ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องเกิดขึ้นที่สุสาน
“แม่...”จุนซูตะโกนลั่นพร้อมกับลุกขึ้นอย่างตกใจ
“ฟื้นแล้วเหรอ?...นายเป็นไงบ้าง?”ชางมินที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ถามขึ้น
“ที่นี่ที่ไหน?....แล้วยูชอนล่ะ?”จุนซูพูดอย่างนึกได้ ถึงภาพที่ยูชอนนอนจมกองเลือดอยู่ก่อนที่ตนจะสลบไป
“ที่นี่โรงพยาบาล นายสลบไปตั้งหลายชั่วโมง จุนซูนาย.....”ชางมินตอบเหมือนอยากจะหลีกเลี่ยงคำถามที่สอง พลางก้มหน้าหนีสายตาของคนที่นอนอยู่บนเตียง
ร่างเล็กเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งร้อนใจ
“ยูชอนล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”จุนซูพูดพลางเขย่าตัวเพื่อน น้ำตาเริ่มไหลออกมาเป็นทางอีกครั้ง
ไม่นะ...มันจะต้องไปเป็นอย่างนั้น....ยูชอนจะไม่มีวันทิ้งเขาไป
ชางมินไม่ตอบอะไรได้แต่ชี้ออกไปที่ประตู โดยที่ยังไม่สบตาอีกฝ่าย ร่างเล็กไม่รอช้ารีบลุกออกไปทันที
ทางด้านแจจุง
ร่างบางยืนอยู่กับยุนโฮที่หน้าห้องจุนซู
“เป็นเพราะชั้น เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะชั้น แล้วชั้นจะไปมีหน้าพบจุนซูได้ยังไง”แจจุงพูดพลางร้องไห้ ทำให้ร่างสูงต้องดึงตัวเข้ามาสวมกอดไว้
“ไม่เป็นไรนะ อย่าโทษตัวเอง มันเป็นแค่อุบัติเหตุ”ยุนโฮปลอบ
“ไม่ใช่...รถคันนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย มันตั้งใจจะชนชั้น แต่ยูชอน ยูชอน ฮือ.....”ร่างบางยังคงสะอึกสะอื้น
“ยูชอนอยู่ไหน? เขาเป็นอะไรแจจุง”จุนซูออกมาได้ยินที่สองคนพูดกัน ก็รีบถามอย่างร้อนใจ น้ำตายังคงไหลอยู่อย่างนั้นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่สนใจที่จะเช็ด
“จุนซูชั้นขอโทษ เพราะชั้นยูชอนถึงได้เป็นแบบนี้ หมอบอกว่าเขาได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองทำให้.......”แจจุงพูดแล้วเงียบไป น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง
“เป็นอะไร....แจจุง.....ยูชอนเป็นอะไร บอกชั้นสิ”
“หมอบอกว่ายูชอนเป็นเจ้าชายนิทรา เขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ชั้นขอโทษจุนซู...ชั้นขอโทษ”แจจุงพูดทั้งที่ยังร้องไห้ไม่หยุด โดยที่ยุนโฮได้แต่ประคองร่างคนรักไว้ไม่ให้ล้มลงไป
แต่อีกคนเหมือนหมดเรี่ยวแรง ขาอ่อนลงซะเฉยๆ จนลงไปนั่งกับพื้น โดยไม่มีวงแขนแกร่งของคนที่รักมาประคับประคองไว้
และจะไม่มีอีกแล้ว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ทั้งๆที่ชั้น...ชั้น”จุนซูพูดเหมือนละเมอ ทั้งที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?”อยู่ดีๆ ร่างเล็กก็ถามขึ้นมาเสียงดัง
แจจุงไม่ตอบแต่ชี้ไปที่ห้องข้างๆ ทั้งที่ยังคงซบหน้าอยู่กับอกของยุนโฮ ร่างเล็กไม่รอช้ารีบวิ่งไปทันที
ภายในห้องนั้น ร่างสูงที่คุ้นตานอนอยู่บนเตียงคนไข้ ศีรษะและแขนถูกโพกด้วยผ้าพันแผลที่ยังคงมีเลือดซึมอยู่ ใบหน้าคมหลับสนิทราวกับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้ร่างเล็กเดินไม่ไหว แต่ก็ประคับประคองตัวเองโซเซไปจนถึงข้างเตียงจนได้ มือนิ่งจับใบหน้าที่หลับใหลนั้นแผ่วเบา
“ทำไมล่ะ...ยูชอน....ทำไม? ทั้งๆ ที่ชั้นไม่อยากให้นายต้องเจ็บตัวอีก แต่นายก็ยัง....ไหนนายบอกว่าจะอยู่ห่างๆ ไง แล้วนายเข้ามาทำไม นายเข้ามาช่วยชั้นทำไม?”พูดไปน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาด แล้วโน้มตัวไปกอดร่างสูงแน่น
ทำราวกับกลัวว่าจะต้องสูญเสียคนๆนี้ไป
“ทำไมยูชอน ชั้นยังไม่ได้บอกรักนายเลยนะ ทำไมไม่ตื่นมาฟังคำว่า รัก จากชั้นก่อน นายเองก็ยังไม่ได้บอกรักชั้นเลย เรายังไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย นายอย่าขี้โกงทิ้งชั้นไวอย่านี้ นายลืมตาขึ้นมาสิ ชั้นบอกให้ลืมตาไงเล่า ไม่ได้ยินรึไง....ชั้นบอกให้ลืมตา”ร่างเล็กร้องไห้โวยวายพลางเขย่าตัวคนเจ็บ
“ก็บอกมาสิชั้นรอฟังอยู่”
จุนซูหยุดโวยวายทันที แล้วมองไปที่คนเจ็บที่นอนอยู่ ก็สบตากับดวงตาคมที่คุ้นเคยมองมาพร้อมรอยยิ้ม
“ไหนล่ะ? คำว่า รัก จากนาย”ร่างสูงยังคงถามอีกครั้ง
“ยูชอน”ร่างเล็กเรียกแล้วโผเข้ากอดร่างสูงทั้งน้ำตา แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ
“แต่เอ๊ะ....ไหนแจจุงบอกว่า”จุนซูพูดเหมือนนึกขึ้นได้
O_O หน้าจุนซู
^_^ หน้ายูชอน
OoO หน้าจุนซู
^_^ หน้ายูชอน
“พวกนายโกหกชั้น”จุนซูตะโกนอย่างโมโหแล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดอุ่น
“โอ๊ย!”ยูชอนร้องแล้วจับแผลที่แขน ร่างเล็กได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันมาสนใจแผลนั้นทันที มองดูอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นหน้าคนเจ็บที่ยังคงยิ้มระรื่น
“นายหลอกชั้นอีกแล้ว นายรู้มั้ยชั้นตกใจมากแค่ไหน ชั้นนึกว่านายจะจากชั้นไปเหมือนแม่อีก ชั้น...”พูดแล้วหันหน้าไปอีกทาง พยายามไม่ให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาที่เริ่มคลออีกครั้ง
ยูชอนถึงแขนเรียวให้ร่างเล็กมาใกล้ๆ ซึ่งจุนซูก็ตามมาเข้าสู่อ้อมกอดของร่างสูงแต่โดยดี
“ชั้นขอโทษ”พูดอย่างแผ่วเบา แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพลางเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“อย่าโกรธแจจุงเลย ชั้นแค่อยากให้นายเข้าใจ ชั้นรู้ว่าที่นายทำไปเพราะเป็นห่วงชั้น แต่ชั้นล่ะ จะให้ชั้นทนเห็นนายเจ็บตัวได้ยังไง ชั้นจะทนดูนายอยู่ในอันตรายไม่เข้าไปช่วยได้ยังไง การที่นายปกป้องชั้นแล้วเราต้องเจ็บด้วยกันทั้งคู่ สู้เราอยู่ด้วยกันร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนๆ ไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อย ถ้าเป็นอะไรไปชั้นก็ยังเคยได้ยินความรักจากนาย และนายก็จะได้ยินคำว่ารักจากชั้น”
“ชั้นรักนายนะจุนซู”ยูชอนพูด แล้วมองไปในดวงตาของอีกฝ่าย
“ชั้นก็รักนายยูชอน”
ยูชอนขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กมากขึ้น ริมฝีปากห่างกันไม่กี่เซน แล้วเกือบที่จะสัมผัสถึงกัน
ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก....!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยร่างของแจจุง ยุนโฮ และชางมินเดินเข้ามา
“เข้าใจกันรึยัง?”แจจุงถาม
ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ทำไมต้องเข้ามาตอนนี้ U-U
“ไม่น่าถามเลยแจจุง ดูท่าทางก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว”ยุนโฮพูดยิ้มๆ พลางชี้ไปที่ยูชอนที่ยังโอบจุนซูอยู่
“ไม่ต้องมาพูดดีเลยแจจุง ชั้นยังโกรธนายอยู่ นายโกหกชั้น รู้มั้ยชั้นตกใจแค่ไหน?”จุนซูว่าพลางถลึงตาใส่
“ชั้นขอโทษ ก็ชั้นอยากให้นายสองคนเข้าใจกัน แล้วก็มีความสุขเหมือนเราสักทีนี่”แจจุงพูดเสียงอ่อยๆ แล้วหันไปมองยุนโฮที่โอบตนไว้
“น่าอย่างอนนักเลย เอ้า....ชั้นให้นี่ไถ่โทษละกัน”ชางมินที่เงียบมานานเดินเข้าไปหาจุนซูแล้วยัดบางอย่างใส่มืออีกฝ่าย
ร่างเล็กมองของในมืออย่างแปลกใจ
มันคือ............
มันคือ............
ป๊อกกี้นั่นเอง^-^
“เห็นแก่ป๊อกกี้นี่ ชั้นจะยกโทษให้พวกนายก็ได้ แต่ถ้าพวกนายทำอีกชั้นจะไม่มีวันยกโทษให้อีกเด็ดขาด”จุนซูพูดยิ้มๆ แต่ยังไม่วายตบท้ายด้วยแววตาเหี้ยมดุจเสือ
“คร้าบ........พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำอีกคร้าบ......”ทั้งสามพูดและชูนิ้วขึ้นมาพร้อมกัน
ตกลงนี่สำนึกกันมั่งมั้ยเนี่ย?
จุนซูคิดอย่างเหนื่อยใจ
“แล้วนี่นายจะหายทันไปเข้าค่ายต่างจังหวัดวันมะรืนนี้มั้ย? ยูชอน”ชางมินถามเสียงเครียด อย่างเปลี่ยนอารมณ์ได้ไว จนคนอื่นชักจะตามกันไม่ทัน
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ถึงกับกระดูกหัก หมอบอกว่าวันสองวันแผลก็หาย”คนบนเตียงตอบ
“แล้วนายล่ะ? จุนซู”ชางมินถามแล้วมองไปที่ขาของอีกฝ่าย
“ชั้นก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ ตอนนี้เดินได้ปกติแล้ว”จุนซูตอบยิ้มๆ แล้วยังเดินโชว์ย้ำคำตอบตนอีกด้วย
“ก็ดีแล้ว....ชั้นเองก็ไม่อยากเสียคำพูดซะด้วย”ชางมินว่า
“เอ้อ....นี่เรื่องคราวนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้อะไรบางอย่างแล้วล่ะ”อยู่ๆ ยุนโฮก็พูดสีหน้าจริงจัง ทำให้คนอื่นหันไปมองอย่างสนใจ
“คือ...เมื่อตอนที่เกิดเรื่อง ชั้นไปหาจียองมา”ยุนโฮพูดพลางเหลือบไปมองคนในอ้อมแบนที่เริ่มเชิดหน้า งอนไปเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงจึงได้แต่ดึงตัวเข้ามากอดให้แน่นขึ้น
“อย่าเพิ่งงอนสิ นั่นล่ะชั้นอยู่กับเธอที่ห้องสมุดตลอดจนเกิดเรื่อง นั่นแสดงว่าที่เราสงสัยเธอเป็นคนทำนั้นตัดไปได้เลย เราต้องเริ่มต้นหาคนร้ายกันใหม่”
“แล้วนายไปหาเธอทำไม?”ร่างบางถาม ทั้งๆที่ยังไม่เลิกงอน
“ก็ชั้นอยากจะรู้ว่าเธอ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน? เลยว่าจะไปดูปฏิกิริยาเกี่ยวกับนายสักหน่อย แต่แปลกเธอดูแปลกใจเหมือนกับเพิ่งเคยเห็นนายยังงั้น แล้วอีกอย่างชั้นรู้สึกว่าคนร้ายคนนี้น่าจะมีคนเดียว เพราะการที่เรารวมตัวกัน มันคงทำให้เจ้านั่นเล่นงานได้ลำบาก เลยรีบลงมือขนาดนี้ และวิธีการลงมือของมันแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่คนๆเดียวก็ทำได้ง่ายๆ ถ้ามันมีหลายคนทำไมไม่มาจัดการพวกเราทีเดียวจนเราตั้งตัวไม่ทันไปเลยล่ะ”ยุนโฮพูดออกมาเป็นชุด
O_O หน้าจุนซู
OoO หน้ายูชอน
O[]O หน้าแจจุง
O^O หน้าชางมิน
ไม่น่าเชื่อว่านายจะเก่งขนาดนี้
“นายนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนี่นา”ชางมินพูดอึ้งๆ
“ของมันแน่อยู่แล้ว”ยุนโฮยืดตัวขึ้นแล้วกอดอกอย่างภูมิใจ
“ไม่น่าไปชมมันเลย”ยูชอนพูดแล้วส่ายหน้าอย่างระอา “แต่ที่ยุนโฮพูดมาก็ถูกนะ เราคงต้องมาเริ่มต้นหาคนร้ายกันใหม่”ยูชอนหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ชางมินสังเกตเห็นเงาที่ประตูก็ส่งสัญญาณให้ที่เหลือเงียบ แล้วทั้งห้าก็มองประตูอย่างระวังตัว
แอ๊ด..........(เสียงเปิดประตู)
“หวัดดี....ยูชอนนายเป็นไงบ้าง”โฮนาเข้ามาพร้อมกระเช้าผลไม้ ทั้งห้าได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พวกนายเป็นอะไรกัน?”หญิงสาวบ่นกับท่าทางแปลกๆของหนุ่มๆ
“เอ้อ....เมื่อกี้คุณซีวอนมาเยี่ยมนายด้วยเหรอ ทำไมไม่ยื้อเขาไว้นานอีกหน่อยนะ ชั้นจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดเขาสักที”โฮนาพูดพลางทำหน้าเคลิ้มฝัน
“ซีวอน!...เขามาที่นี่งั้นเหรอ? เธอเห็นเขานานรึยัง?”ชางมินถามอย่างตกใจ แล้วเขย่าตัวหญิงสาวอย่างใจร้อน
“อื้อ...เมื่อกี้เหมือนชั้นเห็นเขาเดินสวนไ..”หญิงสาวตอบไม่ทันจบชางมินก็รีบวิ่งออกไปทันที
“อะไรของเขาน่ะ”โฮนาถามพลางจับแขนที่ถูกเขย่าไปเมื่อกี้
อีกสี่คนได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“นี่ยุนโฮ....นายไปกับชั้นหน่อยได้มั้ย?”แจจุงพูด ซึ่งร่างสูงก็พยักหน้ารับทันที
“ได้สิ งั้นชั้นไปก่อนนะ หายไวๆล่ะ”ยุนโฮว่าแล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป
ทางด้านชางมิน พอออกมาจากห้องก็เห็นเงาคนๆนึงที่คุ้นตา ก็รีบวิ่งตามไป แต่พออกมาข้างนอกโรงพยาบาลเงานั้นกลับหายตัวไปซะอย่างนั้น
“นายมาทำอะไรที่นี่? ซีวอน”ร่างบางพูดอย่างครุ่นคิด
“นายพาชั้นมาที่นี่ทำไม?”ยุนโฮถามเมื่อมองไปรอบๆ
ลานหญ้าโล่งกว้างตรงหน้าที่เต็มไปด้วยหลุมศพจนสุดลูกหูลูกตา
“หลุมฝังศพของยองอาอยู่ที่นี่”ร่างบางตอบเรียบๆโดยไม่หันมามอง แล้วเดินนำไป ยุนโฮได้แต่มองแล้วเดินตามไป
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง ชั้นรู้สึกมากที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เลยละอายใจจนไม่กล้ามาที่นี่แม้แต่ครั้งเดียว....และชั้นก็รู้สึกผิดต่อคนๆนั้น เขาคงจะเจ็บปวดไม่น้อยถึงได้ทำแบบนี้”แจจุงพูดแล้วหันมามองร่างสูงยิ้มๆ
“แต่ตอนนี้...ชั้นมีนาย นายทำให้ชั้นกล้าสู้กับปัญหา กล้าที่จะยอมรับผิดกับยองอา มาขอโทษเธอ และกล้าสู้กับคนๆนั้น ไม่เอาแต่หนีอีกต่อไป”พูดจบร่างบางก็หันไปเดินต่ออย่างเขินๆ
นี่ชั้นพูดอะไรไปนะ
โดยที่แจจุงไม่รู้เลยว่า คำพูดของตนได้ทำให้อีกคนดีใจขนาดไหน ยิ้มจนแก้มแทบปริอยู่แบบนี้
ชั้นไม่คิดเลยจริงๆ แจจุง ว่าชั้นจะได้มายืนเคียงข้างนายอย่างนี้ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับนาย ได้รับรู้ว่าชั้นเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับนาย แค่นี้ชั้นก็พอใจแล้วจริงๆ ไม่ว่าต่อไปจะเจอเรื่องร้ายแรงแค่ไหน ชั้นก็จะไม่ท้อแท้เด็ดขาด.....
“ยุนโฮเร็วๆสิ”แจจุงหันมาเรียกร่างสูงที่ยืนยิ้มเหมือนคิดอะไรอยู่ ทำให้ยุนโฮได้สติแล้วเดินตามร่างบางไป
“ที่นี่ล่ะ”แจจุงพูดแล้วหยุดยืนที่หน้าหลุมศพ ยุนโฮมองตามอย่างสนใจ
“ยองอา....ชั้นขอโทษที่มาช้าไปหน่อย ที่จริงก็ไม่หน่อยนะช้ามากเลยล่ะ”ร่างบางพูดแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเริ่มจางไป ดวงตาเรียวเริ่มเศร้าสร้อยอีกครั้ง
“ชั้นขอโทษจริงๆยองอา ชั้นไม่คิดเลยว่าจะเป็นต้นเหตุให้เธอต้องฆ่าตัวตาย ชั้นขอโทษจริงๆกับทุกสิ่งที่ชั้นทำลงไป ชั้นไม่รู้จริงๆว่าเธอชอบชั้น ชั้นถึงได้พูดอย่างนั้น”แจจุงพูดน้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอนัยน์ตาสวย
“แจจุง”ร่างสูงพูดแล้วเอื้อมไปจับมือบางมากุมไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นให้ร่างบางโดยไม่ต้องพูดปลอบใดๆ
“พี่ยุนโฮ!”อยู่ๆเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองสะดุ้งสุดตัว พอหันไปก็เห็นจียองยืนอยู่ ร่างบางรีบใช้มือเช็ดน้ำตาทันที
“พี่มาทำอะไรที่นี่ค่ะ”จียองถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ...พอดีพี่กับเพื่อนมาไหว้ยองอาน่ะ”ยุนโฮตอบหลังจากหายตกใจ
“แจจุงครับ”เมื่อเช็ดน้ำตาเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาก้มหน้าทักทาย
“จียองค่ะ เป็นน้องสาวพี่ยองอา ไม่ค่อยเห็นคุณที่นี่เลยนะค่ะ”หญิงสาวพูดแล้วเดินไปยืนข้างๆแจจุง
“ตั้งแต่เธอเสีย ผมก็ไม่เคยมาเลย”แจจุงพูดเศร้าๆ
“คุณดูเปลี่ยนไปมากนะค่ะ ตอนแรกชั้นจำไม่ได้เลย”เธอพูดแล้วหันมายิ้มให้ แจจุงยิ้มรับบางๆ แล้วหันไปมองยุนโฮอย่างมีความหมาย
“ถ้าการที่คุณเป็นแบบนั้นเพราะพี่ยองอา ชั้นต้องขอโทษแทนพี่จริงๆค่ะ แต่ชั้นอยากบอกว่าการตายของพี่ไม่ใช่ความผิดของคุณสักนิด”จียองพูดแล้วหันไปมองหลุมศพอีกครั้ง
โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าสองคนที่เหลือตาโตตกใจกับสิ่งที่เธอพูดแค่ไหน
เธอพูดอย่างนี้หมายความว่าไง?
“คุณรู้มั้ยที่ชั้นมาเรียนที่นี่ ก็เพราะต้องการจะมาพบคนสองคน คนแรกก็คือคุณ....แจจุง”จียองพูดแล้วหันมามองร่างบางที่ยืนตาโตอยู่ข้างๆ
“พี่ยองอาน่ะชื่นชอบคุณมากนะ ในห้องของพี่มีแต่รูปคุณเต็มไปหมด คุณเป็นขวัญใจของเขาเลยทีเดียว ชั้นอยากจะพบสักครั้ง ว่าคนที่พี่ชอบเนี่ยจะเป็นคนที่น่าทึ่งขนาดไหน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาพบคุณในสภาพนั้น คุณดูแย่มาก”
“พี่ยองอาน่ะชื่นชอบคุณมากนะ ในห้องของพี่มีแต่รูปคุณเต็มไปหมด คุณเป็นขวัญใจของเขาเลยทีเดียว ชั้นอยากจะพบสักครั้ง ว่าคนที่พี่ชอบเนี่ยจะเป็นคนที่น่าทึ่งขนาดไหน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมาพบคุณในสภาพนั้น คุณดูแย่มาก”
“ส่วนอีกคน ชั้นไม่รู้แม้แต่ชื่อ และหน้าตา รู้แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนที่พี่รู้จักที่สวนในโรงเรียน และมีความสำคัญต่อพี่มาก ชั้นอยากจะพบเขาสักครั้ง เพราะเขาก็คงเสียงใจไม่แพ้ชั้นเป็นแน่”จียองพูดพลางเช็ดน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้น แจจุงเห็นอย่างนั้นจึงรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวส่งให้ หญิงสาวรับไปเช็ดแล้วยิ้มให้
“ชั้นอ่อนแอจังเลย มาร้องไห้ต่อหน้าพวกคุณนี่”
“ยองอาเป็นคนที่ดีมาก เธอไม่น่าจะมาจากไปอย่างนี้ ผมขอโทษ เพราะผม....ถ้าเพียงผมไม่พูดกับเธออย่างนั้น ผมไม่รู้จริงๆว่าเธอคิดกับผมแบบนี้”ร่างบางพูดขึ้นมาทั้งๆที่ยังก้มหน้า
จียองได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ
“ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ การที่พี่ทำอย่างนั้นไม่ใช่เพราะคุณ ชั้นได้อ่านไดอารี่ของพี่แล้ว ที่พี่ทำอย่างนั้นก็เพราะ.........ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆพี่ยองอาไม่ได้ตายเพราะคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองจียองพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าคิดอย่างนั้นอีกนะคะ ไม่งั้นพี่คงเสียใจแน่ แต่เอ๊ะ...ถ้าคุณแจจุงบอกว่าไม่เคยมาที่นี่ แสดงว่าคนที่มาเยี่ยมพี่เป็นประจำก็คงจะเป็นเขา เพราะที่นี่มักจะมีคนมาทำความสะอาด และมีดอกไม้วางอยู่ประจำ น่าเสียดายจังที่ไม่มีโอกาสได้พบกับเขาเลย”จียองพูดเหมือนบ่น
แจจุงหันไปไหว้หลุมศพ ก่อนที่จะหันมาคำนับขอบคุณจียองอีกครั้งแล้วเดินจากมาพร้อมกับยุนโฮ
“ชั้นรู้แล้วว่าทำไมนายถึงไม่สงสัยเธอ”อยู่ๆร่างบางก็พูดขึ้นขณะเดินกลับมาที่รถแท็กซี่ ทำให้ร่างสูงหันไปมอง
“เธอมีสายตาและรอยยิ้มจริงใจและเปิดเผย เกินกว่าที่จะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไปได้”แจจุงพูดแล้วยิ้ม
“”คนร้ายที่ทำทั้งหมด อาจจะเป็นคนนั้นที่จียองพูดถึง แต่น่าเสียดายที่เธอเองก็ไม่รู้เป็นใคร เราไม่มีเบาะแสอะไรเลย เฮ้อ....น่าเสียดายจัง”ยุนโฮพูดขึ้น
“อย่าเพิ่งท้อสิ.....ไม่ว่ายังไงเราก็จะสู้ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ^_^” ร่างบางพูดแล้วเดินเข้าไปควงแขนอีกฝ่ายพลางยิ้มหวาน
ยุนโฮหันไปมองรอยยิ้มนั้นอย่างสุขใจ กอ่นจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว
“แน่อยู่แล้ว น่ารักอย่างนี้จะทิ้งได้ยังไงลง”ร่างสูงบอกยิ้มๆ
“แต่เมื่อกี้นายบอกว่านายไม่ควรจะพูดอย่างนั้นกับยองอา นายไปพูดอะไรกับเขางั้นเหรอ? นายถึงคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ยองอาฆ่าตัวตาย”ร่างสูงถามเหมือนนึกขึ้นได้
“ไม่บอกหรอก.....มันเป็นความลับ ชั้นจะไม่คิดอย่างนั้นอีกแล้ว ชั้นควรจะเชื่อใจยองอา เธอไม่น่าจะฆ่าตัวตายด้วยเรื่องเพียงแค่นั้น เธออาจจะเจออะไรที่หนักหนากว่าที่ชั้นรู้ก็ได้”ร่างบางพูด แล้วกอดแขนแกร่งของอีกฝ่ายแน่นขึ้นราวกับจะให้กำลังใจตัวเอง
ยุนโฮมองท่าทางนั้นแล้วก็ได้แต่แตะมือของอีกฝ่าย พร้อมรอยยิ้ม ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มตอบ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปอย่างจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น
อย่างน้อยการมาครั้งนี้ก็ทำให้จิตใจของร่างบางปลอดโปร่งขึ้นมาก หลังจากที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดและรู้สึกผิดมาตลอดหลายปี ต่อไปนี้เขาจะเดินไปข้างหน้าโดยมีคนข้างๆนี่เดินไปด้วย เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก
อีกทางด้านหนึ่ง
ชางมินที่กลับมากจากโรงพยาบาลเพียงลำพัง เพราะจุนซูยืนยันที่จะอยู่เฝ้าคนป่วย ขณะที่ร่างบางเดินผ่านเขตโรงเรียนของกลุ่มบี ซึ่งอยู่ด้านหน้าก่อนเข้าไปถึงตึกเรียนฝั่งกลุ่มเอ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น
ชางมินที่กลับมากจากโรงพยาบาลเพียงลำพัง เพราะจุนซูยืนยันที่จะอยู่เฝ้าคนป่วย ขณะที่ร่างบางเดินผ่านเขตโรงเรียนของกลุ่มบี ซึ่งอยู่ด้านหน้าก่อนเข้าไปถึงตึกเรียนฝั่งกลุ่มเอ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้น
“คุณชางมิน.....คุณชางมิน...รอก่อน”เจ้าของเสียงตะโกน ตามมาด้วยเจ้าตัวที่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพลางหอบหายใจ
“อ้าว...ดงแฮน่ะเอง มีอะไรเหรอ?”ชางมินถามแล้วมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
“คือว่า....ชั้นจะมาบอกว่า เพราะกรรมการกลุ่มคุณมีดาราดังอยู่ด้วย ทำให้เด็กนักเรียนฝั่งเราที่รู้ข่าวเกินโกลาหลขึ้น พวกเราเลยคิดว่า วันมะรืนนี้พวกคุณไม่ต้องมาขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน เดี๋ยวพวกเราจะเอารถเข้าไปรับพวกคุณเอง ส่วนสถานที่”ดงแฮก็หยุดพูดไปพลางหายใจเข้าลึกๆ ให้หายเหนื่อย
“พักก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน ได้ข่าวว่ามีพวกนักข่าวไปดักรออยู่เพียบเลย เลยจะเปลี่ยนที่ แต่ที่นี่รับรองได้เลยว่าพวกคุณต้องชอบ ทั้งปลอดภัย และที่สำคัญมีโรงละครให้พวกเราซ้อมด้วย ชั้นมีเรื่องจะมาบอกคุณแค่นี้แหละ”พูดจบร่างเล็กก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หรืออาจเป็นเพราะเหนื่อยจากการพูดยาวๆหลังจากที่วิ่งมาก็เป็นได้
“ขอบใจนะ”ชางมินพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินจากไป ท่ามกลางสายตาชื่นชมจากสาวๆที่ผ่านไปมา
ดงแฮมองตามอย่างอึ้งๆ
“คนอะไรหยิ่งชะมัด”ได้แต่พึมพำกับตนเอง แต่หารู้ไม่ว่าคนที่เดินจากไปกำลังงงแค่ไหน?
“คนอะไรหยิ่งชะมัด”ได้แต่พึมพำกับตนเอง แต่หารู้ไม่ว่าคนที่เดินจากไปกำลังงงแค่ไหน?
ดารา?
ดาราที่ไหน?
หรือว่า..........
ดาราที่ไหน?
หรือว่า..........
ยูชอนจะแอบไปเป็นดาราช่วยที่เราไม่ได้คุยกันนะ
(น่าน....คิดไปโน่นเลย.....ไม่เคยคิดถึงหมีขาวที่อยู่ด้วยกันเลยรึไงนะ)
ส่วนดงแฮพอเดินกลับมาที่ห้องประชุมกรรมการกลุ่มบี ก็พบเพื่อนนั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้า โดยมีซีวอนนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
“ชั้นบอกคุณชางมินให้แล้วนะ แล้วทำไมนายไม่ไปบอกเค้าเองล่ะ เห็นปกติชอบไปที่ตึกเรียนฝั่งกลุ่มเอออกจะตายไป”ดงแฮถามอย่างแปลกใจ
“ชั้นไม่ว่าง”ซีวอนตอบสั้นๆ อย่างไม่สนใจคนถามที่มองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
แล้วชั้นมันว่างนักใช่ม้าย..............
แล้วทุกคนในห้องก็ต่างแยกย้ายกันเดินออกไปเมื่อคุยธุระกันเสร็จ ในอารมณ์ที่แตกต่างกัน
มีทั้งที่อารมณ์ดี ตื่นเต้น ดีใจที่จะได้ไปเที่ยว และคนที่เหมือนมีเรื่องครุ่นคิด หงุดหงิด แต่มีเพียงคนๆเดียว ที่มีความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น
คนๆนั้นยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิน มือกำปากกาแน่นใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“แจจุง....พวกแกเสร็จชั้นแน่คราวนี้ ตอนนี้พวกแกมีความสุขซะให้พอ ก่อนที่จะไม่มีวันได้สัมผัสมันอีก แจจุงแกจะต้องสูญเสียทุกอย่าง ไม่เหลือใคร แล้วอยู่อย่างเจ็บปวดเหมือนชั้นกับยองอา!”น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเคียดแค้น
-----------------------------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วนะค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นฉากกุ๊กกิ้กของยุนแจ ไม่รู้จะถูกใจกันรึเปล่า? (ตัวเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ อย่าคิดลึกนะ...แค่ไม่เคยมีแฟนแค่นั้นเอง)
ติดตามกันด้วยนะ....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้น
ขอบคุณจริงๆค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------
มาอัฟให้แล้วนะค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นฉากกุ๊กกิ้กของยุนแจ ไม่รู้จะถูกใจกันรึเปล่า? (ตัวเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ อย่าคิดลึกนะ...แค่ไม่เคยมีแฟนแค่นั้นเอง)
ติดตามกันด้วยนะ....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้น
ขอบคุณจริงๆค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น