ตอนที่ 179 : Side story 7 - กองป้องกันและควบคุมอาณาเขตแห่งอาณาจักร
Author กัลฐิดา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ มาแล้ว
นี่คงไม่ช้าเกินไปใช่ไหม ยังไงก็ดีกว่าไม่มานะคะ แหะ แหะ ^/l^
เอาเป็นว่าไม่ว่าจะพูดอะไรตอนนี้ก็ดูเหมือนกัลแก้ตัวยังไงก็ไม่รู้
แต่ยังไงก็ขอพูดหน่อยนะคะ
ความจริงก็คือ กัลโดนสั่งทำงานใหม่ พอทำเสร็จก็เลยตั้งใจเขียนนิยาย
ปรากฏว่าตอนใหม่ออกมาเศร้าสร้อยจนถึงขีดสุด พอเขียนจบตอนเลยตัดสินใจ ลบทิ้ง!
เพื่อนๆ ฟังไม่ผิดค่ะ ลบจริงๆ แล้วจากนั้นเลยเริ่มพิมพ์ใหม่ค่ะ
นี่ล่ะค่ะ ข้อแก้ตัวของกัล เพื่อนจะสงสารกัลไหม T_T
แต่ก็ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้า
กัลฐิดา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 7 กองป้องกันและควบคุมอาณาเขตแห่งอาณาจักร
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างสูงเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินยาวของอาคารสีดำมืดซึ่งกลืนไปกับความมืดของยามค่ำคืน
แสงคบเพลิงสะท้อนให้เห็นใบหน้าตึงเครียดของชายหนุ่มเจ้าของตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ
สองของรัฐได้เป็นอย่างดี ประตูสลักตราประจำรัฐบานใหญ่เบื้องหน้าเปิดออก
เกือบจะทันทีเหมือนจะรับรู้การมาของเขา
ค้อมตัวอย่างเคารพ ใบหน้าเคร่งขรึมของลีโอลดความตึงเครียดลงก่อนจะตอบว่า
เข้าห้องประชุมที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในดาโรก้ามากว่าห้าสิบปีก้มศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีขาว
บริสุทธ์ก่อนแล้วจึงเอ่ยตอบกลับว่า
ก็มายืนอยู่หน้าประตูอีกบาน คราวนี้มันไม่ได้เปิดทันทีที่เขามายืนอยู่หน้ามันแต่มันเปิดเมื่อ
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางทาบบนอักขระมนตราวงกลม แสงสีทองวาบขึ้นตามรอยอักขระนั้น
จนเห็นเป็นวงมนตราหลายสิบชั้นซ้อนกันวุ่นวาย จากนั้นมือหนาก็พลิกมือออก
พร้อมกับทำท่าเหมือนกับดึงเอาม่าน
มนตรานั้นออก เส้นใยมนตราค่อยๆ หลุดออกจากบานประตูก่อนจะแตกกระจายออกเป็นสะเก็ด
สีทองฟุ้งกระจายเต็มบานประตู และถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสะเก็ดเหล่านั้นไม่ได้แตกกระจายอย่าง
ไม่เป็นระเบียบแต่มันกระจายไปตามจุดที่กำหนดเอาไว้เป็นอย่างดี
เพราะนี่คือระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุดของดาโรก้าในการสร้างปราการด่านสุดท้ายที่จะไม่ให้
คนที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามายังที่แห่งนี้
ร่างทั้งเจ็ดของเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของกองป้องกันและควบคุมอาณาเขตแห่งอาณาจักร(ป.ค.อ.)
ลุกขึ้นทำความเคารพผู้มาใหม่
คนทั้งเจ็ดจึงนั่งตาม ลีโอมองสบดวงตาสีนิลเหมือนกับเขาไม่ผิดเพี้ยนอย่างถามไถ่แต่อีกฝ่าย
เพียงแค่มองสอบมาอย่างเงียบงัน
ของลีโอเอ่ยขึ้นพร้อมกับเคาะนิ้วที่พื้นโต๊ะประชุม แผนที่จำลองของดาโรห้าก็ปรากฏขึ้น
จุดสีแดงที่กระพริบอยู่ตลอดเวลาแสดงตำแหน่งที่ทุกคนกกำลังพูดถึง
ลีโอยกมือขึ้นมาประสานกันที่หน้าตักอย่างตั้งใจ เพราะเขาเข้าใจถึงคำว่า
'แหกกฏอย่างมีมารยาท' ว่ามันมีข้อจำกัดแค่ไหน เซวีน่าเองก็ใช้จุดนั้นเหมือนกันในบางครั้ง
เพราะการที่เราจะห้ามคนไม่ให้แหกกฏนั้นไม่มีทางทำได้ร้อยเปอร์เซน เราจึงต้องสร้างมารยาทที่
ควรเคารพขึ้นมาเพื่อกันการทำโทษเกินความจำเป็น อีกทั้งวิธีนี้ก็ช่วยอำนวยประโยชน์หลายๆ
อย่างโดยที่ฝ่ายที่ทำผิดจะรู้หรือไม่ก็ตาม
ความปกติของการข้ามแดนที่สถานทูต..." ชายชราหยุดพูดนิดหนึ่งเพื่อสังเกตุสีหน้าของชายหนุ่ม
"ครับ เราพบควาผิดปกติของการลงมนตราพาซอลเซ่ของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของ
วินด์โคลโล 4 คน"
อยากจะท้าทายอะไรบางอย่างแต่เพียงแวบเดียวก็หายไป ดวงตาสีนิลนั้นกลับมาสงบ
และเยือกเย็นเช่นเดิม
ตลอด 8 ชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเราทั้งเจ็ดได้ทำการตรวจสอบอย่างที่ถี่ถ้วนที่สุด จนสุดท้ายเรา
ก็พบกว่า ชนพื้นเมืองทั้งสี่อาจจะเป็นกลุ่มคน กลุ่มเดียวกับที่ทำการข้ามมิติมาเมื่อสองชั่วโมง
ก่อนหน้าก็ได้ หรือท่านคิดว่าอย่างไร"
คนทั้งเจ็ดจ้องมายังชายหนุ่มเป็นตาเดียวเหมือนกับต้องการคำสั่งแต่ลีโอกลับไม่พูดอะไรออกมา
จนผ่านไปหลายนาทีชายหนุ่มจึงถามขึ้นว่า
พวกเขาเอาไว้ได้เลย หรือว่า..." ยังไม่ทันที่ลีโอจะพูดจบชายที่นั่งอยู่ทางซ้ายก็เอ่ยตอบว่า
จะใช้วิทยการเวทชนิดพิเศษที่สามารถลอกเลียนมนตราพาซอลเซ่ของเราได้แทบจะเหมือน
ทุกอย่าง ตอนนั้นผมกำลังประจำอยู่ที่หน้าเครือค่ายควบคุมอยู่พอดีหากไม่ใช่พวกเรา
ในเจ็ดคนนี้ล่ะก็ ดูท่าคนพวกนั้นคงรอดได้โดยไม่มีใครสงสัย"
ลีโอยกข้อศอกขึ้นตั้งบนโต๊ะฝ่ามือทั้งสองประสานกันปลายนิ้วจรดหน้าผากเหมือนกำลังครุ่นคิด
ตามคำยอกเล่า
"ท่านน่าจะติดต่อพวกเราเร็วกว่านี้" ชายที่นั่งถัดจากเขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
ใครต่อใครหาสาเหตุให้แน่แล้วเรียกประชุมวางแผนมันจะไม่เร็วกว่าเหรอ"
ก่อนที่การถกเถียงจะมากไปกว่านี้ลีโอก็เอ่ยขึ้นว่า
ชายเจ้าของชื่อนารีพหันมาจากคู่กรณีแล้วตอบว่า
และคนที่สามารถทำอย่างนั้นได้ในมิตินั้นก็มีไม่กี่ ซึ่งคนที่เด่นๆ ผมให้ท่านรีเจคค้นหาคนที่
น่าจะอยู่ในหลุ่มนั้นแล้วครับ รีเจค"
รีเจค เคอราพ คือชายร่างเล็กซึ่งนั่งอยู่เป็นคนที่สองทางขวาของลีโอ เขาเคาะนิ้วที่โต๊ะเปลี่ยนภาพ
แผนที่เป็นรายชื่อและใบหน้าของชายสี่คน
แต่ที่แน่ๆ ก็คือหนึ่งในสี่นี้จะต้องเป็นหนึ่งในสี่ที่อยู่ในกลุ่มนั้นแน่นอน"
ลีโอมองปราดไปตามรูปทั้งสี่ก่อนจะพยักหน้ารับ
อย่างนี้มาแล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในช่วงสำคัญของเราด้วย ความจริงต้องขอชมคนกลุ่มนี้หน่อย
ที่มาที่เซวีน่าได้จังหวะเวลาสำคัญ จริงไหมทุกท่าน"
คนทั้งเจ็ดซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่แล้วยิ่งรู้สึกถึงพลังกดดันมากขึ้นอีก ความจริงแล้วการข้ามมิติ
แค่นี้ไม่น่าจะต้องเรียกประชุมใหญ่ขนาดนี้แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครที่อยู่ในชนชั้นผู้นำก็ต้องรู้ว่า
เซวีน่าตอนนี้ไม่เหมาะแก่การต้อนรับแขกใดๆ ไม่ว่าจะมาร้ายหรือดี
คำพูดของลีโอทำให้คนทั้งเจ็ดมองหน้ากันอย่างถามไถ่ แต่ถึงไม่พูดทุกคนก็รู้ว่ามันน่าจะมี
ความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเช่นนั้น จึงพากันพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน
ลีโอวางมือที่ประกบลงบนโต๊ะก่อนแล้วออกคำสั่งด้วยคำสั่งเด็ดขาดว่า
แล้วก็ยกเลิกการข้ามมิติตามมารยาททั้งหมดอย่างเงียบๆ ตามเห็นสมควรแต่ละโอกาศ
และ...ท่านารีพ ผมว่าท่านคงลงมือทำบางอย่างก่อนที่พวกนั้นจะออกจากประตูสถานทูต
ของเราแล้วกระมัง"
"งั้นวันนี้ เราเลิกประชุมแค่นี้ อ้อ ทุกท่านกรุณาส่งข่าวไปยังทุกจุดทีเกี่ยวข้องให้จับตาดูแต่อย่า
ให้อีกฝ่ายรู้ตัสด้วย ขอบคุณทุกท่านมากครับ"
ทั้งหมดลุกขึ้นโค้งคำนับก่อนจะเดินออกจากห้องไป สุดท้ายทั้งห้องก็เหลือเพียง
แต่สองพี่น้องเท่านั้น
ลุกขึ้นแล้วเดินมาอยู่ข้างๆ น้องชายของเขาก่อนจะตอบวา
เทศกาลโรเซร่า ก็ทำให้เรารู้ว่า ฐานข้อมูลของคนกลุ่มนี้ยังดีไม่พอ "
แล้วพูดต่อว่า
สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นนักของคนทั้งคู่ก็เผยออกมา
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยดังขึ้นจากผู้ดำรงตำแหน่งไซเอนคนปัจจุบัน เสียงหัวเราะที่ผู้เป็นน้องชาย
รู้สึกกลัวใจแทนใครก็ตามที่ลืมไปว่าดาโรก้ายังมีไซเอน
ไทม์มองหน้างงๆ ของน้องชายอย่างเอ็นดูก่อนจะเฉลยขึ้นว่า
ให้คนๆ นั้นจนแหลมคมเชียวล่ะ"
"เชรี เชรี ว้า รินย่า เชรีหลับไปแล้วล่ะ" มีเรเน่ร้องบอกเพื่อสาวผิวคล้ำที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ
อย่างเสียดาย เพราะพวกเธอวางแผนกันว่าจะไปเดินเที่ยวร้านขายขอรอบๆ เสียหน่อย
มีเรเน่ใช้หวีสางผมของตัวเองพลางตอบด้วยน้ำเสียสบายๆ ว่า
ปลุกเชรีกินข้าวเย็น" รินย่าพยักหน้ารับคำเพื่อน อีก 5 นาทีต่อมาทั้งสอก็ออกจากห้องไป
ความเงียบของห้องทำให้ไครก็ตามเดินเข้ามาในห้องในตอนนี้ได้ยินเสียงกระซิบนุ่มของอะไร
บางอย่าง เสียงกระซิบที่ทำให้หน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงสม่ำเสมอของร่างบางเรืองแสงสีเขียวเรือง !
นี่คือความฝัน นี่คือความฝันเหมือนทุกครั้งที่เธอฝัน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกต่างออกไป
ที่นี่ไม่ได้มืดอย่างที่มันควรเป็น แต่มันมีควันเต็มไปหมด ร่างบางหมุนตัวมองไปรอบๆ
แต่เธอก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้มากนัก
ใครน่ะ ใครกำลังเรียกเธอ ใครกำลังต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า
'ชาร์เพรย์....ชาร์เพรย์...'
ใครน่ะ คุณ....คุณเป็นใคร แม้จิตเธอจะคิดอยากจะเอ่ยถาม แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไร
เชรีก็ได้เพียงคิดเท่านั้น เธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้และหมอกสีขาวนี่ก็หนาทึบขึ้นทุกที
หนาจนเธอยื่นมือไปจนสุดแขนแล้วไม่สามารถมองนิ้วมือของเธอได้
แรงขนาดนี้ ร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง ดวงตาสีม่วงอ่อนเริ่มปรือเหมือนมีอะไรหนักๆ
พยายามมาปิดตาเธอและสุดท้ายสติของเชรีก็หลุดลอยไปยังที่ไกลแสนไกล
แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้เชรีต้องตะลึง ร่างของหญิงสาวหลายสิบคนในผ้าบางเบาสีเขียวอ่อน
กำลังร่ายรำให้กับอะไรบางอย่างเบื้องล่างสายตาเธอ
พอเธอก้มมองดูตัวเองก็พบว่าเธอยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางกำแพงต้นไม้
ซึ่งล้อมรอบเวทีการร่ายรำนี้ไว้
แต่เป็นการร่ายรำของเหล่าภูตต้นไม้ แต่ทำไมเธอถึงได้เห็นมันในที่แบบนี้ มือบางคว้ากิ่งไม้ข้าง
ตัวไว้เป็นหลักยึดเพราะกลิ่นหอมที่เริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วทำให้เธอหมดแรงอีกครั้ง
แต่พอเธอกำกิ่งไม้นั้นแน่น การเจริญเติบโตของกิ่งก็ผิดไป มันโตเร็วขึ้นเร็วขึ้นจนพันข้อมือเธอ
ไว้ทั้งหมด คราวนี้จากที่เคยจะจับยึดมันไว้เชรีเปลี่ยนเป็นสะบัดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการนั้น
แต่ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งรัด ไม่แค่นั้นพอร่างที่เคลื่อนไหวหลายสิบนั้นเริ่มเปล่งเสียง
ต้นไม้ทั้งต้นก็เริ่มสั่นไหว กิ่งไม้หลายสิบกิ่งพุ่งตรงมาโอบรัดเธอไว้
เฮือก !! ร่างบางกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาเบิกโพรงนั้นค่อยๆ หลับลง ไหล่เกร็งแข็งค่อยๆ
อ่อนและค้อมลงอย่างผ่อนคลาย เสียงลมหายใจหนักหน่วงก็ค่อยๆ เพลาลง
มือบางยกขึ้นเสยผมให้พ้นใบหน้าที่ผุดพรายไปด้วยเหงื่อ
ว้ายใกล้หมดเวลากินอาหารแล้วนี่ รีบหน่อยเชรี รีบหน่อย"
ร่างบางรีบลงจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปคว้ากระเป๋า
สะพายก่อนจึงออกจากห้องพักไป โดยไม่ได้สนใจการขยับตัวของดอกไม้ในแจกันที่หดดอกใบ
ของมันกลับเข้าที่เดิมแต่ยังคงทิ้งใบไม้สองสามใบตกอยู่ข้างหมอน
เพราะห้องพักของเจสเทิร์นจะต้องวิ่งผ่านห้องสมุดประจำหอพักด้วยเชรีจึงต้องลดความเร็วลง
เพื่อไม่ให้เสียงรองเท้าของเธอทำให้รุ่นพี่ที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องรำคาญ แต่พอเด็กสาววิ่งผ่าน
เอาเข้าจริงๆ ในห้องนั้นก็ไม่ได้มีคนอ่านหนังสืออย่างที่เธอคาดแต่เป็น...
พร้อมกับเสียงหัวเราะขลุกขลักในคอคนตัวโต
เดินปึงปังไปที่โซฟาก่อนจะกระแทกตัวนั่งลงอย่างหงุดหงิด มือบางยกขึ้นถูที่แก้มแรงๆ อย่างขัดใจ
แต่ก่อนจะทำอะไรมากกว่านั้นมือหนาก็รั้งมือที่กำลังทำให้แก้มแดงด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่เลือด
ซึ่งสูบฉีดจนหน้านวลแดงระเรื่อเหมือนในขณะนี้เอาไว้ก่อน
ออกมาจากอุ้งมือหนาแต่เมื่อสะบัดไม่หลุดก็เลยกดมือทุบลงที่ไหล่อีกฝ่ายเสียเลย
เป็นนิ่งเฉยทันที แต่มีเหรอที่ใบหน้าแบบนั้นจะทำให้เฟมีลยอม
อย่าหวังเลยว่าการหันเหความสนใจอย่างเมื่อกี้จะทำให้เธอลืมจุดประสงค์ที่ทำให้ต้องนั่งรอ
เขามาตั้งสองชั่วโมง แถมยังโดนแกล้งจนทำให้คนอื่นมาเห็นภาพน่าอายอย่างนั้นอีก
ตาแมวบ้าถ้าวันนี้ไม่นั่งให้ซักฟอกจนขาวล่ะก็อย่างหวังจะได้ลุกจากเก้าอี้เลย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไง คำพูดของพี่ชายที่เตือนเขาไว้แล้วยังก้องอยู่ในหู
เสริมเขี้ยวเล็บงั้นเหรอ ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่ไม่ห้ามเธอให้ไปเรียนที่นั่น
"หมดเลย เล่ามา" ดวงตาสีนิลสองคู่สบกันนิ่งนานก่อนที่คนตัวโตจะยอมแพ้เพราะไม่สามารถ
เบี่ยงเบนความสนใจของคนตัวเล็กกว่าได้สำเร็จ เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
มือหนากุมมือบางเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องสมุดตรงไปยังทางออกจากหอพัก
ไม่แพ้บรรยากาศ จนทำให้หญิงสาวที่เดินข้างๆ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"กลุ่มเหรอ มาจากไหน"
ที่เซวีน่าในตอนนี้..." ลีโอเว้นคำพูดไว้อย่างนั้นโดยไม่เอ่ยอะไรต่อ เฟมีลเลยพูดต่อแทนว่า
อย่าบอกนะว่าป.ค.อ. ไม่ได้กักตัวคนพวกนั้นไว้"
ลีโอพยักหน้ารับคราวนี้เฟมีลอ้าปากค้างเพราะความไม่เข้าใจ
ต้องทำ...เอ่อ หรือว่าดาโรก้ามีแผนอื่นสำรอง"
หมอนี่แปลกๆ เหมือนเล่นสงครามประสาทอย่างไรชอบกล หญิงสาวก้าวนำมาก้าวหนึ่งเพื่อมา
ยืนประจัญหน้ากับเขา
จากนั้นก็ประชุมแล้วสรุปว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในเซวีน่า แถมสถานฑูตดาโรก้าก็ไม่ได้กักตัวพวกเขา
เอาไว้ นั่นหมายความว่า ป.ค.อ. ต้องมีแผนอื่น
แถมเจ้าแผนนั้นคงจะดีเลิศประสเริฐศรีเสียจน ผู้นำขององค์กรไม่รู้สึกรู้สาทำให้เรื่องนี้ดูเหมือน
เรื่องล้อเล่นกับฉันอีกด้วยจริงไหม ลีโอ ฟรานเชสก้า" ลีโอแบมือออกแล้วยักไหล่ท่าทางยียวน
อย่างนี้ยิ่งทำให้ความอดทนของเฟมีลลดลงเรื่อยๆ
พูดเสร็จก็หันหลังจะเดินหนีออกมาแต่ชายหนุ่มรั้งแขนเอาไว้ก่อน
เอาไว้หลวมๆ ลีโอรู้ว่าเฟมีลคิดอะไรแต่เขาก็คิดแบบนั้นกับเหมือนกัน คงไม่ใครอยากจะเห็น
คนสำคัญของตัวเองต้องอยู่ในอันตรายบ่อยๆ หรอก
แต่เขาสิคนสำคัญของเขาอยู่ในอันตรายแทบจะตลอดเวลา
หาทางป้องกันยังไงมันก็มีช่องโหว่งอยู่ดี" เฟมีลยกมือขึ้นตบลงบนหลังมือ
ที่โอบเอวเธอเบาๆ อย่างเข้าใจ
น้ำเสียงอ่อนของเธดทำให้ลีโออดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะโวยวายแค่ไหนแต่หญิงสาว
ในอ้อมแขนก็เป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเสมอ
"นาย...."
ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยอะไรออกมา ริมฝีปากอิ่มก็ถูกครอบครองโดยคนตัวโตเสียก่อน
มือหนาข้างหนึ่งแตะเข้าที่ปลายคางมนเพื่อให้เธอเงยหน้ามากขึ้น
แต่ก่อนแรงแข็งขืนจากคนตัวเล็กจะหมดลง....
พลั่ก! เสียงร่างสูงล้มลงไปกระแทกกับพื้น เฟมีลรีบยกมือขึ้นปิดปากดัวเอง ดวงตาสีนิลหันไป
มองผู้มาใหม่อย่างตกใจ
แต่เสียงที่เปล่งออกมาพยายามยังไงก็ยังสั่นนิดๆ อยู่ดี ส่วนเชรีนั้นพยายามไม่หันไปมองหน้า
ของรุ่นพี่ลีโอที่กำลังลุกขึ้นจากพื้น หญิงสาวรุ่นน้องเสมองเลยไปยังดอกไม้ที่อยู่ข้างหลัง
รุ่นพี่แล้วตอบว่า
พูดเสร็จร่างบางก็รีบวิ่งหายไปตามระเบียง วันนี้เป็นอะไรเนี่ย เข้าไปขัดจังหวะของ
พี่เขาตั้งสองรอบ เฮ่อ ซวยจริงๆ เชรี
ไปหลายตุบและก็ไม่ได้เห็นการเอาคืนของคนโดนทุบด้วย เพราะครั้งนี้คนตัวโตคงไม่อยาก
ให้มีการขัดจังหวะเป็นครั้งที่สามของวัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
