักสี่ห้าวันค่ะ ได้มาวันแรกตอนที่พี่มอรีลมาถึงที่นี่วันแรกไงคะ ไมล์ก้มลงมืองถุงหอม
นั้นอย่างครุ่นคิด เป็นไปไมได้ที่มอรีลจะรักษาผิดหรือให้ยาพลาด นอกจาก...
ทำไมเหรอคะ ถุงหอมนี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไมล์ส่ายหน้าไปมาแล้วลุกขึ้นอย่างเงียบงัน
เดี๋ยวพี่จะไปหาอะไรมาให้ทานนะ พูดเพียงแค่นั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เชรี
มองร่างที่หายลับไปกับประตูอย่างสงสัย...ทำไมพี่ไมล์ดูแปลกๆ เกี่ยวกับถุงหอมนี่เหรอ
แม้ปากจะบอกว่าไปหาอาหารแต่ร่างสูงกลับตรงไปยังห้องสมุดอย่างรวดเร็ว สายตาค้นหาปกสันหนังสือสีเขียวหม่นแล้วดึงมันออกมา มือหนาเปิดพลิกหน้าหระดาษอย่างรวดเร็วจนมาสิ้นสุดหน้าที่ต้องการ ดวงตาไล่ตามบรรทัดอย่างรวดเร็วก่อนะจะปิดลงแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาเบาๆ
จริงๆ ด้วย กลิ่นนั่นไม่ผิดแน่ ทำไมมอรีลถึงต้องให้ถุงหอมแบบนั้นกับชาร์เพรย์ด้วย ทำไม
ไมล์สะบัดหน้าไปมาเหมือนต้องการหลุดจากวังวันความคิดนั้น แต่ไม่เมื่อคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายไมล์ก็ตัดใจลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า
มอรีลต้องมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้น แต่มันคืออะไรรอไว้มอรีลกลับมาค่อยถามแล้วกัน
ตอนนี้มีเรื่องต้องทำอีกอย่าง
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ต้นแสงจันทร์ ไม่นานไมล์จะรู้ตัว เซอร์รัสเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งมองทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตาย่านชานเมืองดาเรก้า ร่างเล็กที่นั่งพิงไหล่หนานิ่งเงยหนาขึ้น ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มอ่อนๆ เสมอแต่ตอนนี้กลับมีแต่ความเคร่งเครียด
ไมล์รู้แล้วต่างหาก เชื่อเถอะตอนที่เรากลับไปที่หอพักฉันต้องโดนซักฟอกแน่
เซอรรัสหัวเราะขึ้นเบาๆ
ถุงหอมชนิดพิเศษที่ทำโดยสมบัติล่ำค่าของวู้ด จะทำให้เดอ คูลนิ่ง อยู่นิ่งไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่านะมอรีล ยาตัวนั้นไม่ได้ทำให้อาการของน้องเชรีทุเลาลงใช่ไหม มอรีลพยัหน้ารับอย่างเงียบงัน มือบางพลิกขึ้นกุมมือใหญ่ของชายหนุ่มก่อนจะตอบว่า
กราเฟอ ไม้หอมที่ขึ้นเฉพาะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคูมีร่า ฟอเรส พืชที่จะมีผลต่อคนของ
ตระกูลเดอ กราฟเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยให้ทุกเลาลงหรอก แม้อาการโดยทั่วไปจะเหมือนดีขึ้น
แต่ความจริงมันก็คือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง อาการจะทรุดหนักลงเรื่อยๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึก...
ทุกอย่างนี้ทำเพื่อการปลดบ่วงสุดท้ายของเซวีน่าสินะ...
ใข่ ปลดบ่วงภาระสุดท้ายสู่ความสมบูรณ์แบบที่สุดในการสร้างอาณาจักร พวกเขาเหนื่อยมา
มากพอแล้ว
เซอร์รัสโอบไหล่บางของหญิงสาวที่เป็นสายเลือดของนักทำนายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเซวีน่า
ไหล่เล็กและบอบบางนี้ต้องแบกรับภาระนั้นอีกแล้ว
สงสัยเอนเซลก็ต้องลงมือเหมือนกัน คราวนี้คนตัวเล็ก ยันตัวขึ้นจากออ้อมกอดนั้นทันที ดวงตาสีฟ้าใสสบดวงตาสีเงินยวงอย่างเคร่งขรึม แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มใส่นัยตาเธอแล้วพูดว่า
ก็ในเมื่อฟอริโซ่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว วินด์โคลโลจะอยู่นิ่งก็คงไม่ได้จริงไหม เหลือก็แต่... ดวงตาสองคู่สบกันอย่างเข้าใจ คนสองคนที่รู้ราวความเป็นไปของทั้งโลกนี้กำลังคิด คิดถึงบ่วงสุดท้ายของชาวเซวีเรี่ยนที่จะต้องกระทำ
เหลือก็แต่...วารีเน่เท่านั้น!
ร่างสองร่างอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้อันงดงาม แต่ใครจะรู้เล่าว่าขณะนี้พันธสัญญาอัน
ยิ่งใหญ่อันสุดท้ายของชาวเซวีเรี่ยนกำลังถึงเวลาที่ต้องสะสางแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
