ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : จุนซูคราวนี้ตานายเหรอ
วันต่อมา
ม.6 ห้องA จะต้องมาเรียนวิชาพละศึกษาในโรงยิม
“ฮ้า...วันนี้เราได้เรียนบาสเหรอเนี่ย....เห็นอย่างนี้ชั้นไม่เป็นรองใครเลยนะ”ยุนโฮพูดอวดอย่างอารมณ์ดี
“ฮิ..ฮิ...สงสัยน่าจะรองจุนซูคนนึงล่ะ ดีไม่ดีอาจจะยูชอนด้วยอีกคน”แจจุงพูดพลางหัวเราะ
“นายจะดูถูกกันเกินไปแล้ว คอยดูฝีมือชั้นก็แล้วกัน”ร่างสูงพูดอย่างเจ็บใจ
พอได้ลงสนามเข้าจริง แจจุงก็ได้รู้ว่าร่างสูงไปได้พูดเกินจริงเลย ฝีมือของยุนโฮนั้นสูสีกับยูชอนเลยทีเดียว แต่ยังว่องไวและปราดเปรียวสู้จุนซูไม่ได้ หรือว่าเจ้าพวกนี้จะตัวใหญ่เกินไปกันนะ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแจจุงนั้นไม่ถนัดด้านนี้เอาซะเลย สุดท้ายร่างบางจึงได้แต่นั่งดู
แต่ไม่ได้มีแค่คนเดียว เมื่อผ่านไปได้สักพักร่างสูงบางของคนๆหนึ่งก็เดินมานั่งข้างๆ
แจจุงหันไปมองหน้าเล็กน้อย ชางมินยังคงนั่งเงียบและมองไปที่สนามเหมือนไม่สนใจคนที่นั่งข้างๆเลย ความเงียบเข้าครอบคลุมอยู่นานจนแจจุงเริ่มอึดอัดจนทนไม่ไหว หันไปมองอีกฝ่าย
“ชาง....”
โครม!
เสียงเหมือนของหนักๆ ล่วงลงสู่พื้น สนั่นลั่นโรงยิม ทำให้ทั้งสองหันไปมองอย่างตกใจ
“กรี้ด....”
“จุนซู!”
เสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อร่างเล็กดั่งลั่น พร้อมกับที่เจ้าตัววิ่งไปหาร่างเล็กที่นอนอยู่ ท่ามกลางความตกใจของคนอื่นๆ
ภาพตรงหน้าแจจุงและชางมิน
ตรงใต้แป้นบาสมีร่างเล็กที่คุ้นตานอนพลางร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด มือบางกุมข้อเท้าไว้ ดวงตาเรียวมีน้ำตาคลอ ปากบางถูกกัดเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บ ข้างๆนั้นมีห่วงบาสตกอยู่ อาจเป็นเพราะเจ้าตัวดั้งจับห่วงบาสไว้แล้วอาจจะรับน้ำหนักไม่ไหวจึงตกมาทั้งคนทั้งห่วง
รอบข้างจุนซูรายล้อมไปด้วยเพื่อนในห้องที่มุงดูอย่างตกใจ แต่ร่างสูงของคนๆหนึ่งก็วิ่งฝ่าเข้าไปประชิดตัวคนเจ็บจนได้
“จุนซุเป็นยังไงบ้าง”ยูชอนพูดพลางจับข้อเท้าที่ร่างเล็กยังคงจับไว้ แต่ร่างบางสะบัดออกแม้จะทำให้เจ็บมากกว่าเดิมก็ตาม ปากบางถูกกัดหนักกว่าเดิมจนน่ากลัวจะห้อเลือด
“อย่ามายุ่ง”คนเจ็บพูดเสียงแข็ง
ยูชอนมองคนข้างๆ อย่างเจ็บปวด มือหนาห่างออกช้าๆ
แจจุงและชางมินที่วิ่งเข้ามายืนข้างๆยุนโฮอีกฝั่งกับยูชอน
“จุนซู”ทั้งสองเรียกชื่อคนเจ็บอย่างตกใจ
“แจจุงช่วยพาชั้นไปห้องพยาบาลหน่อย”จุนซูพูดขึ้นทำให้ร่างบางได้สติรีบเดินไปหาทันที แล้วพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วพาไปห้องพยาบาล ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ในห้อง
ยูชอนได้แต่มองตามทั้งสองอย่างเป็นห่วง ดวงตาคมวูบไหวอย่างเจ็บปวด
ยุนโฮเดินไปดูห่วงบาสที่ยังคงตกอยู่ที่เดิม ร่างสูงหยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจพลางมองขึ้นไปที่แป้นบาสที่ไม่มีห่วง แล้วมองห่วงในมืออีกครั้ง ก็พบรอยเหมือนถูกเลื่อยไว้ ก่อนที่มันจะหักลงมา
ชั้นจะไม่ยอมให้แกทำสำเร็จหรอก ครั้งนี้ชั้นอาจจะดูถูกแกไป แต่ต้องไม่มีใครเป็นอะไรมากไปกว่านี้ แจจุงก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแน่ แกเป็นใคร? ต้องการอะไรกันแน่?
ยุนโฮคิดอย่างเจ็บใจ มือหนากำห่วงเหล็กแน่น
ชางมินมองท่าทางของยุนโฮอย่างสงสัย
ครั้งนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ เขาจะไม่ยอมถูกปกป้องอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว เขาจะไม่ยอมอยู่อย่างเดียวดายอีก ที่จริงเขาก็พอจะเดาได้ว่า ที่เขาบาดเจ็บแล้วถูกคนดักตีน่าจะเกี่ยวกับที่แจจุงและจุนซูเปลี่ยนไป แต่ทำไมทั้งสองคนถึงไม่บอกเขา คิดว่าเขาจะรู้สึกดีเหรอที่ถูกทิ้งให้ถูกปกป้องอยู่คนเดียวอย่างนี้
ชางมินคิดอย่างเหม่อลอย แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับเงาของใครบางคนที่หน้าประตูจึงเดินเข้าไปดู
“นายมาทำอะไรที่นี่”
ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันมามองชางมินที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“นายนั่นเอง....ชั้นก็แค่....แค่...อยากจะมาถามว่าวันอาทิตย์นี้ไปต่างจังหวัด พวกนายไปครบใช่มั้ย?..เอ่อ....วันนั้นเห็นเหมือนคนของนายจะมีปัญหากัน”ซีวอนพูดอึกอัก
“ไปหมดแหละ ถึงยังไงชั้นก็มีความรับผิดชอบพอ ไม่ยอมให้คนของชั้นก่อเรื่องแน่”ชางมินพูดนิ่งๆ
“นั่นสินะ....งั้นชั้นไปก่อนดีกว่า”ซีวอนพูดแล้วเดินจากมา พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อะไรของเขา”ร่างบางบ่นแล้วเดินไปที่ห้องพยาบาล
ซีวอนหันไปมองร่างบางอีกครั้ง ก่อนที่จะหันกลับไปที่โรงเรียนฝั่งตน
ทางด้านแจจุงและจุนซูทั้งคู่เดินมาถึงห้องพยาบาล อาจารย์ประจำห้องพยาบาลตรวจดูข้อเท้าของร่างเล็กก็พบว่าข้อเท้าแพลงนิดหน่อย อาจเกิดจากการตกลงมาผิดท่า พอพันผ้าให้เรียบร้อยก็ให้จุนซูกินยาแก้ปวดแล้วเดินจากไป พอเหลือกันสองคน แจจุงก็หันไปหาเพื่อนรักที่นุ่งอยู่บนเตียง
“จุนซูชั้นขอโทษนะ เพราะชั้นเป็นต้นเหตุให้นายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”ร่างบางพูดเสียงเศร้า ใบหน้าหวานราวกับจะร้องไห้
จุนซูยิ้มให้พลางจับหน้าของอีกฝ่าย แล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู
“อย่าคิดมากสิ แค่นี้สบายมาก เราจะฝ่าฝันมันไปด้วยกันไง แจจุง ^-^ เราจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดินกันอีก”
แจจุงพยักหน้ายิ้มรับแล้วเดินไปนั่งข้างๆ
“จุนซูอย่าหาว่าชั้นพูดมากเลยนะ ทำไมนายพูดกับยูชอนแบบนั้นล่ะ ทั้งๆที่...”
“ชั้นไม่อยากเห็นเขาเจ็บตัวอีก แม้จะพูดว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน แต่ชั้นก็อยากที่จะกันเขาไว้ ชั้นรู้ว่ามันดูเห็นแก่ตัว แต่ชั้นไม่อยากดึงเขาเข้ามา เหมือนที่นายไม่อยากให้ยุนโฮมายุ่งด้วยน่ะแหละ แต่เจ้านั่นห้ามยังไงก็ไม่อยู่หรอก”ร่างเล็กพูดขัดเหมือนไม่อยากได้ยินคำต่อมาของแจจุง
“สุดท้ายชั้นก็เป็นสาเหตุให้นายสองคนไม่เข้าใจกัน”แจจุงพูดเสียงเบา
“ไม่ใช่สักหน่อย...อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่เราจะรักกันเท่านั้นเอง อย่าคิดมากสิ^-^”
“จุนซูห่วงบาสที่ร่วงมากับนายมีรอยเลื่อยด้วย มันคงจะมาเลื่อยไว้เพราะรู้ว่าเรามีเรียนกันวันนี้ แล้วคงคาดการณ์ว่ายังไงนายก็ต้องเป็นคนดั้งแน่นอน เพราะนายเก่งบาสที่สุด”ยุนโฮพูดออกมาเป็นชุด ทำให้ทั้งสองหันไปมอง
“แสดงว่าเราต้องระวังตัวมากกว่านี้”จุนซูพูดเครียด
“แล้วเราจะทำยังไงตอนนี้เราไม่รู้อะไรสักอย่าง”แจจุงพูดอย่างร้อนใจ
“ตอนนี้เราคงต้องจับตาดูจียองไปก่อน เพราะเธอเป็นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว”ยุนโฮพูด
“จียอง?”ร่างบางถามอย่างแปลกใจ
“น้องสาวของยองอาน่ะ เขามาเรียนที่นี่ด้วย”จุนซูอธิบาย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกนายไม่คิดจะเล่าให้ชั้นฟังเลยใช่มั้ย?”เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำให้ทั้งสามหันไปมองที่ประตู
ร่างสูงบางของชางมินมองทั้งสามอย่างสงสัย ปนไปด้วยความเจ็บปวด
“นายสองคนไม่เคยคิดว่าชั้นเป็นเพื่อนเลยรึไง ทำไมถึงทำอะไรโดยไม่บอกชั้น มีอะไรทำไมไม่บอกกัน”ชางมินพูดออกมาทั้งน้ำตา
“เราแค่ไม่อยากให้นายต้องเจ็บตัวอีก เราเป็นห่วงนายนะ”แจจุงพูดแล้วเดินเข้าไปหา
“แล้วชั้นควรจะรู้สึกดีมั้ย ที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอย่างนี้ สู้ให้ชั้นไปร่วมอันตรายกับพวกนายยังดีซะกว่า อย่างน้อยชั้นก็ยังมีพวกนาย”พูดพลางเช็ดน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด
“ชั้นขอโทษที่ทั้งนายไว้ ชั้นขอโทษ”แจจุงพูดแล้วสวมกอดชางมินไว้ทั้งน้ำตา จุนซูมองเพื่อนรักทั้งสองก็อดที่ร้องไห้ตามไปด้วยอีกคนไม่ได้ ส่วนยุนโฮมองทั้งสามคนพลางยิ้ม
แล้วทั้งสามก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ชางมินฟัง เมื่อได้รับรู้เรื่องทั้งหมดก็อดที่จะตกใจไม่ได้
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกนายคิดจะปิดชั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ให้เราตายจากกันไปเลยงั้นเหรอ”ชางมินว่าอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษนะ ชั้นคิดว่าวิธีนั้นดีที่สุดแล้วนี่ แต่พอยุนโฮมา...”แจจุงพูดเสียงอ่อย
“เอาเถอะเรื่องแล้วไปแล้ว ชั้นจะยกโทษให้ ตกลงพวกนายสงสัยจียองนั่น”ชางมินพูดพลางโบกมือ ทั้งสามพยักหน้าแทนคำตอบ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เราไม่รู้อะไรเลย มีเพียงจียองคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะเกี่ยวข้องมากที่สุด”จุนซูพูด
“แต่ชั้นว่า....”ชางมินพูดออกมาเหมือนนึกอะไรได้ แต่แล้วก็เงียบไป “ช่างเถอะ....แล้วชั้นจะช่วยดูจียองอีกที จุนซูนายก็พักผ่อนมากๆนะ”ร่างบางเปลี่ยนเรื่องพูด
“ในที่สุด ตอนนี้เราก็มีพวกเพิ่มขึ้นอีกคน องครักษ์พิทักนางฟ้าเริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์”อยู่ดีๆยุนโฮก็พูดออกมาแล้วยกมือขวาขึ้นอย่างมาดมั่น ทั้งสามหันไปมองอย่างงงๆ
ทำไมเจ้านี่มันถึงได้อารมณ์ดีได้ตลอดเวลา ทั้งทีกำลังเจอเรื่องร้ายๆ อยู่แท้ๆ
ยุนโฮหันไปเจอสายตาสามคู่ที่มองมาจึงหันไปเกาหัวแก้เก้อ
อย่ามองอย่างนั้นกันสิ เขินนะ.....
.
ตกค่ำ
จุนซูที่นอนปวดข้อเท้าอยู่บนเตียง
โอ๊ย...ทำไมเขาไม่ยอมขอยาแก้ปวดจากอาจารย์มาน แล้วตอนนี้จะไปหายาที่ไหนเนี่ยะ
ขณะที่กำลังนอนนึกว่าตัวเองอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับร่างของคนที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ จุนซูมองร่างสูงอย่างตกตะลึง
โอ๊ย...ทำไมเขาไม่ยอมขอยาแก้ปวดจากอาจารย์มาน แล้วตอนนี้จะไปหายาที่ไหนเนี่ยะ
ขณะที่กำลังนอนนึกว่าตัวเองอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับร่างของคนที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ จุนซูมองร่างสูงอย่างตกตะลึง
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก ชั้นแค่ไปขอยืมกุญแจมาจากฮีซอล(รูมเมทของจุนซู)น่ะ”ยูชอนพูดเรียบๆแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เตียงที่ร่างเล็กนอนอยู่
“นายมาทำไม”จุนซูถามสะบัดเสียง
“ปวดมากมั้ย?”
หาได้สนใจไม่
หาได้สนใจไม่
“เรื่องของชั้น”พูดพลางสะบัดหน้าไปอีกทาง
“กินยาซะ” ยูชอนพูดแล้วยื่นยาเม็ดสีขาว ไปตรงหน้าอีกฝ่าย
จุนซูเหลือบมอง แต่ก็ยังคงเชิดหน้าไปอีกทาง แต่แล้วก็รู้สึกถึงมือหนาที่มาจับหน้าของตนให้หันไป แล้วยาเม็ดสีขาวก็ถูกยัดใส่ปากอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะตกใจแต่การกระทำต่อมาของอีกฝ่ายทำให้ตกใจยิ่งกว่า เมื่อใบหน้านั้นใกล้เข้ามาแล้วจัดการป้อนน้ำด้วยปากของร่างสูง แม้ยาจะถูกกลืนไปเรียบร้อยแล้ว แต่ลิ้นหนายังไม่หยุดแค่นั้น ยังคงลิ้มรสหอมหวานที่อยู่ตรงหน้า ตาเรียวเล็กโตขึ้นอย่างตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย พอเรียวปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างเล็กก็รีบหายใจเข้าปอดทันที
“นี่เป็นการลงโทษที่ทำให้ชั้นเป็นห่วง ถ้านายไม่อยากให้ชั้นเข้าไปยุ่ง ชั้นก็จะไม่ยุ่ง แต่จะบอกอย่างว่าชั้นจะดูอยู่ห่างๆ ชั้นเองก็จะไม่ยอมให้นายเป็นอะไรไปเหมือนกัน เข้าใจนะ”พูดจบก็จัดการจูบหน้าผากอีกหนึ่งที ก่อนที่จะลุกออกจากห้องไป
จุนซูได้แต่ก้มหน้าแดงอยู่อย่างนั้น พลางจับหน้าอกที่ตอนนี้หัวใจยังคงเต้นแรงไม่หยุด
ยูชอนเป็นอะไรของเขานะ ปกติไม่เคยทำอย่างนี้เลยแท้ๆ
วันต่อมา
ขณะพักเที่ยง แจจุงและชางมินช่วยกันพยุงจุนซูเดินกลับหอเนื่องจากวันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวัน โดยที่ยุนโฮบอกว่าขอตัวไปทำธุระก่อน
ช่วงนั้นเอง
รถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ทั้งสามหันไปมองอย่างตกใจ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ รถคันนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
.......เรื่อยๆ
.......โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือหักหลบพวกเขาเลย
.......เรื่อยๆ
.......โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือหักหลบพวกเขาเลย
แต่แล้วทั้งสามก็รู้สึกถึงแรงผลักอย่างแรงจนกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง
โครม!
“กรี๊ด................”
เสียงสนั่นดังลั่นไปหมด
พอทั้งสามลืมตาขึ้นมามองอีกครั้งก็เห็นท้ายรถคันนั้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว จุนซูมองไปที่กลางถนนก็เห็นร่างๆหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ ร่างเล็กรีบกระเพลกไปหาอย่างร้อนใจ
ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เขา
จุนซูพยุงร่างนั้นขึ้นมาแนบอก เลือดแดงสดของคนที่นอนอยู่ชุ่มไปหมด พอได้เห็นหน้าชัดๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏแก่สายตา
ใบหน้าที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
หัวใจของร่างเล็กเต้นแรงจนเจ็บราวกับจะบีบให้สลายไปต่อหน้าต่อตา
“ยูชอน.....ไม่นะ.......ลืมตาขึ้นมาสิ...ยูชอน”จุนซูพูดเสียงดัง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางอย่างไม่อายใคร
โครม!
“แม่ครับ”เด็กชายตัวเล็กใบหน้าขาวกลมตะโกนก้องแล้ววิ่งไปหาร่างของหญิงที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน
“แม่อย่าเป็นอะไรนะ”เด็กคนนั้นร้องไห้พลางพยุงหญิงคนนั้นขึ้นกอด มือเปื้อนเลือดเอื้อมขึ้นมาจับใบหน้าของเด็กคนนั้นก่อนที่จะยิ้มบางๆ แล้วมือนั้นก็ร่วงหล่นลงไปเหมือนกับว่าเจ้าของได้จากไปแล้ว
“แม่!....ม่าย......ฮือ....แม่ครับ...ใครก็ได้ช่วยแม่ผมที ใครก็ได้”เด็กคนนั้นยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้นแล้วตะโกนท่ามกลางผู้คนที่มูงดูอย่างเศร้าสลด
“ไม่นะ...แม่ครับ...ไม่เป็นอะไร......แม่จะต้องไม่เป็นอะไร.....ม้าย.....!”จุนซูเพ้อออกมาทั้งน้ำตาก่อนที่จะกรีดร้องดังลั่นแล้วล้มลงไปนอนข้างๆคนเจ็บไปแล้ว ทำให้แจจุงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามอง เช่นเดียวกับชางมินที่มีสติพอจะโทรเรียกรถพยาบาลหันมามองอย่างตกใจเช่นกัน
“จุนซู!” ทั้งคู่ตะโกนเรียกอย่างตกใจ
------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ แล้วจะมาอัฟตอนหน้าใหม่นะ^-^
------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ แล้วจะมาอัฟตอนหน้าใหม่นะ^-^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น