The Poor Prince (รักวุ่นวายของคุณชายขอทาน) - The Poor Prince (รักวุ่นวายของคุณชายขอทาน) นิยาย The Poor Prince (รักวุ่นวายของคุณชายขอทาน) : Dek-D.com - Writer

    The Poor Prince (รักวุ่นวายของคุณชายขอทาน)

    นิยายเพ้อฝัน มีหลายแนวนะครับผม ฝากติดตามผลงานด้วยนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    343

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    343

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.ย. 56 / 00:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    จะเกิดอะไรขึ้น

    เมื่อขอทาน จะขอรัก คุณหนูผู้สูงส่ง

    ขอทานกับคุณหนูแห่งคฤหาสน์จะมารักกันได้อย่างไร ?


     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      The Poor Price

      “ รักวุ่นวาย ของคุณชายขอทาน “

      รุ่งอรุณส่องแสง แสงยามเช้า ช่างน่าหลงใหล ส่องแสงสีส้มอันเจิดจรัส ณ ที่แห่งหนึ่ง ระแวกนั้น

      เป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยคฤหาสน์สุดหรู ซึ่ง ระหว่างกลางกำแพงของบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งกับกำแพงคฤหาสน์อีกหลัง มีคลองทอดยาวไปสุดทางอยู่ขั้นกลางบ้านและคฤหาสน์นั้น ซึ่งคฤหาสน์นั้นอยู่ข้างซ้ายของคลองและมีเนื้อที่ถึง 2 ไร่ เศษๆ กว้างสุดลูกหูลูกตาแทบจะเรียกว่า”วัง”เลยก็ว่าได้เลยทีเดียว ณ ที่ ริมคลอง มีตลิ่งซึ่งกว้างพอที่จะมีกระท่อมน้อยๆ อยู่ตรงนั้นได้ และแน่นอน มีกระท่อมๆหนึ่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ กระท่อมนั้นตั้งอยู่ติดกับกำแพงบ้านหลังฝั่งขวาของคลอง กระท่อมนั้น มีชายหนุ่มขอทานคนหนึ่งอาศัยอยู่และตั้งรกราก ณ ที่ตรงนี้มานาน เกินกว่า 5 ปี แล้ว และทุกๆวัน ชายหนุ่มขอทานนั้น จะออกมาร่อนเร่เก็บเศษขยะและขวดพลาสติกเปล่าไปขาย และพอตกกลางคืน ชายหนุ่มขอทานคนนั้น ก็จะอาบน้ำ ณ ริมคลองแห่งนั้น และใช้ สบู่ น้ำยาสระผม ละอีกหลายอย่างที่ชายคนนั้นเก็บมาจากกองขยะที่ทางระแวกคฤหาสน์ได้ทิ้งไว้ ชายหนุ่มขอทานคนนั้น เรียกตัวเองว่า “ประเสริฐ” เขาเชื่อว่าชื่อนี้จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในสักวัน  แต่โชคไม่เข้าข้าง ที่ผู้คนในระแวกนั้นต่างขนานนามชายขอทานคนนั้นว่า “ไอ้ฟู” ด้วยรูปร่างที่ซกมก ทรงผมฟูและรุงรัง จึงถูกเรียกมาแบบนั้น ซึ่ง ประเสริฐ เขาไม่ได้มีอาการบ้า หรือมีอาการทางจิต แต่เป็นคนธรรมดาและไม่เป็นโรคภัยอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ ผู้คนมองเขาจากภายนอกก็เท่านั้น อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ ประเสริฐ ได้ กลับมาจากการเก็บขยะขาย ขณะนั้น เป็นเวลา 1 ทุ่ม ตรง เขากำลังจะเข้ากระท่อม เพื่อ พักผ่อนตามปกติ ทันใดนั้น ก็มีรถกระบะ จากไหนก็ไม่รู้ ขับมาด้วยความรวดเร็วปานจรวด และหักเลี้ยวโค้งอย่างเกรี้ยวกราด ทำให้ ของที่อยู่ท้ายกระบะนั้น กระเด็นกระดอนตกลงมาตรงหน้าฟุตบาตรหน้ากระท่อมของประเสริฐ ประเสริฐไม่รู้ว่าเสียงดังอันดุเดือดนั้นคือเสียงรถกระบะของใคร และเขาข้องใจมาก ทำไมถึงขับเร็วขนาดนั้น เขาไม่รีรอ จึงเดินออกมาดู ปรากฏว่า เป็นรถของทางคฤหาสน์ของตระกูล   .............

      ”อภิบูลย์ธนกิจไพศาล” เป็นตระกูลที่สูงศักดิ์ และ รวยที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุด ซึ่ง ประเสริฐก็รู้ดี ว่าตระกูลนี้เป็นอย่างไร และต่อมารถกระบะคันนั้นก็ขับมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ นั้น และ คนขับรถก็รับวิ่งเข้าคฤหาสน์ด้วยความรีบ แต่ประเสริฐก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ขณะที่ประเสริฐกำลังจะเดินกลับกระท่อม ทันใดนั้นประเสริฐก็เหลือบไปเห็น ถุง ถุงหนึ่ง เหมือนมีคนทำตกไว้ แต่ ประเสริฐนึกฉงนใจว่า คงเป็นของรถกระบะคันนั้นแน่ๆ จึงหยิบถุงนั้นขึ้นมาดูว่าเป็นถุงอะไรกันแน่ ตอนนี้ในหัวของประเสริฐมีแต่ความสงสัย และตั้งคำถามมากมาย “ทำไม ตาลุงนั่นถึงต้องรีบขนาดนั้นนะ ?” ประเสริฐพูดด้วยความสงสัย ประเสริฐ จึงเปิดถุงนั้นดู ปรากฏว่าในถุงนั้นมีชุดอยู่ชุดหนึ่ง เป็นสูท Taxido มีเสื้อนอกเสื้อเชิ้ตขาวพร้อมหูกระต่าย และ กางเกงแสล๊ค แต่ไม่มีรองเท้า ประเสริฐ ตกใจมาก จึงหันไปหันมา มองลาดเลา เพื่อความปลอดภัยว่าจะไม่มีคนเห็น แต่ทันใดนั้น ประเสริฐก็เหลือบไปเห็น แผ่นใบปลิว ที่ติดอยู่กับเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ๆประเสริฐ ประเสริฐจึงอ่านใบปลิวนั้น (ประเสริฐเคยเรียนหนังสือนะ) ในใบปลิวเขียนว่า  “ขอเชิญแขผู้มีเกียตริร่วมงานกาล่าดินเนอร์พร้อมกับเต้นรำหน้ากากแฟนซีในคืนที่ 27 สิงหาคมนี้ ”ซึ่งวันที่ได้ตรงกับวันนี้พอดี วันที่ประเสริฐเห็นถุงเสื้อผ้า ประเสริฐอ่านเสร็จ ประเสริฐตรงดิ่งเข้ากระท่อมทันที เอาถุงไปซ่อนในกระท่อม และ บรรจง อาบน้ำด้วยความสุข เขาขัดศรีฉวีวรรณอยู่พักใหญ่ ด้วยความที่ในชีวิต อยากจะร่วมงานแบบนี้เหลือเกิน จึงทำให้เขาตั้งใจอาบน้ำที่สุดเท่าที่เคยอาบมาในชีวิต และครึ่งชั่วโมงได้ผ่านไป เขาก็อาบน้ำเสร็จ เช็ดตัว และส่องกระจก “หนวดเราชักเริ่มรุงรังแล้ว ถ้าเยอะขนาดนี้คงไม่ได้เข้างานแน่ๆ โกนหน่อยดีกว่า” ประเสริฐ พูดหน้ากระจกคนเดียว และเขาได้หยิบมีดโกนขึ้นมา และบรรจง กรีดเส้นหนวดที่ขึ้นรกรุงรังเต็มใบหน้าของเขาออกไป และแล้ว ใบหน้าที่ไร้หนวดของเขาใครจะรู้ว่าเขาดูดีขึ้นเป็นไหนไหน แล้วเขาได้สวมชุด Taxido นั้น มันทำให้เขาไม่ชินในการสวมใส่ และเขาก็เอะใจ ว่ามีอะไรเหน็บมาในกระเป๋าด้านในเสื้อนอกด้วย มันคือหน้ากากแฟนซีนั่นเอง เขาใส่ทุกอย่างที่ในถุงมีให้เขา แต่ขาดแค่รองเท้า เขาไม่รอช้า รีบหยิบรองเท้า๕เก่งของเขามาใส่ทันที มันคือ Converse สีขาวดำ สภาพขาดได้ที่ ที่เขาเก็บได้จากที่ไหนสักแห่งในระแวกนั้น ประเสริฐได้เดินมาที่หน้าคฤหาสน์นั้น ซึ้งระยะทางจากกระท่อมของเขา มาที่หน้าคฤหาสน์ก็อยู่ไม่ไกลนัก เขาหยุดและมองไปที่คฤหาสน์ ซึ่งทางเข้าเป็นบันไดสูงลิปหัว ประเสริฐ เดินขึ้นไปอย่างช้าๆ และหยุดนิ่งตรงทางเข้า “ซวยแล้ว ไม่มีบัตรเชิญ ทำไงดีวะเนี่ย?”เขาก็ลองลูบๆคลำๆดูในเสื้อปรากฏว่ามีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาดีใจเป็นยิ่งนัก กระดาษแผ่นนั้นคือบัตรเชิญ ที่มีขนาดเท่ากระดาษ A4 พับครึ่งเลยทีเดียวประเสริฐเดินเข้างานโดยผ่านบอดี้การ์ดของทางคฤหาสน์ได้อย่างสบายๆ โดยบอดีการ์ดไม่สงสัยอะไร แม้ประเสริฐแต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อยก็เถอะ ตอนนี้ประเสริฐได้เข้ามาเหยียบในคฤหาสน์”อภิบูลย์ธนกิจไพศาล”แล้ว ด้วยความที่ไม่เคยเห็นอะไรทีใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ ทำให้เขาถึงกับยืนอึ้งไปชั่วขณะ และ ทันใดนั้น ประเสริฐได้เหลือบไปเห็น ของกิน ในงานเข้า เขาจึงบึ่งไปที่โต๊ะอาหารทันทีด้วยความที่เขาไม่ได้กินข้าวมื้อเย็น เขากินทุกอย่างที่งานมีให้กิน ซึ่ง ก็กินมูมมาม พอสมควรด้วยความไม่รู้มารยาทผู้ดี จึงทำให้เป็นที่สงสัยของเศรษฐีคุณหญิงคุณนายหลายคน ประเสริฐไม่สนใจอะไร ด้วยความหิว จึงกินเข้าไปเยอะ พอกินเสร็จ เขาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะที่ยังว่างอยู่ ทางด้านมุมที่ไม่มีใครสนใจ เขานั่งตีพุงไปสักพักนึง ก็มีเสียงของบ๋อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “คุณหนู จิระนภา มาแล้ววว” ประเสริฐหันไปมองอย่างเร็ว ภาพที่ประเสริฐเห็นนั้นคือ ผู้หญิงที่สวยประดุจนางฟ้านางสวรรค์ เดินลงมาจากบันไดของคฤหาสน์สวมชุดราตรีสีขาวอมชมพูเปล่งประกายไปทั่วคฤหาสน์และมีรอยยิ้มที่พร่างพราวหยดย้อยประกอบกับใบหน้าที่ดูมีสง่าราศีสมกับเป็นคุณหนูแห่งคฤหาสน์อภิบูลย์ธนกิจไพศาลเหลือเกิน ภาพที่ประเสริฐเห็นตรงหน้า ทำให้ เขา นั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาค่อยๆยืนขึ้นและจ้องมองคุณหนูตาไม่กระพริบ ประเสริฐยืน อึ้ง และด้วยความที่ไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงานเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้เขา เคลิ้มไปกับใบหน้าที่แสนสวยอ่อนหวานและน่ารักแบบนั้นนานสองนาน ทันใดนั้นก็มีเสียงบ๋อยพูดขึ้นมาอีกว่า “บัดนี้ ได้เวลา ท่านประทานมาเปิดฟลอแล้วครับ” ประเสริฐ คิดสงสัย ว่าใครคือประทาน ? “คงจะเป็นพ่อกับแม่ของคุณหนูล่ะมั้ง?” และข้าสันนิฐานก็จริง ผู้ที่เป็นประธานเดินลงบันไดคฤหาสน์มา ตัวประธานชื่อ ม.ร.ว.อภิเดชชัยชาญ อภิบูลย์ธนกิจไพศาล ดูดีมีราศี ดูสง่า และสูงส่งยิ่งนัก ส่วนท่านคุณหญิงซึ่งเป็นภรรยาของท่านประธานคือ คุณหญิง นพรัตนวดี อภิบูลย์ธนกิจไพศาล ดูสมกับเป็นภรรยาท่านประธาน “ชิ !! ก็แค่รวยเท่านั้นแหล๊ะ โถ่ ! ” ประเสริฐ อุทานแบบหมั่นใส้ และทำท่าทางหงุดหงิด และยืนกอดอก ทันใดนั้น ก็ได้เวลาประธานและภรรยาได้ทำการเปิดฟลอเต้นรำ พอทั้งคู่เต็นรำเปิดฟลอเสร็จสิ้น ทั้งคู่ก็รีบประกาศว่า “บัดนี้ กระผมและภรรยาได้มีภารกิจด่วนที่ จังหวัด เชียงใหม่ ขอให้ทุกท่านเต้นรำกันให้สนุก และ ยินดีที่รู้จักทุกท่านในงาน ณ ที่นี้ หวังว่าทุกท่านคงสนุกสนาน ผมได้ฝากให้ลูกสาวผมเป็นคนดูแลงานทั้งหมดเอง ผมไปก่อนครับทุกท่าน ขอให้เต้นรำอย่างมีสุข สวัสดี” ทันใดนั้น บ๋อยก็ได้พูดขึ้นว่า “ได้เวลาเต้นรำแล้วครับบบ ขอเรียนเชิญทุกท่านที่ฟลอนะครับ ” ประเสริฐได้ยินเช่นนั้น เขาจึงสวมหน้ากาก และ เดินไปที่กลางฟลอ โดยมองคุณหนูผู้สูงส่งตลอดเวลาที่เดิน ประเสริฐ ไม่สนใจใครทั้งนั้น และเขาต้องการที่จะเต่นรำกับคุณหนูคนเดียวเท่านั้น เมื่อประเสริฐเห็นว่าไม่มีใครกล้าชวนคุณหนูเต้นรำ เขาจึงคิดในใจ “คุณหนูคงสูงส่งเกินกว่าคนพวกนี้จะชวนเจ้าหล่อนเต้นรำ โถ่! ก็คนเหมือนกันหนิ ลองสักตั้งคงไม่เสียหาย เอาวะ !! ” ประเสริฐจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาคุณหนู ขณะที่เดินไป ก็มีผู้คนในงานมากมาย ต่างพูดดูถูกและนินทา สารพัดสารเพ และมองด้วยสายตาเหยียดหยาม “ไอ้หมอนั่นคิดจะทำอะไรน่ะ คิดจะชวนคุณหนูเต้นรำเร๊อะ ! เห๊อะ ! เป็นไปไม่ได้หรอก” ผู้คนในงานคนหนึ่งได้กล่าวเช่นนี้ ประเสริฐ ไม่สนใจอะไร และเดินไปหยุดที่ตรงหน้าคุณหนูทั้งๆที่สวมหน้ากากอยู่ และพูดว่า “ เอ่อ...ขอโทษนะครับ ได้โปรดให้เกียรติเต้นรำกับผมได้ไหมครับ พอดีผมไม่มีคู้เต้นเลย ได้โปรดรับความหวังดีเถอะนะครับ ” คุณหนู กลับตอบกลับมาแบบที่ประเสริฐไม่ทันตั้งตัว ว่า “เอาสิ ! เราก็ไม่มีคู่เต้นเหมือนกันไม่รู้เพราะอะไร แต่ก็..เอาเถอะ มาเต้นรำกัน ^^ ประเสริฐลืมไปว่า ตัวเองเต้นรำไม่เป็น จึงทำอะไรไม่ถูกเพราะคุณหนู ตอบกลับมาทำให้ประเสริฐ เป็นปลื้มมาก และ ผู้คนในงานต่าง งงงวย และ สงสัยยิ่งนักว่า ชายหนุ่มคนที่ขอคุณหนูเต้นรำนั้นเป็นใครมากจากไหน ผู้คนต่างสงสัยกันยกใหญ่ และแล้ว ก็ถึงเวลาลงฟลอเต้นของประเสริฐ เขาประหม่ามาก ถึงกับตัวสั่น เพราะไม่เคยเต้นรำมาก่อนและพอถึงคราวเต้นจริงๆ มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นปลื้มยิ่งนักนั้นก็คือ การได้จับมือ ของคุณหนู “มือคุณหนูช่างนุ่มเหลือเกิน ทำไมกันนะ? ทำไมเราถึงรู้สึกใจเต้นเร็วขนาดนี้กันนะ ? แค่ได้จับมือเพียงเท่านั้น “ ประเสริฐนึกไม่ออกว่าต้องทำยังไงต่อจึงทำตัวเก้งๆกังๆ จึงทำให้คุณหนูต้องถามออกมา “ นายไม่เคยเต้นมาก่อนใช่มั้ย ? แรกๆเราก็เป็นแบบนี้แหละ ฮ่าๆ ถ้าเต้นไม่เป็น เดี๋ยวเราสอนให้ ^^ “ คุณหนูพูดกับประเสริฐด้วยความนอบน้อม ทำให้ประเสริฐ เอ่ยปากออกมาว่า “เอ่อ..ครับ ยังไงก็รบกวน สอนผมด้วยนะครับ คุณหนู” คุณหนูพูดขึ้นมาว่า “นี่นายไม่ต้องเรียกเราว่าคุณหนูหรอก เรียกเราสั้นๆว่า ฟ้า ก็ได้ “ ประเสริฐ ยิ้มแก้มผลิ และตอบกลับไปว่า “ครับ คุณ ฟ้า ” ประเสริฐ ทำอะไรไม่ถูกจึงทำให้ เขาเต้นรำจนก้าวไปสะดุดกับขาของฟ้า ทั้งสองทำท่าทางจะล้ม มือของฟ้าเอื้อมไปจับหัวของประเสริฐโดยบังเอิญจึงทำให้มือของฟ้ารูดเอาหน้ากากของประเสริฐหลุดออกมา และแล้วฟ้าก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของประเสริฐ ฟ้ามองประเสริฐด้วยสายตาอันอ่อนหวาน และมองในท่าที่ฟ้าเกือบล้มลงกับพื้น แต่ดีที่ประเสริฐ เอามือน้อมเอื้อมลงไปโอบหลังของฟ้าและทั้งคู่ก็อยู่ในท่าฟินนาเร่โดยบังเอิญ ทั้งสองมองหน้ากัน และจ้องตากัน ด้วยแววตาที่หวานหยดย้อยปานจะกลืนกิน และเขาทั้งคู่ก็ ลุกขึ้นมายืนท่าเดิม ทันใดนั้น ผู้คนทั้งงานต่าง อึ้ง ในความบังเอิญดังกล่าว ของทั้งคู่ คนทั้งงานเห็นใบหน้าที่แท้จริงของประเสริฐ จึงทำให้คนทั้งงานอึ้งซ้ำสอง โดยไม่คิดว่าประเสริฐ จะหล่อเหลาปานเทพบุตรดังออกมาจากนิยาย แบบนั้น และค่อยๆ ปรบมือให้กับท่าฟินนาเร่ของทั้งคู่ โดยที่ฟ้า ยืนอึ้งเมื่อได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของประเสริฐและทำให้ฟ้า ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ประเสริฐ ทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจวิ่งหนีผู้คนออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น และเขาได้ทำผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บกับเสื้อสูทที่เขาสวม ตกไว้ ซึ่งผ้านั้นคือ ผ้าประจำชุดของคนงานในคฤหาสน์นั้นที่ต้องสวมใส่ และในผ้าได้ปักชื่อ คนงานในคฤหาสน์นั้นด้วย และผ้าผืนนั้นได้ปักชื่อว่า “นิโครัช” ทันใดนั้น ฟ้า ได้หายจากอาการยืนอึ้งและ หันกลับมามองไปที่ประตูด้านหน้าคฤหาสน์ซึ่งประตูได้เปิดออก และเห็นผ้าเช็ดหน้าที่หลุดออกจากสูทของประเสริฐตกอยู่ ฟ้าเดินไปหยิบผ้าผืนนั้นและอ่านชื่อที่ปักบนผ้าเช็ดหน้านั้น และหลังจากนั้น ก็เป็นเวลาเที่ยงคืน พอดี ซึ่งปาร์ตี้เต้นรำหน้ากากแฟนซีจะต้อง เลิกรากันไป แขกทุกคนในงานต่างทยอยกลับบ้าน และ ฟ้า ก็ได้ขึ้นไปอาบน้ำและ หยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาดู และอ่านชื่อที่ปักนั้น อยู่หลายครั้ง และผ้าผืนนั้นทำให้ ฟ้า นอนกอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น หัวหน้าพ่อบ้าน ชื่อ “เซบัสเตียน” ออกมาเรียกประชุมพ่อบ้านในบ้านทั้งหมด เรื่อง สูทที่หายไป ทันใดนั้น ฟ้า ได้ผ่านมาได้ยินพอ ได้ยินเซบัสเตียนพูดว่า “เมื่อค่ำวานนี้มีคนที่ไม่ใช่คนงานในคฤหาสน์แปลกปลอมเข้ามาในงานของท่านประธาน นิโครัช ใครเป็นคนขโมยสูทนายไปนายจำได้ไหม?” ฟ้าตกใจมาก เทื่อชื่อที่ปักในผ้าเช็ดหน้า ไม่ตรงกับคนที่ฟ้าเป็นปลื้ม จึงทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ฟ้าจึงฟังไปเรื่อยๆ จนได้ใจความสำคัญและเกิดข้อสงสัยว่า “ชายผมยาว ขาว หน้าตาหล่อเหลา คนนั้น ไม่ใช่ นิโครัช หรอกเหรอเนี่ย ?” ฟ้าอุทานเบาๆ และทำให้เกิดข้อสงสัยมากมายตามมา ทันใดนั้น เสียงแตรก็ดังมาจากหน้าคฤหาสน์ ฟ้าเดินออกไปดู ปรากฏว่า เป็นรถของคุณพ่อและคุณแม่ของเธอ และทั้งสามคนก็กอดกันตามประสาพ่อแม่ลูกและเดินมานั่งโซฟารับรองในโถงรับแขก ทันใดนั้น ท่านประธาน ได้สั่งให้ พ่อบ้านประจำตัวของท่าน เอาขยะถุงใหญ่ที่กองตรงน้ำพุ ที่เป็นขยะเหลือจากงานเลี้ยงเมื่อคืน ไปทิ้งที่หน้าคฤหาสน์ ขณะที่พ่อบ้านคนนั้นเดินเอาขยะไปทิ้ง เขาก็เอะใจ กับคนที่นั่งในกระท่อมคนนั้น ที่ทำการแปลงฟันยามเช้าอยู่ที่ริมคลองตามปกติ พ่อบ้านคนนั้น จึง อุทานเสียงดังขึ้นมาว่า “ หา ! ท่าน ราฟาเอล ! “ พ่อบ้านจึงรีบทิ้งขยะแล้ว บึ่งมาที่กระท่อมทันที จึงทำให้ประเสริฐตกใจมาก ประเสริฐ วิ่งเข้ากระท่อม ด้วยความตกใจ พ่อบ้านวิ่งไปรวบตัวพร้อมกับบอกประเสริฐว่า “ฟังฉันพูดก่อน ! “ ประเสริฐ จึงหยุดดิ้นและถามด้วยความสงสัยว่า “ที่ว่าให้หยุดฟังเนี่ย ฟังเรื่องอะไรหรือ ?” พ่อบ้านจึงลากประเสริฐมานั่งตรงม้านั่งไม่ไผ่ในกระท่อม พร้อมกับเล่าความหลังอันขมของตนให้ ประเสริฐฟัง และพ่อบ้านได้ย้อมอดีตอันน่าสะพรึงและน่าสลดเกี่ยวกับคนชื่อ”ราฟาเอล”ให้ประเสริฐฟัง ทันใดนั้น พ่อบ้านเหลือบไปเห็นสร้อยประจำตระกูลที่ประเสริฐได้ห้อยอยู่เป็นเวลากว่า 20 ปี พ่อบ้านจึงถามประเสริฐว่า “ได้สร้อยนั่นมาจากไหน?” ประเสริฐตอบกลับไปว่า “อ๋อ มันติดตัวเรามาตั้งแต่เราจำความได้แล้วล่ะ” พ่อบ้านจึงเล่าความเป็นมาของสร้อยนั้นให้ประเสริฐฟัง......ย้อนอดีตไปเมื่อ 13 ปี ที่แล้ว มีคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุกเป็นอันดับ 1 ของโลก มีอำนาจ เงินทอง และบรรดาศักดิ์สูงส่ง เจ้าของคฤหาสน์เป็นลูกครึ่งไทย-สเปน มีนามว่า “ราฟาเอล อภิสรรค์ดิลกสกุล” เขามีภรรยา ชื่อ “คุณหญิง อภัสรา อภิสรรค์ดิลกสกุล ” มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ซึ่งเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนซึ่งเป็นผู้สือทอดตระกูลที่ยิ่งใหญ่นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น เขาทั้ง 2 ตั้งชื่อ ลูกชายว่า “ นฤเบศตร์ อภิสรรค์ดิลกสกุล ” และได้มอบสร้อยประจำตระกูลให้นฤเบศตร์ไว้ตั้งแต่เกิด ซึ่งทุกคนในคฤหาสน์ต้องมีตราพระอาทิตย์9 แฉก ทุกคน ซึ่งผู้ที่มีสร้อยจะเป็นผู้ที่มีนามสกุลนี้เท่านั้น ส่วนคนงานในบ้านจะมีเป็นเข็มกลัดแทน ซึ่งในคฤหาสน์ มีพ่อบ้านอยู่แค่ 2 คน คือ “เซบัสเตียน” และ “รูสเวล” ซึ่งปัจจุบัน 2 คนนี้ ทำงานที่คฤหาสน์ อภิบูลย์ธนกิจไพศาล อยู่มาวันนึง ไม่คิดไม่ฝันว่า เซบัสเตียน จะเอาลูกน้องมาปล้นคฤหาสน์ อภิสรรค์ดลกสกุล เพื่อต้องการทรัพย์สินอันมีค่าของตระกูล ราฟาเอล ถูก ยิงที่ศีรษะ ส่วน อภัสรา เสียชีวิตเพราะปกป้องลูกชาย นฤเบศตร์ และ รูสเวล ได้ถูกทำร้ายจนหมดสติ แต่โชคดี ที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต โชคร้าย คฤหาสน์ถูกเผาเป็นจุน แต่ทรัพย์สินทั้งหมดกลับไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่สร้อยกลับเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเซฟประจำตระกูลที่ธนาคารประเทศสเปนซึ่งตอนนี้ศร้อยได้อยู่ที่คุณชายน้อยเพียงผู้เดียว  คุณชายน้อย นฤเบศตร์ ถูก ด้ามปืน ของ เซบัสเตียน ตบเข้าที่ขมับขวา อย่างแรง แต่นฤเบศตร์ดวงแข็งมาก จึงปาดน้ำตา ออกจากอ้อมกอดแม่ที่สิ้นลมหายใจ วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต จนมาหยุดหมดสติที่ ถนนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ คุณชายน้อยฟื้นและได้หนีออกจากโรงพยาบาล โดยพ่อบ้านรูสเวลได้ตามหาทั่วบริเวรเพราะพ่อบ้านก็ได้รับการรักษาที่นี้เช่นกัน ตามหามานานสองนานกลับไม่พบคุณชายน้อยเลย และคุณชายน้อยก็หายไปตั้งแต่ตอนนั้น และย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน “จนตอนนี้ ผมก็ยังตามหาคุณชายน้อยไม่เจอ” รูสเวลพูดด้วยน้ำตา และทันใดนั้น ประเสริฐ จึงอุทานออกมาว่า “อืม...นี่ลุงจะว่าไปผมก็มีรอยแผลเป็นที่ขมับขวาด้วยแหละ นี่ไง ! ”  พ่อบ้านรูสเวล ตกใจมาก เมื่อพบหลักฐาน 2 อย่าง ที่จะยืนยันได้ว่า เป็นคุณชายน้อย รูสเวลจึงอ้อนวอนขอให้ ประเสริฐ เล่าเรื่องที่เจอมาตั้งแต่จำความได้ให้ตนฟัง ประเสริฐ จึงเล่าว่า “ตั้งแต่ที่ผมจำความได้อ่ะนะ ผมฟื้นมาที่โรงพยาบาล แล้วผมก็หนีอกมาเพราะกลัวหมอฉีดยา และก็ร่อนเร่มาที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมแอบไปแฝงตัวเรียนกับนักเรียกไฮโซได้แค่ถึง ม.6 ภารโรงผู้มีพระคุณของ ผมภารโรงคนนั้น ทั้งส่งเสียและเลี้ยงผมจนจบ ม.6 แต่แล้ววันหนึ่ง ภารโรงคนนั้น ก็ หายตัวไป จากบ้านพักในโรงเรียนจึงทำให้ผม ต้อง อด เรียนและต้องหาเงินเลี้ยงตัวเอง ด้วยวุฒิ ม.6 ของผม จึงทำให้หางานยาก ผมจึงกลายมาเป็นขอทาน “ รูสเวลตกใจ เทื่อเรื่องที่ประเสริฐเล่ามันสอดคล้องกับเรื่องของตน จึง ทำให้ รูสเวล ต้อง นั่งคุกเข่าและเรียกประเสริฐ ว่า “คุณชาย นฤเบศตร์” และรูสเวลได้เชิญคุณชายน้อย ไปที่คฤหาสน์ของตระกูลที่ตนทำงานอยู่ นฤเบศตร์ยังคงอยู่ในคราบขอทาน ซึ่ง รูสเวลได้วอนขอให้คุณชายน้อยไปอาบน้ำเพราะตัวคุณชายเหม็นมากคุณชายจึงเดินไปแบบเนิบๆ ทันใดนั้นรูสเวลได้เหลือบไปเห็นเซบัสเตียนเดินออกมาจากครัว รูสเวล ตกใจ มาก เมื่อตนพึ่งรู้ว่า เซบัสเตียน พึ่งเข้ามาเป็นหัวหน้าพ่อบ้านวันแรกคือวันงานเต้นรำหน้ากากแฟนซีนั่นเอง เมื่อทั้งสองเจอะหน้ากัน ทั้งสองตกใจและ แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อกัน รูสเวลเตรียมจะชักอาวุธปืนพกในเสื้อคลุมออกมา แต่ เซบัสเตียน กลับหัวเราะเยาะและวิ่งหนีไปทางหลังครัว แต่พอรูสเวลวิ่งตามไปกะจะฆ่าให้ตาย รูสเวลก็พบว่าเซบัสเตียน หนีออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังที่เป็นคลองขนาดใหญ่ ซึ่งมีเรือสปีดโบ๊ทของทางคฤหาสน์ เซบัสเตียน เห็นท่าไม่ดี จึง ออกเรือไปทางป่าอีกฝากของคลองนั้น รูสเวลทำหน้าผิดหวัง และเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ทันใดนั้น คุณชายก็อาบน้ำและแต่ตัวตามที่ได้เตรียมชุดไว้แล้ว รูสเวลพาคุณชายน้อยไปที่ห้องรับรองแขกที่สอง ของทางคฤหาสน์เพื่อสนทนากับท่านประธานกับภรรยาอย่างลับๆ และรูสเวลได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ท่านประธานและภรรยาฟัง ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแก้วแตกดังมาจากทางด้านหน้าห้องรับรอง รูสเวล ตะโกน ถาม “นั่นใครน่ะ ?” ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบกลับมาว่า “หนูเองค่ะ ลุงรูสเวล ” นั่นคือคุณหนูฟ้า นั่นเอง ซึ่งฟ้าได้แอบฟังอยู่นานพอสมควร ก่อนที่จะทำแก้วแตก ตอนรู้ว่า ที่จริงแล้ว ชายคนที่ขอฟ้าเต้นรำ แท้ที่จริงคือ ขอทาน ที่เป็นทายาท เศรษฐี แสนล้าน ตระกูล ที่รวยที่สุดในขณะนั้น ฟ้า เดินมานั่งกับคุณพ่อและคุณแม่ พร้อมบอกกับคุณพ่อและคุณแม่ว่า “คนนี้และค่ะคุณพ่อคุณแม่ ที่หนูเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์น่ะ“ ท่านประธานและภรรยาทำหน้านิ่งเพราะทุกคนรู้ความลับกันหมดทุกเรื่องแล้ว รูสเวลได้รายงานท่านประธานว่า “ขณะนี้ เซบัสเตียนได้หลบหนีไปทางด้านหลังคฤหาสน์โดยขโมยเรือยนตร์ของเราไปแล้วครับ ต่อไปนี้ท่านต้องระวังบุคคลนี้ด้วยนะครับ” ท่านประทานกับภรรยา รับรู้เรื่องดังกล่าว และพร้อมที่จะ รับ คุณชายน้อยนฤเบศตร์ ไว้ในความดูแลแล้ว วันต่อมา รูสเวล ได้ ทำการปลุกคุณชายน้อย มาเรียนวิชาต่าง ๆ โดย รูสเวลจะเป็นคนสอนให้ทั้งหมด โดยช่วงเช้า จะเรียนหนังสือ และความรู้ทั่วไปธรรมดา และช่วงบ่าย จะเรียนวิชาป้องกันตัวต่างๆ เช่น การหัดยิงปืนชนิดต่างๆ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวมือเปล่า ทักษะการใช่อาวุธมีดดาบต่างๆ เพื่อเอาไว้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะคุณชายน้อยคือ ทายาทเพียงคงคนเดียวของตระกูล ดังนั้นรูสเวลจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งรูสเวลเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากเรื่อง การต่อสู้ และการใช้อาวุธ ซึ่งต่อมา รูสเวลได้ขอให้คุณหนูฟ้าสอนวิชาความรู้ทั่วไปให้กับคุณชายน้อยแทน ช่วงระยะแรกๆ คุณชายดูซุ่มซ่ามมาก แต่พอผ่านไป 1 เดือน คุณชายก็ชำนาญขึ้นมาก ส่วนเรื่องเรียน กับคุณฟ้า ยังห่วยแตกเหมือนเดิม คุณฟ้าเลยยื่นข้อเสนอมาให้คุณชายน้อยว่า “นี่ ถ้านายท่องหนังสือได้หมดนี้นะ เราจะยอมเดทกับนายทั้งวันเลย แต่ถ้านายทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาร้องขออะไรจากเราอีกเลย ตกลงตามนี้นะ “ คุณชายเห็นดังนั้น จึงรีบตอบไปว่า “ได้ เราจะตั้งใจอ่านหนังสือหมดนี่และจะท่องให้ดู ฮี่ๆๆๆ “ ฟ้า หัวเราะในความทะเล้นของคุณชาย ซึ่งเวลาก็ผ่านไป 1 สัปดาห์ และแล้วก็ถึงวันที่ต้องท่องหนังสือให้คุณฟ้าฟัง ปรากฏว่า คุณชายน้อย ท่องได้ทุกหน้า และทำให้คุณฟ้าต้องทำตามสัญญาได้สำเร็จ ในวันเดียวกันนั้นเอง คุณชายและคุณฟ้าดูมีความสุขกันมากๆ เพราะช่วงเช้า ทั้งคู่ไปเที่ยวสวนสนุกกัน เพราะคุณชายไม่เคยไปเลย ตอนเที่ยง ก็กินข้าวที่ร้านประจำของคุณฟ้า และตอนบ่าย ก็ไปดูหนังซึ่งเป็นครั้งแรกที่คุณชายเคยเข้าโรงหนัง หนังเรื่องแรกที่คุณชายดูกับคุณฟ้า คือ หนังผี ซึ่งแน่นอน มันทำให้ คุณชาย กลัว จนต้องปิดตาและหลบมุมไหล่ของคุณฟ้าทั้งเรื่อง และ คุณชายได้จับมือคุณฟ้าแน่นมากระหว่างที่ดูหนัง พอหนังจบ ทั้งคู่ได้นั่งคุยกัน ที่ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง “วันนี้หนังสนุกเน๊าะ” คุณฟ้าแซวคุณชาย คุชายจึงตอบกลับว่า “น่ากลัวมากกว่า ก็รู้หนิว่าเราไม่เคย ”คุณฟ้าจึงตอบกลับไปว่า “แหม ก็มีเราดูด้วยทั้งคน ฮ่าๆ” คุณชายตอบกลับว่า “เอ่อ..นั้นสินะ ฮี่ๆ ขอบคุณนะที่ยอมมาเดทกับเรา” คุณฟ้าตอบกลับว่า “แหม ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่เคยสนุกอย่างนี้มาก่อนเหมือนกัน รู้อะไรมั้ย ตั้งแต่ที่เราเจอเธอในงานเต้นรำนะ เราก็ ...... ” คุณชายสงสัยจึงถามว่า “หือ? ก็ อะไรอ่ะ ? ” คุณฟ้าทำหน้าเขินอายและบอกว่า “ชั่งมันเถอะ ฮ่าๆ ” คุณชายค้านขึ้นว่า “ฟ้า บางทีเราว่าเราก็รู้สึกเหมือนฟ้านะ ตอนที่เราไปงานเต้นรำแล้วเจอฟ้าครั้งแรกอ่ะ ฟ้ารู้มั้ยว่าฟ้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สวยที่สุดที่เราเคยเห็นมาในชีวิตนะ ” ฟ้าก็ตอบกลับมาว่า “แหม เบส ก็พูดเกินไป เราสวยขนาดนั้นเลยหรอ?”  คุณชายจับมือฟ้าเบาพร้อมกับ ตอบกลับทันทีว่า “ฟ้า เราเป็นขอทานมา ก็นาน เห็นอะไรมาก็เยอะ โปรดเชื่อเราเถอะนะ ถึงเราจะต่ำต้อย แต่เราไม่เคยโกหกใคร ^^ ” ฟ้าหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว แล้ว บิดเอี้ยวตัวไปมา แล้วก็บอกกับคุณชายว่า “เชื่อแล้วๆ >_< ” ฟ้าเขินไปสักพัก แล้วมองไปที่ผมของคุณชายบ่อยครั้ง ฟ้าก็เลยพูดกับคุณชายว่า”เบส เราว่าผมเธอยาวไปแล้วนะ น่าจะตัดผมตัดเผ้าสักหน่อย น่าจะดูดีขึ้นนะ”  คุณชายก็พูดว่า “อ่าวเหรอ? งั้นก็ฝากด้วยนะ พอดีเราไม่เคยเข้าร้านตัดอ่ะ เคยแต่ตัดเอง ฮ่าๆๆ” ทั้งสอง เดินทางไปที่ร้านตัดผมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่หรูหรา และพอคุณชายตัดผมเสร็จ และเดินหันหน้ามาหาฟ้า ฟ้าถึงกับอึ้งเมื่อภาพที่ฟ้าเห็นคือ คุณชายที่มีใบหน้าเรียว หน้าตาหล่อเหลา และมีผมที่สั้น และเป็นทรง ที่เข้ากับใบหน้าของคุณชาย คุณชายเดินไปบอกฟ้าว่า”ฟ้า เรากลับบ้านกันเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว ป่านนี้คนที่บ้านรอเราแย่แล้ว” ฟ้าหลุดจากพวังความหล่อและบอกกับคุณชายว่า “โอเค >_< ระหว่างที่เดิน ทั้งคู่เกิดมองตากันเล็กน้อย และแล้วมือของทั้งคู่ก็ยื่นมาจับกันอย่างอัตโนมัต และทั้งคู่ก็กลับถึงบ้านโดยที่มือก็ยังไม่หลุดออกจากกัน ซึ่ง ขณะที่ทั้งสองคนนั่งรถมาโดยมีรูสเวลเป็นคนขับรถ และพอถึงคฤหาสน์ ทั้ง 3 ก็ สงสัยว่า ทำไมในคฤหาสน์มันเงียบแปลหูแปลกตาจัง ปกติเวลานี้ ที่คฤหาสน์จะเปิดไปไว้ รูสเวลพูดกับคุณชายว่า “คุณชายน้อยครับ เดี๋ยวผมจะลงไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น ฝากคุณหนูฟ้าด้วยนะครับ” คุณชายจึงพูดขึ้นมาว่า “ อ่าว ลุง ไปคนเดียว จะไม่อันตรายแย่หรอครับ ? “ รูสเวลพูดขึ้นมา “ไม่หรอกครับคุณชายน้อย คุณชายน้อยคือทายาทเพียงคนเดียว ของตระกูล อภิสรรค์ดิลกสกุล ถ้าคุณชายน้อยเป็นอะไรไป ผมคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ให้ผมไปเถอะครับ คุณชายน้อย” คุณชาย พูดขึ้นว่า “ถ้าคุณลุงพูดถึงขนาดนั้น ผมก็ห้ามลุงไม่ได้หรอก ผมขอให้ลุงระวังด้วยนะครับ ส่วนคุณฟ้าเด๋วผมดูแลเอง ฮี่ๆๆ ” รูสเวล ค่อยๆ ลงมาจากรถ พร้อมอาวุธ ปืนพก รูสเวลค่อยๆเดินย่องเข้าไปในคฤหาสน์ อย่างช้าๆ และใจเย็น รูสเวลเดินขนาบตัวกับหน้าต่างที่เป็นกระจกที่มีผ้าม่านกั้นอยู่ด้านใน แต่รูสเวลตาดีมาก จึงมองส่องช่องเล็กๆของผ้าม่านและเห็น ท่านประธานและภรรยา โดนมัดมือมัดเท้า นั่ง หลังชนกัน และมี ชายแปลกหน้า ประมาน สิบ คน ยืนล้อมรอบอยู่ โดยมี เซบัสเตียน คอยยืนสั่งการอยู่ข้างใน รูสเวล เห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจ บุกเดี่ยวเข้าไปในคฤหาสน์คนเดียว ด้วยความเป็นห่วงว่า ท่านประธานและภรรยาจะเป็นอะไรไป ดีที่รูสเวลเป็นคนใจเย็น จึงค่อยๆ เดินย่องไปเข้าทางห้องครัวหลังคฤหาสน์ ในขณะที่รูสเวลไดเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว รูสเวลเห็นชายแปลกหน้าซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นลูกน้องของเซบัสเตียน เดินป้วนเปี้ยนในคฤหาสน์เต็มไปหมดรูสเวลใจเย็นมากและ ค่อยๆ บรรจง ลอบ เข้าไปในโถงคฤหาสน์โดย ค่อยๆ ทำให้ลูกน้องของเซบัสเตียน สลบไป ทีละคน ทีละคน จนกระทั่ง เข้ามาในโถงใหญ่ได้ แต่ ในโถงใหญ่ มีลูกน้องของเซบัสเตียน อยู่นับ สิบ คน รูสเวลไม่รู้จะทำยังไงดี จึงตัดสินใจ ตะโกนออกไปว่า “ท่านประธาน หมอบลง !! ” และจังหวะนั้น รูสเวลได้ กราดปืนพก ที่รูสเวลเชี่ยวชาญ ยิงใส่ลูกน้องของ เซบัสเตียน จนเหลือ สาม คน เซบัสเตียน เห็นท่าไม่ดี จึง ใช้เท้าถืบลูกน้องตัวเอง  ทั้ง สองคน แล้วหนีไปทางคลอง หลังคฤหาสน์ ทางเดิม และใช้สปีดโบ๊ทลำเดิมในการหลบหนีไปที่ป่าฝั่งตรงข้ามคลองเช่นเดิม รูสเวลไม่มีแรงจะตามไปเพราะรูสเวลถูกยิงที่ไหล่ซ้าย ทางด้านคุณชาย ได้ยินเสียงปืนเมื่อสักครู่จึงรีบออกจากรถมาดู คุณชายรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ อย่างเร่งรีบ เพื่อ ไปดูสถานการณ์ข้างใน คุณฟ้าเห็นท่าไม่ดี ก็เลยวิ่งตามคุณชายมาด้วยความเป็นห่วง พอคุณชาย วิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ ก็เห็น ท่านประธานและภรรยาโดนมัดอยู่ และ รูสเวลที่โดนยิงบาดเจ็บ กำลังแก้มัดท่านประธานและภรรยาอยู่ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส พอแก้มัดเสร็จ รูสเวลก็หมดสติไป ทันใดนั้น คุณฟ้าก็วิ่งเข้ามา และตกใจกับภาพที่เกิดขึ้น จึงวิ่งเข้ามากอดคุณพ่อและคุณแม่ของเธอด้วยความเป็นห่วง คุณชายรีบวิ่งมาอุ้ม รูสเวล และพาไปส่งโรงพยาบาลทันที ทันใดนั้นที่ถึงโรงพยาบาล รูสเวลได้ถูกนำตัวเข้าห้อง ICU และผ่าตัดเพื่อเอากระสุนออก โชคดีที่รูสเวล ปลอดภัย และหมอได้สั่งให้รูสเวลต้องพักอยู่โรงพยาบาล 1 สัปดาห์เต็ม รูสเวล ยังไม่ฟื้น แล้วด้วย คุณชายที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงคนไข้ของรูสเวล และจับมือรูสเวลไว้แน่น คุณชายนั่งคิดถึงเรื่องที่ รูสเวล เล่าเรื่องสร้อยให้เขาฟัง เขาจึงหยิบสร้อยขึ้นมาดู ทันใดนั้น คุณชายก็มีภาพและเสียงในอดีต ผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด คุณชายเริ่ม ปวดหัว รุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้น และ ล้มลงไปนอนกับพื้น และ จู่ๆ คุณชายก็นึกในหน้าของเซบัสเตียนออก ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ที่ปล้นคฤหาสน์ของเขาและเป็นคนฆ่าพ่อแม่เขาในอดีต นั่นเอง คุณชายประคองตัวเองและลุกขึ้นมานั่งจับมือของรูสเวล พร้อมกับ พูดว่า “ลุงรูสเวล ผมจะเอาคืนให้ลุงเอง มันทำให้คนในครอบครัวผม ต้องเป็นแบบนี้ มันทำให้พ่อแม่ผมต้องตาย ผมจะแก้แค้น ให้ พ่อ แม่ และลุงเอง ลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมนึกออกแล้ว ว่าใครคือเซบัสเตียน” ฟ้าแอบฟังเบสจากหน้าห้อง ฟ้าแอบฟังคุณชายจน คุณชายพูดจบ ทันใดนั้น ฟ้าก็ตะโกนมาว่า “ไม่ได้นะ เบส ” คุณชายตกใจมาก ว่าฟ้ามาตั้งแต่ตอนไหน และได้ยินเรื่องอะไรบ้าง “ฟ้า ฟ้าแอบฟังเราเหรอเนี่ย? ฟ้าต้องเข้าใจเรานะ เรา เป็นห่วงทุกคน เราอยากให้ทุกคนปลอดภัย ” คุณชายพูดกับฟ้า แต่ฟ้าก็อดค้านไม่ได้ “แต่มันอันตรายเกินไปนะ เบส เราเป็นห่วงเธอนะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปขึ้นมาล่ะ ” ฟ้าพูด แต่คุณชายก็พูดด้วยเหตุผลที่ว่า “ถึงเราจะเป็นทายาทคนเดียว แต่เราไม่ยอมทิ้งคนที่มีพระคุณกับเราหรอก ถ้าเกิดว่าไอ้หมอนั่นมันมาที่คฤหาสน์อีกล่ะ พ่อเธอ แม่เธอล่ะ แล้วถ้ามันทำอะไรเธอล่ะ ฟ้า ตอนนี้เราไม่รู้นะว่ามันจะมาอีกเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เราคือตัวแทนของลุงรูสเวลนะ ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ ขอตัวก่อนนะ ฟ้า ” ฟ้าอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว และ เดินเข้ามาสวมกอดคุณชายด้วยความห่วงและไม่อยากให้คุณชายจากไปไหน พร้อมกับพูดว่า “สัญญากับเรานะ ว่าเธอต้องไม่ตาย เราจะรอ รอเธอกลับมานะ” คุณชายพูดด้วยความมั่นใจว่า “ฟ้า เราสัญญาว่าเราจะรอดกลับมา ” พอพูดจบ คุณชาย ได้ มองตา กับฟ้า และพูดต่อว่า “เรา ขอบคุณฟ้ามากนะ ที่ เป็นห่วงเรา ไว้ถ้าเรารอดกลับมา เราไปเดทกันอีกนะ ^^ ” ฟ้าพยักหน้าทั้งน้ำตาและตอบด้วยความจริงใจว่า “ สัญญานะว่าจะรอดกลับมา ” คุณชาย ได้มอบความเชื่อใจให้กับฟ้าและเดินจากไป และฟ้า ก็ยืนร้องไห้ และได้แต่หวังว่า คุณชายจะกลับมาอย่าปลอดภัย เช้าวันรุ่งขึ้น คุณชายได้เค้นความจริงจากลูกน้องของเซบัสเตียนที่บาดเจ็บจากการโดนยิงทั้งสองคนถึงเรื่องราวและที่ซ่อนของเซบัสเตียน คุณชายเค้นความจริงอยู่นานสองนาน จนในที่สุด ทั้งสองคนก็ได้รับสารภาพออกมา ว่าในป่าฝั่งตรงข้ามคลอง มีอะไรซ่อนอยู่ ในวันนั้นเอง คุณชายได้เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของรูสเวลและเดินสำรวจจนทั่ว ก็ไม่มีอะไรแปลก แต่ทันใดนั้น คุณชายก็ค้นพบอะไรบางอย่าง มันคือ พื้นพรม ที่นูนขึ้นผิดปกติ คุณชายสงสัย จึงเปิดพรมออกมา ปรากฏว่าคุณชายก็เห็น พื้น ใต้พรมที่มีที่ดึงเหมือนประตู คุณชายลองดึงออกมาและเปิดมันขึ้นมา คุณชายก็พบกับ บันได สู่ห้องใต้ดิน คุณชายไม่รอช้า คุณชายก็ลงไป ข้างในห้องใต้ดิน เป็นเหมือนห้องปฏบัติการลับอะไรสักอย่าง และผนังทั้งสองข้างของห้องเต็มไปด้วยอาวุธสงครามหลายรูปร่างหลายรูปแบบ และบนโต๊ะทำงานของรูสเวล คุณชายก็เห็น แผนที่ ระแวกคลองและคฤหาสน์ซึ่งในแผนที่นั้น คลองที่คุณชายอาศัยตั้งแต่ที่เป็นขอทานคลองนี้จะทอดยาวไปทางหลังคฤหาสน์และสุดคลองจะเป็นบึงขนาดใหญ่ และฝั่งตรงข้ามจะเป็นป่าทึบอันลึกลับ ซึ่งมี รูปกากบาทบนพื้นที่ป่า ในแผนที่นั้นคุณชายเข้าใจในสิ่งที่รูสเวลได้เขียนบอกไว้ในแผนที่เพราะรูสเวลเคยสอนให้คุณชายอ่านพิกัดภูมิประเทศในตอนที่คุณชายพึ่งเข้ามาอยู่ใหม่ๆ คุณชายไม่รอช้า จึงรีบจัดเตรียมอาวุธที่คุณชายเชี่ยวชาญและถนัดมือมาเท่านั้น นั่นคือ ปืนพกคู่ มีดสั้นคู่ ระเบิดน้อยหน่า และกระบอกสองท่อน คุณชาย ขนของที่จำเป็นใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ และสวมชุดเกราะกันกระสุนไว้ด้านในของเสื้อที่ใส่ คุณชาย ออกเดินทางไปที่ป่าฝั่งตรงข้ามในตอนกลางคืน เวลาประมาน 2 ทุ่ม โดยใช้เรือพายแทน เพราะถ้าใช้เรือสปีดโบ๊ท พวกมันจะรู้ตัว และอีกอย่าง คือ เรือสปีดโบ๊ทโดนเซบัสเตียนขโมยไปแล้ว คุณชายใช้เวลา เกือบ 1 ชั่วโมง ในการ พายไปป่าฝั่งตรงข้าม  พอถึงฝั่ง คุณชายก็ใช่เชือกผูกเรือของตนเอาไว้ที่ริมตลิ่ง พอคุณชายเริ่มสำรวจพื้นที่ไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น คุณชายก็พบกับ แสงไฟแปลกประหลาดที่สาดส่องออกมาจากในป่าลึก คุณชายรีบตามไปดูต้นเหตุของแสงนั้น ปรากฏว่าคนชายได้ไปหยุดซุ่มดูที่ก้อนหินใหญ่ คุณชายพบกับ บ้านพัก และหลังบ้านพัก ก็เป็น คฤหาสน์กลางป่า ซึ่งใหญ่มาก สภาพเก่าแก่ทรุดโทรมตามกาลเวลา คฤหาสน์ ออกแบบตามสถาปัตยกรรมของสเปน และ ข้างบนจั่วของคฤหาสน์เป็นรูปสัญลักษณ์ ดวงอาทิตย์ คุณชายเห็นดังนั้นจึงเอะใจ และพร้อมกับหยิบสร้อยของตนขึ้นมาดู ปรากฏว่า รูปพระอาทิตย์ที่อยู่บนจั่วของคฤหาสน์กับสร้อยของคุณชายเป็นลายเดียวกัน คุณชายจึง คิดแค้นเป็นการใหญ่ในใจ และอุทานขึ้น “หนอยแหนะ นี่คงจะเป็นบ้านของพ่อและแม่ของเราสินะ เซบัสเตียน แกจะต้องตายในบ้านของฉัน ” ด้วยความที่รูสเวลเคยสอนคุณชาย คุณชายจึงได้ความใจเย็นมาจากรูสเวล ทันใดนั้น คุณชายก็วางกระเป๋าไว้กับก้อนหินใหญ่นั้นในขณะที่วาง ก็มีชายแปลกหน้า ซึ่งเป็นลูกน้องของเซบัสเตียน กำลังเดินมาที่ต้นไม้ใหญ่ด้านข้างของหินก้อนที่คุณชายหลบอยู่ ชายแปลกหน้าคนนั้นไม่เห็นคุณชายเพราะมันมืดมาก แต่คุณชายมองเห็นพวกมันเพราะคุณชายมีแว่นอินฟาเรตที่จิ๊กมาจากห้องคุณรูสเวล ชายแปลกหน้าคนนั้น เดินมาที่ต้นไม้เพื่อ “ฉี่” พอชายคนนั้นฉี่เสร็จ คุณชายทำการกระโดดมาล็อกคอเจ้านั้นโดยไม่ทันได้ร้องสักแอะ เจ้านั้นก็สลบไป และคุณชายได้ทำการปลอมตัวเข้าไปในบ้านพักหน้าคฤหาสน์โดยการเปลี่ยนเสื้อผ้า โชคดีที่เจ้าคนแปลกหน้าคนนี้ ใส่หน้ากากไอ้โม่งมาด้วย จึงง่ายต่อการปลอมตัวยิ่งนัก คุณชายซ่อนอาวุธที่คุณชายถนัดไว้ในเสื้อผ้าที่คล้ายทหารและเดินหยิบอาวุธที่เป็นอาวุธสงครามและเดินไปแบบไม่มีพิรุธอะไร คนในบ้านพัก มีน้อยมาก มีแค่ไม่ถึง 5 คน ซึ่งง่ายต่อการจัดการ คุณชาย เดินไปปิดไฟที่คัทเอ้าท์หลังบ้านพักนั้น และด้วยความที่คุณชายมีแว่นอินฟาเรต คุณชายจึงมองเห็นในที่มืดได้ คุณชาย ได้ จัดการคนในบ้านพักจนหมดทุกคน แต่โชคไม่ดี ที่ คนในคฤหาสน์ด้านใน สงสัย จึง แจ้งทุกหน่วยให้ไปตรวจสอบ ในระหว่างนั้น คุณชายก็ ลอบเข้าไปในคฤหาสน์หลังนั้นได้สำเร็จ ทันใดนั้น พอลูกน้องของเซบัสเตียน เดินไปเจอคัทเอ้าท์ที่ปิดอยู่ เขาจึงเปิดคัทเอ้าท์ขึ้น ปรากฏว่า สิ่งที่เห็นคือ ทุกคนในบ้าน ต่างก็สลบ ทุกคน เขาจึงแจ้งไปหาทุกคนว่า “มีผู้บุกรุก” พอรู้ดังนั้น ลูกน้องทุกคนก็ควานหาตัวคุณชาย แต่ก็ไม่เจอ เพราะคุณชาย ได้ปลอมตัวเป็นพวกลูกน้องของเซบัสเตียนอยู่ ทันใดนั้น มีลูกน้องคนหนึ่ง เดินไปที่ก้อนหินใหญ่ที่มีกระเป๋าของคุณชายซ่อนอยู่ และพบคน ลูกน้องคนที่สลบเข้าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้วยสภาพที่นอนสลบโดยใส่แต่กางเกงในตัวเดียว จึงวอไปยังศูนย์บัญชาการ บนคฤหาสน์ ว่า “มีคนปลอมตัวเข้าไปในคฤหาสน์ “ ทันใดนั้น เซบัสเตียน สั่งให้ลูกน้องทุกคน ถอดหน้ากาไอ้โม่ง ออก เพื่อหาคนแปลกหน้า คุณชายเป็นคนเดียวที่ไม่ถอดหน้ากาก และกำลังเดินอยู่บนคฤหาสน์ด้วยความสงสัยว่า “คฤหาสน์ข้างนอกเก่า แต่ทำไมข้างดูใหม่จัง ” และบังเอิญ ลูกน้องของเซบัสเตียนเดินมาเจอพอดี “เฮ้นายคนนั้นน่ะ ทำไมไม่ยอมถอดไอ้โม่ง?” คุณชายได้ยินแบบนั้นเลยตั้งตัวไม่ถูก “เฮ้ แก ถ้าแกไม่ยอมถอดหน้ากากไอ้โม่งออก ฉันจะถือว่าแกคือผู้บุกรุกนะ ” คุณชายไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยถอดหน้ากากออก ปรากฏว่า ลูกน้องของเซบัสเตียนตกใจมาก เมื่อ เคยเห็นหน้าแบบนี้ เมื่อหลายปีก่อน และลูกน้องของเซบัสเตียนคนนั้นคือ ภารโรงผู้มีพระคุณของ คุณชายสมัยที่คุณชายยังเร่ร่อน ทั้งคู่ต่างตกใจ และ คุณชายก็เดินไปกอดด้วยน้ำตา และทำการ กราบเท้า ด้วยในฐานะที่ชายคนนั้นคือผู้มีพระคุณของคุณชาย ภารโรงคนนั้นตอนนี้มาเป็นลูกน้องของเซบัสเตียน ทำให้คุณชาย สงสัย ลุงภารโรงคนนั้น ได้พาคนชายไปที่ห้องทำงานลับอย่างเร่งรับ และพูดคุยกัน ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันมาแสนนาน คุณชายได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ลุงภารโรงฟัง คุณชายเรียกลุงเป็นชื่อจีนเพราะลุงภารโรงเป็นคนจีน คุณชายเรียกลุงภารโรงว่า “อาเจ็กฮัว” และเมื่อเจ๊กฮัวรู้เรื่องของคุณชาย อาเจ็กฮัวก็พยายามช่วยคุณชายทุกอย่างในการปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มด้วย อาเจ๊กฮัวจะ เดินดูลาดเลา และเอาหูฟังติดต่อให้ คุณชาย ได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของลูกน้องทุกคนในคฤหาสน์ ระหว่างที่ คุณชาย เดินย่องอยู่ในคฤหาสน์   ด้วยความที่คุณชายไม่ได้ใส่หน้ากาก และบังเอิญ เซบัสเตียน เดินออกมาเจอพอดี เซบัสเตียนจึงวอบอกลูกน้องทุกคนว่า “เจอผู้บุกรุกแล้ว ฆ่ามันทิ้งซะ” คุณชาย เห็นท่าไม่ดี เพราะเซบัสเตียนเดินออกมากับลูกน้องหลายคน คุณชายจึงวิ่งหนี และด้วยการฝึกที่ชำนาญคุญชายจึงวิ่งผ่านสิ่งกีดขวางได้อย่างเหลือเชื่อด้วยท่าตีลังกาต่างๆและท่าผาดโผนเกินที่มนุษย์จะหยั่งถึง คุณชายได้ถูกลูกน้องของเซบัสเตียน ไล่ยิงจน คุณชายทนไม่ไหว จนแอบคิดในใจ “ถ้าเราไม่ฆ่ามัน มันก็ฆ่าเรา เราจะมัวยึดหลักการของลุงรูสเวลตอนนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องเชื่อในตัวเอง เอาวะ ” คุณชายหันปลายปืนไปที่ลูกน้องของเซบัสเตียน พร้อมกับกราดอาวุธสงครามที่ได้ฟรีจากการปลอมตัว ระดมยิงไปที่ลูกน้องของ เซบัสเตียน และคุณชาย ก็ ถูกไล่ล่า จนทำให้ ต้องฆ่าลูกน้องของเซบัสเตียน ทีละคน ทีละคน ทันใดนั้น ปืนของฟรีที่ได้มานั้น กระสุนดันหมด คุณชายจึง ทื้งมันไป พร้อมกับชักอาวุธสุดโปรดของคุณชายขึ้นมา คือ ปืนคู่ นั่นเอง คุณชายใช่อย่างเชี่ยวชาญและเกรี้ยวกราด และ พอฆ่าไปจนหมดคฤหาสน์ และแล้วคุณชายก็มาถึงห้องสุดท้ายที่คุณชายยังไม่ได้เข้าไป นั้นคือ ของทำงาน ที่มีขนาดใหญ่พอๆกับห้องทำงานของประธานาธิปบดีสหรัฐฯเลย คุณชาย เดินเข้าไป และแล้วคุณชายก็เจอกับ เซบัสเตียน ซึ่งเซบัสเตียน ได้จับ อาเจ๊กฮัวไว้เป็นตัวประกัน และมีลูกน้อง โผล่ออกมาอีก 2 คน ปืนคุณชาย กระสุนหมด จึงใช้มันคู่ ปาไปปักกลางหน้าผากของลูกน้องทั้ง2คนที่โผล่มา ตอนนี้คุณชายไม่มีอาวุธอะไรเหลือเลยนอกจาก กระบองสองท่อน และระเบิดน้อยหน่า คุณชาย คิดไม่ออกว่าต้องทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ คุณชายจึงส่งซิ๊ก ให้อาเจ็กฮัวรู้ และทันใดนั้นอาเจ็กฮัว ก็กัดแขน ของ เซบัสเตียน และ หยุดออกจากการเป็นตัวประกัน แล้ววิ่งเอาตัวมากันกระสุนให้คุณชาย เซบัสเตียน หันปลายปืนมาทางอาเจ็กฮัว และยิงมาที่หลังของอาเจ๊กฮัว 3 นัด และอาเจ๊กฮัวก็ล้มลง และเซบัสเตียนได้สั่งให้คุณชายนั่งคุกเข่าพร้อมกับเอามือวางไว้บนศีรษะโดยมีอาเจ๊กฮัวนอนอยู่ข้างๆและหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานของเซบัสเตียน และเซบัสเตียนก็ค่อยๆเดินมาข้างหลังของคุณชาย และเอาปืนมาจ่อที่หลังหัวของคุณชาย มือของคุณชายอยู่ใต้ปืนพอดี คุณชายใช้ทักษะที่เรียนมาจากรูสเวล ศิลปะการป้องกันตัวจากการโดนปืนจ่อหัว คุณชายได้หงายมือที่ผสานกันบนหัวค่อยมาช้อนปลายปืนของเซบัสเตียน เซบัสเตียนเลยพูดว่า “แกคงจะอยากตายมาสินะถึงกับจับปลายปืนแน่นซะขนาดนั้น ฮ่าๆๆ ตายซะเถอะ !! ” ทันใดนั้นคุณชายได้ก้มหัวสุดฤทธิ์และพร้อมกับจับปลายปืนชูขึ้นฟ้า คุณชายจับปลายปืนอย่างแน่นโดยค้างอยู่ที่ท่าเอามือจับปลายปืนชูขึ้นฟ้าและหันหลังให้เซบัสเตียนทันใดนั้นคุณชายก็กระโดดถอยหลังและเอาศอกกระแทกดั้งของเซบัสเตียนอย่างแรงจนเซบัสเตียนอ่อนแรงและจากนั้นคุณชายได้หักแขนข้างที่เซบัสเตียนถือปืนในขณะที่เซบัสเตียนเจ็บดั้งอยู่ จนทำให้เซบัสเตียนกำปืนไว้ไม่ไหวจนทำปืนตก และคุณชายได้ชักอาวุธสุดท้ายออกมานั่นก็คือกระบองสองท่อน และบรรจงฟาดใส่เซบัสเตียนจนเซบีสเตียนนอนลงกับพื้น คุณชายหยิบปืนที่ตกขึ้นมา และ เอาด้ามปืน ตบเข้าที่ขมับขวาของเซบัสเตียน อย่างแรงจนทำให้เซบัสเตียน หัวแตกเลือดออก แต่ก็ยังไม่สลบ จากนั้น เซบัสเตียนคิดว่าอาเจ๊กฮัวตาย จริงๆแล้วคุณชายเอาชุดเกราะให้อาเจ็กใส่ตอนที่ทั้งคู่ไปคุยกันที่ห้องทำงานลับ เซบัสเตียนได้แต่เจ็บใจ คุณชายจึงถามว่า “ทำไมถึงต้องฆ่าพอแม่ของฉัน เพราะอะไร ?” เซบัสเตียนจึงบอกมาว่า “ฉันต้องการ บัตรเครดิต ของตระกูลของแก เพราะ นองจาก จะซื้ออะไรก็ได้ในโลกโดยไม่ต้องใช่วงเงิน และ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีอีกด้วย บัตรนี้มีความพิเศษอยู่ คือ ซื้อทุกอย่างได้ในโลก เพียงการโชว์บัตรนี้ครั้งเดียว เราก็จะได้ทุกอย่างมาฟรีๆ นอกจากนั้นมันมีอำนาจมาก มันสั่งได้แม้กระทั้งนายากรัฐมนตรี ฮ่าๆๆ มันทำให้ฉันเป็นเจ้าของโลกนี้เลยทีเดียวเชียวล่ะ ฮ่าๆๆ  ” คุณชาย เดินไปหยิบ บัตรที่มีขนาดเท่าสมุด มีความแข็ง และทนทาน พร้อมกับพูดว่า “ไอ้นี่สินะที่ทำให้แกฟิน ? ” เซบัสเตียนพูดขึ้นว่า “เฮ้ๆ อย่าเตะต้องมันนะ เฮ้ๆ”คุณชายทำการ หักครึ่งบัตรใบนั้น ทำให้เซบัสเตียนเสียใจเป็นยิ่งนัก พร้อมกับพูดว่า “ไม่!!!!! แกทำลายอนาคตของฉัน ฉันจะฆ่าแก “ คุณชายพูดว่า “อ๊อเหรออ ถ้าทำได้ก็เชิญนะครับลุง ฮี่ๆๆๆ ” คุณชายเดินไปเตะเซบัสเตียนซ้ำ พร้อมกับกระทืบไม่เลี้ยง และ ก่อนที่จะพาอาเจ๊กฮัว โดดหน้าต่างลงมา เซบัสเตียนพูดว่า “เฮ้ แกนี่แปลกนะ ประตูมีแต่ไม่ออกทางประตู ไอ้พวกโง่” คุณชายเลยเฉลยทุกอย่าง “จริงแล้วบัตรมันไม่ได้หักหรอก เพราะบัตรนี้ ไม่มีวันหัก ว่ะ” ทันใดนั้นบุตรก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมสมบูรณ์แบบ คุณชายเดินไปหาเซบัสเตียน พร้อมกับ เอาระเบิดน้อยหน่า ไปยัดในเสื้อของเซบัสเตียน แต่ยังไม่ดึงสลักออก และคุณชายก็เดินไปที่หน้าต่าง เซบัสเตียนพูดว่า “ขอบใจแกมากนะทีไม่ดึงสลักให้ฉันเจ้าพวกโง่” คุณชายพูดว่า “แน่ใจเหรอพวก ?” คุณชายได้เอาเส้นด้ายสีขาวซ้อนกันหลายเส้นผูกกับสลัก พร้อมกับชูขึ้น และ ดึง จากนั้นสลักก็หลุดออกทันที พร้อมกับ กระโดดลงจากหน้าต่างพร้อมกับอาเจ๊กฮัว จากนั้น ห้องนั้นก็ระเบิดอย่างรุนแรง พร้อมกับมีเศษเนื้อ และ ซาก มือ ของ เซบัสเตียน กระเด็นลงมา จากห้องนั้น มากมาย  ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาตายอย่างแน่นอน คุณชาย พาอาเจ๊กฮัว มาที่ก้อนหินใหญ่ก้อนนั้น และคุณชายได้หอบกระเป๋าใบใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นกลับไปด้วย แต่พอเดินไปที่เรือ ริมตลิ่ง คุณชายเหลือบไปเห็น สปืดบ๊ท ที่จอดอยู่ไม่ไกล คุณชายไม่รอช้า รีบไปที่สปีดโบ๊ท แล้ว ขับเรือกลับไปพร้อมๆ กับ อาเจ๊กฮัว คุณชายกลับมาถึงท่าเรือหลังคฤหาสน์ ตอน 6 โมงเช้า ของวันต่อมา ระหว่างที่ เดินในสวนหลังบ้านด้วยสภาพสะบัดสบอม คุณชายก็เห็นคุณฟ้า ยืน มองพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ ระเบียงหลังห้องครัว ฟ้ามองเห็น ไกลๆ ว่าเป็น คุณชาย ฟ้าไม่รอช้า ฟ้ารีบวิ่งด้วยใบหน้าที่ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และวิ่งไปสวมกอดคุณชายโดยไม่สนใจว่าคุณชายจะสะบัด  -  สบอมแค่ไหน พอกอดกันเสร็จแล้ว คุณชายก็แนะนำ อาเจ๊กฮัวให้ฟ้ารู้จัก และเล่าเล่าเรื่อง เกี่ยวกับอาเจ็กฮัวให้ฟ้าฟัง ก่อนที่จะไปอาบน้ำ คุณชายได้ให้อาเจ๊กฮัวไปพักที่ห้องของรูสเวล เมื่ออาเจ๊กอาบน้ำเสร็จ ส่วนคุณชาย ก็ ขึ้นไปที่ห้องคุณฟ้า คุณชายเดินมานั่งที่เตียงคุณฟ้า กลิ่นตัวคุณชายหอมฟุ้ง ไปทั่วบริเวณ ด้วยความที่ คุณชายไม่ได้นอน เพราะมัวแต่ บู๊ดุเดือดเลือดพล่าน คุณชายพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียว่า “ฟ้า เรากลับมาแล้วนะ เราทำตามสัญญาแล้วนะ ไปเดทกันนะ ” และคุณชายก็สลบลงบนตักของฟ้า ด้วยความเหนื่อยและง่วงนอนสุดขีด ฟ้าคิดแปลกๆว่า “มีอะไร ในกระเป๋าของเบสกันนะ ? ลองค้นเล่นๆดีกว่า” ฟ้าเดินไป ค้นกระเป๋าของคุณชายที่มุมห้องของฟ้า ฟ้าเจอ ไฟฉาย แว่นอินฟาเรต ระเบิดน้อยหน่า กระบองสองท่อน น้ำหนึ่งขวดที่กินยังไม่หมด ปืนคู่ และบัตรเครดิตประจำตระกูลอภิสรรค์ดิลกสกุล ฟ้าสงสัยว่ามันคืออะไร แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วฟ้าก็เดินมาที่เตียง ที่มีคุณชายนอน ฟ้านั่งลงบนเตียง และเฝ้าดูคุณชายหลับอย่างสบายใจ พอตกเย็น คุณชายก็ตื่นขึ้นมาในสภาพนอนหนุนตักของฟ้าอยู่ คุณชายปลุกฟ้าและบอกกับฟ้าว่า “ฟ้าๆ ตื่นๆ ค่ำแล้วนะ อาบน้ำกินข้าวได้แล้ว ฮี่ๆ  ” ฟ้าลืมตาขึ้นพร้อมกับยิ้มที่เป็นปลื้ม และสวมกอดคุณชาย พร้อมพูดว่า “ขอบคุณนะเบส ที่ทำตามสัญญา ” คุณชายค่อยๆ เอามือโอบกอดฟ้า และพูดว่า “เพราะเรามีฟ้าเป็นแรงบันดาลใจไงล่ะ ฮี่ๆ ” ทั้งคู่กอดกันแน่น อยู่สักพัก และทั้งคู่ก็อาบน้ำและเตรียมตัวมากินข้าว ที่โถงห้องอาหาร โดย มีอาเจ๊กนั่งคุยกับท่านประธานและภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ทั้ง3คนเห็น คุณชายแล้วคุณหนู เดินมาพร้อมกัน ทั้ง3พูดพร้อมกันว่า “อ้าว มากันแล้วเหรอ ? มาๆกินข้าว” ทันใดนั้น รูสเวลก็เดินเข้ามา ในสภาพ ชุดทำงาน แต่ใส่เฝือก อยู่ และพูดว่า “กลับมาแล้วครับ ขอโทษที่ขัดจังหวะทานข้าวนะครับ” คุณชายตะโกนว่า “ลุง!” คุณชายลุกจากเก้าอี้และเข้าไปกอดลุงด้วยความดีใจ จากนั้น คุณชายก็เล่า เรื่อง อาเจ๊กฮัวให้ทุกคนในบ้านฟังอย่างละเอียดขณะกินข้าว ว่า “อาเจ๊กแกเป็นคนเลี้ยงผมและส่งเสียผมเรียนถึงม.6 น่ะครับ แต่ที่แกหายตัวไปก็เพราะ แกไม่มีตังค์ส่งเสียผมต่อ แกเลยออกหางานทำไปเรื่อยเปื่อยและเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายไว้ให้ผมน่ะครับ ”พร้อมกับเล่าเรื่องที่ไปบู๊มา และ เรื่องสุดท้ายคือเรื่องบัตรเครดิตประจำตระกูล จนทำให้ ทุกคนในคฤหาสน์อึ้งไปเลย หลังจากอาหารมื้อนั้น ทุกคนก็มีความสุขกันมาก วันต่อมา ท่านประธาน และภรรยาได้ เก็บข้าวเก็บของ ขนกระเป๋าขึ้นรถ ฟ้าเดินมาเห็นพอดี จึงถามเพื่อความสงสัยว่า “คุณพ่อคุณแม่จะไปไหนคะ ?” ท่านประธานและภรรยาจึงตอบว่า “ไปทะเลน่ะลูก จะไปด้วยกันมั้ย ทุกคนอยู่ในรถแล้วนะ ทั้ง รูสเวล ทั้ง อาฮัว เหลือแต่ลูก กับ ลูกเบส นั่นแหละ ฮ่าๆ ว่าไง? ” ฟ้าจึงบอกท่านประธานว่า “นี่พ่อกับแม่ไม่ถามหนูก่อนเลยนะคะ ฮ่าๆ หนูขอเวลาแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวหนูมา ” ทันใดนั้น ฟ้ารีบวิ่งขึ้นไปห้องนอน ของคุณชาย และปลุกคุณชาย อาบน้ำ และ บอกคุณชายว่า “เบส วันนี้เราจะไปทะเลกัน นะ รีบเก็บเสื้อผ้าเลย ” คุณชายตอบมาว่า “ห๊า! ทะเล ! ไชโย ! ฝันเราเป็นจริงแล้ว เราดีใจสุดๆเลยล่ะ  งั้นขอเวลา 5 นาทีนะ ฟ้า 5 นาที ” ฟ้าหัวเราะด้วยความทะเล้นของคุณชาย จากนั้น ทั้งคู่ก็เดินลงบันใดมา ด้วยกัน และ หิ้วกระเป๋าขึ้นรถ พร้อมกัน และทั้ง 2 คนก็นั่งข้างๆกันในรถตู้สุดหรู ภรรยาท่านประธานอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นี่ลูก2คนนี้ ความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะเนี่ย? แม่เห็นเราติดกันยังกับปลาท่องโก๋ ” ฟ้าและ คุณชาย ทำหน้าเขินทั้งคู่ ท่านประธานโต้กลับมาว่า “แหม คุณ ความรักของคู่หนุ่มสาวน่า ปล่อยๆลูกบ้างเถอะ ฮ่าๆ เอ้า รูสเวล ออกรถได้เลย ” รูสเวล ตอบกลับมาว่า “ได้เลยครับท่าน รับรองทริปนี้มีแต่ความสนุกสนานแน่นอน ” ในเวลา 4 ชั่วโมง รูสเวลขับรถจากคฤหาสน์มาถึงโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง ซึ่งข้างหลังเป็นทะเล แสนสวย ท่านประธานและภรรยา ได้จองห้องให้ ทุกคน แต่กลับให้คุณชายและฟ้า แยกห้องกันอยู่ คุณชายมองหน้าฟ้าด้วยความผิดหวัง เล็กน้อย จากนั้น คุณชายด้วยความที่ไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน จึงเล่นทะเลอย่าสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเล่นน้ำที่ไหนมาก่อน พอตกเย็น ก็มีการจัดปาร์ตี้ขึ้น มีบาร์บีคิว และอาหารทะเลต่างๆ คุณชาย ก็กินอย่างที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน และ คุณชายก็ได้เดินเล่นที่ชายหาดตอนกลางคืน ทันใดนั้น ฟ้าก็ เดินมาหา คุณชายพอดี คุณชายหยุดนั่งที่ชายหาดและดูทะเลตอนกลางคืนและท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวพร่างพราว ฟ้าเดินมานั่งข้างๆคุณชาย พร้อมพูดว่า “เบส วันนี้สนุกมั้ย ? ” คุณชายตอบว่า “สนุกที่สุดในสามโลกเลย ฮี่ๆ “คุณชายตอบและนิ่งไปสักพัก และจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “เอ่อ...คือ ฟ้า เรามีอะไรจะบอกฟ้านานแล้วล่ะ ” ฟ้าทำหน้าสงสัย และถามว่า “มีอะไรเหรอเบส ” คุณชายสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกมาด้วยความจริงใจว่า “ฟ้า ตั้งแต่ที่เราเจอฟ้าครั้งแรก ที่งานเต้นรำ เรามองฟ้า อยู่นาน เราคิดว่าเราจะต้องเต้นรำกับฟ้าให้ได้ จากนั้น เราก็ รู้สึกดีกับฟ้า ตั้งแต่เราได้รู้จักกันน่ะ เอ่อ.....คือ ” ฟ้า ทำหน้า เขิน และบิดตัวไปมา ฟ้าจึงพูดขึ้นมาว่า “มีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะน่า ><” คุณชาย พูด ว่า “ฟ้า ตั้งใจฟังเราดีๆ นะ มองที่ตาของเรา คือเราจะบอกว่า ...” ฟ้ามองตาคุณชายและ พูดว่า “อะไรเล่า >_<” คุณชายตัดสินใจพูดอย่าเด็ดเดี่ยวว่า “ฟ้า เรา คิดว่า เรา ชอบ เธอ ” ฟ้าได้ยินเช่นนั้น ฟ้าถึงกับอึ้งปนเขิน และพูดขึ้นมาว่า “ไอ้บ้า !! พูดไรก็ไม่รู้ ไปนอนก่อนนะ >< คุณชายทำหน้างงและคุณชายก็มองฟ้าเดินเข้าที่พักด้วยท่าทางซุ่มซ่าม หลังจากนั้น คุณชายก็ขึ้นห้องมานอนคิดว่า ฟ้าเป็นอะไรกันแน่ คุณชายคิดจนนอนไม่หลับ จึงเดินออกมาตรงระเบียง ตอน กลางดึก เช้าวันรุ่งขึ้น ได้เวลาที่ต้องกลับคฤหาสน์กันแล้ว พอตอนกลับ ฟ้า และคุณชายกลับไม่ได้นั่งข้างกัน พอถึงคฤหาสน์ ฟ้าก็รีบ วิ่งขึ้นห้องนอนทันที คุณชายก็ได้แต่ งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณชาย เดินหิ้วกระเป๋าลงรถช่วย ลุงรูสเวล และอาเจ๊กฮัว ทันใดนั้นท่านประธานก็บอกว่า “เด๋วพ่อไปดูยัยฟ้าก่อนนะ ” คุณชายเลยตอบว่า “ครับท่าน เขาคงโกรธผมแน่เลย ” ท่านประธานเลยบอกว่า ”ผู้หญิงก็งี้แหละ ฮ่าๆๆ ” คุณชายเดินมานั่งในโถงรับแขก คนเดียว จากนั้น คุณรูสเวลกับอาเจ๊กฮัวก็มานั่ง และคุณรูสเวลถามว่า “คุณชายน้อยไปทำอะไรให้คุณหนูไม่ชอบใจหรือครับ ?” และอาเจ๊กฮัวก็พูดต่อ “นั่นน่ะสิ ไอ้หลานชาย เอ็งไปทำอะไรไม่ถูกใจคุณหนูเขาเร๊อะ?” คุณชาย ก็เลย บอกกับทั้งสองคนด้วยเสียงตัดพ้อว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ ผมแค่ บอกกับฟ้าว่า ผมชอบเค้า ก็แค่นั้น ” อาเจ๊กฮัวตับไหล่และบอกกับคุณชายว่า “เอ็งแน่มากนะไอ้หลานรัก เอ็งเชื่อข้านะ คุณหนูฟ้าน่ะ ไม่ได้โกรธเอ็งหรอก เค้าแค่อายเอ็งแค่นั้นเอง ฮ่าๆๆๆ ” จากนั้นรูสเวลก็พูดว่า “ใช่ครับคุณชายน้อย คงไม่มีอะไรมากหรอกครับคุณชายน้อย สบายใจได้เลย เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ ไปอาฮัว อาบน้ำๆ” จากนั้นคุณชายได้แต่นั่งคิด ส่วนทางด้านคุณฟ้า ได้แต่นั่ง ทำหน้า เคลิ้ม และเขินหน้าแดงอยู่คนเดียว ทันใดนั้นท่านประธานก็เดินเข้ามากับภรรยา และมานั่งโอบกอดลูก และท่าประธานถามว่า “ลูกฟ้า ลูกเป็นอะไรเหรอลูก ตั้งแต่กลับมาจากทะเลลูกดูแปลกไปนะ” ภรรยาท่านประธานก็พูดต่อว่า “ใช่ลูก ลูกดูแปลกไปนะ หรือว่า ลูกเบสทำอะไรลูกหรอ ?” จากนั้นฟ้าจึง บอกท่านประธานและภรรยาว่า “เขาไม่ได้ทำอะไรหนูทั้งนั้นแหละค่ะ เขาแค่บอกหนูว่าเขาชอบหนู แค่นั้นเอง ” ฟ้าพูดด้วยอาการหน้าแดงเหมือนลูกตำลึง ท่านประธานได้ยินดังนั้นจึงถามไปว่า “หน้าแดงเขินขนาดนี้ แล้วทำไมถึงเดินหนี และหลบหน้า ลูกเบสด้วยล่ะ? ” ภรรยาท่านประธานจึงพูดต่อว่า “หรือว่าลูกไม่ได้ชอบเขาล่ะ แต่แม่ว่าไม่หรอกนะ ดูจากหน้าตาและท่าทางแล้ว ลูกลองคิดดูดีๆนะลูก ว่านอกจากพ่อกับแม่แล้ว ลูกอยู่กับใครแล้วมีความสุขที่สุด และเป็นตัวเองที่สุด ” ท่านประธานพูดต่อว่า “ใช่ลูก ลองเก็บคำของแม่ไปคิดดูดีๆนะ ที่ลูกเบสเขาพูด พ่อว่าเขาพูดด้วยความจริงใจนะ ดูจากท่าทางของเขาแล้ว พ่อว่าลูกคือรักครั้งแรกของเขานะ งั้นพ่อกับแม่ไปละนะ รีบอาบน้ำนอนนะลูก”จากนั้นฟ้าก็นอนคิดเรื่องราวที่เคยทำร่วมกันกับคุณชาย พอเช้าวันรุ่งขึ้น คุณชาย ก็เดินลงมา จากบันได ก็เห็นคุณฟ้านั่งที่โต๊ะอาหารแต่เช้าเลย และบนโต๊ะมีโจ๊กอยู่สองชาม ทั้งๆที่ฟ้านั่งอยู่คนเดียว คุณชายก็เดินลงมา และมานั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อกินโจ๊ก แต่คุณชายบอกฟ้าว่า “ฟ้า เอ่อ..คือ โจ๊กนี่ของใครอ่ะ ?” ฟ้าจึงตอบกลับมาด้วยอาการเขินและไม่มองหน้าคุณชาย “ของเบสนั่นแหละ ” คุณชายจึงพูดด้วยความตกใจ “อ้าว จริงเหรอ แต่ ... มันไม่มีช้อนอ่ะ เราจะกินยังไงอ่ะ?ก็ในเมื่อชามของฟ้า มีช้อนอยู่ชามเดียวอ่ะ ” ฟ้าเลยบอกว่า”ก็กินช้อนเดียวกันไง >_< ” คุณชายได้ยินเช่นนั้น ก็ทำหน้า งง ก็เลยถามว่า “กินยังไงอ่ะ ? ” ฟ้าเลยบอกว่ “เราจะป้อนเบส เอง” แล้วทั้งคู่ก็กินโจ๊กแบบชนิดที่เรียกว่าหวานแหววกันแต่เช้าเลยทีเดียว พอกินโจ๊กเสร็จ ฟ้าก็เดินออไปใส่รองเท้าหน้าคฤหาสน์ คุณชายจึงถามเพื่อความสงสัย ว่า “ฟ้าจะไปไหนอ่ะ ?”ฟ้าเลยตอบกลับมาว่า “ไปทำตามสัญญาไง มาสิ เบส” ฟ้ายื่นมือออกมาและพูดต่อว่า “ไปเดทกัน”คุณชายยิ้มด้วยความดีใจสุดขีด และทั้งคู่ก็ไปเดทกัน ทั้งคู่ทำตัวไม่เหมือนคนมีฐานะเลย แต่งตัวธรรมดา ทั้งคู่ ทำทุกอย่างเหมือนคนธรรมดา เดินทางโดยไม่มีรูสเวลไปส่ง เดินทางโดยรถแท็กซี่ ทั้งคู่ทำอะไรร่วมกันอย่างมีความสุข เริ่มจาก ฟ้าพาคุณชายไปเดินที่ห้างสรรพสินค้า ต่อด้วย ดูหนังกันแต่คราวนี้เป็นหนังรัก จากนั้นก็กินข้าว กัน ที่ร้านธรรมดา ไม่หรูหรา พอ ตกเย็น ทั้งคู่ได้ไปเดินเล่นที่สวนสารธารณะแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ได้เดินมานั่งที่เก้าอี้สาธารณะจู่ๆ ฟ้าก็พูดขึ้นมาว่า “เบส วันนี้เรามีความสุขมากนะ ถึงเบสจะไม่ใช่รักครั้งแรกของเรานะ แต่เบสคือรักสุดท้ายของเรานะ ” คุณชายเลยพูดมาว่า “หืม?ฟ้าพูดว่า รัก เหรอ เหย เราก็เขินเป็นนะ ฟ้า ฮี่ๆๆๆ” ฟ้าพูดกับคุณชายว่า “เอ่อ...คือ ใช่แหละ แล้ว จะรับรักเรามั้ยล่ะ” คุณชายเลยตอบมาว่า”รับสิ ก็เราให้ฟ้าไปเยอะแล้วหนิ เราขอคืนมั่งไง ฮี่ๆๆ” ฟ้าพูดแบบเขินๆว่า “บ้า >_<” คุณชายจึงพูดอีกประโยคว่า “ฟ้า ฟังเราชัดๆอีกครั้งนะ ว่าเรา อ่ะ เอ่อ.....คือ ” ฟ้ารอฟังอย่าตั้งใจ คุณชายจึงพูดออกมา”เรารักฟ้า”และคราวนี้ฟ้าไม่พูดอะไรทั้งนั้น ฟ้า ตอบกลับมาว่า“เราก็รักเบส” คุณชายจึงพูดอีกว่า “อย่างงี้เขาเรียกว่าเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย ฟ้า ?” ฟ้าก็ตอบว่า “อื้มมมม >_<” คุณชาย ยิ้ม แบบที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน และก็พูดขึ้นว่า “ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ ” พร้อมกับยื่นมือมารับฟ้า ฟ้าจับมือคุณชายและยืนขึ้น พร้อมกับเรียกคุณชาย”เบส เดี๋ยวก่อน หลับตา มีอะไรจะให้” คุณชายก็หลับตา และฟ้าก็บรรจงจูบคุณชายและนั่นคือจูบแรกและจูบเดียวของคุณชายภายใต้แสงจันทร์ที่ทอแสงลงมา และบรรยากาศที่น่าหลงใหล คุณชายกำลังรู้สึกว่าโลกนี้กลายเป็นสีชมพู ด้วยรอยจูบที่ฟ้ามอบด้วยความจริงใจ ทำให้คุณชายมีความสุขที่สุด

      3 ปี กับอีก 6 เดือนผ่านไป

      คุณชายได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย และ พอเรียนจบ คุณชาย ได้ขอคุณฟ้า แต่งงาน และคุณชายได้รับอีเมล์จากผู้จัดการส่วนตัวทางธุรกิจของคุณพ่อของเขาและ ในจดหมายได้เขียนไว้ ว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดได้ถูกมอบกับคุณนฤเบศตร์ซึ่งเป็นลูกชายของราฟาเอลเพียงผู้เดียว จากการไปฟังการเปิดพินัยกรรมของผู้จัดการส่วนตัวของพ่อราฟาเอล และคุณชายได้ถูกเชิญไปดูแลกิจการที่รับช่วงต่อจากพ่อของเขาที่ประเทศสเปน คุณชายจึงชวนคุณฟ้าไปอยู่ด้วยที่นั่นและจะกลับมาประเทศไทยเพื่อมาเยี่ยมท่านประธานและทุกคนปีละ 6 เดือน และธุรกิจของคุณพ่อราฟาเอล ยังการเป็นอันดับหนึ่งของสเปนอีกด้วย ทั้งคู่มีความสุขมาก และทั้งคู่มีอาเจ๊กฮัวเป็นพ่อบ้านประจำตัวที่สเปนอีกด้วย เนื่องด้วยอาเจ๊กฮัวเคยเป็นผู้มีพระคุณ คุณชายจึงตอบแทนพระคุณโดยการ ให้อาเจ๊กฮัวเป็นเจ้าของและเป็น ผู้อำนวยการ โรงเรียนแห่งหนึ่งตามความฝันของอาเจ๊กฮัว ส่วนคฤหาสน์หลังป่านั่นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีกับหัวหน้าใหญ่ของเซบัสเตียนต่อไป ตอนนี้ทั้งฟ้าและคุณชายได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน    ..... The End

       Story By  – มะตูม

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×