ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สะดุดรักนายมาเฟีย [Fic TVXQ+SUJU]

    ลำดับตอนที่ #5 : คนไม่มีสิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 52


    ตอนที่ 5
    คนไม่มีสิทธิ์

    ยูโนวที่ตื่นขึ้นมาจากเสียงตึงตังจากข้างล่าง ร่างสูงเดินลงมาดูต้นเหตุของเสียง ก็พบว่าเจ้าของร้านคนสวยกำลังจัดโต๊ะที่ถูกทำลายไปแล้วเกือบครึ่ง เลือกโต๊ะที่ยังอยู่ในสภาพดีมาจัดไว้ ในขณะที่ชางมินกำลังจัดเคาน์เตอร์อยู่ แจจุงที่จัดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมาเห็นร่างสูงที่ยังยืนงงอยู่

    “มาพอดีเลย นายช่วยเอาโต๊ะพวกนั้นไปไว้หลังร้านสิ”สั่งพลางชี้ไปที่โต๊ะที่มีสภาพไม่ต่างไปจากเศษไม้ที่กองอยู่

    “ทำอะไรกันอยู่น่ะ?”ร่างสูงถามอย่างสงสัยพลางเดินเข้าไปหาคนสั่ง

    “น่าจะรู้ ก็เปิดร้านไง”แจจุงพูดพลางทำตาแบ๊วใส่เหมือนจะถามว่า นายดูไม่ออกเหรอ?

    “ก็ไหนคุณบอกว่าวันนี้หยุดไง”ถามอย่างหงุดหงิด กะว่าวันนี้จะนอนให้ขึ้นอืดซะหน่อย

    “ที่หยุดน่ะแค่เยซองกับรยอวุค นายกับชั้นไม่ได้เจ็บอะไรสักหน่อย แล้วจะปิดทำไม? เสียรายได้หมด ทีนี้มีปัญหาอะไรมั้ย?”พูดเนือยๆ ปิดท้ายด้วยการหันมามองหน้าคนถามตาเขียวปั๊ด พลางชี้ไปที่เศษไม้อีกครั้ง นิ้วเรียวกระดิกไปมา ประมาณว่า จะทำได้รึยัง?

    ร่างสูงเม้มปากแน่นอย่างหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็เดินไปขนเศษโต๊ะเดินออกไปหลังร้าน 

    “คนอะไร...ขี้งก”ปากหนายังไม่วายบ่นเบาๆ แต่คนสวยกลับหูดีได้ยินซะอีก

    “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”ถามกลับมาเสียงเขียวไม่แพ้ดวงตา

    “เปล๊า.....แค่ว่าคุณที่ขยันจังเลย”ปฏิเสธเสียงสูงส่ายหน้าดิก แล้วรีบเดินออกไปทันที

    คนสวยน่ารักคนเมื่อวานนี้หายไปไหนนะ....ถึงได้กลับกลายเป็นแม่เสืออย่างนี้อีกแล้ว
    ยูโนวเดินออกมาทำความสะอาดหน้าร้าน หลังจากเก็บเศษโต๊ะเสร็จแล้ว มือหนาถือไม้กวาดปัดซ้ายปัดขวาไปมา แต่แล้วสายตาที่ก้มมองพื้นอยู่ก็เห็นรองเท้าหนังมันปลาบ ยืนขวางทางการกวาดของเค้าอยู่ ยูโนวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนที่ยืนขวางการทำงานของเค้า คิ้วหนาก็ต้องกระตุกอย่างหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหน้าเจ้าของรองเท้า

    “นายเป็นคนงานใหม่ของที่นี่ใช่มั้ย? ชั้นมาหาคุณแจจุง”ดองวุคพูดขึ้น

    “ขอโทษนะครับ พอดีคุณแจจุงไม่อยู่”พูดอย่างสุภาพแต่สายตาที่มองแขกนั้นแทบจะเผาอีกฝ่ายได้

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นนั่งรอก็ได้”ดองวุคพูดพลางจะก้าวเจ้าไปในร้าน แต่ยูโนวก็เดินมาขวางหน้าไว้ ดองวุคมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยปนไม่ชอบหน้า

    “นี่นาย มาขวางชั้นทำไม?”ดองวุคถามพลางมองหน้ายียวนนั้นอย่างหงุดหงิด

    “มีอะไรกันเหรอครับ?พี่ยูโนว อ้อพี่ดองวุค....สวัสดีครับ มาหาพี่แจจุงเหรอครับ?”ชางมินที่ได้ยินเสียงก็เดินเข้ามาหาทั้งสอง ดองวุคพยักหน้ารับคำถามของหนุ่มน้อย 

    “ตอนนี้พี่แจจุงออกไปทำธุระข้างนอก อีกนานเลยกว่าจะกลับ ผมว่าพี่กลับไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมจะบอกพี่แจจุงให้ว่าพี่มาหา”ชางมินพูดเป็นการเป็นงาน ดองวุคเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ไม่อยากขัดใจ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าทำให้ชางมินไม่ชอบหน้าแล้ว ก็อย่าหวังจะเอาชนะใจแจจุงได้เลย ก็คนสวยคนนี้รักน้องขนาดไหน ใครๆ ก็รู้


    “ก็ได้...งั้นพี่กลับก่อนนะ แล้วค่อยมาหาใหม่”ร่างสูงพูดพลางฝืนยิ้ม   แล้วถอยหลังกลับไปอย่างไม่เต็มใจ 

    ชางมินและยูโนวหันมามองหน้ากัน แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แทคมือกันอย่างถูกใจ

    “ทำอะไรกันน่ะ? ทั้งสองคน”แจจุงที่เพิ่งเดินออกมาจากครัว เห็นท่าทางของทั้งสองก็ถามอย่างแปลกใจ

    สองหนุ่มพากันยิ้มให้กันแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแบตรงหน้า ส่ายหน้าไปมาอย่างทะเล้น แจจุงมองท่าทางนั้นอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรหันไปนั่งประจำที่เคาน์เตอร์

    “ผมเห็นนะ เมื่อกี้สองคนรุมหัวทำอะไรกัน”เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งอย่างตกใจ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงช้าๆ พอเห็นว่าเป็นซองมินยืนยิ้มอยู่ก็ถอนใจอย่างโล่งอก

    “นายมาทำอะไรที่นี่?”ชางมินถามอย่างสงสัย

    “ชั้นได้ข่าวว่าเมื่อวานที่ร้านถูกก่อกวน ก็เลยมาดูเผื่อจะได้มาช่วยที่ร้านด้วยไง”ซองมินพูดยิ้มๆ “แล้วอีกอย่างชั้นมีเรื่องอยากจะเล่าให้นายฟัง”พูดจบก็ดึงตัวชางมินเข้าไปในร้าน เล่าเรื่องอุบัติเหตุเมื่อวานให้ฟังอย่างตื่นเต้น   รวมถึงเรื่องของร่างสูงที่ช่วยชีวิตเค้าไว้อีกด้วย

    สงสัยชางมินจะต้องมานั่งฟังเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาทั้งวันเป็นแน่



     
    ณ คฤหาสตระกูลชอง

    จุนซูและดงแฮเดินเคียงกันไปเพื่อที่จะไปห้องอาหารด้วยกัน

    “ชั้นได้ข่าวว่าพี่นายหายตัวไปงั้นเหรอ?”ดงแฮถามขึ้น มองหน้าเพื่อนรักที่เริ่มเศร้าลงทันตา ร่างบางก็รีบฉวยมือเรียวของอีกฝ่ายขึ้นมากุมไว้พลางบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

    “ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ นายและพี่นายเป็นคนดี สวรรค์จะต้องคุ้มครองให้เค้าปลอดภัย เชื่อชั้นสิ”ดงแฮพูดพลางยิ้ม จุนซูพยักหน้ายิ้มรับ ทั้งๆ ที่ดวงตาเริ่มรื้นขึ้นด้วยน้ำตาแล้ว เป็นเวลาพอดีกับที่ยูชอนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ เมื่อเห็นทั้งคู่ร่างสูงจึงหยุดเดินมองทั้งสองอย่างสงสัย จุนซูรีบเช็ดน้ำตาพาเพื่อนเดินไปหาร่างสูง

    เพิ่งกลับจากประชุมเหรอ?ร่างเล็กทักด้วยรอยยิ้มปกปิดความเศร้าที่มีอยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถปิดยูชอนได้

    ยูชอนพยักหน้ารับแต่สายตายังคงมองอีกคนที่ร่างเล็กพามา   จุนซูเห็นอย่างนั้นจึงรีบแนะนำเพื่อนรักทันที

    นี่ดงแฮ เพื่อนชั้นที่อังกฤษ เค้าจะมาพักที่นี่สักระยะ ส่วนนี่ยูชอนเพื่อนของพี่ยุนโฮ
    ยูชอนได้ยินดังนั้นก็รีบยื่นมือเพื่อทักทายอีกฝ่ายทันที ยินดีที่ได้รู้จักครับ
    เช่นกันครับดงแฮยิ้มแล้วเอื้อมไปจับมืออีกฝ่ายไว้ ดวงตาเรียวยังคงจับจ้องใบหน้าของยูชอนตาไม่กระพริบ ประกายตาวิบวับอย่างคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้ ก็หันไปมองเพื่อนรัก

    อ้อ....คนนี้ก็คือคุณยูชอนของโลมาน้อยนั่นเองพูดออกมาเสียงดัง ทั้งๆ ที่ยังไม่ปล่อยมือหนา ยูชอนมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย

    โลมาอะไร?

    แต่คนที่รู้ความหมายตอนนี้หน้าแดงจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นพลุอยู่แล้ว มือเรียวคว้าเอวคนพูดบิดเนื้ออย่างแรงจนเจ้าตัวต้องปล่อยมือหนาไปจับมือที่ลอบทำร้ายตัวเองแทน พลางร้องเสียงดัง

    โอ๊ย......แหมล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้ งั้นนายไปกินข้าวกับคุณยูชอนแล้วกัน ชั้นจะออกไปข้างนอกซะหน่อย ขืนอยู่กับนานทั้งวัน ชั้นได้กลายเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อย่างนายแหงๆดงแฮพูดพลางหัวเราะ แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็หันกลับมาหาจุนซูอีกครั้ง

    อ้อ....ชั้นขอยืมองครักษ์ของนายคนนั้นด้วยสิ
    คิบอมน่ะเหรอ?จุนซูถามอย่างไม่แน่ใจ แต่อีกฝ่ายกลับพยักหน้ายิ้มกว้าง

    คิบอมจะต้องอยู่ดูแลจุนซูยูชอนขัดขึ้นทันที

    ไม่เป็นไร วันนี้ชั้นอยู่บ้านนี่แหละ ไม่ได้ไปไหน ที่นี่คงไม่มีใครทำอะไรชั้นได้
    หรอก
    จุนซูว่าเสียงเรียบ แล้วหันไปสั่งคนใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ให้ไปตามคิบอมมา ดงแฮได้ยินอย่างนั้นก็โผเข้ากอดเพื่อนรักอย่างดีใจ แล้วรีบวิ่งขึ้นไปแต่งตัวทันที

    หวังว่าคิบอมคงไม่เป็นไรมากหรอกนะจุนซูบ่นเบาๆ พอเหลือบไปเห็นสายตาเป็นเครื่องหมายคำถามของยูชอนก็ตอบว่า เจ้านั่นน่ะ คุณหนูจอมเอาแต่ใจตัวยงเลยล่ะ ป่วนได้ทุกที่ทุกเวลาพูดพลางส่ายหน้าระอาเพื่อนรักยิ้มๆ

    แล้วนายล่ะ ที่แก๊งเป็นยังไงบ้าง?จุนซูหันมาถามคนข้างๆบ้าง

    ยังไม่มีวี่แววของยุนโฮเลย ตอนนี้ที่แก๊งวุ่นวายน่าดูเลย พวกเค้าขอให้ชั้นทำหน้าที่แทนไปก่อนร่างสูงว่าพลางถอนใจ

    นายคงเหนื่อยแย่....ดูนายโทรมๆ ไปนะ เดี๋ยวชั้นให้คนทำซุปให้ดีกว่าร่างเล็กพูดแล้วทำท่าจะเดินเข้าครัวไป แต่ก็ถูกร่างสูงคว้าแขนไว้แล้วส่ายหน้า

    อย่าลำบากเลย
    จุนซูจับมือหนาที่แขน แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายยิ้มๆ

    ให้ชั้นได้ทำอะไรบ้างเถอะยูชอน ให้ชั้นได้ทำอะไรเพื่อนายบ้าง ให้ชั้นได้ทำตามใจชั้นที่อยากจะทำ แค่นี้.....ได้มั้ย?พูดเสียงสั่น ใบหน้าเรียวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด  มองเข้าไปในดวงตาคมนั้นเนิ่นนาน จนเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น สุดท้ายยูชอนก็ยอมปล่อยแขนเรียวนั้น แล้วพยักหน้าพลางยิ้ม จุนซูเดินหายเข้าไปในครัว โดยมีสายตาของร่างสูงมองไปตลอดทางด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน

    ทั้งที่คนสองคนต่างก็มีใจตรงกัน แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ เพียงเพราะคำๆ เดียว ไม่คู่ควร คำที่ร่างสูงหยิบยกขึ้นมาขวางกั้นความรู้สึก รัก ไว้ ทำให้ต่างคนต่างก็ปกปิดความรู้สึกของตน จนกลายเป็นการทำร้ายหัวใจคนทั้งคู่ให้เจ็บปวดอยู่ร่ำไป




    ทางด้านคิบอม พอรู้ว่าวันนี้ตัวเองต้องทำหน้าที่อะไร   ใบหน้าคมก็นิ่งอึ้งทันที แต่ร่างสูงก็ไม่มีโอกาสยืนอึ้งได้นาน เมื่อคนที่ต้องติดตามในวันนี้ เดินยิ้มลงมาจากคฤหาส ร่างสูงคำนับทำความเคารพแล้วรีบเดินไปเปิดประตูด้านหลังให้ตามหน้าที่
    ดงแฮมองร่างสูงที่ยืนตีหน้าขรึมนั้นอย่างนึกสนุก ไม่ว่ามองยังไงก็น่าแกล้งเป็นที่สุด เร็วเท่าความคิดขาเรียวเดินเข้าไปใกล้ๆ หอมแก้มอีกฝ่ายทีนึงจนใบหน้าคมแดงเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


    ขอบคุณนะพูดเสียงหวานแล้วเดินเจ้าไปนั่งในรถ หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจกับอาการงุนงงของร่างสูง พอได้สติคิบอมก็รีบปิดประตูแล้วเดินไปนั่งที่คนขับ ดวงตาคมเหลือบมองคนข้างหลังผ่านกระจก เห็นใบหน้าหวานยังคงยิ้มไม่หยุด ก็ลอบถอนหายใจ

    วันนี้เค้าจะต้องเจออะไรบ้างเนี่ย?


    คิบอมขับรถมาที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังตามคำสั่งของร่างบาง เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มาเป็นบอร์ดี้การ์ดอีกต่อไป ได้แปลงร่างกลายเป็นเด็กรับใช้ของคุณหนูเอาแต่ใจตรงหน้าไปแล้วเต็มตัว

    เมื่อดงแฮเอาแต่เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ มือบางยังคงหยิบซื้อเลือกของไม่หยุด รูดบัตรไปตลอดทางราวกับว่าของพวกนั้นไม่มีราคาอะไรเลย แต่พอชายหนุ่มเหลือบดูแล้วของแต่ละชั้นนั้นเกือบเท่าเงินเดือนของเค้าทั้งเดือนเลยก็ว่าได้ ร่างบางยังคงเดินเฉิดฉายดูของต่อไป ในขณะที่มือของคนถือตอนนี้ก็แทบไม่มีที่ว่างจะถืออะไรได้อีกแล้ว คิบอมแบกของที่หนักจนแทบจะลายไปกับพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เลยพาลไปมองคนซื้ออย่างหงุดหงิด


    นี่คุณ!จะเหมาให้มันหมดห้างเลยมั้ย? ผมจะได้ให้คนมาเหมารถบรรทุกขนไป แล้วอีกอย่างนะผมเป็นบอร์ดี้การ์ดนะไม่ใช่คนรับใช้ แถมยังคนเดียวด้วย ถ้าจะหาคนมาถือของก็น่าจะเอาคนใช้ที่คฤหาส ว่างงานกันอีกตั้งเยอะแยะ จะเรียกผมมา
    ทำไม
    คิบอมพูดอย่างเหลืออด ไม่หลงเหลือความสุภาพอีกต่อไป มือหนาวางข้าวของทิ้งอย่างโมโห

    เป็นบอร์ดี้การ์ดก็มีเกียรตินะ คุณจุนซูยังไม่เคยทำกับเค้าอย่างนี้เลย...ชริ



    ดงแฮหันมามองอาการคนตรงหน้าที่ตะโกนว่าตนอยู่ฉอดๆ กลางห้าง แทนที่จะโกรธร่างบางกลับยิ้มออกมาแล้วเดินเข้าไปหาร่างสูงที่มองมาอย่างระแวง ก้มลงไปหยิบของบนพื้นขึ้นมาใส่มือของคนที่เพิ่งไปอย่างนุ่มนวล มือเรียวยกขึ้นลุบใบหน้าคมที่ยืนอึ้งเดาความรู้สึกของร่างบางไม่ถูก

    แค่นี้ก็โกรธซะแล้วเหรอ? สงสัยจะหิว ในที่สุดหุ่นยนต์ที่เอาแต่ยืนรับคำสั่ง ก็เริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาแล้ว แสดงว่าพัฒนาๆ ไป...เดี๋ยวชั้นจะพาไปเลี้ยงข้าวพูดไปมือเรียวก็ตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ พลางยิ้ม พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง แล้วอยู่ๆ มือเรียวก็เปลี่ยนมาคว้าแขนที่ยังถือของอยู่เต็มมือของอีกฝ่ายมากอดไว้ อย่างไม่สนใจทีท่าของอีกคน

    แล้วอีกอย่างนะ เดินถือของให้กันอย่างนี้ ไม่ได้มีแต่คนใช้สักหน่อย ยังมีสถานะอื่นอีกเยอะแยะ ที่ชั้นไม่ใช้คนอื่น แต่ใช้นาย ก็เพราะชั้นอยากเดินกับนายแค่นั้นเอง เข้าใจแล้วใช่มั้ย?....ที่รักพูดอธิบายอย่างแฝงความหมาย ปิดท้ายด้วยคำสุดท้ายกระซิบที่หูของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ใบหน้าคมก็แดงขึ้นทันทีราวกับปฏิกิริยาตอบโต้ หนำซ้ำตัวก็เริ่มแข็งทื่อ เดินตามแรงจูงของร่างบางไปอย่างเลื่อนลอย ดูเหมือนสติที่เคยมีอยู่จะหายไปกับคำพูดของร่างบางซะแล้ว

    ดงแฮมองอาการนั้นอย่างสนุก คนอะไรว่านอนสอนง่ายจริง น่ารักไปหมด ดูท่าทางจะไม่เคยมีแฟนแหะ อินโนเซนต์ชะมัด


    ดงแฮพาร่างสูงมาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลนัก ทั้งคู่หาที่นั่งด้านในสุดดูเป็นส่วนตัว

    สั่งได้เลยนะ มื้อนี้ชั้นเลี้ยงเองดงแฮพูดเสียงสดใส แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังนั่งดูเมนูเฉยไม่ยอมสั่งอะไรสักที

    น่า....ถือเป็นการไถ่โทษที่ชั้นทำให้นายโกรธพูดยิ้มๆ แล้วหันไปสั่งอาหารโดยสั่งเผื่อร่างสูงที่เอานั่งมองเมนูอยู่เฉยๆ มานานแล้วด้วย พอสั่งเสร็จก็หันมาพูดกับร่างสูงต่อ

    ที่จริงนายก็น่าจะเห็นใจกันบ้างนะ ชั้นไม่ได้กลับมาเกาหลีตั้งนานก็ย่อมอยากจะซื้อของไปฝากเพื่อนๆ เยอะเป็นธรรมดา ไม่ได้ตั้งใจใช้นายขนาดนั้นสักหน่อย หายโกรธชั้นเถอะนะพูดอย่างน่ารักจนคนมองอดที่จะยิ้มไม่ได้

    จริงๆ แล้วผมก็ไม่น่าจะพูดอย่างนั้น ต้องขอโทษด้วยครับ คุณก็อย่าถือสาผมเลยพูดทั้งๆ ที่ยังก้มลงมองโต๊ะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย 

    ดงแฮได้ทีเอามือไปจับหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้นมาสบตา แล้วชะโงกเข้าไปใกล้จนดวงตาคมนั้นโตขึ้นอย่างตกใจ

    ชั้นน่ะ.....แคร์นายนะพูดพลางยิ้มหวาน แล้วปล่อยมือกลับไปนั่งตามเดิมราวกับไม่มีอะไร คิบอมได้แต่มองใบหน้านั้นนิ่ง แล้วกระพริบตา 2-3 ทีราวกับเรียกสติ ก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนเดิน แต่ริมฝีปากกลับแอบลอบยิ้มไม่ให้อีกคนเห็น

    ทั้งคู่นั่งรออาหารไปคุยกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนดงแฮจะเป็นคนพูดเสียมากกว่า อีกคนได้แต่นั่งฟังแล้วยิ้มไปกับเรื่องราวที่อีกฝ่ายพยายามถ่ายทอดให้ฟัง 



    แต่แล้ว......


    ดงแฮ....ดงแฮใช่มั้ย? ใช่จริงๆ ด้วยเสียงทุ้มของคนๆนึงทักขึ้น พอเห็นใบหน้าของร่างบางชัดๆ เจ้าตัวก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ อย่างสนิทสนมคุ้นเคย

    อ้าว.....ฮยอกแจนั่นเอง กลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ยักรู้ดงแฮทักกลับพร้อมรอยยิ้ม กอดตอบอีกฝ่ายที่โผเข้ามา ทั้งคู่คุยกันไปถึงเรื่องเก่าๆ จนเผลอลืมชายหนุ่มที่คนที่นั่งมองอยู่

    นั่น....คู่ควงคนใหม่นายเหรอ?ฮยอกแจกระซิบถามพลางส่งสายตาไปทางคิบอม ถึงจะเบาแต่คิบอมก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าคมแดงเรื่อขึ้นทันทีด้วยความอับอายปนโมโห ร่างสูงลุกขึ้นพร้อมหันไปหยิบของขึ้นมาทันที

    ขอโทษนะครับ ผมขอไปรอที่รถพูดเสียงเรียบ แล้วก้าวเดินออกไปไม่สนใจทั้งสองที่มองมาอย่างตกใจกับท่าทีของชายหนุ่ม

    ทำไมต้องโมโห 


    แค่เห็นคนๆ นั้นกอดเค้างั้นเหรอ? 


    เห็นคนๆ นั้นพูดคุยสนิทสนมแบบที่เราไม่อาจทำได้งั้นเหรอ? 


    หรือว่าโมโหที่โดนดูถูก แล้วทำไมไม่แก้ตัวไป หรือว่า....หึง


    คิบอมคิดได้แค่นั้น ร่างสูงก็ส่ายหน้าไปมาราวกับจะสลัดความคิดเหลวไหลนั้นให้ออกจากหัว

    จะไปหึงได้ยังไง?...


    มีสิทธิอะไรไปหึง ในเมื่อเราเป็นแค่บอร์ดี้การ์ดของเพื่อนเค้า


    ที่เค้าขอให้มาช่วยถือของแค่นั้น.....



    แค่นั้นเอง


    ------------------------------------------------------------------------------------------

    อีกด้านหนึ่ง

    รยอวุคมาที่ห้องพักของเยซองที่พักอยู่เพียงลำพัง ในมือถือวัตถุดิบที่จะนำมาปรุงอาหารให้คนเจ็บเต็มมือ พอเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ซึ่งเค้ามีกุญแจสำรองที่เจ้าของห้องให้ไว้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า ่ว่างเมื่อไหร่ช่วยทำความสะอาดให้ได้ตลอดเวลา

    '

    สภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ไม่ได้ต่างไปจากที่คิดเท่าไหร่ เมื่อเห็นเจ้าของห้องยังคงนอนหลับอุตุอยู่ เนื้อตัวยังอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อวาน แถมรอบตัวยังมีเสื้อผ้าที่ใส่แล้ววางเกะกะเต็มพื้นไปหมด

    รกชะมัด ไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่สภาพห้องก็ไม่เคยดูดีกว่านี้เล้ย

    ร่างบางส่ายหน้าอย่างระอา แล้วเดินไปเปิดม่านออกให้แสงสว่างส่องเข้ามาภายในหอ้ง จนคนที่นอนอยู่ต้องเอามือมาบังแสงไว้หยีตามองคนปลุกอย่างงัวเงีย

    "ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว แล้วมากินโจ๊กนี่ซะ ชั้นซื้อมาฝาก"พูดเรื่อยๆ ในขณะที่มือบางจัดเก็บของที่ระเกะระกะให้เข้าที่เข้าทาง เยซองมองพลางเกาหัวจนผมที่ยุ่งอยู่แล้วยุ่งหนักกว่าเดิม แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

    พออาบน้ำเสร็จออกมาอีกครั้งในสภาพที่ดูสดชื่นกว่าเก่า ก็เห็นโจ๊กหอมกรุ่นวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งมองคนที่จัดการห้องของเค้าจนสะอาดแล้วยิ้มให้

    "ขอบใจนะ ถ้าไม่มีนายชั้นคงแย่....ไม่รู้จะอยู่ได้ยังไง"เอ่ยอ้อนๆ รยอวุคก้มหน้าลงทำเป็นมองไม่เห็นสายตาอ้อนๆ ที่ส่งมา หยิบนู่นจับนี่จนดูเหมือนยุ่งซะเต็มประดา

    "อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ถึงยังไงนายก็ยังมีอีกเต็มสต็อกที่จะคอยมาดูแลนาย"

    "พวกนั้นเหมือนนายซะที่ไหน? เทียบกันไม่ได้หรอก"พูดพลางจับมือบางที่ยังคงเก็บของอยู่มากุมไว้ สบตาเรียวของอีกฝ่ายนิ่ง

    "รีบๆ กินไปเลย จะได้กินยา"เสหันไปหยิบยามาให้แก้เขิน ชักมือกลับแล้วบีบมือตัวเองไปมาอย่างเขินอาย

    เยซองมองท่าทางของเพื่อนรักแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปตักโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอมโชยมาไม่หยุด ตักกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่กินไปได้ไม่กี่คำ

    ติ๊ง....ต่อง (เสียงออด) ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองเงยหน้ามามองกันอย่างแปลกใจ

    รยอวุคลุกเดินไปเปิดอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นหญิงสาวที่เค้าคุ้นๆ หน้า ว่าน่าจะเป็นคนที่เพิ่งควงกับเจ้าของห้องเมื่อวันก่อน ใบหน้าหวานหุบยิ้มลงแทบจะทันที พลางเบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่ายเข้ามา ผู้มาใหม่มองหน้าคนเปิดเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปหาคนเจ็บข้างใน

    หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ร่างสูงที่นั่งกินโจ๊กอยู่ วางถุงในมือไว้ข้างตัว

    "ชั้นได้ข่าวว่าพี่บาดเจ็บ เลยมาเยี่ยม นี่ชั้นซื้อข้าวต้มมาด้วย กินโจ๊กอย่างนี้จะอยู่ท้องได้ยังไง"พูดจบเจ้าตัวก็หยิบชามโจ๊กที่เยซองยังตักค้างอยู่ออก แล้วแกะถุงข้าวต้มของตนเองเทใส่ชามส่งให้ชายหนุ่มทันที

    "เป็นไงบ้างค่ะ? เจ็บมากมั้ย มาเดี๋ยวชั้นป้อนให้พี่เองดีกว่า"ถามเป็นชุดจนเยซองตอบไม่ทัน ได้แต่นั่งหน้าเหวอ อ้าปากรับข้าวต้มที่หญิงสาวป้อนให้พลางยิ้มแหย เหลือบมองรยอวุคที่มองทั้งสองอย่างบึ้งตึง

    "ในเมื่อนายมีคนดูแลอยู่แล้ว งั้นชั้นกลับก่อนล่ะ"พูดกระชากเสียงบอกอย่างงอนสุดขีด มือเรียวไม่ลืมคว้าชามโจ๊กของตนไปเก็บอย่างโมโห ปิดท้ายด้วยการปิดประตูเสียงดังลั่นอย่างคับแค้นใจฃ

    "เพื่อนพี่เค้าเป็นอะไรไปค่ะ?"ตัวต้นเหตุถามชายหนุ่มอย่างงุนงง ในขณะที่เยซองได้แต่ยิ้มแหยๆ แทนคำตอบ

    รยอวุคเดินกระแทกเท้ามาเรื่อยๆ อย่างโมโห สุดท้ายก็เริ่มเดินเบาลงเมื่อความโมโหนั้นเร่มแปลเปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ เท้าเรียววิ่งไปเรื่อยๆ จนมาถึงสวนสาธารณะก็หยุดอย่างเหนื่อยหอบ ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตายังคงไหลไม่หยุด

    มีสิทธิ์อะไรไปโมโห....มีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจคน ๆ นั้น

    แต่....มันเจ็บ เจ็บมากๆ เลย

    ทำยังไงได้อาการอย่างนี้มันถึงจะหายไปสักที

    ทำไมถึงเป็นอย่างนี้....ทำไมชั้นถึงต้องมาเห็นนายกับเค้าอย่างนี้ด้วย

    ชั้นเพียงแค่อยากได้มีเวลาอยู่ใกล้นายบ้าง.....ในบางครั้ง

    แค่นั้นก็ไม่ได้ใช่มั้ย?........เยซอง

    ยูโนวที่ถูกแจจุงใช้ให้ไปส่งอาหารให้ลูกค้าผ่านมาเห็นรยอวุคนั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ร่างสูงก็จอดรถแล้วเดินเข้าไปหาทันที ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ แล้วเอื้อมมือไปจับไหล่บางนั้นเบาๆ

    "มีอะไรรึเปล่า?รยอวุค ปรึกษาพี่ได้นะ"ยูโนวถามอย่างอ่อนโยน

    รยอวุคที่เห็นชายหนุ่มก็รีบเช็ดน้ำตาส่ายหน้าปฏิเสธทันที พลางยิ้มกลบเกลื่อน แต่มันก็ดูจะสายไปซะแล้ว

    "เรื่องเยซองเหรอ?"ยังคงถามต่อไปพลางมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ใบหน้าหวานเบิกตาโตอย่างตกใจเมื่อถูกถามแทงใจดำ

    "ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นหรอก พี่พอจะดูออกน่ะ แล้วไง....ใช่เรื่องเยซองรึเปล่า?"ร่างสูงพูดเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย

    รยอวุคก็หน้าขึ้นสีทันที เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ไม่คิดว่าตัวเองจะแสดงความรู้สึกออกมาโจ่งแจ้งถึงขนาดที่คนอื่นมองออกได้ แล้วพยักหน้ารับตอบคำถามของร่างสูง ใบหน้าหวานกลับดูเศร้าหมองลงอีกครั้ง แล้วเริ่มเล่าความในใจทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังทั้งน้ำตาที่เริ่มไหลอีกครั้ง

    ยูโนวเอื้อมมือไปจับศีรษะได้รูปของอีกฝ่ายเข้ามาซบไหล่ของตนไว้ พลางลูบผมอย่างปลอบโยน

    "พี่คงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าเรารักเค้าก็ลองบอกเค้าดูสิ"พูดได้เพียงแค่นั้น รยอวุคก็เงยหน้ามามองคนพูดอย่างตกใจ

    "ถ้าผมพูดไป มีหวังแค่ความเป็นเพื่อนก็คงไม่มีเหลือ"

    "นายเลือกที่จะอยู่ข้างๆ แต่ต้องทนเจ็บปวดอย่างนี้นี่นะ สู้ให้เค้ารู้ แม้จะมองหน้าไม่ติดบ้าง แต่สุดท้ายถ้าเค้าทำใจได้เมื่อไหร่ ความเป็นเพื่อนก็จะกลับมาเอง ดีกว่าให้เค้าทำให้เราเจ็บอย่างนี้เพราะไม่รู้นะ ดีไม่ดี เยซองอาจจะได้มองนายในอีกแง่มุม พี่ไม่ใช่แค่เพื่อนก็ได้"

    "มันจะโชคดีอย่างนั้นเหรอครับ?"ถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ

    "ถ้ายังไม่กล้าบอกเค้าตรงๆ ก็ลองแสดงท่าทีให้เค้ารู้บ้างทีละนิดสิ ดีกว่ามานั่งเก็บความรู้สึก แล้วมาเจ็บใจทีหลังนะ"พูดพลางจับมืออีกฝ่ายมากุมไว้อย่างให้กำลังใจ

    รยอวุคมองใบหน้าคนแล้วพยักหน้ารับแววตาฉายแววมุ่งมั่นขึ้น

    "ขอบคุณครับ พี่ยูโนว"

    "มันต้องอย่างนี้สิ....น้องพี่"ยูโนวพูดพลางจับหัวอีกฝ่ายโยกไปมาอย่างเอ็นดู

    ------------------------------------------------------------------------------

    ในที่สุดก็อัฟตอนนี้จบสักที หายไปนานเลย...............ขอโทษด้วยกั๊ฟ

    แล้วจะมาอัฟใหม่เน้อ

    อ่านแล้วเม้นด้วย........พลีส.................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×