ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ความจริงที่แสนเศร้า
ตอนที่ 14
ความจริงที่แสนเศร้า
“อะ.....อืม แจจุง”เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากริมฝีปากที่แห้งผากของคนบนเตียง เรียกให้ยูชอนที่นั่งเฝ้าอยู่ลุกขึ้นมาดูเพื่อนรักอย่างห่วงใย
ร่างสูงบนเตียงส่ายหน้าไปมา พร้อมกับปิดเปลือกตาแน่นราวกับกำลังฝันร้าย ทั้งๆ ที่ยังเพ้อไม่หยุด เหงื่อซึมออกมาตามไรผม สุดท้ายดวงตาคมก็เบิกโพล่งขึ้นอย่างตกใจ
“แจจุง!”ยุนโฮตะโกนลั่น พร้อมกับลุกขึ้นมาจนคนมองต้องถอยผงะอย่างตกใจเช่นกัน คนบนเตียงยังคงหอบจนตัวโยนราวกับเพิ่งวิ่งมาสักสิบกิโล ร่างสูงหันไปมองเพื่อนรักอย่างงุนงง
“ยูชอน?”คำเรียกแผ่วเบา แต่ก็ทำให้คนถูกเรียกถึงกับโล่งอก นึกว่ายุนโฮจะฟื้นขึ้นมาแล้วจำเค้าไม่ได้อีก ไม่งั้นเค้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
“ที่นี่....ที่ไหน? แล้วชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ยุนโฮถามพลางมองไปรอบๆ อย่างงุนงง
“ที่นี่โรงพยาบาล นายถูกรถชนน่ะ ตอนนี้นายปลอดภัยแล้ว”ยูชอนพูดสบายๆ
“แจจุง....แล้วแจจุงล่ะ? เมื่อกี้ชั้นฝันเห็นเค้าร้องไห้ ตอนนี้แจจุงอยู่ไหน?”ยุนโฮถามเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วทำท่าจะลุกขึ้นถ้าไม่ติดว่าอีกคนห้ามไว้
ยูชอนได้แต่หันไปมองสร้อยกับแหวนที่ยังคงวางอยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียง
“ใช่คนที่เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้รึเปล่า?”ยูชอนถามทั้งๆ ที่ในใจก็รู้คำตอบอยู่แล้ว คนเป็นเพื่อนมองตามแล้วคว้าวัตถุทั้งสองขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว
“อย่าบอกนะว่า.........”ยุนโฮพูดไม่ออก ได้แต่มองอีกคนดวงตาคมไหวระริกอย่างหวั่นใจ.....หรือว่าความฝันเมื่อกี้จะเป็นความจริง
ยูชอนพยักหน้ารับเรียบๆ “นายฟื้นขึ้นมาแล้วครั้งนึง แต่ตอนนั้นนายกลับจำเค้าไม่ได้เลย ชั้นเห็นเค้าร้องไห้แล้วให้คังอินพาออกจากห้องนี้ไป จากนั้นไม่นานคังอินก็กลับมาอีกครั้งพร้อมสร้อยนี่ เค้าบอกว่าแจจุงทิ้งสร้อยนี้ก่อนที่จะร้องไห้เดินออกไป”คำบอกเล่าเรียบๆ แต่บาดลึกไปถึงใจคนฟัง
จบประโยคคนฟังก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง มือหนากำสร้อยในมือแน่น ดวงตาคมปิดลงไม่ให้ใครได้เห็นความปวดร้าวภายใน แม้แต่ผู้เป็นเพื่อนรัก
ไม่อยากจะคิดว่าร่างบางนั้นจะเจ็บแค่ไหน....จะเสียใจเพียงใด ภาพที่ร่างบางร้องไห้ราวกับจะขาดใจในผันยังคงติดตาไม่ลืมเลือน....ไม่อยากจะคิดเลย ว่านั่นเป็นเรื่องจริง
“ยูชอน.....นายส่งคนไปพาตัวเค้ามา เค้าอยู่ที่ร้านอาหารแถวถนนx ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาตัวเค้ามาให้ได้ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...ชั้นต้องได้เห็นหน้าเค้า”สั่งเสียงเรียบนิ่ง แต่เฉียบขาด เช่นเดียวกับเมื่อก่อน นี่สิ...ยุนโฮที่เค้ารู้จัก
เงียบขรึม...และเด็ดขาด
ยูชอนพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป แม้ว่าร่างสูงจะไม่แสดงออก แต่คนที่อยู่กับยุนโฮมาตลอดอย่างเค้ารู้ว่า ตอนนี้เพื่อนรักเจ็บแค่ไหน?
ไม่ได้เจ็บที่กาย...แต่เป็นเจ็บที่ใจ
ไม่ถึงชั่วโมง ลูกน้องที่ยูชอนส่งไป ก็กลับมารายงานว่า ร้านอาหารนั้นถูกปิดไปแล้ว ส่วนเจ้าของร้านและน้องชายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่เมื่อวาน คนละแวกนั้นเองก็กำลังตามหาตัวทั้งคู่อยู่
พอได้ยินคำรายงานของลูกน้อง ยุนโฮก็ลุกลงจากเตียงทันทีทั้งที่ยังเจ็บอยู่ จนยูชอนต้องรีบเข้าไปพยุง
“นายจะไปไหน?”ยูชอนถามคนที่แทบจะยืนยังไม่ไหว น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความตำหนิ
“ชั้นจะไปหาแจจุง....ปล่อยชั้น!”คนเจ็บว่าอย่างดื้อรั้น พร้อมกับดึงสายน้ำเกลือที่มือออกอย่างไม่รู้สึกอะไร
ตอนนี้มันชาไปหมด....ชาไปทั้งใจ
“แต่นายยังไม่หายดีนะ...ตอนนี้นายควรจะพักรักษาตัวก่อน ส่วนเรื่องของแจจุงชั้นกับลูกน้องจะช่วยกันตามหาเอง”ยูชอนพยายามหว่านล้อม แต่คนเจ็บก็ดื้นด้านเกินกว่าจะห้ามไหว
ยุนโฮเดินออกไปทั้งที่แทบจะไม่มีแรง จนยูชอนต้องคอยพยุงไว้ เหล่าลูกน้องที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องต่างมองอย่างตกใจ ที่อยู่ๆ หัวหน้าก็เดินออกมาทั้งที่ยังเจ็บหนักอยู่ แถมใบหน้านั้นดูกราดเกรี้ยวจนน่ากลัว
“เตรียมรถ! ชั้นจะออกไปตามหาเค้าเอง พวกแกมันใช้ไม่ได้เรื่อง!” ยุนโฮพูดเสียงดังลั่น จนเหล่าลูกน้องต่างพากันแตกฮือ เตรียมความพร้อมให้ผู้เป็นนายแทบไม่ทัน
ไม่เคยมีใครเคยเห็นหัวหน้าผู้เงียบขรึมและมาดนิ่งมาตลอดจะโมโหได้ขนาดนี้ ...เป็นเพราะอะไรกัน
ขณะที่ยูชอนกำลังพยุงยุนโฮมาจนถึงหน้าโรงพยาบาล ยังไม่ทันที่ใครจะตั้งตัว ร่างบอบบางของคนๆ นึงก็บุกเข้ามาถึงตัวคนเป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว
เพลี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือปะทะกับใบหน้าอย่างจัง จนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้ามาเฟียหน้าหันไปตามแรงปะทะนั้นทันที จนใบหน้าขาวเกิดเป็นรอยแดง ท่ามกลางความตกใจของยูชอนและลูกน้องที่อยู่ตรงนั้น
“แกทำอะไรแจจุง? ทำไมเค้าถึงหนีหายไปอย่างนี้ ทำไมแกต้องทำร้ายแจจุงด้วย แกมาทำให้น้องชั้นเสียใจได้ยังไง? ยูโนว....”ลีทึกพูดออกมาทั้งน้ำตา พร้อมกับทุบอกคนที่โดนว่าไม่หยุด โดยไม่รู้เลยว่าปืนนับสิบกระบอกกำลังจะเล็งมาที่ตัว ดีที่ยุนโฮยกมือห้ามไว้ทัน ลูกน้องทั้งหลายจึงจำใจเก็บปืนและยืนรอตามคำสั่ง
ยูชอนพยายามใช้มือที่ว่างอีกข้างจากการพยุงตัวเพื่อนรักไว้ หมายจะจับมือเล็กที่ทุบเพื่อนรักอยู่ แต่ก็มีอีกคนมาคว้าคนตัวเล็กไว้ซะก่อน คังอินที่เพิ่งตามมาถึงคว้าตัวร่างบางไว้ได้ก็หันมาขอโทษยูชอนและทุกคนทันที พร้อมกับกระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อปลอบใจ ลีทึกก็ร้องไห้กับอกกว้างทันที มือบางจับเสื้อยืดของอีกฝ่ายไว้แน่นอย่างเจ็บใจ
“คังอิ.....ฮึก......แจจุ....ง”ร่างบางสะอื้นไม่หยุด คังอินได้แต่ลูบหลังแทนการปลอบโยน
“ผมขอโทษ พี่จะทุบจะตีผมยังไงก็ได้ ผมยอมทั้งนั้น ขอแค่ให้ผมได้เจอแจจุงอีกครั้งก็พอ ตอนนี้ร่างกายผมมันชาไปหมดแล้ว ภาพที่แจจุงร้องไห้ มองผมอย่างตัดพ้อ....ต่อว่า และปวดร้าว มันยังจำติดตา บีบรัดจนเจ็บไปหมด ผม.....”ยุนโฮพูดออกมาอย่างลำบาก ดวงตาคมฉายแววปวดร้าวอย่างเห็นได้ชัด...
หมดแล้วมาดมาเฟียผู้เข้มแข็ง
หมดแล้วมาดมาเฟียผู้เข้มแข็ง
“ผมขอโทษ พี่ลีทึก....พี่คังอิน”ยุนโฮพูดพลางพยายามเดินไปหาทั้งสองคนที่มองมาอย่างตกใจ แม้ว่ายูชอนจะช่วยพยุงแต่ร่างสูงก็ห้ามไว้
“นาย......”ลีทึกมองร่างสูงที่พยายามเดินมาหาอย่างแปลกใจ พอยุนโฮพยักหน้ารับแค่นั้นเอง น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาจากดวงตาสวยอีกระลอก มือเรียวจับใบหน้าที่มีรอยแดงผลงานของตัวเอง อย่างแผ่วเบา
“ยูโนว?”เอ่ยถามเสียงเบา คนถูกเรียกพยักหน้าถี่ๆ พยายามห้ามน้ำตาที่จะไหลออกมา แต่คนเป็นพี่กลับร้องไห้ออกมาไม่หยุดราวกับสายน้ำตก พร้อมกับดึงร่างสูงมากอดไว้แน่น
“ยูโนว.....ทำไม? ทำไมสวรรค์ต้องแกล้งเราอย่างนี้?”พูดออกมาเสียงสั่น พลางลูบผมร่างสูงอย่างสงสาร
ยุนโฮทนเก็บความรู้สึกเสียใจไม่ไหว จึงปลดปล่อยหยดน้ำตาลงบนไหล่บางอย่างห้ามไม่อยู่
คังอินที่ยืนมองอยู่นานจึงดึงทั้งสองคนมากอดไว้หลวมๆ “แจจุงคงไม่เป็นไรหรอก เค้าคงแค่พาชางมินไปพักผ่อน ไม่นานเค้าจะต้องกลับมาหาเราอีกครั้ง เชื่อพี่สิ”ร่างสูงพูดปลอบทั้งสองคน
นี่เรียกได้ว่าเป็นวันฮาโลวีนของยูชอนและเหล่าลูกน้องในแก๊งเลยทีเดียว ที่ได้เห็นใบหน้าที่แสดงถึงความอ่อนแอของผู้เป็นเพื่อนและผู้เป็นนาย แล้วยังแสดงความนับถือคนตรงหน้าทั้งสองคนที่ดูยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดา แถมยังเป็นลูกน้องในแก๊งที่อยู่ระดับล่างอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ปกติน้อยคนนักที่ยุนโฮจะเคารพ.....แล้วสองคนนี้เป็นใคร?
แม้ยูชอนพอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้ แต่ก็ยังอดที่จะตกใจในพฤติกรรมของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไปนี้ไม่ได้
หลังจากที่คังอินและลีทึกช่วยกันเกลี้ยกล่อม ยุนโฮก็ยอมกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ยูขอนได้แต่มองตามพลางถอนใจ
ที่เราพูดแทบตายไม่เห็นฟังกันบ้างเล้ย......
ณ คฤหาสตระกูลชอง
ภายในห้องสีขาวสะอาด มีร่างบอบบางของคนๆ นึงนอนนิ่ง ใบหน้าหวานซีดเซียวจนน่าตกใจ มีเหงื่อประปรายด้วยพิษไข้ ริมฝีปากที่เคยสีแดงสดกลับซีดขาวเผยอลมหายใจที่ร้อนผ่าวออกมา โดยมีร่างเล็กอีกคนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
จุนซูเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าที่ชื้นเหงื่อของคนบนเตียง ที่นอนจนแทบจะจมหายไปในเตียงกว้าง ความเย็นของผ้าชุบน้ำทำให้คนที่นอนอยู่เริ่มรู้สึกตัว เปิดเปลือกตาที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากมองรอบๆ อย่างงุนงง
“จุนซู?”เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ใช่....ชั้นเอง ชั้นเห็นหายเดินตามฝนอยู่เลยพามาพักที่บ้าน นายรู้มั้ย? นายสลบไปตั้งหนึ่งวันเต็มๆ แหนะ”จุนซูพูดพลางยิ้ม แล้วหันไปเอาผ้าชุบน้ำใหม่
แจจุงได้ยินอย่างนั้น ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้สึกวูบจนแทบจะล้มลงไปนอนอีกหน จุนซูที่หันมาเห็นก็รีบจับให้ร่างบางนอนลงทันที
“ทำอะไรของนายน่ะ?.....นายป่วยอยู่นะ ชั้นให้หมอมาดูอาการแล้ว เค้าบอกว่านายเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องนอนพักอีกสองสามวัน”
“ชั้นต้องกลับไปที่ร้าน ชั้นต้องไปหาชางมิน”คนป่วยยังคงเถียงกลับมา จุนซูส่ายหน้าพลางถอนใจ ในความดื้อดึงของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ชางมินมีเยซองและซองมิน อยู่ด้วยทั้งคน เค้าไม่เป็นอะไรหรอก นายต่างหากที่ต้องพักผ่อนให้มากๆ”จุนซูพูด แต่พอเห็นอีกฝ่ายยังส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ก็ต้องหาทางใหม่ “งั้นเอางี้ เดี๋ยวชั้นจะให้คนไปพาชางมินมาหานายที่นี่ดีมั้ย?”ร่างเล็กเสนอ แล้วไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธ จับอีกฝ่ายนอนลงห่มผ้าให้เรียบร้อย จนแจจุงต้องยอมรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี เพราะดูยังไงจุนซูคงไม่ยอมปล่อยเค้าไปแน่
ตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับร่างของดงแฮเดินเข้ามามองคนป่วยพลางยิ้ม
“ฟื้นแล้วเหรอ? ตอนจุนซูพานายมางี้นะหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม น่ากลัวเชียว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ถึงได้ไปเดินตามฝนอย่างนั้น บอกพวกเราได้นะ”ดงแฮพูดเป็นชุด ซึ่งจุนซูก็พยักหน้ารับทันที
แต่คนบนเตียงกลับส่ายหน้า ดวงตากลมโตหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่อยากจะพูดถึงมันอีก......
จุนซูกับดงแฮมองหน้ากัน ก่อนที่จะหันมามองคนป่วยอีกครั้ง
“ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ตอนนี้พักรักษาตัวให้หายก่อนดีกว่า”ดงแฮว่าพลางจับผ้าห่มมาห่มให้ “เอ้อ...จุนซู เมื่อกี้คุณยูชอนโทรมาบอกว่าพี่ยุนโฮฟื้นแล้วนะ นายไปเยี่ยมพี่ยุนโฮเถอะ ส่วนแจจุงชั้นจะดูแลเอง”คนพูดหันมาบอกเพื่อน
ร่างเล็กได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมา หันมาลาแจจุงแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“พี่ชายของเค้าที่หายไปหน่ะ กลับมาแล้ว”ดงแฮหันมาบอกคนป่วยที่ยังดูงงๆ ให้เข้าใจมากขึ้น
แจจุงพยักหน้าพลางยิ้ม แล้วหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเหนื่อยอ่อน
พอจุนซูมาถึงที่โรงพยาบาล ก็พบว่ายุนโฮกลายเป็นโรคซึมเศร้าไปแทนแล้ว แม้ดวงตาคมจะสายแววดีใจที่ได้เจอน้องรัก แต่ความหมองหม่นที่ไม่ต่างไปจากดวงตาอีกคู่ที่จุนซูเพิ่งพบมาก็ฉายออกมาอย่างชัดเจน ซักถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรมากนัก ร่างเล็กจึงหันไปดึงยูชอนออกมาคุยข้างนอกห้องด้วยกัน
ยูชอนเล่าเรื่องคร่าวๆ เท่าที่ตนรู้ให้อีกฝ่ายฟัง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อของทุกคนออกไป
“ส่วนอาการของยุนโฮ หมอให้พักดูอาการสักวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้ว”ร่างสูงพูดปิดท้าย
พอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดของพี่ชาย จุนซูก็นึกสงสารคนที่นั่งอยู่ในห้องจับใจ ร่างเล็กเดินกลับไปที่ห้องแล้วกอดคนบนเตียงไว้แน่น
ยุนโฮดูตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ น้องชายก็เข้ามากอดเค้าไว้แน่นทั้งน้ำตา
“จุนซู...ร้องไห้ทำไม?”ถามพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำมาบนแก้มใส ใบหน้าหวานส่ายไปมา
“ผมไม่ได้ร้อง พี่ต่างหากที่ร้อง ผมร้องไห้แทนพี่”คำตอบของร่างเล็กเล่นเอาคนเป็นพี่ถึงกับอมยิ้มในความน่ารักนั้น
“พี่ไม่เป็นไร เค้าจะต้องกลับมาหาพี่อีกครั้ง เชื่อพี่สิ”เสียงทุ้มพูดปลอบพลางเช็ดน้ำตาให้
จุนซูเหลือบเห็นสร้อยที่พันอยู่บนข้อมือหนา รวมถึงแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของผู้เป็นพี่ก็แปลกใจ ยุนโฮมองตามก็เผยรอยยิ้มบาง
“ของเค้าน่ะ พี่เก็บไว้ให้เค้า”คนเป็นพี่ตอบ จุนซูมองสร้อยที่ข้อมมือนั้นอย่างแปลกใจ
สร้อยเส้นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ?
อีกทางด้านหนึ่ง
ชางมินฟื้นชึ้นมาหลังจากที่สลบไปหลายชั่วโมง มือเรียวถูกยกขึ้นมากุมศีรษะที่ยังคงมึนเพราะฤทธิ์ยา ดวงตาเรียวสำรวจมองรอบข้างอย่างแปลกใจ เตียงใหญ่สีขาวที่ตัวเองใช้นอนอยู่ เช่นกับสีห้องที่ถูกตกแต่งอย่างดีราวกับโรงแรมที่ไหนสักแห่ง มองไปรอบๆ จนสายตาสะดุดกับร่างสูงของคนๆ นึง ที่นั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาริมกำแพง ตรงข้ามกับเตียงที่ร่างบางนอนอยู่ ใบหน้าที่เรียบนิ่งผสมกับดวงตาที่เย็นชา และเรียวปากที่กำลังยกยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างพอใจ
ซีวอนทอดสายตามองร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างอย่างพอใจ ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่า คนๆ นี้ทำให้เค้าสนใจแค่ไหน เมื่อได้พบในครั้งนั้นที่กลางถนน รอยยิ้มที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ แม้จะไม่ได้สวยหวานหรือเด่นสะดุดตาเหมือนใครหลายๆ คนที่เค้าเคยควง แต่ก็ดูใสสะอาด บริสุทธ์ ไร้เดียงสาและน่ารักทีเดียว
ยุนโฮ....แกตาถึงไม่เบา
ดวงตาคมเข้มกวามมายังดวงหน้าหวาน......เส้มผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวละต้นคอ เรือนร่างบอบบางที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีอ่อน และกางเกงขาสั้นเนื้อบางที่ดูสบายๆ ก่อนจะกวาดลงมาตามเอวเล็ก และช่วงขาเรียวยาวที่พับเพียงเรียบร้อยอยู่บนเตียง
“คุณเป็นใคร? แล้วที่นี่..ที่ไหน? เมื่อวานชั้น....คุณจับตัวชั้นมาทำไม?”ถามออกมาเป็นชุด เพื่อหยุดสายตาที่มองสำรวจอย่างจาบจ้วงนั้น ร่างบางมองคนตรงหน้าอย่างสับสน
ได้ผล.....ดวงตาคมกลับมามองใบหน้าหวานนั่งอีกครั้ง
“ชั้นซีวอน และที่นี่ก็บ้านชั้นเอง”ริมฝีปากหนาเอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาทิ้งตัวลงข้างเตียง ทำให้ชางมินต้องถอยห่างไปโดยอัตโนมัติ
“ชั้นซีวอน และที่นี่ก็บ้านชั้นเอง”ริมฝีปากหนาเอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาทิ้งตัวลงข้างเตียง ทำให้ชางมินต้องถอยห่างไปโดยอัตโนมัติ
ดวงตาสีเข้ม มองตามการเคลื่อนไหวของร่างบางทุกอิริยาบถอย่างพอใจ ผิดกับคนถูกมองที่ทั้งโกรธและอายที่ถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้น แม้ว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่จะไม่ได้โป๊อะไร แต่ก็เหมือนร่างสูงจะปลดปล่อยมันไปได้ด้วยสายตา จนมือเรียวต้องคว้าผ้าห่มข้างตัวมาคลุมไว้ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ที่นายมาอยู่นี่ ก็เพราะนายดันไปเป็นคนรักของมัน...ยุนโฮ คราวนี้เข้าใจรึยัง?....แจจุง”ซีวอนพูดพลางมองดวงหน้ามนที่ตอนนี้ตาเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ
“นายเข้าใจผิดแล้ว......”ชางมินพึมพำเสียงเบา แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น “นายต้องการอะไร?”ตัดใจที่จะปฏิเสธเลือกที่ถามกลับไปแทน
“ต้องการอะไรงั้นเหรอ?”แทนที่จะตอบกลับทวยคำถามนั้นกลับ ริมฝีปากสีเข้มขยับยิ้ม ที่คนมองเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายที่จะมาเยือน
ดวงตาคมกวาดมองร่างบางตรงหน้าทุกซอกทุกมุม พร้อมกับที่ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นเชยคางนุ่มของอีกฝ่ายเล่น แล้วไล้ผิวเนียนเลยลงมาตามลำคอ ชางมินปัดมือนั้นออกอย่างแรง ก่อนที่มันจะได้แตะผิวนุ่มส่วนใดของเค้าอีกอย่างไม่พอใจ
“ก็แค่อยากจะรู้ว่า...มันจะรู้สึกยังไง! ถ้าคนที่มันรักต้องกลายมาเป็นของชั้นนะสิ”พูดตะคอกเสียงดังพร้อมกับคว้าแขนเรียวนั้นกระชากให้ร่างที่ทำท่าจะลุกหนีโผเข้ามาในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ที่ยืนอยู่ข้างนอก เข้ามาเดี๋ยวนี้”สั่งเสียงดัง พร้อมกับจับคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดให้อยู่นิ่งๆ
ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ คนสองสามคนพร้อมกล้องในมือก็เข้ามารัวกดชัตเตอร์บรรทุกภาพของทั้งสองไว้ไม่หยุด ถ่ายทุกมุมมอง
ชางมินเปิดตากว้าง มองร่างสูงอย่างตกใจ และไม่พอใจผสมกัน แม้จะพยายามดิ้น แต่แขนแกร่งกลับรัดเน่น ชนิดไม่ให้กระดิกกันเลยทีเดียว ขณะที่ปากและจมูกก็กดลงมาตามแก้มและคาง ทำให้ชางมินแทบไม่หายใจ
....หายใจไม่ออก...หัวใจเต้นถี่...จนแทบจะโลดออกมาจากอก
ยิ่งดิ้นร่างสูงก็ยิ่งรัดแน่น และจู่โจมอย่างจริงๆ จังๆ จนร่างบอบบางนั้นตัวอ่อนไปกับมือ ด้วยความตกใจ และหวาดผวาต่อสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน จุนพิตแรกทำให้ชางมินอ่นปวกเปียกจนแทบไม่มีแรงแม้แต่จะยืนให้มั่นคง ไขว่คว้าไหล่หนาเป็นหลักยึด ยอมให้ร่างสูงชิมรสหวานจากเรียวปากนุ่มอยู่นาน
เสียงถ่ายภาพยังคงดังติดต่อกัน ทำให้ชางมินได้สติ ลืมตาขึ้นต่อสู้กับการจู่โจมของร่างสูงอีกครั้ง ซีวอนจึงถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง...ไม่เต็มใจนัก ก่อนจะยิ้มนิดๆ มือเรียวง้างขึ้นหมายจะตบใบหน้าเจ้าของรอยยิ้มนั้นให้หายแค้น แต่ก็ถูกมือหนาความไว้ได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น....ที่รัก แล้วถานายจะตบหน้าชั้น คราวนี้คงไม่โดนแค่จูบแน่”กระซิบเบาๆ ข้างหู ก่อนจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มนั้นตามความต้องการของเจ้าตัว ชางมินลดมือลงทันทีด้วยกลัวคำขู่ของอีกฝ่าย
ร่างสูงถอนใจลึก....เก็บความหวานและความรู้สึกหลายอย่างที่ประดังกันขึ้นมาอย่างไม่ปรากฏเข้าไปในอก ส่วนชางมินตะลีตะลานหนีไปเกือบสุดห้อง มองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัวและโกรธแค้น แก้มเนียนแดงเรื่องด้วยความอับอาย ท่าทางที่ช่างน่ารักนักในสายตาของร่างสูง
ซีวอนหันไปสั่งลูกน้องให้ส่งกล้องมาหใ แล้วดูรูปในกล้องอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปที่ประตู แต่ก็ยังมิวายหันมาบอกคนที่ยืนอยู่มุมห้อง
“ถ้ายุนโฮมันได้เห็นรูปพวกนี้ มันจะคลั่งแค่ไหนนะ?”พูดจบก็เดินหัวเราะจากไปอย่างสะใจ
ช่างภาพและเหล่าลูกน้องที่เข้ามากันเต็มห้องก็พากันเดินออกไป เช่นเดียวกับผู้เป็นนาย แต่พอชางมินจะออกไปบ้าง ประตูกลับถูกล็อคไว้แน่น ไม่ว่าจะพยายามยังไง มันก็ไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย สุดท้ายร่างบางจึงออกแรงตุบประตูโครมๆ ชนิดที่ไม่เกรงใจใครทั้งนั้น แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงบ
“ปล่อยชั้นออกไปนะ นายไม่มีสิทธิมาขับชั้นอย่างนี้ ปล่อยชั้นออกไปซี่”ชางมินตะโกนลั่นสุดเสียง แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนเจ้าตัวหอบอย่างหมดแรง
ชางมินถอนใจยาว เดินออกไปมองที่ระเบียง ห้องที่เค้าอยู่เป็นชั้นสอง ด้านล่างมีชายชุดดำเดินตรวจตราไปมาเต็มไปหมด จึงเดินกลับไปนั่งที่เตียงอย่างทุกข์ใจ ดวงตาเรียวมีน้ำตาเอ่อคลออย่างเจ็บช้ำ มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาเช็ดปากแรงๆ เมื่อนึกถึงสัมผัสจากร่างสูง
หมดแล้ว....เกียรติยศ...ศักดิ์ศรีที่เคยมี.....ถูกทำลายย่อยยับเพราะคนๆ เดียว
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเจอผู้ชายด้วยกันทำอะไรอย่างนี้.......
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาเจอผู้ชายด้วยกันทำอะไรอย่างนี้.......
ทำไม? ทำไมเค้าต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ ?
พี่แจจุง....พี่จะรู้มั้ย? ว่าผมถูกจับมานี่......
ผมจะไม่มีวันยอมให้คนพวกนี้ทำอะไรพี่เด็ดขาด.....นี่คงเป็นวิธีเดียวที่ผมจะปกป้องพี่ได้
น้องที่อ่อนแอ และเป็นภาระให้พี่เสมอมาคนนี้....คงช่วยพี่ได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
ผมจะเป็นคนแบกรับความเจ็บปวดเหล่านี้แทนพี่เอง!
คิดได้เพียงเท่านั้น ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ซุกหน้าลงกับหมอน ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอย่างไม่อายใคร
ซีวอนที่เพิ่งออกจากห้องนั้นก็ มาหันมากำชับลูกน้องเสียงเหี้ยม
“เฝ้าให้ดี อย่าให้หนีไปได้ ไม่งั้นพวกแก....ตาย!”ก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มเย็น
เป็นขณะเดียวกับที่ฮีซอลที่เดินเข้ามาหลังจากการช็อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ ตามปกติ ร่างบางมองท่าทางของซีวอน และห้องที่มีลูกน้องคุ้มกันแน่นหนาอย่างสงสัย
“นายควรเก็บความอยากรู้อยากเห็นนั่นไว้”เสียงของคยูฮยอนดังขึ้น ทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปเผชิญหน้า
“นายน่าจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร และควรทำตัวยังไง?”คยูฮยอนพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป แต่เล่นเอาคนฟังถึงกับหน้าหมองลงทันที ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
ใช่สิ.....เค้าเป็นแค่ของเล่นชิ้นนึงเท่านั้น ไม่มีสิทธิที่จะไปก้าวก่ายอะไรทั้งสิ้น
ของเล่น....ที่ได้แต่รอเวลาที่เค้าเบื่อ....และเขี่ยทิ้งเข้าสักวัน
ฮีซอลหันไปมองประตูห้องต้องสงสัยนั้นอีกครั้ง อะไรบางอย่างบอกเค้าว่า คนที่อยู่ในห้องนั้นกำลังจะมาพรากซีวอนจากเค้าไป!
------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้จะเป็นฝั่งพี่หมีบ้าง.......แล้วก็เป็นเรื่องของน้องมิน
ส่วนยุนแจ....จะเจอกันเมื่อไหร่นั้น.......ต้องติดตามกันต่อไป
ไม่นานเกินรอค่ะ............................จริงๆ
ขอบคุณที่เม้นกันมานะค่ะ..................ขอบคุณที่รออ่านอยู่
ดีใจมากค่ะที่เข้ามาแล้วเห็นข้อความเหล่านั้น.....แล้วเม้นกันมาอีกนะค่ะ
จะพยายามมาอัฟให้เร็วที่สุด........(แต่ยังแต่งไม่ได้เลย แหะ...แหะ).....
แล้วเจอกันตอนหน้าเน้อ
------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้จะเป็นฝั่งพี่หมีบ้าง.......แล้วก็เป็นเรื่องของน้องมิน
ส่วนยุนแจ....จะเจอกันเมื่อไหร่นั้น.......ต้องติดตามกันต่อไป
ไม่นานเกินรอค่ะ............................จริงๆ
ขอบคุณที่เม้นกันมานะค่ะ..................ขอบคุณที่รออ่านอยู่
ดีใจมากค่ะที่เข้ามาแล้วเห็นข้อความเหล่านั้น.....แล้วเม้นกันมาอีกนะค่ะ
จะพยายามมาอัฟให้เร็วที่สุด........(แต่ยังแต่งไม่ได้เลย แหะ...แหะ).....
แล้วเจอกันตอนหน้าเน้อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น